วังวนรัก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ๔ จำเลยตัวร้าย

ลลินภัทรไม่คิดเลยว่าในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ยุคแห่งประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ จะยังมีเผด็จการหลงเหลืออยู่อีก ประณามในใจขณะมองเจ้าของอำนาจขู่เข็น ในเวลานี้กำลังอยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย เล่นวอลเล่ห์บอลชายหาดอยู่กับบรรดาลิ่วล้ออีกสี่คนอย่างสนุกสนาน โดยที่ตัวเธอถูกบังคับให้นั่งอยู่ยังเก้าอี้หาดไม่ห่างกันนัก

จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อชายหนุ่มพร้อมที่จะมอบความไม่ปลอยภัยให้กับชีวิตเธอได้ตลอดเวลา หากทำอะไรที่ขัดใจเขาเข้า พฤหัส ศิราธนิก พึ่งจะรู้ชื่อจริงๆ ของเจ้าหัวหน้าโจรที่จับเธอมาเมื่อไม่นานนี้เอง อภิมหาเศรษฐีอันหนึ่งในสามของประเทศ ไม่น่าริอ่านทำการถ่อยเถื่อนเช่นนี้เลยให้ตายสิ

หญิงสาวเตือนตัวเองอยู่บ่อยครั้งให้อดทน ไม่ว่าถูกกะเกณฑ์จำกัดอิสรภาพเพียงใด เธอจะต้องเอาชีวิตรอดกลับไปหาพ่อและย่าให้ได้

“คิดอะไรอยู่ นั่งนิ่งเชียว” พฤหัสละจากละจากบรรดาลูกน้อง เดินมาหาและนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวข้างเธอ “คงไม่ได้ด่าฉันในใจอยู่หรอกนะ”

“ไม่ใช่สักหน่อย”

“งั้นก็ดีแล้ว เลิกแผลงฤทธิ์กับฉัน ทำตัวว่านอนสอนง่ายจะได้ไม่ต้องมีเรื่อง กลับกรุงเทพกันไวๆ ไง” เขาเอ่ยสำทับเหมือนรู้เชิง ก่อนเอื้อมมือไปหยิบขวบครีมกัดแดดในกระเป๋าบนพื้นทรายออกมาแล้วยื่นให้เธอ “ทาให้หน่อยสิ”

ลลินภัทรรับขวดกันแดดมาแต่โดยดีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวถึงกำหนดการกลับ หญิงสาวบีบเนื้อครีมสีขาวขุ่นลงบนฝ่ามือ ขยับเก้าอี้ไปใกล้และทามันลงบนไหล่กำยำอย่างว่าง่าย นัยน์ตาซึ้งพร่างไปด้วยความหวัง

“จะกลับเมื่อไรล่ะ นี่มันสองวันเข้ามาแล้วนะ หายไปนานๆที่บ้านฉันเป็นห่วง”

“อามัชญ์จัดการได้น่า เธอไม่ต้องกังวลหรอก จะไม่มีใครระแคะระคายเรื่องนี้เป็นอันขาด”

“แผนสูงกันจริง” อดไม่ได้ พึมพำแผ่วเบากับตัวเองด้วยอัดอั้นตันใจ ทว่าคนใกล้ๆ กลับได้ยินเสียอย่างนั้น

“ว่าไงนะ” พฤหัสหมวดคิ้วถาม จ้องหน้าเธอเขม่งราวจะจับผิด

“เปล่าๆ แค่กำลังคิดว่าพวกคุณสี่คนตัวสูงกันหมดเลย คงออกกำลังกายบ่อยสิท่า” แกล้งเฉไฉเปลี่ยนประเด็นเอาตัวรอดกะทันหัน

“อืม ก็มีบ้าง” เขาดึงเจ้าขวดกันแดดกลับมา ก่อนทามันบนแขนของเธอบ้าง “วันนี้ฉันจะไปเที่ยวน้ำตกนะ อยากไปไหม”

“น้ำตกที่ไหน จะต้องออกไปนอกเกาะหรือเปล่า”

“ในนี่แหละ อยู่ท้ายเกาะนั่นน่ะ ไกลหน่อยเดินคงไม่ไหวเราต้องขี่ม้ากันไป”

“โธ่... ” คนฟังถอนใจผิดหวัง “ไม่อยากไปหรอก คุณกับลูกน้องไปกันเองเถอะ ฉันอยู่นี่ดีกว่า”

“ไม่อยากไปก็ต้องไปลลินภัทร เพราะนี่คือคำสั่ง อีกอย่างนะฉันจะไปกับเธอแค่สองคน ไม่เอานายพวกนั้นไปด้วยหรอก”

“โอ๊ย ไม่เอา ฉันอยู่นี่แหละปลอดภัยดี เกิดคุณกับฉันไปฆ่าทิ้งแถวน้ำตกจะทำยังไง”

“ถ้าฉันคิดจะฆ่าเธอ ฉันทำไปตั้งแต่วันแรกแล้วไม่ปล่อยให้มาชูคอฉะฉานใส่กันแบบนี้แน่”

“ยังไงก็ไม่ไป เหนื่อยอยากพักผ่อน”

“อ๋อ คิดจะดื้อกับฉันอีกแล้วใช่ไหม ได้...” ยังไม่ทันที่ลลินภัทรจะได้เอ่ยปากต่อโต้ใดๆ เขาก็หันไปยังบรรดาชายฉกรรจ์ที่กำลังเพลินเล่นวอลเล่ห์บอลกันอยู่ และตะโกนเสียงพวกนั้นด้วยเสียงทรงอำนาจเป็นเอกลักษณ์ของเขา “นี่ พวกนายหยุดเล่นกันก่อน มาหาฉันทางนี้หน่อยสิ”

อย่างไรก็ตาม บัญชานั้นมีผลในทันที เพราะทั้งหมดทิ้งกิจกรรมตรงหน้าและพากันเดินตรงมาที่พฤหัสและลลินภัทร

“เฮ้ย!” หญิงสาวตกใจ รีบกระโดดจากที่นั่งตัวเองไปเบียดชิดบนเก้าอี้ตัวยาวของเขาทันควัน “ทำอะไรของคุณเรียกมาทำไมน่ะ”

“มีอะไรเรียกใช้พวกเราหรือครับ” หนึ่งในนั้นพูดขึ้น ขณะที่ร่างบึกบึนทั้งสี่มายืนรายอยู่ตรงหน้าเจ้านายหนุ่ม

“ไม่มีหรอก ไม่มี” ลลินภัทรตอบให้เสร็จสับ เธอเอื้อมมือไปดึงเสื้อชายหนุ่มข้างกายแรงๆ เป็นเชิงขอความช่วยเหลือ “ฉันไปน้ำตกกับคุณก็ได้ บอกให้พวกเขาไปห่างๆ หน่อยสิ เร็วเข้า”

“อ้าว ทำไมละครับคุณ” ชายหนุ่มคนเดิมทักถาม ขมวดคิ้วมองเธออย่างไม่เข้าใจ ลลินภัทรพึ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เอง ว่าหน้าตาเขาคล้ายกับชายอีกคนที่ยืนข้างๆ คาดว่าคงเป็นฝาแฝดกัน

“เขาคงตกใจพวกนายน่ะสิ จะแนะนำให้รู้จักกันนะ นี่ลลินภัทร วรนันท์ นายผู้หญิงคนใหม่ของพวกนาย”

“ว้าว... สวัสดีครับนายหญิง ผมปกรณ์ นี่อัษฎา ราเชนกับราชิต เป็นลูกน้อง การ์ดคนสนิทของนาย ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ชายผมยาวที่รวบหางม้าไว้ด้านหลังท่าทีเป็นมิตรที่สุดกล่าว หญิงสาวเพียงยิ้มบางให้พวกเขาทั้งสี่ มือทั้งสองยังเกาะแขนพฤหัสไว้เหนียวแน่น

เสียดายที่จำไม่ได้เสียแล้วว่ามีใครบ้างร่วมกันพาตัวเธอมาจากชายหาด เพราะคืนเกิดเหตุทั้งมืดและพวกเขาก็พุ่งมาจากทางด้านหลัง ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมากกว่านี้หากไปถึงกรุงเทพ

“อัษฎา ไปเอาเจ้าราฟาเอลออกมาหน่อยสิ ไม่กลับมานี่หลายปี ป่านนี้ไม่รู้มันเป็นยังไงบ้าง”

“เมื่อเช้าผมพึ่งแวะไปที่โรงม้า เจ้านั่นยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงเหมือนเดิมครับ” อัษฎาเจ้าของผิวสีแทน เจ้าของด้วยหน้าเข้มขรึมกล่าวกับเจ้านายหนุ่ม พฤหัสพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปกลับนัดแนะการบางอย่างกับหนึ่งในคู่ฝาแฝด

“ตามที่พูดกันไว้นะราเชน จัดการให้เรียบร้อย”

“ครับนาย”

พฤหัสบอกให้ลูกน้องแยกย้ายออกไป ก่อนหันมายังลลินภัทรที่บัดปล่อยแขนเขาแล้ว แต่แววหวาดหวั่นยังไม่จางหายไปจากสีหน้า เขารู้ดีและสงสารเธออยู่หรอก แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเหตุการณ์เกินเลยมาถึงขั้นนนี้แล้ว และอยู่ใกล้จนรู้ว่าหญิงสาวไม่มีทางยอมถูกกระทำอยู่เพียงเดียวเป็นอันขาด

เธอจะต้องเอาคืนแน่เมื่อปลอดภัยกลับไปสู่อ้อมอกครอบครัว เพราะฉะนั้นมีวิธีไหนเป็นทางออกนุ่มนวลที่สุดเพื่อกำหราบเธอเขาก็จำเป็นต้องทำ





“เฮ้ย... ฉันไม่เข้าใจเลยว่าคุณจับฉันมาทรมานอยู่แบบนี้ทำไม จะฆ่าก็ไม่ฆ่า” เสียงใสบ่นอุบเมื่อตักของเธอกลายเป็นหม่อนหนุนเฉพาะกิจ สำหรับคนตัวโตที่เวลานี้นอนสบายฟังเสียงไหลซ่านของน้ำตกไปเสียแล้ว

“เงียบน่า โอดโอยอยู่นั่นแหละ คนจะพักผ่อน” พฤหัสแกล้งหลับตา ไม่ยอมสนใจคำอิดออดของหญิงสาว ขณะเขาและเธอปักหลักชมทิวทัศน์ของน้ำตกขนาดกลางอยู่บนโขดหินใหญ่ ซึ่งจากจุดนี้จะทำให้มองเห็น

ทัศนียภาพโดยรอบได้ชัดเจนที่สุดตามคำบอกเล่าของนายชนินทร์หัวหน้าคนงานวัยห้าสิบที่ประจำดูแลเกาะแห่งนี้อยู่

“แต่ฉันเมื่อยนี่นา คุณลุกก่อนได้หรือเปล่า” ลลินภัทรต่อรอง หากคนฟังกลับนอนนิ่งไม่โต้ตอบใดๆกลับมา จนหญิงสาวจำต้องถอนใจเลิกทักทวงเขาไปในที่สุด

แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านต้นไม้สาดลงมาถึงคนทั้งคู่ ขณะที่สายลมพัดเอื่อยเป็นระยะ บรรยากาศร่มรื่นอบอุ่นอย่างแสนวิเศษ

ลลินภัทรนึกเสียดายนัก มัวแต่กระบิดกระบวนไม่อยากมาก่อนหน้านี้ เลยไม่ได้เตรียมเสื้อผ้าไว้อีกชุด เพราะความใสของสายน้ำที่ไหลเรื่อยตามทิศทางของมันช่างเย้ายวนจิตสำนึก ทำให้เธอปรารถนาพาตัวเองไปแช่ แวกว่ายให้สาใจ

“เธอแก่กว่าน้องอ้ายหรือกี่ปีน่ะ” จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้น และถามคนที่นั่งใจลอยอยู่

“ไม่รู้” น้ำเสียงตอบกลับนัยขุ่นเคืองอย่างปิดเอาไว้ไม่มิด ไม่พอใจขึ้นมาถนัดเมื่อเขาเอ่ยอิงคู่กรณีที่เธอไม่อยากนึกถึง “เกิดมาคนละท้องแม่ แค่ใช้ชีวิตแค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้วฉันไม่มีใส่ใจไปตรัสรู้เรื่องคนอื่นหรอก”

“ถึงต่างแม่กันก็เถอะ แต่สายเลือดเดียวยังไงก็ต้องรู้เอาไว้บ้าง ยิ่งนี่มาอยู่บ้านเดียวกันอีก จะไม่มีคบหาสุงสิงกันเลยหรือไง เธอนี่นะมีน้องนุ่งกับเขาทั้งคนไม่รู้จักรัก”

“หึ ฉันจะรักคนอื่นไปทำไม ในเมื่อไม่มีใครรักฉัน”

“ทำไมจะไม่มี พูดจาเหมือนเด็กมีปัญหา” พฤหัสจ้องใบหน้าสวยที่ยามนี้บึ้งตึง หากชวนพิศไม่น้อยในสายตาของเขา ครั้นแล้วจึงเฉลยอายุของลัลนาให้เธอในที่สุด “ปีนี้น้องอ้ายยี่สิบเอ็ด ใกล้จะรับปริญญาจบออกมาเป็นพยาบาลกับเขาเต็มตัวแล้ว”

“เชอะ มาบอกฉันทำไม ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย”

“แล้วเธอล่ะ” แกล้งถามวกวนมาเสียนาน นี่ตังหากข้อมูลแท้จริงที่ต้องการทราบ

“ฉันยี่สิบสอง”

“ค่ะ...” ชายหนุ่มต่อท้ายให้น้ำเสียงเรียบ “พูดจากับผู้อาวุธโสกว่าหัดมีหางเสียเสียบ้าง ฉันอายุเยอะกว่าเธอตั้งห้าปี ยังไงก็มีศักดิ์เป็นพี่ รู้จักเคารพนอบน้อมต่อกันหน่อย ไม่ใช่พูดจามะนาวไม่มีน้ำอย่างนี้ ผู้หญิงอะไรหาความอ่อนหวานน่ารักไม่เจอ สู้น้องอ้ายก็ไม่ได้”

“เอ๊ะ คุณ ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน ไม่ต้องทำรู้ดีมาเสี้ยมสอน แล้วตักฉันนี่จะหนุนไปอีกนานไหมหา เบียดเบียนกันไม่จบสิ้น ออกไปเลยนะ ออกไป!”

“ไม่ไปเสียอย่างจะทำไม” พูดพลางขยับศีรษะมั่นไว้ ไม่ยอมเสียตำแหน่งเสียตำแหน่งที่มั่นไปง่ายๆ

“ปากดูถูกเหยียดหยามฉันต่างๆ นานๆ แต่หัวของคุณนี่สิกลับอาศัยที่ฉันอยู่ ไล่ไปก็ไม่ลุก หน้าด้านไม่เคยพบเคยเจอ”

“เธอละ แม่คนหน้าบางขี้อิจฉา”

“อีบ้า!!”

“อย่ามาขึ้นไอ้อีกันฉันนะลลินภัทร ให้มันรู้เสียบ้างว่าใครเป็นใคร ลืมแล้วหรือว่าตัวเองตกอยู่ในฐานะอะไร”
“ไม่ได้ลืม แต่ทนไม่ได้ อย่ามากดขี่กันให้มากนักนะ”

“ฉันคิดจะกดขี่ตรงไหน ที่พูดนี่ก็เพราะหวังดี ตั้งใจจะยกย่องเธอมาเคียงข้างตังหาก” ชายหนุ่มเป็นคนลดอุณหภูมิของการสนทนาให้เย็น เมื่อทำท่าจะคุกกรุ่นจนควบคุมไม่อยู่

“ขอบใจ แต่ฉันจะอยู่คนเดียวไม่ต้องการเคียงข้างใครทั้งนั้น”

“แล้วที่เสียไปละ”

“ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองสูญเสียอะไร นอกจาก... ” ลลินภัทรชะงัก ไม่กล่าวต่อไปว่า ผู้ชายที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาชิงไป เธออยากได้คืนมา แล้วเรื่องที่ผ่านก็ให้มันแล้วกันไปไม่ถือสาหาความใดๆ อีก แต่จะพูดเพื่ออะไรละ เพราะคิดว่าขอไปก็เท่านั้น คนพวกนี้ไม่ยอมคืนให้เธอหรอก ดีไม่ดีจะหัวเราะซ้ำเติมกลับมาอีก

“ช่างเถอะ ไหนๆ ก็ออกมาถึงนี่แล้ว จะมัวทะเลาะกันให้เสียบรรยากาศทำไม น้ำตกออกจะสวยอากาศก็ดีขนาดนี้”

“นั่นสินะ” ชายหนุ่มถอนใจ พรายยิ้ม พลางเอื้อมมือไปทัดผมที่ปล่อยสยายไม่ให้มันลู่ลงมาปรกหน้าเธอเมื่อลมพัดแรงขึ้น ลลินภัทรยิ้มตอบเขา ก่อนจะเบี่ยงความสนใจออกไปยังทิวทัศน์เบื้องหน้า

สายน้ำเร็วแรงที่ไหลชะลู่ลงสู้อ่างน้ำสีมรกต ท่ามกลางต้นไม้ใบหญ้าชอุ่ม บ่งบอกถึงความอุดมบูรณ์ของบริเวณนี้ได้ดี ลลินภัทรสนใจพฤกษาพันธุ์โดยรอบเป็นพิเศษ เพราะสีเขียวเย็นตาของมันยามทอดมองนานเข้า กลับทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างน่าพิศวง กำลังเพลินกับทัศนียภาพเบื้องหน้า ทว่าวิถีการมองเห็นกลับไปเจอะเขากับความเคลื่อนไหวบางในอาณาเขตฝั่งตรงข้าม

“คุณพฤกษ์! ดูตรงนั้นสิ มีตัวอะไรก็ไม่รู้อยู่หลังพุ่งไม้นั่นน่ะ” หญิงสาวร้อนรนเขย่าตัวเขา

“หะ! เธอเห็นหรือ” พฤหัสหุนหันลุกขึ้นจากตักอุ่นเพราะความตาไวของเธอ ได้เรื่องแล้วไหมละ เจ้าราเชนทำให้ของมัน

“ใช่ ฉันเห็นวิ่งไปตามแนวต้นไม้แถวนี้” เธอชี้ไปยังจุดเกิดเหตุ “จะเป็นสัตว์มาหากินหรือเปล่า ท่าไม่ดีแล้ว ฉันว่าเรากลับกันเถอะคุณ เกิดเจออะไรน่ากลัวกว่านี้มันจะยุ่ง”

“อ้าว พวกสัตว์น่ะเอง” โล่งอกกับคำบอกเล่าดังกล่าว จ้องคนตรงหน้ามีเล่ห์นัยอยู่อึกใจ พลันจัดการดึงร่างระหงเข้ามา ทาบทับจุมพิตหวานหวามลงบนเรียวปากนุ่ม ท่ามกลางอาการตกอกตกใจออกอีกฝ่าย

“ทำของอะไรคุณหา บ้าที่สุด ไม่รู้จักอายผีสางเทวดา” ใช้หลังมือเรียวป้ายแรงๆ ราวต้องการลบรอยสัมผัสบนริมฝีปาก อำพรางความอายของตัวเอง

“จูบไง เขินหรือ เธอหน้าแดงด้วย” เอ็นดูท่าทีโมโหโทโสเหมือนเด็กถูกแกล้งนั้นนัก

“ยังไงก็ช่าง ฉันจะกลับแล้ว ฉันจะกลับ”

“เอ้า กลับก็กลับ” ร่างใหญ่เหยียดกายยืนขึ้นในที่สุด ลลิลภัทรตั้งท่าจะลุกตาม ทว่า...

“โอ๊ย ขาฉัน มันชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว” เจ้าตัวโอดครวญ

“ลุกไหวไหม”

“สงสัยจะไม่ไหว ช่วยหน่อยสิ” เธอยื่นเมือไปให้ชายหนุ่มซึ่งยืนจังก้ามองเธออยู่ หากเขากลับนิ่ง

“พูดดีๆ กับฉันก่อนแล้วจะช่วย บอกเมื่อกี้ว่ายังไงหา หางเสียงน่ะหางเสียงมีบ้างไหม”

“โธ่... คนกำลังเดือดร้อน คุณอย่าพึ่งตัวเป็นยายป้าเจ้าระเบียบตอนนี้ได้ไหม อัมพาตจะกินฉันไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้”

“งั้นก็นั่งนี่จนกว่าจะหายไปก็แล้วกัน ฉันไปละ จะเอาม้าไปด้วย เธอเดิมกลับเองนะ”

“ไม่เอา ไกลจะตาย คุณกลับมาก่อนสิ มาช่วยฉันยืนก่อน คุณพฤกษ์...” รีบทักทวงเมื่อเขาหันหลังเดินจากไป กระทั่งร่างใหญ่หยุดกึกเพราะประโยคอ้อนวอนแสนกล้ำกลืนของเธอ “กรุณากลับมาช่วยฉันหน่อยเถอะค่ะคุณพฤหัส ขาฉันทั้งขาไม่มีความรู้สึกยืนเองไม่ได้”

“ก็แค่นี้ เขาหัวเราะ ยอมเดินกลับมาช่วยพยุงเธอแต่โดยดี ครั้นอาการของหญิงสาวกลับหนักกว่าที่คิด เพราะยืนได้เพียงครู่ก็ทำท่าจะล้มพับลงไปอีก ชายหนุ่มจึงช้อนร่างระหงขึ้นมา อุ้มไปที่เจ้าราฟาเอล ม้าพันธุ์อาหรับที่สีดำ

พฤหัสส่งเธอไปก่อน เขาจึงตามขึ้นไปนั่งบนหลังเจ้าราฟาเอล ควบมันวิ่งเหยาะออกไปจากบริเวณน้ำตก เส้นทางกลับไปสู้บ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ต้องผ่านและป่าขนาดย่อมที่มีต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นรายล้อม จากนั้นเป็นทุ่งหญ้าเล็กๆ ติดทางราบ ก่อนค่อยๆ ลาดเอียงสูงขึ้นไปสู่ตัวเขา

“อยากกลับแล้วใช่ไหม” ถามเธอหลังจากต่างฝ่ายต่างเงียบกันอยู่นาน

“อยากสิอยาก ได้เวลากลับกันแล้วสินะ” น้ำเสียงตอบกลับสดใสขึ้นกว่าเก่าเป็นกอง เมื่อเวลาที่อดทนคอยรอมาถึงในที่สุด

“ไม่เชิงหรอก ที่ถามนี่ก็เพราะก็ต้องการความแน่ใจ ว่าเธอยังอยากจะกลับไปหาครอบครัวหรือเปล่า”

“ที่สุดเลยละ พรุ่งนี้เลยนะคุณพฤกษ์ ฉันสัญญาว่าจะทำตัวดีๆ ไม่เป็นปฏิปักษ์ บอกอะไรมาจะเชื่อฟังทุกอย่างเลย”

“มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่หนิ ลองเอาทำตัวก้าวร้าวเหมือนเก่าสิ” เขาว่า โอบรอบเอวบางในชณะที่มือทั้งสองคุมบังเหียนม้าอยู่ “เอ... แต่จะกลับพรุ่งนี้เลยหรือ”

“ก็ใช่น่ะสิ ฉันเองมีงานมีการทำเหมือนกันนะคุณ ขาดงานมากๆ มีหวังโดนไล่ออกกันพอดี”

“เธอทำงานที่ไหน”

“โรงแรมชารวี”

“นั่นมันของย่าเธอนี่ กิจกรรมตัวเองจะกลัวไปทำไม”

“ยังไงฉันก็ต้องกลับไปกรุงเทพให้เร็วที่สุด มีงานเยอะแยะค้างอยู่ด้วย” ไม่รู้จะอ้างเรื่องใด จึงหยิบยกภาระการงานขึ้นมาบังหน้า

“หึ จริงๆ ฉันไม่คิดจะกลับพรุ่งนี้หรอก ตั้งใจว่าอีกสองสามวันค่อยกลับ แต่ถ้าเธอห่วงงานขนาดนั้น จะกลับกันพรุ่งนี้ก็ได้ แต่... ”

“แต่อะไร”

“อยากกลับเร็วขึ้น มันมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อย เอาเป็นว่าคืนนี้หลังจากเราดินเนอร์เสร็จ ถ้าเธอทำให้ฉันพอใจ กลางวันรุ่นขึ้นเราจะเดินทางออกจากก่อนทันที”

“หมายความว่าไง ฉันยอมกแทบจะกราบเป็นทาสคุณขนาดนี้คุณยังไม่พออีกหรือ”

“ฉันหมายถึงเรื่องนั้นตังหาก ไม่ต้องพูดตรงกว่านี้หวังคนฉลาดอย่างเธอคงจะเข้าใจนะ”

“...” ลลินภัทรไม่ได้โต้ตอบอะไรต่อไป เธอเงียบและกำลังคิด หากเธอไม่ยินยอมทำตามข้อแลกเปลี่ยนที่เขากะเกณฑ์ขึ้น ไม่ว่าคืนนี้ หรือคืนต่อไป คงจะต้องเป็นไปตามความต้องการของเขาอยู่ดีนั้นแหละ

ทว่าจำนนเสียเปรียบเพียงคืนนี้อีกแค่คราวเดียวเท่านั้น อิสรภาพที่แสนวิเศษก็จะกลับคืนมา เอาเถอะ... อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ยอมโอนอ่อนตามใจเขาหน่อยจะเป็นไรไป





ตรีชวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2554, 20:22:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2554, 20:22:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1655





<< ๓ ดัดนิสัย   ๕ แบล็คเมล์ >>
ชอบอ่าน 27 พ.ค. 2554, 00:30:21 น.
น่าสนุกจังคะ รีบมาอัพต่อนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account