วังวนรัก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๓ ดัดนิสัย

เปลือกตาที่ปิดอยู่ขยับถี่ขึ้น ขณะที่เจ้าของร่างระหงเริ่มขึ้นรู้สึกตัวตื่น ลลินภัทรพบว่าเธออยู่บนเตียงนุ่ม ภายในห้องที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แปลกตา ซึ่งมั่นใจว่าไม่ใช่ห้องพักที่โรงแรมเป็นแน่ เพราะเฟอร์นิเจอร์โบราณในนี้ ที่หากประมาณด้วยสายตาแล้วหายากและราคามันสูงอยู่พอควร

มองรอบกายสำรวจอยู่ครู่ กระทั่งเหตุการณ์ระทึกเมื่อหลายชั่วโมงก่อนแล่นเข้ามา หญิงสาวเลิกคิ้วสูง ภาพที่ชายหาดครั้นเธอกลับเดินกับที่พักผุดขึ้น ชายฉกรรจ์สองคนมาจากที่ใดไม่ทราบ ไม่ทันตั้งตัวก็มุ่งมาล็อกตัวเธอไว้จากด้านหลัง กระทำอุอาจด้วยการดึงมาผ้าหน้าผืนเข้มมาปิดจมูกเอาไว้ ลลินภัทรพยายามต่อสู้แต่ฤทธิ์ของเคมีบางอย่างทำให้เธอสิ้นสติไปเสียก่อน

“ตื่นแล้วหรือ” เสียงห้าวดังมา ทำให้หญิงสาวที่ตกอยู่ในภวังค์ความทรงจำอันตื่นเต้นสะดุ้งสุดตัว

“ว๊าย!!” ร้องตกใจเมี่อหันไปยังต้นเสียงพอว่าไม่ได้มีเธออยู่ในห้องนี้เพียงคนเดียว เจ้าโจรร้ายสง่านั่งอยู่บนเก้าอี้จักรพรรดิอีกมุมหนึ่งของห้อง พลันร่างสูงกำยำลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเธอ เท่านั้นลลินภัทรรีบถอยกรูดไปชิดผนังเตียงทันที

“เรียกค่าไถ่... ใช่ไหม?” ถามไปอย่างใคร่รู้สาเหตุ ทว่าคนถูกถามไม่ตอบตรงประเด็น

“เธอนี่ ดูดีกว่าในรูปเยอะนะ ไม่เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์บินด่วนมาจากกรุงเทพ” นิสัยเขา ต้องการอะไรก็ต้องได้ ...ได้เลยเดี๋ยวนั้น พฤติกรรมแย่ๆ ที่แก้ยังก็ไม่หายสักที

“จับฉันมาขาย จับมาฆ่า อะไรกันแน่”

“เลิกเดามั่วๆ ได้แล้ว” พฤหัสนั่งลงบนเตียงใกล้ๆ หญิงสาว “มีคนเขาวานให้ฉัน มาคุยกับเธอ”

“คุยอะไร ฉันไม่รู้จักคุณ ไม่เคยหน้า”

“ตอนนี้ไม่รู้ ต่อไปอีกหน่อยก็รู้จักดีเองแหล่ะน่า” ชายหนุ่มบอก เวลาเดียวกันที่ทีตาคมดุจับจ้องเธออย่างมีนัยยะ “ฉันชื่อพฤกษ์ หลานชายอามณีมัชญ์ แม่ใหม่ของเธอนั่นไง”

“อะไรนะ พวกแกกับอีสารเลวนั่นรวมหัวกันจับฉันมาอย่างนั้นหรือ” ลลินภัทรเม้มปากด้วยความคลั่งแค้น เมื่อทราบความจริง

“นี่ พูดสวยๆ หน่อยคุณผู้หญิง จิกเรียกแม่เลี้ยงตัวแบบนั้นได้ยังไง คุ้มดีคุ้มร้ายโกรธกันแค่ไหนเขาก็อาวุธโสกว่าเธอ หัดให้ความเคารพกันเสียบ้างสิ”

“ฉันจะให้ความเคารพใคร มีสมองคิดเองได้ไม่ต้องแส่มาสั่งสอน”

“ทำไมถึงพูดอยากพูดเย็นอย่างนี้นะ หน้าตาก็ดี ไม่น่าทำตัวอันธพาลอย่างผู้หญิงข้างถนนเลย จะบอกอะไรให้รู้ไว้นะ ก็เพราะไอ้พฤติกรรมชั่วๆ นั่นไง ถึงทำให้ลูกน้องฉันต้องเหนื่อยแบกเธอมาถึงนี่”

“พวกแกน่ะสิชั่ว”

“เลิกทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับอามัญช์ หยุดระรานรังแกน้องอ้ายเสีย”

“คิดว่าตัวเองเป็นเทวดาหรือไงถึงสะเอ่อมาสั่งฉันได้ งี่เง่าชะมัด”

“โว๊ย! ไม่ใช่เทวดาหรอก แต่เป็นคนที่ทำให้เธอเป็นผีเฝ้าทะเลได้ก็แล้วกัน”

“ก็เอาเลยสิ ฉันพร้อมจะตาย เพราะถึงกลายเป็นผีก็จะตามจองเวรพวกแกตลอดไป ชาตินี้อย่าได้มีความสุขกันเลยทั้งโคตรจำเอาไว้”

“เธอ!” เขามีหน้าที่ขู่ลลินภัทรให้กลัวไม่กล้ายุ่งย่ามระรานลัลนาและอาสาวอีก เวลาเดียวกันก็อยากปรามพยศ หยุดปากร้ายๆ กริยาจองหองของหญิงสาวลงเสีย

ในใจอยากดึงคนร้ายรั้นตรงหน้าเข้ามากอดจูบให้กระหน่ำใจ แต่ไม่ได้หรอก เรื่องอะไรจะโพนทะนาให้เธอรู้ว่าเขาสนใจ ทั้งที่แม่คุณไร้พิศวาสด่าประณามกันอยู่ป่าวๆ เช่นนี้


“โชคร้ายฉันก็ตาย แต่ถ้ามีทางรอดเมื่อไร พวกแกทุกคนได้ระเห็จไปอยู่ในคุกแน่” เสียงเกรี้ยวกราดประกาศกร้าว ความหวาดกลัวเมื่อครู่กลับถูกอยู่อารมณ์ชิงชังบดบังจนลืมสิ้น ว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ถูกจับมาโดยชายฉกรรจ์มากว่าสอง พฤหัสฟังอยู่ก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาอย่างหยาดหยัน

“แล้วเราจะได้รู้กัน ว่าปัญญาเธอจะเอาฉันเข้าได้จริงๆ หรือเปล่า” พูดจบก็พรวดเข้าหาหญิงสาวที่ตั้งรับอยู่ติดผนังเตียง ใช้แขนทั้งสองกั้นขนาบไม่ให้ร่างระหงหนีผินตัวหนี “ความจริงเธอก็สวย รูปร่างดีอีกตังหาก ฆ่าทิ้ง เสียดายของแย่”

“ไอ้บ้านี่! ไปห่างๆ นะ” ลลินภัทรตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจู่โจมรวดเร็วขนาดนี้

“ไม่รู้จักฉันแน่หรือลลินภัทร” เขาถาม แกล้งก้มหน้าลงไปใกล้ๆ กระทั่งกลิ่นจากร่างระหงนั้นลอยเข้ามาติดจมูกเขา

“ไม่รู้!” หญิงสาวตอบโดยไม่ได้คิด เพราะภาวะกดดันตรงหน้า ไม่มีเวลาให้เธอทบทวนความคุ้นเคยกับใครทั้งสิ้น

“งั้นฉันจะให้เรารู้จักกันมากขึ้น ในเมื่อเธอไม่ยอมลดราวาศอก เป็นอริกับอาและน้องอ้าย ก็อย่าหาว่าฉันใจร้ายทีหลังแล้วกัน”

“ท... ทำอะไร”

“อยากขึ้นสวรรค์หรือลงนรกละจ๊ะคนสวย”

“ฉันถามว่าแกจะทำอะไรไอ้โจรถ่อย” พยามผลักอกเขาออกไปแต่ก็ไม่สำเร็จ

“ปากดีนัก ฉันจะทรมานเธอบนเตียงนี่อย่างไรละ” พูดพลางไล้สายตาชั่วร้ายโลมเลียเรือนร่างตรงหน้า “ไว้ลองจนเบื่อเมื่อไรก็ส่งต่อไปให้ลูกน้องข้างนอก ปล่อยพวกมันไปปู้ยี้ปู้ยำกันให้หนำใจ ทำอย่างแบบนี้สนุกยิ่งกว่าฆ่าเธอให้ตายเป็นไหนๆ ”

“อย่านะ” นึกขึ้นมาเดี๋ยวนั้นเอง ว่าสวัสดิ์ภาพของตนเป็นสิ่งสำคัญเหนือกว่าอารมณ์อันหุนหันและแข็งกร้าวเกินควร “เราคุยกันได้หนิ นะๆ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ไม่ยุ่งกับสองแม่ลูกนั่นแล้วอีกก็ได้”

“อะไรกัน อยู่ๆ กลับลำกันขึ้นเวลานี้” พฤหัสเหยียดยิ้มอย่างชนะ ถอยห่างเธอมาระยะหนึ่ง ในขณะที่แขนทั้งยังกางกั่นของเธอไว้ “เมื่อกี้บอกจะยอมตายอยู่เลย”

“ก็มาคิดดูแล้วมันไม่คุ้มเลยที่ต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ ...กับคนแบนนี้”

“คนแบบไหนกัน พูดให้ดีนะ”

“ช่างเถอะ... เอาเป็นว่าต่อไปฉันจะอยู่ห่างๆ คนพวกนั้น ที่ใครที่มันไม่ก้าวก่ายกันอีก พอใจไหม” ต่อรองแกล้งอ่อนโอน มาดหมายให้ออกไปพ้นเมื่อไร แล้วค่อยสะลางคดีแค้นทีหลัง ท่องในใจ สงบสติ... สงบสติ... ใจเย็นเข้าไว้

“ดี”

“ทีนี้ส่งฉันกลับโรงแรมหรือยัง นี่มันกี่โมงกี่ยามก็ไม่รู้”

“เกือบๆ ตีสองแล้วละ พาเธอกลับตอนนี้เห็นทีจะไม่ได้” เขาตอบเสียงเรียบ จะเป็นอย่างไรถ้าแม่คุณรู้ว่าต้องอยู่นี่กับเขาข้ามวันข้ามคืน

“อ้าว ได้สิทำจะไม่ได้ เรียกรถที่โรงแรมมารับฉันก็สิ้นเรื่อง ขอโทรศัพท์หน่อยสิ”

“ตอนนี้เราอยู่บนเกาะห่างออกไปจากโรงแรมของเธอพอตัว จะกลับก็ต้องนั่งเรือออกไปที่ฝั่ง แต่เมื่อคืนพวกเรามากับเครื่อง... แล้วเผอิญเครื่องบินโดยสารของฉันกลับไปแล้ว อีกสามสี่วันถึงจะมารับเราใหม่”

“หะ!? เกาะ... อีกสามสี่วัน... ถึงเวลานั้นครอบครัวฉันมิแห่กันไปแจ้งความแล้วหรือ”

“ไม่หรอกน่า คุณอาจัดการเรื่องนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว แถมยังเก็บเสื้อผ้าที่ห้องใส่กระเป๋ามาให้เธอด้วยนะ”

“คงวางแผนกันมาอย่างดิบดีละสิ บัดซบที่สุด” อีคิวน้อยนิดขนาดผึงลงอีกครั้ง ยิ่งได้รับรู้ว่ามีแม่เลี้ยงที่แสนเกลียดมีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนชั่วร้ายนี้แค่ไหน ก็ยิ่งอยากกลับออกไปเอาคืนเหยียบบี้มันให้แลกลาญคาเท้า

“ลลินภัทร!”

“ฉันไม่อยากอยู่นี่กับพวกแก ฉันจะกลับไปหาพ่อหาย่าฉัน”

“เก่งนักก็ว่ายน้ำข้ามทะเลไปเองสิ ฉันจะคอยดู ถ้าเธอไม่ถูกฉลามกินเสียก่อน คงได้กลับไปหาครอบครัวหรอกนะ”

“สารเลว ที่อื่นไม่มีให้พาไปแล้วหรือยังไงถึงเสือกฉันพามาไกลถึงไอ้เกาะนรกนี่”

“เป็นถึงลูกหลานคุณหญิงทำไมถึงพูดจาก้าวร้าวหยาบคายได้ถึงขนาดนี้ พ่อแม่ไม่สั่งสอน”

“พ่อแม่แกน่ะสิไม่สั่งสอน อ๋อ... หรือว่ามันเป็นสันดานไปแล้วสำหรับตระกูลนี้ ชั่วกันทั้งโคตร”

เพียะ!! เหมือนกำลังไปไวกว่าความคิด พฤหัสฟาดฝ่ามือลงบนแก้มเนียนฉับพลัน จนใบหน้าเธอหันขวับไป
ตามแรงตบซึ่งคาดหนักพอดู

“แก…” เจ้าร่างระหงอึ้งอยู่ครู่ เมื่อได้สติก็รีบพาออกห่างจากเขาเป็นเร็วที่สุด “แกตบฉันหรือ”

“ก็เออน่ะสิ สามหาว เธอเป็นใคร กล้าดียังไงมาด่าตระกูลฉันสาดเสียเทเสียแบบนี้”

“มันเป็นเรื่องจริงหนิ พวกทุเรศไม่รู้จักยอมรับความเลวของตัวเอง” หญิงสาวปักหลักอยู่สุดมุม ยกโคมไฟใกล้ตัว

ขึ้ขู่ฟ่อ เมื่อเห็นร่างใหญ่สมาร์ทลุกจากเตียงและเดินตรงเข้ามาหาเธอ “อย่าเข้ามานะ”

“พอใจจะไปเสียอย่าง เธอจะทำไม”

“ฟาดด้วยไอ้นี้น่ะสิ” หญิงสาวโต้เร้นเสียงที่สั่นเครือด้วยความหวาดหวั่นเอาไว้ไม่มิด ขณะดวงหน้าด้าวขวายังชาวาบ

“คิดว่าไอ้โคมไฟเล็กๆ แค่นั่น มันจะทำอันตรายฉันได้หรือ” หยุดยืนอยู่ตรงหน้า ยิ้มท่าท้าทายหาเกรงกลัวท่าทีประทุษร้ายนั้นไม่

“ก็ลองดูสิ” ลลินภัทรสนองความอวดดีนั้นทันที เธอเงื้อมเจ้าอาวุธร้ายแรงในมือ หมายทุบเปรี๊ยงลงบนศีรษะของอีกฝ่าย

ทว่าชั้นเชิงพฤหัสเหนือกว่ามากคว้ามันเอาไว้ทัน และออกแรงบิดข้อมือทั้งสองเธอเพียงนิดเดียวโคมไฟหินของสาวร้ายก็หล่นลงบนพื้น ก่อนวงแขนแกร่งของชายหนุ่มจะเข้าพันธนาการร่างหงด้วยจงใจ ปราบพยศนางมารสาว ไม่ให้อวดดีกล้าต่อกลอนเป็นปฏิปักษ์กับคนอย่างเขาอีก

“ไง ไม่แม่ตัวดี” เขาชักสีหน้าเย้ยหยัน “แน่จริงก็ดิ้นให้หลุดสิ”

“ไอ้โจรชั่ว!” ลลินภัทรด่าไปพลางแข็งขืนต่อต้าน ซึ่งไม่มีวี่แววจะได้รับอิสระจากคนตัวใหญ่แม้แต่น้อย ซ้ำร้ายยิ่งเธอรื้อรนขยับตัวก็เหมือนจะยิ่งแนบชิด ถูกอ้อมกอดของเขากระชับเข้าไปแน่นขึ้นอีก

“ฉันชื่อพฤกษ์ ไม่ใช่ไอ้โจรชั่ว ถ้าเป็นโจรจริงๆ ล่ะก็ ป่านนี้อย่างเธอคงแหลกเหลือแต่กระดูกไปแล้ว”

“ปล่อยนะ ไม่ใช่โจรก็ปล่อยสิ”

“อยากเป็นอิสระนักต้องขอโทษฉันก่อน” เขายื่นคำขาด หากลลินภัทรเองก็โมโหหน้ามืดเกินกว่าจะกล่าวประโยคนั้นได้ มีเพียงน้ำใสๆจากภายในเรียวปากที่เจ้าตัวสาดใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง

ถุย...!

“โอ๊ย!!” หญิงสาวร้องเสียหลง เมื่อตัวเธอถูกเหวี่ยงฟาดล้มลงเบื้องล่าง แม้พื้นจะปูด้วยพรม แต่เขารวบตัวเธอทิ้งพรวดลงมาแรงมาก ทำให้ลลินภัทรทั้งจุกและเจ็บ

“สมน้ำหน้า” หยามหยันย้ำอีกรอบด้วยการตามมาเหยียบเท้าข้างหนึ่งของเธอไว้

“ฉันเจ็บ”

“เจ็บน่ะสิดี จะได้สำนำเสียบ้าง ว่าไอ้การทำตัวกร่านอริอาจมาเป็นศัตรูกับฉัน ผลลัพธ์มันเป็นยังไง” แล้วร่างใหญ่ย่อกายลงในระดับที่ไม่ต่างจากเธอไม่มากนัก “เหอะ ผู้หญิงอะไรหน้าตาก็ดีแต่กริยามารยาททราม... ปากคอเลาะร้าย ไม่อยากอยู่ใกล้เลยสักนิด”

“ก็ไปห่างๆ สิ ไป!” ออกปากไล่เขาให้พ้นตัว ทว่าพฤหัสมิได้มีท่าทีไหวติงตามแรงยุของเธอแม้แต่น้อย เท้าเขายังคงทับอยู่บนข้อเท้าของเธอ แถมเพิ่มแรงกดลงไปอีกด้วยซ้ำ

“อย่ามาไล่ฉันนะ ตัวเองกำลังลำบากยังไม่รู้ตัวอีก เจ้าอารมณ์ ไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด” วาจาตำหนิแสดงความเดียดฉันท์ ผิดกับสายตาวาบวามที่บัดนี้มองต่ำลงยังกระโปรงชายหาดตัวยาว ซึ่งเลิกขึ้นสูงผลจากการถลาล้มลงเมื่อครู่ เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียน ดึงดูดความสนใจและอารมณ์เสน่หานัก

“จะเป็นหรือไม่เป็นมันตัวของฉัน คนอื่นอย่าแส่”

“หึ ถ้าอย่างนั้นฉันชักไม่อยากเป็นคนอื่นสำหรับเธอแล้วสิ หรือยังไงดีล่ะคนสวย เรามาทำความรู้สึกกันให้มากกว่านี้สักหน่อยไหม”

“ไม่!” ลลินภัทรเริ่มรู้ตัวว่าความสนใจของมุ่งอยู่ที่ตรงไหน ก้มลงมองบ้าง พบสภาพความตนเองหล่อแหลมเกิน รีบดึงชายกระโปรงปิดลงอย่างเร่งด่วน

“ปิดทำไม กำลังเพลินอยู่เลย ทำหวงเนื้อหวงตัวไปได้” ว่าแล้วมือใหญ่กลับถลกมันขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันเปิดขึ้นสูงมาก เล่นเอาหญิงสาวหวีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก ทว่าพฤหัสกับมีสีหน้าพอใจ นัยน์ตาคมคู่นั้นประกายจ้า “ได้ข่าวว่าที่มีปัญหากับน้องอ้ายเพราะเรื่องแย่งผู้ชายไม่ใช่หรือ ถ้าตอนนี้เธอขัดสนไม่มีใครละก็ ฉันช่วยได้นะ”

“ถึงฉันมันเลวแต่ก็เลือกนะ โจรเถื่อนถ่อยไร้วัฒนธรรมแบบนี้ ไม่เคยอยู่ในความต้องการ ให้ฟรีๆ ยังไม่เอาเลย”

“วะ! ยังไม่หยุดปากดีนะ ผู้หญิงคนอื่นเร่หาฉันทั้งนั้น แล้วเธอเป็นใคร มีสิทธิ์ใช้สีหน้าคำพูดดูถูกกันแบบนี้” พฤหัสโจมเข้ารวบและตรึงข้อมือทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้กับพื้น บังคับให้เธออยู่ใต้ร่างใหญ่ของเขา ก่อนโน้มลงครอบครองริมฝีปากอิ่มนั้นอย่างอุอาจ

ลลินภัทรดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง ครั้นเรี่ยวแรงที่มีอยู่หรือจะสู้เขาได้ เมื่อชายหนุ่มกระชากเสื้อกรามสีขาวตัวเก่งออกไปให้พ้นทาง รุกรานลงมายุ่งย่ามกับเนินกายใต้บาร์เซีย

“ช่วยด้วย... ใครก็ได้ช่วยฉันที ช่วยด้วย”

“เอ้า แหกปากเข้าไป นึกหรือว่าจะมีพระเอกขี่ม้าขาวมาโปรด ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัว มีแค่ฉันกับลูกน้องสี่คนเท่านั้น นอกจากมัจจุราชแล้ว ร้องให้ตายก็ไม่มีใครหน้าเข้ามาช่วยเธอได้หรอก”

“อย่ามายุ่งกับฉันนะ ไปนะ ไปให้พ้น!”

“ไม่ไป! เธอด่าฉันเป็นโจรนักนี่ ร้าวก้าวอวดดีนัก งั้นก็มาเป็นเมียโจรมันเสียเลย” แล้วบาร์เซียตัวเก๋ก็หลุดออกมาติดมือเขา

เริ่มสัมผัสประทับความเจ้าบนอกสวยคู่นั้น พลันก้มลงประกบริมฝีปากเธออีกครั้ง ปิดเสียงที่เจ้าตัวกำลังร้องทักทวงอะไรบางอย่าง ทว่าเขาไม่อยากฟังมัน เวลานี้ต้องการเพียงครอบครองเรือนร่างเย้ายวนตรงหน้า ผู้หญิงที่เขาชังต่อพฤติกรรมของเธอเป็นที่สุด




เสียงเครื่องปรับอากาศยังคงทำงานของมันอย่างต่อเนื่อง แม้สิ่งมีชีวิตใดๆ ในห้องนั้น จะอยู่ในห้วงฝันหรือตื่นอยู่ก็ตาม ห้องนอนสีจัด ตกแต่งด้วยของข้าวเครื่องเรือนสไตล์โมร็อกโคเก่าแก่ รวมไปถึงเตียงไม้สลักที่บัดนี้มีร่างหนุ่มสาวสองคนอยู่บนนั้น

“จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย ถ้าไม่ใช่ความโอหังจองหองของเธอบีบบังคับให้ฉันต้องทำ” พฤหัสยื่นมือไปลูบไหล่บางที่ผู้เป็นเจ้าของนอนตะแคงหันหลังให้เขาอยู่เวลานี้ แรงกระเพื่อมจากร่างระหงนั้นทำให้รู้ได้ทันทีว่าลลินภัทรกำลังร้องไห้ “ฉันไม่รู้ว่ามันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ได้ยังไง เธอทำให้ฉันแทบกลายเป็นปีศาจ ความอดทนยับยั้งตัวเองหายไปไหนหมดก็ไม่รู้”

“ไปลงนรกน่ะสิ ไอ้ผีบ้า” ร่างไร้ซึ่งอาภรณ์มีเพียงผ้าห่มผืนหนาคลุมไว้ หุนหันลุกขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น “กล้าทำต่ำช้ากับฉันได้ ไอ้สารเลว”

“ด่าฉันอย่างกับเธอเองประเสริฐนักหนิ ถ้าไม่ใช่เพราะพฤติกรรมราวีคนอื่นจนเหลือรับ จะถูกฉุดมาอย่างนี้ไหมหา ในเมื่อคนหนึ่งเลว อีกคนก็ชั่ว ฉันว่าเหมาะสมกันดีออก” เขาเถียงไปก็ยิ้ม เมื่อเห็นคนดื้อด้านที่เป็นห่วงได้ระบายออกมาบ้าง ครั้นเงียบเหงาลงไปนานหลังจากเขาอุ้มเธอขึ้นมาบนเตียง ในขณะที่ลลินภัทรปาดน้ำตาก่อนชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

“อย่าให้ฉันรอดออกไปได้นะ จะแฉแจ้งตำตรวจจับเข้าคุกกันทั้งอาทั้งหลานเลยคอยดู เหอะ...อีแม่เลี้ยงที่แสนดี หลังหน้ากากมันก็นางแม่มดคอยสร้างแต่ความพินาศให้คนอื่น ถ้าพ่อกับย่าฉันรู้เรื่องนี้เข้า รับรองทั้งอีนั้นรวมถึงลูกมันได้กระเด็นออกไปจากครอบครัวแน่”

“ตราบใดที่ฉันยังอยู่ จะไม่มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่” ร่างใหญ่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อเช่นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ ลุกนั่งอิงหลังไว้กับพนังเตียง ก่อนกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงมั่นคง “ว่าแต่เธอเถอะ ก่อนไปสนใจเรื่องคนอื่น กันกลับมาใยดีตัวเองสักหน่อยไหม แม่สาวพรหมจรรย์ของฉัน”

“กรี๊ดดด...ดดด” เหมือนราดน้ำเกลือลงบนแผลสดๆ เสียงใสหวีดกังวานออกมาด้วยความเจ็บใจ
ความบริสุทธิ์หรือ เธอไม่ได้ใยดีต่อมันนักหรอก สิ่งนี้ไม่เคยมีค่าเท่ากับชีวิตและอิสระ ทว่าที่ผ่านมาไม่โอกาสให้สูญเสียมันเท่านั้นเอง

แต่สีหน้าท่าทางของพฤหัสนี่สิราวกับตัวเองเป็นผู้ชนะเสียเต็มประดา และหญิงสาวซึ่งถูกหยัดเหยียดในฐานะผู้พ่ายแพ้ ไม่อาจทนกริยาวาจาเหน็บแนมน่ารังเกียจของเขาได้

“เงียบนะ!” ชั่วอึกใจ ชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปปิดปากเธอไว้ “หนวกหูรู้ไหม นี่มันตีสามกว่าแล้ว จะเอะอะโวยวายอะไรนักหนา คนอื่นเขาจะหลับจะนอน ถ้าไม่เลิกแผลงฤทธิ์อาละวาดละก็ ฉันจะทำอีก... อ๋อ ไม่สินะ กับฉันนานๆ เธอคงเบื่อ ลงทุนร้องแร่แห่กระเชิงเสียขนาดนี้คงอยากเรียกให้ลูกน้องฉันตื่นขึ้นมาสนุกกับเธอด้วยสินะ”

“...” หญิงสาวส่ายหน้าดิก

“ทำไม ไม่ชอบหรือ ฉันช่วยเรียกให้ได้นะ” ถามแกมขู่ คนฟังซึ่งถูกมือเขาปิดปากไว้พูดไม่ได้รีบสั่นศีรษะปฏิเสธอีกครั้ง ชายหนุ่มผู้ถือไพ่เหนือกว่าชักสีหน้าพออกพอใจ “ถ้าอย่างนั้น ทำตัวง่ายๆกับฉันเข้าไว้ ห้ามพยศ ห้ามแผลงฤทธิ์ ห้ามด่า เพราะถ้าฉันไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกล่ะก็ เธอได้ทำกิจกรรมหมู่แน่”

“แล้วพวกแกจะทำยังไงกับฉันต่อ ฆ่าใช่ไหม” เมื่อเขาปล่อยมือโอกาสให้พูด หญิงสาวก็หลุดคำถามออกทันที หากชายไม่ยอมตอบ ติดใจสรรพนามที่อีกฝ่ายใช้เรียกเขาเสียมากกว่า

“ฉันชื่อพฤกษ์ ไม่ใช่แก เรียกใหม่สิ”

“...” คนถูกสั่งทำหน้าบึ้ง ขณะมือดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนมิดไหล่

“ยังอีก จะท้าทายขัดคำสั่งฉันใช่ไหม”

“เอาๆ พฤกษ์ก็พฤกษ์ พอใจหรือยัง”

“ยัง ...จูบฉันด้วย เร็วๆ เข้า” สั่งต่อไปราวกับเป็นเรื่องปกติ ยิ้มในหน้ากรุ่มกริ่ม พลางเยื้องกายไปใกล้อีกรอหญิงสาวทำตามบัญชา

“อ..อะไร?”

“จูบไง ทำอีโนเซ่นไปได้ เร็วสิ ฉันไม่ชอบผู้หญิงชักช้าร่ำไร เธอจะจูบฉันแค่คนเดียว หรือจะไปจูบกับไอ้พวกนั้นข้างนอกอีกสี่คน เลือกเอา”

“อย่าขู่ฉันนะ”

“ไม่ได้ขู่ แต่จะทำจริงๆ ตังหาก ไม่เชื่อจะลองดูไหมละ” พฤหัสกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่ง ทำเอาอีกฝ่ายซึ่งกำลังอยู่ในภาวะพรั่งพรึงอยู่แล้วหวาดหวั่นหนักขึ้นไปอีก ยอมเคลื่อนเข้าไปและทาบริมฝีปากลงบนเรียวปากได้รูปเขาอย่างจำใจ

“อะไรแค่นี้เขาเรียกว่าจูบหรือ” คนเรื่องมากยึกยักโวยวาย ไม่พอใจก็ฉวยร่างระหงมาไว้ในอ้อมแขน กดจมูกแรงๆ บนซอกคอ และหลายไล้ลงมาตามเนียนเนื้อนุ่มน่าสัมผัส “อื้อ... อย่างนี้สิ ค่อยชื่นใจหน่อย อย่าดิ้นน่า ฉันไม่ชอบคนดีดดิ้นฤทธิ์มาก ขัดใจขึ้นมาผลเป็นยังไงคงไม่ต้องให้พูดย้ำนะ”

“แต่ฉันลำบากนี่” เธอพยามทัดทานการรุกรานของเขา ในขณะที่พฤหัสไม่วายยิ่งกอดรัดแนบแน่นอีกเป็นทวี “ทำไมต้องลักกินขโมยแบบนี้ด้วยเล่า โอ๊ย... อย่าทำแบบนี้นะ หยุด!”

“ใคร? ใครลักกินขโมยกิน เธอเป็นของฉันแล้วตังหาก ที่ผ่านมาน่ะ ความรู้สึกช้านะเรา”

“ไม่ใช่” โต้กลับหน้าดำหน้าแดง และใช้ความพยามยิ่งอวดที่จะไม่อ่อนไหวต่อลวดลายการปลุกเร้าที่เหนือชั้นนัก

“อย่าเถียงลลินภัทร เธอเป็นผู้หญิงของฉัน จากนี้ต่อไปห้ามทำตัวนอกลู่นอกทางอีก” จบคำพลักผลักเธอลงกับเตียง เคล้าคลอเล้าไล้ไปทั่วกายนุ่ม ซุกไซ้ลากรุกต่ำลงมา สัมผัสริมฝีปากช้าๆ บริเวณนั้น

“อื้อ…” เหมือนร่างกายพยศ มือเรียวจิกผ้าปูที่นอนแน่น ผู้เกมเหนือกว่าชะงักนิดหนึ่ง พรายยิ้มแกมเอ็นดูออกมา

“เธอกำลังทรมาน อย่าฝืนตัวเองเลยทูนหัว ฉันสัญญาจะทำให้เธอมีความสุข ไม่รุนแรงเหมือนครั้งที่แล้วอีก” เขาว่า จากนั้นก็กลับมาเริ่มปฏิบัติหน้าที่ต่อเธออย่างแข็งขัน ใช้ประสบการณ์โชกโชนชำนาญของเขาจูงหญิงสาวเดินไปสู่ความหฤหันต์หลายต่อหลายครั้ง เมื่อร่างกายกลับทรยศต่อศักดิ์ศรีและปฎิปักษ์ในใจไปแล้วโดยสิ้นเชิง

-----



ตรีชวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2554, 21:46:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2554, 21:49:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1804





<< ๒ ตัวปัญหา   ๔ จำเลยตัวร้าย >>
อนัญชนินทร์ 23 พ.ค. 2554, 23:19:01 น.
ชื่อเท่มาก พฤหัส ^^


pattisa 29 พ.ค. 2554, 10:53:48 น.
นางเอก แร๊งงงงงงงงงง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account