วังวนรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ๒ ตัวปัญหา
ที่ห้องของลัลนา ร่างอวบอิ่มผ่องผายของคุณมณีมัชญ์ กำลังนั่งอยู่บนเตียงกว้างของบุตรสาว พินิจดวงหน้าเจ้าของร่างบางที่กำลังหลับสนิทอยู่ในเวลานี้อย่างอาทรสงสารนัก ทั้งที่ได้มาอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ พ่อ แม่ ลูกแล้วแท้ๆ แต่ยังไม่วายมีปัญหาเข้ามาบั่นทอนความสุขอีกจนได้ สตรีวัยย่างสี่สิบเอ็ดถอนใจอย่างกลัดกลุ้ม
แก้วตาดวงใจของหล่อน ถูกกระทำรุนแรงจากพี่สาวต่างมารดาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เรื่องนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วละ ต่อจากนี้ไม่หล่อนจะไม่มียอมให้ใครหน้าไหนมาระรานรังแกลัลนาได้อีก
ไตร่ตรองหาวิธีจัดการกับ ‘ตัวปัญหา’ นึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครสะสางเรื่องนี้ได้ดีเท่า ทายาทของพี่ชายผู้ล่วงลับ ...หัวเรือใหญ่แห่งศิลาธนิก หลานชายที่พึ่งพิงมั่นคงหนึ่งเดียวของหล่อนและลูกยามมีปัญหา
ครั้นทรัพย์สิน อิทธิพลและบารมีของเขาผนวชชื่อกับเสียงเก่าแก่ของพี่ชายนั่นเอง ทำให้หล่อนได้รับอนิสงส์เป็นที่ต้อนรับนับถือในสังคมจนถึงทุกวันนี้ ว่าแล้วก็ต่อโทรศัพท์หาหลานรัก เสียงรอสายดังอยู่ไม่นาน เจ้าตัวก็รับ
“ว่าไงครับอามัญช์” เสียงห้าวดังเข้ามาจากปลายสาย พฤหัส ศิลาธนิก บัดนี้กำลังนั่งที่โต๊ะห้องทำงานใหญ่ พูดโทรศัพท์ขณะสายตาจับจ้องไปยังผนังกระจกด้านหลัง มองผ่านไปยังทัศนียภาพใจกลางกรุง ที่เรียงรายไปด้วยตึกใหญ่น้อย ครั้นมันผุดขึ้นด้วยรูปร่างแปลกตาเข้าทุกวัน
“พฤกษ์ยุ่งอยู่ไหมลูก อาโทรมากวนเวลาเราหรือเปล่า” มณีมัชญ์กรึ่นกับชายหนุ่มอย่างเกรงใจ
“ไม่หรอกครับ สำหรับอามัชญ์ผมว่างเสมอ” เขาบอก “ว่าแต่ไปเที่ยวเป็นยังไงบ้างคุณอา น้องอ้ายคงชอบ บ่นว่าอยากไปทะเลนานแล้ว ไม่มีเวลาพาไปเที่ยวสักที”
“น้องก็มีความสุขดีอยู่หรอก ติดเพียงแต่ เฮ้ย... หลานยังจำนังลูกติดของคุณก้องที่อาเล่าให้ฟังได้ไหม มันเอาอีกแล้วนะพฤกษ์ วันนี้ทำยายอ้ายเกือบตาย”
“ครับ!? เกิดอะไรขึ้นอา”
“น้องถูกผลักตกน้ำลูก ไม่ใช่สระน้ำธรรมดานะแต่เป็นทะเลลึกเสียด้วย นี่กะจะให้ตายจากกันไปเลยหรือยังไง เลวจริงๆ แม่คนนี้”
“แล้วตอนนี้น้องอ้ายเป็นยังไงบ้างครับ”
“ปล่อยภัยดีแล้ว แต่จับไข้นิดหน่อย นี่อาก็ดูแลอยู่”
“ไม่น่าทำถึงขนาดนั้น พี่น้องกันแท้ๆ”
“โอ๊ย มันเคยคิดว่ายายอ้ายเป็นน้องเสียที่ไหน จงเกลียดจงชังสิไม่ว่า มันอิจฉาน่ะที่ตาหนึ่งมารักใคร่ชอบพอกับน้องมากกว่ามัน”
“ใครครับหนึ่ง...”
“เด็กในอุปการะของคุณหญิงท่าน พึ่งจบหมอมามาดๆ อนาคตไกลเชียวละ นังเอื้อยมันหวงของมันนักหนา ใครแตะต้องไม่ได้เลย”
“ที่แท้ก็บ้าผู้ชาย”
“นั่นแหละลูก อากลัวเหลือเกิน กลัวน้องจะเป็นอันตราย มันทำกับยายอ้ายหนักข้อขึ้นทุกวัน ช่วยอาหน่อยนะพฤกษ์ ให้ลูกน้องไปตักเตือนสั่งสอนมันเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นคงโอหังอยู่อย่างนี้ ระรานอากับน้องไม่หยุดหย่อนแน่ๆ”
“ไม่มีปัญหาครับอา ผมจะให้ราเชนไปจัดการด้วยตัวเอง”
“จ๊ะ รูปนังเอื้อย อาส่งไปเข้าอีเมล์หลานแล้วนะ จะได้ไม่ผิดตัว”
“แล้วผมจะจัดการให้เร็วที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ขอโทษใจมากพฤกษ์ ขอบใจที่ช่วยอากับน้องมาตลอด ถ้าไม่ได้หลานสักคนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน”
“โธ่...เล็กน้อยน่าอา ยังไงน้องอ้ายกับอามัชญ์ก็เป็นญาติไม่กี่คนที่เหลืออยู่ของผม เห็นอาทุกข์ผมเองยังไม่สบายใจไปด้วย มีอะไรที่ช่วยได้หลานอาคนนี้ยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง”
“ถ้าอย่างนั้น อากวนพฤกษ์เท่านี้นะจ๊ะ อย่าโหมงานมากละอาเป็นห่วง”
“ครับอา” ประธานกรรมการหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดกดวางสาย
ที่ชั้นห้าสิบสองบนตึกสูงใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ละความสนใจจากทิวทัศน์ฝีมือมนุษย์เบื้องหน้าหันและกลับมายังโต๊ะทำงานของตนเอง ก่อนถอนหายใจเบาๆ ด้วยนึกห่วงใยอาสาวที่เขาสนิทสนมด้วยมาตั้งแต่เล็ก เพราะหล่อนพึ่งแยกตัวไปอยู่กับครอบครัวสามีเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งเขารักเหมือนน้องสาวแท้ๆ
ความจริงแล้วเขาไม่เข้าใจมณีมัชญ์เลย หล่อนทนรอก้องเกียรติสามีนอกกฎหมายนานนับสิบๆ ปีได้อย่างไร ทั้งที่ฝ่ายนั้นก็มีภรรยา ลูกสาวอีกคนอยู่แล้ว จำได้ดีบิดาของเขาพยายามสรรหาคู่ครองคนใหม่ ที่ดีกว่าและมีคุณสมบัติสมบูรณ์กว่านายก้องเกียรติมาให้น้องสาว ทว่ามณีมัชญ์ไม่เคยใส่ใจ
ผู้หญิงที่เพียบพร้อมเช่นหล่อนกลับพอใจที่จะเป็นรอง กระทั่งภรรยาตัวจริงเสียชีวิต ลัลนาจึงได้ไปอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูกพร้อมหน้า
...เพราะรัก ชายหนุ่มเคยได้หญิงมณีมัชญ์แก้กับพี่ชายว่าอย่างนั้น รัก... หากมันทำให้กับคนตามืดบอด หลงงมงายได้ถึงเพียงนี้ ทั้งชาติเขาก็ไม่ขอมีเสียดีกว่า ไอ้ความรักไร้สาระนั่น ที่ผ่านพฤหัสมีผู้หญิงที่คบหาด้วยมากมาย ทว่าเขาไม่เคยยกย่องใครอย่างจริงจังสักคน
ชายหนุ่มเพ่งยังหน้าหน้าจอแล็ปท็อปเครื่องเก่งราคาเหยียบหกหลัก ขณะลากนิ้วไปตาตามแผ่นสัมผัส เพื่อเข้าอีเมล์เปิดโฉมหน้า ‘ตัวปัญหา’ ของมณีมัชญ์
อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผสานกับการประมวลผลอันเยี่ยมยอดของระบบปฏิบัติการ ภาพถ่ายหญิงสาวผู้นั้นปรากฏแก่สายตาเขาในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา พฤหัสเหยียดยิ้มพอใจ หน้าตาก็สวยไม่น่ามีนิสัยร้ายกาจอย่างที่ล่ำลือเลย นี่แหละโบราณเขาว่า ‘สวยแต่รูปจูบไม่หอม’
จูบหรือ... พฤหัสคิดด้วยอารมณ์ฮึกเหิม ลลิตภัทร วรนันท์ ผู้หญิงคนนี้จะคู่ควรกับตำแหน่งผู้หญิงคนใหม่ของเขาหรือเปล่านะ ลูกเลี้ยงของอามัชญ์ที่ว่าฤทธิ์เดชจัดจ้านน่าดู หากเขาดึงเธอมาเคียงข้างสักพัก ชีวิตคงมีสีสันขึ้นไม่น้อย แม่คุณจะพยศและเร้าร้อนแค่ไหนกัน
ประธานหนุ่มใช้เวลาคิดตริตรองอยู่ไม่นาน ก็จัดการต่ออินเตอร์คอมถึงเลขาคนสนิท
“วิชญ์ นายรวบรวมเอกสารโครงการที่เหลืออยู่มาให้ฉันเร็วที่สุด ฉันจะรีบสะสางมันให้เสร็จภายในเย็นนี้”
“ครับท่าน”
“ดี... เรียกราชิต ราเชน อัษฎาแล้วก็ปกรณ์ ขึ้นมาพบฉันด้วย จะพาพวกนั้นลงใต้สักสี่ห้าวัน เรื่องการเดินทางนายก็เป็นธุระให้ด้วยแล้วกัน ฉันต้องการเร็วที่สุด”
“ไม่ทราบว่าท่านจะออกจากกรุงเทพกี่โมงครับ”
“หกโมงกว่าแล้วกัน พวกนายราชิตจะได้มีเวลาเตรียมตัวบ้าง”
“ครับ ผมจะติดต่อกัปตันไปเดี๋ยวนี้” กรวิชญ์เลขาของเขารับคำ พฤหัสจึงตัดการสนทนาและเบนสายตากลับมายังภาพหญิงสาวอีกครั้ง ที่เหลือก็เพียงติดต่อมณีมัชญ์ ให้ทำตามแผนทั้งหมด
รอก่อนเถิดนางมารคนสวย ...แล้วจะได้เจอกัน
ดาวดวงเล็กนับพันนับร้อย ส่องสกาวโดดเด่นอยู่บนแผ่นฟ้าสีน้ำเงินจัด ที่ลลินภัทรแหมหน้าพินิจชื่นชมความงดงามของมัน มองและมองอย่างไม่รู้เบื่อ
“เอื้อยชอบดาวมากกว่าพระจันทร์” หญิงสาวบอกแก่ชายหนุ่มข้างๆ ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาว ริมชาดหาดของโรงแรมที่เขาและเธอพักอยู่
ล่วงเลยมาเพียงสี่ทุ่มเท่านั้น ทว่าบรรยากาศกลับเงียบสงบและดูเป็นส่วนตัวมาก มีแค่ลลินภัทรและปฏิมาสองคน ไร้เงานักท่องเที่ยวคนอื่น ดีหน่อยที่บริเวณดังกล่าวไฟกระพริบดวงน้อยแขวงโยงกับต้นมะพร้าวเตี้ยๆ ซึ่งปลูกเรียงรายอยู่ตามหาดทรายสาดเสียงสว่าง ทำให้มองเห็นทะเลยามรัตติกาลทอดตัวห่างไปไกลสุดตา ซึ่งมันดูเวิ้งว้าง ลึกลับและน่ากลัวมากในยามนี้
“ทำไมละ พระจันทร์ไม่ดีตรงไหน”
“มันจืดชืดนี่คะ ไม่เห็นจะสวยเลย”
“ผิดกับพี่นะ พี่ชอบแสงเหลืองนวลมองแล้วสบายตาของพระจันทร์มากกว่า แล้วอีกอย่างมันดูมีค่ากว่าดาวเล็กๆ เยอะ”
“ตรงไหนคะ เพราะดูใหญ่โตกว่าน่ะหรือ ดาวที่เรามองเห็นมันเล็กก็จริง แต่คือดาวเคราะห์ดวงใหญ่ที่ห่างออกไปตังหาก พระจันทร์ดวงนี้เป็นบริวารของโลก อาจมีพระจันทร์อีกหลายดวงเป็นบริวารของเจ้าดาวกระจ้อยร่อยที่พี่หนึ่งว่าไร้ค่าเหมือนกัน” หญิงสาวโต้กลับฉะฉาน ปฏิมาอึ้งฟังเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
“จ้า แม่ศิลปินคารมนักการเมือง พี่เถียงสู้เอื้อยได้เลยจริงๆ”
“กำลังบอกพี่หนึ่งตังหาก ว่าอย่ามองอะไรแต่เปลือกนอก”
“…”
“ทำไมคืนนี้ พี่หนึ่งลงมานั่งเล่นเป็นเพื่อนเอื้อยได้ล่ะคะ ไม่ดูแลผู้หญิงคนนั้นของพี่หรือ”
“เอื้อย... ทำไมเรียกน้องอย่านั้นล่ะ อ้ายเขารักเอื้อยนะ เขาอยากพูดคุยดีๆ รักกันเหมือนที่น้องคู่อื่นบ้าง แต่เอื้อยนี่สิ เอาแต่ตั้งแง่ไม่ยอมให้โอกาสน้องบ้าง”
“แม่สอนเสมอค่ะ ไม่ให้ไว้ใจงูเห่า เพราะเมื่อเราเผลอมันพร้อมจะแว้งกัดเราได้ตลอดเวลา”
“อ้ายไม่ใช่งูเห่านะ ถ้ายังติดใจน้องเรื่องของเรา พี่เองก็มีส่วนผิด โกรธเกลียดก็ให้มาลงกับพี่คนเดียว อ้ายไม่เกี่ยว เธอบริสุทธิ์และบอบบางเกินกว่าที่เอื้อยจะไปอาละวาทระบายอารมณ์ใส่ โดยเฉพาะเรื่องเมื่อเช้า เอื้อยทำเกินไปมากจริงๆ ”
“ที่นั่งดูดาวเป็นเพื่อนกันนี่ เพราะจะพูดเรื่องนี้เองหรือค่ะ”
“ใช่ ...พี่อยากให้เอื้อยเข้าใจเราสองคนไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว พี่รักเราแค่น้องสาว เพราะฉะนั้นไม่ว่าเอื้อยโมโห ทำร้ายระรานอ้ายขนาดไหน ความรู้สึกของพี่ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีกเด็ดขาด”
“พี่หนึ่ง!” แผดเสียงเรียกอีกฝ่าย ด้วยไม่อาจฝืดรับรู้ความหมายในคำพูดที่เฉือนแทงจิตใจของชายหนุ่มอีก “พี่ทำแบบนี้กับเอื้อยได้ยังไง เอื้อยรักจริงใจกับพี่หนึ่งแค่ไหน แต่พี่กลับทรยศความรักของเอื้อย”
“พี่ขอโทษ พี่เลว... เอื้อยเกลียดพี่เถอะ แต่อย่าพาลลงเอากับอ้ายเลย”
“พอที! พอที! พอที!! เลิกปกป้องมันสักที จะทำอะไรกับใคร ฆ่ามันให้ตายก็เรื่องของเอื้อย พี่หนึ่งไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
“จะไปฆ่าใคร ทำไมพูดรุนแรงแบบนั้น”
“ก็คนที่มันทุกคนทำกับเอื้อยและแม่ไงคะ เอื้อยไม่มีวันปล่อยให้คนพวกนั้นอยู่เสวยสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอย่างสบายหรอก” ในเมื่อเขาหวงแหนห่วงใยกันนัก ก็ขู่เสียให้สาใจ
“ไม่คิดเลย เอื้อยจะเป็นไปได้ขนาดนี้ มีหัวคิดบ้างหรือเปล่า”
“มากกว่านี้เอื้อยก็จะทำค่ะ” หญิงสาวกล่าว ก้มลงหยิบทรายเบื้องล่างมากำหนึ่ง ก่อนจะสาดมันไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างเดือดแค้น “เรื่องหัวคิดเอื้อยคงจะมีมากกว่านี้หรอก ถ้าเลิกการมืดตามัว เลิกรักผู้ชายอย่างพี่ได้”
“เอาสิ ตัดใจสักที จะได้สงบสุขขึ้นมาบ้าง” คนถูกประทุษร้ายเมื่อครู่ปัดทรายออกจากตัว ท่าที่ขรึมเครียดขึ้นมาก ทว่าไม่โต้ตอบอะไรรุนแรงกลับไป ร่างสูงเหยียบกายลุกขึ้นจากที่นั่ง และจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
เมื่อถูกปล่อยไว้อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวก็พรั่งพรูน้ำตาที่อัดอั้นเอาไว้นานออกมาอย่างสุดกลั้น นั่งชันขาซบหน้าลงบนเข่าร้องไห้แรงๆ ด้วยว่าคิดว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณ
คร่ำครวญสักพักกระทั่งหนำใจก็ลุกขึ้น มาดหมายว่าควรกลับเข้าขึ้นไปบนห้อง นอนพักเอาเรื่อง หลังจากวันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการสู้รบฟังคำติฉินของใครต่อใครมาจนปวดหัวแล้ว
ก้าวไปตามพื้นทรายละเอียดทอดยาวห่างจากโรงแรมที่พักอยู่ประมาณเพียงร้อยเมตร แต่ยังไม่ทันไปถึง ฉับพลันก็รู้สึกถึงแรงกระชากแขนทั้งสองจากด้านหลัง
ทราบว่าตัวเองมีภัย ลลินภัทรพยายามดิ้นร้นป้องกันตัว ทว่าพวกโจรนั้นมีเยอะกว่าและแข็งแรงกว่ามาก จับแขนล็อกตัวเธอไว้อย่างแน่หนา ก่อนกลิ่นยาฉุนๆ จากผ้าเช็ดหน้าสีเข้มจะโป๊ะเข้าในที่จมูก
และเพียงไม่นานสติของหญิงสาวก็ดับวูบลงในที่สุด
แก้วตาดวงใจของหล่อน ถูกกระทำรุนแรงจากพี่สาวต่างมารดาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เรื่องนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วละ ต่อจากนี้ไม่หล่อนจะไม่มียอมให้ใครหน้าไหนมาระรานรังแกลัลนาได้อีก
ไตร่ตรองหาวิธีจัดการกับ ‘ตัวปัญหา’ นึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครสะสางเรื่องนี้ได้ดีเท่า ทายาทของพี่ชายผู้ล่วงลับ ...หัวเรือใหญ่แห่งศิลาธนิก หลานชายที่พึ่งพิงมั่นคงหนึ่งเดียวของหล่อนและลูกยามมีปัญหา
ครั้นทรัพย์สิน อิทธิพลและบารมีของเขาผนวชชื่อกับเสียงเก่าแก่ของพี่ชายนั่นเอง ทำให้หล่อนได้รับอนิสงส์เป็นที่ต้อนรับนับถือในสังคมจนถึงทุกวันนี้ ว่าแล้วก็ต่อโทรศัพท์หาหลานรัก เสียงรอสายดังอยู่ไม่นาน เจ้าตัวก็รับ
“ว่าไงครับอามัญช์” เสียงห้าวดังเข้ามาจากปลายสาย พฤหัส ศิลาธนิก บัดนี้กำลังนั่งที่โต๊ะห้องทำงานใหญ่ พูดโทรศัพท์ขณะสายตาจับจ้องไปยังผนังกระจกด้านหลัง มองผ่านไปยังทัศนียภาพใจกลางกรุง ที่เรียงรายไปด้วยตึกใหญ่น้อย ครั้นมันผุดขึ้นด้วยรูปร่างแปลกตาเข้าทุกวัน
“พฤกษ์ยุ่งอยู่ไหมลูก อาโทรมากวนเวลาเราหรือเปล่า” มณีมัชญ์กรึ่นกับชายหนุ่มอย่างเกรงใจ
“ไม่หรอกครับ สำหรับอามัชญ์ผมว่างเสมอ” เขาบอก “ว่าแต่ไปเที่ยวเป็นยังไงบ้างคุณอา น้องอ้ายคงชอบ บ่นว่าอยากไปทะเลนานแล้ว ไม่มีเวลาพาไปเที่ยวสักที”
“น้องก็มีความสุขดีอยู่หรอก ติดเพียงแต่ เฮ้ย... หลานยังจำนังลูกติดของคุณก้องที่อาเล่าให้ฟังได้ไหม มันเอาอีกแล้วนะพฤกษ์ วันนี้ทำยายอ้ายเกือบตาย”
“ครับ!? เกิดอะไรขึ้นอา”
“น้องถูกผลักตกน้ำลูก ไม่ใช่สระน้ำธรรมดานะแต่เป็นทะเลลึกเสียด้วย นี่กะจะให้ตายจากกันไปเลยหรือยังไง เลวจริงๆ แม่คนนี้”
“แล้วตอนนี้น้องอ้ายเป็นยังไงบ้างครับ”
“ปล่อยภัยดีแล้ว แต่จับไข้นิดหน่อย นี่อาก็ดูแลอยู่”
“ไม่น่าทำถึงขนาดนั้น พี่น้องกันแท้ๆ”
“โอ๊ย มันเคยคิดว่ายายอ้ายเป็นน้องเสียที่ไหน จงเกลียดจงชังสิไม่ว่า มันอิจฉาน่ะที่ตาหนึ่งมารักใคร่ชอบพอกับน้องมากกว่ามัน”
“ใครครับหนึ่ง...”
“เด็กในอุปการะของคุณหญิงท่าน พึ่งจบหมอมามาดๆ อนาคตไกลเชียวละ นังเอื้อยมันหวงของมันนักหนา ใครแตะต้องไม่ได้เลย”
“ที่แท้ก็บ้าผู้ชาย”
“นั่นแหละลูก อากลัวเหลือเกิน กลัวน้องจะเป็นอันตราย มันทำกับยายอ้ายหนักข้อขึ้นทุกวัน ช่วยอาหน่อยนะพฤกษ์ ให้ลูกน้องไปตักเตือนสั่งสอนมันเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นคงโอหังอยู่อย่างนี้ ระรานอากับน้องไม่หยุดหย่อนแน่ๆ”
“ไม่มีปัญหาครับอา ผมจะให้ราเชนไปจัดการด้วยตัวเอง”
“จ๊ะ รูปนังเอื้อย อาส่งไปเข้าอีเมล์หลานแล้วนะ จะได้ไม่ผิดตัว”
“แล้วผมจะจัดการให้เร็วที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“ขอโทษใจมากพฤกษ์ ขอบใจที่ช่วยอากับน้องมาตลอด ถ้าไม่ได้หลานสักคนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน”
“โธ่...เล็กน้อยน่าอา ยังไงน้องอ้ายกับอามัชญ์ก็เป็นญาติไม่กี่คนที่เหลืออยู่ของผม เห็นอาทุกข์ผมเองยังไม่สบายใจไปด้วย มีอะไรที่ช่วยได้หลานอาคนนี้ยินดีช่วยเหลือทุกอย่าง”
“ถ้าอย่างนั้น อากวนพฤกษ์เท่านี้นะจ๊ะ อย่าโหมงานมากละอาเป็นห่วง”
“ครับอา” ประธานกรรมการหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดกดวางสาย
ที่ชั้นห้าสิบสองบนตึกสูงใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ละความสนใจจากทิวทัศน์ฝีมือมนุษย์เบื้องหน้าหันและกลับมายังโต๊ะทำงานของตนเอง ก่อนถอนหายใจเบาๆ ด้วยนึกห่วงใยอาสาวที่เขาสนิทสนมด้วยมาตั้งแต่เล็ก เพราะหล่อนพึ่งแยกตัวไปอยู่กับครอบครัวสามีเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งเขารักเหมือนน้องสาวแท้ๆ
ความจริงแล้วเขาไม่เข้าใจมณีมัชญ์เลย หล่อนทนรอก้องเกียรติสามีนอกกฎหมายนานนับสิบๆ ปีได้อย่างไร ทั้งที่ฝ่ายนั้นก็มีภรรยา ลูกสาวอีกคนอยู่แล้ว จำได้ดีบิดาของเขาพยายามสรรหาคู่ครองคนใหม่ ที่ดีกว่าและมีคุณสมบัติสมบูรณ์กว่านายก้องเกียรติมาให้น้องสาว ทว่ามณีมัชญ์ไม่เคยใส่ใจ
ผู้หญิงที่เพียบพร้อมเช่นหล่อนกลับพอใจที่จะเป็นรอง กระทั่งภรรยาตัวจริงเสียชีวิต ลัลนาจึงได้ไปอยู่ด้วยกันพ่อแม่ลูกพร้อมหน้า
...เพราะรัก ชายหนุ่มเคยได้หญิงมณีมัชญ์แก้กับพี่ชายว่าอย่างนั้น รัก... หากมันทำให้กับคนตามืดบอด หลงงมงายได้ถึงเพียงนี้ ทั้งชาติเขาก็ไม่ขอมีเสียดีกว่า ไอ้ความรักไร้สาระนั่น ที่ผ่านพฤหัสมีผู้หญิงที่คบหาด้วยมากมาย ทว่าเขาไม่เคยยกย่องใครอย่างจริงจังสักคน
ชายหนุ่มเพ่งยังหน้าหน้าจอแล็ปท็อปเครื่องเก่งราคาเหยียบหกหลัก ขณะลากนิ้วไปตาตามแผ่นสัมผัส เพื่อเข้าอีเมล์เปิดโฉมหน้า ‘ตัวปัญหา’ ของมณีมัชญ์
อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงผสานกับการประมวลผลอันเยี่ยมยอดของระบบปฏิบัติการ ภาพถ่ายหญิงสาวผู้นั้นปรากฏแก่สายตาเขาในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา พฤหัสเหยียดยิ้มพอใจ หน้าตาก็สวยไม่น่ามีนิสัยร้ายกาจอย่างที่ล่ำลือเลย นี่แหละโบราณเขาว่า ‘สวยแต่รูปจูบไม่หอม’
จูบหรือ... พฤหัสคิดด้วยอารมณ์ฮึกเหิม ลลิตภัทร วรนันท์ ผู้หญิงคนนี้จะคู่ควรกับตำแหน่งผู้หญิงคนใหม่ของเขาหรือเปล่านะ ลูกเลี้ยงของอามัชญ์ที่ว่าฤทธิ์เดชจัดจ้านน่าดู หากเขาดึงเธอมาเคียงข้างสักพัก ชีวิตคงมีสีสันขึ้นไม่น้อย แม่คุณจะพยศและเร้าร้อนแค่ไหนกัน
ประธานหนุ่มใช้เวลาคิดตริตรองอยู่ไม่นาน ก็จัดการต่ออินเตอร์คอมถึงเลขาคนสนิท
“วิชญ์ นายรวบรวมเอกสารโครงการที่เหลืออยู่มาให้ฉันเร็วที่สุด ฉันจะรีบสะสางมันให้เสร็จภายในเย็นนี้”
“ครับท่าน”
“ดี... เรียกราชิต ราเชน อัษฎาแล้วก็ปกรณ์ ขึ้นมาพบฉันด้วย จะพาพวกนั้นลงใต้สักสี่ห้าวัน เรื่องการเดินทางนายก็เป็นธุระให้ด้วยแล้วกัน ฉันต้องการเร็วที่สุด”
“ไม่ทราบว่าท่านจะออกจากกรุงเทพกี่โมงครับ”
“หกโมงกว่าแล้วกัน พวกนายราชิตจะได้มีเวลาเตรียมตัวบ้าง”
“ครับ ผมจะติดต่อกัปตันไปเดี๋ยวนี้” กรวิชญ์เลขาของเขารับคำ พฤหัสจึงตัดการสนทนาและเบนสายตากลับมายังภาพหญิงสาวอีกครั้ง ที่เหลือก็เพียงติดต่อมณีมัชญ์ ให้ทำตามแผนทั้งหมด
รอก่อนเถิดนางมารคนสวย ...แล้วจะได้เจอกัน
ดาวดวงเล็กนับพันนับร้อย ส่องสกาวโดดเด่นอยู่บนแผ่นฟ้าสีน้ำเงินจัด ที่ลลินภัทรแหมหน้าพินิจชื่นชมความงดงามของมัน มองและมองอย่างไม่รู้เบื่อ
“เอื้อยชอบดาวมากกว่าพระจันทร์” หญิงสาวบอกแก่ชายหนุ่มข้างๆ ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้สีขาว ริมชาดหาดของโรงแรมที่เขาและเธอพักอยู่
ล่วงเลยมาเพียงสี่ทุ่มเท่านั้น ทว่าบรรยากาศกลับเงียบสงบและดูเป็นส่วนตัวมาก มีแค่ลลินภัทรและปฏิมาสองคน ไร้เงานักท่องเที่ยวคนอื่น ดีหน่อยที่บริเวณดังกล่าวไฟกระพริบดวงน้อยแขวงโยงกับต้นมะพร้าวเตี้ยๆ ซึ่งปลูกเรียงรายอยู่ตามหาดทรายสาดเสียงสว่าง ทำให้มองเห็นทะเลยามรัตติกาลทอดตัวห่างไปไกลสุดตา ซึ่งมันดูเวิ้งว้าง ลึกลับและน่ากลัวมากในยามนี้
“ทำไมละ พระจันทร์ไม่ดีตรงไหน”
“มันจืดชืดนี่คะ ไม่เห็นจะสวยเลย”
“ผิดกับพี่นะ พี่ชอบแสงเหลืองนวลมองแล้วสบายตาของพระจันทร์มากกว่า แล้วอีกอย่างมันดูมีค่ากว่าดาวเล็กๆ เยอะ”
“ตรงไหนคะ เพราะดูใหญ่โตกว่าน่ะหรือ ดาวที่เรามองเห็นมันเล็กก็จริง แต่คือดาวเคราะห์ดวงใหญ่ที่ห่างออกไปตังหาก พระจันทร์ดวงนี้เป็นบริวารของโลก อาจมีพระจันทร์อีกหลายดวงเป็นบริวารของเจ้าดาวกระจ้อยร่อยที่พี่หนึ่งว่าไร้ค่าเหมือนกัน” หญิงสาวโต้กลับฉะฉาน ปฏิมาอึ้งฟังเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มรับความคิดเห็นที่แตกต่าง
“จ้า แม่ศิลปินคารมนักการเมือง พี่เถียงสู้เอื้อยได้เลยจริงๆ”
“กำลังบอกพี่หนึ่งตังหาก ว่าอย่ามองอะไรแต่เปลือกนอก”
“…”
“ทำไมคืนนี้ พี่หนึ่งลงมานั่งเล่นเป็นเพื่อนเอื้อยได้ล่ะคะ ไม่ดูแลผู้หญิงคนนั้นของพี่หรือ”
“เอื้อย... ทำไมเรียกน้องอย่านั้นล่ะ อ้ายเขารักเอื้อยนะ เขาอยากพูดคุยดีๆ รักกันเหมือนที่น้องคู่อื่นบ้าง แต่เอื้อยนี่สิ เอาแต่ตั้งแง่ไม่ยอมให้โอกาสน้องบ้าง”
“แม่สอนเสมอค่ะ ไม่ให้ไว้ใจงูเห่า เพราะเมื่อเราเผลอมันพร้อมจะแว้งกัดเราได้ตลอดเวลา”
“อ้ายไม่ใช่งูเห่านะ ถ้ายังติดใจน้องเรื่องของเรา พี่เองก็มีส่วนผิด โกรธเกลียดก็ให้มาลงกับพี่คนเดียว อ้ายไม่เกี่ยว เธอบริสุทธิ์และบอบบางเกินกว่าที่เอื้อยจะไปอาละวาทระบายอารมณ์ใส่ โดยเฉพาะเรื่องเมื่อเช้า เอื้อยทำเกินไปมากจริงๆ ”
“ที่นั่งดูดาวเป็นเพื่อนกันนี่ เพราะจะพูดเรื่องนี้เองหรือค่ะ”
“ใช่ ...พี่อยากให้เอื้อยเข้าใจเราสองคนไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว พี่รักเราแค่น้องสาว เพราะฉะนั้นไม่ว่าเอื้อยโมโห ทำร้ายระรานอ้ายขนาดไหน ความรู้สึกของพี่ก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงอีกเด็ดขาด”
“พี่หนึ่ง!” แผดเสียงเรียกอีกฝ่าย ด้วยไม่อาจฝืดรับรู้ความหมายในคำพูดที่เฉือนแทงจิตใจของชายหนุ่มอีก “พี่ทำแบบนี้กับเอื้อยได้ยังไง เอื้อยรักจริงใจกับพี่หนึ่งแค่ไหน แต่พี่กลับทรยศความรักของเอื้อย”
“พี่ขอโทษ พี่เลว... เอื้อยเกลียดพี่เถอะ แต่อย่าพาลลงเอากับอ้ายเลย”
“พอที! พอที! พอที!! เลิกปกป้องมันสักที จะทำอะไรกับใคร ฆ่ามันให้ตายก็เรื่องของเอื้อย พี่หนึ่งไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่าย เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว”
“จะไปฆ่าใคร ทำไมพูดรุนแรงแบบนั้น”
“ก็คนที่มันทุกคนทำกับเอื้อยและแม่ไงคะ เอื้อยไม่มีวันปล่อยให้คนพวกนั้นอยู่เสวยสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอย่างสบายหรอก” ในเมื่อเขาหวงแหนห่วงใยกันนัก ก็ขู่เสียให้สาใจ
“ไม่คิดเลย เอื้อยจะเป็นไปได้ขนาดนี้ มีหัวคิดบ้างหรือเปล่า”
“มากกว่านี้เอื้อยก็จะทำค่ะ” หญิงสาวกล่าว ก้มลงหยิบทรายเบื้องล่างมากำหนึ่ง ก่อนจะสาดมันไปที่หน้าของอีกฝ่ายอย่างเดือดแค้น “เรื่องหัวคิดเอื้อยคงจะมีมากกว่านี้หรอก ถ้าเลิกการมืดตามัว เลิกรักผู้ชายอย่างพี่ได้”
“เอาสิ ตัดใจสักที จะได้สงบสุขขึ้นมาบ้าง” คนถูกประทุษร้ายเมื่อครู่ปัดทรายออกจากตัว ท่าที่ขรึมเครียดขึ้นมาก ทว่าไม่โต้ตอบอะไรรุนแรงกลับไป ร่างสูงเหยียบกายลุกขึ้นจากที่นั่ง และจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
เมื่อถูกปล่อยไว้อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น หญิงสาวก็พรั่งพรูน้ำตาที่อัดอั้นเอาไว้นานออกมาอย่างสุดกลั้น นั่งชันขาซบหน้าลงบนเข่าร้องไห้แรงๆ ด้วยว่าคิดว่าไม่มีใครอยู่ในบริเวณ
คร่ำครวญสักพักกระทั่งหนำใจก็ลุกขึ้น มาดหมายว่าควรกลับเข้าขึ้นไปบนห้อง นอนพักเอาเรื่อง หลังจากวันนี้เหน็ดเหนื่อยกับการสู้รบฟังคำติฉินของใครต่อใครมาจนปวดหัวแล้ว
ก้าวไปตามพื้นทรายละเอียดทอดยาวห่างจากโรงแรมที่พักอยู่ประมาณเพียงร้อยเมตร แต่ยังไม่ทันไปถึง ฉับพลันก็รู้สึกถึงแรงกระชากแขนทั้งสองจากด้านหลัง
ทราบว่าตัวเองมีภัย ลลินภัทรพยายามดิ้นร้นป้องกันตัว ทว่าพวกโจรนั้นมีเยอะกว่าและแข็งแรงกว่ามาก จับแขนล็อกตัวเธอไว้อย่างแน่หนา ก่อนกลิ่นยาฉุนๆ จากผ้าเช็ดหน้าสีเข้มจะโป๊ะเข้าในที่จมูก
และเพียงไม่นานสติของหญิงสาวก็ดับวูบลงในที่สุด
ตรีชวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2554, 20:19:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2554, 09:51:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1669
<< ๑ สามเศร้า | ๓ ดัดนิสัย >> |
saralun 21 พ.ค. 2554, 21:31:37 น.
จะเป็นยังไงต่อน้าาาา...รีบมาต่อไว ไ ๆ นะคะ
จะเป็นยังไงต่อน้าาาา...รีบมาต่อไว ไ ๆ นะคะ