แผนรักพันใจ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 12
สุจิราคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะวางสายจากธนินที่โทรมาขอโทษขอโพยเรื่องที่มีแขกไม่ได้รับเชิญในการนัดรับประทานอาหารเย็นครั้งก่อนและสัญญาว่าจะโทรมานัดหมายเธออีกครั้งและจะไม่มีเหตุการณ์เหมือนวันก่อนเกิดซ้ำอีก
คุณสโรชาเห็นอาการของลูกสาวแล้วยิ้มแย้มยินดีไม่ต่างกัน หลังจากได้รับรู้เรื่องราวจากลูกสาว เธอก็ต่อสายถึงคุณธนัญญาทันที เล่าเหตุการณ์ให้ฟังโดยมีเสียงสุจิราสะอื้นไห้เป็นเสียงประกอบ น้ำเสียงร้อนรนและโกรธเกรี้ยวของคุณธนัญญานั้นเป็นปฏิกิริยาที่คุณโสรชาเองก็คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วและยิ่งฝ่ายนั้นยืนยันหนักแน่นว่าจะจัดการเรื่องนางแบบสาวและสัญญาว่าจะให้ธนินติดต่อนัดหมายสุจิราใหม่ก็ยิ่งทำให้สองแม่ลูกพึงพอใจมากขึ้น
"ขอบคุณนะคะคุณแม่ที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้จินนี่"
น้ำเสียงของสุจิราเริงร่าผิดกับตอนที่รับโทรศัพท์จากธนิน หญิงสาวไว้ที สุภาพและทำเหมือนยังขยาดกับเหตุการณ์มื้อเย็นครั้งก่อน คุณสโรชาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงของลูกสาว
"แม่ต้องจัดการอยู่แล้ว เพราะธนินเหมาะที่สุดที่จะเป็นลูกเขยของแม่"
สาวใหญ่มองสายเลือดในอกอย่างภาคภูมิใจ ครอบครัวของเธอใช่สิ้นไร้ไม้ตอก มีฐานะในระดับหนึ่งด้วยซ้ำแต่การจัดแจงให้ลูกสาวได้แต่งงานกับทายาทนักธุรกิจที่มีหุ้นส่วนในห้างสรรพสินค้าใหญ่ก็ยิ่งจะช่วยให้คนเป็นแม่มั่นใจในสถานภาพของลูกมากขึ้น
ลูกคนนี้จะต้องอยู่อย่างสุขสบายและได้ทุกอย่างที่ต้องการ
คุณสโรชาให้สัญญากับตนเองไว้นับตั้งแต่รู้ว่าตนตั้งครรภ์ เครื่องยึดเหนี่ยวที่จะทำให้สามีอยู่กับเธอตลอดไป แม้เขาจะรู้ภายหลังว่าเธอใช้แผนหลอกให้เขาเข้าพิธีเพื่อรับผิดชอบเด็กในท้องซึ่งไม่มีจริงในตอนแรก
"คราวนี้ก็สบายใจได้แล้วนะ นอนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวแม่จะไปดูตาโจเสียหน่อย"
"จะไปดูทำไมคะ ป่านนี้ก็คงนั่งเล่นเกมออนไลน์เหมือนเดิม หนังสือหนังหาก็ไม่รู้จักอ่าน"
"ก็เพราะอย่างนี้ แม่ถึงต้องไปดูน้องไงล่ะ ปล่อยไว้จะยิ่งเหลวไหล"
ผู้เป็นแม่กอดลูกสาวที่รักเหมือนดวงใจก่อนเดินออกจากห้องลูกสาวก่อนจะไปหยุดเคาะประตูห้องลูกชาย รายนั้นใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะมาเปิดประตูให้ แม้จะทำสีหน้าเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่คุณสโรชาก็มองออกว่าสุรกุลกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้
"ทำอะไรอยู่"
"เปล่าครับแม่"
"อย่ามาโกหกนะตาโจ มองตาเราแม่ก็รู้แล้วว่ามีอะไรปิดปัง"
คุณสโรชาเดินไปรอบห้องของลูกชาย โทรทัศน์ติดผนังขนาดใหญ่เปิดช่องเคเบิ้ลทีวีและกำลังฉายซีรีส์สืบสวนของต่างประเทศอยู่ คอมพิวเตอร์พกพาบนโต๊ะปิดอยู่ เมื่อเดินไปสัมผัสที่ตัวเครื่อง มันเย็นสนิททำให้รู้ว่าไม่ได้เปิดใช้งาน เธอเกือบจะเชื่อลูกชายกระทั่งมองไปที่ตู้หัวเตียงแล้วเห็นโทรศัพท์มือถือวางอยู่ หน้าจอยังสว่างเหมือนเพิ่งใช้งานอยู่เมื่อครู่
สุรกุลขยับจะเดินไปหยิบแต่คุณสโรชาไวกว่าถลาไปความกดดู บันทึกการโทร.ล่าสุดทำให้เธอต้องกอดอกมองลูกชายอย่างไม่พอใจนัก
"แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ติดต่อกับคนบ้านนั้น"
"พี่จาเป็นพี่สาวผมนะครับ"
"แกก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบ"
"ก็แค่คุยกันเรื่องทั่วไป ถามไถ่ทุกข์สุขกันเท่านั้น"
"จะเรื่องอะไรแม่ก็ไม่สนทั้งนั้น ทำไมชอบขัดคำสั่งแม่นักนะตาโจ"
คุณสโรชาถอนใจหนักหน่วง ส่ายหน้ากับความดื้อดึงของลูกชาย หากสุจิราจะเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ สุรกุลก็เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความจริงบางอย่าง
ลูกชายคนเล็กอายุห่างจากพี่สาวหลายปี และไม่เพราะความมึนเมาเล็กน้อยของคุณเอกอมรในคืนนั้น ไม่เพราะเธอพูดจาล่วงล้ำถึงหญิงสาวและลูกสาวที่สามีรักหนักหนา เธออาจจะไม่มีลูกชายคนนี้ ความจริงข้อนี้ทำให้เธอรักลูกชายได้ไม่เท่าลูกสาว ปล่อยหน้าที่ดูแลสุรกุลให้แม่บ้าน คนรับใช้ หลายครั้งละเลยปล่อยปละจนสามีพาลูกชายออกไปไหนต่อไหนเธอก็ไม่เคยสนใจ
ถ้าสามารถล่วงรู้ได้ว่าคุณเอกอมรจะไปหาทางไปพบลูกสาวและพาน้องชายไปให้ทำความรู้จักกันเธอคงเลือกที่จะดึงสุรกุลไว้ใกล้ตัวให้มากกว่านี้ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ส่วนหนึ่งแต่การที่เธอไม่ได้ฝังความคิดเรื่องคนบ้านสวนให้ลูกชายเหมือนที่ทำกับลูกสาวก็ทำให้คุณสโรชาว่าอะไรลูกชายไม่ได้เต็มปาก
"เมื่อไหร่แกจะไม่ทำให้แม่ต้องเจ็บใจสักทีนะตาโจ"
คุณสโรชาพูดได้เพียงเท่านี้ ต่อให้สุรกุลขัดใจ ไม่ได้อย่างใจเพียงใดคนเป็นแม่ก็ไม่เคยจะว่ากล่าวอะไรรุนแรงเลยสักครั้ง และจะว่าไปแล้วสุรกุลก็ไม่ใช่เด็กเกเรอะไรเลยแม้แต่น้อย ผลการเรียนของเด็กหนุ่มไม่ได้โดดเด่นเหมือนพี่สาว แต่ก็ไม่ย่ำแย่ เรื่องเที่ยวเตร่ เสพเหล้าเมายาก็ไม่เคยมีให้ระแคะระคาย
หลังเอ่ยจบคนเป็นแม่สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไม่มีอ้อมกอดให้สุรกุลเหมือนที่ทำกับสุจิรา
บ้านสวนวันนี้ไม่เงียบสงบเช่นทุกวันเพราะมีแขกมาค้าง นิคมครองโถงเรือนเหมือนเป็นเวทีสำหรับเดี่ยวไมโครโฟนเล่าเรื่องราวที่ร้าน เหตุการณ์ที่ได้ไปประสบพบเจอมาอย่างออกอรรถรส คุณยายจันทร์และคุณจอมขวัญก็นั่งล้อมวงรอบโต๊ะตั้งพื้นกลางโถงด้วย พอเริ่มดึกผู้ใหญ่ทั้งสองก็ขอตัวไปนอนก่อนเหลือเพียงนิคมและจารุดานั่งกันอยู่ที่โถงเรือน ทันใดนั้นแววตาของหญิงสาวในร่างชายหนุ่มก็หรี่ลงอย่างจะจับผิดเพื่อนสนิท
จารุดาพยายามบ่ายเบี่ยงตั้งแต่นิคมเอ่ยปากขอมานอนค้างที่บ้านขณะที่นิคมไปช่วยจัดการเก็บข้าวของที่ซุ้มอาหาร
'จะไปได้ยังไงล่ะนิกกี้ เธอไม่ได้บอกล่วงหน้าจู่ ๆ มาขอแบบนี้ กระเป๋าเสื้อผ้าอะไรก็คงไม่ได้เตรียมมา'
'อ๊าย...พูดเหมือนไม่รู้จักนิกกี้ ฉันมีกระเป๋าเสื้อผ้าติดรถไว้ตลอดแหละย่ะ เผื่อว่าโดนหิ้ว...เอ้ย...เผื่อจะเหตุต้องไปค้างที่ไหน จะได้หิ้วกระเป๋าเข้าพักได้เลย'
'แต่พรุ่งนี้ฉันกับน้าขวัญต้องเตรียมของมาขายอีกนะ'
'เราก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นนี่จ๊ะหนูจา คนช่วยเตรียมก็มีไม่น้อย' คุณจอมขวัญที่กำลังปัดกวาดทำความสะอาดอยู่ไม่ไกลกันเอ่ย 'นิกกี้เค้าก็ไม่ได้ไปเยี่ยมที่บ้านสวนมาพักใหญ่แล้ว คุณยายคงดีใจ'
'เป็นอันว่าตกลงกันตามนั้นนะยัยจา เดี๋ยวเสร็จแล้วฉันจะขับรถตามไป'
'ไม่ห่วงร้านตัวเองบ้างหรือไง'
'ไม่ห่วงย่ะ ได้เชฟมือดีมาช่วย คนทำบัญชีก็มี ฉันก็ขอพักบ้างอะไรบ้างสิ'
'ท่าทางพักบ่อยกว่าทำงานนะเธอน่ะ'
นิคมยักไหล่ไม่สนใจคำข่อนของเพื่อนสนิทและสุดท้ายก็ขับรถตามมาเป็นแขกพักค้างคืนที่บ้านสวน โดยคุณจอมขวัญเป็นธุระโทรสั่งให้คนที่บ้านเตรียมห้องไว้ให้
นิคมรู้จักเพื่อนดี รู้ว่าจารุดาอิดออดแต่แรกเพราะรู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการบางอย่างให้เขาจับสังเกตได้หลายครั้งกระทั่งต้องเอ่ยปากว่าจะมานอนค้างที่บ้าน เขาต้องการจะพูดคุยกันแบบตัวต่อตัวเพื่อจะได้สังเกตอาการเพื่อนได้อย่างถนัดตา
"เอาล่ะ...ตอนนี้ถึงเวลาคุยกันแบบเพื่อนสาวแล้ว"
"คุยอะไรอีกล่ะนิกกี้ ฉันง่วงนอนแล้วนะ" หญิงสาวแสร้งยกมือขึ้นปิดปากหาว
"นี่...แม่ดาราออสการ์ อย่ามาทำเนียนง่วงนะยะ แสดงเก่งเท่าเจ้าป้าเมอริล สตรีพเมื่อไหร่ค่อยมาหลอกฉัน" นิคมว่าแล้วดึงแขนจารุดาให้ลุกขึ้นจากเบาะ "เข้าไปคุยในห้องฉัน ไม่งั้นฉันจะไปเรียกคุณยายมาคุยด้วย"
จารุดาจำต้องลุกขึ้นเดินตามนิคมไปที่ห้องนอนที่มักจะจัดไว้รับรองแขกที่มาเยือนบ้านสวนซึ่งก็ไม่ได้มีมาบ่อยนัก เข้าห้องได้นิคมก็กดเปิดเครื่องปรับอากาศ เปิดเครื่องรับโทรทัศน์ตั้งใจให้มีเสียงกลบการสนทนาของทั้งคู่
"เธอคิดยังไงกับคุณธนินกันแน่ยัยจา"
"ไม่ได้คิดอะไร"
"โกหก" นิคมสวนทันควัน "ฉันเห็นนะ ตอนที่แกล้งสองแม่ลูกนั่นเธอก็ดูเหมือนจะสนุกแต่หลังจากนั้นก็ดูแปลก ๆ เหมือนกับมีอะไรในใจ"
หญิงสาวระบายลมหายใจยาว การที่รู้จักมักคุ้นกันมานานทำให้รู้ว่าเธอไม่อาจจะปกปิดความรู้สึกจากสายตาเพื่อนสนิทคนนี้ได้
"ฉันคิดอะไรมันไม่สำคัญหรอก ที่แน่ ๆ เรื่องมีคู่ครองสำหรับฉันน่ะ มันเป็นไปไม่ได้ เธอก็รู้ดีนะนิกกี้"
"แล้วคิดจะทำยังไงต่อไปเนี่ย"
"ก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ทำอะไรไม่ได้ เหมือนที่เธออยากรู้เรื่องนี้นั่นแหละนิกกี้ รู้ไปเธอก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ทุกอย่างมันควรจะเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น"
"เฮ้อ...แม่ผู้หญิงใช้สมอง ฟังผู้มีประสบการณ์ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำอย่างฉันบ้างเถอะจ๊ะ จะบอกให้นะ เอาจริง ๆ อ่ะ สมองมันสู้หัวใจไม่ได้หรอก ถึงด้วยเหตุและผลมันจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าใจมันอยากให้เป็นน่ะ มันห้ามกันไม่ได้หรอกนะ"
"เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉัน ที่เขามาตีสนิทฉันต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่ ๆ แล้วฉันก็ไม่สนใจด้วยว่าเขาจะมีแผนอะไร"
จารุดาเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น รู้ตัวว่าพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึงความรู้สึกของตัวเองต่อหน้านิคม ทั้งยังมีความรู้สึกแปลบขึ้นมาในอกเมื่อคิดถึงเรื่องที่ธนินพยายามเข้ามาตีสนิทเธอเพราะมีวัตถุประสงค์แอบแฝง
ความรู้สึกเจ็บปวดแปลบนั้นเจือด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองใจอย่างที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้
ธนินก้าวเข้าไปภายในโถงที่จัดงานมหกรรมอาหาร อีกไม่กี่วันงานก็จะสิ้นสุดหากวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งสำหรับเขา เพราะจารุดาจะขึ้นสาธิตการทำอาหารบนเวทีกลาง ซึ่งจัดที่นั่งให้คนดูได้ชมการสาธิต มีพิธีกรหนุ่มซึ่งหน่วยงานของเขาจ้างผ่านโมเดลลิ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ เนื่องจากเป็นวันเสาร์ผู้คนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าจึงค่อนข้างหนาตาตั้งแต่ช่วงเวลาเปิดห้างมาได้ไม่ถึงชั่วโมงดี
บนเวทีมีการจัดเตรียมเครื่องครัวและวัตถุดิบเอาไว้เรียบร้อยส่วนด้านหลังเวทีจัดเป็นห้องขนาดเล็กสำหรับแต่งหน้าทำผม ธนินให้เลขานุการนัดหมายจารุดาผ่านหมายเลขโทรศัพท์ของนิคมให้มาเตรียมตัวที่เวทีก่อนเที่ยงวัน เมื่อเขามาถึงหญิงสาวกำลังตรวจดูวัตถุดิบที่จะใช้ในการสาธิต ปล่อยหน้าที่ในการควบคุมการทำอาหารซุ้มเรือนไทยภาคกลางไว้ให้คุณจอมขวัญ
เธอเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ครัวตรงหน้า ชั่วขณะที่เหมือนดวงตางามคู่นั้นจะหยุดอยู่ที่ธนิน หากหญิงสาวทำเป็นมองไม่เห็นเขา วางสคริปท์ในมือลงก่อนจะหมุนตัวเดินลงเวทีอ้อมไปทางห้องแต่งตัวด้านหลัง
ชายหนุ่มขยับเดินอ้อมหลังเวทีตามไป ทว่าเมื่อจารุดาหันมามองเขา มีแววบางอย่างในสายตาเธอที่เหมือนจะผลักให้ธนินได้แต่หยุดยืนมองอยู่ห่าง ๆ
เหมือนเธอไม่พอใจอะไร...หรือว่าเธอจะรู้แล้ว เขาพยายามจะตีสนิทเพื่อขอซื้อที่ดิน
ความรู้สึกของจารุดาคล้ายมีผลกับธนินอย่างแปลกประหลาด เขาหวั่นไหว วิตกจนไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปทักทาย ถ้าหากว่าเธอรู้ทัน หากเกลียดเขาเสียแล้ว เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป
แผนการเรื่องเจรจาซื้อที่คงล้มไม่เป็นท่า และแม้แต่ความเป็นเพื่อนที่เขาหวังไว้แต่แรกก็คงไม่มีทางจะเป็นไปได้ เธออาจจะไม่อยากพบหน้าเขาอีกต่อไปด้วยซ้ำ
ธนินเผลอถอนใจออกมาแผ่วเบาเมื่อช่างแต่งหน้าดึงแว่นกรอบหนาดูเทอะทะออกจากใบหน้าของจารุดา ช่างผมขยับจะดึงมวยผมออกแต่หญิงสาวรีบหันไปปฏิเสธ ช่างผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมวยผมนั้นไว้ดังเดิม จารุดาบอกอะไรบางอย่างที่ทำให้ช่างแต่งหน้ามีท่าทางแปลกใจ หากครู่หนึ่งก็ลงมือแต่งหน้าหญิงสาว
การลงสีบนพวงแก้ม ขอบตานั้นดูไม่ได้จัดจ้านเหมือนที่ชายหนุ่มเคยเห็นผู้หญิงคนอื่นแต่งเมื่อต้องขึ้นเวที แต่เท่านั้นก็เพียงพอจะแต้มความสดใสลงบนใบหน้างามนั้น
ป้าเฉิ่มของเขาซ่อนความสวยไว้ใต้กรอบแว่น และธนินแน่ใจว่าถ้าเธอปล่อยผมที่เกล้ามวยไว้ลงมาจะต้องดูเด่นสะดุดตากว่านี้มาก หญิงสาวเหมือนจะรู้ว่าเขาจับตามองอยู่เมื่อช่างแต่งหน้าทำหน้าที่เสร็จเธอจึงรีบหยิบเอาแว่นตากรอบหนานั้นมาสวมไว้ดังเดิม
ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเมื่อจารุดาเดินออกจากห้องแต่งตัวเล็ก ๆ นั้นและมายืนซ้อมคิวกับพิธีกรที่ด้านข้างเวที โดยปกติเขามักยกหน้าที่ให้ลูกน้องในการดูแลงาน ประสานงานเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยแต่ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับจารุดานั้นธนินกำชับกับทีมงานว่าเขาจะดูแลเองทุกอย่าง ดังนั้นจึงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบความเรียบร้อยของงานก่อนเริ่ม
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมครับคุณจา"
"ค่ะ"
จารุดาตอบรับคำเพียงเท่านั้นก่อนหันไปซักซ้อมคิวกับพิธีกรหนุ่ม ธนินขยับจะถามอะไรต่อแต่แล้วก็มีเสียงที่คุ้นหูชายหนุ่มดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
"คุณจาครับ"
"คุณยอร์ช"
หญิงสาวหันไปทางเดียวกับธนินส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งจะมาถึง ธนินเห็นกิริยาและรอยยิ้มของจารุดาแล้วจากที่เขม่นตั้งแต่เห็นยศกฤตมาบุกถ้ำเสือยิ่งเหม็นหน้าอดีตเพื่อนร่วมคณะยิ่งขึ้นไปอีก
ไอ้บ้ายอร์ช...ห้างตัวเองไม่เดิน ฝ่ามาเดินห้างคู่แข่ง
"ผมมาเดินเล่น เห็นกำหนดการที่ทางห้างติดประกาศเอาไว้ คุ้นชื่อวิทยากรสาธิตการทำอาหารวันนี้ เป็นคุณจาจริง ๆ ด้วย" ยศกฤตเอ่ยเสียงไม่ค่อยดีนัก ทั้งหน้าตายังดูไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร "ผมแค่อยากมาเดินเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญได้มาเจอกัน"
"ค่ะ อีกสักพักก็จะเริ่มการสาธิตแล้ว คุณยอร์ชไปหาที่นั่งรอดูเลยค่ะ เดี๋ยวจาก็เตรียมคิวกับพิธีกรอีกหน่อย ขึ้นเวทีไปแล้วกลัวจะตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกน่ะค่ะ"
"ผมว่าคุณจาทำได้อยู่แล้ว ผมจะคอยเอาใจช่วยนะครับ"
คนพูดให้กำลังใจกลับมีใบหน้าที่ดูเหงาหงอย จารุดาจึงมองตามหลังชายหนุ่มไปด้วยความห่วงใย ทำให้ธนินที่มองอยู่เกิดขวางยศกฤตถึงขีดสุดขยับเดินตามหลังไปและเมื่อเห็นว่ารายนั้นกำลังจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้แถวหน้าสุดตัวหนึ่ง ธนินก็รีบเอาก้นไปแปะตัดหน้าทันที
"ไอ้นิน"
"โทษทีนะไอ้ยอร์ช พอดีเห็นที่นั่งตรงนี้มันมองเห็นเวทีชัดดี"
ยศกฤตขยับจะอ้าปากพูดอะไรแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ กระเถิบไปนั่งเก้าอี้ที่ถัดกันไปอีกสองตัว ธนินหันไปมองอย่างขัดเคืองก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่น
"ห้างไดมอนด์ของแกจะเจ๊งแล้วหรือไงวะ ถึงไม่รู้จักไปเดินห้างตัวเอง"
"มีกฎหมายข้อไหนห้ามด้วยเหรอวะ"
"นี่แกมีแผนอะไรกันแน่ เรื่องที่โรงเรียนทำอาหารวันก่อน แกยิ้มแปลก ๆ คิดจะหลอกคุณจาใช่ไหม"
"พูดเรื่องอะไรของแก"
ธนินขยับจะซักต่อแต่มีหญิงสาวสองคนเดินมานั่งคั่นกลางระหว่างเขาและยศกฤตเสียก่อน และบนเวทีก็เริ่มเปิดเพลงบรรเลงเพื่อเข้าสู่ช่วงการสาธิตการทำอาหารบนเวที
ชายหนุ่มนั่งไม่ค่อยติดนักเพราะต้องคอยหันไปจับสังเกตยศกฤตอยู่หลายต่อหลายครั้ง รายนั้นดูนิ่งจนธนินนึกกลัว เขาไม่อยากให้จารุดาหลงกลยศกฤต หากช่วงหนึ่งที่ความคิดนั้นสะท้อนกลับมาที่ตนเอง...เขาก็ใช้แผนพยายามหาทางใกล้ชิดจารุดาเหมือนกัน
ไม่เหมือนกัน เราไม่ได้หลอกอะไรคุณจาสักหน่อยนี่ แค่ยังไม่บอกว่าเราต้องการอะไร...แต่ไอ้ยอร์ชมันต้องเล่นละครตบตาคุณจาแน่ อย่าหวังเลยไอ้ยอร์ชฉันจะหาทางทำลายแผนแกให้ได้ ฉันไม่ยอมให้คุณจาโดนแกหลอกสำเร็จแน่
ธนินไม่ยอมไปไหนหลังจากการสาธิตทำอาหารจบเพราะยศกฤตหาทางเกาะติดจารุดาโดยการเข้าไปเอ่ยชื่นชมฝีมือการทำอาหารหลังจากที่เธอลงจากเวทีและขอไปสังเกตการณ์ที่ซุ้มอาหารเพราะ 'ไม่อยากอยู่คนเดียว'
เหตุผลนั้นดูเหมือนจะทำให้จารุดารู้สึกเห็นใจยศกฤตและเอ่ยปากอนุญาต แต่เมื่อธนินจะก้าวเข้าไปคุยด้วยเธอกลับเมินหน้าไปอีกทางก่อนจะดึงแขนยศกฤตให้เดินตามไปที่ซุ้มเรือนไทยภาคกลาง
ถึงจะเข้าใกล้จารุดาไม่ได้แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะช่วยระวังให้จารุดาได้ กระนั้นยศกฤตก็ไม่ได้กลายร่างเป็นจิ้งจอกงับจารุดาไปกินแต่อย่างใด หากคอยถามโน่นถามนี่เหมือนกับจะหาความรู้เพิ่มเติมเสียมากกว่า
ธนินกอดอกถอนใจหลังจากที่ยืนเฝ้าสถานการณ์อยู่พักใหญ่ ไม่รู้จะจัดการกับยศกฤตอย่างใดดี จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่เรียนจบเขารู้เรื่องของยศกฤตก็แค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานในฐานะคู่แข่ง ที่รับผิดชอบงานส่วนเดียวกันของห้างสรรพสินค้าใหญ่ระดับต้น ๆ ความเคลื่อนไหวเรื่องการจัดอีเวนท์ การเปิดตัวโปรโมชั่น หรือเปิดโซนใหม่ของศูนย์การค้า เขาติดตามหาข่าวอย่างไม่ลดละ แต่เรื่องส่วนตัวของยศกฤตนั้นธนินไม่รู้อะไรเลย
ไม่รู้ว่า 'ไอ้ยอร์ช' มีคนรัก แถมละเลยคนรักจนกระทั่งมาถูกบอกเลิกกลางที่สาธารณะ โดยอีกฝ่ายได้เริ่มต้นคบหาคนอื่นไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำ
เขากับยศกฤตมีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต่างก็เป็นหนุ่มนักธุรกิจที่ค่อยเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัว ไม่เป็นข่าวเป็นคราวอย่างทายาทนักธุรกิจใหญ่รายอื่น ธนินโล่งใจไปเปลาะหนึ่งในจุดนี้ อย่างน้อยยศกฤตก็คงไม่รู้เรื่องราวส่วนตัวของเขาเช่นกัน
แผนสูงนักใช่ไหมไอ้ยอร์ช...ดีล่ะ ถ้างั้นต้องหาข้อมูลซะหน่อย ฉันจะทำลายแผนแกให้ย่อยยับเลยคอยดู
ธนินเรียนทำขนมอย่างสบายใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ต้องหันไปมองยศกฤตบ่อยครั้งด้วยความรำคาญใจ ปกตินักเรียนที่ยืนข้างเขาคนนี้ทำอะไรไม่พลาดเลยสักครั้ง จะชั่ง จะตวง ร่อนแป้ง คนส่วนผสม เรียกว่าทำได้ดีกว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนในชั้นเรียนด้วยซ้ำแต่ตลอดช่วงเช้านี้ยศกฤตเผลอเรอทำโน่นหก นี่หล่นอยู่เกือบตลอดเวลา
จารุดาซึ่งปกติเวลามายืนดูตอนที่ธนินทำอะไรพลาดก็มักจะมาบอกมาเตือน ตอนนี้ก็มาหยุดยืนที่เคาน์เตอร์ข้างเคียง บอกและเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าที่เขาเคยได้ยินเล็กน้อย
คุณจา...เดี๋ยวคุณก็จะรู้ว่าไอ้หมอนี่มันแผนสูงแค่ไหน
ธนินแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาวางแผนให้เกิดขึ้นในช่วงพักเที่ยงวันนี้ ด้วยความกระหยิ่มใจทำให้ไม่ทันดูตำแหน่งของถ้วยตวงนมในมือ เขาเทราดลงไปยังจุดที่ควรจะเป็นชามสแตนเลสทว่าชั่วไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเย็นและเปียกชื้นบริเวณหน้าท้อง
"เฮ้ย!"
ชายหนุ่มรีบถอดผ้ากันเปื้อนที่เลอะนมสดออกจากตัว กระนั้นเสื้อเชิ้ตสีอ่อนก็ยังมีรอยเปียกเป็นดวง แม้จะไม่มาหากก็ยังรู้สึกถึงความชื้นที่หน้าท้อง
"ระวังหน่อยนะคะคุณธนิน"
"เอ่อ...ขอโทษครับครับ"
จารุดาไม่ตอบอะไรเพียงแต่เอ่ยขอตัวครู่หนึ่งและเดินออกไปนอกห้อง ยศกฤตที่ทำหน้าหงอยมาตลอด หันมาเลิกคิ้วใส่ธนินอย่างยียวน หญิงสาวกลับเข้าห้องมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนผืนใหม่ เธอส่งให้ธนินบอกให้เขาตวงนมสดลงชามใหม่ ก่อนจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เอ่ยปากบอกพลางสาธิตขั้นตอนในการทำส่วนผสมขนมต่อ
ใกล้เวลาพักเที่ยงธนินก็ชักกะวนกระวายเล็กน้อยเกรงว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผน เขานึกอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดตามความคืบหน้าหากก็เกรงสายตาของจารุดาที่มองนักเรียนทุกคนอยู่
ธนินลุ้นระทึกเมื่อจารุดาบอกให้นักเรียนทุกคนพักกลางวัน เขาเหลียวไปมองที่ประตูกระจก เห็นหญิงสาวสองคนรีบหลบมุมไปทันทีที่นักเรียนภายในห้องทำทีเหมือนจะแยกย้ายกันออกไป
เสร็จล่ะ...ไอ้ยอร์ช
ยศกฤตที่ไม่ได้หันไปมองหลังห้องยังทำทีเหมือนเซื่องซึม รอให้นักเรียนคนอื่น ๆ ออกจากห้องไปก่อน ธนินรู้ดีว่ายศกฤตต้องจงใจถ่วงเวลาเพื่อจะรอออกจากห้องพร้อมกับจารุดา และนั่นยิ่งเหมาะกับแผนที่เขาวางไว้
ธนินอ้อยอิ่งรอจังหวะเดินออกจากห้องพร้อมกับยศกฤตและจารุดา หวังตีตั๋วแถวหน้า แทบจะอดใจรอดูหน้ายศกฤตตอนที่เจอเซอร์ไพรส์หน้าห้องไม่ไหว จนต้องผิวปากออกมาเบา ๆ ยศกฤตที่ปกติชอบทำท่ากระหยิ่มใส่ตอนนี้เลยหันมามองอย่างสงสัย เขาเลยเลิกคิ้วใส่ปั้นท่ายียวนเลียนแบบอีกฝ่าย
"แก...มีลับลมคมในอะไร ไอ้นิน"
ยศกฤตส่งเสียงในลำคอ และกิริยาที่เกือบจะซ่อนความร้อนรนไว้ไม่มิดนั้นยิ่งทำให้ธนินสุขใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเบ้ปากยกไหล่ขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธ คราวนี้ยศกฤตลังเลที่จะขยับตัวจนจารุดาที่ตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้องเรียนเสร็จต้องหันมาเอ่ย
"คุณยอร์ช...คุณธนิน ไปพักได้แล้วค่ะ แม่บ้านจะได้เข้ามาทำความสะอาด"
"ได้เลยครับ"
ธนินยืดอกรับยิ้มแย้ม ผิดกับยศกฤตที่ดูหวาดหวั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายดูเหมือนยศกฤตจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินออกจากห้องพร้อมกันกับธนินและจารุดา ทันทีที่ยศกฤตก้าวออกจากห้อง หญิงสาวสองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังกระถางต้นไม้ข้างประตูห้องก็ออกมาจากที่ซ่อน
เซอร์ไพรส์!!
คุณสโรชาเห็นอาการของลูกสาวแล้วยิ้มแย้มยินดีไม่ต่างกัน หลังจากได้รับรู้เรื่องราวจากลูกสาว เธอก็ต่อสายถึงคุณธนัญญาทันที เล่าเหตุการณ์ให้ฟังโดยมีเสียงสุจิราสะอื้นไห้เป็นเสียงประกอบ น้ำเสียงร้อนรนและโกรธเกรี้ยวของคุณธนัญญานั้นเป็นปฏิกิริยาที่คุณโสรชาเองก็คาดการณ์เอาไว้ก่อนแล้วและยิ่งฝ่ายนั้นยืนยันหนักแน่นว่าจะจัดการเรื่องนางแบบสาวและสัญญาว่าจะให้ธนินติดต่อนัดหมายสุจิราใหม่ก็ยิ่งทำให้สองแม่ลูกพึงพอใจมากขึ้น
"ขอบคุณนะคะคุณแม่ที่ช่วยจัดการเรื่องนี้ให้จินนี่"
น้ำเสียงของสุจิราเริงร่าผิดกับตอนที่รับโทรศัพท์จากธนิน หญิงสาวไว้ที สุภาพและทำเหมือนยังขยาดกับเหตุการณ์มื้อเย็นครั้งก่อน คุณสโรชาหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงของลูกสาว
"แม่ต้องจัดการอยู่แล้ว เพราะธนินเหมาะที่สุดที่จะเป็นลูกเขยของแม่"
สาวใหญ่มองสายเลือดในอกอย่างภาคภูมิใจ ครอบครัวของเธอใช่สิ้นไร้ไม้ตอก มีฐานะในระดับหนึ่งด้วยซ้ำแต่การจัดแจงให้ลูกสาวได้แต่งงานกับทายาทนักธุรกิจที่มีหุ้นส่วนในห้างสรรพสินค้าใหญ่ก็ยิ่งจะช่วยให้คนเป็นแม่มั่นใจในสถานภาพของลูกมากขึ้น
ลูกคนนี้จะต้องอยู่อย่างสุขสบายและได้ทุกอย่างที่ต้องการ
คุณสโรชาให้สัญญากับตนเองไว้นับตั้งแต่รู้ว่าตนตั้งครรภ์ เครื่องยึดเหนี่ยวที่จะทำให้สามีอยู่กับเธอตลอดไป แม้เขาจะรู้ภายหลังว่าเธอใช้แผนหลอกให้เขาเข้าพิธีเพื่อรับผิดชอบเด็กในท้องซึ่งไม่มีจริงในตอนแรก
"คราวนี้ก็สบายใจได้แล้วนะ นอนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวแม่จะไปดูตาโจเสียหน่อย"
"จะไปดูทำไมคะ ป่านนี้ก็คงนั่งเล่นเกมออนไลน์เหมือนเดิม หนังสือหนังหาก็ไม่รู้จักอ่าน"
"ก็เพราะอย่างนี้ แม่ถึงต้องไปดูน้องไงล่ะ ปล่อยไว้จะยิ่งเหลวไหล"
ผู้เป็นแม่กอดลูกสาวที่รักเหมือนดวงใจก่อนเดินออกจากห้องลูกสาวก่อนจะไปหยุดเคาะประตูห้องลูกชาย รายนั้นใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะมาเปิดประตูให้ แม้จะทำสีหน้าเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่คุณสโรชาก็มองออกว่าสุรกุลกำลังซ่อนอะไรบางอย่างไว้
"ทำอะไรอยู่"
"เปล่าครับแม่"
"อย่ามาโกหกนะตาโจ มองตาเราแม่ก็รู้แล้วว่ามีอะไรปิดปัง"
คุณสโรชาเดินไปรอบห้องของลูกชาย โทรทัศน์ติดผนังขนาดใหญ่เปิดช่องเคเบิ้ลทีวีและกำลังฉายซีรีส์สืบสวนของต่างประเทศอยู่ คอมพิวเตอร์พกพาบนโต๊ะปิดอยู่ เมื่อเดินไปสัมผัสที่ตัวเครื่อง มันเย็นสนิททำให้รู้ว่าไม่ได้เปิดใช้งาน เธอเกือบจะเชื่อลูกชายกระทั่งมองไปที่ตู้หัวเตียงแล้วเห็นโทรศัพท์มือถือวางอยู่ หน้าจอยังสว่างเหมือนเพิ่งใช้งานอยู่เมื่อครู่
สุรกุลขยับจะเดินไปหยิบแต่คุณสโรชาไวกว่าถลาไปความกดดู บันทึกการโทร.ล่าสุดทำให้เธอต้องกอดอกมองลูกชายอย่างไม่พอใจนัก
"แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้ติดต่อกับคนบ้านนั้น"
"พี่จาเป็นพี่สาวผมนะครับ"
"แกก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบ"
"ก็แค่คุยกันเรื่องทั่วไป ถามไถ่ทุกข์สุขกันเท่านั้น"
"จะเรื่องอะไรแม่ก็ไม่สนทั้งนั้น ทำไมชอบขัดคำสั่งแม่นักนะตาโจ"
คุณสโรชาถอนใจหนักหน่วง ส่ายหน้ากับความดื้อดึงของลูกชาย หากสุจิราจะเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ สุรกุลก็เป็นเครื่องตอกย้ำถึงความจริงบางอย่าง
ลูกชายคนเล็กอายุห่างจากพี่สาวหลายปี และไม่เพราะความมึนเมาเล็กน้อยของคุณเอกอมรในคืนนั้น ไม่เพราะเธอพูดจาล่วงล้ำถึงหญิงสาวและลูกสาวที่สามีรักหนักหนา เธออาจจะไม่มีลูกชายคนนี้ ความจริงข้อนี้ทำให้เธอรักลูกชายได้ไม่เท่าลูกสาว ปล่อยหน้าที่ดูแลสุรกุลให้แม่บ้าน คนรับใช้ หลายครั้งละเลยปล่อยปละจนสามีพาลูกชายออกไปไหนต่อไหนเธอก็ไม่เคยสนใจ
ถ้าสามารถล่วงรู้ได้ว่าคุณเอกอมรจะไปหาทางไปพบลูกสาวและพาน้องชายไปให้ทำความรู้จักกันเธอคงเลือกที่จะดึงสุรกุลไว้ใกล้ตัวให้มากกว่านี้ ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ส่วนหนึ่งแต่การที่เธอไม่ได้ฝังความคิดเรื่องคนบ้านสวนให้ลูกชายเหมือนที่ทำกับลูกสาวก็ทำให้คุณสโรชาว่าอะไรลูกชายไม่ได้เต็มปาก
"เมื่อไหร่แกจะไม่ทำให้แม่ต้องเจ็บใจสักทีนะตาโจ"
คุณสโรชาพูดได้เพียงเท่านี้ ต่อให้สุรกุลขัดใจ ไม่ได้อย่างใจเพียงใดคนเป็นแม่ก็ไม่เคยจะว่ากล่าวอะไรรุนแรงเลยสักครั้ง และจะว่าไปแล้วสุรกุลก็ไม่ใช่เด็กเกเรอะไรเลยแม้แต่น้อย ผลการเรียนของเด็กหนุ่มไม่ได้โดดเด่นเหมือนพี่สาว แต่ก็ไม่ย่ำแย่ เรื่องเที่ยวเตร่ เสพเหล้าเมายาก็ไม่เคยมีให้ระแคะระคาย
หลังเอ่ยจบคนเป็นแม่สะบัดหน้าเดินออกจากห้องไม่มีอ้อมกอดให้สุรกุลเหมือนที่ทำกับสุจิรา
บ้านสวนวันนี้ไม่เงียบสงบเช่นทุกวันเพราะมีแขกมาค้าง นิคมครองโถงเรือนเหมือนเป็นเวทีสำหรับเดี่ยวไมโครโฟนเล่าเรื่องราวที่ร้าน เหตุการณ์ที่ได้ไปประสบพบเจอมาอย่างออกอรรถรส คุณยายจันทร์และคุณจอมขวัญก็นั่งล้อมวงรอบโต๊ะตั้งพื้นกลางโถงด้วย พอเริ่มดึกผู้ใหญ่ทั้งสองก็ขอตัวไปนอนก่อนเหลือเพียงนิคมและจารุดานั่งกันอยู่ที่โถงเรือน ทันใดนั้นแววตาของหญิงสาวในร่างชายหนุ่มก็หรี่ลงอย่างจะจับผิดเพื่อนสนิท
จารุดาพยายามบ่ายเบี่ยงตั้งแต่นิคมเอ่ยปากขอมานอนค้างที่บ้านขณะที่นิคมไปช่วยจัดการเก็บข้าวของที่ซุ้มอาหาร
'จะไปได้ยังไงล่ะนิกกี้ เธอไม่ได้บอกล่วงหน้าจู่ ๆ มาขอแบบนี้ กระเป๋าเสื้อผ้าอะไรก็คงไม่ได้เตรียมมา'
'อ๊าย...พูดเหมือนไม่รู้จักนิกกี้ ฉันมีกระเป๋าเสื้อผ้าติดรถไว้ตลอดแหละย่ะ เผื่อว่าโดนหิ้ว...เอ้ย...เผื่อจะเหตุต้องไปค้างที่ไหน จะได้หิ้วกระเป๋าเข้าพักได้เลย'
'แต่พรุ่งนี้ฉันกับน้าขวัญต้องเตรียมของมาขายอีกนะ'
'เราก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้นนี่จ๊ะหนูจา คนช่วยเตรียมก็มีไม่น้อย' คุณจอมขวัญที่กำลังปัดกวาดทำความสะอาดอยู่ไม่ไกลกันเอ่ย 'นิกกี้เค้าก็ไม่ได้ไปเยี่ยมที่บ้านสวนมาพักใหญ่แล้ว คุณยายคงดีใจ'
'เป็นอันว่าตกลงกันตามนั้นนะยัยจา เดี๋ยวเสร็จแล้วฉันจะขับรถตามไป'
'ไม่ห่วงร้านตัวเองบ้างหรือไง'
'ไม่ห่วงย่ะ ได้เชฟมือดีมาช่วย คนทำบัญชีก็มี ฉันก็ขอพักบ้างอะไรบ้างสิ'
'ท่าทางพักบ่อยกว่าทำงานนะเธอน่ะ'
นิคมยักไหล่ไม่สนใจคำข่อนของเพื่อนสนิทและสุดท้ายก็ขับรถตามมาเป็นแขกพักค้างคืนที่บ้านสวน โดยคุณจอมขวัญเป็นธุระโทรสั่งให้คนที่บ้านเตรียมห้องไว้ให้
นิคมรู้จักเพื่อนดี รู้ว่าจารุดาอิดออดแต่แรกเพราะรู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการบางอย่างให้เขาจับสังเกตได้หลายครั้งกระทั่งต้องเอ่ยปากว่าจะมานอนค้างที่บ้าน เขาต้องการจะพูดคุยกันแบบตัวต่อตัวเพื่อจะได้สังเกตอาการเพื่อนได้อย่างถนัดตา
"เอาล่ะ...ตอนนี้ถึงเวลาคุยกันแบบเพื่อนสาวแล้ว"
"คุยอะไรอีกล่ะนิกกี้ ฉันง่วงนอนแล้วนะ" หญิงสาวแสร้งยกมือขึ้นปิดปากหาว
"นี่...แม่ดาราออสการ์ อย่ามาทำเนียนง่วงนะยะ แสดงเก่งเท่าเจ้าป้าเมอริล สตรีพเมื่อไหร่ค่อยมาหลอกฉัน" นิคมว่าแล้วดึงแขนจารุดาให้ลุกขึ้นจากเบาะ "เข้าไปคุยในห้องฉัน ไม่งั้นฉันจะไปเรียกคุณยายมาคุยด้วย"
จารุดาจำต้องลุกขึ้นเดินตามนิคมไปที่ห้องนอนที่มักจะจัดไว้รับรองแขกที่มาเยือนบ้านสวนซึ่งก็ไม่ได้มีมาบ่อยนัก เข้าห้องได้นิคมก็กดเปิดเครื่องปรับอากาศ เปิดเครื่องรับโทรทัศน์ตั้งใจให้มีเสียงกลบการสนทนาของทั้งคู่
"เธอคิดยังไงกับคุณธนินกันแน่ยัยจา"
"ไม่ได้คิดอะไร"
"โกหก" นิคมสวนทันควัน "ฉันเห็นนะ ตอนที่แกล้งสองแม่ลูกนั่นเธอก็ดูเหมือนจะสนุกแต่หลังจากนั้นก็ดูแปลก ๆ เหมือนกับมีอะไรในใจ"
หญิงสาวระบายลมหายใจยาว การที่รู้จักมักคุ้นกันมานานทำให้รู้ว่าเธอไม่อาจจะปกปิดความรู้สึกจากสายตาเพื่อนสนิทคนนี้ได้
"ฉันคิดอะไรมันไม่สำคัญหรอก ที่แน่ ๆ เรื่องมีคู่ครองสำหรับฉันน่ะ มันเป็นไปไม่ได้ เธอก็รู้ดีนะนิกกี้"
"แล้วคิดจะทำยังไงต่อไปเนี่ย"
"ก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ ทำอะไรไม่ได้ เหมือนที่เธออยากรู้เรื่องนี้นั่นแหละนิกกี้ รู้ไปเธอก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ทุกอย่างมันควรจะเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น"
"เฮ้อ...แม่ผู้หญิงใช้สมอง ฟังผู้มีประสบการณ์ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำอย่างฉันบ้างเถอะจ๊ะ จะบอกให้นะ เอาจริง ๆ อ่ะ สมองมันสู้หัวใจไม่ได้หรอก ถึงด้วยเหตุและผลมันจะเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าใจมันอยากให้เป็นน่ะ มันห้ามกันไม่ได้หรอกนะ"
"เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉัน ที่เขามาตีสนิทฉันต้องมีแผนอะไรบางอย่างแน่ ๆ แล้วฉันก็ไม่สนใจด้วยว่าเขาจะมีแผนอะไร"
จารุดาเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น รู้ตัวว่าพยายามบ่ายเบี่ยงที่จะพูดถึงความรู้สึกของตัวเองต่อหน้านิคม ทั้งยังมีความรู้สึกแปลบขึ้นมาในอกเมื่อคิดถึงเรื่องที่ธนินพยายามเข้ามาตีสนิทเธอเพราะมีวัตถุประสงค์แอบแฝง
ความรู้สึกเจ็บปวดแปลบนั้นเจือด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองใจอย่างที่ไม่อาจแยกออกจากกันได้
ธนินก้าวเข้าไปภายในโถงที่จัดงานมหกรรมอาหาร อีกไม่กี่วันงานก็จะสิ้นสุดหากวันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งสำหรับเขา เพราะจารุดาจะขึ้นสาธิตการทำอาหารบนเวทีกลาง ซึ่งจัดที่นั่งให้คนดูได้ชมการสาธิต มีพิธีกรหนุ่มซึ่งหน่วยงานของเขาจ้างผ่านโมเดลลิ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ เนื่องจากเป็นวันเสาร์ผู้คนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าจึงค่อนข้างหนาตาตั้งแต่ช่วงเวลาเปิดห้างมาได้ไม่ถึงชั่วโมงดี
บนเวทีมีการจัดเตรียมเครื่องครัวและวัตถุดิบเอาไว้เรียบร้อยส่วนด้านหลังเวทีจัดเป็นห้องขนาดเล็กสำหรับแต่งหน้าทำผม ธนินให้เลขานุการนัดหมายจารุดาผ่านหมายเลขโทรศัพท์ของนิคมให้มาเตรียมตัวที่เวทีก่อนเที่ยงวัน เมื่อเขามาถึงหญิงสาวกำลังตรวจดูวัตถุดิบที่จะใช้ในการสาธิต ปล่อยหน้าที่ในการควบคุมการทำอาหารซุ้มเรือนไทยภาคกลางไว้ให้คุณจอมขวัญ
เธอเงยหน้าจากเคาน์เตอร์ครัวตรงหน้า ชั่วขณะที่เหมือนดวงตางามคู่นั้นจะหยุดอยู่ที่ธนิน หากหญิงสาวทำเป็นมองไม่เห็นเขา วางสคริปท์ในมือลงก่อนจะหมุนตัวเดินลงเวทีอ้อมไปทางห้องแต่งตัวด้านหลัง
ชายหนุ่มขยับเดินอ้อมหลังเวทีตามไป ทว่าเมื่อจารุดาหันมามองเขา มีแววบางอย่างในสายตาเธอที่เหมือนจะผลักให้ธนินได้แต่หยุดยืนมองอยู่ห่าง ๆ
เหมือนเธอไม่พอใจอะไร...หรือว่าเธอจะรู้แล้ว เขาพยายามจะตีสนิทเพื่อขอซื้อที่ดิน
ความรู้สึกของจารุดาคล้ายมีผลกับธนินอย่างแปลกประหลาด เขาหวั่นไหว วิตกจนไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปทักทาย ถ้าหากว่าเธอรู้ทัน หากเกลียดเขาเสียแล้ว เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป
แผนการเรื่องเจรจาซื้อที่คงล้มไม่เป็นท่า และแม้แต่ความเป็นเพื่อนที่เขาหวังไว้แต่แรกก็คงไม่มีทางจะเป็นไปได้ เธออาจจะไม่อยากพบหน้าเขาอีกต่อไปด้วยซ้ำ
ธนินเผลอถอนใจออกมาแผ่วเบาเมื่อช่างแต่งหน้าดึงแว่นกรอบหนาดูเทอะทะออกจากใบหน้าของจารุดา ช่างผมขยับจะดึงมวยผมออกแต่หญิงสาวรีบหันไปปฏิเสธ ช่างผมพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะปล่อยมวยผมนั้นไว้ดังเดิม จารุดาบอกอะไรบางอย่างที่ทำให้ช่างแต่งหน้ามีท่าทางแปลกใจ หากครู่หนึ่งก็ลงมือแต่งหน้าหญิงสาว
การลงสีบนพวงแก้ม ขอบตานั้นดูไม่ได้จัดจ้านเหมือนที่ชายหนุ่มเคยเห็นผู้หญิงคนอื่นแต่งเมื่อต้องขึ้นเวที แต่เท่านั้นก็เพียงพอจะแต้มความสดใสลงบนใบหน้างามนั้น
ป้าเฉิ่มของเขาซ่อนความสวยไว้ใต้กรอบแว่น และธนินแน่ใจว่าถ้าเธอปล่อยผมที่เกล้ามวยไว้ลงมาจะต้องดูเด่นสะดุดตากว่านี้มาก หญิงสาวเหมือนจะรู้ว่าเขาจับตามองอยู่เมื่อช่างแต่งหน้าทำหน้าที่เสร็จเธอจึงรีบหยิบเอาแว่นตากรอบหนานั้นมาสวมไว้ดังเดิม
ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเมื่อจารุดาเดินออกจากห้องแต่งตัวเล็ก ๆ นั้นและมายืนซ้อมคิวกับพิธีกรที่ด้านข้างเวที โดยปกติเขามักยกหน้าที่ให้ลูกน้องในการดูแลงาน ประสานงานเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยแต่ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับจารุดานั้นธนินกำชับกับทีมงานว่าเขาจะดูแลเองทุกอย่าง ดังนั้นจึงถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องตรวจสอบความเรียบร้อยของงานก่อนเริ่ม
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีใช่ไหมครับคุณจา"
"ค่ะ"
จารุดาตอบรับคำเพียงเท่านั้นก่อนหันไปซักซ้อมคิวกับพิธีกรหนุ่ม ธนินขยับจะถามอะไรต่อแต่แล้วก็มีเสียงที่คุ้นหูชายหนุ่มดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน
"คุณจาครับ"
"คุณยอร์ช"
หญิงสาวหันไปทางเดียวกับธนินส่งยิ้มให้คนที่เพิ่งจะมาถึง ธนินเห็นกิริยาและรอยยิ้มของจารุดาแล้วจากที่เขม่นตั้งแต่เห็นยศกฤตมาบุกถ้ำเสือยิ่งเหม็นหน้าอดีตเพื่อนร่วมคณะยิ่งขึ้นไปอีก
ไอ้บ้ายอร์ช...ห้างตัวเองไม่เดิน ฝ่ามาเดินห้างคู่แข่ง
"ผมมาเดินเล่น เห็นกำหนดการที่ทางห้างติดประกาศเอาไว้ คุ้นชื่อวิทยากรสาธิตการทำอาหารวันนี้ เป็นคุณจาจริง ๆ ด้วย" ยศกฤตเอ่ยเสียงไม่ค่อยดีนัก ทั้งหน้าตายังดูไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร "ผมแค่อยากมาเดินเปลี่ยนบรรยากาศ ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญได้มาเจอกัน"
"ค่ะ อีกสักพักก็จะเริ่มการสาธิตแล้ว คุณยอร์ชไปหาที่นั่งรอดูเลยค่ะ เดี๋ยวจาก็เตรียมคิวกับพิธีกรอีกหน่อย ขึ้นเวทีไปแล้วกลัวจะตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูกน่ะค่ะ"
"ผมว่าคุณจาทำได้อยู่แล้ว ผมจะคอยเอาใจช่วยนะครับ"
คนพูดให้กำลังใจกลับมีใบหน้าที่ดูเหงาหงอย จารุดาจึงมองตามหลังชายหนุ่มไปด้วยความห่วงใย ทำให้ธนินที่มองอยู่เกิดขวางยศกฤตถึงขีดสุดขยับเดินตามหลังไปและเมื่อเห็นว่ารายนั้นกำลังจะหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้แถวหน้าสุดตัวหนึ่ง ธนินก็รีบเอาก้นไปแปะตัดหน้าทันที
"ไอ้นิน"
"โทษทีนะไอ้ยอร์ช พอดีเห็นที่นั่งตรงนี้มันมองเห็นเวทีชัดดี"
ยศกฤตขยับจะอ้าปากพูดอะไรแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ กระเถิบไปนั่งเก้าอี้ที่ถัดกันไปอีกสองตัว ธนินหันไปมองอย่างขัดเคืองก่อนจะเอ่ยเสียงขุ่น
"ห้างไดมอนด์ของแกจะเจ๊งแล้วหรือไงวะ ถึงไม่รู้จักไปเดินห้างตัวเอง"
"มีกฎหมายข้อไหนห้ามด้วยเหรอวะ"
"นี่แกมีแผนอะไรกันแน่ เรื่องที่โรงเรียนทำอาหารวันก่อน แกยิ้มแปลก ๆ คิดจะหลอกคุณจาใช่ไหม"
"พูดเรื่องอะไรของแก"
ธนินขยับจะซักต่อแต่มีหญิงสาวสองคนเดินมานั่งคั่นกลางระหว่างเขาและยศกฤตเสียก่อน และบนเวทีก็เริ่มเปิดเพลงบรรเลงเพื่อเข้าสู่ช่วงการสาธิตการทำอาหารบนเวที
ชายหนุ่มนั่งไม่ค่อยติดนักเพราะต้องคอยหันไปจับสังเกตยศกฤตอยู่หลายต่อหลายครั้ง รายนั้นดูนิ่งจนธนินนึกกลัว เขาไม่อยากให้จารุดาหลงกลยศกฤต หากช่วงหนึ่งที่ความคิดนั้นสะท้อนกลับมาที่ตนเอง...เขาก็ใช้แผนพยายามหาทางใกล้ชิดจารุดาเหมือนกัน
ไม่เหมือนกัน เราไม่ได้หลอกอะไรคุณจาสักหน่อยนี่ แค่ยังไม่บอกว่าเราต้องการอะไร...แต่ไอ้ยอร์ชมันต้องเล่นละครตบตาคุณจาแน่ อย่าหวังเลยไอ้ยอร์ชฉันจะหาทางทำลายแผนแกให้ได้ ฉันไม่ยอมให้คุณจาโดนแกหลอกสำเร็จแน่
ธนินไม่ยอมไปไหนหลังจากการสาธิตทำอาหารจบเพราะยศกฤตหาทางเกาะติดจารุดาโดยการเข้าไปเอ่ยชื่นชมฝีมือการทำอาหารหลังจากที่เธอลงจากเวทีและขอไปสังเกตการณ์ที่ซุ้มอาหารเพราะ 'ไม่อยากอยู่คนเดียว'
เหตุผลนั้นดูเหมือนจะทำให้จารุดารู้สึกเห็นใจยศกฤตและเอ่ยปากอนุญาต แต่เมื่อธนินจะก้าวเข้าไปคุยด้วยเธอกลับเมินหน้าไปอีกทางก่อนจะดึงแขนยศกฤตให้เดินตามไปที่ซุ้มเรือนไทยภาคกลาง
ถึงจะเข้าใกล้จารุดาไม่ได้แต่อย่างน้อยเขาก็น่าจะช่วยระวังให้จารุดาได้ กระนั้นยศกฤตก็ไม่ได้กลายร่างเป็นจิ้งจอกงับจารุดาไปกินแต่อย่างใด หากคอยถามโน่นถามนี่เหมือนกับจะหาความรู้เพิ่มเติมเสียมากกว่า
ธนินกอดอกถอนใจหลังจากที่ยืนเฝ้าสถานการณ์อยู่พักใหญ่ ไม่รู้จะจัดการกับยศกฤตอย่างใดดี จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่เรียนจบเขารู้เรื่องของยศกฤตก็แค่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานในฐานะคู่แข่ง ที่รับผิดชอบงานส่วนเดียวกันของห้างสรรพสินค้าใหญ่ระดับต้น ๆ ความเคลื่อนไหวเรื่องการจัดอีเวนท์ การเปิดตัวโปรโมชั่น หรือเปิดโซนใหม่ของศูนย์การค้า เขาติดตามหาข่าวอย่างไม่ลดละ แต่เรื่องส่วนตัวของยศกฤตนั้นธนินไม่รู้อะไรเลย
ไม่รู้ว่า 'ไอ้ยอร์ช' มีคนรัก แถมละเลยคนรักจนกระทั่งมาถูกบอกเลิกกลางที่สาธารณะ โดยอีกฝ่ายได้เริ่มต้นคบหาคนอื่นไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยซ้ำ
เขากับยศกฤตมีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือต่างก็เป็นหนุ่มนักธุรกิจที่ค่อยเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัว ไม่เป็นข่าวเป็นคราวอย่างทายาทนักธุรกิจใหญ่รายอื่น ธนินโล่งใจไปเปลาะหนึ่งในจุดนี้ อย่างน้อยยศกฤตก็คงไม่รู้เรื่องราวส่วนตัวของเขาเช่นกัน
แผนสูงนักใช่ไหมไอ้ยอร์ช...ดีล่ะ ถ้างั้นต้องหาข้อมูลซะหน่อย ฉันจะทำลายแผนแกให้ย่อยยับเลยคอยดู
ธนินเรียนทำขนมอย่างสบายใจกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่ต้องหันไปมองยศกฤตบ่อยครั้งด้วยความรำคาญใจ ปกตินักเรียนที่ยืนข้างเขาคนนี้ทำอะไรไม่พลาดเลยสักครั้ง จะชั่ง จะตวง ร่อนแป้ง คนส่วนผสม เรียกว่าทำได้ดีกว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนในชั้นเรียนด้วยซ้ำแต่ตลอดช่วงเช้านี้ยศกฤตเผลอเรอทำโน่นหก นี่หล่นอยู่เกือบตลอดเวลา
จารุดาซึ่งปกติเวลามายืนดูตอนที่ธนินทำอะไรพลาดก็มักจะมาบอกมาเตือน ตอนนี้ก็มาหยุดยืนที่เคาน์เตอร์ข้างเคียง บอกและเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกว่าที่เขาเคยได้ยินเล็กน้อย
คุณจา...เดี๋ยวคุณก็จะรู้ว่าไอ้หมอนี่มันแผนสูงแค่ไหน
ธนินแสยะยิ้มเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาวางแผนให้เกิดขึ้นในช่วงพักเที่ยงวันนี้ ด้วยความกระหยิ่มใจทำให้ไม่ทันดูตำแหน่งของถ้วยตวงนมในมือ เขาเทราดลงไปยังจุดที่ควรจะเป็นชามสแตนเลสทว่าชั่วไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็รู้สึกได้ถึงความเย็นและเปียกชื้นบริเวณหน้าท้อง
"เฮ้ย!"
ชายหนุ่มรีบถอดผ้ากันเปื้อนที่เลอะนมสดออกจากตัว กระนั้นเสื้อเชิ้ตสีอ่อนก็ยังมีรอยเปียกเป็นดวง แม้จะไม่มาหากก็ยังรู้สึกถึงความชื้นที่หน้าท้อง
"ระวังหน่อยนะคะคุณธนิน"
"เอ่อ...ขอโทษครับครับ"
จารุดาไม่ตอบอะไรเพียงแต่เอ่ยขอตัวครู่หนึ่งและเดินออกไปนอกห้อง ยศกฤตที่ทำหน้าหงอยมาตลอด หันมาเลิกคิ้วใส่ธนินอย่างยียวน หญิงสาวกลับเข้าห้องมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนผืนใหม่ เธอส่งให้ธนินบอกให้เขาตวงนมสดลงชามใหม่ ก่อนจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เอ่ยปากบอกพลางสาธิตขั้นตอนในการทำส่วนผสมขนมต่อ
ใกล้เวลาพักเที่ยงธนินก็ชักกะวนกระวายเล็กน้อยเกรงว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผน เขานึกอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดตามความคืบหน้าหากก็เกรงสายตาของจารุดาที่มองนักเรียนทุกคนอยู่
ธนินลุ้นระทึกเมื่อจารุดาบอกให้นักเรียนทุกคนพักกลางวัน เขาเหลียวไปมองที่ประตูกระจก เห็นหญิงสาวสองคนรีบหลบมุมไปทันทีที่นักเรียนภายในห้องทำทีเหมือนจะแยกย้ายกันออกไป
เสร็จล่ะ...ไอ้ยอร์ช
ยศกฤตที่ไม่ได้หันไปมองหลังห้องยังทำทีเหมือนเซื่องซึม รอให้นักเรียนคนอื่น ๆ ออกจากห้องไปก่อน ธนินรู้ดีว่ายศกฤตต้องจงใจถ่วงเวลาเพื่อจะรอออกจากห้องพร้อมกับจารุดา และนั่นยิ่งเหมาะกับแผนที่เขาวางไว้
ธนินอ้อยอิ่งรอจังหวะเดินออกจากห้องพร้อมกับยศกฤตและจารุดา หวังตีตั๋วแถวหน้า แทบจะอดใจรอดูหน้ายศกฤตตอนที่เจอเซอร์ไพรส์หน้าห้องไม่ไหว จนต้องผิวปากออกมาเบา ๆ ยศกฤตที่ปกติชอบทำท่ากระหยิ่มใส่ตอนนี้เลยหันมามองอย่างสงสัย เขาเลยเลิกคิ้วใส่ปั้นท่ายียวนเลียนแบบอีกฝ่าย
"แก...มีลับลมคมในอะไร ไอ้นิน"
ยศกฤตส่งเสียงในลำคอ และกิริยาที่เกือบจะซ่อนความร้อนรนไว้ไม่มิดนั้นยิ่งทำให้ธนินสุขใจอย่างบอกไม่ถูก เขาเบ้ปากยกไหล่ขึ้นเป็นเชิงปฏิเสธ คราวนี้ยศกฤตลังเลที่จะขยับตัวจนจารุดาที่ตรวจสอบความเรียบร้อยภายในห้องเรียนเสร็จต้องหันมาเอ่ย
"คุณยอร์ช...คุณธนิน ไปพักได้แล้วค่ะ แม่บ้านจะได้เข้ามาทำความสะอาด"
"ได้เลยครับ"
ธนินยืดอกรับยิ้มแย้ม ผิดกับยศกฤตที่ดูหวาดหวั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายดูเหมือนยศกฤตจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินออกจากห้องพร้อมกันกับธนินและจารุดา ทันทีที่ยศกฤตก้าวออกจากห้อง หญิงสาวสองคนที่ซ่อนตัวอยู่หลังกระถางต้นไม้ข้างประตูห้องก็ออกมาจากที่ซ่อน
เซอร์ไพรส์!!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ม.ค. 2556, 23:36:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ม.ค. 2556, 23:36:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 2957
<< ตอนที่ 11 | ตอนที่ 13 >> |

กมลภัทร 11 ม.ค. 2556, 23:41:41 น.
แล่นแต๊ >>>> รอลุ้นกันต่อนะครับว่าจะผ่านอุปสรรคแต่ละด่านกันไปได้ยังไง
lovemuay >>>> อันนี้มีคำอธิบายอยู่นะครับ
panon >>>> รอตามต่ออนะครับ ว่าจะรักกันแค่ไหน (เรื่องนี้พยายามจะใส่ฉากหวานเหมือนกัน แต่ยังยัดไม่ลง 555)
น้องอุด้ง >>>> ไม่งั้นก็ไม่มีเรื่องให้เขียนสิเนอะ อิอิ
nunoi >>>> อันนี้ต้องติดตามนะครับ อุปสรรคเยอะแต่ผู้ช่วยก็ไม่น้อยนา
เพียงพลอย >>>> อิอิ ชอบหนุ่มสูงวัยเหรอจ๊ะ
ของขวัญ >>>> นั่นสิครับ ตอนนี้คนเขียนกำลังมึนกับการหาทางลงให้ตัวเอง เอ๊ย...ให้พระนางอยู่
แล่นแต๊ >>>> รอลุ้นกันต่อนะครับว่าจะผ่านอุปสรรคแต่ละด่านกันไปได้ยังไง
lovemuay >>>> อันนี้มีคำอธิบายอยู่นะครับ
panon >>>> รอตามต่ออนะครับ ว่าจะรักกันแค่ไหน (เรื่องนี้พยายามจะใส่ฉากหวานเหมือนกัน แต่ยังยัดไม่ลง 555)
น้องอุด้ง >>>> ไม่งั้นก็ไม่มีเรื่องให้เขียนสิเนอะ อิอิ
nunoi >>>> อันนี้ต้องติดตามนะครับ อุปสรรคเยอะแต่ผู้ช่วยก็ไม่น้อยนา
เพียงพลอย >>>> อิอิ ชอบหนุ่มสูงวัยเหรอจ๊ะ
ของขวัญ >>>> นั่นสิครับ ตอนนี้คนเขียนกำลังมึนกับการหาทางลงให้ตัวเอง เอ๊ย...ให้พระนางอยู่

nasa 12 ม.ค. 2556, 09:27:26 น.
เรื่องนี้ ผู้ชายมารยาเยอะกว่าผู้หญิงนะนี่
เรื่องนี้ ผู้ชายมารยาเยอะกว่าผู้หญิงนะนี่

lovemuay 12 ม.ค. 2556, 10:07:31 น.
อื้ม ก็เข้ามาแบบมีเบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆนั่นแหละ แล้วจะทำให้นางเอกไว้ใจได้ไง?
อื้ม ก็เข้ามาแบบมีเบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆนั่นแหละ แล้วจะทำให้นางเอกไว้ใจได้ไง?

แล่นแต๊ 12 ม.ค. 2556, 13:55:12 น.
เซอร์ไพรส์อะไรเอ่ย??
เซอร์ไพรส์อะไรเอ่ย??


panon 14 ม.ค. 2556, 11:00:01 น.
เรื่องมันจะเป็นแบบที่คุณคาดการณ์ไว้หรือเปล่าคุณธนินนนนนนนน
เรื่องมันจะเป็นแบบที่คุณคาดการณ์ไว้หรือเปล่าคุณธนินนนนนนนน

น้องอุด้ง 16 ม.ค. 2556, 09:24:51 น.
ค้างงงงงงงง!!!
ค้างงงงงงงง!!!
