แปรใจมาใส่รัก
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาใหม่ สามสิ่งในชีวิตที่มนัสภรณ์รับรู้ก็คือ รอยแผลจากกระสุน พลังจิตที่ติดตัวเธอมา และ...อดีตอันว่างเปล่า...
เธอจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน และเหตุใดจึงถูกปองร้าย
อดีตอันว่างเปล่าเกาะกินหัวใจเธอในทุกคืนวัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้มาเจอกับภูมินันท์ ชายหนุ่มผู้เข้ามาเติมเต็มให้กับชีวิตอันแสนว่างเปล่า
ทว่า ชีวิตในฝันก็กลับต้องมีอันพังทลายลง เมื่อความจริงบางอย่างในความทรงจำที่เคยสูญหาย ตรงเข้าเล่นงานเธออย่างแสนสาหัส
Tags: เหนือธรรมชาติ รักซึ้งกินใจ ภพนิพิฐ ภรภัทร ภูมินันท์ ทอฟฟี่ ทิพรดา พลังจิต นิมิต

ตอน: บทที่1


“แต่งงาน คุณจะบ้าเหรอ ผมยังไม่เคยคิดไปไกลถึงเรื่องนั้นสักหน่อย” ภูมินันท์บอกด้วยน้ำเสียงค่อนข้างห้วน
จู่ๆ บ่ายวันนี้ ชายหนุ่มก็ถูกแฟนสาวคนล่าสุดโทรศัพท์เรียกตัวออกมา ยังดีที่เขาไม่ได้มีชั่วโมงสอนนักเรียน ชายหนุ่มจึงขับรถมาหาเธอได้ตามนัด แต่การเดทที่เคยคิดว่าจะสร้างความสบายใจให้กับเขา กลับกลายเป็นความทุกข์ใจแกมหงุดหงิด เมื่ออีกฝ่ายเปรยขึ้นเรื่องการแต่งงาน

“แต่เราก็คบกันมาได้พักนึงแล้วนะคะภูมิ คุณไม่ได้รักฉันแล้วเหรอคะ” เอมิกาทอดเสียงอ่อนถาม
“ก็รัก” ภูมินันท์บอกด้วยอาการถนอมเสียง
หนุ่มเพลย์บอยอย่างเขา บางทีก็เป็นเรื่องง่ายกับการเอ่ยปากบอกรักใครสักคน ทว่าพอมองลึกลงไปในหัวใจ ภูมินันท์ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ความรู้สึกในหัวใจของเขาที่มีต่อแฟนสาวคนล่าสุดคืออะไร ใช่ความรักจริงอย่างคนหลายคู่รู้สึกต่อกันหรือไม่
‘เออ ไม่เคยมีความรักให้มันรู้ไป แล้วจะคอยดูวันที่นายหลงสาวจนโงหัวไม่ขึ้นบ้าง’

ภูมินันท์นึกย้อนถึงคำปรามาสของภรภัทรผู้เป็นพี่ชายเมื่อสามปีก่อน เขาเคยบ่นแกมสงสัยเรื่องพี่ชายออกจะรักและหวงว่าที่พี่สะใภ้ของเขาจนเกินหน้าเกินตา แต่สามปีผ่านมาแล้ว ความรักของพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาก็ยังคงหวานซึ้งไม่ต่างจากยามเมื่อแรกรัก เช่นเดียวกับตัวเขา ที่ยังคงไม่เคยเป็นอย่างคำปรามาสของพี่ชาย ภูมินันท์ไม่เคยหลงสาวคนไหนจนโงหัวไม่ขึ้นมาก่อน ไม่เคยหึงหวง หรือนึกอยากเป็นเจ้าเข้าเจ้าของใครจนออกนอกหน้า แม้แต่กับหญิงสาวที่เขาเพิ่งเอ่ยปากบอกรักไป

“งั้นก็ไม่น่ามีปัญหาอะไรนี่ ภูมิคะ คุณน่ะเลยเลขสามมาแล้วนะคะ ไม่คิดถึงเรื่องแต่งงาน มีครอบครัวสักทีเหรอคะ”
“ไม่ล่ะ เอมี่ ผมยังไม่เคยคิดว่าความสัมพันธ์ของเราจะไปไกลขนาดนั้น การที่เราคบกันแบบนี้ก็มีความสุขดี ผมยังไม่เคยคิดอยากหาห่วงมาผูกคอ” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงไม่อาทรร้อนใจเลยสักนิด
ท่าทางนิ่งๆ สบายๆ บ่งบอกชัดถึงความหมายในถ้อยคำที่เอ่ยตอบ เป็นสัญญาช่วยเร่งการตัดสินใจของหญิงสาวตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

“ถ้างั้นคุณก็ไปหาแฟนคนใหม่เถอะ ลาก่อนผู้ชายเฮงซวย” เอมิกาบอกด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
นี่เลยกลายเป็นอีกหนึ่งครั้งเมื่อความสัมพันธ์ของเขาและแฟนสาวคนล่าสุดต้องมีอันจบด้วยระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปี ภูมินันท์มองตามร่างระหงเดินออกจากร้านไปด้วยแววตาไม่ทุกข์ร้อน ด้วยประสบการณ์ผ่านหญิงสาวมามาก ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าปฏิกิริยาของเอมิกากำลังต้องการสิ่งใด หญิงสาวคงต้องการให้เขาวิ่งตามไปงอนง้อ บอกกับเธอว่าความสัมพันธ์ของพวกเขายังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และชายหนุ่มก็ต้องมีข้อแก้ตัวดีๆ สำหรับการไม่พร้อมแต่งงานในครั้งนี้

แต่ผู้ชายคนนั้นย่อมไม่ใช่ภูมินันท์ เพลย์บอยหนุ่มอย่างเขาไม่เคยคิดงอนง้อสาวคนไหนมาก่อน ดังนั้นชายหนุ่มจึงแทบไม่ได้สนใจเหลียวกลับไปมองร่างระหง ซึ่งหยุดลังเล หันกลับมาหาเขาอยู่หลายครั้ง ภูมินันท์ควักเงินในกระเป๋าจ่ายเป็นค่าเครื่องดื่ม ก่อนร่างสูงจะเดินออกจากร่างไปในทิศทางตรงกันข้าม
สร้างความขัดใจให้กับคนที่เหลียวหันกลับมามองยิ่งนัก
“ผู้ชายเฮงซวย คิดหรือว่าฉันจะง้อนาย หนุ่มหล่อๆ รวยๆ ยังมีอีกตั้งมากมายให้เลือก” เอมิกาบอกด้วยน้ำเสียงเคืองแค้น ตัดสินใจเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจคนข้างหลังอีก

เพราะเดทล่มลงก่อนเวลาอันควร ภูมินันท์เลยตัดสินใจกลับมาทั้งๆ ที่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ของภพนิพิฐ ซึ่งตอนนี้กลายเป็นบ้านของครอบครัวภรภัทรและมารดาเขาไป ส่วนตัวเขาและภภีมต่างมีบ้านเป็นของตัวเองถัดออกไปไม่ไกลจากคฤหาสน์หลังใหญ่เท่าไร
“ตายแล้วตาภูมิ วันนี้ฝนจะตกรึเปล่า ถึงได้กลับบ้านเร็ว” คุณสุปวีณ์ร้องทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าของลูกชายคนเล็กตอนพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน

“โธ่ แม่ ล้อผมเล่นอีกแล้ว” ชายหนุ่มครางเสียงอ่อย เนื่องจากมารดามักชอบหยอกเย้าเขาเช่นนี้เสมอเวลาโผล่หน้ามาให้เห็นก่อนเวลา
“วันนี้ไม่มีสอนเหรอ” มารดามองหน้าบุตรชายซึ่งทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยอาการประจบประแจง
สองแขนกำยำโอบร่างท้วมของผู้เป็นมารดาเข้าไปกอด
“ไม่มีครับ จริงๆ ตอนแรกมีเดท แต่เดทดันล่มเสียก่อน”

“อ้าว ทำไมล่ะ” คุณสุปวีณ์เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย และยิ่งสงสัยหนักขึ้นเมื่อใบหน้าของบุตรชายคนเล็กดูไม่ได้เดือดร้อนกับคำพูดที่เอ่ยออกมาเลยสักนิด
“ก็เดทผมกลายเป็นการบอกเลิกกันไป มันก็เลยล่มอย่างไม่เป็นท่าเท่านั้นเองครับ ไม่มีอะไรสำคัญหรอก” ภูมินันท์เล่าเรื่องราวคร่าวๆ ของตัวเองกับแฟนสาวคนล่าสุดให้คุณสุปวีณ์ฟัง
หากท่าทางไม่เป็นเดือดเป็นร้อนของลูกชายกลับสร้างความหนักใจให้กับหัวใจผู้เป็นแม่
“ตกลงภูมิรักผู้หญิงคนนี้รึเปล่า จะว่าไปแม่ยังไม่เคยเห็นหน้าแฟนของภูมิเลย นี่อะไรกัน กำลังจะถามอยู่เชียวว่าเมื่อไรจะพามาบ้าน ไม่ทันไรก็เลิกรากันเสียแล้ว” ผู้เป็นแม่บ่น

“ก็รักมั้งครับ” น้ำเสียงไม่แน่ใจของคนเป็นลูกชาย ทำให้คุณสุปวีณ์อดซักไซ้ไม่ได้
“แต่ภูมิก็ไม่ได้อยากใช้ชีวิตอยู่กับเธอ ไม่ได้คาดหวังไปถึงอนาคตว่าอยากมีเธอคนนี้อยู่ด้วย”
“ครับแม่ ผมไม่เคยคิดหวังไปไกลขนาดนั้น”
“ถ้างั้นภูมิก็ไม่ได้รักผู้หญิงคนนี้หรอก อาจเป็นแค่ความชอบหรือความพึงใจ เพราะดูภูมิไม่ได้เสียใจเลยนี่นาเรื่องต้องเลิกกัน” คุณสุปวีณ์ให้เหตุผล
“อาจจะเป็นอย่างที่แม่ว่าก็ได้มั้ง” ภูมินันท์บอกด้วยท่าทีใช่ว่าจะสนใจนัก สร้างความหนักใจให้คนฟังไม่น้อย
“เฮ้อ แล้วแบบนี้เมื่อไรแม่จะได้ลูกสะใภ้ล่ะ”

“แม่ก็มีทอฟฟี่อยู่คนแล้วไง หรือไม่ก็ไปรอจากพี่ภีมละกัน ส่วนผมยังไม่อยากหาห่วงมาผูกคอ” ภูมินันท์เอ่ยชื่อพี่สะใภ้คนโตของภพนิพิฐและพี่ชายคนรองของเขา ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นโสด
“แม่ก็หวังทั้งของภูมิและภีมนั่นแหละ หามาให้แม่สักคนสิ จะได้เลยเป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาแบบนี้สักที”
“คงยากครับแม่ ผมยังไม่เคยเจอใครถูกใจขนาดอยากทิ้งชีวิตโสดแสนสบายแบบนี้ลงเลย แถมแฟนผมแต่ละคนก็... ไม่รู้สิครับ ผมว่าพวกเธอแต่ละคนหลงแต่หน้าตาแล้วก็ฐานะของพวกเรา” ภูมินันท์สารภาพ
“ภูมิเองก็หลงหน้าตาของพวกเธอเหมือนกันนั่นแหละ แม่ว่าถ้าภูมิลองเปลี่ยนสเป็คแฟนตัวเองดู บางทีภูมิอาจจะเจอคนที่ใช่บ้างก็ได้” คุณสุปวีณ์ได้ที เลยอดสั่งสอนบุตรชายไม่ได้

“คงอีกนานครับ แล้วตอนนี้ผมเองก็ชักเริ่มเข็ดๆ เรื่องผู้หญิงสาวสิ ขออยู่คนเดียวก่อนดีกว่า” ชายหนุ่มบอก ทิ้งกายลงนอนบนโซฟาอย่างไม่คิดเกรงใจใคร
“อ้าว มานอนตรงนี้ได้ไง เดี๋ยวเพื่อนแม่จะมานะ ลุกเดี๋ยวนี้เลย” คุณสุปวีณ์เอ็ดอย่างไม่จริงจังนัก
“ใครมาเหรอครับ”
“น้ามณีจ๊ะ” คุณสุปวีณ์เอ่ยถึงเกศมณี เพื่อนรักรุ่นน้องตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสืออยู่ด้วยกัน “นี่ภูมิรู้รึเปล่าว่าหนูกิ๊ปหายตัวไปเกือบสามเดือนแล้วนะ” คำพูดของมารดาชะงักร่างสูงให้ลุกตัวขึ้นมานั่งด้วยความสนใจ
“กิ๊ปน่ะเหรอ เกิดอะไรขึ้นครับแม่”

“ยังไม่มีใครรู้เลยว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง วันนั้นน้องออกไปทำงานเหมือนปรกติ บอกมณีไว้แค่ว่าจะขับรถไปต่างจังหวัดเพราะมีนัดกับลูกค้า แล้วจู่ๆ ก็ขาดการติดต่อไปเฉยๆ พออาทิตย์ถัดมาตำรวจก็พบรถของน้องจมอยู่กลางบึงในซอยเปลี่ยว ทางตำรวจก็ยังไม่พบศพ แต่ก็สัญนิษฐานว่าน่าจะเป็นการฆาตกรรม”
คำตอบและสีหน้าหนักใจของคุณสุปวีณ์ทำให้ภูมินันท์หวนนึกถึงหญิงสาวผู้เคราะห์ร้าย กษมาหรือกิ๊ปเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวก็เกศมณีซึ่งเป็นเพื่อนรักกับคุณสุปวีณ์ ตอนหญิงสาวเรียนจบปริญญาโทมาใหม่ๆ จากอังกฤษเมื่อสามปีก่อน คุณสุปวีณ์เองยังเปรยๆ อยากได้กษมามาเป็นลูกสะใภ้ให้กับภรภัทร แต่พี่ชายของเขาก็ได้พบรักแท้กับทิพรดาเสียก่อน เรื่องราวที่คิดจะจับคู่ลูกแต่งงานกันเลยเป็นอันล้มพับลงไป

ภูมินันท์เองเคยมีโอกาสได้พบกษมาอยู่บ้างหลายครั้ง แต่ด้วยบุคลิกสาวมั่น ไม่เคยหวั่นเกรงใครหน้าไหนแม้แต่ชายหนุ่มอย่างเขา ทำให้ภูมินันท์ออกจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าของอย่างกษมาเท่าไรนัก
แน่ล่ะ ก็ในเมื่อเธอไมใช่สเป็คของเขาเลยสักนิด...
“แต่นี่มันก็สามเดือนแล้วนะครับ ตำรวจทำงานประสาอะไร ทำไมถึงยังไม่ได้ข่าวน้องอีก”
“เขาก็คงพยายามเต็มที่แล้ว มณีเองก็เริ่มทำใจว่าน้องคงไปสบายแล้ว” คุณสุปวีณ์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย เต็มไปด้วยความสงสารในชะตากรรมของเพื่อนรัก

เกศมณีเคยสูญเสียสามีผู้เป็นที่รักไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นเธอก็ยังมีลูกสาวไว้คอยเป็นกำลังใจ ให้ยืนหยัดต่อสู้ต่อไป ทว่าชะตากรรมก็ยังคงเล่นตลกกับผู้หญิงคนนี้ เมื่อเธอต้องมาสูญเสียลูกสาวไปก่อนวัยอันควร
“น่าสงสารน้ามณีนะครับ ว่าแต่แม่กับน้ามณีไม่ออกไปไหนกันเหรอ เย็นนี้ผมว่า เดี๋ยวเป็นสารถีให้เองก็ได้”
“จริงรึเปล่า แม่ว่าจะชวนมณีไปซื้อของทำสังฆทานเสียหน่อย ถ้าได้หนุ่มๆ อย่างเราไปช่วยแบกของด้วยก็ดี”

...สามเดือนถัดมา...
“มาเร็วเชียวหนูนัส ร้านของน้ายังไม่เปิดเลย” ชุลิตาผู้เป็นเจ้าของร้านอาหารที่มนัสภรณ์มารับจ้างเป็นแม่ครัวให้เอ่ยทักทันทีเมื่อร่างสูงโปร่งบางของหญิงสาวก้าวเข้ามาถึงในตัวร้าน
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนัสช่วย” มนัสภรณ์ขยับตัวเข้ามาช่วยอย่างไม่คิดเกี่ยงงอน
“ขอบใจจ้ะ ว่าแต่ทำไมหน้าตาดูซึมๆ จัง เมื่อคืนนอนไม่หลับรึเปล่า”
“ค่ะ ฝันไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็เล่นเอาหลับตาไม่ลงเลย” หญิงสาวพึมพำเสียงอ่อน

หลายเดือนมานี้มนัสภรณ์ยังคงฝันซ้ำๆ กันเรื่อยมาถึงภาพของตัวเธอกำลังถูกใครบางคนวิ่งไล่กลางซอยเปลี่ยว หากไม่ว่าเธอจะคิดทบทวนอย่างไร สุดท้ายสิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำก็คือภาพฝันร้ายเพียงเท่านั้น
“อย่าคิดมาก อดีตของหนูนัสอาจไม่น่ารื่นรมย์เท่าไรนัก หนูก็เลยไม่อยากจำมัน น้าว่าหนูนัสมีชีวิตอยู่กับปัจจุบันดีกว่า มองในแง่ดีวันนี้หนูยังมีชีวิตอยู่ แม้จะจำอะไรไม่ได้ แต่น้าเชื่อว่าวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาความทรงจำจะกลับมาเอง”
“ค่ะ นัสก็คิดแบบนี้ นัสว่านัสโชคดีจะตายที่ได้มาเจอน้ากับพี่รดา นี่ถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้นัสอาจไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้” มนัสภรณ์บอกด้วยความซึ้งใจ

หญิงสาวนึกอยากขอบคุณโชคชะตา แม้ในช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดในชีวิต เธอก็ยังพบกับเรื่องราวดีๆ จากน้ำใจและมิตรภาพของเพื่อนมนุษย์ พี่รดาหรือชลรดาซึ่งมนัสภรณ์ให้ความนับถือไม่ต่างจากพี่สาวคนหนึ่งคือนางพยาบาลผู้คอยช่วยดูแลเธอทุกอย่าง ตอนเธอต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของจังหวัด ชลรดาเล่าว่าเมื่อหกเดือนก่อน จู่ๆ ก็มีผู้หวังดีคนหนึ่งพาเธอมาส่งโรงพยาบาลในสภาพร่างกายสะบักสะบอม ศีรษะถูกกระสุนเฉี่ยว ผู้ชายคนนั้นไม่ได้บอกอะไรมากไปกว่า เขาพบเธอนอนสลบอยู่ในพงหญ้า ห่างจากถนนไปไม่ไกลนัก

มนัสภรณ์ไม่แน่ใจนักว่าชายใจดีคนนั้นเป็นใคร เพราะเมื่อเธอตื่นขึ้นมา หญิงสาวก็ไม่พบเขาอีกเลย พร้อมๆ กับความว่างเปล่าในสมอง เธอจำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำอะไรอยู่ในถนนเปลี่ยวเช่นนั้นตามลำพัง ที่สำคัญเธอจำเรื่องราวในอดีตของตัวเองไม่ได้เลยสักนิด จำไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ชื่ออะไร
ความทรงจำที่ถูกกลืนหายไปของหญิงสาวสร้างความแปลกใจและหนักใจให้กับบรรดาแพทย์ทั้งหลาย เนื่องจากทั้งตัวของหญิงสาวและบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุ ไม่มีใครพบหลักฐานใดสามารถระบุตัวตนของเธอได้เลย

หนึ่งสัปดาห์หลังจากต้องทนอยู่กับความว่างเปล่าและไม่รู้อะไรเลย หญิงสาวตัดสินใจขอร้องให้ชลรดานำตุ้มหูและแหวนเพชร ซึ่งเป็นของมีค่าสองสิ่งที่ยังอยู่ติดตัวเธอไปจำนำเพื่อนำมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล และมันก็มีเหลือมากพอให้นางพยาบาลสาวช่วยหาห้องพักเล็กๆ ให้หญิงสาวให้อาศัยอยู่ในตัวจังหวัด ความช่วยเหลือของชลรดายังมีมาให้เธอเรื่อยๆ นางพยาบาลผู้นี้เป็นคนตั้งชื่อใหม่ให้กับเธอว่า ‘มนัสภรณ์’ และยังเป็นผู้ฝากงานให้เธอเป็นแม่ครัวในร้านอาหารของมารดา ชีวิตที่แลดูว่างเปล่าของหญิงสาวจึงกลับมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ และแม้ว่าวันนี้ มนัสภรณ์จะยังจดจำอดีตของตัวเองไม่ได้ แต่หญิงสาวก็ยังเชื่อมั่นเสมอว่า ความทรงจำของเธอจะต้องกลับคืนมาในสักวัน
“คิดได้แบบนั้นก็ดีแล้ว มาเถอะ ลูกค้ามาแล้ว” ชุลิตาไล่หญิงสาวให้เดินเข้าไปเตรียมตัวในครัวด้านหลังร้าน
ร้านอาหารจานเดียวของชุลิตาตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัด ในช่วงเช้าของวัน ร้านอาหารแห่งนี้จะไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านนัก ผิดกับเวลาเที่ยงที่บรรดาอาจารย์และนักศึกษาต่างแวะเวียนมานั่งรับประทานอาหารกันอย่างเนืองแน่น

“ข้าวกระเพาไข่ดาวสองที่ โต๊ะเจ็ดนะหนูนัส” ชุลิตาตะโกนบอกแม่ครัวประจำร้าน ซึ่งกำลังหน้ามันอยู่ทางด้านหลังร้าน
“ค่ะ น้าตา นี่หมูกระเทียมโต๊ะห้าเสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวบอก ยื่นอาหารส่งมาให้ชุลิตา
หางตาของหญิงสาวเหลือบมองไปเห็นร่างสูงของคนเพิ่งเดินเข้ามานั่งในร้าน พลันหัวใจดวงน้อยก็เกิดอาการกระตุกอย่างแรง ผู้ชายที่กำลังทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกมีเรือนร่างสูงกำยำสมชาย เสื้อเชิ้ตสีขาวและเนคไทสีเงินส่งให้ชายหนุ่มคนนี้ยิ่งแลดูภูมิฐานและหล่อเหลาในสายตาของคนมอง
ทว่านอกจากความหล่อเหลาชวนมองแล้วมนัสภรณ์กลับรู้สึกคุ้นเคยกับร่างสูงใหญ่ตรงหน้าอย่างประหลาด แต่เธอก็ไม่อาจนึกสิ่งใดได้มากไปกว่านั้น

“มองหนุ่มหล่อไม่กะพริบเลยนะหนูนัส” ชุลิตาได้ทีเอ่ยปากแซว ฉุดความคิดของหญิงให้กลับคืนมา
“เปล่านะคะ นัสก็แค่... เอ่อ ไปทำกับข้าวต่อดีกว่า” มนัสภรณ์บ่นงึมงำ ก่อนผลุบกลับเข้าไปในครัว ท่ามกลางเสียงหัวเราะขบขันของสาวใหญ่
แต่ชุลิตาเองก็ต้องยอมรับว่าลูกค้าคนล่าสุดในร้านของเธอหล่อเหลาจนนางพยาบาลสาวๆ หลายคนต่างเหลียวมองกันเป็นว่าเล่น
ไม่รู้เป็นพระเอกละครที่ไหนโผล่มารึเปล่า... ชุลิตาคิดด้วยความสงสัยขณะเดินเข้าไปจดรายการอาหารจากโต๊ะของหนุ่มหล่อ

เพราะรสชาติอาหารเกินมาตรฐานของคำว่า ‘ทานได้’ ทำให้ภูมินันท์ตัดสินใจจะฝากท้องมื้อเย็นไว้กับร้านอาหารจานเดียวหน้ามหาวิทยาลัยอีกครั้ง ดังนั้นหลังจากการประชุมเชิงวิชาการเสร็จสิ้นลง ร่างสูงก็เดินออกจากมหาวิทยาลัยมายังร้านอาหารฝั่งตรงข้ามเพื่อซื้ออาหารมื้อเย็นสำหรับวันนี้ เนื่องจากชายหนุ่มออกจะเบื่อกับรสชาติไม่ได้เรื่องของอาหารในโรงแรมที่ตนเองไปพัก
หากบรรยากาศเงียบเหงาและเก้าอี้พลาสติกที่ถูกเก็บอย่างดีก็ทำเอาคนตั้งใจมาฝากท้องต้องผิดหวัง
“ร้านปิดแล้วค่ะ แม่ครัวเพิ่งจะกลับบ้านไปเมื่อกี้นี้เอง” เจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวท้วมร่างใหญ่บอกแก่เขา
“น่าเสียดายจังครับ ว่าจะมาฝากท้องเสียหน่อย ผมติดใจกะเพราะไข่เยี่ยวม้าของที่นี่มากเลย”
เพราะน้ำเสียงเป็นกันเองและใบหน้ายิ้มแย้มเต็มไปด้วยเสน่ห์ของหนุ่มหล่อ ชุลิตาเลยอดเป็นปลื้มไม่ได้เมื่อมีลูกค้าขาจรมาเอ่ยปากชมร้านอาหารของตน

“ขอบคุณค่ะ งั้นคงต้องยกความดีให้หนูนัส แม่ครัวของที่นี่น่ะคะ หลายเดือนมานี้ร้านของฉันคนแน่นขึ้น สงสัยคงเป็นเพราะเสน่ห์ปลายจวักของหนูนัสนี่แหละ” ชุลิตาบอกด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์
“อร่อยจริงๆ ครับ จนนึกอยากจะฝากท้องไว้ที่นี่ตลอดอาทิตย์นี้เลย”
“อุ๊ย จริงหรือเปล่าคะคุณ ถ้าหนูนัสได้ยินต้องดีใจตาย” ชุลิตาบอก ปลื้มใจที่มีคนชอบรสชาติฝีมือของมนัสภรณ์
“งั้นฝากบอกแม่ครัวด้วยแล้วกัน”
“ได้ค่ะ แล้วฉันจะบอกหนูนัสให้ แต่ร้านเราปิดหกโมงเย็นนะคะ”
“ไม่เป็นไร คราวหน้าผมจะรีบมาเร็วกว่านี้” ภูมินันท์บอก

หลังจากพูดคุยกันอีกไม่กี่คำ ภูมินันท์ก็ตัดสินใจเดินกลับไปยังรถยนต์ของตนเองเพื่อกลับที่พัก ระหว่างทางขับรถอยู่นั้น พลันสายตาคมก็ปะทะเข้ากับร่างโปร่งบางของหญิงสาวคนหนึ่ง แรกทีเดียวภูมินันท์แทบไม่ได้สนใจหญิงสาวคนนั้นมากไปกว่ากวาดตามอง ชื่นชมในเรียวขายาวๆ ของร่างสูงโปร่ง หากยามเมื่อขับรถเลยผ่านมา สายตาของชายหนุ่มก็ยังอดเงยขึ้นไปมองกระจกรถไม่ได้ และนั่นเป็นเหตุให้นัยน์ตาคมเบิกค้างด้วยความตกใจ
“กิ๊ป!” ภาพดวงหน้าสวยเฉี่ยวที่แม้จะเคยเห็นมาไม่กี่ครั้ง แต่ภูมินันท์ก็ยังจดจำได้ดีถึงใบหน้าของกษมาผู้เป็นลูกสาวของเพื่อนรักมารดา

บีเอ็มดับบลิวสีดำคันใหญ่หักหลบเข้าจอดข้างทางในทันที ร่างสูงของภูมินันท์ลนลานลงจากรถยนต์ ตรงดิ่งไปยังซอยข้างถนนที่เขาเห็นหญิงสาวเดินเลี้ยวเข้าไป แต่เพราะความขับรถเลยจากซอยมาไกลพอควร กว่าเขาจะเดินมาถึง ร่างโปร่งบางก็หายลับไปเสียแล้ว
“บ้าจริง ตกลงผู้หญิงคนนั้นใช่ยายกิ๊ปรึเปล่าก็ไม่รู้” ชายหนุ่มสบถด้วยความหัวเสีย
แต่เมื่อออกเดินหาไปทั่วซอยก็ยังไม่พบร่างบางที่หมายตา สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจเดินกลับขึ้นรถยนต์มาในที่สุด

“นายมีอะไรโทร.มาหาพี่ดึกดื่นป่านนี้” ภรภัทรบ่นทันทีเมื่อเห็นสายเรียกเข้าเป็นชื่อของภูมินันท์ในเวลาเกือบห้าทุ่ม
“มีเรื่องสงสัยอยากปรึกษาพี่หน่อย ผมรบกวนเวลานอนเจ้าตัวเล็กเหรอ” ชายหนุ่มหมายถึงหลานสาวตัวน้อยวัยขวบกว่าของเขา
“เออสิ เดี๋ยวนะ” เสียงดุๆ ตอบกลับมา
ภรภัทรขยับตัวลุกออกจากเตียงนอน โน้มหน้าลงมาประทับริมฝีปากบนหน้าผากของทิพรดา ก่อนบุ้ยใบ้ว่าเขาจะออกไปยืนคุยโทรศัพท์นอกระเบียงห้อง เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการนอนหลับของลูกสาว ทิพรดาพยักหน้าให้สามีเล็กน้อย จึงล้มตัวนอนพร้อมกับกล่อมบุตรสาวซึ่งกำลังขยับตัวยุกยิกเพราะเสียงดังรบกวน

“นายมีเรื่องอะไร” ภรภัทรถามทันทีเมื่อออกมายืนอยู่นอกห้องนอน
“ผมสงสัยว่าตัวเองอาจจะเห็นกิ๊ปเมื่อตอนเย็น”
“ใคร?” อีกฝ่ายยังคงงุนงง ตามน้องชายไม่ทัน
“ลูกสาวน้าแก้ว กษมาไงพี่”
“เฮ้ย แต่น้องเขาเสียไปแล้วนี่นา นายจะไปเห็นเขาได้ไง”
“ก็แค่หายตัวไป แต่ตำรวจสรุปคดีว่าถูกฆาตกรรมไม่ใช่เหรอ” ภูมินันท์ท้วงติง
“มั่นใจแค่ไหน แล้วไปเห็นเขาที่ไหน นี่นายไม่ได้ไปงานประชุมที่เชียงใหม่เหรอ” ภรภัทรยังคงสงสัย
“ผมอยู่เชียงใหม่ เห็นแวบเดียวเองพี่ ตอนขับรถกลับจากมหาวิทยาลัย เลยยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่าตาฝาดรึเปล่า” ภูมินันท์บอกด้วยน้ำเสียงลังเลไม่แน่ใจ “ผมวานอะไรพี่อย่างสิ พี่พอหารูปของน้องกิ๊ปได้รึเปล่า พรุ่งนี้วันเสาร์ ผมอาจลองไปถามๆ ใครแถวนั้นดู”

“เดี๋ยวลองดู” ภรภัทรบอก คิดว่าเขาคงพอหารูปลูกสาวเพื่อนของมารดาได้ไม่ยาก อย่างน้อยเขาก็คุ้นว่ากษมาน่าจะมาร่วมงานแต่งงานของเขาและทิพรดา “พรุ่งนี้ค่อยส่งรูปให้นายละกัน นี่มันดึกมากแล้ว นายไม่นอนรึไง”
“แฟมมิลี่แมนอย่างพี่ก็ต้องนอนเร็วงี้แหละ ส่วนของผม ราตรีเพิ่งจะเริ่มเอง”
“เพลาๆ ลงหน่อยก็ดีนะ นายมันไม่ใช่วัยรุ่นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
“ผมยังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย พี่ไปนอนเถอะ แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมส่งรูปมาให้ผมล่ะ อ้อ อย่าเพิ่งบอกแม่กับน้ามณีนะ เอาไว้หาเจอก่อนค่อยว่ากัน”
“รู้น่า น้ามณีเริ่มทำใจเรื่องลูกสาวได้แล้ว พี่ไม่ปากโป้งบอกไปให้แกฝันสลายแน่”
วางสายจากน้องชายเสร็จ ภรภัทรก็กลับมานอนบนเตียงต่อ ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มทางปลายสายกลับยังคงนั่งจ้องโทรศัพท์ในมือตัวเองอย่างเลื่อนลอย

หรือเขาจะแค่อุปาทานไปเองว่าผู้หญิงคนนั้นคล้ายกษมา คนที่หายสาบสูญไปตั้งหกเดือน จู่ๆ จะมาเดินอยู่ริมถนนได้อย่างไรกัน...
ในวันรุ่งขึ้นภรภัทรก็ส่งภาพถ่ายของกษมาเข้ามายังมือถือ แม้จะมองเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดเจน แต่เพราะเป็นรูปถ่ายในวันแต่งงานของภรภัทรและทิพรดา ใบหน้าสวยเฉี่ยวของเธอจึงถูกตกแต่งไว้อย่างดีด้วยเครื่องสำอางหนาชั้นตามแบบฉบับสาวมั่นที่ชื่นชอบการแต่งหน้า แวบแรกที่ภูมินันท์เห็นภาพถ่ายใบนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกราวกับหญิงสาวที่เขาเห็นเมื่อวานกับคนในภาพถ่ายคือคนละคนกัน

“หรือฉันจะประสาทไปเองหว่า ยายกิ๊ปเนี่ยนะจะมาเดินหน้าใสอยู่ริมถนน” ภูมินันท์พึมพำกับตัวเอง ก่อนสำนึกได้ว่าตนเองไม่ควรพูดจาว่าร้ายคนตาย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเก็บมือถือตัวเองลงกระเป๋า ออกจากโรงแรมมาเพื่อตรงไปยังซอยที่เขาเห็นหญิงสาวเมื่อวานนี้
ทว่าความพยายามตลอดสุดสัปดาห์ของภูมินันท์กลับมีอันต้องสูญเปล่าเมื่อเขาไม่ได้ความคืบหน้าใดๆ มาเลย สุดท้ายภูมินันท์ก็ต้องยอมถอดใจ ล้มเลิกการออกตามหาหญิงสาวผู้สาบสูญ เนื่องจากสามวันต่อจากนี้เขาเองก็ยังมีงานกองล้นมือให้ต้องจัดการ

บรรยากาศในร้านอาหารช่วงเที่ยงของวันจันทร์ยังคงแน่นขนัดไปต่างจากวันอื่นๆ มนัสภรณ์เลยได้แต่หน้าดำคร่ำเคร่งอยู่หน้ากระทะ โดยไม่มีโอกาสชะโงกหน้าออกไปนอกร้านเลย จนกระทั่งเกือบบ่ายโมง ลูกค้าบริเวณด้านหน้าร้านจึงค่อยซาลง หญิงเลยได้มีเวลานักพักหายใจ
“จริงสิ น้ายังไม่ได้บอกหนูนัสเลย เมื่อวันศุกร์มีหนุ่มหล่อแวะมาหาหนูตอนเย็นด้วยนะ คลาดกันแค่ไม่ถึงห้านาทีเอง” ชุลิตาบอกเธอเมื่อหญิงสาวเดินออกจากครัวมานั่งในร้าน เนื่องจากเครื่องปรับอากาศบริเวณด้านหน้าร้านช่วยคลายความร้อนให้กับคนที่ขลุกอยู่แต่ในครัวได้มากโข
คำพูดของชุลิตาเรียกรอยฉงนปรากฏขึ้นบนดวงหน้าสวย นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างด้วยความงุนงงแกมสงสัย
“มีคนมาหานัสเนี่ยนะคะ”

“จ้ะ ก็หนุ่มหล่อที่หนูนัสแอบมองตาปรอยเมื่อตอนกลางวันไง” ชุลิตาเฉย
ผู้ชายนัยน์ตาคมคนนั้นน่ะนะ เขาจะมาหาเธอทำไมกัน... มนัสภรณ์คิดด้วยความว้าวุ่นใจ
แต่เพียงไม่นานชุลิตาก็ยอมเฉลยความกังขาในใจของหญิงสาวลง
“เขาคงจะติดใจในฝีมือการทำอาหารของหนูแหละ พูดทำนองว่าจะมาฝากท้องไว้ที่ร้านของเราเลยทีเดียว”
“จริงเหรอคะน้าตา” มนัสภรณ์บอกด้วยน้ำเสียงปลื้มจัด หัวใจในอกดูจะพองโตขึ้นมาอย่างไรไม่รู้ เมื่อได้ยินว่ามีคนติดใจในฝีมือการทำอาหารของเธอ

“จริงสิ อ้าว นั่นไง พูดถึงก็มาพอดีเลย” ชุลิตาบอก พลางพยักเพยิดไปทางร่างสูงซึ่งกำลังก้าวตรงเข้ามาในร้าน
มนัสภรณ์เพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้ใกล้ๆ เพราะเมื่อวันศุกร์เธอได้แต่แอบเมียงมองเขาอยู่ห่างออกไปทางด้านหลังร้าน ร่างสูงกำยำอย่างคนมีสุขภาพดีโดดเด่นอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์อันร้อนแรงของเวลาเที่ยงวัน เชิ้ตสีขาวสะอาดตาโดดเด่นอยู่บนเรือนกายแกร่ง หากก็ไม่อาจปกปิดช่วงไหล่กว้าง และแผงอกกำยำซึ่งดูจะเรียบตึงไปกับเนื้อผ้าสีขาว สายตาของหญิงสาวเลยมองขึ้นไปยังใบหน้าคมสัน เครื่องหน้าทุกอย่างบนใบหน้าคมดูราวกับจะประกอบขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ จะยกเว้นก็แค่เพียงนัยน์ตาคมซึ่งตวัดมองเธออยู่ด้วยอาการคล้ายๆ กับการตกตะลึง
หญิงสาวยังไม่ทันได้ทำความเข้าใจด้วยซ้ำว่าเหตุในชายแปลกหน้าผู้นี้ถึงมองเธอด้วยสายตาคล้ายตื่นตะลึง ไม่แน่ใจ เพราะในวินาทีที่เธอกำลังกวาดสายตาสำรวจบุคคลเบื้องหน้าอยู่นั้น จู่ๆ ร่างสูงก็สาวเท้าตรงปรี่เข้ามาหยุดยืนเบื้องหน้าเธอ พร้อมกับฝ่ามือแกร่งทั้งสองข้างจับสองแขนเธอไว้มั่น

“กิ๊ปจริงๆ ด้วย ทำไมถึงได้มาอยู่นี่ได้ รู้บ้างไหมว่าน้ามณีเป็นห่วงเรามากแค่ไหน” น้ำเสียงดุดันพุ่งเข้าใส่หญิงสาวในทันที
“คุณเป็นใครกัน เอ่อ เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ”
นั่นคือคำถามแรกที่ดังออกมาจากปากหญิงสาวเบื้องหน้าภูมินันท์ แวบแรกที่ชายหนุ่มเห็นเธอ ความตื่นตะลึงก็ถาโถมเข้ามาหัวใจของเขาทันที ก่อนจะตามติดมาด้วยความสงสัยไม่แน่ใจ และสุดท้ายคือความกรุ่นโกรธที่เผลอแวบเข้ามาในสมอง เมื่อคิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะกำลังทำอะไรไม่มีหัวคิด ปล่อยให้บุพการีเฝ้าเป็นห่วงอยู่นานกว่าครึ่งปี
แต่แล้วคำตอบใดๆ ที่ภูมินันท์คาดหวังจะได้ยินจากปากของหญิงสาว ย่อมไม่ใช่การทักทายกันอย่างห่างเหินราวคนแปลกหน้าเยี่ยงนี้
“อะไรกัน กิ๊ปจำพี่ไม่ได้เหรอ” ภูมินันท์ถามด้วยความสงสัย ความหวาดกลัวเล็กๆ เริ่มกลับมาเกาะกินหัวใจของเขาอีกครั้ง

หรือเขาจะจำคนผิด แต่ผู้หญิงตรงหน้าก็ช่างเหมือนกษมาเหลือเกิน จนเขาจะไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะไม่ใช่...
“ขอโทษค่ะ ฉันจำคุณไม่ได้จริงๆ คุณรู้จักฉันเหรอคะ รู้จริงๆ ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร” แววคาดคั้นและน้ำเสียงเต็มไปด้วยความหวังของหญิงสาวเบื้องหน้ายิ่งสร้างความสับสนให้แก่คนมองมากขึ้น
“เดี๋ยวนะเอาใหม่ ตกลงคุณชื่ออะไร แล้วคุณรู้รึเปล่าว่าผมเป็นใคร” ภูมินันท์ตัดสินใจเริ่มต้นเรื่องราวใหม่อีกครั้ง
“ฉันชื่อมนัสภรณ์ค่ะ นั่นเป็นชื่อที่ทุกคนเรียกฉันในตอนนี้ ส่วนเรื่องที่ฉันรู้จักคุณไหม หรือฉันเคยเป็นใครมาจากไหน ฉันเองก็อยากรู้คำตอบเหมือนกัน และหวังว่าคุณจะสามารถให้คำตอบนั้นได้ เพราะฉัน...จำอดีตของตัวเองไม่ได้เลยสักอย่างเดียว”

คำตอบของมนัสภรณ์กระตุกหัวใจคนฟังอย่างแรง ภูมินันท์ไม่เคยคิดเลยว่าโลกใบนี้จะมีเรื่องราวประหลาดเกิดขึ้นในชีวิตจริง และเขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าตัวเองจะต้องมาเผชิญหน้าเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้



ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2554, 12:32:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2555, 12:32:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 2351





<< บทนำ   บทที่2 >>
ann 23 พ.ค. 2554, 14:53:07 น.
เริ่มอ่านแล้วก็อยากบอกว่า หนุกดีคะเรื่องนี้ ลุ้นดีนะ นึกว่าจะจบตอนที่นางเอกกับพระเอกเจอกันซะอีก ว่าแต่สองคนนี้เป็นพระนางรึป่าวหว่า หรือเราเข้าใจผิดไปเอง


Zephyr 23 พ.ค. 2554, 17:03:09 น.
อืมม ตกลงทอฟฟี่กะพี่ภัทรได้ลูกสาวเหรอคะ นึกว่าจะได้ลูกชายเหอๆๆ
ว่าแต่คู่นี้จะไปต่อไงละเนี่ย ในเมื่อสาวเจ้า จำไรไม่ได้เลย


Pat 23 พ.ค. 2554, 21:47:56 น.
เจอกันแล้ว จะเป็นยังไงต่อไปล่ะนี่


มะดัน 23 พ.ค. 2554, 22:04:25 น.
กิ๊บเก๋ยูเรก้า


ปูสีน้ำเงิน 25 พ.ค. 2554, 01:10:52 น.
โอ๋ย...น่าอ่านมาก
รีบอัพด่วน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account