ลิขิตรักกระชากหัวใจ (ปีเตอร์ VS ทับทิม)
เดี๋ยวมาอัพให้
Tags: ปีเตอร์ ทับทิม อาเซียน นิยาย อาหารไทย ต้มยำกุ้ง
ตอน: ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
ฟารุกปรบมือให้ทับทิม “เธอใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว ไปหัดพูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เขาโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ทับทิมรู้ว่าผู้ชายหน้าเหมือนชาวอาหรับทั้งคู่พูดและฟังภาษาอังกฤษได้ ดีล่ะเธอจะได้ถามพวกมันให้รู้เรื่องว่าจับตัวเธอมาทำไม
“ประเทศบ้านฉันเดี๋ยวนี้เขาเริ่มสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลไม่เห็นจะแปลกตรงไหน พวกแกบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าจับฉันมาทำไมทั้งที่เราไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ากันมาก่อน”
“บาลาซาน เธอเห็นว่าพวกเราโง่มากใช่ไหม”
“ถ้างั้นพวกแกคงโง่ หรือไม่ก็คงมีใครสักคนหน้าตาเหมือนฉันอย่างกับแกมั้งพวกแกอาจจะจับผิดตัวก็ได้แต่คงไม่มีทางเพราะฉันเกิดมาไม่มีฝาแฝดไม่มีพี่น้อง”
“ปากดีนัก บาลาซาน ความผิดของเธอมันสมควรกับบทลงโทษแล้ว แม่ดอกไม้อาบยาพิษ” การิมชี้หน้าเธอ ในขณะที่หยิบรูปภาพหนึ่งออกมาจากเสื้อสูทและยื่นมันมาตรงหน้าเธอ “หน้าเหมือนขนาดนี้ยังจะมาโกหกอีก
เฮ้ย! ทับทิมสะดุ้งเฮือกหญิงสาวหน้าตาเหมือนเธอแต่อันที่จริงหากมองดีๆจะสังเกตได้ว่าหญิงในภาพคิ้วเข้มคมกว่าทับทิม
“เป็นไปได้ไง นี่พวกแกแอบเอารูปฉันไปตัดต่อใส่ชุดส่าหรีใช่ไหม”
ฟารุกและการิมหันไปมองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนที่ฟารุกจะพูดขึ้น “ถ้าเราโง่คงเชื่อเธอนะว่าเราสองคนไปจับตัวใครผิดมา แต่หน้าตาเป็นหลักฐานขนาดนี้ บาลาซาน เธอเลิกมารยาสาไถและกลับไปรับโทษได้แล้ว”การิมมองหน้าทับทิมและเหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่าง
“ฟารุก ไม่ผิดตัวนะ”
“ล้านเปอร์เซ็น” ฟารุกตอบเขาเคยเห็นบาลาซานสองสามครั้ง แต่ไม่คิดว่าอยู่ในระยะใกล้ประชิดตัวบาลาซานจะหน้าหวานขนาดนี้ยิ่งมาใส่ชุดที่แปลกไปใบหน้าเธอไม่มีเคล้าโครงชาวอิสลามเลย
“ไม่ผิดแน่ผู้หญิงคนนี้ชื่อบาลาซาน”
“พูดบ้าอะไร แล้วฉันก็ไม่ได้ชื่อบาลาซาน ฉันชื่อทับทิมได้ยินไหม”
รถคันหรูสตาร์ทขึ้นโดยการิม “รีบไปกันดีกว่าฟารุก”
“ดีเหมือนกันเดี๋ยวใครจะผ่านมาเห็นเข้า”
“ไม่ไปนะ ปล่อยฉัน” ทับทิมมขัดขืนกระชากข้อมือออกแต่มันทำได้ยากฝ่ามือของฟารุกกำข้อมือเธอเอาไว้แน่น ทับทิมเหลือบไปเห็นปีเตอร์อยู่ในระยะไกลกำลังมุ่งตรงมาทางนี้”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเห็นหน้าคุณแล้วดีใจมากขนาดนี้ ปีเตอร์ ช่วยฉัน..........” ฟารุกปิดปากหญิงสาวแน่นทับทิมดิ้นรนขัดขืน
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ” เขาดึงตัวเธอเข้าไปในรถยุโรปคันหรู
“ออกรถเลยการิม” ฟารุกสั่งเสียงเข้ม
“ปล่อยๆฉัน” เสียงอู้อี้ฟังไม่เป็นภาษา
“ปล่อยแน่แต่ไม่ใช่ที่นี่และเวลานี้”เขาตะคอกเสียงแข็ง
เมื่อรถจะผ่านหน้าปีเตอร์ไปทับทิมดึงมือออกจากฟารุกได้สำเร็จและทุบที่กระจกหลัง “ช่วยฉันด้วยปีเตอร์ ช่วยด้วย”เสียงของหญิงสาวไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้เพราะรถคันหรูเก็บเสียงเป็นอย่างดี
ฟารุกยิ้มเยาะ “ร้องไห้ตายก็ไม่มีใครได้ยินหรอก ”
“รถเก็บเสียงแล้วเมื่อตะกี้แกปิดปากฉันทำไม”
“ก็ปิดไปอย่างนั้นแหละ” ฟารุกพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
“ไอ้คนโรคจิต” ทับทิมสบถใส่หน้าเขา
ทับทิมมองออกไปนอกรถอยากให้ปีเตอร์มองเห็นเธอแต่กระจกติดฟิลล์มจนมองไม่เห็นภายในรถ “นี่บาลซาน เธอหนีออกจากประเทศมาไม่นานเธอรู้จักพวกฝรั่งตาน้ำข้าวด้วยเหรอ แพศยาที่สุด”แววตาแสดงความรังเกียจ
รถขับผ่านปีเตอร์มาไกลแล้วแต่ทับทิมยังไม่ละสายตาจากเขา จนกระทั่งผ่านประตูทางเข้าโรงแรมเหมือนโอกาสขอความช่วยเหลือจะหมดลงไปด้วย
“คนบ้าทำไมถึงไม่ได้ยินฉันเพราะคุณคนเดียวฉันมาเป็นเชฟให้คุณฉันเลยต้องมาโชคร้ายเจอไอ้บ้าสองคนนี้จับตัวอีก”
ฟารุกถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินหญิงสาวโวยวายเป็นภาษาไทยแน่นอนฟารุกฟังภาษาไทยได้รู้เรื่องในระดับหนึ่งเพราะเขามีธุรกิจที่ต้องติดต่อกับประเทศไทย
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ในเวลาเพียงไม่ถึงสามเดือนเธอจะพัฒนาด้านภาษาไปได้มากขนาดนี้ หลายภาษาเสียด้วยโดยเฉพาะภาษาไทยไม่ได้ฝึกพูดกันได้ง่ายๆ” ฟารุกพึมพำในลำคอ
เขากระชากเธอกลับเข้ามาหาตัว ฟารุกจับเธอพลิกหันหลังเข้าหาเบาะ
“ปล่อยฉันแกจะทำอะไร”
“จะบ้าเหรอฟารุกทำอะไรน่ะ ใจเย็นก่อนสิ”
มือเรียวแข็งแรงจับผมยาวสลวยที่ยาวถึงกลางหลังปัดไปไว้อีกด้านและดึงแซกเกาะอกตัวสวยจากด้านหลังให้ต่ำลง
“ทำไมไม่มี แม้แต่แผลเป็นก็ไม่มี” ฟารุกหน้าเสีย
“ไอ้คนเลวปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ทับทิมกลัวสุดขีด คิดว่าฟารุกคิดจะลวนลามเธอบนรถ
++++++++++++++++++++++++++
“เฮ้ย! ซวยแล้วจะมาดับอะไรกันตอนนี้วะ” การิมโมโหแม้จะพยายามสตาร์ทเครื่องใหม่ก็ยังเหมือนเดิมเขารีบลงจากรถและเดินไปที่หน้ารถเปิดกระโปรงรถขึ้นอย่างหัวเสีย “รถก็แพงยังเสียอีก”
ด้วยความรีบร้อนการิมลืมปิดประตู
“เกิดอะไรขึ้นการิมรถเป็นอะไรไป”
“ไม่รู้เหมือนกันฟารุก”
ทับทิมที่อยู่เบาะหลังรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเธอที่จะหนีรอดจากชายแปลกหน้าทั้งสองคน
“อยากรู้ไหมล่ะฉันจะบอกให้เอาบุญ” ฟารุกหันมามองหน้าหญิงสาวและพบว่าขวดไวน์ที่เหลืออยู่ค่อนขวดจากการดื่มเมื่อคืนฟารุกเผลอวางไว้ที่เบาะหลังคนขับ ถูกทับทิมนำมาเป็นอาวุธฟาดใส่ศีรษะเขาทันทีจากนั้นหญิงสาวก็ใช้ความปราดเปรียวกระโดดไปที่เบาะหน้าคนขับเพราะประตูด้านหลังคนขับถูกล็อคเอาไว้ ทับทิมหนีลงจากรถทันที
เฮ้ย! “กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ” การิมตกใจที่เห็นหญิงสาวออกมานอกรถและวิ่งหนีกลับไปทางด้านโรงแรมแต่เมื่อเขาจะวิ่งตามพบว่าในรถฟารุกกำลังร้องโอดโอยแถมที่ศีรษะมีเลือดไหลอาบชุ่มเป็นทางยาว การิมจึงต้องหันไปสนใจฟารุกก่อน
“ฟารุก เป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ตายหรอก แต่เจ็บเป็นบ้า แซบชะมัดเลย”
“แล้วจะทำยังไง บาลาซาน หนีไปแล้ว”
“นั่นไม่ใช่บาลาซานหรอก”
“เพราะอะไร ก็หน้าเหมือนในรูปไม่มีผิด”
“เชื่อฉันเถอะการิมเธอไม่ใช่ แต่ว่ายังไงซะฉันกับเธอคงได้เจอกันอีกแน่นอน” แววตาของฟารุกฉายแววประหลาดขึ้น
“แล้วบาลาซานไปไหนก็เราตามเธอมาในงานนี้ และจะเป็นไปได้ยังไงที่มีคนหน้าเหมือนกันขนาดนี้”
“คล้ายมากกว่า มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ใช่บาลาซานต้องโทษสายตาของฉันที่มันมองผิดไป”
“ฟารุก แล้วเราจะเอายังไงกันต่อ”
“ตอนนี้กลับไปที่โรงแรมก่อนก็แล้วกัน”
“ไม่ไปโรงพยาบาลก่อนเหรอ”
“แค่นี้ไม่ตายหรอก ไกลหัวใจ” การิมสั่นศีรษะ ฟารุกเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นการิมจึงไม่อยากจะเซ้าซี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++
“หายไปไหนนะ เมื่อครู่ยังเห็นหลังไวๆอยู่เลย” เมื่อลับตาแขกเหรื่อในงานลูกสาวเจ้าของโรงแรมคนสวยก็ออกอาการกะฟัดกะเฟียดและเดินไปที่ห้องน้ำด้วยความโมโหจึงทำให้แวนด้าไม่ได้สนใจมองทางเดินจึงทำให้ชนกับใครคนหนึ่งเข้าอย่างแรง
“บ้าที่สุด เดินยังไม่ได้มองทางบ้างหรือไง มัวมองอะไรอยู่” แต่เมื่อหยุดพูดและจะมองดูให้ชัดว่าใครกันที่บังอาจมาขวางทางเธอก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าขมวดคิ้วเข้ม
“คุณนั่นแหละที่เป็นฝ่ายชนผม คุณควรจะขอโทษผมมากกว่ามาตวาดเสียงแว้ดแบบนี้”
“นายเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาพูดมาแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
ปริญส่ายหน้าแบบเซ็ง “ผมระอาใจจริงกับพวกที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร หน้าตาก็ดีไม่น่าจะปัญญาอ่อนเลย ขนาดตัวคุณเองยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้วผมจะรู้กับคุณไหม”
แวนด้า คุณหนู ตระกูลโจว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาว่าเธอปัญญาอ่อน แล้วไอ้ผู้ชายหน้าตาเอเชียตรงหน้านี่เป็นใครมาจากไหน
“นายเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันเป็นลูก....”แวนด้าหยุดพูดจะเบ่งว่าตนเอง เป็นลูกสาวของท่านประธาน หย่ง โจว เจ้าของโรงแรมที่เขากำลังยืนอยู่นี้ก็กลัวถูกหาว่าปัญญาอ่อนอีกที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ
“ฉันชื่อแวนด้า เป็นลูกของคุณ หย่ง โจว เจ้าของโรงแรมนี้ ” แวนด้ายิ้มอย่างภูมิใจในชาติตระกูล
“เหรอครับ แล้วมาบอกผมทำไมไทราบ ผมไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” พลางพิจรณาใบหน้าออกหมวยจิ้มลิ้มผิวขาวละเอียดเนียน ยิ่งใส่ชุดสีทับทิม ใช่สิทำไมคืนนี้เจอแต่ผู้หญิงสวยๆใส่ชุดสีทับทิมหรือจะเป็นเทรนใหม่ของปีปริญคิดแต่เมื่อเห็นท่าทีกอดอกทำหน้าเชิด ของคุณหนูจอมหยิ่งเขาก็ยิ้มแกมหมั่นไส้
“อย่างน้อยนายก็ควรจะขอโทษอย่างน้อยนายก็มายืนอยู่ในอาณาจักรของฉัน” หญิงสาวยืดอกเชิ่ดใส่
“ยิ่งใหญ่มากจริงๆนะคุณเนี่ย” ปริญแกล้งมองที่เนินอกสวยที่จริงเขาไม่ได้มีเจตนาลวนลามเธอทางสายตาแต่ความเชิ่ด หยิ่ง ของเธอมันทำให้เขาอยากจะแกล้ง
แวนด้ารีบกอดอกแน่น “ไอ้คนบ้า โรคจิต นายกำลังมองอะไรของฉันอยู่”
“เปล่านี่ มีอะไรน่ามองด้วยเหรอ”
“น่าตานายก็ดี แต่ปากนายโสโครกมาก” แวนด้าอยากจะกรีดร้อง
“ผมแปรงฟัน วันละสามครั้งหลังอาหารไม่น่าจะเป็นไปได้นะ ไม่เชื่อคุณลองดมดูสิ” ปริญนึกอยากจะแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แวนด้ารีบถอยหลัง
“ทุเรศที่สุดใครจะกล้าดม ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณพ่อเชิญคนบ้าๆแบบนายมาร่วมงานอันทรงเกียรติด้วย” เพราะงานนี้มีแต่แขกระดับวีไอพีเท่านั้น นักธุรกิจหนุ่มสิ่งทอจากประเทศไทยนึกซะใจ เธอทำท่ารังเกียจและถอยห่างไปอีกหลายก้าว
“ไม่ลองไม่รู้นะคุณ” แวนด้าถอยหลังและลื่นหงายหลัง หญิงสาวร้องเสียงหลง
“ว้าย! ช่วยด้วย” ประกอบกับชุดราตรีสีทับทิมกรุยกราย แวนด้ารู้สีกว่าเธอกำลังหงายหลังไปจนใกล้ถึงพื้นหากไม่มีมือหนึ่งประคองหลังและดึงขึ้นมา
“เป็นยังไงล่ะคุณ มัวแต่เชิดหน้ามองเพดานตาไม่มองพื้นก็เป็นแบบนี้แหละ ดีนะหลังไม่เสีย” เรือนร่างน่าปรารถนาของแวนด้ากำลังหอบแรงอยู่ในอ้อมอกของปริญที่แววตามีรอยยิ้มเยาะ
“ฉันไม่ได้ซุ่มซ่าม น้ำนั่นต่างหากทำให้ฉันลื่น แม่บ้านนี่แย่ที่สุดต้องหักเงินเดือนซะแล้ว” แวนด้าชี้ไปที่น้ำมันลื่นๆบริเวณพื้น
“โทษไปทั่ว คุณนี่มันจริงๆ” แวนด้าในอ้อมกอดของปริญมีสีหน้าไม่พอใจและเมื่อเห็นว่ามือของเขายังโอบรอบเอวเธออยู่ก็แสดงอาการรังเกียจ
“ ปล่อยฉันนะ ไม่ต้องมาทำเป็นสั่งสอน พ่อฉันยังไม่เคยมาว่าแบบนี้เลย”
“ได้ ผมก็ไม่ได้อยากจะถูกเนื้อต้องตัวคนแบบคุณนักหรอก”เขาปล่อยมือจากหญิงสาวทันที แวนด้าที่ถูกประคองและยังตั้งหลักไม่ดีจึงล้มไปก้นกระแทกที่พื้น พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บใจ
“ไอ้คนบ้า นึกจะปล่อยก็ปล่อยกันแบบนี้เลยเหรอ” แวนด้าลุกขึ้นยืนและผลักปริญจนเขาเซ ท่าทางเธอโกรธจัดจากนั้นก็รีบเดินออกไปจากที่เกิดเหตุ
ปริญถอนหายใจ “ผู้หญิงอะไรเกรี้ยวกราดไม่น่ารัก สวยแค่ไหนก็ไม่อยากได้มาเป็นแฟน นิสัยแบบนี้สงสัยชาตินี้จะหาสามีไม่ได้แน่ๆ” เขามองตามร่างอรชรในชุดราตรียาวกรุยกรายไป
ปริญมองน้ำมันที่พื้นรู้สึกแปลกใจเขาก้มลงไปแตะมันขึ้นมาและดมดู สีหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจออกมานอกจากปริญจะเก่งและมีความรอบรู้เรื่องผ้าไทย และการมัดย้อม เขายังชำนาญเรื่องสมุนไพรอีกด้วย
+++++++++++++++++++++++++++
“คุณปีเตอร์ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” ปีเตอร์ที่กำลังยืนอยู่หน้าสวนหย่อมด้านหน้าโรงแรมต้องตกใจเมื่อหันไปและพบว่าหญิงสาวชาวไทยคนงามที่พามาด้วยวิ่งตรงมาหาเขาอย่ากระหืดกระหอบพร้อมสีหน้าตื่นกลัว
“พวกมัน ๆ” เธอหอบจัด
“ใจเย็นๆ คุณทับทิมเกิดอะไรขึ้นครับ” หญิงสาวมือเย็นเฉียบจับมือเขาแน่น ปีเตอร์ลอบยิ้มคิดว่าทับทิมต้องการเรียกร้องความสนใจกับเขา
เขากุมมือเธอแน่น “ไม่ต้องตกใจครับ มีอะไรบอกผมมาได้เลย”
“ฉันถูกคนร้ายจับตัวไป มันขับรถพาฉันออกไปเมื่อครู่นี้ฉันเรียกให้คุณช่วยแต่คุณไม่ได้ยิน”
ปีเตอร์มีสีหน้าเรียบ บุคลิกขรึมของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แต่หากทับทิมรู้ว่าเขาคิดอะไรคงแทบจะกรีดร้องเพราะปีเตอร์คิดว่าทับทิมหาโอกาสใกล้ชิดกับเขา ถึงขั้นวางแผนว่าถูกจับตัวไปมันจะเป็นไปได้อย่างไร
++++++++++++++++++++++++++
ฟารุกปรบมือให้ทับทิม “เธอใช้ภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว ไปหัดพูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
เขาโต้ตอบเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ทับทิมรู้ว่าผู้ชายหน้าเหมือนชาวอาหรับทั้งคู่พูดและฟังภาษาอังกฤษได้ ดีล่ะเธอจะได้ถามพวกมันให้รู้เรื่องว่าจับตัวเธอมาทำไม
“ประเทศบ้านฉันเดี๋ยวนี้เขาเริ่มสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลไม่เห็นจะแปลกตรงไหน พวกแกบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าจับฉันมาทำไมทั้งที่เราไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้ากันมาก่อน”
“บาลาซาน เธอเห็นว่าพวกเราโง่มากใช่ไหม”
“ถ้างั้นพวกแกคงโง่ หรือไม่ก็คงมีใครสักคนหน้าตาเหมือนฉันอย่างกับแกมั้งพวกแกอาจจะจับผิดตัวก็ได้แต่คงไม่มีทางเพราะฉันเกิดมาไม่มีฝาแฝดไม่มีพี่น้อง”
“ปากดีนัก บาลาซาน ความผิดของเธอมันสมควรกับบทลงโทษแล้ว แม่ดอกไม้อาบยาพิษ” การิมชี้หน้าเธอ ในขณะที่หยิบรูปภาพหนึ่งออกมาจากเสื้อสูทและยื่นมันมาตรงหน้าเธอ “หน้าเหมือนขนาดนี้ยังจะมาโกหกอีก
เฮ้ย! ทับทิมสะดุ้งเฮือกหญิงสาวหน้าตาเหมือนเธอแต่อันที่จริงหากมองดีๆจะสังเกตได้ว่าหญิงในภาพคิ้วเข้มคมกว่าทับทิม
“เป็นไปได้ไง นี่พวกแกแอบเอารูปฉันไปตัดต่อใส่ชุดส่าหรีใช่ไหม”
ฟารุกและการิมหันไปมองหน้ากันแบบงงๆ ก่อนที่ฟารุกจะพูดขึ้น “ถ้าเราโง่คงเชื่อเธอนะว่าเราสองคนไปจับตัวใครผิดมา แต่หน้าตาเป็นหลักฐานขนาดนี้ บาลาซาน เธอเลิกมารยาสาไถและกลับไปรับโทษได้แล้ว”การิมมองหน้าทับทิมและเหมือนจะสงสัยอะไรบางอย่าง
“ฟารุก ไม่ผิดตัวนะ”
“ล้านเปอร์เซ็น” ฟารุกตอบเขาเคยเห็นบาลาซานสองสามครั้ง แต่ไม่คิดว่าอยู่ในระยะใกล้ประชิดตัวบาลาซานจะหน้าหวานขนาดนี้ยิ่งมาใส่ชุดที่แปลกไปใบหน้าเธอไม่มีเคล้าโครงชาวอิสลามเลย
“ไม่ผิดแน่ผู้หญิงคนนี้ชื่อบาลาซาน”
“พูดบ้าอะไร แล้วฉันก็ไม่ได้ชื่อบาลาซาน ฉันชื่อทับทิมได้ยินไหม”
รถคันหรูสตาร์ทขึ้นโดยการิม “รีบไปกันดีกว่าฟารุก”
“ดีเหมือนกันเดี๋ยวใครจะผ่านมาเห็นเข้า”
“ไม่ไปนะ ปล่อยฉัน” ทับทิมมขัดขืนกระชากข้อมือออกแต่มันทำได้ยากฝ่ามือของฟารุกกำข้อมือเธอเอาไว้แน่น ทับทิมเหลือบไปเห็นปีเตอร์อยู่ในระยะไกลกำลังมุ่งตรงมาทางนี้”
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะเห็นหน้าคุณแล้วดีใจมากขนาดนี้ ปีเตอร์ ช่วยฉัน..........” ฟารุกปิดปากหญิงสาวแน่นทับทิมดิ้นรนขัดขืน
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ” เขาดึงตัวเธอเข้าไปในรถยุโรปคันหรู
“ออกรถเลยการิม” ฟารุกสั่งเสียงเข้ม
“ปล่อยๆฉัน” เสียงอู้อี้ฟังไม่เป็นภาษา
“ปล่อยแน่แต่ไม่ใช่ที่นี่และเวลานี้”เขาตะคอกเสียงแข็ง
เมื่อรถจะผ่านหน้าปีเตอร์ไปทับทิมดึงมือออกจากฟารุกได้สำเร็จและทุบที่กระจกหลัง “ช่วยฉันด้วยปีเตอร์ ช่วยด้วย”เสียงของหญิงสาวไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้เพราะรถคันหรูเก็บเสียงเป็นอย่างดี
ฟารุกยิ้มเยาะ “ร้องไห้ตายก็ไม่มีใครได้ยินหรอก ”
“รถเก็บเสียงแล้วเมื่อตะกี้แกปิดปากฉันทำไม”
“ก็ปิดไปอย่างนั้นแหละ” ฟารุกพูดพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก
“ไอ้คนโรคจิต” ทับทิมสบถใส่หน้าเขา
ทับทิมมองออกไปนอกรถอยากให้ปีเตอร์มองเห็นเธอแต่กระจกติดฟิลล์มจนมองไม่เห็นภายในรถ “นี่บาลซาน เธอหนีออกจากประเทศมาไม่นานเธอรู้จักพวกฝรั่งตาน้ำข้าวด้วยเหรอ แพศยาที่สุด”แววตาแสดงความรังเกียจ
รถขับผ่านปีเตอร์มาไกลแล้วแต่ทับทิมยังไม่ละสายตาจากเขา จนกระทั่งผ่านประตูทางเข้าโรงแรมเหมือนโอกาสขอความช่วยเหลือจะหมดลงไปด้วย
“คนบ้าทำไมถึงไม่ได้ยินฉันเพราะคุณคนเดียวฉันมาเป็นเชฟให้คุณฉันเลยต้องมาโชคร้ายเจอไอ้บ้าสองคนนี้จับตัวอีก”
ฟารุกถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินหญิงสาวโวยวายเป็นภาษาไทยแน่นอนฟารุกฟังภาษาไทยได้รู้เรื่องในระดับหนึ่งเพราะเขามีธุรกิจที่ต้องติดต่อกับประเทศไทย
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ในเวลาเพียงไม่ถึงสามเดือนเธอจะพัฒนาด้านภาษาไปได้มากขนาดนี้ หลายภาษาเสียด้วยโดยเฉพาะภาษาไทยไม่ได้ฝึกพูดกันได้ง่ายๆ” ฟารุกพึมพำในลำคอ
เขากระชากเธอกลับเข้ามาหาตัว ฟารุกจับเธอพลิกหันหลังเข้าหาเบาะ
“ปล่อยฉันแกจะทำอะไร”
“จะบ้าเหรอฟารุกทำอะไรน่ะ ใจเย็นก่อนสิ”
มือเรียวแข็งแรงจับผมยาวสลวยที่ยาวถึงกลางหลังปัดไปไว้อีกด้านและดึงแซกเกาะอกตัวสวยจากด้านหลังให้ต่ำลง
“ทำไมไม่มี แม้แต่แผลเป็นก็ไม่มี” ฟารุกหน้าเสีย
“ไอ้คนเลวปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” ทับทิมกลัวสุดขีด คิดว่าฟารุกคิดจะลวนลามเธอบนรถ
++++++++++++++++++++++++++
“เฮ้ย! ซวยแล้วจะมาดับอะไรกันตอนนี้วะ” การิมโมโหแม้จะพยายามสตาร์ทเครื่องใหม่ก็ยังเหมือนเดิมเขารีบลงจากรถและเดินไปที่หน้ารถเปิดกระโปรงรถขึ้นอย่างหัวเสีย “รถก็แพงยังเสียอีก”
ด้วยความรีบร้อนการิมลืมปิดประตู
“เกิดอะไรขึ้นการิมรถเป็นอะไรไป”
“ไม่รู้เหมือนกันฟารุก”
ทับทิมที่อยู่เบาะหลังรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสเดียวของเธอที่จะหนีรอดจากชายแปลกหน้าทั้งสองคน
“อยากรู้ไหมล่ะฉันจะบอกให้เอาบุญ” ฟารุกหันมามองหน้าหญิงสาวและพบว่าขวดไวน์ที่เหลืออยู่ค่อนขวดจากการดื่มเมื่อคืนฟารุกเผลอวางไว้ที่เบาะหลังคนขับ ถูกทับทิมนำมาเป็นอาวุธฟาดใส่ศีรษะเขาทันทีจากนั้นหญิงสาวก็ใช้ความปราดเปรียวกระโดดไปที่เบาะหน้าคนขับเพราะประตูด้านหลังคนขับถูกล็อคเอาไว้ ทับทิมหนีลงจากรถทันที
เฮ้ย! “กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะ” การิมตกใจที่เห็นหญิงสาวออกมานอกรถและวิ่งหนีกลับไปทางด้านโรงแรมแต่เมื่อเขาจะวิ่งตามพบว่าในรถฟารุกกำลังร้องโอดโอยแถมที่ศีรษะมีเลือดไหลอาบชุ่มเป็นทางยาว การิมจึงต้องหันไปสนใจฟารุกก่อน
“ฟารุก เป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ตายหรอก แต่เจ็บเป็นบ้า แซบชะมัดเลย”
“แล้วจะทำยังไง บาลาซาน หนีไปแล้ว”
“นั่นไม่ใช่บาลาซานหรอก”
“เพราะอะไร ก็หน้าเหมือนในรูปไม่มีผิด”
“เชื่อฉันเถอะการิมเธอไม่ใช่ แต่ว่ายังไงซะฉันกับเธอคงได้เจอกันอีกแน่นอน” แววตาของฟารุกฉายแววประหลาดขึ้น
“แล้วบาลาซานไปไหนก็เราตามเธอมาในงานนี้ และจะเป็นไปได้ยังไงที่มีคนหน้าเหมือนกันขนาดนี้”
“คล้ายมากกว่า มีอะไรหลายอย่างที่ไม่ใช่บาลาซานต้องโทษสายตาของฉันที่มันมองผิดไป”
“ฟารุก แล้วเราจะเอายังไงกันต่อ”
“ตอนนี้กลับไปที่โรงแรมก่อนก็แล้วกัน”
“ไม่ไปโรงพยาบาลก่อนเหรอ”
“แค่นี้ไม่ตายหรอก ไกลหัวใจ” การิมสั่นศีรษะ ฟารุกเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นการิมจึงไม่อยากจะเซ้าซี้
++++++++++++++++++++++++++++++++++
“หายไปไหนนะ เมื่อครู่ยังเห็นหลังไวๆอยู่เลย” เมื่อลับตาแขกเหรื่อในงานลูกสาวเจ้าของโรงแรมคนสวยก็ออกอาการกะฟัดกะเฟียดและเดินไปที่ห้องน้ำด้วยความโมโหจึงทำให้แวนด้าไม่ได้สนใจมองทางเดินจึงทำให้ชนกับใครคนหนึ่งเข้าอย่างแรง
“บ้าที่สุด เดินยังไม่ได้มองทางบ้างหรือไง มัวมองอะไรอยู่” แต่เมื่อหยุดพูดและจะมองดูให้ชัดว่าใครกันที่บังอาจมาขวางทางเธอก็ต้องตกใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าขมวดคิ้วเข้ม
“คุณนั่นแหละที่เป็นฝ่ายชนผม คุณควรจะขอโทษผมมากกว่ามาตวาดเสียงแว้ดแบบนี้”
“นายเป็นใคร กล้าดียังไงถึงมาพูดมาแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร”
ปริญส่ายหน้าแบบเซ็ง “ผมระอาใจจริงกับพวกที่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร หน้าตาก็ดีไม่น่าจะปัญญาอ่อนเลย ขนาดตัวคุณเองยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครแล้วผมจะรู้กับคุณไหม”
แวนด้า คุณหนู ตระกูลโจว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครมาว่าเธอปัญญาอ่อน แล้วไอ้ผู้ชายหน้าตาเอเชียตรงหน้านี่เป็นใครมาจากไหน
“นายเป็นใคร ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้ รู้ไหมว่าฉันเป็นลูก....”แวนด้าหยุดพูดจะเบ่งว่าตนเอง เป็นลูกสาวของท่านประธาน หย่ง โจว เจ้าของโรงแรมที่เขากำลังยืนอยู่นี้ก็กลัวถูกหาว่าปัญญาอ่อนอีกที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ
“ฉันชื่อแวนด้า เป็นลูกของคุณ หย่ง โจว เจ้าของโรงแรมนี้ ” แวนด้ายิ้มอย่างภูมิใจในชาติตระกูล
“เหรอครับ แล้วมาบอกผมทำไมไทราบ ผมไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” พลางพิจรณาใบหน้าออกหมวยจิ้มลิ้มผิวขาวละเอียดเนียน ยิ่งใส่ชุดสีทับทิม ใช่สิทำไมคืนนี้เจอแต่ผู้หญิงสวยๆใส่ชุดสีทับทิมหรือจะเป็นเทรนใหม่ของปีปริญคิดแต่เมื่อเห็นท่าทีกอดอกทำหน้าเชิด ของคุณหนูจอมหยิ่งเขาก็ยิ้มแกมหมั่นไส้
“อย่างน้อยนายก็ควรจะขอโทษอย่างน้อยนายก็มายืนอยู่ในอาณาจักรของฉัน” หญิงสาวยืดอกเชิ่ดใส่
“ยิ่งใหญ่มากจริงๆนะคุณเนี่ย” ปริญแกล้งมองที่เนินอกสวยที่จริงเขาไม่ได้มีเจตนาลวนลามเธอทางสายตาแต่ความเชิ่ด หยิ่ง ของเธอมันทำให้เขาอยากจะแกล้ง
แวนด้ารีบกอดอกแน่น “ไอ้คนบ้า โรคจิต นายกำลังมองอะไรของฉันอยู่”
“เปล่านี่ มีอะไรน่ามองด้วยเหรอ”
“น่าตานายก็ดี แต่ปากนายโสโครกมาก” แวนด้าอยากจะกรีดร้อง
“ผมแปรงฟัน วันละสามครั้งหลังอาหารไม่น่าจะเป็นไปได้นะ ไม่เชื่อคุณลองดมดูสิ” ปริญนึกอยากจะแกล้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แวนด้ารีบถอยหลัง
“ทุเรศที่สุดใครจะกล้าดม ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณพ่อเชิญคนบ้าๆแบบนายมาร่วมงานอันทรงเกียรติด้วย” เพราะงานนี้มีแต่แขกระดับวีไอพีเท่านั้น นักธุรกิจหนุ่มสิ่งทอจากประเทศไทยนึกซะใจ เธอทำท่ารังเกียจและถอยห่างไปอีกหลายก้าว
“ไม่ลองไม่รู้นะคุณ” แวนด้าถอยหลังและลื่นหงายหลัง หญิงสาวร้องเสียงหลง
“ว้าย! ช่วยด้วย” ประกอบกับชุดราตรีสีทับทิมกรุยกราย แวนด้ารู้สีกว่าเธอกำลังหงายหลังไปจนใกล้ถึงพื้นหากไม่มีมือหนึ่งประคองหลังและดึงขึ้นมา
“เป็นยังไงล่ะคุณ มัวแต่เชิดหน้ามองเพดานตาไม่มองพื้นก็เป็นแบบนี้แหละ ดีนะหลังไม่เสีย” เรือนร่างน่าปรารถนาของแวนด้ากำลังหอบแรงอยู่ในอ้อมอกของปริญที่แววตามีรอยยิ้มเยาะ
“ฉันไม่ได้ซุ่มซ่าม น้ำนั่นต่างหากทำให้ฉันลื่น แม่บ้านนี่แย่ที่สุดต้องหักเงินเดือนซะแล้ว” แวนด้าชี้ไปที่น้ำมันลื่นๆบริเวณพื้น
“โทษไปทั่ว คุณนี่มันจริงๆ” แวนด้าในอ้อมกอดของปริญมีสีหน้าไม่พอใจและเมื่อเห็นว่ามือของเขายังโอบรอบเอวเธออยู่ก็แสดงอาการรังเกียจ
“ ปล่อยฉันนะ ไม่ต้องมาทำเป็นสั่งสอน พ่อฉันยังไม่เคยมาว่าแบบนี้เลย”
“ได้ ผมก็ไม่ได้อยากจะถูกเนื้อต้องตัวคนแบบคุณนักหรอก”เขาปล่อยมือจากหญิงสาวทันที แวนด้าที่ถูกประคองและยังตั้งหลักไม่ดีจึงล้มไปก้นกระแทกที่พื้น พร้อมเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บใจ
“ไอ้คนบ้า นึกจะปล่อยก็ปล่อยกันแบบนี้เลยเหรอ” แวนด้าลุกขึ้นยืนและผลักปริญจนเขาเซ ท่าทางเธอโกรธจัดจากนั้นก็รีบเดินออกไปจากที่เกิดเหตุ
ปริญถอนหายใจ “ผู้หญิงอะไรเกรี้ยวกราดไม่น่ารัก สวยแค่ไหนก็ไม่อยากได้มาเป็นแฟน นิสัยแบบนี้สงสัยชาตินี้จะหาสามีไม่ได้แน่ๆ” เขามองตามร่างอรชรในชุดราตรียาวกรุยกรายไป
ปริญมองน้ำมันที่พื้นรู้สึกแปลกใจเขาก้มลงไปแตะมันขึ้นมาและดมดู สีหน้าของเขาแสดงความประหลาดใจออกมานอกจากปริญจะเก่งและมีความรอบรู้เรื่องผ้าไทย และการมัดย้อม เขายังชำนาญเรื่องสมุนไพรอีกด้วย
+++++++++++++++++++++++++++
“คุณปีเตอร์ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย” ปีเตอร์ที่กำลังยืนอยู่หน้าสวนหย่อมด้านหน้าโรงแรมต้องตกใจเมื่อหันไปและพบว่าหญิงสาวชาวไทยคนงามที่พามาด้วยวิ่งตรงมาหาเขาอย่ากระหืดกระหอบพร้อมสีหน้าตื่นกลัว
“พวกมัน ๆ” เธอหอบจัด
“ใจเย็นๆ คุณทับทิมเกิดอะไรขึ้นครับ” หญิงสาวมือเย็นเฉียบจับมือเขาแน่น ปีเตอร์ลอบยิ้มคิดว่าทับทิมต้องการเรียกร้องความสนใจกับเขา
เขากุมมือเธอแน่น “ไม่ต้องตกใจครับ มีอะไรบอกผมมาได้เลย”
“ฉันถูกคนร้ายจับตัวไป มันขับรถพาฉันออกไปเมื่อครู่นี้ฉันเรียกให้คุณช่วยแต่คุณไม่ได้ยิน”
ปีเตอร์มีสีหน้าเรียบ บุคลิกขรึมของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แต่หากทับทิมรู้ว่าเขาคิดอะไรคงแทบจะกรีดร้องเพราะปีเตอร์คิดว่าทับทิมหาโอกาสใกล้ชิดกับเขา ถึงขั้นวางแผนว่าถูกจับตัวไปมันจะเป็นไปได้อย่างไร
++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2556, 16:51:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2556, 08:29:30 น.
จำนวนการเข้าชม : 2008
<< ตอนที่ 5 | ตอนที่ 7 >> |

ปั้นฝัน 8 ม.ค. 2556, 17:02:51 น.
หลงตัวเองไปมั้ยคุณปีเตอร์ อย่างนี้หนูทับทิมต้องแกล้งเสียให้เข็ด ถึงจะสาสม
หลงตัวเองไปมั้ยคุณปีเตอร์ อย่างนี้หนูทับทิมต้องแกล้งเสียให้เข็ด ถึงจะสาสม


อัปสรา 8 ม.ค. 2556, 19:14:23 น.
นั่นสินะ
นั่นสินะ


อัปสรา 8 ม.ค. 2556, 20:56:40 น.
เห็นด้วยค่ะ
เห็นด้วยค่ะ

wii 8 ม.ค. 2556, 21:09:17 น.
น่าจะให้ฟารุกเป็นพระเอกซะรู้เเล้วรู้รอดไป อีตาปีเตอร์นี่หลงตัวเองจริงๆ ผู้ชายที่คิดเเบบนี้เป็นผู้ชายที่เเย่สุดๆเพราะพอมีผู้หญิงมาพูดหรือขอความช่วยเหลือก็หลงตัวเองว่าผู้หญิงอยากใด้หรืออยากใกล้ชิดกับตัวเอง
น่าจะให้ฟารุกเป็นพระเอกซะรู้เเล้วรู้รอดไป อีตาปีเตอร์นี่หลงตัวเองจริงๆ ผู้ชายที่คิดเเบบนี้เป็นผู้ชายที่เเย่สุดๆเพราะพอมีผู้หญิงมาพูดหรือขอความช่วยเหลือก็หลงตัวเองว่าผู้หญิงอยากใด้หรืออยากใกล้ชิดกับตัวเอง

pseudolife 8 ม.ค. 2556, 21:24:10 น.
นายปีเตอร์คิดอย่างนี้ขอให้จีบสาวไม่ติด ฮ่าๆ
นายปีเตอร์คิดอย่างนี้ขอให้จีบสาวไม่ติด ฮ่าๆ

อัปสรา 8 ม.ค. 2556, 21:45:22 น.
ปีเตอร์ นายแย่แน่แล้วคราวนี้ 555
ปีเตอร์ นายแย่แน่แล้วคราวนี้ 555

konhin 8 ม.ค. 2556, 22:54:10 น.
หลงตัวเองเข้าขั้นจริงๆ นายปีเตอร์
หลงตัวเองเข้าขั้นจริงๆ นายปีเตอร์

shotang 6 ต.ค. 2556, 13:47:43 น.
อุ้ย อิบ้า หลงตัวเองจริง ๆ
อุ้ย อิบ้า หลงตัวเองจริง ๆ