The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 10


บทที่ 10



‘แกว่าสร้อยเส้นนี้สวยมั้ย’

โยธินชูสร้อยสีเงินลอยคว้างกลางอากาศให้เพื่อนสาวเห็นเต็มตา

กิดาหยันมองค้างเมื่อสายตาปะทะกับแสงสีเงินของเพชรที่สะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆ พยักหน้าทั้งที่สายตายังคงจับจ้องประกายเพชรไม่วางตา ‘น่าจะแพงอยู่นะเนี่ย ไหนขอดูหน่อย’

‘หยุดไปเลยเจ้าหยัน’ คนชูให้เห็นตีมือเพื่อน กำสร้อยไว้ในมือแน่น ‘แกไม่มีสิทธิ์แตะต้องสร้อยเส้นนี้นะโว้ย’

‘อ้าว แล้วแกจะเอาสร้อยมาให้ฉันดูทำซากอะไร’

อีกฝ่ายยิ้มเจ้าเล่ห์แทนคำตอบ ละสายตาจากจี้เพชรหันมามองสาวข้างกาย ‘ตกลงแกว่าสร้อยเส้นนี้สวยใช่มั้ย’ ถามพลางเก็บสร้อยใส่กระเป๋าเสื้อดังเดิม

กิดาหยันครางรับในลำคอ ‘แกนี่มันโรคจิตจริง เอามาให้เขาดูแล้วไม่ให้เขาจับ’

‘เอาน่ะ เดี๋ยวแกก็รู้’

‘วิวข้างนอกสวยจังค่ะโย’ เสียงใสๆ ที่ทักดังมาจากปากประตูระเบียงเรียกความสนใจจากหนุ่มสาว

เป็นโยธินที่เข้าไปโอบร่างโปร่งบางเจ้าของเสียงให้มายืนเคียงข้างกันหน้าระเบียง แทนที่ที่กิดาหยันยืนเมื่อครู่ ‘เป็นยังไงนันท์ สำรวจทั่วแล้วเหรอครับ’

‘ค่ะ ในคอนโด ไม่กว้างและก็ไม่แคบจนน่าอึดอัดเกินไป มีพื้นที่ใช้สอยครบ ส่วนข้างนอกก็วิวสวยมองจากมุมบนนี้เห็นตัวเมืองชัดแจ๋ว ตอนกลางคืนน่าจะสวยน่าดู ว่ามั้ยหยัน’

‘ฉันก็ว่างั้น ไม่ยักรู้นะว่าแกก็รสนิยมดีเหมือนกัน’ อดไม่ได้ขอแขวะเจ้าเพื่อนโรคจิตหน่อยเถอะ !

‘หยัน’ พี่ปราม ยิ้มขันเมื่อเห็นโยธินแยกเขี้ยวใส่น้องสาว ‘ว่าแต่คุณเถอะค่ะ คิดยังไงถึงจะย้ายมาอยู่คอนโด คนเดียว คุณพ่อคุณแม่ของคุณไม่ว่าเหรอคะ’

‘โธ่นันท์ เมื่อไหร่คุณจะเลิกมองผมเป็นลูกแหง่สักที ผมโตแล้วนะ อีกไม่กี่วันก็จะรับปริญญาพร้อมคุณอยู่แล้ว’

กิดานันท์บิดจมูก ‘ลูกแหง่’ อย่างหมั่นไส้ในเสียงอ้อนๆ นั้น ต่างจากกิดาหยันที่เพียงยิ้มๆ ทอดมองไกลออกไปยังท้องฟ้าสีสว่างเบื้องหน้า มีตึกสูงเสียดฟ้าบังตาบ้างเป็นประปรายแต่ก็ยังดีกว่าที่ต้องทนสบมองภาพสวีทหวานของคู่รักข้างๆ

‘ไม่ต้องมาเบี่ยงประเด็นเลย ผมบอกคุณเมื่อไหร่ว่าจะย้ายมาอยู่คอนโด นี้คนเดียว คุณต้องย้ายมาอยู่กับผมด้วย’

‘คะ ?’ กิดานันท์ร้องเสียงหลง ไม่ได้สังเกตหรอกว่ามีสาวอีกคนหันขวับมาทันที

‘คุณฟังไม่ผิดหรอกนะนันท์ ทันทีที่เราเรียนจบ มีใบปริญญาไปฝากคุณพ่อคุณแม่ของคุณที่ต่างจังหวัดเมื่อไหร่ ผมจะให้คุณพ่อคุณแม่ของผมไปสู่ขอคุณ และคอนโด นี้...คือเรือนหอของเรา’

‘เรือนหอ !’ คราวนี้เป็นกิดาหยันที่ร้องเสียงหลง

โยธินทำเสียงจิ๊กจักในลำคออย่างรำคาญๆ เป็นเพื่อนกันมานานมีเหรอจะฟังเสียงหลงๆ ของเจ้าหล่อนไม่ออกว่าไม่เห็นด้วยอย่างแรง !

‘แต่โยคะ ฉันยังไม่คิดถึงขั้นนั้นเลย หลังจากเรียนจบฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำงานเก็บประสบการณ์สักพัก แล้วเรียนต่อ เรื่องของเรา...’

‘คุณจะปฎิเสธผมไม่ได้นะนันท์ ผมรอคุณมาตั้งสี่ปี คุณจะให้ผมรออีกไปถึงไหน แต่งงานกับผมก่อนแล้วค่อยหางานทำ ต่อจากนั้นคุณคิดจะเรียนต่อหรือไม่เรียนผมก็จะไม่ห้ามคุณสักคำ’

‘แต่ฉันว่ามัน...’ กิดานันท์เสียงแผ่วลงทันตา สัมผัสได้ว่าอ้อมแขนอบอุ่นของชายหนุ่มคลายออกจากไหล่

สีหน้าโยธินสลดลงจนสาวข้างกายอดใจหายไม่ได้ ‘โย...’

‘คุณกับหยันดูห้องเสร็จเมื่อไหร่ค่อยตามผมลงไปแล้วกัน ผมจะไปรอคุณสองคนในรถ’

โยธินแกะมือหญิงสาวออกจากการเกาะกุม ผละจากไปดื้อๆ ไม่แม้แต่จะมองสายตาอ้อนวอนของหญิงสาว

‘โย !’

กิดานันท์ทำท่าจะวิ่งตามออกไป แต่มีมือกิดาหยันรั้งไว้ ‘ปล่อยมันไปก่อนเถอะนันท์ ตามไปพูดอะไรตอนนี้มีแต่จะทะเลาะกันเปล่าๆ’

‘แต่ฉันอยากอธิบายให้โยเข้าใจ’ กิดานันท์ละสายตาจากชายหนุ่ม หันมาจับมือน้องสาวมั่นคล้ายหาที่พึ่ง ‘เธอเข้าใจฉันใช่มั้ย ผู้หญิงเรา...การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ มันหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตของคนสองคน...ฉะ...ฉันไม่อยาก...’

‘ฉันเข้าใจ แต่ตอนนี้ไอ้โยมันกำลังเสียใจ ให้เวลามันหน่อยแล้วกัน’

พอเห็นพี่สาวฝาแฝดยังมองตามหลังอีกฝ่ายตาละห้อย น้องสาวจึงกุมมือปลอบ ‘เชื่อฉันสินันท์ โยมันรักเธอออกจะตาย มันไม่บอกเลิกเธอง่ายๆ หรอก เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็กลับมาจิ๊จ๊ะกับเธอเหมือนเดิมเองแหละ’

‘เธอนี่’ ถูกน้องสาวแซวเลยยิ้มได้หน่อย หน้าซีดเริ่มมีสีแดงระเรื่อให้เห็น ‘ชอบแซวฉันกับโยอยู่เรื่อย อย่าให้ถึงตาเธอมีแฟนบ้างแล้วกัน ฉันจะแซวคืนเป็นสองเท่า’

กิดาหยันหัวเราะรับอีกฝ่ายแม้เสียงหัวเราะนั้นจะแห้งสนิท...รู้ทั้งรู้ว่าคงไม่มีวันนั้น...

ยังคงบีบมือพี่สาวแน่นหวังว่าอย่างน้อยความอบอุ่นในตัวหล่อนจะทำให้หญิงสาวตรงหน้าดีขึ้น นัยน์ตาสวยจับจ้องดวงหน้าคล้ายอย่างเข้าใจ กิดานันท์ยังคงมองตามโยธินไปทั้งที่ประตูปิดสนิทลงแล้วก็ตาม





**********************





‘หยัน !’ กิดานันท์ร้องไห้โฮวิ่งมาหาน้องสาวที่ห้องล้างฟิล์มที่มหาวิทยาลัยในเย็นวันหนึ่ง

หลังจากผ่านวันงานรับปริญญาไปได้สองวัน โยธินขอตัวพี่สาวหล่อนไปทานข้าวที่บ้านเพื่อฉลองรับปริญญากับครอบครัว รวมทั้งหาโอกาสบอกให้บิดามารดาทราบถึงความประสงค์ของทั้งสองเรื่องแต่งงาน

แต่ทำไมพี่สาวของหล่อนถึงกลับมาในสภาพเช่นนี้ !

คนที่กำลังง่วนอยู่กับการล้างฟิล์มภาพถ่ายวันงานรับปริญญาวางมือแทบไม่ทัน ‘เป็นอะไรไปนันท์ ทะเลาะกับโยมาอีกแล้วเหรอ’

กิดานันท์ส่ายหน้า ตอบปนเสียงสะอื้นว่า ‘ฉะ...ฉันไม่ได้ทะเลาะกะ...กับโยมาหรอกหยัน นี่เขาก็...ก็ยังมาส่งฉันที่คณะเธออยู่เลย’

‘แล้วไปไหนเสียล่ะ หรือว่ารออยู่ข้างนอก’

กิดานันท์ส่ายหน้าอีกรอบทั้งที่ยังงุดหน้าอยู่กับไหล่น้องสาว ‘ฉันให้เขากลับไปแล้ว’

‘อ้าว ! แล้วมันก็ปล่อยให้เธอร้องไห้มาหาฉันดื้อๆ แบบนี้เนี่ยนะ’

กิดานันท์ไม่ตอบ เอาแต่สะอื้นไห้ท่าเดียว ด้วยความที่ภายในห้องล้างฟิล์มมืดสนิทร้อนถึงกิดาหยันต้องพาออกมาคุยกันข้างนอก เผื่อจะมองเห็นหน้าคนร้องไห้ชัดขึ้น

จับพี่สาวนั่งบนม้านั่งยาวหน้าห้อง ถอนใจให้กับดวงหน้าสวยที่เคยผุดผ่องภายใต้เครื่องสำอางบัดนี้เปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตา

เช็ดมาสคาร่าที่เลอะบริเวณขอบตา พินิจมองดวงหน้าคล้ายนั้นอีกครั้ง เพิ่งสังเกตเห็นว่าคอขาวเนียนนั้นมีสร้อยคอจี้เพชรรูปหัวใจ จำได้ว่าเป็นจี้เพชรที่เพื่อนตัวดีเคยให้ดูที่คอนโด ‘...โยให้เธอมาเหรอ’

กิดานันท์ครางรับ ‘โยให้เป็นของขวัญวันรับปริญญาน่ะ อ้อ ! มีของเธอด้วยนะ’

‘ของฉัน ?’

พี่สาวฝาแฝดพยักหน้า ปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนส่งกล่องกำมะหยี่สีแดงที่ว่าให้น้องสาว ‘โยบอกว่าตั้งใจซื้อมาให้เธอโดยเฉพาะ เห็นว่าเป็นเพื่อนรักที่สุดต้องมอบของขวัญที่พิเศษให้หน่อย’

กิดาหยันเพียงยิ้มๆ รู้สึกไม่ค่อยยินดีกับคำว่า ‘เพื่อนรัก’ สักเท่าไหร่ จึงรับมาถือไว้ทั้งที่ตายังจับจ้องจี้เพชรที่คอพี่สาว

‘ลองเปิดดูสิ’ คนให้กระตุ้น เตือนสติกิดาหยันให้สนใจของในมือ

เจ้าของของขวัญยอมเปิดออกอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ สภาพกล่องก็ดูดีมีราคาอยู่หรอกแต่อย่างมากโยธินคงซื้อแค่สร้อยราคาถูกหรือไม่ก็กำไลเด็กเล่นสักวงให้หล่อนไปอย่างนั้น

แต่แล้ว...ความคิดเมื่อครู่กลับเลือนหายพลัน ดวงตาเรียวเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อพบว่าความคิดเมื่อครู่นั้น...ผิดถนัด !

‘น่ารักจังหยัน’

กิดาหยันมองของขวัญตรงหน้าค้างอยู่อย่างนั้น กำไลวงเล็กสองวงที่วางซ้อนกันอยู่ในกล่องคงไม่ทำให้หล่อนนิ่งงัน ถ้าไม่ถูกประดับด้วยหัวใจสีทองดวงเล็กรอบวงคล้องติดกัน...ดูสวยไม่น้อยในสายตาของหญิงสาว

เป็นกิดานันท์ที่หยิบมันขึ้นมาสวมที่ข้อมือให้น้องสาวเสร็จสรรพ ถามเมื่อเห็นคนใส่นิ่วหน้า ‘ไม่ชอบเหรอหยัน’

‘ฮื้อ...?’ นั่นแหละกิดาหยันถึงมีสติ ‘อืม...มันดูไม่ค่อยเข้ากับฉันเท่าไหร่เลย’

‘ใครว่าล่ะจ๊ะ น่ารักดีออก’ คนชมขยับกำไลให้เข้าที่ หันด้านที่มีหน้าปัดนาฬิกาขึ้นให้เจ้าตัวเห็นชัดเจน ยิ่งเทียบกับนาฬิกาเด็กเล่นเรือนเก่าของหล่อนที่ใส่อยู่เดิมด้วยแล้ว ดูต่างกันราวฟ้ากับเหว !

‘เป็นกำไลนาฬิกาเสียด้วย สงสัยโยคงเห็นว่านาฬิกาเรือนเก่าของเธอดูเก่าไปแล้วมั้ง’

‘ตลกแล้วยัยนันท์ นอกจากเธอไอ้โยมันไม่ใส่ใจผู้หญิงคนไหนอีกแล้วล่ะ ฉันว่ามันคงเห็นว่าฉันชอบตื่นสายเสียมากกว่า’

‘ไม่เอาน่ะหยัน ฉันดูออกว่าโยตั้งใจซื้อให้เธอจริงๆ’

กิดาหยันโบกปัด พยายามไม่ใส่ใจในสิ่งที่ได้ยิน ก่อนละสายตาจากของขวัญชิ้นใหม่ มองคนข้างกายยิ้มๆ ‘ตกลงจะบอกได้รึยังว่ามีเรื่องอะไรกลุ้มใจ ถึงได้ร้องไห้โฮมาอย่างนี้’

คำถามของน้องสาวทำให้รอยยิ้มสดใสเมื่อครู่หายไปพริบตา นัยน์ตาสีหม่นมองเลยผ่านกิดาหยันไป แต่กลับเบิกกว้างเหมือนตกใจอะไรบางอย่าง ชวนกิดาหยันหันมอง แล้วต้องพบว่าโยธินยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างหลัง

‘ว่าแล้วว่าคุณต้องหนีมาอยู่กับหยันที่นี่’

‘หนีมา ?’ กิดาหยันเหลียวกลับมามองพี่สาว ‘นี่มันอะไรกันนันท์ ไหนเธอบอกว่าโยมาส่งเธอไง’

‘ส่งอะไรกันล่ะ ยังไม่ทันทานข้าวด้วยกันเลยด้วยซ้ำ’ โยธินว่าพลางนั่งลงข้างกิดานันท์ ‘คุณเป็นอะไรไป จู่ๆ เด็กที่บ้านผมก็มาบอกว่าคุณขอตัวกลับก่อน หรือว่าคุณโกรธผมที่ปล่อยให้คุณรอนาน’

‘เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ’

‘ผมก็ว่าอย่างนั้น เพราะผมหายขึ้นไปคุยกับพ่อบนบ้านแค่ไม่กี่นาทีเอง หรือว่า...’ คิ้วหนาขมวดเป็นปมยุ่ง ถามเสียงแข็งขึ้นมาทันทีว่า ‘หรือว่าตอนที่ผมปล่อยให้คุณอยู่รอกับคุณแม่ ท่านพูดอะไรไม่ดีกับคุณใช่มั้ย บอกผมมานันท์ว่าท่านว่าอะไรคุณบ้าง ผมจะไปคุยกับท่านเอง’

‘ไม่ใช่หรอกค่ะโย ฉันเองที่ผิดที่หนีคุณมาดื้อๆ อย่าไปว่าท่านเลยนะคะ’

‘แต่ผมไม่เชื่อ ตอนคุณมากับผมคุณยังดีๆ อยู่เลย แล้วจู่ๆ คุณจะเปลี่ยนใจหนีมาได้ยังไง’

กิดานันท์เงียบ และนั่นยิ่งทำให้โยธินร้อนรนเข้าไปใหญ่ ก่อนออกมาตามหญิงสาวกลับไปเขามีปากเสียงกับมารดาก็เพราะเรื่องของกิดานันท์กับมารดานั่นแหละ ลูกชายรู้ดีว่ามารดาไม่พอใจในชาติตระกูลของกิดานันท์เท่าไหร่

ลูกสาวชาวสวนก็เป็นแค่ผู้หญิงจนๆ คนหนึ่งในสายตาของมารดาเท่านั้น

‘ยังไงวันนี้คุณต้องกลับไปกับผม ผมจะพาคุณไปยืนยันกับท่านเรื่องของเราให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าท่านไม่พอใจ เราก็ย้ายออกมาอยู่ที่คอนโด ด้วยกันวันนี้เลย ข้าวของเครื่องใช้จำเป็นก็มีพร้อมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องจดทะเบียน ผมจะพาคุณไปอำเภอพรุ่งนี้เอง’

‘บ้าน่ะไอ้โย ! พี่สาวฉันก็มีพ่อมีแม่นะ จู่ๆ แกจะมาพานันท์ไปอยู่ด้วยกับแกง่ายๆ แบบนี้ได้ที่ไหน’ กิดาหยันแหว ชักทนไม่ได้กับความวู่วามของเพื่อน ‘รอให้นันท์พร้อมก่อนไม่ได้หรือไง ไปตอนนี้แม่แกก็ได้แต่ไล่ตะเพิดกลับมาเท่านั้น’

‘แต่ยังไงท่านก็ทำไม่ถูก คนที่จะแต่งงานกับนันท์คือฉันนะไม่ใช่ท่าน’

‘หุบปากเห็นแก่ได้ของแกไปเลย ยังไงวันนี้ฉันไม่มีทางปล่อยนันท์ไปกับแกเด็ดขาด ! ถ้าแกพานันท์ไป ต่อแต่นี้ไปแกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าเพื่อนอีก ส่วนไอ้นาฬิกาบ้าบอของแก’ ไม่พูดเปล่า กิดาหยันยังถอดกำไลออกไม่ต่างจากกระชาก “เอาคืนไป ฉันไม่อยากได้ !’

‘เฮ้ย ! นั่นราคาแพงนะโว้ย ! ฉันอุตส่าห์ซื้อมาให้แกทำไมแกถึงไม่คิดจะรักษามันบ้าง’

‘ก็ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่อยากได้’

‘ไอ้หยัน !’

‘ถ้าแกคิดว่าของราคาแพงนี้จะทำให้ฉันยอมให้แกพานันท์ไปอยู่ด้วยง่ายขึ้นล่ะก็ ฉันขอ บอกตรงนี้เลยว่าแกคิดผิด ฉันคนหนึ่งล่ะที่จะช่วยแม่แกขัดขวางนันท์กับแกให้ถึงที่สุด !’

‘โธ่โว้ย !’ อีกฝ่ายสบถ แต่มือยังไม่ยอมปล่อยกิดานันท์ ‘ได้ ในเมื่อแกอยากตัดขาดความเป็นเพื่อนกับฉันก็เชิญ แต่ยังไงวันนี้ฉันจะพานันท์ไปกับฉัน ไปนันท์ เราต้องคุยกับท่านให้รู้เรื่อง’

‘ไอ้โย !’ กิดาหยันตะโกนเรียก จะวิ่งตามแต่มีสายตาปรามของพี่สาวห้ามไว้ เป็นกิดานันท์เองที่สลัดข้อมือหลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย

‘นันท์...’ ดูท่าคนถูกสลัดทิ้งจะตกใจเช่นกัน

‘ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะโย’

‘แต่เราตะ...’

‘โยคะ’ กิดานันท์พยายามคุมเสียงให้นิ่งที่สุด ขณะที่น้ำใสๆ ระรื้นขึ้นที่ขอบตาตั้งแต่ได้ยินน้องสาวกับคนรักทะเลาะกันแล้ว ‘ฉันขอเวลาสักนิดนะคะ หยันพูดถูก ยังไงเราไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ คุณแม่ของคุณคงไม่รับฟังเรา ฉันก็ยังไม่พร้อมที่จะสู้หน้าท่าน...ส่วนคุณเอง...ยังไม่มีสติพอจะคุยกับใครทั้งนั้นค่ะ’

‘ผมรู้ว่าเราไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ แต่ผมทนไม่ได้ที่ท่านมาดูถูกคุณ’

‘แต่ฉันบอกแล้วไงคะว่าไม่ใช่ความผิดของท่าน คุณแม่ของคุณรักคุณมากนะคะ ไม่อย่างนั้นท่านคงไม่อยากหาผู้หญิงที่ดีที่สุดให้คุณหรอกค่ะ ฉันเองสิคะที่ไม่คู่ควรกับคุณ’

‘ไม่จริง คุณเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมที่สุดสำหรับผม ผมต่างหากที่ทำตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นคนรักของคุณ’ กิดานันท์ทำให้ชายหนุ่มอ่อนลงพริบตา อารมณ์หุนหันพลันแล่นเมื่อครู่เลือนหายไปแล้วเมื่อเห็นน้ำตาของหญิงสาวตรงหน้า

‘วันหลังคุณอย่าตัดพ้อตัวเองอีกนะนันท์ ผมคงทนไม่ได้ถ้าคุณ...’

นิ้วเรียวสวยแตะที่ริมฝีปากชายหนุ่มเป็นเชิงห้าม “ฉันไม่มีวันทิ้งคุณไปแน่ค่ะโย ที่ฉันขอกลับมาก่อน เพราะฉันแค่รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองให้คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเห็นค่ะ เราสองคน...คงต้องการเวลามากกว่านี้”

‘จริงนะนันท์ คุณไม่ได้หลอกให้ผมดีใจเล่นใช่มั้ย’

กิดานันท์คลี่ยิ้มสดใสให้แทนคำตอบ อีกฝ่ายจึงโอบร่างบางมากอดแนบกายให้มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด หูของเขาก็ไม่ฟาดด้วย

กิดาหยันมองภาพตรงหน้านิ่ง โยธินค่อยๆ โน้มตัวลงจูบหน้าผากหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างนุ่มนวล และมันทำให้น้องสาวต้องเบือนหน้าหนี...หลับตาข่มความรู้สึกเจ็บปวดนั้นไว้ในใจ

ภาพสวีทหวานของพี่สาวกับโยธินใช่ว่ากิดาหยันจะไม่เคยเห็น แต่ทุกคราวหล่อนเลือกได้ที่จะมองเลยผ่านความจริงนั้นไป

...มันทำให้หล่อนเจ็บปวดน้อยกว่าที่เป็นอยู่...ไม่ใช่เผชิญหน้ากับมันชัดเจนเหมือนอย่างวันนี้ !

ถึงกิดาหยันอยากเข้าไปแทนที่พี่สาวฝาแฝดมากเพียงใด...หากทว่า...สิ่งเดียวที่หล่อนทำได้คือเก็บกำไลนาฬิกาใส่กล่องกำมะหยี่อย่างทะนุถนอม...มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หล่อนได้จากชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนเดินกลับเข้าห้องล้างฟิล์ม...ที่ที่หล่อน...สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกเหล่านั้นไว้ภายใต้ความมืดมิดเพียงลำพัง



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2556, 21:43:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2556, 21:43:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1104





<< บทที่ 9   บทที่ 11 >>
Auuuu 10 ม.ค. 2556, 21:50:06 น.
เฮ้ยยยยยยยยยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account