ซุ่มซ่อนมังกรสันโดษ
การผจญภัยของคู่แฝดจอมหาเรื่องที่ทำให้ชีวิตของคนในยุทธภพวุ่นวาย
Tags: กำลังภายใน แฝด มังกร

ตอน: 07 สิ้นนางหงส์

ซุ่มซ่อนมังกรสันโดษ บทที่ 7 สิ้นนางหงส์

เสียงน้ำไหลรินในห้วงคำนึง ยี่เอ๋อเหม่อมองพื้นดินที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว กี่เดือนแล้วที่นางกลับมายังสำนักตามคำสั่งของอาจารย์ เนื่องจากนางอ่อนประสบการณ์มิอาจกระทำภารกิจที่ชาวยุทธ์ต่างตกลงกระทำกัน

ยอดสนพลิ้วไหว...คิดถึงวาจาเหลวไหลที่ผู้หนึ่งเอ่ยออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

“ยอดหญ้าใดสูงล้ำยิ่งเหนือยอดเขา ยอดหญ้านั้นยังต่ำต้อยกว่ายอดเขา” ฟางเสียงเอ่ยวาจาเหลวไหลอีกครั้ง มันนอนบนเกี้ยวคาบยอดหญ้าไว้ในปาก มองเมฆน้อยลอยบนฟ้ารื่นรมย์ยิ่ง

ยี่เอ๋อพลันทอดถอนหายใจ นึกถึงเด็กหนุ่มทั้งสามที่กอดคอกันจากนางไป ภาพฟางสงโอบไหล่สหายและแฝดน้องไว้คนละข้างในความคิดของนาง ฝังลึกลงในใจ

เบื้องหลังของฟางเสียงค่อยๆ พ้นตา คนไร้หัวใจเช่นมันหาได้สนใจในตัวนางไม่ เพียงทอดถอนใจลดความว้าวุ่น จึงไม่ทันได้รู้สึก...มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหลัง ฟาดฝ่ามือลงที่นางจนสติดับวูบ

เมื่อนางตื่นขึ้นในห้องหอ ที่นี่เป็นที่ใดกัน กลิ่นหอมจากกำยานน่าเวียนหัว เป็นกลิ่นไม้อันใดกัน นางไม่รู้ควรถามผู้ใด สายตานางหมุนวนจนนางมิอาจครองสตินางไว้ได้

“ข้าต้องการสุรา ย่อมต้องมีสุรา กลิ่นดอกไม้ช่างหอมยิ่งนัก” ฟางเสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องได้กลิ่นกำยานดอกไม้หอม ในมือมันมีป้านสุราเดินแทบไม่อาจประคองตัวเองได้ มันมองไปยังสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่

“เจ้าเป็นใครกัน” มันย่อมจดจำไม่ได้

เมื่อสติมันพร่าเลือนด้วยฤทธิ์สุราธารใส...ของเลื่องชื่อ ฤทธิ์สุราอ่อนนุ่มเย็นยะเยือกดังน้ำในธารน้ำแข็งแผ่ซ่านไปทั่วลำคอ สะกดสำไส้ให้ร้อนราวกับไฟเผาจึงได้ชื่อสุราธารใส...สุราแรงแห่งเหมันต์

ยี่เอ๋อมึนงงเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเข้ามาภายในห้อง เป็นคนที่นางคุ้นหน้าหากมิอาจจดจำแยกแยะ กลิ่นหอมของกำยานทำให้สตินางมิอาจแยกแยะ เพียงรู้สึกวาบหวามรัญจวนใจใคร่ใกล้ชิด มือหนึ่งของนางปลดผ้าคาดเอว ปล่อยผ้าลงกับพื้นด้วยสายตาเหม่อลอย

ฟางเสียงเพ่งมองหญิงงามที่เข้ามาในห้องมัน พี่น้องของมันไม่ได้อยู่ที่นี่ ต้องไม่ใช่แน่...แต่มันกลับค่อยๆ คุ้นตา มันปรับสายตาอีกครั้ง เห็นหญิงงามกำลังเปิดเผยผิวเนียนขาวใต้ร่มผ้า เหลือไว้เพียงชั้นในของสตรีเข้ามาโอบกอดมัน

“เพ่ย ยี่เอ๋อเป็นเจ้า” สติมันแทบกลับคืน เมื่อยี่เอ๋อเข้ามาโอบกอดมันแน่น ซุกไซ้มันไปเรื่อย คว้าตัวของมันเอาไว้

“ผู้ใดคิดแกล้งข้า” ฟางเสียงได้ยินเสียงหัวเราะ หากมันถูกสตรีนางนี้พัวพันจนแทบกระดิกไม่ได้ แปลกสติมันแจ่มใสยิ่งนัก สุดท้ายลงมือใช้ยาสลบกับนาง

ฟางเสียงอุ้มนางวางที่เตียง ร่างกายเปล่าเปลือยมิทำให้มันหวั่นไหว มันดึงผ้าห่มห่มให้ ส่ายหน้ากับสภาพยี่เอ๋อ “เจ้าพลาดท่าแก่ผู้ใด จึงได้มีสภาพเช่นนี้”

“เป็นข้า...ธาราสยบ” บุรุษหน้าตาสะสวยนาม...ธาราสยบ ยืนอยู่เบื้องหลังฟาดฝ่ามือลงบนคอของฟางเสียง

“เจ้าขโมยของพี่ชายข้า ย่อมต้องหาเรื่องเจ้าอยู่บ้าง” ธาราสยบมีรอยยิ้มสนุกสนาน แววตาขบขันของมันมองร่างบุรุษที่นอนอยู่บนเตียง แน่ใจได้ว่าสิ่งของที่ถูกขโมยมาต้องไม่อยู่ในกายหัวขโมย จึงหันหลังจากไป

*************************************


รุ่งอรุณนี้มีเรื่องสนุก ตะวันเบิกฟ้าช่างเบิกบานยิ่ง ฟางเสียงลืมตาจากนิทราหลับใหล ยกมือขึ้นลูบตาทั้งสองข้าง ติดขัดที่ด้านหนึ่งจึงหันไปมองเห็นสตรีนอนอยู่บนอกมัน ทำสมองซุกซนตื่นตัว

“เจ้า” ฟางเสียงมองยี่เอ๋ออย่างงุนงง เป็นเพราะฤทธิ์สุราธารใสเป็นเหตุ จึงต้องย้อนรำลึกเรื่องราว

ยี่เอ๋อตกใจเสียงบุรุษ จึงลุกขึ้นนั่ง ร่างกายนางเย็นวาบหนาวสั่น ก้มลงมองก่อนรวบผ้าขึ้นปกปิด “เจ้าคนชั่วช้า” นางถีบฟางเสียงตกจากเตียง

“โอ๊ย เจ้าต่างหากที่ชั่วช้า” ฟางเสียงยังมีสติกล่าววาจาเหลวไหล เมื่อคืนมันไม่ได้กระทำการสิ่งใดผิดแปลก

“เจ้า ข้าอยากตาย” ยี่เอ๋อซบหน้าลงกับเตียง เข้าใจผิดไปกันใหญ่

เสียงเปิดประตูเข้ามา ฟางสงได้ยินเสียงเอะอะ มันกำลังคุยกับหยงซื่อและกังเหลียงที่มาตามหายี่เอ๋อ นางหายไปจากสำนัก ทำผู้คนวิตกกังวลยิ่ง เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นพี่น้องมันนั่งอยู่ที่ข้างเตียงและเห็นสตรีฟูมฟายอยู่บนเตียง

“เสียงน้อยเจ้าก่อเรื่องวุ่นวายแล้ว” ฟางสงยังไม่อาจคาดเดาได้ สตรีนางนั้นมิใช่ใครเป็นยี่เอ๋อที่ทุกคนตามหา

“ยี่เอ๋อ” หยงซื่อจดจำศิษย์รักได้แทบทันที เมื่อนางเปรียบเหมือนบุตรีในอก

“เจ้า” กังเหลียงกระชากกระบี่หมายสังหารฟางเสียง

ฟางสงมึนงงหากยังมีสติ รีบรุดเข้ามายืนขวางกั้น “เรื่องราวสมควรได้รับการไต่สวนก่อน”

หย่งซื่อเข้าไปโอบกอดปลอบโยนศิษย์รัก มองมายังเด็กมอซอที่ลุกขึ้นยืนท่าทางเฉยเมยยิ่งนัก ขัดนัยน์ตาผู้คน ก่อนกอดอกมองมาที่สตรีผู้อาภัพ

“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดกับนาง มิมีเรื่องราวใดต้องไต่สวน” ฟางเสียงสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึกเช่นเดิม

“เสียงน้อย อย่าได้ก่อเรื่องราว รีบเล่ามาเรื่องราวอันใด” ฟางสงส่ายหน้าในความดื้อรั้น หันไปมองหญิงสาวผู้ชะตากรรมเล่นตลก ก่อนชักชวนกันออกจากห้อง ให้โอกาสนางได้แต่งกายเรียบร้อย

“เกิดเรื่องราวใด” หลี่เปียวผู้มาทีหลัง สีหน้างุนงงที่เห็นท่าทางสหาย อีกทั้งกระบี่เทพมีท่าทางสงบนิ่ง หากแฝงไว้ด้วยความน่ากลัวประการหนึ่ง

ฟางสงตบบ่าหลี่เปียวพาเดินไปยังห้องโถงใหญ่ ไม่ลืมสั่งความแก่หญิงรับใช้ ให้จัดการดูแลความเรียบร้อยแก่ยี่เอ๋อ ทั้งยังกำชับไม่ให้นางกระทำการใดที่เป็นเรื่องรวบรัด

ฟางเสียงจึงเล่าเรื่องราวออกมา มันถอนหายใจที่สุราทำพิษ เป็นเหตุให้เกิดเรื่องวุ่นวายยิ่งนัก ปล่อยให้มีช่องว่างให้ธาราสยบทำร้ายมัน ยิ่งคิดยิ่งน่าแค้นใจ

“เสียงน้อยเจ้าสมควรรับผิดชอบต่อนางจึงประเสริฐ” ฟางสงเชื่อในคำพูด หากศักดิ์ศรีของสตรีนางหนึ่งต้องย่อยยับ เพราะการละเล่นประการหนึ่งของคนซุกซนผู้หนึ่ง

“เจ้าจะให้ข้ารับผิดชอบเช่นไร หรือให้ข้าตบแต่งนางเป็นภรรยา” ฟางเสียงขมวดคิ้วสงสัย ต้องรับผิดชอบอันใด ในเมื่อมันมิได้แตะต้องเนื้อนาง

“ย่อมเป็นเช่นนั้น” หลี่เปียวเอ่ยคำพร้อมถอนหายใจยาว สงสารเพียงยี่เอ๋อที่ต้องตบแต่งเป็นภรรยาแก่บุรุษมากรักหลายใจเช่นสหายมัน

“เพ่ย กล่าววาจาเหลวไหล ข้ามิอาจยอมรับ” ฟางเสียงส่ายหน้าไปมา มันยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมความ

“เสียงน้อย เกียรติของสตรีมีค่า อย่าได้ล้อเล่นเช่นนี้” ฟางสงพยายามเกลี่ยกล่อมแฝดน้องมัน รู้ว่านิสัยดื้อรั้นยากนักจะหักหาญ เพียงไม่ทราบแฝดน้องมันเป็นโคทึกกระบือเถื่อน ไม่อาจบังคับได้

เมื่อยังมีข้อถกเถียง ฟางเสียงเป็นผู้เดียวที่ไม่ยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ได้ทำสิ่งใดไฉนต้องรับผิด แม้คนที่บังคับมันจะเป็นฝาแฝดของมันหรือสหายมัน

“เจ้าจะให้ข้าแต่งงานกับนางเพียงเพราะเห็นร่างกายไร้อาภรณ์เช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ต้องแต่งงานกับสตรีหลายนางแล้ว ไม่มีวันที่ข้าจะแต่งงานกับนาง” ฟางเสียงยังคงปฏิเสธอย่างหงุดหงิด มันไม่มองหน้าใครทั้งสิ้น

“เจ้า” กังเหลียงขยับจะเข้าทำร้าย หากหลี่เปียวพยายามทำให้มันใจเย็น

“เสียงน้อยเจ้าควรทราบเมื่อเจ้าทำเช่นนั้นยังคงรักษาเกียรติของนางดีที่สุด” ฟางสงต้องใช้ความอดทนกับพี่น้องมัน หาไม่แล้วคงต้องให้บิดามารดาเกลี่ยกล่อม

“สงน้อยเจ้าอย่าได้พยายาม ข้าไม่มีวันแต่งงานกับนาง หากข้าแต่งงานกับนาง นางย่อมไม่มีความสุข” ฟางเสียงหันไปมองดวงหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา มันขมวดคิ้วและกระแทกลมหายใจอย่างขัดเคือง

ยี่เอ๋อมองคนที่นางรักอย่างเจ็บปวด ความรู้สึกของนางโดนบดขยี้ด้วยวาจาไม่อาจยอมรับของมันมานาน เมื่อไม่รักยังทำร้ายกันด้วยวาจาเช่นนี้...หรือนางมิคู่ควรกับมัน

ศักดิ์ศรีนางอยู่ที่ใด...

หัวใจนางอยู่ที่ใด...

“ยี่เอ๋อสมควรได้รับสามีที่ดีกว่านี้ ยี่เอ๋อเจ้าพูดอะไรบ้างเถอะ ข้าไม่เคยคิดตบแต่งสตรีใดเป็นภรรยา เรื่องแบบนี้ย่อมกระทำไม่ได้” ฟางเสียงตกเป็นจำเลยที่ไม่ยอมรับข้อกล่าวหา

ยี่เอ๋อไม่กล่าวคำ ยื่นมือตบหน้ามันฉาดใหญ่ ก่อนหันหลังไม่มองมันอีก นางซบหน้าที่อกของอาจารย์ผู้เป็นคล้ายดังบิดา นางปล่อยน้ำตาแห่งความเจ็บปวดที่เอ่อล้นได้ระบายออก

โศกเศร้าใดไม่เท่าโศกเศร้ารัก...

เจ็บใจใดไม่หนักเท่ารักอับเฉา...

กระบี่เทพเสื่อมเสียจนไม่อาจเอ่ยวาจาใด ความทุกข์ของผู้เป็นทั้งอาจารย์และเหมือนบิดา ยากนักจักเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ เมื่อในแววตาของจำเลยไม่มีท่าทีจำนนแม้แต่น้อย

“เจ้าช่างไร้ความรับผิดชอบ ข้าเคยคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนชืดชาไร้น้ำใจ วันนี้ข้ารู้แล้ว” ฟางสงกำมือแน่น มันรู้สันดานพี่น้องมันเพิ่มขึ้นให้ขุ่นเคืองเพิ่มเติม

“หากเจ้ามีคุณธรรม เจ้าใช่ต้องการยอมรับแทนข้า” ฟางเสียงชักโมโหที่ไม่มีผู้ใดเข้าใจมัน

ฝ่ามือผ่านอากาศตบลงที่หน้าของฟางเสียง ร่างเด็กหนุ่มมอซอกระเด็นชนกับเสาพังทลาย มันกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง มองเจ้าของฝ่ามืออย่างขุ่นเคือง

ฝ่ามือนั้นเป็นฟางสงจัดหาให้…

“ข้าจะยอมรับนางเป็นคู่หมั้นหมาย” ฟางสงพูดออกมาอย่างองอาจ มองคู่แฝดอย่างดูหมิ่น

เกียรติแห่งสตรีย่อมเป็นหน้าที่ของสุภาพชนในการดูแลรักษา...

“เจ้าช่างโง่งมนัก” ฟางเสียงเค้นคำออกมา ลุกขึ้นยืนจากพื้น มองพี่น้องมันอย่างขุ่นเคือง

ฟางสงตระเตรียมลงมืออีกครั้ง หากคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น หน้ากากไม้สีน้ำตาลปิดบังใบหน้าของคนผู้นี้ มันจับที่ข้อมือของฟางสงห้ามปรามด้วยสายตา วรยุทธ์ที่แข็งกร้าวทำให้ฟางสงต้องหยุดมือ

“เกิดเรื่องราวใด” ฟางเสียงเป็นผู้ถาม รู้ชัดว่าในที่นี่มีเพียงมันคนเดียวเท่านั้นที่รู้จักคนผู้นี้

“ท่านหงส์น้อยเกิดเรื่อง ขอคุณชายรีบไปพบนาง” หน้ากากไม้รีบรายงาน

“หงส์น้อย” ฟางเสียงหน้าซีดลง หากไม่เกิดเรื่องร้ายแรงคนผู้นี้ย่อมไม่มาติดตามหามัน “เกิดเรื่องอันใด”

“คุณชายจ้าวท่านหนึ่งมาพบนางยามค่ำคืน ทว่าช้านี้เหยียนอิงเข้าไปพบนางบาดเจ็บสาหัสแล้ว” หน้ากากไม้รีบรายงาน เวลาที่ผ่านอาจไม่ทันการ

ฟางเสียงไม่ฟังวาจาใดอีก มันใช้วิชาตัวเบาสูงล้ำ พลิ้วกายจากไปไร้ร่องรอย สร้างความประหลาดใจแก่ผู้คน มัน ป่าวประกาศต่อผู้คนว่าไร้วรยุทธ์...ทว่ากลับมีวิชาตัวเบาสูงส่ง

ฟางสงคิดไถ่ถามผู้สวมหน้ากากไม้ คนผู้นี้กลับหายไปแทบพร้อมกัน มันจึงรีบรุดติดตามไปยังสวมชมวิหค จุดหมายเพียงแห่งเดียวที่มันรู้ และต้องรู้ให้ได้เกี่ยวกับความสงสัยที่เกิดขึ้น

*************************************


หงส์น้อยมองแสงดาวรอบตัว นางครุ่นคิดถึงอดีตและอนาคตที่ไม่อาจมาถึงนาง ให้นึกถึงวาจาสัตย์ที่ยังคงก้องอยู่ในความรู้สึก ประทับอยู่ในความทรงจำ ไม่อาจบอกได้ถึงความดีงามจากผู้พยากรณ์เรียกขาน ‘ชะตาเบิกเนตร’ ได้บ่งบอกแก่นางถึงความเกี่ยวพันในความยุ่งยากของคนที่นางรัก

นางคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวความแค้นที่ฝังลึก…

นางถอนหายใจ ก่อนหันไปยังประตูและเปิดออก รับบุรุษผู้หนึ่งใบหน้าคมคายโบกพัดไปมา ที่มองนางอย่างพอใจ ก่อนนางย่อตัวอย่างสุภาพ กล่าวต้อนรับด้วยน้ำเสียงสดใส “เชิญคุณชายจ้าว”

นางลุกขึ้นยืนเผยรูปร่างอิ่มเอิบแสดงส่วนสัดที่งดงาม สมแล้วเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งสวนนี้ ชุดนางหงส์แขวนไว้ข้างเตียง...ชุดพิเศษสำหรับคนผู้หนึ่ง นางเพียงสวมชุดสีเขียวอ่อนบางเบาไว้ต้อนรับแขก

“งดงามยิ่งนัก ยิ่งกว่าคำร่ำลือที่เคยได้ยิน” วาจาทุ้มต่ำอ่อนโยนสุภาพของคนผู้นี้ทำให้นางคิดถึงคุณชายฟางสงที่เคยปลอบโยนนาง

คุณชายจ้าวหุบพัดวางลงบนโต๊ะ สัมผัสแขนเสื้อหากไม่ดึงรั้ง สูดกลิ่นหอมจากเรือนกายของนางเบาๆ ปล่อยให้นางเดินตรงไปยังพิณจีน นั่งลงบรรเลงบทเพลงรักไร้สรรพสิ่ง มันเองนั่งลงด้านหน้ามองนางอย่างพอใจ

เสียงเพลงชวนเคลิบเคลิ้ม หงส์น้อยหลับตาลงคิดถึงผู้จากไปที่เหลือไว้เพียงความคิดคำนึง รสสัมผัสหนึ่งลูบไล้ที่แขนนางลงจนสุดปลายนิ้ว หากมิได้ขัดขวางการบรรเลงเพลง

คุณชายจ้าวแปลกหน้าผู้นี้ลูบไล้ดวงหน้าและซอกคอนางด้วยริมฝีปากอ่อนนุ่ม มือแข็งแรงสัมผัสท้องน้อยนางเบาๆ หากมิยินยอมให้นางหยุดบรรเลงเพลง แต่มันไม่ยอมปล่อยนางไว้ให้เปลี่ยวเหงา

เมื่อบทเพลงจบลง มันรวบมือของนางเอาไว้ โอบกอดหญิงงามนางนี้ด้วยวงแขนที่แข็งแรง ริมฝีปากมันสัมผัสริมฝีปากของนางบดกดลงอย่างใจร้อน มือของมันสัมผัสเนื้อขาอ่อนเนียนนุ่ม บังเกิดเปลวเพลิงความปรารถนา ดึงรั้งผ้าบางขวางกั้นเหลือไว้เพียงเนื้อสัมผัส เพื่อปลดปล่อยความต้องการแอบซ่อน

เสียงครวญครางเบาๆ ของนางหงส์สลับเสียงเนื้อเสียดสี ในใจของนางมิได้อยู่ในที่แห่งนี้กลับล่องลอยออกไปไกล ปล่อยใจให้หวั่นไหวตามจังหวะแห่งรสรักสัมผัสได้

*************************************


บุรุษที่นางรับรองนอนหลับแสนสุข นางหงส์กลับยืนมองออกไปนอกระเบียง ผู้ใดจะดับความคิดถึงของนางได้อีก เมื่อตื่นขึ้นมาเพียงหวังให้คนผู้นี้คือ...คนที่นางคิดถึง เพียงรู้สำนึกไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงใด นางเป็นได้เพียงพี่น้องร่วมสาบานของผู้จากไป

เสียงขยับตัวของคุณชายจ้าวทำให้นางต้องหันกลับมา นางตระเตรียมปรนนิบัติแก่บุรุษผู้นี้ ประหนึ่งอาคันตุกะมาเยี่ยมเยียน จึงยกอ่างน้ำพร้อมผ้าขาวสะอาดมาวางไว้

“เจ้าตื่นเช้ายิ่งนัก” คุณชายจ้าวเอ่ยวาจาหลังล้างหน้า ก่อนลุกขึ้น

“คุณชายต้องการอาบน้ำหรือไม่ ข้าเตรียมน้ำอุ่นให้แก่ท่าน” หงส์น้อยยิ้มแย้มอ่อนหวานไว้เอาใจผู้มาเยือน

“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น หากข้าต้องการให้เจ้าอาบน้ำกับข้า” คุณชายเจ้าแตะที่ปลายคางเบาๆ ถูกใจในรสรักของนางไม่น้อย สมแล้วเป็นหญิงงามอันดับหนึ่ง

หงส์น้อยก้มหน้าเอียงอาย หากยอมกระทำตามแต่โดยดี เมื่อเป็นแขกของนางแล้ว นางย่อมรับรองอย่างเต็มที่

“แต่ยังมีธุระหนึ่งซึ่งข้าต้องรีบจัดการ” คุณชายจ้าวผู้นี้พลันเปลี่ยนรอยยิ้มอ่อนโยนเป็นรอยยิ้มแฝงความประหลาดอย่างหนึ่งแก่นาง

“ไม่ทราบเป็นธุระใด” หงส์น้อยขบคิดไม่ออก ได้แต่เฝ้ารอคำตอบด้วยความฉงนสงสัย

“เจ้ารู้จักคุณชายฟางเสียงหรือไม่ คนผู้นี้ได้ขโมยของข้าชิ้นหนึ่งไป ข้าจึงได้มาติดตามคืน” คุณชายจ้าวผู้นี้พิจารณาอย่างละเอียด มันยิ้มอ่อนหวานทว่าบรรยากาศรอบตัวนั้นช่างน่าอึดอัดยิ่ง

“ข้าย่อมต้องรู้จัก เพียงแต่ไม่ทราบคุณชายเสียงขโมยสิ่งใดจากท่าน หากข้าไม่อาจบ่งบอกแก่ท่านได้ ด้วยไม่ทราบว่าคุณชายอยู่ที่ใด เนื่องด้วยคุณชายจากไปนานแล้ว” หงส์น้อยบอกตามตรง นางยังไม่รู้เรื่องราวใด ทว่าสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล หากยังคงสงวนท่าทีได้อย่างแยบคาย

“มิต้องเป็นห่วง ข้าผู้นี้เป็นผู้ไม่ชมชอบให้ผู้ใดกระทำต่อข้าฝ่ายเดียว ข้ายังต้องขโมยบางสิ่งจากคุณชายฟางเสียงคืนบ้าง หวังว่าเจ้าจะไม่โทษข้า” คุณชายจ้าวผู้นี้ยื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้มเยือกเย็น

หงส์น้อยรีบถอยหลัง รู้ว่าอันตรายกำลังมาเยือน หากฝ่ามือนั้นมิได้หยุดเพียงแค่นี้ ยังคงติดตามนางอยู่ร่ำไป หญิงคณิกาเช่นนางกลับหลบพ้นถอยหลังไปหลบซ่อน สร้างความงุนงงแก่คุณชายจ้าวอย่างยิ่ง

“ที่แท้เจ้าเองมิใช่หญิงงามเมืองทั่วไป เป็นผู้มีวรยุทธ์อยู่บ้าง สมใจข้านัก” คุณชายจ้าวจึงติดตามนาง ด้วยวรยุทธ์ที่มิอาจประมาทให้นางรอดพ้นได้โดยง่ายอีก ทว่ามันกลับคล้ายหยอกล้อกับเหยื่อสาวแสนสวย

“คุณชายท่าน ข้ามิเคยมีเรื่องราวใดกับท่านไฉนต้องทำกับข้าเช่นนี้” หงส์น้อยเพียรหลบหลีกปัดป้อง นางเพียงฝึกวรยุทธ์มาไม่มากมายเพียงมีไว้ป้องกันตัวอยู่ท่าสองท่า

“เมื่อเจ้าเป็นสตรีของมัน ถือว่าเจ้าโชคร้ายแล้ว” คุณชายจ้าวใช้วิชาตัวเบาที่สูงล้ำกว่า หยุดยืนที่ด้านหลังของนางฟาดฝ่ามือลงที่กลางใจนาง

หงส์น้อยถลาลงกับพื้นกระอักเลือดออกมาคำโตทรุดลงนอนไม่อาจเคลื่อนไหว หัวใจกระตุกอย่างแรง แม้มิใช่ยอดยุทธิ์นางก็ทราบได้ว่าเวลาตายใกล้เข้ามาแล้ว เพียงยังไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อันเป็นที่รัก

“หากเจ้าโชคดี วันนี้คงได้พบคนที่เจ้าเฝ้าคิดถึง ข้า...ปฐพีไร้พ่าย ขอทวงของข้าคืน” ปฐพีไร้พ่ายฟาดป้ายทองติดลึกลงไปในเสาของห้องก่อนพลิ้วกายจากไป

หงส์น้อยโคจรลมปราณเพื่อรักษาชีวิต นางฝึกปรือวรยุทธ์ได้เพียงเล็กน้อย ต้องออกจากบ้านมาอยู่ที่เมืองฝูโจวแห่งนี้ น้ำตาไหลอาบแก้มสีขาวซีดเพียงรอคอยเวลา อย่างน้อยก่อนลาโลกนี้ ยังหวังได้พบคนที่ต้องการพบ

เสียงประตูเปิดออกอีกครั้ง เหยียนอิงที่มิอาจรบกวนเวลาของนายหญิงต้องตกใจหน้าซีด วิ่งเข้าไปสัมผัสฝ่ามือของนางหญิงที่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ “นายหญิง”

“เจ้ารับทำธุระแก่ข้าสักเรื่อง รีบไปเตือนภัยแก่คุณชายเราเถอะ” หงส์น้อยมิได้ห่วงใยตน กลับคิดถึงคนที่นางรักยิ่งกว่า ด้วยอันตรายคืบคลานเข้าใกล้เรื่อยมา

“นายหญิงข้าจะรีบไป” เหยียนอิงรู้หน้าที่ รีบไปตามที่นายหญิงของนางสั่ง

หนทางยาวไกลนัก นางต้องหาผู้ช่วยจึงรีบรุดไปยังกระท่อมปลายนาด้วยน้ำตานองหน้า สั่งความร้องขอแก่ชาวนา ก่อนรีบกลับไปหานายหญิง

*************************************


เหยียนอิงกุมมืออยู่ข้างนายหญิง ปลอบคำมิให้นายหญิงต้องเจ็บปวด ธารลมปราณสายหนึ่งส่งเสริมต่อเนื่อง นางเป็นผู้ดูแล ย่อมไม่ยินยอมให้นายหญิงนางต้องจากไป เมื่อเวลาผ่านไป นางได้ยินเสียงคน จึงเงยหน้าเห็นคุณชายฟางเสียงเข้ามาทางระเบียง ไม่อาจให้สิ่งใดขัดขวางทางมัน

“หงส์น้อยท่าน” ฟางเสียงเข้ามากอดนางหงส์เอาไว้ พยายามประคองลมหายใจนางให้ต่อเนื่อง

“เกิดเรื่องราวใดโปรดบอก” เสียงมันสั่นไหว ครั้งแรกที่บุรุษไร้หัวใจอย่างมันต้องสั่นคลอน

“ปฐพีไร้พ่าย มันต้องการของมันคืน น้องข้าไฉนร้องไห้ น้ำตาเจ้าช่างมีค่ายิ่งนัก” หงส์น้อยลูบดวงหน้าเกลี้ยงเกลาของคนที่นางรัก เพียงน้ำตาหยดเดียวก็มากพอทให้หัวใจนางชุ่นชื้นด้วยรักแล้ว

“ช่างมันเถอะ ให้ข้าช่วยเหลือท่านก่อน” ฟางเสียงหลั่งน้ำตาร่ำไห้

แท้ที่จริงหงส์น้อยเป็นพี่ร่วมสาบานของมัน มิใช่หญิงงามนางบำเรอเฉกเช่นผู้คนคิด เพียงที่มานั้นยากกล่าวและความในใจยากอธิบาย ทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้น

“อย่าได้ทำเช่นนั้น ในชีวิตข้ามีเรื่องราวมากมายไม่อาจยอมรับ คราครั้งนั้นเจ้าสั่งข้ามิให้ตาย หากคราครั้งนี้ข้าเพียงร้องขอต่อเจ้า โปรดมอบความตายแก่ข้าเถอะ” หงส์น้อยหลั่งน้ำตาร้องขอให้ชีวิตจบสิ้น

ชีวิตที่ผ่านมายากนักปล่อยวางได้ ทว่าสิ่งดีงามที่เกิดขึ้นแก่นางกลับมิใช่สิ่งใดนอกจากดอกรักที่ผู้ปลูกมิได้ตั้งใจให้เกิด ทว่ากลับหยั่งรากฝังลึกลงในใจนางยิ่งนัก

ความรักมิอาจเป็นจริง...

ทิ้งไว้เพียงความเดียวดาย...

รอคอยใช่รอรักได้...

สุดท้ายเพียงเฝ้ามองดู...

“ข้า” ฟางเสียงส่ายหน้ามิอาจยอมรับ พี่สาวที่มันรักกลับต้องการจากไป แม้มันหยิ่งทระนงเพียงไร ก็ไม่อาจตัดใจให้คนผู้หนึ่งซึ่งมีเพียงความจริงใจให้มันต้องลาโลกนี้

“ขอร้องเจ้า ชีวิตข้าลำบากมากแล้ว หัวใจข้าเจ็บช้ำยิ่ง รู้ทั้งรู้ยังมิอาจตัดใจ เพียงเห็นน้ำตาเจ้า ข้ายังมีความสำคัญในใจเจ้าไม่น้อย นั้นเป็นความสุขประการหนึ่งของข้า” หงส์น้อยหลั่งน้ำตาอาบแก้ม สุขระคนเศร้า ทว่าชีวิตนางต้องผ่านความรู้สึกนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกสักกี่วัน

ฟางเสียงก้มลงมองดวงหน้าขาวซีด น้ำตามันหยดลงดวงหน้านั้น พยักหน้าช้าๆ ฝากฝังนางไว้ในอ้อมกอดแห่งพญายม เข้าใจในความทุกข์แสนในใจนางยิ่งนัก เพียงเสียดายไม่อาจตอบแทน

“หากชาติหน้าข้าขอต่อฟ้าผู้ทรงเมตตา ให้ข้ากับเจ้าได้อยู่เคียงคู่ ชาตินี้หัวใจข้าหลงรักในวิญญาณเจ้า สร้างความทุกข์ใจประการหนึ่ง พร้อมความสุขล้นอีกประการหนึ่ง เท่ากับชีวิตข้าสมบูรณ์แล้ว” หงส์น้อยหลับตาลง ลมหายใจนางแผ่วเบาลงพร้อมความเย็นในเรือนกายนาง

เสียงประตูเปิดออก ฟางสงมองภายในห้อง เห็นฟางเสียงกอดร่างที่เคยมีลมหายใจแห่งนางหงส์ ฝาแฝดมันเงยหน้าขึ้นร้องตะโกนก้องอย่างเจ็บปวด

“อ๊าก” เสียงดังก้องลั่นเข้าไปในใจผู้คน ฟางเสียงเจ็บปวดยิ่งกว่าที่เคย ในชีวิตมันเห็นชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา ผู้คนตายต่อหน้ายังไม่อาจทำให้มันรู้สึก แต่เมื่อเป็นนาง...หญิงผู้อาภัพ ผู้ได้เข้ามาสร้างบาดแผลให้แก่จิตใจมันด้วยชีวิต นางแลกชีวิตด้วยความทรงจำ เมื่อมันไม่อาจลืมเลือนนางได้ชั่วชีวิต

ฟางสงสัมผัสความเจ็บปวดเหลือแสน รู้สึกถึงความเยือกเย็นที่แผ่ไปทั่วห้อง ลมหายใจเหมันต์เย็นเยียบเฉียบคมสร้างความอึดอัดแก่มันยิ่งนัก

หลี่เปียวตามมาภายหลัง เห็นห้องรับรองของนางหงส์กลายเป็นสีขาวด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ต้องเป็นวรยุทธ์ชั้นสูงของคนผู้หนึ่ง มันเข้าใจผิด...พลังเยือกเย็นสายนี้แผ่มาจากกายของสหายมัน

ร่างงดงามของนางหงส์ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง...กลายเป็นโลงน้ำแข็งที่งดงามให้ผู้คนตะลึงลาน

ฟางเสียงปล่อยนางลงกับพื้น มันยืนขึ้นอย่างองอาจ หันหลังให้ไม่มองร่างไร้วิญญาณอีก ไหล่มันสั่นไหวยากนักระงับอารมณ์เศร้าก่อนออกคำสั่งเฉียบขาด “เหยียนอิงรับคำสั่ง จงพานายหญิงเจ้าไปยังบ้านเกิด ฝังนางร่วมกับครอบครัวนาง”

เหยียนอิงก้มลงคำนับ “เจ้าค่ะ คุณชาย” เข้ากอดร่างนายหญิงของนางผ่านโลงน้ำแข็งอีกครั้ง น้ำตาไหลอาบแก้มทุกข์เศร้า

ฟางเสียงหันกลับมาอีกครั้ง มันมองไปยังเสากลางห้องเห็นรอยลึกฝังลงของป้ายทองอันหนึ่ง เพียงมันยื่นมือออกไป ป้ายทองเคลื่อนเข้าสู่มือมันอย่างรวดเร็ว เป็นวิชาใดในหล้า ยังคงสร้างคำถามมากมาย

‘บัญชาแห่งฟ้า’ ฟางเสียงอ่านข้อความบนป้าย พร้อมเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “บัญชาแห่งฟ้าหรือนรก ยังคงต้องพิสูจน์”

ฝ่ามือฟาดลงที่ป้ายทอง แบ่งป้ายทองออกเป็นสองส่วนมุมทแยง เก็บเอาไว้ในอกเสื้อ มองชุดนางพญาหงส์ที่นางเคยสวมต้อนรับมัน จึงเดินไปยังเสื้อคลุมบางเบานั้น ปลดลงพับอย่างเบามือ เก็บไว้ในอกเสื้อราวกับของมีค่า ก่อนพลิ้วกายจากไป

ฟางสงและหลี่เปียวต่างตะลึงลาน วรยุทธ์เช่นนี้ยากนักจักหาได้ในวัยเยาว์เช่นมัน ต่างไม่อาจทำความเข้าใจได้มากมายนัก งุนงงกับพฤติกรรมของฟางเสียง

พี่น้องที่มันรู้จักไม่คล้ายรู้จักแล้ว...สหายมันที่รู้จักไม่คล้ายรู้จักแล้ว

ฟางเสียงเป็นผู้ไร้วรยุทธ์...กลับมีฝีมือสูงล้ำยากนักหยั่งคำนวณ

“นายหญิง เหยียนอิงขอสาบานหากไม่อาจแก้แค้นให้ท่าน ข้าไม่ขอเป็นคนอีกต่อไป” เหยียนอิงก้มลงคำนับต่อร่างนายหญิง ดวงตานางสีแดงน่ากลัว สายธารแห่งความแค้นแผ่ปกคลุมในใจนางอย่างแท้จริง ด้วยความผูกพันมานานปีที่อยู่ร่วมกันดังพี่น้อง

ฟางสงรู้สึกถึงรังสีแห่งการฆ่าฟันจากหญิงรับใช้ สตรีนางหนึ่งกลับมีปราณที่อำมหิตนัก ไม่คาดเงาร่างของผู้คนสี่คนเข้ามาในห้อง ชุดสีดำสนิทปิดพลางด้วยรัตติกาลยกร่างนางหงส์ขึ้นบ่า ก่อนทะยานจากไป

เหยียนอิงหันมามองห้องหอ นางพักนอนที่นี่หนึ่งปีเต็ม มีความทรงจำมากมาย เห็นคุณชายฟางอีกท่านมองนางอย่างสงสัย นางจึงน้อมคารวะลง “อำลาคุณชาย มีวาสนาจึงได้พบพาน”

เสียงเสาหลักถูกทำลาย เหยียนอิงไม่ต้องเคลื่อนไหว เพียงสะบัดแขนเสื้อยาวของนางพลังวัตรมหาศาล กลับทำลายเสากลางห้องแตกเป็นผุยผง เมื่อขาดเสาหลัก คานจึงถล่มลงมา จากนั้นนางจึงจากไปทิ้งไว้เพียงปริศนาให้ผู้คนสงสัย

ฟางสงรีบออกจากหอน้อยนางหงส์ เรือนพักทรุดลงกับตา เหลือไว้เพียงซากให้รำลึก...วิหคร่ายรำแห่งบทเพลงลมโบกบุปผาพลิ้วยังคงติดตรึงในดวงใจ เพียงเสียดายผู้ถ่ายทอดร่ายรำจากไปแล้ว

“ยังไม่รีบติดตามอีกหรือ เสียงน้อยไปยังที่ใดแล้ว” หลี่เปียวตบบ่าสหายเรียกสติ

“ไม่อาจติดตามได้โดยง่าย พี่เปียวไม่เห็นหรือไร วิชาตัวเบาเสียงน้อยสูงล้ำกว่าเราหลายเท่า แม้แต่หญิงรับใช้ เราท่านยังไม่อาจติดตามทัน เสียงน้อยใช่เป็นฟางเสียงน้องข้าหรือไม่ ข้ารับใช้เงาจงปรากฏ” ฟางสงร้องเรียกหาบ่าวไพร่

เสียงสวบดังขึ้นตรงหน้า คนผู้นี้สวมชุดขอทานอำพลางตน ดวงหน้าไร้หน้ากากกลับคล้ายมีหน้ากาก ใบหน้าเหี่ยวย่นผิดกับกล้ามเนื้อกำยำล่ำสันของมัน “เรียนคุณชาย เรื่องราวมากมายไม่อาจบอก เป็นนายท่านสั่งความไว้ ยังไม่ถึงเวลา เพียงรอคอยกำหนดเวลากลับบ้าน ท่านจึงจะทราบความนัยทั้งสิ้น”

หลี่เปียวให้ขนลุกชัน...มารดามันเถอะ ผู้คนล้วนหวาดกลัว สหายมันมีบ่าวไพร่ประหลาดแท้ สมแล้วที่มันไม่นำออกมาแสดงแก่ผู้คน สามารถใช้ขู่ขวัญให้ผู้คนกลัวแทบตาย

*************************************
สวัสดีค่ะ
คุณตุ้งแช่ --- พ่อหล่อลากดิน แม่ก็สวยงามสุดๆ ค่า ตาลูกกวนประสาทค่า อิอิ
คุณใบบัวน่ารัก --- ยังเด็กค่ะ เลยยังไม่แลสาวๆ อิอิ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายนะคะ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2556, 18:54:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2556, 18:54:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1341





<< 06 สลับซับซ้อน   08 บุรุษปริศนา >>
ตุ๊งแช่ 4 ม.ค. 2556, 19:40:12 น.
เอ้า เดสสะมอเร่ไปหนึ่ งว๊า หญิงงามลดลงอ่ะดิ


Auuuu 5 ม.ค. 2556, 13:05:31 น.
ฟางเสียงเก็บงำฝีมืออ่ะะะะ นายไม่ธรรมดาจริงๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account