The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 11


บทที่ 11




‘เพราะฉันรู้ว่าแกมีความรู้สึกดีๆ ให้ฉันไม่ต่างไปจากนันท์’

แม้ภายในห้องนอนจะมีเสียงเพลงคลาสสิกลอยละล่องราวความฝัน หากมันไม่ได้ผ่านเข้าหูกิดาหยันแม้แต่น้อย คำพูดของเพื่อนเวรยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

กิดาหยันมองสร้อยคอที่ถูกถอดวางทิ้งไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนกิดานันท์ จี้รูปหัวใจสีเงินประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กทิ้งตัวเป็นแนวดิ่งสวยกลางดวง...ยังงดงามเสมอในสายตาของหล่อน แสงระยับจากจี้เพชรชวนให้กิดาหยันมองเคลิ้ม หากในคราเดียวกันนัยน์ตาคู่นั้น มีแววตาของความเจ็บปวดซ่อนเร้นอยู่ไม่น้อย

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดหล่อนยังคงจดจำสร้อยเส้นนี้ได้ติดตา สร้อยคอจี้รูปหัวใจที่โยธินมอบให้พี่สาวฝาแฝดของหล่อนไว้เพื่อเป็นตัวแทนของความรักที่ทั้งสองมีให้กัน และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแล้วก็ตามกิดานันท์ก็ยังคงสวมใส่มันไว้ไม่เคยลืม

แต่แล้วพอนึกมาถึงตรงนี้ ความคิดต้องสะดุดเล็กน้อย แปลกใจที่วันนี้พี่สาวถอดสร้อยเส้นนี้ทิ้งไว้ได้

เมื่อคืนหลังจากกิดานันท์โทรศัพท์มาบอกหล่อนว่ามีเคสด่วนต้องอยู่ห้องผ่าตัดทั้งคืน โยธินถึงได้ยอมกลับไป หลายคราวที่กิดาหยันพยายามทำใจให้ลืมๆ ไปเสียว่าไม่มีโยธินอยู่บนโลกใบนี้ แต่ร่ำไปที่กิดานันท์ตอกย้ำให้หล่อนไม่อาจลืมได้อย่างใจต้องการ

หล่อนโกรธตัวเองที่ไม่รู้จักเจ็บ โกรธ...ที่ไม่อาจทำใจให้เลิกคิดถึงเพื่อนทรยศนั่นได้สักครั้ง !

หล่อนอดตัดพ้อความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ทำไมเรื่องที่อยากลืมถึงยังได้จดจำฝังใจ ถ้าเกิดเป็นหุ่นยนต์ได้เสียก็ดี นึกอยากจะลบก็ลบทิ้งได้เลย มันจะได้ไม่มีขยะมารกสมองอย่างนี้

เสียงแกรกที่ดังมาจากบานประตูห้องนอนฉุดสติกิดาหยัน ปาดน้ำตาบนแก้ม

หญิงสาวในชุดนางพยาบาลเข้ามาในห้องนอนด้วยสีหน้าอิดโรย ตกใจเล็กน้อยที่เห็นน้องสาวยืนอยู่หน้ากระจก “วันนี้ไม่ไปเดินเล่นที่สวนหย่อมเหมือนเคยเหรอ”

“อืม...เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับน่ะเลยเพิ่งตื่น” กิดาหยันตอบพลางทำทีเป็นง่วนสนใจกับการใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมตัวเอง ยามนี้หล่อนอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในชุดเช้าวันใหม่เรียบร้อยแล้ว

“ว่าแต่เธอเถอะเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาใช่มั้ยเนี่ยดูโทรมเชียว”

อีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่ง ภายใต้สีหน้าอิดโรยมีความกังวลปรากฏให้เห็น “...ผ่าตัดใหญ่น่ะ นี่อาการเขาทรงตัวแล้วถึงกลับมาได้”

กิดาหยันรับฟังไปอย่างนั้น ก่อนหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผม ขณะที่กิดานันท์ปลดเครื่องแต่งกายชั้นนอกออกส่วนบนเหลือเพียงเสื้อยืดแขนกุดรัดรูป “แปลกจัง เดี๋ยวนี้เธอฟังเพลงคลาสสิกบ่อยนะ ปกติเห็นบ่นว่าฟังแล้วชอบหลับนี่นา”

“เหรอ ฉันไม่ยักจำได้เลยว่าเคยพูดแบบนั้น”

กิดานันท์ส่ายหน้ายิ้มๆ ให้กับสีหน้าไขสือของอีกฝ่าย “ฉันว่าพักหลังมานี้เธอดูเปลี่ยนไปนะหยัน แต่ฉันว่าเธอเป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หัดฟังเพลงซะบ้างจะได้มีอารมณ์สุนทรีย์เหมือนชาวบ้านเขา แล้วยังจะเรื่องอาหารมังสวิรัติอีก ฉันดีใจนะที่เธอชอบทานอาหารมีประโยชน์ น้ำตาลในเลือดเธอจะได้น้อยลงด้วย ปล่อยให้เป็นโรคเบาหวานนานๆ ไม่ดีต่อร่างกายหรอกนะจ๊ะคุณกิดาหยัน”

“จ้าคุณนางพยาบาลใหญ่ เธอพูดอย่างกับว่าถ้าฉันไม่กินอาหารที่มีน้ำตาล โรคเบาหวานมันจะหายไปจากตัวฉันได้อย่างนั้นแหละ”

พอเจอน้องสาวย้อนเข้าให้หล่อนเลยได้แต่ส่ายหน้าระอา ถึงรสนิยมหลายอย่างของกิดาหยันจะเปลี่ยนแต่เรื่องเถียงเก่งเป็นที่หนึ่งนี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แก้ยังไงก็ไม่รู้จักหาย สงสัยน้องสาวหล่อนจะเป็นไม้แก่ดัดยากเสียแล้วล่ะ

จู่ๆ เสียงกริ่งหน้าประตูห้องก็กรีดร้องขึ้น ทำให้สองพี่น้องหยุดการสนทนาไว้เท่านั้น

กิดานันท์มองน้องสาวเป็นเชิงถามแต่เมื่อเห็นคนน้องส่ายหน้าว่าไม่ได้นัดใครไว้จึงหมุนตัวจะเดินออกไปเปิดประตูด้วยตัวเอง หากไม่ไวเท่ากิดาหยันที่รั้งแขนพี่สาวไว้ “เธอไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวฉันเปิดเอง”

“มะ...ไม่เป็นไร ฉันไปเปิดเองดีกว่า”

“จะเปิดเองทำไมเล่า เธอเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำไป” ไม่พูดเปล่าเจ้าหล่อนยังดุนหลังพี่สาวให้เข้าห้องนอนไป

เสียงกริ่งไม่มีวี่แววว่าจะเงียบลงง่ายๆ ทำเอากิดาหยันหัวเสีย ตรงดิ่งไปที่ประตูเปิดออกผางคราเดียวกับที่คนหลังบานประตูทำท่าจะทุบมากกว่าเคาะ แต่แล้วกิดาหยันกลับเบิกตาโพลงเมื่อเห็นกวินภพยืนประจันหน้าอย่างจัง

“คะ...คุณขึ้นมาทำไม”

กวินภพกวาดตามองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า มุมปากเชิดขึ้นคล้ายแสยะ “หน้าซีดเชียวนะคุณ นี่คงรู้ใช่มั้ยว่าผมตามมาถึงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วขนาดนี้”

“ตามมา ? หน้าซีด ?” เขาดูตรงไหนว่าหล่อนหน้าซีดเนี่ย

“คุณมาตามฉันตอนไหนฉันไม่เห็นจะรู้เรื่อง แล้วอวัยวะบนหน้าฉันส่วนไหนมิทราบที่มันบอกคุณว่าหน้าซีด ฉันนอนไม่หลับต่างหากย่ะ”

“ถึงไม่บอกผมก็รู้ ไปขลุกกับไอ้โยธินมันมาทั้งคืนนี่ คงสนุกกันมากสินะ”

“นี่คุณ ! กินยาไม่เขย่าขวดมารึไงถึงได้มาอารมณ์เสียใส่ฉันแต่เช้าเนี่ย หัดเกรงใจคนอื่นบ้างจะได้มั้ย อ้อ...แล้ววันหลังถ้าจะกดกริ่งเรียกช่วยกรุณามีมารยาทสักนิด ไม่ใช่กดรัวเป็นหมาบ้าแบบนี้ ฉันไม่หาอะไรมาเขวี้ยงใส่หน้าคุณก็บุญแล้ว...เอ๊ะ”

ว่าแล้วกลับหน้ายุ่ง เพิ่งรู้สึกว่าเมื่อครู่ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยชื่อเพื่อนเวรออกมา “คุณรู้จักโยได้ยังไง”

รอยยิ้มแสยะปรากฏขึ้นทันตา “นี่คุณกำลังจะบอกว่าคุณคบกับไอ้หมอนั่นโดยที่ไม่รู้ว่ามันมีคู่หมั้นแล้วอย่างนั้นเหรอ ลืมไปได้เลยว่าผมจะหลงกลเชื่อคำหลอกลวงของคุณอีก ต่อให้คุณอมพระทั้งวัดมาพูดผมก็ไม่มีทางเชื่อ !”

“...”

“ให้ตายสิ ผมไม่น่าหลงเชื่อเล่าเรื่องโง่ๆ ของน้องสาวผมให้คุณฟังเลย ไม่น่า...คุณถึงไม่สะเทือนใจกับเรื่องที่ผมเล่าสักนิด น้องสาวผมไม่น่าจะต้องมาแย่งผู้ชายคนเดียวกับผู้หญิงเลือดเย็นอย่างคุณเลยจริงๆ”

กิดาหยันยังคงนิ่งเงียบ ไม่สิ ต้องบอกว่าอึ้งถึงจะถูก ! เวลานี้หัวสมองของหล่อนเหมือนหยุดทำงานเสียดื้อๆ ทั้งโกรธ ทั้งไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาตวาดใส่หน้า นี่เขาต้องการจะบอกหล่อนว่าโยธินเป็นคู่หมั้นของน้องสาวเขาอย่างนั้นเหรอ !

“ผมชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าคุณเป็นผู้หญิงประเภทไหน ต่อหน้าก็ทำเป็นหวงตัว ด่าผู้หญิงคนอื่นเขาเสียๆ หายๆ ว่าทำตัวเหมือนผู้หญิงอย่างว่า แต่แท้ที่จริงแล้วคุณมันก็ไม่ได้ต่างไปจากผู้หญิงพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ”

“มันชักจะมากไปแล้วนะ !”

“ใครมาน่ะหยัน” กิดานันท์ถามดังมาจากห้องนอน น้องสาวจึงปรับเสียงให้เป็นปกติ ตะโกนตอบกลับไปว่า

“คนบ้าน่ะ ฉันกำลังไล่ไปอยู่ เดี๋ยวมานะ” เอ่ยจบก็ดันคนตรงหน้าออกไปให้พ้นทาง ตามมาด้วยปิดประตูดังปัง

“หยุดเดี๋ยวนี้นะคุณภพ คุณมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกฉัน ทีคุณชอบฉวยโอกาสกับผู้หญิง มันดีนักรึไง ผู้ชายที่ไม่เห็นคุณค่าของผู้หญิงอย่างคุณ มันก็ไม่ต่างอะไรจากไอ้โยนั่นแหละ เพราะฉะนั้นหุบปากเน่าๆ ของคุณ แล้วกลับไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเรียกยามมาลากคุณออกไป”

“ผมไปแน่ แต่คุณต้องไปกับผมด้วย” ว่าแล้วเขาก็กระชากหล่อนออกมาให้พ้นจากหน้าห้อง

กระชากกึ่งลากมาตามทางเดินร้อนถึงกิดาหยันทั้งทุบทั้งตีแขนเขารัวเป็นชุด แต่อีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังบีบแขนหล่อนแน่นขึ้น ถึงหน้าลิฟท์นั่นแหละถึงยอมปล่อย

กิดาหยันลูบแขนตัวเองไปมาป้อยๆ ผิวขาวเนียนบัดนี้แดงเป็นรอยนิ้ว “คุณจะพาฉันไปไหน !”

“ก็ไปหาไอ้โยมันไง ดูซิ ว่าอยู่ต่อหน้ามันคุณจะยังปากเก่งด่ามันฉอดๆ อย่างที่ด่ามันต่อหน้าผมเมื่อกี้ได้รึเปล่า ยังไงวันนี้คุณกับมันไม่รอดแน่”

“แล้วคุณจะทำอะไร กระโจนเข้าไปชกหน้าไอ้โยให้ดั้งหักจะได้หมดหล่อแข่งกับคุณเหรอ หรือว่าเข้าไปด่ามันฉอดๆ อย่างที่คุณทำกับฉันอยู่ตอนนี้ล่ะ แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่าคุณจะทำอะไรกับมันก็เรื่องของคุณ ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยทั้งนั้น” ว่าแล้วก็หมุนตัวจะกลับห้องท่าเดียว อีกฝ่ายจึงคว้าแขนไว้หมับ

“ผู้หญิงคนหนึ่งต้องตายเพราะคุณ คุณยังมีหน้ามาบอกอีกเหรอว่าไม่เกี่ยว !”

“แต่คุณกำลังเข้าใจฉันผิด ฉันกับโย เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”

“เพื่อน ?” กวินภพเสียงสูงทันควัน “เลิกโกหกได้แล้วกิดาหยัน ถามจริงๆ เถอะ ว่าคุณยอมตกอยู่ในสถานภาพแบบนี้ได้ยังไง มันมีคู่หมั้นอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน ต่อไปมันก็ต้องแต่งงาน มีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คุณเคยคิดบ้างรึเปล่าว่าถ้าวันนั้นมาถึง คุณก็ไม่ต่างอะไรกับ...”

เขาค่อยๆ คลายมืออกจากการเกาะกุม หล่อนตาฝาดไปรึเปล่าที่เห็นแววตาดุดันคู่นั้น...มีความเจ็บปวดระคนอยู่จางๆ

“แต่ฉันกับโย...”

ลิฟท์เปิดออก เรียกสติกวินภพกลับมาทันที ไม่ปล่อยให้กิดาหยันได้ตั้งตัวก็ลากหล่อนหายเข้าไปในลิฟท์




***********************




ตลอดทางกวินภพไม่แม้แต่จะมองหน้าหญิงสาวข้างกาย นัยน์ตาสีดำสนิทมองตรงไปยังการจราจรเบื้องหน้าที่แน่นขนัดด้วยรถขับเคลื่อนจอดนิ่งอยู่กับที่ รวมทั้งรถขับเคลื่อนสีน้ำเงินของเขาที่หยุดนิ่งสนิทมานานแล้วร่วมสิบนาที

กิดาหยันลอบมองคนขับอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตั้งแต่ถูกเขาลากขึ้นรถมาจนถึงตอนนี้...หล่อนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาไปเห็นอะไรมา ถึงได้ตีโพยตีพายหาว่าหล่อนเป็นคนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องตาย

มันช่างบ้าสิ้นดีถ้าจู่ๆ เขาจะโยนความผิดทั้งหมดที่โยธินก่อมาลงที่หล่อน !

กลืนน้ำลายดังเอื๊อกเมื่อพบว่าคิ้วหนานั้นผูกกันเป็นปมยุ่ง ริมฝีปากบางที่เคยมองว่าสวยในสายตาหญิงสาวบัดนี้โค้งลงจนบึ้ง...ช่างไม่ใช่กวินภพที่หล่อนรู้จักเอาเสียเลย

“โธ่โว้ย ! ทำไมรถมันต้องติดตอนนี้ด้วยวะ” เขาสบถ และนั่นทำให้กิดาหยันพลอยสะดุ้งไปด้วย

“คุณกดเบอร์โทรศัพท์ไปบ้านไอ้โย แล้วส่งโทรศัพท์มาให้ผม”

“ใจเย็นก่อนน่ะคุณ เวลานี้เป็นช่วงเวลาคนเขาออกไปทำงานกัน ไม่อย่างนั้นรถไม่ติดหนักขนาดนี้หรอก”

“ผมบอกให้คุณโทร.หาไอ้โย”

“คะ...คุณจะโทร.ทำไม”

“ก็โทร.ไปเช็คน่ะสิว่ามันอยู่บ้านจริงรึป่าว”

“ทำไมต้องเช็คด้วย ก็ฉันบอกคุณไปแล้วว่าโยอยู่บ้าน” กิดาหยันเถียงหน้ายุ่ง เพราะเขาเพิ่งให้หล่อนโทรศัพท์ไปถามโยธินก่อนออกมาจากคอนโด เมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง

“แต่ผมไม่ไว้ใจคุณ ไม่แน่ตอนนั้นคุณอาจจะกระซิบบอกมันก็ได้ว่าผมจะมาเอาเรื่องมัน”

“ให้มันน้อยๆ หน่อย ฉันเคยบอกแล้วว่าถ้าฉันทำผิดฉันกล้ารับเสมอ ถ้าไม่ไว้ใจกันแต่แรกแล้วจะให้ฉันโทร.ไปทำไม ทำไมคุณไม่โทร.ไปเช็คเองซะก็หมดเรื่อง”

กวินภพหันขวับมาทางหล่อน “มันจะได้รู้ว่าผมไปกับคุณด้วยใช่มั้ย ฉลาดนี่ แต่ผมไม่มีทางหลงกลคุณอีกแล้ว เร็ว ! กดเบอร์โทรศัพท์มันให้ผม ถ้าได้ยินเสียงมันรับสายก็แสดงว่ามันยังอยู่บ้านจริงอย่างที่คุณว่า...หรือว่าคุณไม่กล้าพิสูจน์ให้ผมเชื่อว่าไม่ได้โกหก”

พอเจอเขาท้ากลับมาเจ้าหล่อนเลยได้แต่ถลึงตาใส่ ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายล่อหลอกให้ทำตาม แต่หล่อนไม่มีทางเลือกนอกจากจำยอมกดเบอร์โทรศัพท์ตามที่เขาสั่ง

ดันโทรศัพท์มือถือใส่หูเขา “เชิญ !”

กิดาหยันจะเอามือออกปล่อยให้อีกฝ่ายถือเอง แต่กลับโดนดักคอว่า “ถือให้ด้วย ผมมือไม่ว่างขับรถอยู่ไม่เห็นรึไง”

“เรื่องของคุณ ถ้าหามือถือโทรศัพท์ไม่ได้ก็ไม่ต้องโทร.” ว่าแล้วจะชักโทรศัพท์กลับ แต่ไม่ไวเท่าเขาที่คว้าหมับทันที

กิดาหยันเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ ทำทีเป็นไม่สนใจกอดอกมองไปนอกกระจกแต่หารู้ไม่ว่าหูนั้นเงี่ยฟังคนข้างๆ เต็มที่ ค่อยหายใจทั่วท้องหน่อยเมื่อไม่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยอะไรให้เคืองหู นอกจากส่งโทรศัพท์มือถือคืนเฉยๆ

“อยู่ใช่มั้ย” อดแขวะไม่ได้

“ไม่อยู่”

“หา” กิดาหยันเสียงสูงขึ้นมาทันที จากที่ทำทีเป็นใจเย็นเสียเต็มประดาเบิกตากว้างราวกับโดนผีหลอก “ปะ...เป็นไปไม่ได้ กะ...ก็เมื่อกี้โยเพิ่งบอกฉันอยู่เลยว่าอยู่บ้าน”

กวินภพเงียบ ยังคงจับจ้องถนนเบื้องหน้าราวกับหล่อนไม่มีตัวตน แต่ทนนิ่งได้ไม่นานก็หักพวงมาลัยเลี้ยวจอดข้างทาง ทำเอากิดาหยันเกือบหัวคะมำ ทิ่มบานกระจกข้างหน้า

“อะไรของคุณอีกเนี่ย เพิ่งบ่นไม่ใช่เหรอว่ารถติด พอรถวิ่งฉิวก็จอดซะงั้น ฉันชักจะตามอารมณ์คุณไม่ถูกแล้วนะ”

“ลงจากรถผมไปเดี๋ยวนี้กิดาหยัน”

“อะไรนะ” หล่อนต้องฟังผิดไปแน่ๆ ผู้ชายอย่างเขาไม่มีทางไล่ผู้หญิงลงจากรถได้ลงคอหรอก...ใช่มั้ย “ฉันว่าฉันโทร.ไปเช็คอีกทีดีกว่า บางทีครั้งแรกโยมันอาจจะ...”

“ผมบอกให้คุณลงจากรถผม”

“หา !”

“ไม่หาอะไรทั้งนั้นกิดาหยัน คุณลงจากรถผมไปเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะหมดความอดทนกับคุณ !”

“ตะ...แต่ว่าฉัน...” ค้านได้เท่านั้นต้องเงียบกริบ สีหน้ายุ่งของเขาตอนนี้เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย สร้างความกดดันให้หญิงสาวมากกว่าเดิมเป็นทวีคูณ

เสียงถอนใจดังพรืดทำเอากิดาหยันสะท้านไปทั้งตัว จำต้องเปิดประตูลงจากรถโดยไม่มีสิทธิ์เรียกร้องแต่อย่างใด

“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย !” ได้แต่ด่าไล่หลัง ขณะที่รถเปิดประทุนสีน้ำเงินกลืนหายไปกับรถบนท้องถนน...เหลือเพียงกิดาหยันยืนนิ่งอยู่ริมฟุตปาธ



--------------------------------------------

วันนี้มาอัพให้ 2 บทเลยจ้า^^เทอร์โบ 555555



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2556, 21:44:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2556, 21:44:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1365





<< บทที่ 10   บทที่ 12 >>
lovemuay 11 ม.ค. 2556, 08:43:51 น.
เอิ่ม อีตาพระเอกหน้ามือตามัวมาก ไม่ฟังอะไรที่หยันอธิบายเลย แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังละกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account