The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก
งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่
**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่
**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ 12
บทที่ 12
เสียงกริ่งหน้าประตูห้องปลุกกวินภพตื่นจากนิทรา ภาพของสโรชินีที่กำลังหยอกล้อเขาเล่นตามประสาน้องสาวใสซื่อเลือนหาย แปรเปลี่ยนเป็นแสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เขาต้องหรี่ตาเล็กน้อย มองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบนฝาผนังห้อง
เข็มนาฬิกาที่ชี้บอกเวลาว่าใกล้เที่ยงแล้วทำให้กวินภพถอนใจออกมา ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้โลกแห่งความเป็นจริงใบนี้เลยว่าไม่มีน้องสาวของเขาอีกต่อไป
“ใครมากันคะคุณภพ” สาวแปลกหน้าที่เขาพาเข้ามาในห้องเมื่อคืนตะโกนถามมาจากในห้องน้ำ
เมื่อคืนกวินภพขับรถมุ่งตรงไปยังผับเจ้าประจำเพื่อหาใครสักคนปรับทุกข์ซึ่งก็มักจะเป็นมินนี่เสมอ แต่คนที่ผับบอกว่าหล่อนออกไปรับแขกข้างนอก เหล้าจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขา ก่อนจบลงด้วยการหิ้วใครสักคนมานอนแก้ขัดเพื่อลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเสีย
กวินภพสลัดผ้าห่มเผยให้เห็นร่างที่เปลือยเปล่าช่วงบน พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งปลายเตียงแต่รู้สึกได้ถึงร่างที่หนักอึ้งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังตกค้าง ก่อนคว้าเสื้อที่ถอดทิ้งไว้บนพื้นเมื่อคืนขึ้นมาสวมทับพอให้ออกไปรับแขกได้
บานประตูเปิดออกและนั่นทำให้คนครึ่งหลับครึ่งตื่นตาสว่างทันตา หญิงสาวในชุดเดรสสั้นที่กำลังส่งยิ้มหวานอยู่หลังบานประตูคืออรจิราลูกสาวของอนันต์เจ้าของบริษัทเงินทุนนั่นเอง
“เซอร์ไพรส์ค่ะภพ”
กวินภพต้องกระพริบตาถี่ มองให้แน่ใจว่าไม่ได้เห็นภาพหลอนไปเอง ก่อนกระแอมเสียงเล็กน้อยเพื่อเรียกสติกลับคืน “อะ...อรรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”
“คุณแม่บอกอรค่ะ”
ด้วยความที่ทวีนุชมารดาของกวินภพสนิทกับอนันต์ประหนึ่งญาติคนหนึ่งก็ว่าได้ อรจิราจึงพลอยนับถือมารดาของชายหนุ่มเปรียบเสมือนมารดาของหล่อนอีกคนหนึ่ง หล่อนมักเรียกทวีนุชว่าแม่เสมอ “เอ่อ ภพไม่คิดจะชวนอรเข้าไปในห้องหน่อยหรือคะ”
“อย่าดีกว่าอร คือ...” จะอธิบายให้เข้าใจก็พูดไม่ออก “อรลงไปรอข้างล่างก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพอผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจะลงไปหาคุณเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ อรรอได้ ชั้นล่างมันร้อนน่ะ”
ไม่ฟังเสียงเจ้าของห้อง อรจิราก็เดินเข้ามาในห้องทันที แต่แล้วสาวเจ้าต้องหยุดยืนแค่ปากประตู กวาดตามองไปรอบห้องพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “นี่ห้องคุณหรือคะภพ เล็กอย่างกับรังหนู แถมยังรกอีกต่างหาก ห้องผู้ชายนี้จริงๆ เลย”
กวินภพเพียงยิ้มๆ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงเข้ามาสำรวจความรกในห้องมีเหรอที่ผู้ชายอย่างเขาจะไม่อาย
ถ้าเทียบอพาร์ทเม้นท์นี้กับบ้านหรูหราใหญ่โตของหญิงสาวแล้วก็เล็กเท่ารังหนูจริงๆ นั่นแหละ มิหนำซ้ำสภาพห้องของเขาตอนนี้ถึงภายในห้องจะถูกแบ่งออกเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็นห้องทานข้าวภายในตัว ฝั่งซ้ายที่มีประตูเปิดแยกออกไปเป็นห้องนอนติดกับห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่กองเสื้อผ้าบ้าง กองหนังสือเพลงบ้าง ว่าระเกระกะเต็มไปหมด จนแยกไม่ออกแล้วล่ะว่าห้องไหนเป็นห้องไหน
“ดูสิ โต๊ะหน้าโทรทัศน์ยังมีขวดเหล้าวางเกลื่อนอยู่เลย ไม่น่าตัวคุณถึงได้มีแต่กลิ่นเหล้า เมื่อคืนคุณเมามากใช่มั้ยเนี่ย”
กวินภพโบกปัด เอ่ยเสียงขุ่นอยู่ในที “ช่างผมเถอะอร ช่วงนี้ผมแค่มีเรื่องต้องให้คิดนิดหน่อย”
“ใครมาเหรอคะคุณภพ” เสียงใสที่ทักดังมาจากห้องนอนทำให้อรจิรานิ่วหน้า เอียงคอมองชายหนุ่มข้างกายเป็นเชิงถาม
อีกฝ่ายไม่มีคำแก้ตัวใด แต่ไม่ทันจะเข้าไปห้ามอรจิราก็บุกเข้าไปในห้องนอน ด้วยความที่ประตูห้องเปิดคาไว้อยู่แล้วจึงไม่เป็นเรื่องยากเลยที่หล่อนจะมองเห็นคนข้างใน
หญิงสาวที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกาย มีผ้าขนหนูผืนเล็กพันศีรษะ เดินออกมาจากห้องน้ำไม่ได้สร้างความตกใจให้อรจิราอย่างที่คิด หล่อนเพียงแต่มองอย่างรู้ทันมาที่กวินภพ ก่อนปรับสีหน้าเป็นปั้นปึง มองกำราบหญิงแปลกหน้านั้นเป็นเชิงไล่
รายนั้นถึงกับกลัวหัวหด เพราะแค่เห็นสายตาคู่ดุมองปราดมาเพียงเสี้ยวนาที ก็รีบคว้าเสื้อผ้าและสัมภาระทั้งหลายของตัวเองออกจากห้องไปทันที
“คุณกวินภพ !” หันมาดุคนข้างหลังต่อ
กวินภพยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนเดินผ่านหน้าหล่อนไปหน้าตาเฉย “มาหาผมมีธุระอะไรรึเปล่า”
“เสียงเปลี่ยนเชียวนะคะ” อรจิราอดแขวะไม่ได้ ก่อนตามเจ้าของห้องออกมายังส่วนครัว
กวินภพทำทีเป็นหยิบโน่นหยิบนี่จากตู้เย็นให้ดูวุ่นไปอย่างนั้น ไม่ลืมเสิร์ฟน้ำให้แขกตามมารยาท ก่อนเลื่อนเก้าอี้หน้าโต๊ะทานอาหารแถวนั้นนั่งลง
พอเห็นอีกฝ่ายนั่งแขกไม่ได้รับเชิญอย่างหล่อนก็นั่งตามมั่ง “เมื่อวานอรไปหาภพมาที่สวนอาหาร แต่เพื่อนของภพบอกว่าจู่ๆ คุณก็เบี้ยว โทรศัพท์มาบอกว่าจะไม่ไปร้องเพลงเหมือนเคย แถมวันนี้อรมาที่ห้องก็เห็นเหล้ากองเต็มห้องอีก มีเรื่องอะไร พอจะบอกอรได้มั้ยคะ”
“เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากให้อรเข้ามา”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องค่ะภพ มุขนี้ใช้ไม่ได้กับอรหรอกนะ”
น้ำเสียงหวานๆ ของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นแข็งจนกวินภพต้องคลี่ยิ้มจางๆ ออกมา หวังว่ารอยยิ้มจะช่วยกลบเกลื่อนสายตาจับผิดของคนตรงหน้าได้บ้าง “ไม่มีอะไรหรอกอร ผมบอกแล้วไงว่าแค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย”
“แน่นะคะ”
พอโดนคาดคั้นมากเข้ากวินภพก็เริ่มอึกอัก รู้สึกถึงความอึดอัดที่ปกคลุมไปทั่วห้องในเวลาอันรวดเร็ว ต้องหัวเราะทำลายความอึดอัดนั้นเสียเอง “ไม่ใช่ว่าที่คุณอยากรู้เพราะแม่ผมสั่งให้คุณมาถามหรอกนะ”
และนั่นถึงเรียกเสียงหัวเราะน้อยๆ จากหญิงสาวเช่นกัน
“ส่วนหนึ่งค่ะ คุณแม่ขอให้อรมาขอร้องภพให้ยอมไปช่วยงานท่านเสียที ตอนนี้ท่านงานยุ่งม๊ากมาก อย่าลืมนะคะภพว่านับวันคุณแม่ก็อายุมากขึ้นทุกที ท่านไม่ใช่สาวๆ เหมือนอย่างแต่ก่อนที่จะได้ไฟแรง ทุ่มเทกับการงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”
“ผมรู้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจริงๆ ...ขอเวลาผมหน่อยแล้วกัน”
“ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ อรเดาคำตอบภพได้ตั้งแต่ภพอ้าปากจะพูดแล้ว แต่เรื่องของคุณแม่นั้นน้อยนิดถ้าเทียบกับความอยากรู้ของอรค่ะ อรเป็นห่วงภพนะคะ เราสองคนแม้จะไม่ใช่ญาติกัน แต่ก็สนิทกันเหมือนญาติไปแล้ว โดยเฉพาะคุณแม่ของภพกับคุณพ่อของอร แล้วอย่างนี้จะให้อรทำเป็นไม่สนว่าตอนนี้ภพจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างไม่ได้หรอกค่ะ”
“อย่าห่วงผมไปเลยอร ตราบใดที่ผมยังลุกขึ้นมาให้คุณถามได้เสียยาวยืดแบบนี้ก็นับว่าผมยังสุขดี”
“ค่ะคุณกวินภพ สุขดีเหลือเกินนะเจ้าคะถึงได้ต้องหิ้วผู้หญิงขึ้นมานอนด้วยเนี่ย หรือว่า...เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติของผู้ชายกันคะ”
ถูกหญิงสาวแซวเข้าให้ตรงๆ ‘ผู้ชาย’ กลับไม่ยอมสบตาเจ้าหล่อน ทำเป็นดื่มน้ำแก้ขัดไปอย่างนั้น คนแซวเลยอมยิ้มมองอย่างขันๆ แม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะถูกหล่อนแซวอยู่เรื่อยแต่เขาก็ยังไม่ชินเสียที
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยกวินภพขับรถพาอรจิราออกมา ทานอาหารด้วยกัน เขาแอบโล่งอกอยู่หรอกที่วันนี้สาวเจ้าไม่พาลูกสมุนตามติดมาด้วย เพราะปกติแล้วเจ้าหล่อนมักมีชายในชุดดำคอยติดสอยห้อยตามล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดเวลาด้วยว่าอนันต์บิดาของหล่อนมีศัตรูในวงการธุรกิจค่อนข้างเยอะจำเป็นต้องมีผู้คุ้มกัน ความเป็นห่วงนี้จึงเลยผ่านมาถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างอรจิราด้วย และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่กวินภพไม่ค่อยอยากข้องเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้สักเท่าไหร่
กวินภพนั้นวนรถอยู่หลายรอบ พอจะเลือกร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ อรจิราก็ส่ายหน้าดิกอยากได้ร้านที่ติดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งแถวอพาร์ทเม้นท์มีนับร้านได้และล้วนแล้วแต่หาสภาพที่ดูดีถูกใจหล่อนก็มีน้อยเหลือเกิน พอจะพาไปทานร้านอาหารอิตาเลี่ยนนอกเมืองเอาใจสาวเจ้าก็ไม่ยอมอ้างว่ากลัวกลับมาไม่ทันปาร์ตี้คืนนี้ ตกลงกันไปมา สุดท้ายอรจิราบอกให้เขาวกรถกลับมายังจุดเริ่มต้น เลือกร้านอาหารตามสั่งใกล้อพาร์ทเม้นท์แทน
ทีแรกกวินภพลังเลที่จะเลี้ยวรถเข้าไปเมื่อเห็นป้ายชื่อร้านอาหาร เพราะมันเป็นร้านที่เขาเคยพากิดาหยันมาทานด้วยกัน หากในเมื่อแถวนี้ไม่มีร้านอาหารไหนที่หรูพอให้คุณหนูอย่างอรจิราเข้าสักร้านเขาจึงจำใจเลี้ยวรถเข้ามา ก่อนที่ทั้งสองจะลงจากรถควงแขนกันเข้ามาในร้านอาหารร้านนั้น
“ภพจะทานอะไรเหรอคะ ไม่เห็นว่ามันจะหน้าทานซักอย่าง” อรจิราถามเสียงอ่อยหลังจากเปิดหน้าเมนูอาหารไปมาอยู่หลายรอบ
กวินภพลอบยิ้มขันให้กับหน้าเบ้ๆ ของสาวเจ้า
“เอาซุปเห็ดมั้ย ที่นี่เขาทำอร่อยอยู่นะ”
รายนั้นหน้าเบ้หนักกว่าเก่า “ไม่ไหวมั้ง นี่ภพยังทานมังสวิรัติอยู่อีกหรือคะ”
“ผมทานจนเป็นเรื่องปกติของผมไปแล้วล่ะ ถ้าตอนนี้มาให้ทานอาหารปกติเหมือนคนอื่นเขาก็คงทานไม่ได้เหมือนอย่างที่อรไม่ชอบทานอาหารมังสวิรัตินั่นแหละ”
“งั้น...อรลองดูก็ได้ค่ะ แต่ภพแน่ใจนะคะว่าอร่อย ถ้าอรทานแล้วไม่อร่อยระวังอรวีนใส่ไม่รู้ด้วยนะ”
“คุณไม่กล้าวีนใส่ผมหรอก” กวินภพเอ่ยยิ้มๆ ก่อนเรียกบริกรมาจดรายการอาหารทั้งของเขาและหล่อน
อรจิราสั่งซุปเห็ดตามที่เขาบอก กวินภพเองสั่งอาหารเพิ่มจากของหล่อนอีกสองสามอย่าง ก่อนสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยคลายร้อนซึ่งเขาจำได้ดีว่าอรจิราชอบดื่มน้ำส้มไม่หวานจัด ส่วนเขาขอเป็นน้ำเปล่าพอ
“น้ำส้มเจ้านี้คั้นสด อรน่าจะชอบ” กวินภพเอ่ยหลังจากบริกรนำน้ำมาเสิร์ฟเรียบร้อย
อรจิราเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเชื่อคำบอกของอีกฝ่าย หน้าตาแก้วทรงสูงที่มีน้ำส้มเต็มแก้ว ไม่ได้ประดับอะไรมากมายนอกจากใบเขียวๆ บนน้ำส้ม ไม่เห็นบ่งบอกตรงไหนว่าน่าจะอร่อย
หากลองจิบตามที่เขาว่าแล้วต้องยิ้มพรายออกมา “จริงด้วยค่ะ อร่อยสดชื่นดีจัง”
อรจิราจิบน้ำส้มได้ไม่เท่าไหร่ก็นิ่วหน้า “ภพเคยมาทานร้านนี้บ่อยหรือคะ”
กวินภพทำเป็นไม่ใส่ใจในคำถามนั้น ตอบพลางหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมารินใส่แก้วตัวเอง “เคยมาครั้งเดียว”
“ครั้งเดียว? ไม่จริงมั้ง ถึงขั้นรู้ดีว่ารายการอาหารไหนอร่อยไม่อร่อยขนาดนี้ หรือว่า...ภพเคยพาสาวที่ไหนมาทานอาหารที่นี่รึเปล่าถึงได้จำรายการอาหารแม่นเป็นพิเศษ”
กวินภพยังคงทำเป็นสนใจน้ำเปล่าตรงหน้า “ร้านจิวเวอรี่ของอรเป็นยังไงบ้าง ผมมัวแต่วุ่นๆ กับเรื่องตัวเองจนไม่ได้ไปเห็นความคืบหน้าของร้านอรเลย”
เมื่อเขาเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ อรจิราจึงปล่อยเลยตามเลย “เหลือแค่ตกแต่งร้านอีกเล็กน้อยค่ะ สิ้นเดือนนี้ก็เปิดร้านได้แล้ว ถ้าเกิดภพอยากซื้อแหวนให้สาวสักวงต้องแวะมาร้านอรเป็นร้านแรกนะ ไม่งั้นอรไม่ยอมจริงด้วย”
“ครับคุณอรจิรา แต่ก่อนผมว่าผมมีเจ้าโรเป็นแม่คนที่สองแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมยกตำแหน่งนี้ให้อรไปเลย”
“หยาบคายภพนี่” อรจิราฟาดแขนโตทีทำโทษที่ยัดเยียดตำแหน่งผู้สูงอายุให้หล่อน “แต่ก่อนที่ภพจะพาสาวที่ไหนมาซื้อแหวนร้านอร อย่าลืมพามาให้คุณแม่ดูตัวก่อนนะคะ ไม่ผ่านท่านก่อนเดี๋ยวท่านจะมาโวยกับอรได้ว่าคุมลูกชายท่านยังไงปล่อยให้แอบไปมีสาวโดยที่ท่านไม่ทราบ”
ไม่มีคำเอ่ยใดหลุดจากปากกวินภพนอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าคมที่เลือนหายพลัน เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยเข้ามาแทนที่
กวินภพขอตัวไปเข้าห้องน้ำคราเดียวกับที่อาหารทยอยเสิร์ฟลงโต๊ะ แค่พ้นหน้าหญิงสาวบนโต๊ะอาหารมาได้ก็พ่นลมหายใจดังพรืด
อรจิราชอบแซวเขาเรื่องสาวๆ อยู่บ่อยครั้งและเขาก็มักจะปล่อยให้มันเลยผ่านไป แต่วันนี้กวินภพไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กับการต้องมารับฟังคำหยอกเย้าของเจ้าหล่อนด้วยเรื่องนี้ และไม่รู้ทำไมหล่อนต้องเน้นย้ำอยู่แต่สิ่งที่เขาอยากจะลืมๆ ไปเสียด้วยก็ไม่รู้ !
แต่ก็นับว่าอรจิราอ่านเขาเก่งพอสมควร ทั้งอาหารของเขาและเครื่องดื่มของหล่อนก็ล้วนเป็นรายการอาหารที่เขาเคยสั่งมาทานร่วมกับกิดาหยันทั้งนั้น
กวินภพยังคงจดจำบรรยากาศวันนั้นได้ดี...รวมทั้งรสชาติอาหารและคำพูดของหญิงสาวทุกถ้อยคำในวันนั้น
...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร้านอาหารแห่งนี้...เป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเขา
หากภาพเมื่อเช้าวันก่อน ภาพที่กิดาหยันลงมาจากรถโยธินหน้าคอนโดมิเนียมได้ทำลายความรู้สึกเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น !
กวินภพไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าผู้หญิงที่อดีตน้องเขยของเขาซุกซ่อนไว้...จะเป็นกิดาหยัน...ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าหญิงสาวที่เขาอุตส่าห์ไว้ใจเล่าเรื่องทั้งหมดของสโรชินีให้ฟัง...จะเป็นคนที่ทำร้ายน้องสาวของเขาเอง
ถอดแว่นตาเสียบไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ได้ล้างหน้าล้างตาคงทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ก่อนเปลี่ยนเป็นหยิบคอนแทคเลนส์ขึ้นมาใส่แทน การได้เปลี่ยนลุคตัวเองช่วยเรียกความมั่นใจของกวินภพกลับคืนมาได้เสมอ
เปิดประตูแล้วต้องถอนใจอีกเฮือกใหญ่ อรจิรายังคงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ใช่ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะหล่อนมากับเขา แต่เวลานี้เขาไม่พร้อมที่จะเจอใครเลยให้ตายสิ
ไม่วายเจ้าหล่อนยังอุตส่าห์ส่งยิ้มหวานมาให้ เขาจะไม่ยิ้มตอบก็ใช่ที่
ที่ลุกออกมาดื้อๆ เพราะแค่ต้องการหามุมสงบสักมุมในร้านอาหาร มีโอกาสได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ คนเดียวสักพักเผื่อความขุ่นมัวในใจจะคลายลงบ้าง
กวินภพถอนใจซ้ำก่อนปั้นหน้ายิ้มเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่แล้วหนุ่มสาวที่เดินผ่านหน้าอรจิราไปทำให้กวินภพชะงักงัน
“กิดาหยัน...” เสียงนั้นเลื่อนลอยไปตามอากาศราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ต่อให้ร่างบางนั้นหันหลังให้เขาอยู่ก็ตามหากทว่า...ไม่มีวันที่เขาจะจำเจ้าของร่างสูงโปร่งนั้นไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้น...เขาไม่มีทางลืมอดีตว่าที่น้องเขยของเขาไปได้เด็ดขาด !
กว่ากวินภพจะตั้งสติได้โยธินกับสาวข้างกายก็เดินพ้นประตูร้านไปแล้ว เขายังคงจับจ้องไปยังหนุ่มสาวคู่นั้น ไม่สนว่าจะมีเสียงอรจิราเรียกตามหลังมา ไม่สนว่าจะมีสายตานับสิบกว่าคู่จ้องมองมาที่เขา เวลานี้กวินภพไม่สนใครทั้งนั้นนอกจากวิ่งตามโยธินออกไป
****************************
เสียงสนทนาเบาๆ ที่ดังอยู่รอบกายทำให้กิดาหยันลืมตาตื่น เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เจ้าตัวต้องหลับตาลงอีกครั้ง กระพริบตาถี่ปรับเลนส์สายตาสู้แสงไฟนีออนบนเพดานห้อง
พยุงร่างที่อ่อนแรงลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองไปรอบห้องแปลกตา แล้วกิดาหยันต้องพบว่าหล่อนไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวในห้อง หากยังมีคนแปลกหน้าอีกจำนวนมากที่นอนบ้าง นั่งบ้างเรียงรายอยู่บนเตียง
ก้มมองตัวเอง เพิ่งสังเกตเห็นว่ากำลังนั่งอยู่บนเตียงพักฟื้นของคนป่วย กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยฟุ้งเตะจมูกกิดาหยัน ทำจมูกฟุตฟิตได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับจามออกมา
“อรุณสวัสดิ์ยามบ่ายค่ะคุณหยัน” เสียงทักจากปากประตูห้องเรียกความสนใจจากกิดาหยันพลัน
จำได้แม่นว่าเป็นปภาวีเพื่อนพยาบาลของกิดานันท์ และเป็นหนึ่งในนางพยาบาลที่คอยดูแลหล่อนมาตลอดระยะเวลาที่หล่อนพักฟื้นจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ แต่นี่หล่อนมาทำอะไรที่นี่เนี่ย
“เอ่อ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“อ๋อ คุณหมอราเมศกับนันท์พาคุณมานอนพักฟื้นที่นี่ค่ะ คุณสลบไปคงจำอะไรไม่ได้”
“สลบ?”
“ค่ะ นันท์ตกใจมากเลยนะคะที่จู่ๆ คุณก็เป็นลมล้มพับไป เห็นนันท์เล่าว่ามีคนมากดกริ่ง คุณเป็นคนออกไปรับหน้าแต่แล้วก็หายไปเลย นันท์เป็นห่วงคุณแทบแย่แน่ะค่ะ”
กิดาหยันนิ่งฟังนางพยาบาลอธิบาย ค่อยๆ ลำดับเรื่องราวได้ในหัวสมอง ใช่...หล่อนโดนตาภพบ้าไล่ลงจากรถมานี่นา
“พอคุณมาถึงห้อง หน้านี้ซีดเชียวค่ะ ดีนะคะที่คุณหมอราเมศไปหานันท์พอดีเลยทันเห็นคุณเป็นลม คุณหมอกับนันท์กลัวว่าคุณจะอาการไม่ดีน่ะค่ะเลยให้มานอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล”
“ละ...แล้วฉันสลบไปนานรึเปล่าคะ”
“คืนเดียวค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะคุณหยัน คุณหมอราเมศวัดคลื่นหัวใจของคุณแล้ว ผลไม่น่าห่วงอย่างที่คิดค่ะ”
กิดาหยันถึงกับผ่อนลมหายใจดังพรืดโล่งอก ไม่ลืมยิ้มขอบคุณนางพยาบาลที่อุตส่าห์เสียเวลาเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ “ขอบคุณนะคะ งั้นถ้าฉันหายดีแล้ว ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
“ยังไม่ได้ค่ะคุณ” ปภาวีรีบถลาเข้ามายืนขวางข้างเตียงทันที “คุณหมอยังไม่อนุญาตให้คุณกลับค่ะ ต้องอยู่รอเช็คให้แน่ใจก่อน”
“แต่คุณเพิ่งบอกฉันเองว่าไม่น่าห่วงแล้ว”
“ไม่น่าห่วงแต่ไม่ได้แปลว่าหายดีแล้วนี่คะคุณหยัน รอคุณหมอสักครู่นะคะ เดี๋ยวก็มาค่ะ”
กิดาหยันหน้าเบ้ รู้สึกขัดใจเสียจริง ทั้งขัดใจตัวเองที่อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัวต้องมานอนโรงพยาบาลอีกรอบ และขัดใจนางพยาบาลตรงหน้าที่บังอาจมากักขังกันดื้อๆ !
จะตั้งท่านอนต่อแต่ไม่ทันที่นางพยาบาลเมื่อครู่จะแยกตัวออกไปดูแลผู้ป่วยรายอื่น ก็เรียกรั้งไว้ “เออ...คุณช่วยเอาดอกไม้ช่อนี้ไปทิ้งให้ฉันทีได้มั้ยคะ” เอ่ยพลางส่งช่อดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงส่งให้นางพยาบาลสาว
รายนั้นรับมาถือไว้ “คุณหยันไม่ชอบดอกไม้เหรอคะ”
“ฉันชอบดอกไม้อยู่ไม่กี่อย่างน่ะค่ะ” ที่จริงช่อดอกลิลลี่สีขาวในมือนางพยาบาลก็เป็นหนึ่งในจำนวนดอกไม้ที่หล่อนชอบอยู่หรอกนะ แต่เวลานี้หล่อนไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมความงามของดอกไม้เท่าไหร่
“แต่ช่อดอกไม้นี้คุณโยธินตั้งใจนำมาให้คุณเลยนะคะ”
อยู่ดีๆ ชื่อของคนที่เพิ่งหาเรื่องให้หล่อนเดือดร้อนเมื่อคืนก็กระโดดเข้ามาในหัวข้อสนทนา
จากที่จะล้มตัวลงนอนจึงสปริงตัวนั่งหลังตรง “โยธินมาที่นี่หรือคะ”
“ค่ะ เขาเพิ่งเอาช่อดอกไม้มาเยี่ยมคุณเมื่อครู่นี้เอง แต่คุณยังไม่ฟื้น เขาเลยอยู่เฝ้าคุณได้สักพักถึงค่อยกลับออกไปน่ะค่ะ” ปภาวีรู้จักโยธินก็เพราะสนิทกับกิดานันท์นั่นแหละ โยธินเคยมาโรงพยาบาลนี้ออกบ่อยไปในช่วงที่ทั้งสองยังคบกัน
“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะ แต่เขาคงมาพานันท์ไปทำธุระข้างนอกด้วยกันมั้งคะ เพราะนันท์เพิ่งแลกเวรกับดิฉันไม่นานก่อนหน้าคุณฟื้นนี้เอง”
“ออกไปด้วยกัน !” ร้องเสียงหลงออกมา แต่แล้วสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมายังหล่อนทำให้ต้องรีบกระแอมปรับเสียงให้เป็นปกติ “นันท์บอกมั้ยคะว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
“เย็นๆ ได้ค่ะ คุณหยันมีอะไรจะบอกนันท์ฝากดิฉันไว้ได้นะคะเผื่อถ้านันท์กลับมาตอนคุณหลับอยู่ดิฉันจะได้บอกนันท์ให้ค่ะ”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เอ่อ คือ นันท์มักจะออกไปกับโยแบบนี้บ่อยมั้ยคะ” ถามแล้วต้องตกใจเสียงตัวเอง ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงได้แหบพร่าแทบเลือนหายไปแบบนี้นะ
“อืม ไม่นะคะ อย่างมากก็อาทิตย์ละครั้ง แต่อย่าหาว่าดิฉันยุ่งเรื่องส่วนตัวเลยนะคะ คุณหยันคงทราบดีว่านันท์ไม่ค่อยได้มาทำงานตอนเช้า คงเป็นเพราะพักนี้นันท์สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ดิฉันเองแลกเวรกับนันท์บ่อยจนรู้สึกเหมือนตัวเองมีเวรกะเช้าไปแล้วละค่ะ”
สิ่งที่เพื่อนพยาบาลของกิดานันท์เล่ามาทำให้คนฟังถึงกับชาไปทั้งตัว เรื่องที่พี่สาวไม่สบายหล่อนรู้ดี แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน กิดานันท์ออกไปทำงานแต่เช้าร่ำไป นับครั้งได้ที่พี่สาวของหล่อนจะขอลาหยุดและออกไปทำงานกะดึกแทน
...ไม่แปลกถ้ากิดาหยันจะนิ่งไปเฉยๆ
“ถ้าไม่ติดว่าหมอราเมศให้ท้ายยัยนันท์ ป่านนี้ดิฉันได้โวยวายขอแลกเวรคืนแล้วละค่ะ” เห็นคนบนเตียงเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจจึงยิ้มแห้ง “ขอโทษนะคะคุณหยัน คือ ดิฉันก็บ่นไปอย่างนั้นเอง อย่างที่คุณทราบว่าดิฉันค่อนข้างสนิทกับนันท์ ถ้าพูดอะไรที่...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ แล้วฉันจะบอกนันท์ให้ค่ะ”
“อุ๊ย ไม่ต้องค่ะคุณหยัน” ปภาวีร้องห้ามเสียงหลง “ที่ดิฉันเล่าให้คุณฟังเพราะเป็นห่วงนันท์เขาเท่านั้น ถ้ายังไงฝากคุณหยันช่วยดูแลนันท์อีกแรงนะคะ”
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงพี่สาวฉัน” แม้หน้าจะยิ้มแต่เสียงนั้นบอกชัดว่าไม่พอใจเท่าไหร่
คล้อยหลังนางพยาบาลสาวออกไป คนป่วยถึงยอมล้มตัวลงนอน พยายามจะข่มตานอนให้หลับแต่จะให้กิดาหยันทำเป็นลืมๆ ไปเสียกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้มา...คงเป็นไปได้
เวลานี้เตียงนอนจึงไม่ต่างจากกระทะร้อนที่กำลังเผาไหม้คนนอนให้ร้อนรุ่ม นอนกระสับกระส่ายไปมาไม่นานก็สปริงตัวลุกขึ้นกดปุ่มเรียกนางพยาบาลด้านนอก คนเดียวที่จะสามารถให้คำตอบหล่อนได้ดีที่สุดในตอนนี้คือหมอราเมศ
-------------------------------------------------------------------
**เปิดจอง "The song of heart...เพลงหัวใจ (เล่ม1)" แล้วค่า**
ในนามปากกาใหม่ไฉไลกว่าเดิมว่า "รมิดา"
ราคาปก 319 บาท
สั่งจองภายในวันที่ 14 ม.ค. - 28 ก.พ.56 ราคาลดเหลือ 280 บาท (ฟรีค่าส่ง+ที่คั่นหนังสือ)
ผู้ใดสนใจ แจ้งชื่อมาได้ที่เมล์ buta_ood@hotmail.com
แล้วรันจะส่งเลขบัญชีสำหรับโอนเข้าไปให้ค่ะ
**หมายเหตุ สามารถดูปกได้ที่หน้าเพจเลยค่ะ
http://www.facebook.com/#!/photo.php?fbid=148206875333553&set=a.120669788087262.25570.120656234755284&type=1&theater
เสียงกริ่งหน้าประตูห้องปลุกกวินภพตื่นจากนิทรา ภาพของสโรชินีที่กำลังหยอกล้อเขาเล่นตามประสาน้องสาวใสซื่อเลือนหาย แปรเปลี่ยนเป็นแสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เขาต้องหรี่ตาเล็กน้อย มองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบนฝาผนังห้อง
เข็มนาฬิกาที่ชี้บอกเวลาว่าใกล้เที่ยงแล้วทำให้กวินภพถอนใจออกมา ถ้าเป็นไปได้เขาไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้โลกแห่งความเป็นจริงใบนี้เลยว่าไม่มีน้องสาวของเขาอีกต่อไป
“ใครมากันคะคุณภพ” สาวแปลกหน้าที่เขาพาเข้ามาในห้องเมื่อคืนตะโกนถามมาจากในห้องน้ำ
เมื่อคืนกวินภพขับรถมุ่งตรงไปยังผับเจ้าประจำเพื่อหาใครสักคนปรับทุกข์ซึ่งก็มักจะเป็นมินนี่เสมอ แต่คนที่ผับบอกว่าหล่อนออกไปรับแขกข้างนอก เหล้าจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเขา ก่อนจบลงด้วยการหิ้วใครสักคนมานอนแก้ขัดเพื่อลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเสีย
กวินภพสลัดผ้าห่มเผยให้เห็นร่างที่เปลือยเปล่าช่วงบน พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งปลายเตียงแต่รู้สึกได้ถึงร่างที่หนักอึ้งเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ยังตกค้าง ก่อนคว้าเสื้อที่ถอดทิ้งไว้บนพื้นเมื่อคืนขึ้นมาสวมทับพอให้ออกไปรับแขกได้
บานประตูเปิดออกและนั่นทำให้คนครึ่งหลับครึ่งตื่นตาสว่างทันตา หญิงสาวในชุดเดรสสั้นที่กำลังส่งยิ้มหวานอยู่หลังบานประตูคืออรจิราลูกสาวของอนันต์เจ้าของบริษัทเงินทุนนั่นเอง
“เซอร์ไพรส์ค่ะภพ”
กวินภพต้องกระพริบตาถี่ มองให้แน่ใจว่าไม่ได้เห็นภาพหลอนไปเอง ก่อนกระแอมเสียงเล็กน้อยเพื่อเรียกสติกลับคืน “อะ...อรรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่”
“คุณแม่บอกอรค่ะ”
ด้วยความที่ทวีนุชมารดาของกวินภพสนิทกับอนันต์ประหนึ่งญาติคนหนึ่งก็ว่าได้ อรจิราจึงพลอยนับถือมารดาของชายหนุ่มเปรียบเสมือนมารดาของหล่อนอีกคนหนึ่ง หล่อนมักเรียกทวีนุชว่าแม่เสมอ “เอ่อ ภพไม่คิดจะชวนอรเข้าไปในห้องหน่อยหรือคะ”
“อย่าดีกว่าอร คือ...” จะอธิบายให้เข้าใจก็พูดไม่ออก “อรลงไปรอข้างล่างก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพอผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจะลงไปหาคุณเอง”
“ไม่เป็นไรค่ะ อรรอได้ ชั้นล่างมันร้อนน่ะ”
ไม่ฟังเสียงเจ้าของห้อง อรจิราก็เดินเข้ามาในห้องทันที แต่แล้วสาวเจ้าต้องหยุดยืนแค่ปากประตู กวาดตามองไปรอบห้องพลางเอ่ยกลั้วหัวเราะว่า “นี่ห้องคุณหรือคะภพ เล็กอย่างกับรังหนู แถมยังรกอีกต่างหาก ห้องผู้ชายนี้จริงๆ เลย”
กวินภพเพียงยิ้มๆ จู่ๆ ก็มีผู้หญิงเข้ามาสำรวจความรกในห้องมีเหรอที่ผู้ชายอย่างเขาจะไม่อาย
ถ้าเทียบอพาร์ทเม้นท์นี้กับบ้านหรูหราใหญ่โตของหญิงสาวแล้วก็เล็กเท่ารังหนูจริงๆ นั่นแหละ มิหนำซ้ำสภาพห้องของเขาตอนนี้ถึงภายในห้องจะถูกแบ่งออกเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็นห้องทานข้าวภายในตัว ฝั่งซ้ายที่มีประตูเปิดแยกออกไปเป็นห้องนอนติดกับห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่กองเสื้อผ้าบ้าง กองหนังสือเพลงบ้าง ว่าระเกระกะเต็มไปหมด จนแยกไม่ออกแล้วล่ะว่าห้องไหนเป็นห้องไหน
“ดูสิ โต๊ะหน้าโทรทัศน์ยังมีขวดเหล้าวางเกลื่อนอยู่เลย ไม่น่าตัวคุณถึงได้มีแต่กลิ่นเหล้า เมื่อคืนคุณเมามากใช่มั้ยเนี่ย”
กวินภพโบกปัด เอ่ยเสียงขุ่นอยู่ในที “ช่างผมเถอะอร ช่วงนี้ผมแค่มีเรื่องต้องให้คิดนิดหน่อย”
“ใครมาเหรอคะคุณภพ” เสียงใสที่ทักดังมาจากห้องนอนทำให้อรจิรานิ่วหน้า เอียงคอมองชายหนุ่มข้างกายเป็นเชิงถาม
อีกฝ่ายไม่มีคำแก้ตัวใด แต่ไม่ทันจะเข้าไปห้ามอรจิราก็บุกเข้าไปในห้องนอน ด้วยความที่ประตูห้องเปิดคาไว้อยู่แล้วจึงไม่เป็นเรื่องยากเลยที่หล่อนจะมองเห็นคนข้างใน
หญิงสาวที่มีเพียงผ้าขนหนูพันกาย มีผ้าขนหนูผืนเล็กพันศีรษะ เดินออกมาจากห้องน้ำไม่ได้สร้างความตกใจให้อรจิราอย่างที่คิด หล่อนเพียงแต่มองอย่างรู้ทันมาที่กวินภพ ก่อนปรับสีหน้าเป็นปั้นปึง มองกำราบหญิงแปลกหน้านั้นเป็นเชิงไล่
รายนั้นถึงกับกลัวหัวหด เพราะแค่เห็นสายตาคู่ดุมองปราดมาเพียงเสี้ยวนาที ก็รีบคว้าเสื้อผ้าและสัมภาระทั้งหลายของตัวเองออกจากห้องไปทันที
“คุณกวินภพ !” หันมาดุคนข้างหลังต่อ
กวินภพยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนเดินผ่านหน้าหล่อนไปหน้าตาเฉย “มาหาผมมีธุระอะไรรึเปล่า”
“เสียงเปลี่ยนเชียวนะคะ” อรจิราอดแขวะไม่ได้ ก่อนตามเจ้าของห้องออกมายังส่วนครัว
กวินภพทำทีเป็นหยิบโน่นหยิบนี่จากตู้เย็นให้ดูวุ่นไปอย่างนั้น ไม่ลืมเสิร์ฟน้ำให้แขกตามมารยาท ก่อนเลื่อนเก้าอี้หน้าโต๊ะทานอาหารแถวนั้นนั่งลง
พอเห็นอีกฝ่ายนั่งแขกไม่ได้รับเชิญอย่างหล่อนก็นั่งตามมั่ง “เมื่อวานอรไปหาภพมาที่สวนอาหาร แต่เพื่อนของภพบอกว่าจู่ๆ คุณก็เบี้ยว โทรศัพท์มาบอกว่าจะไม่ไปร้องเพลงเหมือนเคย แถมวันนี้อรมาที่ห้องก็เห็นเหล้ากองเต็มห้องอีก มีเรื่องอะไร พอจะบอกอรได้มั้ยคะ”
“เพราะแบบนี้ไงผมถึงไม่อยากให้อรเข้ามา”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องค่ะภพ มุขนี้ใช้ไม่ได้กับอรหรอกนะ”
น้ำเสียงหวานๆ ของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นแข็งจนกวินภพต้องคลี่ยิ้มจางๆ ออกมา หวังว่ารอยยิ้มจะช่วยกลบเกลื่อนสายตาจับผิดของคนตรงหน้าได้บ้าง “ไม่มีอะไรหรอกอร ผมบอกแล้วไงว่าแค่มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อย”
“แน่นะคะ”
พอโดนคาดคั้นมากเข้ากวินภพก็เริ่มอึกอัก รู้สึกถึงความอึดอัดที่ปกคลุมไปทั่วห้องในเวลาอันรวดเร็ว ต้องหัวเราะทำลายความอึดอัดนั้นเสียเอง “ไม่ใช่ว่าที่คุณอยากรู้เพราะแม่ผมสั่งให้คุณมาถามหรอกนะ”
และนั่นถึงเรียกเสียงหัวเราะน้อยๆ จากหญิงสาวเช่นกัน
“ส่วนหนึ่งค่ะ คุณแม่ขอให้อรมาขอร้องภพให้ยอมไปช่วยงานท่านเสียที ตอนนี้ท่านงานยุ่งม๊ากมาก อย่าลืมนะคะภพว่านับวันคุณแม่ก็อายุมากขึ้นทุกที ท่านไม่ใช่สาวๆ เหมือนอย่างแต่ก่อนที่จะได้ไฟแรง ทุ่มเทกับการงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย”
“ผมรู้ แต่ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจริงๆ ...ขอเวลาผมหน่อยแล้วกัน”
“ไม่ต้องบอกก็รู้ค่ะ อรเดาคำตอบภพได้ตั้งแต่ภพอ้าปากจะพูดแล้ว แต่เรื่องของคุณแม่นั้นน้อยนิดถ้าเทียบกับความอยากรู้ของอรค่ะ อรเป็นห่วงภพนะคะ เราสองคนแม้จะไม่ใช่ญาติกัน แต่ก็สนิทกันเหมือนญาติไปแล้ว โดยเฉพาะคุณแม่ของภพกับคุณพ่อของอร แล้วอย่างนี้จะให้อรทำเป็นไม่สนว่าตอนนี้ภพจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างไม่ได้หรอกค่ะ”
“อย่าห่วงผมไปเลยอร ตราบใดที่ผมยังลุกขึ้นมาให้คุณถามได้เสียยาวยืดแบบนี้ก็นับว่าผมยังสุขดี”
“ค่ะคุณกวินภพ สุขดีเหลือเกินนะเจ้าคะถึงได้ต้องหิ้วผู้หญิงขึ้นมานอนด้วยเนี่ย หรือว่า...เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติของผู้ชายกันคะ”
ถูกหญิงสาวแซวเข้าให้ตรงๆ ‘ผู้ชาย’ กลับไม่ยอมสบตาเจ้าหล่อน ทำเป็นดื่มน้ำแก้ขัดไปอย่างนั้น คนแซวเลยอมยิ้มมองอย่างขันๆ แม้ชายหนุ่มตรงหน้าจะถูกหล่อนแซวอยู่เรื่อยแต่เขาก็ยังไม่ชินเสียที
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อยกวินภพขับรถพาอรจิราออกมา ทานอาหารด้วยกัน เขาแอบโล่งอกอยู่หรอกที่วันนี้สาวเจ้าไม่พาลูกสมุนตามติดมาด้วย เพราะปกติแล้วเจ้าหล่อนมักมีชายในชุดดำคอยติดสอยห้อยตามล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ตลอดเวลาด้วยว่าอนันต์บิดาของหล่อนมีศัตรูในวงการธุรกิจค่อนข้างเยอะจำเป็นต้องมีผู้คุ้มกัน ความเป็นห่วงนี้จึงเลยผ่านมาถึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนอย่างอรจิราด้วย และนี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่กวินภพไม่ค่อยอยากข้องเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นี้สักเท่าไหร่
กวินภพนั้นวนรถอยู่หลายรอบ พอจะเลือกร้านอาหารตามสั่งใกล้ๆ อรจิราก็ส่ายหน้าดิกอยากได้ร้านที่ติดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งแถวอพาร์ทเม้นท์มีนับร้านได้และล้วนแล้วแต่หาสภาพที่ดูดีถูกใจหล่อนก็มีน้อยเหลือเกิน พอจะพาไปทานร้านอาหารอิตาเลี่ยนนอกเมืองเอาใจสาวเจ้าก็ไม่ยอมอ้างว่ากลัวกลับมาไม่ทันปาร์ตี้คืนนี้ ตกลงกันไปมา สุดท้ายอรจิราบอกให้เขาวกรถกลับมายังจุดเริ่มต้น เลือกร้านอาหารตามสั่งใกล้อพาร์ทเม้นท์แทน
ทีแรกกวินภพลังเลที่จะเลี้ยวรถเข้าไปเมื่อเห็นป้ายชื่อร้านอาหาร เพราะมันเป็นร้านที่เขาเคยพากิดาหยันมาทานด้วยกัน หากในเมื่อแถวนี้ไม่มีร้านอาหารไหนที่หรูพอให้คุณหนูอย่างอรจิราเข้าสักร้านเขาจึงจำใจเลี้ยวรถเข้ามา ก่อนที่ทั้งสองจะลงจากรถควงแขนกันเข้ามาในร้านอาหารร้านนั้น
“ภพจะทานอะไรเหรอคะ ไม่เห็นว่ามันจะหน้าทานซักอย่าง” อรจิราถามเสียงอ่อยหลังจากเปิดหน้าเมนูอาหารไปมาอยู่หลายรอบ
กวินภพลอบยิ้มขันให้กับหน้าเบ้ๆ ของสาวเจ้า
“เอาซุปเห็ดมั้ย ที่นี่เขาทำอร่อยอยู่นะ”
รายนั้นหน้าเบ้หนักกว่าเก่า “ไม่ไหวมั้ง นี่ภพยังทานมังสวิรัติอยู่อีกหรือคะ”
“ผมทานจนเป็นเรื่องปกติของผมไปแล้วล่ะ ถ้าตอนนี้มาให้ทานอาหารปกติเหมือนคนอื่นเขาก็คงทานไม่ได้เหมือนอย่างที่อรไม่ชอบทานอาหารมังสวิรัตินั่นแหละ”
“งั้น...อรลองดูก็ได้ค่ะ แต่ภพแน่ใจนะคะว่าอร่อย ถ้าอรทานแล้วไม่อร่อยระวังอรวีนใส่ไม่รู้ด้วยนะ”
“คุณไม่กล้าวีนใส่ผมหรอก” กวินภพเอ่ยยิ้มๆ ก่อนเรียกบริกรมาจดรายการอาหารทั้งของเขาและหล่อน
อรจิราสั่งซุปเห็ดตามที่เขาบอก กวินภพเองสั่งอาหารเพิ่มจากของหล่อนอีกสองสามอย่าง ก่อนสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ช่วยคลายร้อนซึ่งเขาจำได้ดีว่าอรจิราชอบดื่มน้ำส้มไม่หวานจัด ส่วนเขาขอเป็นน้ำเปล่าพอ
“น้ำส้มเจ้านี้คั้นสด อรน่าจะชอบ” กวินภพเอ่ยหลังจากบริกรนำน้ำมาเสิร์ฟเรียบร้อย
อรจิราเลิกคิ้วสูงอย่างไม่ค่อยเชื่อคำบอกของอีกฝ่าย หน้าตาแก้วทรงสูงที่มีน้ำส้มเต็มแก้ว ไม่ได้ประดับอะไรมากมายนอกจากใบเขียวๆ บนน้ำส้ม ไม่เห็นบ่งบอกตรงไหนว่าน่าจะอร่อย
หากลองจิบตามที่เขาว่าแล้วต้องยิ้มพรายออกมา “จริงด้วยค่ะ อร่อยสดชื่นดีจัง”
อรจิราจิบน้ำส้มได้ไม่เท่าไหร่ก็นิ่วหน้า “ภพเคยมาทานร้านนี้บ่อยหรือคะ”
กวินภพทำเป็นไม่ใส่ใจในคำถามนั้น ตอบพลางหยิบขวดน้ำเปล่าขึ้นมารินใส่แก้วตัวเอง “เคยมาครั้งเดียว”
“ครั้งเดียว? ไม่จริงมั้ง ถึงขั้นรู้ดีว่ารายการอาหารไหนอร่อยไม่อร่อยขนาดนี้ หรือว่า...ภพเคยพาสาวที่ไหนมาทานอาหารที่นี่รึเปล่าถึงได้จำรายการอาหารแม่นเป็นพิเศษ”
กวินภพยังคงทำเป็นสนใจน้ำเปล่าตรงหน้า “ร้านจิวเวอรี่ของอรเป็นยังไงบ้าง ผมมัวแต่วุ่นๆ กับเรื่องตัวเองจนไม่ได้ไปเห็นความคืบหน้าของร้านอรเลย”
เมื่อเขาเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ อรจิราจึงปล่อยเลยตามเลย “เหลือแค่ตกแต่งร้านอีกเล็กน้อยค่ะ สิ้นเดือนนี้ก็เปิดร้านได้แล้ว ถ้าเกิดภพอยากซื้อแหวนให้สาวสักวงต้องแวะมาร้านอรเป็นร้านแรกนะ ไม่งั้นอรไม่ยอมจริงด้วย”
“ครับคุณอรจิรา แต่ก่อนผมว่าผมมีเจ้าโรเป็นแม่คนที่สองแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ผมยกตำแหน่งนี้ให้อรไปเลย”
“หยาบคายภพนี่” อรจิราฟาดแขนโตทีทำโทษที่ยัดเยียดตำแหน่งผู้สูงอายุให้หล่อน “แต่ก่อนที่ภพจะพาสาวที่ไหนมาซื้อแหวนร้านอร อย่าลืมพามาให้คุณแม่ดูตัวก่อนนะคะ ไม่ผ่านท่านก่อนเดี๋ยวท่านจะมาโวยกับอรได้ว่าคุมลูกชายท่านยังไงปล่อยให้แอบไปมีสาวโดยที่ท่านไม่ทราบ”
ไม่มีคำเอ่ยใดหลุดจากปากกวินภพนอกจากรอยยิ้มบนใบหน้าคมที่เลือนหายพลัน เปลี่ยนเป็นสีหน้าเรียบเฉยเข้ามาแทนที่
กวินภพขอตัวไปเข้าห้องน้ำคราเดียวกับที่อาหารทยอยเสิร์ฟลงโต๊ะ แค่พ้นหน้าหญิงสาวบนโต๊ะอาหารมาได้ก็พ่นลมหายใจดังพรืด
อรจิราชอบแซวเขาเรื่องสาวๆ อยู่บ่อยครั้งและเขาก็มักจะปล่อยให้มันเลยผ่านไป แต่วันนี้กวินภพไม่สบอารมณ์เท่าไหร่กับการต้องมารับฟังคำหยอกเย้าของเจ้าหล่อนด้วยเรื่องนี้ และไม่รู้ทำไมหล่อนต้องเน้นย้ำอยู่แต่สิ่งที่เขาอยากจะลืมๆ ไปเสียด้วยก็ไม่รู้ !
แต่ก็นับว่าอรจิราอ่านเขาเก่งพอสมควร ทั้งอาหารของเขาและเครื่องดื่มของหล่อนก็ล้วนเป็นรายการอาหารที่เขาเคยสั่งมาทานร่วมกับกิดาหยันทั้งนั้น
กวินภพยังคงจดจำบรรยากาศวันนั้นได้ดี...รวมทั้งรสชาติอาหารและคำพูดของหญิงสาวทุกถ้อยคำในวันนั้น
...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในร้านอาหารแห่งนี้...เป็นความทรงจำที่ดีสำหรับเขา
หากภาพเมื่อเช้าวันก่อน ภาพที่กิดาหยันลงมาจากรถโยธินหน้าคอนโดมิเนียมได้ทำลายความรู้สึกเหล่านั้นไปจนหมดสิ้น !
กวินภพไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าผู้หญิงที่อดีตน้องเขยของเขาซุกซ่อนไว้...จะเป็นกิดาหยัน...ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าหญิงสาวที่เขาอุตส่าห์ไว้ใจเล่าเรื่องทั้งหมดของสโรชินีให้ฟัง...จะเป็นคนที่ทำร้ายน้องสาวของเขาเอง
ถอดแว่นตาเสียบไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ได้ล้างหน้าล้างตาคงทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง ก่อนเปลี่ยนเป็นหยิบคอนแทคเลนส์ขึ้นมาใส่แทน การได้เปลี่ยนลุคตัวเองช่วยเรียกความมั่นใจของกวินภพกลับคืนมาได้เสมอ
เปิดประตูแล้วต้องถอนใจอีกเฮือกใหญ่ อรจิรายังคงนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ใช่ มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นเพราะหล่อนมากับเขา แต่เวลานี้เขาไม่พร้อมที่จะเจอใครเลยให้ตายสิ
ไม่วายเจ้าหล่อนยังอุตส่าห์ส่งยิ้มหวานมาให้ เขาจะไม่ยิ้มตอบก็ใช่ที่
ที่ลุกออกมาดื้อๆ เพราะแค่ต้องการหามุมสงบสักมุมในร้านอาหาร มีโอกาสได้อยู่กับตัวเองเงียบๆ คนเดียวสักพักเผื่อความขุ่นมัวในใจจะคลายลงบ้าง
กวินภพถอนใจซ้ำก่อนปั้นหน้ายิ้มเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่แล้วหนุ่มสาวที่เดินผ่านหน้าอรจิราไปทำให้กวินภพชะงักงัน
“กิดาหยัน...” เสียงนั้นเลื่อนลอยไปตามอากาศราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ต่อให้ร่างบางนั้นหันหลังให้เขาอยู่ก็ตามหากทว่า...ไม่มีวันที่เขาจะจำเจ้าของร่างสูงโปร่งนั้นไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้น...เขาไม่มีทางลืมอดีตว่าที่น้องเขยของเขาไปได้เด็ดขาด !
กว่ากวินภพจะตั้งสติได้โยธินกับสาวข้างกายก็เดินพ้นประตูร้านไปแล้ว เขายังคงจับจ้องไปยังหนุ่มสาวคู่นั้น ไม่สนว่าจะมีเสียงอรจิราเรียกตามหลังมา ไม่สนว่าจะมีสายตานับสิบกว่าคู่จ้องมองมาที่เขา เวลานี้กวินภพไม่สนใครทั้งนั้นนอกจากวิ่งตามโยธินออกไป
****************************
เสียงสนทนาเบาๆ ที่ดังอยู่รอบกายทำให้กิดาหยันลืมตาตื่น เปลือกตาที่หนักอึ้งทำให้เจ้าตัวต้องหลับตาลงอีกครั้ง กระพริบตาถี่ปรับเลนส์สายตาสู้แสงไฟนีออนบนเพดานห้อง
พยุงร่างที่อ่อนแรงลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองไปรอบห้องแปลกตา แล้วกิดาหยันต้องพบว่าหล่อนไม่ได้อยู่เพียงคนเดียวในห้อง หากยังมีคนแปลกหน้าอีกจำนวนมากที่นอนบ้าง นั่งบ้างเรียงรายอยู่บนเตียง
ก้มมองตัวเอง เพิ่งสังเกตเห็นว่ากำลังนั่งอยู่บนเตียงพักฟื้นของคนป่วย กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างลอยฟุ้งเตะจมูกกิดาหยัน ทำจมูกฟุตฟิตได้ไม่เท่าไหร่ก็กลับจามออกมา
“อรุณสวัสดิ์ยามบ่ายค่ะคุณหยัน” เสียงทักจากปากประตูห้องเรียกความสนใจจากกิดาหยันพลัน
จำได้แม่นว่าเป็นปภาวีเพื่อนพยาบาลของกิดานันท์ และเป็นหนึ่งในนางพยาบาลที่คอยดูแลหล่อนมาตลอดระยะเวลาที่หล่อนพักฟื้นจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ แต่นี่หล่อนมาทำอะไรที่นี่เนี่ย
“เอ่อ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“อ๋อ คุณหมอราเมศกับนันท์พาคุณมานอนพักฟื้นที่นี่ค่ะ คุณสลบไปคงจำอะไรไม่ได้”
“สลบ?”
“ค่ะ นันท์ตกใจมากเลยนะคะที่จู่ๆ คุณก็เป็นลมล้มพับไป เห็นนันท์เล่าว่ามีคนมากดกริ่ง คุณเป็นคนออกไปรับหน้าแต่แล้วก็หายไปเลย นันท์เป็นห่วงคุณแทบแย่แน่ะค่ะ”
กิดาหยันนิ่งฟังนางพยาบาลอธิบาย ค่อยๆ ลำดับเรื่องราวได้ในหัวสมอง ใช่...หล่อนโดนตาภพบ้าไล่ลงจากรถมานี่นา
“พอคุณมาถึงห้อง หน้านี้ซีดเชียวค่ะ ดีนะคะที่คุณหมอราเมศไปหานันท์พอดีเลยทันเห็นคุณเป็นลม คุณหมอกับนันท์กลัวว่าคุณจะอาการไม่ดีน่ะค่ะเลยให้มานอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล”
“ละ...แล้วฉันสลบไปนานรึเปล่าคะ”
“คืนเดียวค่ะ แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะคุณหยัน คุณหมอราเมศวัดคลื่นหัวใจของคุณแล้ว ผลไม่น่าห่วงอย่างที่คิดค่ะ”
กิดาหยันถึงกับผ่อนลมหายใจดังพรืดโล่งอก ไม่ลืมยิ้มขอบคุณนางพยาบาลที่อุตส่าห์เสียเวลาเล่าให้ฟังเป็นฉากๆ “ขอบคุณนะคะ งั้นถ้าฉันหายดีแล้ว ขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
“ยังไม่ได้ค่ะคุณ” ปภาวีรีบถลาเข้ามายืนขวางข้างเตียงทันที “คุณหมอยังไม่อนุญาตให้คุณกลับค่ะ ต้องอยู่รอเช็คให้แน่ใจก่อน”
“แต่คุณเพิ่งบอกฉันเองว่าไม่น่าห่วงแล้ว”
“ไม่น่าห่วงแต่ไม่ได้แปลว่าหายดีแล้วนี่คะคุณหยัน รอคุณหมอสักครู่นะคะ เดี๋ยวก็มาค่ะ”
กิดาหยันหน้าเบ้ รู้สึกขัดใจเสียจริง ทั้งขัดใจตัวเองที่อยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัวต้องมานอนโรงพยาบาลอีกรอบ และขัดใจนางพยาบาลตรงหน้าที่บังอาจมากักขังกันดื้อๆ !
จะตั้งท่านอนต่อแต่ไม่ทันที่นางพยาบาลเมื่อครู่จะแยกตัวออกไปดูแลผู้ป่วยรายอื่น ก็เรียกรั้งไว้ “เออ...คุณช่วยเอาดอกไม้ช่อนี้ไปทิ้งให้ฉันทีได้มั้ยคะ” เอ่ยพลางส่งช่อดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงส่งให้นางพยาบาลสาว
รายนั้นรับมาถือไว้ “คุณหยันไม่ชอบดอกไม้เหรอคะ”
“ฉันชอบดอกไม้อยู่ไม่กี่อย่างน่ะค่ะ” ที่จริงช่อดอกลิลลี่สีขาวในมือนางพยาบาลก็เป็นหนึ่งในจำนวนดอกไม้ที่หล่อนชอบอยู่หรอกนะ แต่เวลานี้หล่อนไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชมความงามของดอกไม้เท่าไหร่
“แต่ช่อดอกไม้นี้คุณโยธินตั้งใจนำมาให้คุณเลยนะคะ”
อยู่ดีๆ ชื่อของคนที่เพิ่งหาเรื่องให้หล่อนเดือดร้อนเมื่อคืนก็กระโดดเข้ามาในหัวข้อสนทนา
จากที่จะล้มตัวลงนอนจึงสปริงตัวนั่งหลังตรง “โยธินมาที่นี่หรือคะ”
“ค่ะ เขาเพิ่งเอาช่อดอกไม้มาเยี่ยมคุณเมื่อครู่นี้เอง แต่คุณยังไม่ฟื้น เขาเลยอยู่เฝ้าคุณได้สักพักถึงค่อยกลับออกไปน่ะค่ะ” ปภาวีรู้จักโยธินก็เพราะสนิทกับกิดานันท์นั่นแหละ โยธินเคยมาโรงพยาบาลนี้ออกบ่อยไปในช่วงที่ทั้งสองยังคบกัน
“แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะ แต่เขาคงมาพานันท์ไปทำธุระข้างนอกด้วยกันมั้งคะ เพราะนันท์เพิ่งแลกเวรกับดิฉันไม่นานก่อนหน้าคุณฟื้นนี้เอง”
“ออกไปด้วยกัน !” ร้องเสียงหลงออกมา แต่แล้วสายตาทุกคู่ที่จับจ้องมายังหล่อนทำให้ต้องรีบกระแอมปรับเสียงให้เป็นปกติ “นันท์บอกมั้ยคะว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”
“เย็นๆ ได้ค่ะ คุณหยันมีอะไรจะบอกนันท์ฝากดิฉันไว้ได้นะคะเผื่อถ้านันท์กลับมาตอนคุณหลับอยู่ดิฉันจะได้บอกนันท์ให้ค่ะ”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เอ่อ คือ นันท์มักจะออกไปกับโยแบบนี้บ่อยมั้ยคะ” ถามแล้วต้องตกใจเสียงตัวเอง ทำไมอยู่ดีๆ มันถึงได้แหบพร่าแทบเลือนหายไปแบบนี้นะ
“อืม ไม่นะคะ อย่างมากก็อาทิตย์ละครั้ง แต่อย่าหาว่าดิฉันยุ่งเรื่องส่วนตัวเลยนะคะ คุณหยันคงทราบดีว่านันท์ไม่ค่อยได้มาทำงานตอนเช้า คงเป็นเพราะพักนี้นันท์สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ดิฉันเองแลกเวรกับนันท์บ่อยจนรู้สึกเหมือนตัวเองมีเวรกะเช้าไปแล้วละค่ะ”
สิ่งที่เพื่อนพยาบาลของกิดานันท์เล่ามาทำให้คนฟังถึงกับชาไปทั้งตัว เรื่องที่พี่สาวไม่สบายหล่อนรู้ดี แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน กิดานันท์ออกไปทำงานแต่เช้าร่ำไป นับครั้งได้ที่พี่สาวของหล่อนจะขอลาหยุดและออกไปทำงานกะดึกแทน
...ไม่แปลกถ้ากิดาหยันจะนิ่งไปเฉยๆ
“ถ้าไม่ติดว่าหมอราเมศให้ท้ายยัยนันท์ ป่านนี้ดิฉันได้โวยวายขอแลกเวรคืนแล้วละค่ะ” เห็นคนบนเตียงเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจจึงยิ้มแห้ง “ขอโทษนะคะคุณหยัน คือ ดิฉันก็บ่นไปอย่างนั้นเอง อย่างที่คุณทราบว่าดิฉันค่อนข้างสนิทกับนันท์ ถ้าพูดอะไรที่...”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ แล้วฉันจะบอกนันท์ให้ค่ะ”
“อุ๊ย ไม่ต้องค่ะคุณหยัน” ปภาวีร้องห้ามเสียงหลง “ที่ดิฉันเล่าให้คุณฟังเพราะเป็นห่วงนันท์เขาเท่านั้น ถ้ายังไงฝากคุณหยันช่วยดูแลนันท์อีกแรงนะคะ”
“ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงพี่สาวฉัน” แม้หน้าจะยิ้มแต่เสียงนั้นบอกชัดว่าไม่พอใจเท่าไหร่
คล้อยหลังนางพยาบาลสาวออกไป คนป่วยถึงยอมล้มตัวลงนอน พยายามจะข่มตานอนให้หลับแต่จะให้กิดาหยันทำเป็นลืมๆ ไปเสียกับเรื่องที่เพิ่งรับรู้มา...คงเป็นไปได้
เวลานี้เตียงนอนจึงไม่ต่างจากกระทะร้อนที่กำลังเผาไหม้คนนอนให้ร้อนรุ่ม นอนกระสับกระส่ายไปมาไม่นานก็สปริงตัวลุกขึ้นกดปุ่มเรียกนางพยาบาลด้านนอก คนเดียวที่จะสามารถให้คำตอบหล่อนได้ดีที่สุดในตอนนี้คือหมอราเมศ
-------------------------------------------------------------------
**เปิดจอง "The song of heart...เพลงหัวใจ (เล่ม1)" แล้วค่า**
ในนามปากกาใหม่ไฉไลกว่าเดิมว่า "รมิดา"
ราคาปก 319 บาท
สั่งจองภายในวันที่ 14 ม.ค. - 28 ก.พ.56 ราคาลดเหลือ 280 บาท (ฟรีค่าส่ง+ที่คั่นหนังสือ)
ผู้ใดสนใจ แจ้งชื่อมาได้ที่เมล์ buta_ood@hotmail.com
แล้วรันจะส่งเลขบัญชีสำหรับโอนเข้าไปให้ค่ะ
**หมายเหตุ สามารถดูปกได้ที่หน้าเพจเลยค่ะ
http://www.facebook.com/#!/photo.php?fbid=148206875333553&set=a.120669788087262.25570.120656234755284&type=1&theater

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ม.ค. 2556, 14:03:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ม.ค. 2556, 14:04:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1383
<< บทที่ 11 | บทที่ 13 >> |

Auuuu 14 ม.ค. 2556, 15:56:02 น.
นันท์ทำตัวน่าสงสัยนะะะะ
นันท์ทำตัวน่าสงสัยนะะะะ

สรัน 14 ม.ค. 2556, 16:12:27 น.
สงสัยนันท์จะกัวน้องสาวฝาแฝดยิ่งกว่าแม่ค่ะ 555555555
สงสัยนันท์จะกัวน้องสาวฝาแฝดยิ่งกว่าแม่ค่ะ 555555555

lovemuay 14 ม.ค. 2556, 21:05:46 น.
เหม่ พระเอกช่างเจอได้ประจวบเหมาะทุกที เมื่อไหร่จะหายโง่น้า หรือว่าต้องรอพลั้งมือทำร้ายนางเอกไปแล้วจริงๆ
เหม่ พระเอกช่างเจอได้ประจวบเหมาะทุกที เมื่อไหร่จะหายโง่น้า หรือว่าต้องรอพลั้งมือทำร้ายนางเอกไปแล้วจริงๆ

สรัน 14 ม.ค. 2556, 23:54:36 น.
กร๊ากกก นายกวินภพสะดุ้งเลยค่ะหมวย55555
กร๊ากกก นายกวินภพสะดุ้งเลยค่ะหมวย55555