The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 8


บทที่ 8



หนุ่มสาวก้าวเข้ามาในร้านขายต้นไม้ริมถนนแห่งหนึ่ง ขนาดร้านนั้นเล็กจนเรียกว่าเพิงก็ว่าได้ หากทว่ากลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ที่อบอวลไปทั่วร้าน บวกกับเสียงน้ำที่ไหลกระทบหินเป็นธารน้ำจำลองหน้าร้านช่วยให้เพิงที่ว่าเล็กไม่อึดอัดเลยสำหรับลูกค้า

กระถางต้นไม้ใบจิ๋วที่วางเรียงรายกันอยู่บนชั้นติดผนังเป็นที่หมายตาของกิดาหยัน ส่วนคนที่ตามติดมาด้วยนั้นชื่นชมกับความสวยของต้นไม้ใบหญ้ารอบกายไม่นานก็หันมามองหญิงสาว

กวินภพเห็นเจ้าหล่อนหยิบกระถางต้นไม้ใบหนึ่งขึ้นมาพินิจมองอยู่ครู่ก็หยิบกระถางอีกใบมาเทียบเคียง ก่อนวางลงที่เดิมหยิบกระถางใหม่ขึ้นมาดู ทำสลับกันไปมาแบบนี้จนนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว “ผมเห็นคุณหยิบๆ วางๆ อยู่หลายรอบแล้วนะ ยังหาที่ถูกใจไม่ได้อีกเหรอ”

กิดาหยันยังคงนิ่วหน้าสำรวจความแตกต่างของกระถางต้นไม้เจ้าปัญหาตรงหน้า “คุณพอจะจำได้มั้ยว่ากระถางแบบไหนที่หล่นลงมากระแทกหัวคุณน่ะ”

“ฮื้อ !” คำถามนั้นทำให้กวินภพหัวเราะลั่นร้าน “นี่คุณมาซื้อกระถางต้นไม้ไปคืนพี่สาวคุณเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ ไม่อย่างนั้นฉันไม่แอบมาแบบนี้หรอก ดีแค่ไหนแล้วที่พี่ฉันไม่สงสัยแล้วเดินไปดูกระถางต้นไม้ที่ระเบียง” ก่อนออกมากิดาหยันแทบจะเอาชีวิตไม่รอด เพราะตอนย้อนกลับไปที่ห้อง กิดานันท์ยังนอนเล่นอยู่เลยบ่นว่าปวดหัวเลยลางาน

จากที่ตั้งใจว่าจะหยิบกระถางสักใบแถวนั้นมาเป็นต้นแบบจึงเลี้ยวกลับลงมาชั้นล่างแทบไม่ทัน ดีนะที่เจ้าของห้องยังไม่ไปที่ระเบียง !

“แล้วตกลงคุณจำได้รึเปล่า”

“ใครจะไปจำได้กันคุณ ตอนนั้นผมเอาชีวิตรอดมาได้เป็นบุญเท่าไหร่แล้ว”

“โธ่คุณนี่ มีประโยชน์แค่ขับรถจริง ฉันไม่น่าพาคุณมาแทนเลย ให้กฤษมาด้วยตั้งแต่แรกก็ดีอยู่แล้ว”

“แล้วใครใช้ให้คุณไล่พ่อทูนหัวของคุณกลับไปเล่า ให้มากันสามคนแต่แรกก็ไม่เชื่อ”

“นั่นเพื่อนฉัน ไม่ใช่พ่อทูนหัวย่ะ” แทนที่อีกฝ่ายจะสำนึกผิดที่เป็นคนบีบบังคับให้หล่อนต้องผลักไสไล่ส่ง ‘พ่อทูนหัว’ ไป กลับกลายเป็นมาโทษหล่อนเสียนี่ !

กิดาหยันแยกเขี้ยวใส่ เรื่องอะไรหล่อนจะให้เขาเจอคิตตี้รอบสองล่ะ มีหวังหล่อนได้โดนเจ้าเพื่อนตัวดีซักยิบตั้งแต่เช้ายันเย็นแน่

หันกลับมาครุ่นคิดเรื่องเดิมไม่นานก็จิ้มเลือกกระถางที่คุ้นตาที่สุดให้คนขายเห็น

“ซื้อกระถางใบนี้ค่ะ และก็...” เคาะคางนึก พลางกวาดตามองต้นไม้บนพื้น

ดอกแก้วสีขาวที่ลอยเด่นท่ามกลางใบไม้สีเขียวสดสวยสะดุดตากิดาหยันไม่น้อย หล่อนจึงตัดสินใจซื้อไปฝากพี่สาวเป็นการไถ่โทษด้วยพร้อมต้นกระบองเพชรเล็กๆ ที่ใส่กระถางพร้อมสรรพเสร็จสำหรับถ่ายใส่กระถางต้นไม้ใบที่หล่อนจิ้มเลือกไปเมื่อครู่

หญิงวัยกลางคนผงกศีรษะรับ ก่อนเดินกระท่อนกระแท่นมาหาลูกค้า มือที่สั่นเทาตามอายุขัยทำท่าจะยกกระถางลงมาเสียเองร้อนถึงชายหนุ่มเพียงคนเดียวในร้านต้องอาสา “ผมยกของพวกนี้ไปไว้ที่รถเองดีกว่าครับคุณยาย คุณยายคิดเงินไปแล้วกันครับ”

ท่าทางขมีขมันนั้นเรียกรอยยิ้มสดใสระบายบนดวงหน้าเหี่ยวย่นนั้น “ไม่เป็นไรพ่อหนุ่ม เดี๋ยวฉันเรียกหลานชายมาขนเองจ้ะ”

เจ้าของร้านกดเครื่องคิดเลขคำนวณราคาของ โดยมีหลานชายเป็นคนยกต้นแก้วไปไว้ในรถ

กวินภพสะกิดแขนหล่อน “ผมไปรอคุณที่รถนะ จะได้ช่วยดูของของคุณด้วยว่าครบรึเปล่า”

กิดาหยันครางรับ คล้อยหลังกวินภพไปถึงกลับมาสนใจหญิงมีอายุหลังโต๊ะทำงานที่ยังคงจิ้มเครื่องคิดเลขไม่เสร็จ มือข้างที่ว่างต้องคอยขยับแว่นที่ชอบเลื่อนลงมาเหนือจมูกอยู่เรื่อย ก่อนบอกราคากับลูกค้าสาว

รับเงินจากกิดาหยัน หยิบเครื่องคิดเลขขึ้นมาอีกรอบเพื่อคำนวณเงินที่ต้องทอน “ดูพ่อหนุ่มจะใส่ใจหนูไม่น้อยนะ คบกันมานานแล้วหรือจ๊ะ”

“คะ?” จู่ๆ คนที่คิดเลขอยู่ดีๆ ก็โพล่งถามขึ้นมา

“หนูนี้โชคดีนะที่ได้แฟนนิสัยดี มีน้ำใจแบบนี้”

“มะ...ไม่ใช่ค่ะคุณยาย” ปฏิเสธลิ้นพันแล้วต้องหันมองกวินภพให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ข้างๆ โล่งอกขึ้นมาหน่อยที่ยังเห็นเขาคุยกับหลานเจ้าของร้าน

“เออ...เราเพิ่งรู้จักกันเองค่ะ” เพื่อนก็ยังไม่เป็นด้วยซ้ำ !

“อ้าวเหรอ เอ้อ! ราคาของเมื่อกี้ยายคิดตกไปน่ะหนู ขอยายอีกสองบาท”

“อ๋อ ค่ะ” หญิงมีอายุเปลี่ยนเรื่องเร็ว ทำเอากิดาหยันตั้งตัวไม่ทัน คิดคำนวณซ้ำอีกครั้งก่อนส่งเหรียญบาทสองเหรียญให้ยาย

“ยายขอโทษที่เข้าใจหนูกับพ่อหนุ่มนั่นผิด คนแก่ก็แบบนี้แหละหูตาฟ่าฟาง อย่าถือสายายเลยนะหนู”

กิดาหยันเพียงยิ้มๆ ได้แต่ค่อนขอดในใจ นี่ขนาดหูตาฟ่าฟางนะยาย บาทสองบาทยังเก็บครบ






*****************




กิดาหยันเปิดโทรทัศน์ดูไปเรื่อยเปื่อย สลับกับลอบมองชายหนุ่มหน้าระเบียงที่ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้ากระถางต้นไม้ เทปุ๋ย ย้ายกระถางโน้น ยกกระถางนี้ ปลูกถ่ายกันให้วุ่น

เห็นกวินภพปาดเหงื่อที่หน้าผากอยู่หลายครั้งแล้วอดสงสารไม่ได้

หลังจากกลับจากร้านขายต้นไม้ กวินภพอาสาตามกิดาหยันมาที่คอนโด อ้างว่าจะช่วยปลูกต้นไม้ลงกระถาง ทีแรกกิดาหยันตั้งใจผลักไสไล่ส่งเขากลับไปในที่ที่ชอบหากอีกฝ่ายทำเนียน ถือวิสาสะเข้ามาในห้องหล่อนหน้าตาเฉย

ดูยังไงเขาก็เหมือนลูกคุณหนู คงไม่เคยทำงานหนักๆ อย่างหล่อนที่เป็นลูกชาวสวนมาตั้งแต่เกิด แต่หล่อนไม่ผิดนี่นา เขาเอ่ยปากจะช่วยหล่อนเอง

ยิ้มกระหยิ่มให้กับความคิดเมื่อครู่พลางคว้ากระเป๋าสะพายที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโทรทัศน์ ทั้งที่นั่งอยู่เฉยๆ แต่กลับรู้สึกว่ามีเหงื่อซึมออกมาตามมือ เข้าใจว่าร่างกายคงเตือนให้หล่อนทานยาตามเวลาที่หมอสั่งจึงควานหาซองยาในกระเป๋า

ยาหลายสีหลายจำนวนมากมาย ตอนนี้ได้กลายเป็นอาหารหลักแทนข้าวไปเสียแล้ว

ลุกขึ้นจากโซฟาตรงไปยังห้องครัว หยิบแก้วน้ำที่คว่ำทิ้งไว้บนตะแกรงข้างอ่างล้างจาน จะเปิดตู้เย็นหยิบกระบอกน้ำและหาของทานเล่นทานรองท้อง แต่แล้วพบว่ามีกระดาษโน้ตแปะติดอยู่บนฝาตู้เย็น





‘มีธุระด่วน ไม่ต้องรอทานข้าวเย็น

นันท์’



อ่านพึมพำในลำคอแล้วเหนื่อยใจ ก่อนกลับกิดาหยันโทรศัพท์ถามยามมาแล้วถึงความเคลื่อนไหวของพี่สาวฝาแฝด จึงไม่แปลกใจกับข้อความบนกระดาษโน้ตแต่อย่างใด

...เป็นเรื่องเคยชินของน้องสาวเสียมากกว่า

เดินออกมาจากห้องครัว ตั้งใจว่าจะเอาน้ำมาให้แขกไม่ได้รับเชิญเสียหน่อย แต่กิดาหยันกลับหยุดกึกเมื่อเห็นชายร่างสูงยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้อง กวินภพนั้นกำลังมองกรอบรูปในตู้โชว์อย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้สังเกตเห็นหรอกว่ามีหญิงสาวลอบมองพฤติกรรมเขาอยู่เนืองๆ

ริมฝีปากบางอย่างผู้หญิงที่คลี่ยิ้มจางๆ ออกมาทำให้กิดาหยันรีบกระแอมขัด “ลงต้นไม้เสร็จแล้วรึไงคุณ”

เข้าไปยืนขนาบข้าง แต่กลิ่นดินที่คลุ้งตัวเขาไปหมดทำให้กิดาหยันรักษาระยะห่างพอสมควร สะดุดตากับใบหน้าคมเล็กน้อยที่ไม่มีแว่นตากรอบหนาบดบังใบหน้าหล่อเหลาของเขาเหมือนอย่างเคย คาดว่ากวินภพคงใส่คอนแท็คเลนส์ตอนที่หล่อนแวบหายไปในครัว

ท่าทางชายหนุ่มจะไม่สนใจในเสียงกระแอมของหญิงสาวเสียเท่าไหร่ ชี้ไปที่ภาพถ่ายใส่กรอบอย่างดีภาพหนึ่ง “รูปนี้คุณถ่ายเมื่อไหร่”

กิดาหยันมองตามองศาการชี้บอกของเขา แต่แค่แวบเดียวเท่านั้นภาพของหญิงสาวที่หน้าละม้ายคล้ายหล่อนกำลังระบายยิ้มสดใสให้กล้อง ทำให้กิดาหยันอดยิ้มขันไม่ได้ “ยังเรียนมหา’ลัยอยู่เลยค่ะ สวยใช่มั้ย”

“อืม...” กวินภพครางรับดื้อๆ เล่นเอากิดาหยันหัวเราะฝืดสนิท “ผมไม่ค่อยเห็นคุณยิ้มน่ะ ที่จริงคุณน่าจะรู้จักยิ้มให้มากกว่านี้นะกิดาหยัน แล้วคุณจะสวยกว่านี้เยอะ”

ถ้าภาพที่เขาว่าเป็นภาพหล่อน คนฟังอาจคล้อยตาม แต่นี่ภาพที่เขาหมายถึงนั้นเป็นรูปพี่สาวฝาแฝดของหล่อนต่างหาก !

จากอารมณ์ดีเลยพาลอารมณ์เสียเอาดื้อๆ ส่งแก้วน้ำให้เขาแทบจะทิ่มหน้า “ขอบคุณค่ะที่ชม แต่ถ้าตอนนี้คุณลงต้นไม้ให้ฉันเสร็จแล้ว ก็ช่วยรีบดื่มน้ำแล้วกลับไปได้แล้วค่ะก่อนที่พี่สาวฉันจะกลับมา”

กวินภพยิ้มขอบคุณหญิงสาว จะคว้าแก้วน้ำมาถือไว้แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นมือตัวเองยังมีคราบดินเปื้อนอยู่บ้างประปราย คาดว่าเขาแค่ล้างมือมาลวกๆ ไม่เพียงมือเขาที่เปื้อน เสื้อยืดคอปกของเขายามนี้ก็มีคราบดินเปรอะเต็มไปหมด

กิดาหยันอ่านสีหน้าเขาออกจึงเอ่ยว่า “คุณอยู่เฉยๆ แล้วกัน เดี๋ยวฉันป้อนคุณเอง”

“คุณเนี่ยนะจะป้อนผม”

“แล้วจะดื่มรึเปล่าล่ะ”

“ดะ...ดื่มสิคุณ” รีบละล่ำละลักตอบก่อนที่สาวเจ้าจะเปลี่ยนใจ

เมื่อเห็นกิดาหยันเข้ามาใกล้พอให้ป้อนสะดวกคนถูกป้อนก็ยิ้มกระหยิ่มอย่างพอใจ แต่ก็แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เพราะอีกฝ่ายป้อนไม่ต่างจากยัด เล่นเอาคนดื่มตาเหลือก สำลักน้ำออกมา “ค่อยๆ ป้อนแบบนุ่มนวลไม่เป็นหรือไงคุณ เดี๋ยวผมก็ได้สำลักน้ำตายกันพอดี”

กิดาหยันย่นจมูกเพราะได้กลิ่นปุ๋ยกับดินที่ผสมปนเปติดตัวเขาลอยมาตามลม “ก็ดูสารรูปคุณสิ สกปรกแถมยังเหม็นอีกต่างหาก ใครจะอยากเข้าใกล้ล่ะ”

“อ้าว ! นี่ผมกำลังช่วยคุณปลูกต้นไม้อยู่นะครับ ไม่ได้มองต้นไม้เฉยๆ อย่างคุณ” ว่าแล้วก็ยื่นจมูกมาใกล้หล่อน ทำจมูกฟุตฟิต “คุณใช้น้ำห้อมยี่หออะไรน่ะ หอมจัง”

“คุณภพ !”

เสียงสูงของเจ้าหล่อนถูกใจชายหนุ่มไม่น้อย ลอบยิ้มขันในสีหน้าบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปของหญิงสาว ก่อนปรับสีหน้าเป็นนิ่งปกติตามเดิม “ขอบคุณมากกิดาหยัน คุณกลับไปดูทีวีต่อเถอะ ผมไม่มีอะไรแล้ว”

“แต่นี่ก็เย็นมากแล้วนะคะ ค่ำมืดปลูกไปก็ไม่เห็นอะไร ฉันว่าคุณน่าจะกลับได้แล้วล่ะ”

“คุณไม่ต้องไล่ผมเพราะกลัวพี่สาวคุณจะมาเห็นหรอกนะ ถ้าพี่สาวคุณกลับมาแล้วเห็นผม คุณก็อ้างว่าผมเป็นคนสวน หรือคนงานแถวนี้มาช่วยคุณปลูกต้นไม้ก็แล้วกัน ตกลงมั้ยครับคุณผู้หญิง” กวินภพหาข้ออ้างให้หล่อนสรรพเสร็จ

เห็นกิดาหยันตั้งท่าจะค้านกวินภพจึงจูงมือหญิงสาวมานั่งบนโซฟาตัวเดิม ก่อนหยุดสายตาที่ซองยาทั้งหลายซึ่งวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ

“นี่คุณไม่สบายเหรอกิดาหยัน” ถามเสียงพร่าพิกล ก่อนถือวิสาสะแตะหน้าผากหญิงสาวให้แน่ใจถึงอาการของหล่อน แล้วต้องนิ่วหน้าเมื่อไม่มีไอร้อนจากกายหล่อนอย่างที่คิด ไม่ทันแตะให้แน่ใจอีกครั้งกลับถูกสาวเจ้าปัดมือออกอย่างรำคาญๆ

มือสกปรกยังมาโดนตัวหล่อนอีก

กวินภพยังคงมองจับผิด ร้อนถึงกิดาหยันอ้อมแอ้มปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าเขาไม่เชื่อ “แค่โรคประจำตัว ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก”

จากที่จะทานยาอย่างที่ตั้งใจไว้รีบโกยลงกระเป๋าสะพาย ไม่เอ่ยอะไรอีกนอกจากทำท่าจะลุกขึ้นเสมอเขาหากแค่ยันตัวกับเบาะกลับรู้สึกเสียววาบ นั่งลงแทบไม่ทัน

ทาบมือลงบนอกข้างซ้ายเพราะรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นรัว อาการผิดปกตินั้นมีเหรอกวินภพจะไม่เห็น ครั้งที่สองแล้วที่เขาเห็นหล่อนเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเพราะกลัวเขาจะจับผิดหรือเป็นอาการป่วยของหล่อนกันแน่

กวินภพหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ “ผมไม่แน่ใจว่านี่ของคุณด้วยรึเปล่า”

คนที่กำลังกอดกระเป๋าสะพายไว้อย่างกับกลัวเขาแย่งจากมือไปเสียเดี๋ยวนั้น มองตามเม็ดยาที่กวินภพวางลงบนโต๊ะ “ผมเห็นมันตกอยู่ใต้โต๊ะน่ะ มันคงตกลงมาตอนที่คุณหยิบยาออกมาจากกระเป๋า”

กิดาหยันหยิบยาเม็ดนั้นขึ้นมาพินิจมองใกล้ๆ คิ้วเรียวได้รูปขมวดเป็นปมยุ่งเมื่อเห็นสิ่งประหลาดในมือมีหน้าตาคล้ายวิตามินบำรุงร่างกายมากว่าจะเป็นยาของหล่อน

จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ควานหายาในกระเป๋า หล่อนยังไม่ได้หยิบยาสักเม็ดออกจากซอง

กวินภพคว้าหมอนอิงข้างกายหญิงสาววางพิงกับที่เท้าแขนของโซฟา “วันนี้คุณออกไปตะลอนข้างนอกมาเกือบทั้งวันคงโดนไข้แดดเล่นงาน นอนพักตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”

“ฉันไม่ได้เป็นไข้เสียหน่อย” ยังมีแรงแหว

เป็นกวินภพที่ไม่โต้เถียงหล่อนเหมือนอย่างเคย “อย่าคิดมากสิคุณ ผมว่าพี่สาวคุณเขาไม่คิดอะไรแบบนั้นกับน้องสาวแน่ ผมจะเป็นคนปลูกต้นแก้วใหม่เอง รวมถึงเจ้าต้นกระบองเพชรที่คุณจะย้ายลงกระถางใบใหม่ตบตาพี่สาวคุณด้วย”

“แต่ฉัน...”

“ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ผมเต็มใจช่วยคุณอยู่แล้ว”

พอเจอลูกตื้อเข้าให้กิดาหยันเลยนั่งนิ่ง มองอย่างงงๆ ไปยังชายหนุ่มที่แยกตัวกลับไปหน้าระเบียงดังเดิม สีหน้าหล่อนบอกเขาตอนไหนมิทราบว่าเกรงใจเขาเนี่ย






*************************




กิดาหยันทอดมองไกลออกไปยังทัศนียภาพเบื้องหน้า ซึมซับความสวยงามของหมู่แมกไม้สีเขียวชะอุ่ม ด้วยกล้องถ่ายภาพคู่ใจที่ไม่ได้หยิบจับมันมานานแสนนาน แต่แทนที่จะรื่นอภิรมย์กับธรรมชาติ คนถ่ายกลับหน้านิ่วคิ้วขมวดง่วนอยู่กับการซูมเลนส์กล้องเข้าๆ ออกๆ มองภาพที่ปรากฏบนหน้าจอ ถ่ายเท่าไหร่ก็ไม่สวยถูกใจเจ้าหล่อนสักที

“น้ำอัดลมเย็นๆ สักกระป๋องมั้ยครับคุณผู้หญิง”

กิดาหยันเท้าสะเอวมองตำหนิมายังเจ้าของเสียงทุ้ม สมาธิถูกทำลายลงทันทีที่มีกระป๋องน้ำอัดลมจากมือเขามาบังเลนส์กล้อง “ขอบคุณนะคะคุณชายภพที่อุตส่าห์มีน้ำใจ แต่ช่วยกรุณาเอาออกไปไกลๆ จะได้มั้ย ฉันกำลังถ่ายรูป”

“โธ่คุณ...แค่นี้ต้องดุกันด้วย ผมเห็นคุณถ่ายภาพดอกไม้พวกนี้มานานแล้วนะ จิบน้ำสักหน่อยจะได้ช่วยคลายร้อน” ไม่พูดเปล่าอีกฝ่ายยังยัดน้ำคลายร้อนใส่มือ

กิดาหยันจึงรับกระป๋องน้ำอัดลมมาอย่างรำคาญๆ ยอมทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งใกล้ตัว “ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คุณนั่นแหละไม่มีการมีงานทำรึไงถึงได้มีเวลามานั่งตามดูพฤติกรรมฉันเนี่ย ไหนบอกว่ากำลังจับตาดูอดีตว่าที่น้องเขยอยู่ไง”

“ก็ผมกำลังจับตาดูอยู่นี่ไง”

“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงนะยะ” แหวแล้วก็ยิ้มขัน หรี่ตามองเขา “เอ...มันชักจะยังไงยังไงอยู่นะ หรือว่าน้องเขยคุณเป็นผู้หญิง”

“อะไรนะ” กวินภพหัวเราะพลางนั่งลงข้างหญิงสาว “คิดได้นะคุณ ผมไม่ได้พูดสักคำว่าคุณเป็นน้องเขยผม ที่ผมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณก็แค่ต้องการทำตัวให้กลมกลืน ถ้ามันจับได้ว่าผมตามมันมา ผมจะได้อ้างได้เต็มปากว่าผมมาหาเพื่อน ซึ่งเพื่อนคนนั้น...ก็คือคุณ”

“ฉัน !” เหตุผลของเขาฟังดูน่าเชื่ออยู่หรอก แต่ทำไมต้องเป็นหล่อนด้วยเล่า “แล้วคุณไม่คิดจะถามฉันสักคำว่าฉันอยากให้คุณเป็นเพื่อนรึเปล่า”

“สายไปแล้วล่ะกิดาหยัน คนในคอนโด เขาเห็นกันหมดแล้วว่าผมมาหาคุณทุกวัน พวกเขาเป็นพยานให้ผมได้ดีทีเดียวล่ะ”

“คุณนี่มัน...” พูดได้เท่านั้นก็เงียบ หลายวันมานี้หล่อนหมดเวลาไปกับการพักฟื้นในคอนโดมิเนียมอย่างจริงจัง พยายามเดินขึ้นลงบันไดบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อพื้นร่างกายให้กลับมาแข็งแรงเร็วที่สุด แต่ส่วนใหญ่แล้วได้แต่นั่งบนม้านั่งในสวนหย่อม และทุกครั้งไปที่ต้องมีกวินภพมากวนใจ

...ไม่แปลกใจเลยที่เห็นเขาโผล่มาเหมือนเช่นวันนี้

“คุณถ่ายภาพพวกนี้ไปทำไมเยอะแยะ” กวินภพชวนเปลี่ยนเรื่องขณะที่หญิงสาวกำลังจับมุมสวยของดอกลั่นทมสีขาวอมเหลืองตรงหน้า

แต่หารู้ไม่ว่าคำถามนั้นกลับทำให้อีกฝ่ายหัวเสียเข้าไปใหญ่ ทั้งที่เตรียมใจมาก่อนแล้วด้วยซ้ำว่าต้องรับมือกับเขายังอดถอนใจอย่างรำคาญให้ไม่ได้ พยายามนึกเสียว่าเป็นเสียงลมพัดผ่านหู หล่อนไม่อยากเสียอารมณ์ไปมากกว่านี้ แค่ลำพังกลุ้มใจเรื่องฝีมือการถ่ายภาพของตัวเองที่ย่ำแย่ลงไปมากก็เกินทนแล้ว

เห็นเจ้าหล่อนปลุกปล้ำกับกล้องถ่ายภาพไม่เลิกเสียที จึงหัวเราะ “นี่คุณ ถ้ามันถ่ายไม่ได้ก็อย่าไปทู่ซี้เลย เสียอารมณ์เปล่า”

กิดาหยันหันขวับมาทางคนด้านหลัง ท่าทางเอาเรื่องบวกกับแววตาขุ่นเคืองที่มองกลับมาทำให้กวินภพเงียบกริบ สงสัยวันนี้เจ้าหล่อนเพิ่งไปทานรังแตนมาถึงดูไม่สบอารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง ดีไม่ดีอาจหันมาเขมือบเขาแทนก็เป็นได้ !

ปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำได้ไม่นาน เป็นกวินภพที่ทำลายสมาธิหล่อนตามเคย “ขวามือนั่นดอกอะไรหรือกิดาหยัน”

ช่างภาพสาวกรอกตาขึ้นฟ้า อยากหาเทปกาวมาปิดปากคนกวนประสาทเสียจริง แต่น้ำเสียงใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวนั้นทำให้กิดาหยันต้องสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ เสียเวลาที่จะเถียงด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องจึงหันตามที่เขาชี้บอกไปยังพุ่มไม้เตี้ยด้านขวามือ

นิ่วหน้า เพราะดอกไม้เรียวยาวสีแดงที่รวมกันเป็นช่อสวยท่ามกลางใบไม้สีเขียวสดรอบข้าง มองยังไงก็เห็นว่าเป็นดอกเข็มชัดแจ๋ว มีเหรอที่โตมาป่านนี้ขนาดเขาจะไม่รู้จัก

อารมณ์สุนทรีย์ที่เหลืออยู่น้อยนิดหายวับไปกับตา ควันออกหู รู้สึกได้ว่าชายหนุ่มด้านหลังกำลังสบมองมาเช่นกันจึงหันขวับจะเอาเรื่อง แต่แล้วนัยน์ตาขุ่นกลับเบิกกว้างเท่าไข่ห่านเมื่อจมูกโด่งๆ ของคนกวนประสาทตรงหน้าสัมผัสกับผิวแก้มของหล่อนอย่างจัง

“ดอกเข็มใช่มั้ยคุณ ผมสายตาสั้นน่ะดูไกลๆ เลยเห็นไม่ค่อยชัด”

“คะ...คุณ !” เจอเขาทำไขสือไม่มีอะไรเกิดขึ้นกิดาหยันเลยปั้นหน้าไม่ถูก จะโวยก็กลัวอีกฝ่ายหาว่าขี้ตู่ไปเอง ครั้นจะตีหน้าเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างเขาก็ทำไม่ได้

ฉวยโอกาสกันนี่ !

ทำอะไรไม่ถูกนอกจากกุมแก้มตัวเองที่เริ่มมีสีแดงระเรื่อให้เขาเห็น ทำท่าจะเดินหายไปดื้อๆ ร้อนถึงคนเจ้าเล่ห์คว้าข้อมือเล็กไว้หมับ “จะไปไหนคุณ ยังถ่ายภาพไม่เสร็จเลย”

“ฉะ...ฉันมีธุระต้องทำ ไม่ได้ว่างงานอย่างคุณนี่ !” แหวพลางแกะมือเขาออก

กวินภพยิ้มพราวให้กับอาการเขินอายของสาวตรงหน้า ยอมปล่อยโดยดีหากนัยน์ตาสีดำสนิทยังวาวระยับจนกิดาหยันต้องผลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าสบมองเขาตรงๆ เหมือนอย่างเคย

“เอ...แต่ไหนแต่ไรผมไม่เคยเห็นคุณออกไปทำงานเลย คุณมีงานทำด้วยเหรอ”

“ตาบ้า !” เถียงได้เท่านั้นก็งุดหน้า เดินดุ่ยๆ ผละจากเขาไปทันที หนอย ฉวยโอกาสแล้วยังมาดูถูกกันอีก ตาภพบ้า ฝากไว้ก่อนเถอะ



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2556, 11:53:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2556, 11:53:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1355





<< บทที่ 7   บทที่ 9 >>
Auuuu 5 ม.ค. 2556, 11:58:47 น.
เอ๊ะะ เอ๋ มียาบำรุงด้วยยยย คุณพี่สาวววววว มีอะไรปิดบังป่าวววว


สรัน 5 ม.ค. 2556, 12:04:03 น.
อุ๊บส์ >O<


lovemuay 5 ม.ค. 2556, 13:48:32 น.
เลยอดเจอพี่สาว เลยไม่รุว่ามีฝาแฝดสักที


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account