ลุ้นรักให้ตรงใจ
เธอ... เจ้าของร้านกาแฟ

เขา... นายตำรวจหนุ่ม

เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ

ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น

แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ

แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
Tags: ตำรวจ ร้านกาแฟ

ตอน: บทที่ 2 (ตามรัก... 3)

บทที่ 2
(ตามรัก 3)

เสียงดนตรีฟังสบายเปิดเสียงไม่ดังมากนั่ง วันนี้ลูกค้าที่หมุนเวียนเข้าร้านหลายสิบคน ซึ่งลูกค้ารายล่าสุดเพิ่งจะออกจากร้านเมื่อไม่นานนี้เอง เจ้าของร้านคนสวยยืนล้างแก้วอยู่ที่ซิ้งค์ล้างจาน เสียงกระดิ่งที่ดังจากหน้าร้านบ่งบอกถึงมีผู้มายืนร้านยอดข้าว หญิงสาวละจากงานที่ทำมาตรงเคาท์เตอร์เพื่อจะกล่าวตอนรับลูกค้าผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม... แต่ลูกค้าคนนี้ทำให้ดลินาต้องอ้าปากค้างแทนรอยยิ้ม ไม่ใช่ใครที่ไหน... ผู้กองศิวกร บุรุษมาดเข้มนั้นเอง

“สวัสดีค่ะ”

“สวัสดีครับ ไม่เจอกันตั้งนานสบายดีหรือเปล่าครับ”

“ก็ดีค่ะ เรื่อยๆ... นั่งก่อนสิคะ ไม่ทราบว่าผู้กองจะรับอะไรดี”

ศิวกรเดินไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่เขาคุ้นเคย พอได้กลับมานั่งที่เก้าตัวเดิมอีกครั้ง ภาพความทรงจำเมื่อวันวานก็หวนกลับมาอีกครั้ง ถ้าวันนั้นเขาไม่ตัดสินใจเข้ามานั่งที่ร้านนี้ เขาคงไม่รู้จักกับผู้หญิงที่ยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์เป็นแน่

“ตกลงว่าจะรับอะไรดีคะ”

“ขอเหมือนเดิมครับ”

เขาพูดแค่นั้น ไม่ใช้เพื่อกวนหญิงสาว เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวจะจำได้หรือไม่ว่าเขาเคยสั่งอะไรไป หากเธอจำได้นั้นก็หมายความว่าหญิงสาว... ดลินาปล่อยให้เขารอไม่นาน อเมริกาโนในแก้วสีขาวก็ถูกมาวางตรงหน้า พร้อมกับตะกร้าบรรจุคุกกี้ 4 ชิ้น

“คุกกี้นี่... อยู่ในเซ็ทหรือเปล่าครับ”

“ค่ะ... อยู่ในเซ็ท ทำไมหรือคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ นึกว่าคุณคงจะลืมไปแล้วว่าผมเคยสั่งอะไร เพราะเรื่องมันก็ผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว”

“ทำไมฉันจะจำไม่ได้ล่ะคะ ก็เพราะว่าเรื่องของคุณ”

หยุดพูดไปดื้อๆ ก่อนจะรีบแจ้นกลับมาหลบอยู่ที่หลังเคาท์เตอร์ทันที ศิวกรอดขำไม่ได้เพราะท่าทางของหญิงสาวเหมือนเมื่อวันนี้ทั้งคู่ได้พบกันครั้งแรกไม่มีผิด แปลกก็ตรงที่คราวนี้หญิงสาวไม่ได้มีสีหน้าที่หวาดกลัว แต่เป็นใบหน้าที่ฉายความเขินอายเข้ามาแทนที่

นึกถึงวันที่เขาได้เจอเธอที่สวนสาธารณะริมฝีปากได้รูปก็แย้มออกมาเล็กน้อย ตอนนั้นเขากำลังรำไทเก๊กถึงจะมีสมาธิมากแค่ไหน เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวที่วิ่งมาหยุดพักใกล้ๆ กับสถานที่ที่เขารำไทเก๊กสมาธิที่มีถึงกับแตกเลยทีเดียว

แล้วเขาก็ได้คุยกับเธออย่างเป็นทางการ วันนั้นเขาได้รู้ว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนอัธยาศัยดี คุยเก่ง ร่าเริง และเวลาโมโหจะรับมือยากมากๆ ตอนนี้เขาวิ่งตามเธอไปนั้นก็อดชื่นชมหญิงสาวไม่ได้เลยว่า เธอเป็นคนที่วิ่งเก่ง เพราะระยะทางที่วิ่งนั้นไม่ใช้น้อยๆ เลย หญิงสาวไม่มีท่าทางจะเหนื่อยแต่อย่างใด ผู้ชายอย่างเขาต้องยอมแพ้เลยจริงๆ

ตอนนั้นจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เขามองใบรูปหัวใจที่แจกค้อนมาให้เขาวงเบ่อเริ่ม เมื่อรู้ว่าเขาหลอกให้เธอเกาะหลังเขาได้ตั้งนาน มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่สามารถบอกได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร เขามีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอ ตลกเมื่อได้เห็นเธองอนเขา และดูเหมือนว่าเขาเองก็เต็มใจที่จะง้อเหมือนกัน เขาบอกกับหญิงสาวว่าถ้ามีโอกาสจะไปอุดหนุนเธอที่ร้าน หญิงสาวยิ้มอย่างยินดี นั้นเป็นครั้งแรกที่เขาหัวใจเต้นแรงเพราะรอยยิ้มของใครบางคน

เสียงโทรศัพท์ภายในร้านที่ดังขึ้นทำให้ศิวกรหลุดออกจากห้วงความคิด เขาได้ยินเสียงหญิงสาวพูดคุยโต้ตอบอย่างเป็นมิตร ก่อนจะจดรายการตามที่ลูกค้าสั่ง เมื่อได้ยินจำนวนแก้วศิวกรถึงกับตกใจพอสมควร

“ค่ะ... ได้ค่ะ โอ้โหพี่วรรณเลี้ยงกันทั้งบริษัทเลยนหรอคะ แล้วจะมารับตอนกี่โมงคะ ประมาณบ่ายสามโมงนะ ข้าวขอเลทกว่านั้นนิดนึงได้มั๊ยคะ ข้าวอยู่คนเดียวกลัวทำไม่ทัน... โอเค... ได้ค่ะ สวัสดีค่ะ”

ดลินายืนนิ่งคิดสักครู่เพื่อวางแผนว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหนก่อน จำนวนเครื่องดื่มที่สั่งนั้น 30 กว่าแก้ว แถมยังมีความหลากหลายอีกต่างหาก เธอมองนาฬิกาที่เข็มสั้นเลยเลขสองมาก 20 นาทีกว่าแล้ว ดลินาตั้งสติอยู่สักครู่ก่อนจะเริ่มลงมือหยิบเมล็ดกาแฟใส่เครื่องบดทันที

“ให้ผมช่วยมั๊ยครับ คนเดียวคงไม่ไหว”

“อย่าดีกว่าค่ะ ฉันเกรงใจคุณ”

“สองแรงดีกว่าแรงเดียวนะครับ รับรองผมไม่เกะกะคุณแน่นอนครับ สาบาน”

แล้วเขาก็ยกมือขึ้นเหมือนเวลาที่กล่าวสาบานตน ดลินาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้ารับ... นั้นทำให้เธอได้ใกล้ชิดเขามากขึ้น

ศิวกรเดินไปที่หลังเคาท์เตอร์นั้นทำให้บริเวณนั้นดูแคบลงไปถนัดตาเพราะคนที่มาใหม่ตัวโตพอสมควร ดลินาค่อยๆ อธิบายถึงสิ่งจะให้ศิวกรช่วย ตั้งแต่การบดเมล็ดกาแฟ การตีฟองนม การตกแต่งหน้ากาแฟที่แตกต่างตามสูตรของกาแฟ ศิวกรตั้งใจฟังและพยายามจดจำรายละเอียดต่างๆ ให้มากที่สุด เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าการจะชงกาแฟให้ได้สักแก้วเป็นเรื่องที่ยุ่งยากพอสมควร ปกติเขาเป็นแต่ผู้บริโภค พอลองมาเป็นผู้ผลิตมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

“คุณใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้าของโครงการพัฒนาดอยตุงหรอครับ”

“ใช้ค่ะ...”

“ผมก็เคยขึ้นไปปฏิบัติงานที่นั้นเหมือนกันนะครับ ได้มีโอกาสดื่มกาแฟดีๆ หลายแก้วเหมือนกัน”

“หรอคะ... ดื่มทั้งวันตาไม่ค้างหรอคะ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ขืนดื่มขนาดนั้นตายกันพอดี”

บทสนทนาของทั้งสองคนสลับกับเสียงหัวเราะดังตลอดเวลา แต่ทั้งสองก็ระวังไม่ให้น้ำแปลกปลอมจากปากของทั้งคู่ลงไปอยู่ในแก้วของลูกค้า ศิวกรเป็นลูกมือที่ดีมาก เขาช่วยเธอได้มาก เธอนึกไม่ออกว่าถ้าทำคนเดียวมันจะวุ่นวายขนาดไหน เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งคู่ เมื่อเห็นผู้มาใหม่เป็นหญิงวัยกลางคน พร้อมกับแม่บ้านของบริษัทที่ถือตะกร้าใส่แก้วตามมาอีก 2 คน ดลินากล่าวต้อนรับอย่างเป็นมิตร

“สวัสดีค่ะพี่วรรณ นั่งรอแป๊บนะคะอีก 5 แก้วก็จะเสร็จแล้ว”

“ได้จ้าน้องข้าว พี่ต้องขอโทษด้วยเหมือนกัน สั่งเยอะขนาดนั้น”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สำหรับข้าวนะลูกค้าสำคัญเสมอแหละค่ะ”

“จ้า!! แม่คนปากหวาน”

ผู้หญิงที่ดลินาเรียกว่า พี่วรรณ ดูจะสนใจใครอีกคนที่อยู่ในเคาท์เตอร์พอสมควร เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงสาวที่เธอนับว่าเป็นน้องสาวคนนี้ไม่มีวี่แววว่าจะมีหวานใจมาก่อน เพียงแค่ไม่ได้มาร้านนี้ไม่กี่วันก็มีผู้ชายร่างยักษ์มาอยู่ข้างๆ เสียแล้ว... เดี๋ยวค่อยสอบสวนทีหลัง ตอนนี้ต้องทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จก่อน

หลังจากนั้นไม่นานโกโก้แก้วสุดท้ายก็ชงเสร็จ ศิวกรกับแม่บ้านอีกสองคนช่วยกันวางแก้วใส่ลงตะกร้าจนครบ 30 แก้ว ตามที่สั่งไว้ แล้วเดินออกไปจากร้านรีบไปส่งของก่อนที่น้ำแข็งจะละลายหมด

“ทั้งหมดเท่าไหร่จ้ะ”

ดลินาบอกจำนวนเงินของค่าเครื่องดื่มทั้งหมด แล้วทำการชำระเงิน ดลินาถอนเงินก่อนจะกล่าวขอบคุณลูกค้ารายใหญ่ของวันนี้

“ขอบคุณนะคะพี่วรรณ โอกาสหน้ามาอุดหนุนใหม่นะ”

“จ้า... พี่มันขาประจำอยู่แล้ว แต่ว่าสุดหล่อนั้นใครน่ะ”

ประโยคหันมากระซิบให้ได้ยินกันสองคน ส่วนคนที่กำลังถูกพาดพิงนั้นไม่รู้ตัวสักนิดเพราะมัวแต่กำลังวุ่นเก็บล้างอุปกรณ์ต่างๆ เมื่อเจอคำถามที่ไม่คิดมาก่อนดลินาก็อ้ำอึ้งตอบไม่ถูกเหมือนกัน พอเห็นท่าทางเก้อเขินของหญิงสาว วรรณาก็เข้าใจอะไรขึ้นมาบ้างแล้ว

“มีแฟนแล้วไม่บอกพี่บอกเชื้อเลยนะ”

“ไม่ใช่สักหน่อย”

“ตอนนี้ไม่ใช่แต่อนาคตไม่แน่ใช่หรือเปล่าล่ะ... พยายามเข้านะคุณน้อง”

“พี่วรรณ!!”

ดลินาร้องเสียงแหลมเบาๆ วรรณาหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินออกจากร้านไปเมื่อทิ้งระเบิดไว้ให้กับเจ้าของร้านคนสวยต้องหน้าแดงกว่ามะเขือเทศเสียอีก

*****************************************

วันนี้เป็นวันหยุดราชการของศิวกร วันนี้เขาตั้งใจที่จะนอนพักผ่อนอยู่กับบ้านไม่ไปไหน เพราะตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาต้องนอนกลางดิน กินกลางโคลนอยู่ในป่าเกือบหนึ่งเดือน จากราชการลับบางประการ... สงสัยอยู่สบายจนเคยนิสัย พอกลับไปอยู่ป่าอีกครั้งเลยรู้สึกลำบากอยู่บ้าง บทจะพักผ่อนเขาก็พักผ่อนเต็มที่ เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำมาตื่นอีกทีก็เกือบเที่ยงของวันใหม่ แค่นอนอย่างเดียวก็กินเวลาเกินครึ่งวัน

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะนอนทั้งวัน ไม่ไปไหนแต่สุดท้ายมีบางสิ่งบางอย่างทำให้เขานอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ พอมีเวลาได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ มีโอกาสได้ครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่าง เขาก็รู้สึกกระวนกระวายอยากจะเห็นหน้าของใครบางคนที่ไม่ได้เห็นมาเกือบเดือน...

ตั้งแต่ได้พบกันในสวนสาธารณะครั้งนั้น เขาก็แวะเวียนมาที่ร้านนี้บ่อยครั้ง ยิ่งมาบ่อยแค่ไหน เขาก็มีโอกาสได้พูดคุยกับหญิงสาวมากขึ้น ยิ่งได้พูดคุยกันมากขึ้นก็ทำให้เขาชื่นชอบนิสัยใจคอของหญิงสาวมากขึ้น ยามที่เขานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวที่ติดกับบานกระจกใหญ่ด้านข้างร้านใกล้กับเคาท์เตอร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้เห็นผู้คนในร้านได้อย่างถนัดตา เขาต้องระบายยิ้มแทบจะทุกครั้งเมื่อเห็นหญิงสาวบริการลูกค้าของเธอด้วยความเอาใจใส่พร้อมกับรอยยิ้มที่สั่นใจเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

คิดถึง... ความรู้สึกนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน นี้เป็นครั้งแรกที่เขาคิดถึงอยากเจอใครบางคนนอกจากมารดา แต่มันเป็นความคิดถึงที่แตกต่างกันออกไป กับผู้เป็นแม่ซึ่งเป็นความคิดถึง ห่วงหาอาทร ห่วงใย อยากกอด และออดอ้อนเหมือนครั้งที่เขายังเป็นเด็ก แต่กับความคิดถึงที่มีต่อผู้หญิงอีกคนมันแตกต่างกันออกไป ความคิดถึงนี้ทำให้ใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ได้เห็นหน้าแล้วใจหวิวๆ ชอบกล รู้สึกท้องปั่นป่วนแปลกๆ

อยากเจอ... คำนี้วนเวียนอยู่ในสมองเขาตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่ต้องไปปฏิบัติราชการลับก็ยังอยากพบเจอเจ้าของใบหน้ารูปหัวใจน่ารักนั้น ดวงตากลมโตแฝงความซุกซนขี้เล่น แก้มเนียนใสน่าสัมผัส ใบหน้าที่แสดงอาการได้หลากหลายอารมณ์ทั้ง ตื่นกลัว ตกใจ ตื่นเต้น โกรธเคือง เป็นการเป็นงาน หรือแม้กระทั้งเขินอาย เขาทำใบหน้าที่หลากหลายอารมณ์นั้นได้หมด เขานอนก่ายหน้าผาก แต่ริมฝีปากระบายยิ้มอย่างขบขำ... เป็นเอามาก

ขอเวลาหน่อย... ขอเวลาอีกสักนิด... ขอให้มั่นใจกว่านี้ว่าหญิงสาวมีอิทธิพลต่อจิตใจของเขามากเพียงพอ เขานี้แหละจะเดินหน้าปฏิบัติการตามหารักเอง

*****************************************

“ฝนตกอีกแล้ว... เจ๊งพอดีร้านฉัน”

หญิงสาวบนพึมพำนั่งเท้าคางอยู่บนเก้าอี้ข้างหน้าต่าง ถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าฝนด้านนอกตกหนักเอาการ ซึ่งเล่นตกไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ แล้วลูกค้าที่ไหนจะเข้าร้านกัน

ทำไรดีอ่ะ... เบื่อ! อากาศน่านอนเสียด้วย ชักจะเคลิ้มๆ แล้วเหมือนกัน ดลินาแนบหน้าลงที่หมอนหนุนหลังตรงพนักเก้าอี้ก่อนจะพล่อยหลับไปทั้งอย่างนั้น

เสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาในร้านในสภาพเปียกปอนไปทั้งตัว ถึงแม้จะมีร่มแต่ฝนตกขนาดนี้ต่อให้ใช้ร่มชายหาดก็เอาไม่อยู่ ดลินาสะดุ้งตื่นทันทีพร้อมกับประตูร้านที่ปิดลง เมื่อเธอเห็นว่าใครเข้ามาในร้านอาการง่วงซึมหายเป็นปลิดทิ้ง

“ทำไมเปียกอย่างนั้นล่ะคะ”

“ลุยฝนมาน่ะครับ”

ศิวกรวันนี้มาในชุดครึ่งท่อน เสื้อยืดสีขาวขอบแดงคอกลมเปียกแนบไปกับร่าง ดลินาพยายามไม่มองเพราะมั่นใจเลยว่าตัวเองต้องแสดงออกทำหน้าหื่นเหมือนคนโรคจิตแน่ๆ

“เดี๋ยวรอแป๊บนะคะ ฉันไปเอาผ้าขนหนูมาให้ก่อน”

ศิวกรยืนรออยู่ตรงพรมเช็ดเท้าตรงหน้าร้านเพราะไม่ต้องการทำให้ร้านของหญิงสาวเปียกน้ำจากตัวเขา ไม่นานหญิงสาวกลับมาอีกครั้งพร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหญ่ ศิวกรรับมาก่อนจะจัดการซับน้ำตามร่างกาย ดลินายืนดูหน้าก็ยิ่งแดง เพราะการที่มีหนุ่มในสเป็คมายืนเช็ดตัว เช็ดผม มันช่างเซ็กซี่บาดใจจริงๆ

“ฉันว่าปิดแอร์แล้วเปิดพัดลมน่าจะดีกว่านะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”

เดินกลับมาอีกครั้งก็เห็นเขาจัดการตัวเองเรียบร้อยบ้างแล้ว ดลินามองเขาด้วยความสงสัย... ทำไมถึงต้องฝ่าสายฝนมาด้วย รอให้ฝนหยุดหรือซาสักหน่อยค่อยมาก็ไม่เสียหายอะไร

“คิดยังไงฝ่าสายฝนมาล่ะคะ”

“พอดีอยากรีบมาให้ถึงเร็วน่ะครับ เลิกงานก็รีบขับรถมาทันทีเลย”

“แต่ขับรถมาก็ไม่น่าจะเปียกขนาดนี้”

“แถวนี้เขาห้ามจอด เพิ่มเลยต้องอ้อมไปจอดซอยข้างๆ แทน”

“คราวหลังถ้าเอารถมาไปจอดที่หลังร้านก็ได้ค่ะ มันมีพื้นที่สำหรับเจ้าของร้านอยู่ ส่วนของฉันก็ไม่มีใครมาจอดอยู่แล้ว”

“คุณไม่มีรถหรอครับ”

“มันเกินความจำเป็นน่ะค่ะ อีกอย่างแถวนี้คมนาคมก็สะดวกดี ส่วนใหญ่หมอแยมเขาจะมาจอดเสียมากกว่า”

ดลินารับผ้าขนหนูที่เปียกหมาดๆ มาจากเขา ศิวกรปฏิเสธในตอนแรกเพราะต้องการไปซักให้เรียบร้อยก่อน แต่เจ้าของเขายืนยันว่าไม่เป็นไร กำลังจะเดินไปผึงไว้ที่ราวหลังร้านชั่วคราวก่อน เมื่อกลับออกมาอีกครั้งก็เห็นเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ทรงสูงข้างเคาท์เตอร์ อ่านนิตยสารการท่องเที่ยวอย่างสนใจ

“ดื่มน้ำขิงร้อนสักหน่อยจะดีไหมค่ะ มันช่วยให้ร่างกายอบอุ่น”

“สักแก้วก็ดีเหมือนกันครับ”

ดลินายิ้มรับก่อนจะหันไปจัดการต้มน้ำขิงให้ลูกค้าเพียงคนเดียวของร้าน ส่วนศิวกรก็มองอิริยาบทต่างๆ ของหญิงสาวอย่างใช้ความคิด เนื่องจากหญิงสาวหันหลังให้เขาจึงไม่ได้เห็นสีหน้าครุ่นคิดของเขา… เอาวะ! ไม่ลองไม่รู้

“ไม่เจอกันตั้งเดือน คุณไม่ถามหน่อยหรอครับว่าผมหายไปไหนมา”

คำถามที่จู่ๆ ก็ยิงขึ้นมาทำให้ดลินาหันกลับมามองคนถามด้วยความสงสัยก่อนจะเปลี่ยนเป็นระบายยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปสนใจต้มน้ำขิงต่อ

“ตอนแรกๆ ก็สงสัยเหมือนกันค่ะ อยู่ดีๆ ลูกค้าเจ้าประจำก็หายไปเสียดื้อๆ”

ศิวกรหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาว

“คุณเห็นผมเป็นแค่ลูกค้าเท่านั้นหรือครับ”

“เอ๊ะ!”

ดลินาหันมามองคนถามอย่างไม่เข้าใจ... หูเธอคงไม่ได้ฝาดไปใช่ไหม ดลินาเองก็ทำหน้าแทบไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาไปอย่างไรดี อยากจะบอกใจจะขาดว่า ‘หากคิดมากกว่าลูกค้า คุณจะยินดีเป็นมากกว่าลูกค้าของฉันหรือเปล่าคะ’

ดวงตาของเขานิ่งสงบดลินาเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างคนทั้งคู่ เพียงดวงตาของทั้งสองประสานเข้าหากันเหมือนโลกทั้งใบมีเพียงแค่พวกเขาสองคนเท่านั้น ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ คำพูดนี้ดูเหมือนจะเป็นจริงดังคำเขาว่า

เสียงน้ำเดือดปลุกให้หญิงสาวออกมาสู่โลกความจริงอีกครั้ง ดลินาหันกลับใจสนใจกาใบเล็กที่ใช้ต้มน้ำขิงนั้น ตอนนี้มือไม้ของหญิงสาวสั่นเป็นอย่างมาก ใจเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ศิวกรถอนใจอย่างหนักอก... หนีไปเสียแล้ว

“คุณปิดร้านกี่โมงหรือครับ”

“ทุ่มครึ่งค่ะ”

ดลินาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะตอบเขา รินน้ำขิงร้อนที่ต้มใหม่ๆ เสริฟให้เขา หลังจากที่ยืนปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ก็เห็นเขาอมยิ้มน้อยๆ คอยอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะรับแก้วน้ำขิงร้อนๆ มาวางตรงหน้า เขาหันไปมองนอกร้านเห็นฝนตกเริ่มซาเม็ดลงบรรยากาศก็เริ่มเป็นใจ

“ไปทานข้าวกันนะครับ”

“หือ!”

ทำไมวันนี้เขามาแปลก จนเธอตั้งรับไม่ถูกจริงๆ ไม่กี้ยังทำให้เธอหัวใจเต้นแรงยังไม่พอ คราวนี้ชวนเธอไปทานข้าวอย่างนั้น ทำไมเขามาหลายบุคลิกจริงๆ วันนี้

“ว่าไงครับไปทานข้าวกันดีกว่าครับ เมื่อเที่ยงยังไม่ทานอะไรเลย”

“ทำไมยังไม่ได้ทานล่ะคะ”

“งานเยอะครับ... กระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลย ตั้งแต่เช้ากว่าจะเคลียร์งานหมดก็เลยเวลาเลิกงานมาเกือบชั่วโมงแล้ว พอขับรถออกมาได้หน่อยฝนก็ตกอย่างกับฟ้ารั่วเลยไม่ได้ซื้ออะไรมารองท้องเลยครับ”

เขาพูดเสียงอ้อนขอความเห็นใจ และก็ได้ผลเสียด้วย เพราะหญิงสาวเริ่มมีสีหน้ากังวลเจือไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

“มีขนมปังไส้เผือกอยู่ จะทานรองท้องหน่อยไหมคะ เดี๋ยวฉันรีบปิดร้านแล้วค่อยไปทานข้าวกัน”

“จะปิดร้านเลยหรือครับ”

“ใช่สิคะ... คุณยังไม่ได้ทานข้าวเลยนี้”

“แต่คุณปิดร้านทุ่มครึ่งไม่ใช่หรือครับ”

“ปิดช้าปิดเร็ว... ก็ปิดร้านเหมือนกัน รอหน่อยนะคะขอเวลาแป๊บเดียวฉันก็ปิดร้านเสร็จค่ะ”

ไม่พูดเปล่าหญิงสาวจัดการปิดร้านอย่างที่พูดจริงๆ ส่วนคนที่ชวนหญิงสาวทานข้าวก็นั่งดื่มน้ำขิงอย่างสบายใจ พอใจกับผลงานของตัวเองครั้งนี้จริงๆ เมื่อเขาเห็นหญิงสาวเอาบานเลื่อนตรงประตูหน้าร้านลงเขากลั้นใจดื่นน้ำขิงที่เริ่มอุ่นรวดเดียวหมดก่อนจะเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปช่วยหญิงสาวปิดร้าน



TooMMeng
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2556, 21:19:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2556, 21:19:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1260





<< บทที่ 2 (ตามรัก... 2)   บทที่ 3 (หวั่นไหว... 1) >>
Auuuu 5 ม.ค. 2556, 21:34:46 น.
คุณตำรวจลุยแล้นนนนนน ^^


yoon 6 ม.ค. 2556, 11:20:11 น.
ออกพื้นที่มาก็มาก ช่วงนี้คุณตำรวจจะตรวจร้านกาแฟบ่อยๆก็คงน่ารัก


เทียนจันทร์ 6 ม.ค. 2556, 17:44:55 น.
แบนี้มีลุ้นใช่มั๊ยเล่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account