กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 11

11….

“หนูชื่ออะไร?” อาไน่ถามเสียงนุ่มนวล
“อาลั้งค่ะ” อาลั้งตอบเสียงเบา อาไน่ซึ่งหูเริ่มได้ยินไม่ชัดเจนตามอายุที่สูงวัยขึ้น ทำให้นางได้ยินไม่ถนัดนัก จึงถามใหม่ว่า
“ไหน...ชื่ออะไร พูดเสียงดังขึ้นหน่อยซิ”
“อาลั้งค่ะ” คราวนี้เด็กหญิงพูดเสียงดังขึ้น
อาไน่ได้ยินก็ว่า “ชื่อสมตัว ดอกกล้วยไม้หรือ...หนูหน้าตาสะสวยเหมือนดอกกล้วยไม้จริงๆ แต่ดอกกล้วยไม้สวยงามอยู่ทนทาน หนูต้องทำตัวดีๆให้สมชื่อนะ”
“ค่ะ...อาไน่” เด็กหญิงรับคำ รู้สึกเคารพอาไน่ที่มีกิริยานุ่มนวล ทั้งๆที่ร่ำรวย มีเงินมีทองมีบ้านช่องใหญ่โต ใหญ่กว่าบ้านป้าสี่ซะอีก แต่อาไน่ก็ไม่ได้วางกิริยาปั้นปึ่งเย็นชาเหมือนอย่างป้าสี่
“อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ?” อาไน่ถามอีก
“แปดขวบค่ะ” อาลั้งตอบ
“ลื้อว่าเด็กอายุเก้าขวบไม่ใช่เหรอ?” อาเอี้ยถามป้าซำ
“เอ้อ...อ่า...” ป้าซำอึกอัก หันมาค้อนอาลั้งแวบหนึ่งอย่างโมโห ก่อนจะหันไปตอบอาเอี้ยอย่างนอบน้อมว่า “อั๊วจำผิดไปนิดหนึ่งค่า”
“จำผิดหรือคิดจะโก่งค่าตัวเด็กกันแน่” อาเอี้ยดักคอ
ป้าซำยิ้มแหยๆ “ไม่กล้าหรอกค่ะ...อั๊วจำผิดจริงๆ”
“เอาเถอะ..อั๊วถือว่าลื้อจำผิดก็แล้วกัน” อาเอี้ยไม่คิดจะไล่ให้อีกฝ่ายจนตรอก
“ขอบคุณค่า” ป้าซำคำนับประหลกๆ
“แล้วพ่อแม่เด็กล่ะ?” อาไน่ถามป้าซำ
“พ่ออาลั้งตายไปสองปีกว่าแล้ว ส่วนแม่อาลั้งชื่ออาซิ่วยังมีชีวิตอยู่” ป้าซำเอ่ย “แต่อียังไม่รู้ว่าอาลั้งจะ
ถูกขายมาที่นี่ ถ้าอาเอี้ยอาไน่ไม่ต้องการให้อีรู้ อั๊วก็จะปิดปากเงียบ ไม่บอกให้รู้สักนิดเดียว”
“ทำไมเหรอ?” อาไน่ถาม “ทำไมต้องปิดอีด้วย”
“ก็อีชอบมาหาลูกสาว ทำให้ลูกสาวไม่ยอมทำงานทำการ เอาแต่จะคอยพูดคุยกัน จะมาสร้างความรำคาญให้อาเอี้ยกับอาไน่เปล่าๆ” ป้าซำเอ่ยอย่างที่นางคิดเองเออเอง
“แต่อั๊วอยากให้ลื้อไปบอกให้แม่อาลั้งรู้” อาไน่เอ่ยขึ้น
“หา...อั๊วฟังผิดไปหรือเปล่า!” ป้าซำทำคิ้วขมวด
“ไม่ผิดหรอก...อั๊วบอกให้ลื้อไปเรียกแม่อาลั้งมาหาอาลั้ง ก่อนที่อั๊วจะพาอาลั้งไปเมืองไทย” อาไน่เอ่ยเสียงเนิบๆ
แต่อาลั้งฟังแล้วไม่เข้าใจสักเท่าไหร่..เมืองไทยเป็นอย่างไร และอยู่ไกลแค่ไหนหรือเป็นชื่อหมู่บ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง...เด็กหญิงสงสัย แต่ไม่กล้าเอ่ยปากถาม เพราะถูกสั่งสอนมาให้ฟังมากกว่าพูด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ผู้ใหญ่พูดจากันห้ามเอ่ยปากสอดแทรกเด็ดขาด
แล้วอาไน่ก็สั่งป้าซุงว่า “อาซุง...พาเด็กไปพักอยู่กับลื้อก่อนนะ ให้อีอยู่ห้องเดียวกับลื้อจนกว่าอั๊วจะพาอีไปเมืองไทย”
“ค่ะ...อาไน่” ป้าซุงรับคำ แล้วมาจูงมืออาลั้ง “พวกเราไปกันก่อน” เพราะนางเข้าใจเจตนาของเจ้านาย ที่ไม่ต้องการให้เด็กรับรู้การต่อรองซื้อชายคน เหมือนการซื้อขายของ
อาลั้งก็ไม่ขัดขืน ลุกขึ้นตามแรงจูง และเดินตามป้าซุงไปยังที่อยู่ส่วนของคนรับใช้
ห้องของป้าซุงไม่กว้างใหญ่เท่าไร ตั้งเตียงเตียงหนึ่งที่นอนได้คนเดียว มีฟูกหมอนมุ้งผ้าห่มครบ นอกจากเตียงแล้วก็มีหีบไม้ใส่เสื้อผ้าอีกใบ กับโต๊ะเล็กๆสำหรับวางของจิปาถะที่ตั้งชิดหัวเตียง ที่ด้านหน้าของเตียงจึงว่างอยู่เล็กน้อย
“ให้หนูอยู่ห้องนี้หรือคะ?” อาลั้งถามเมื่อมองสภาพในห้องแล้ว
“ใช่” ป้าซุงตอบเสียงเรียบๆ
อาลั้งเดินไปลูบที่นอน ป้าซุงจึงแย้งว่า “ไม่ได้ให้ลื้อนอนบนเตียง”
“ทำไมคะ?” อาลั้งถาม “แล้วหนูจะนอนตรงไหน”
“อั๊วไม่ชอบนอนเบียดกับใคร” ป้าซุงตอบ “ลื้อนอนตรงหน้าเตียงก็แล้วกัน”
“ให้หนูนอนกับพื้นหรือคะ?” อาลั้งถาม มองพื้นซึ่งเป็นพื้นปูนไม่ใช่พื้นดินอย่างบ้านป้าสี่ แล้วลงความเห็นว่าน่าจะนอนได้ เพราะคงสะอาดกว่า แต่...“พื้นจะเย็นไหมคะ?”
“มันก็ต้องเย็นสิ” ป้าซุงตอบอย่างรำคาญเล็กๆ “อั๊วจะเอาผ้าห่มผืนใหญ่หน่อยมาให้ ลื้อก็เอาห่อตัวไว้ ก็คงไม่หนาวเท่าไหร่...อย่าทำเรื่องให้ยุ่งยากมากนัก อีกไม่กี่วัน ลื้อก็ต้องไปเมืองไทยแล้ว”
เมืองไทย...อาลั้งสะดุดหูและสะดุดใจกับคำๆนี้มาก จึงถามป้าซุงว่า “เมืองไทยอยู่ที่ไหนหรือคะ?”
“เมืองไทยก็อยู่เมืองไทยสิ” ป้าซุงตอบอย่างรำคาญ เพราะนางไม่เคยมีลูกของตนเอง เป็นคนใช้มาตั้งแต่ยังไม่ทันสาวจนแก่ ไม่ได้แต่งงาน นางไม่ค่อยชอบเด็กนัก เพราะรู้สึกว่าเด็กจุกจิกชอบถามโน่นถามนี่
อาลั้งรับรู้ได้ว่าป้าซุงรำคาญ แต่ก็ยังอดใจถามไม่ได้ว่า “เมืองไทยอยู่ไกลมากไหมคะ?”
“อั๊วจะตอบลื้อเป็นครั้งสุดท้าย แล้วห้ามถามอีกนะ” ป้าซุงส่งสายตาดุราวแม่เสือ
อาลั้งได้แต่พยักหน้าอย่างกลัวๆ
“เมืองไทยอยู่ไกลมาก ต้องขึ้นเรือสำเภาใหญ่ออกทะเลไป...”

อาซิ่วกำลังนั่งปะเสื้อให้ลูกชายคนรองอยู่ เห็นรอยปะบนเสื้อแล้วรู้สึกอ่อนใจ รอยปะนั้นแทบจะลามไปทั่วตัวเสื้อ เสื้อนี้ก็ได้รับการบริจาคมาจากคนอื่นอีกต่อหนึ่ง แต่จะอย่างไรมันก็ช่วยกันลมกันหนาวได้ระดับหนึ่ง ขณะกำลังทำงานอยู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ใครมา?” อาซิ่วหยุดมือที่กำลังปะเสื้อถาม
“อั๊วเอง” เสียงป้าซำดังขึ้นที่หน้าประตู
“รอเดี๋ยวนะ อั๊วจะไปเปิดประตูให้” ว่าแล้วอาซิ่วก็วางงานในมือลงบนเตียง เดินไปเปิดประตู ในใจอดนึกสงสัยว่า...อีกฝ่ายจะมาด้วยเรื่องอะไร
แต่อดสังหรณ์ใจว่า จะเป็นเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี
พออาซิ่วเปิดประตูที่โยกเยกใกล้พังต้อนรับ ป้าซำก็ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะรัวคำพูดเร็วรีบจนแทบฟังไม่ทันว่า “อั๊วยินดีกับลื้อด้วยนะ ลื้อโชคดีมากๆเลย”
“อั๊วโชคดีเรื่องอะไร?” อาซิ่วถามยังงงไม่หาย
“ให้อั๊วเข้าไปนั่งข้างในก่อนได้มั้ยล่ะ?” ป้าซำเอ่ย พลางโบกพัดสานอย่างเคยชิน
“เข้ามาสิ ป้าซำ” อาซิ่วเอ่ย เปิดประตูกว้างขึ้น
ป้าซำเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ไม่มีพนักที่มีอยู่เพียงตัวเดียวในห้องนั้น อาซิ่วประคองประตูให้ปิดเอาไว้ ก่อนเดินมานั่งลงที่เตียง ถามว่า “ป้าซำว่าอั๊วโชคดีเรื่องอะไรรึ?”
“ก็อาลั้งลูกสาวลื้อนะสิ กำลังจะไปเมืองไทย!”
สิ่งที่ได้ยินไม่ใช่โชคดีสำหรับอาซิ่ว มันเหมือนกับฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาทั้งๆที่ไม่มีเมฆฝนมากกว่า!
“ลื้อว่าอะไรนะ”
“อั๊วว่า...อาลั้งกำลังจะไปเมืองไทย” ป้าซำย้ำชัดถ้อยชัดคำ
อาซิ่วอึ้งไปเป็นครู่..ก่อนจะเรียกสติกลับมา แล้วถามว่า
“บ้านป้าสี่จะย้ายไปเมืองไทยหรือ?”
“เปล่า” ป้าซำตอบสั้นๆ
“อ้าว...แล้วอาลั้งจะไปได้อย่างไร?” อาซิ่วยิ่งงงหนัก
“คืออย่างงี้...ป้าสี่ขายอาลั้งให้กับตระกูล...อาเอี้ยอาไน่รับซื้อไว้เป็นเด็กรับใช้ของลูกสะใภ้ที่อยู่เมืองไทย” ป้าซำยังจาระไนไม่หมด
อาซิ่วก็พึมพำด้วยความเจ็บปวดใจ
“เด็กรับใช้หรือ!”
นางคิดถึงอนาคตของลูกสาวตัวน้อยที่มืดมนลงทุกทีด้วยความร้าวราน
“ทำไมป้าสี่ต้องขายลูกอั๊วไปเป็นเด็กรับใช้ด้วย?”
“ก็ลูกลื้อทำความผิดอย่างที่ให้อภัยไม่ได้” ป้าซำพูดเสียงขึ้นจมูก
“ลูกอั๊วทำความผิดอะไรที่ถึงกับให้อภัยไม่ได้?” อาซิ่วถาม ดวงตาวาว
“อีขโมย” ป้าซำตอบเสียงดัง
“ลูกอั๊วไม่ใช่คนขี้ขโมย” อาซิ่วเถียงทันควัน
“ลื้อมาแก้ตัวก็ไม่มีประโยชน์ เพราะท่านผู้ใหญ่ตัดสินแล้วว่าอาลั้งผิดจริง จึงให้ป้าสี่ชดใช้ด้วยการไปเชิญคณะหุ่นกระบอกมาเล่นให้ชาวบ้านดู”
“อาลั้งขโมยอะไรรึ?” อาซิ่วเสียงอ่อนลง ยกมือกุมหัวใจที่เจ็บจี๊ด
“ส้มหนึ่งผล” ป้าซำตอบ “เด็กมันคงหิวน่ะ”
อาซิ่วส่ายหน้า น้ำตาตก “ส้มหนึ่งผลเปลี่ยนชีวิตของอาลั้งได้ขนาดนี้เชียวรึ!”
“ลื้อก็ไม่ต้องเสียใจหรอกน่า...บางทีเรื่องนี้อาจจะเป็นการดีสำหรับอาลั้งเสียอีก” ป้าซำเอ่ยปลอบ ไปตามเพลง...นางไม่ได้หวังดีอะไรจริงจังกับอาซิ่ว แต่นางคิดว่า “อาลั้งไปโตที่เมืองไทย เกิดไปได้ผัวรวยๆลื้อก็สบายแล้วละ...ลื้อก็รู้นี่นาว่าเมืองไทย ใครก็เรียกว่า แผ่นดินทอง ทำมาหากินอะไรก็ร่ำรวยเอาง่ายๆ ขอเพียงแต่ขยันและอดทนเท่านั้น”
“มันไม่ได้ง่ายอย่างที่ลื้อพูดนะสิ...ไม่งั้นใครก็ไปเมืองไทยกันหมดแล้ว” อาซิ่วแย้งขึ้น
ทำให้ป้าซำโกรธกรุ่นๆ...แต่นางก็เก็บมันไว้ในใจ เพราะคิดว่ายังไงซะ ครอบครัวอาซิ่วอาจจะเป็นที่พึ่ง ของนางได้ในอนาคต จึงเอาเรื่องบุญคุณมาอ้าง
“ลื้อไม่รู้อะไร...ป้าสี่น่ะ อีเกลียดลูกลื้อมากที่ทำให้อีต้องเสียเงินเสียทอง อีบอกให้อั๊วขายอาหมวยให้ได้เงินมากที่สุด แล้วลื้อน่าจะรู้นะว่าที่ไหนที่ขายเด็กผู้หญิงได้เงินมากที่สุด”
ป้าซำคอยให้อาซิ่วต่อคำ แต่อาซิ่วกลับนิ่งเงียบ ป้าซำเลยพูดเองว่า
“ซ่องไง”
คำว่า“ซ่อง” ของป้าซำเน้นชัดถ้อยชัดคำ
“แต่อั๊วเห็นแก่เด็ก ถ้าเข้าซ่องซะก็หมดอนาคต อั๊วถึงพาอีไปขายให้อาเอี้ยกับอาไน่แทน”
ป้าซำพูดเอาดีใส่ตัว แต่ในความเป็นจริงนั้น นางได้ไปหาเจ๊ฮวยเจ้าของซ่องมาแล้ว และเสนอขายอาลั้งให้
“อีสวยมากนะ หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ผิวพรรณละเอียดขาวผุดผ่อง”
“กี่คนกี่คน ลื้อก็ว่าสวยทั้งนั้นแหละ” เจ๊ฮวยไม่ค่อยเชื่อคำพูดของป้าซำสักเท่าไหร่
“คนนี้ อั๊วสาบานได้จริงๆว่าสวยมาก” ป้าซำพูดจริงจัง
“อีชื่ออะไร?” เจ๊ฮวยถาม นึกสนใจขึ้นมาบ้าง
“อาลั้ง” ป้าซำตอบ
“อายุเท่าไหร่แล้ว?” เจ็ฮวยถามอีก
“แปดเก้าขวบ”
“หา...ลื้อจะเอาเด็กมาขายให้อั๊วเหรอ?”
“เลี้ยงๆไว้ อีกไม่กี่ปีก็โตเป็นสาวแล้ว”
“ลื้อก็เลี้ยงไว้เองเหอะ...” เจ็ฮวยค้อนขวับ “รออีกสี่ห้าปีค่อยพามาขายอั๊ว”
“ไอ้หยา...ได้ยังไงกัน ตอนนี้แม่ผัวอีร้อนเงิน จะรีบใช้เงิน” ป้าซำเอ่ย
“หา...นี่แม่ผัวจะเอาลูกสะใภ้มาขายเข้าซ่องเหรอ...ต๊าย เพิ่งเคยพบเคยเห็นนะนี่” เจ๊ฮวยหัวเราะร่วน
“เอางี้...อั๊วลดราคาให้ลื้อ จากร้อยห้าสิบเป็นร้อยเดียว” ป้าซำเอ่ย
“ต่อให้ลดเหลือห้าสิบ...อั๊วก็ไม่เอา” เจ็ฮวยเสียงแข็ง “อั๊วขี้เกียจเลี้ยงเด็ก”
“แต่เด็กช่วยทำงานบ้านให้ลื้อได้นะ” ป้าซำยังไม่ละความพยายาม
เจ๊ฮวยจึงเค้นเสียง “ฟังให้ชัดๆอีกที...อั๊วไม่เอา!”
“เอาอย่างงี้...อั๊วพาเด็กมาให้ดูตัวก่อนดีมั้ย”
“บอกว่า...ไม่เอาๆ...ลื้อนี่เซ้าซี้อยู่ได้”
พอถูกเจ๊ฮวยปฏิเสธเด็ดขาด ป้าซำจึงไปถามที่ตลาดกับรู้จัก บังเอิญเจอป้าซุงมาเยี่ยมบ้าน เดินผ่านตลาด
“อาซุงๆ” ป้าซำเรียกอย่างคนช่างเจ๊าะแจ๊ะ
ป้าซุงจึงหันมาตามเสียงเรียก เห็นป้าซำเข้าก็ทัก
“อ้าว...อาซำ ลื้อมาทำอะไรแถวนี้”
“อั๊วมาธุระนิดหน่อย...” ป้าซำไม่กล้าบอกว่า เพิ่งไปที่ซ่องเจ๊ฮวยมา
“ธุระอะไรหรือ?” ป้าซุงถาม
“มีคนฝากอั๊วขายเด็ก อีกำลังร้อนเงิน อั๊วสงสาร อั๊วก็เลยมาถามแถวนี้ดู”
“จะขายเป็นขี้ข้ามั้ยล่ะ?” ป้าซุงถามตรงๆ
“ไอ้หยา...ลื้ออย่าพูดเสียแรงอย่างงี้สิ เรียกว่าขายเป็นเด็กรับใช้ก็แล้วกัน” ป้าชำเอ่ยเหมือนคนที่ไม่เคยขายคนมาก่อน
“มันก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ” ป้าซุงเอ่ย
“แล้วบ้านไหนจะซื้อเด็กล่ะ?” ป้าซำถามเสียงเกือบกระซิบ เหมือนกลัวใครจะได้ยิน แล้วชิงตัดหน้านางไปก่อน
“บ้านที่อั๊วทำงานอยู่” ป้าซุงเอ่ย “ยี่เสี่ยเนี้ย(คุณนายของลูกชายคนที่สองของเจ้านายที่อยู่เมืองไทยจะซื้อข้าทาสไปช่วยทำงาน ที่เมืองไทยเขาไม่ให้ซื้อขายข้าทาสกัน จึงต้องซื้อที่เมืองจีนแล้วส่งไป ส่งไปสามสี่คนแล้ว แต่ที่นั่นค้าขายดี ยังต้องการเด็กอีก”
“งั้นลื้อช่วยแนะนำให้อั๊วพาเด็กไปขายหน่อยสิ” ป้าซำออกปาก
“ได้...พรุ่งนี้ลื้อพาเด็กไปหาอั๊วที่บ้าน ว่าแต่เด็กอายุไหร่แล้ว ถ้าเด็กเล็กเกินไปไม่เอานะ” ป้าซุงเอ่ย
“เอ่อ...เก้าขวบ” ป้าซำเพิ่มอายุให้อาลั้งอีกปีหนึ่ง เพื่อไม่ให้เล็กเกินไป
“เก้าขวบเหรอ แหมน่าจะสักสิบขวบ” ป้าซุงเอ่ย
น่า...ช่วยๆกันหน่อย” ป้าซำเอ่ยเสียงออดอ้อน
“เอ้า...พามาก็แล้วกัน” ป้าซุงรับปาก ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “แต่แล้วอาเอี้ยกับอาไน่จะซื้อหรือไม่ซื้อนะ”

“อาเอี้ยกับอาไน่ท่าทางเป็นคนใจดีทั้งสองคน” ป้าซำสาธยายให้อาซิ่วฟังต่อ “อีบอกว่า ซื้อลูกลื้อแทนลูกสะใภ้คนที่สองที่อยู่เมืองไทย ที่เมืองไทยเขาไม่ให้มีทาสกัน จึงต้องซื้อที่เมืองจีน แล้วทำหนังสือเดินทางว่าเป็นลูกหลาน ไปอยู่ที่นั่นไม่นาน ลูกลื้อคงโตเป็นสาว ถ้าได้แต่งงานกับคนรวยมีเงินมีทอง ก็คงจะส่งเงินมาให้ลื้อได้ใช้ ลื้อก็จะสบาย”
อาซิ่วไม่ได้ฟังคำอื่น นอกจากคำว่า “จะไปเมืองไทย”
ลูกสาวตัวน้อยของนางจะต้องห่างจากอกของนางไปไกล
อยู่บ้านป้าสี่...ถึงแม้จะอยู่คนละหมู่บ้าน
และป้าสี่ไม่ยอมให้สองแม่ลูกมาเยี่ยมเยียนกันอย่างเปิดเผย
แต่อาซิ่วก็ยังสามารถคอยแวะเวียนไปแอบมองดูลูกบ้างในบางครั้ง
ทว่าจากนี้ไป...อาลั้งจะถูกส่งไปเมืองไทย เมืองที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไป
“แม่จะไปหา หรือไปแอบดูลูกอีกไม่ได้แล้ว!”
อาซิ่วคร่ำครวญในใจ...น้ำตาไหลหลั่งลงมาอาบสองแก้ม ก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่ลำคอจนตีบตันไปหมด
“โธ่...อาลั้งของแม่”




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ม.ค. 2556, 08:59:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ม.ค. 2556, 08:59:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1420





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
Auuuu 7 ม.ค. 2556, 10:24:22 น.
มาเมืองไทยใล้วก็ขอให้โชคดีน้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account