แผนรักพันใจ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 11

จารุดาและนิคมหันมามองหน้ากันยิ้มแย้มเมื่อมองเข้าไปเห็นภาพบรรยากาศภายในร้านอาหารฝรั่งเศสและร้านอาหารจีน หลังจากที่นิคมทำทีต่อโทรศัพท์ไปขอความช่วยเหลือธนิน

เพื่อนสนิทของจารุดาเล่นละครแนบเนียนแสร้งบอกว่ารายการสอนทำอาหารของโรงเรียนที่จารุดาสอนอยู่ต้องการคนดังมาอัดเทปรายการแทนคนที่ป่วยกะทันหัน

'นิกกี้อยากช่วยเพื่อน แต่นึกถึงใครไม่ออกแล้วก็ไม่รู้จักดารา นักแสดงอะไรเท่าไหร่ แต่จำได้ว่าคุณนินรู้จักกับนางแบบคนที่ชื่ออะไรนะคะ ชะนี ๆ อะไรนี่แหละค่ะ"

'ชนิกาน่ะเหรอคับ'

'อ๋อ...ใช่ ๆ คนนั้นแหละค่ะ นิกกี้จะรบกวนขอเบอร์คุณชนิกาได้ไหมคะ มันเป็นงานด่วน ไม่รู้ต้องแทรกคิวเดินแบบของคุณชะนี เอ๊ย...ชนิกาเธอรึเปล่า อ้างว่ารู้จักกับคุณธนินเธออาจจะตอบตกลงง่ายขึ้น'

ธนินหลงกลให้เบอร์โทรศัพท์ของนางแบบสาว และนิคมก็ติดต่อนางแบบสาวไปจริงหากไม่ได้ชักชวนให้มาอัดรายการอะไร แต่ 'แจ้งให้ทราบ' ว่าธนินมีนัดกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งนี้

ไม่มีใครรู้ว่าชนิกาอยู่ที่ไหน รู้เพียงว่าหลังจากธนินมาพบกับคุณสโรชา สุจิราและสุรกุลแล้วชักชวนหญิงสาวเข้าไปในร้านอาหารฝรั่งเศสได้พักใหญ่ นางแบบสาวก็เดินทางมาถึง

คุณสโรชาที่รอเวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะชักชวนให้ลูกชายเข้าไปนั่งในร้านอาหารจีนซึ่งอยู่ถัดกัน ดูร้อนรนขึ้นมาทันทีเมื่อมองผ่านกระจกร้านเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาร่วมโต๊ะ ขณะที่สุรกุลดูจะไม่สนใจอะไรยังคงก้มหน้าก้มตาคีบอาหารใส่ปาก

"ดูคุณสโรชาสิยัยจา นั่งไม่ติดเลย มุมนี้ดีจริง ๆ มองไปเห็นทั้งสองร้าน จับตาได้ทุกท่วงท่าทุกลีลาของทุกคนเลยนะ แต่ไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่แฮะ...นึกว่ายัยจินนี่จะลุกขึ้นมาอาละวาดแว้ด ๆ เสียอีก ไหงก้มหน้าก้มตา ทำเหมือนไม่สู้คนอย่างนั้นแหละ ปกติหาเรื่องคนเก่งซะด้วยซ้ำ สงสัยจะเล่นละครเป็นนางเอกแสนดี แต่ในใจคงร้อนเป็นไฟเลยแหละฉันว่า" นิคมหัวเราะคิกก่อนเอ่ยต่อ "น้องโจก็ก้มหน้าก้มตากินไม่สนใจใครเลย เฮ้อ...หล่อล่ำ น่ารับประทานจริง ๆ น้องชายเธออ่ะ"

เสียงที่ตามมาคือเสียงร้องโอย เมื่อถูกจารุดาตีเข้าให้ที่ต้นแขน

"อย่ายุ่งกับน้องชายฉันนะยัยนิกกี้"

"แหม...พูดเล่นแค่นี้จริงจังไปได้" นิคมเอ่ยแล้วยกมือลูบท้องเมื่อได้ยินเสียงกระเพาะอาหารร้องประท้วง "เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ แกล้งคนมันสนุกแต่ไม่อิ่ม ตอนนี้ฉันหิวมากกินผู้ชายได้หลายคนเลยนะ"

จารุดาหัวเราะขันก่อนจะดึงให้นิคมออกจากจุดที่แอบยืนมองสถานการณ์ในร้านอาหารทั้งสองร้าน หากเมื่อหันหลังกลับไปมองภายในร้านอาหารฝรั่งเศส ก็รู้สึกเหมือนตัวชาขึ้นมาเล็กน้อยที่ได้เห็นธนินนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับนางแบบสาวและน้องสาวต่างมารดาของเธอเอง

ไม่นะ...ต้องไม่รู้สึกอะไร เขาไม่ได้คิดอะไรจริงจังกับเราอยู่แล้ว คุณสโรชาก็เพิ่งพูดอยู่ว่าเขาจะหมั้นกับจินนี่



คุณจอมขวัญชะงักมือที่เคี่ยวกะทิกับเครื่องแกงอยู่ในกระทะเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นชายวัยกลางคนในชุดสูทสากลสีเทายืนยิ้มให้อยู่ตรงหน้าเมื่อได้สติก็จับทัพพีแกว่งเป็นวงต่อ เมื่อเคี่ยวจนได้ที่ก็สั่งการให้คนครัวที่มาช่วยงานจัดการต่อ หนุ่มใหญ่มองเห็นโอกาสก็เดินเข้ามาภายในบริเวณครัวทันที

"เหนื่อยไหมขวัญ"

"ไม่เหนื่อยค่ะ แล้วนี่พี่ทัดไม่ต้องไปรับลิลลี่หรอกเหรอคะวันนี้"

"ยัยลี่ขอไปงานเลี้ยงวันเกิดเพื่อนพี่ให้คนขับรถของห้างขับไปส่ง ดึกหน่อยถึงจะไปรับ"

หญิงกลางคนพยักหน้ารับรู้ มองเห็นแววบางอย่างในดวงตาเล็กของอีกฝ่ายแล้วต้องก้มหน้าหลบ อกใจสั่นอย่างควบคุมไม่ได้จนต้องพยายามเตือนตนเอง...ไม่ใช่สาว ๆ แล้วนะจอมขวัญ

"หนูจาไปไหนล่ะ วันนี้ไม่มาช่วยทำครัวเหรอ"

"ไปหาอะไรกินกับเพื่อนเขาค่ะ ที่จริงครัวก็ไม่ได้ยุ่งมากกว่าที่ร้านเท่าไหร่ แต่ต้องทำอาหารมากกว่าที่ทำขายในร้านเท่านั้นเอง"

"แล้วขวัญกินข้าวเย็นแล้วเหรอ"

"มีข้าวกล่องค่ะ ขวัญไม่ค่อยชอบไปนั่งกินตามร้านหรือตามศูนย์อาหารเลยให้เด็กไปซื้อข้าวกล่องมาให้ ตอนนี้คงพอว่างแล้วเพราะอาหารชุดนี้คงพอขายถึงห้างปิดแล้วค่ะ ว่าจะหลบไปหาที่กินข้าวแล้วค่ะ"

"มีเผื่อพี่สักกล่องไหม พี่ก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นเหมือนกัน" คุณบัณทัตยิ้มตาหยี "หรือไม่งั้นเดี๋ยวพี่ไปหาซื้อข้าวกล่องมากินเป็นเพื่อน"

คุณจอมขวัญรู้สึกได้ถึงไอร้อนบนพวงแก้ม หันไปถามเด็กที่ดึงตัวจากสวนอาหารเพื่อมาช่วยงาน ได้ความว่ายังมีข้าวกล่องเหลืออีกจำนวนหนึ่งจึงหันมาบอกกับหนุ่มใหญ่

"งั้นขวัญคงไม่รังเกียจถ้าพี่จะขอกินข้าวเย็นด้วยสักมื้อ"

หญิงกลางคนค้อมศีรษะลงเป็นเชิงเชิญ ก่อนจะเดินไปหยิบถุงข้าวกล่องและน้ำดื่มที่วางไว้ใต้โต๊ะเตรียมอาหาร เดินนำคุณบัณทัตไปที่มุมหนึ่งของเรือนไม้จำลองที่จัดไว้ค่อนข้างลับตาเพื่อให้ทีมงานได้หลบมาพักผ่อนมีเก้าอี้พลาสติกเรียงรายเป็นแถว คนที่หลบมานั่งคุยกันหลังรับประทานอาหารกล่องหมดแล้วเห็นผู้เป็นนายเดินเข้ามาก็รีบขอตัวลุกออกไปหมด บริเวณนั้นจึงเหลือแต่คุณจอมขวัญและคุณบัณทัตเพียงลำพัง

ขณะที่คุณจอมขวัญล้วงเข้าไปในถุงพลาสติกหยิบเอากล่องข้าวและขวดน้ำดื่มออกมา คุณบัณทัตก็หย่อนตัวนั่งอย่างไม่ใส่ใจกับสภาพแวดล้อมที่ดูไม่เหมาะกับการแต่งการกายของเขาเลยแม้แต่น้อยและเมื่อรับกล่องอาหารมาเปิดแล้วเห็นข้าวราดกะเพราเนื้อกับไข่ดาวกรอบเกรียมหนุ่มใหญ่ถึงกับร้องออกมาอย่างตื่นเต้น

"กะเพราเนื้อน่ากินจัง ไข่ดาวก็ดูกรอบดีนะ"

คุณบัณทัตเปิดซองบรรจุน้ำปลาพริกเทราดลงบนไข่ดาวและผัดกะเพรา ใช้ช้อนพลาสติกตัดไข่ขาวกรอบและตักเข้าปากพร้อมกันทั้งข้าวและกับ

หญิงวัยกลางคนหันไปมองคนที่นั่งเก้าอี้ข้างกันไม่วางตา เขายังคงเหมือนสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่ม ชอบอาหารเผ็ดแต่กินทีไรก็มักจะเหงื่อแตกเต็มหน้า เต็มตัว เธอจึงเปิดกระเป๋าสะพายหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดปักขอบลายลูกไม้ส่งให้

"เอาไว้เช็ดหน้านะคะ"

หนุ่มใหญ่เอื้อมมือมาจับและไม่ได้สัมผัสเพียงแค่ผืนผ้าขาวหากกุมมือของคุณจอมขวัญไว้แผ่วเบา สัมผัสอุ่นนั้นสร้างความอบอุ่นซ่านขึ้นมาในใจ หากในวินาทีต่อมาสำนึกถึงความเป็นจริงก็กระตุ้นเตือนให้ฝ่ายหญิงชักมือออก คุณบัณทัตเองก็รู้สึกตัวดึงร่างตั้งตรงเว้นระยะห่างระหว่างทั้งคู่พอสมควร

"ขวัญยังจำได้เหรอ"

"จำได้สิคะ พี่ทัดเวลากินอะไรเผ็ด ๆ เหงื่อแตกเต็มหน้า ผมเผ้าเปียกไปหมด แล้วยิ่งใส่สูทผูกไทเต็มยศแบบนี้ด้วย"

"เรื่องมันก็นานมากแล้วนะ"

"ค่ะ" คุณจอมขวัญรับคำสั้นแต่หนักแน่น ระยะเวลาที่ผ่านมานานก็จริง...แต่เธอยังจำได้ไม่เคยลืม

"พี่เองก็ไม่เคยลืมเรื่องของเราเหมือนกัน"

น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นทำให้คุณจอมขวัญตัวเบาอย่างประหลาด ทว่าความคำนึงถึงน้าสาวเหมือนก้อนหินหนักที่ถ่วงเธอเอาไว้ให้จมลงไปกับกับเก้าอี้

"เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้"

"พี่รู้...และพี่ก็ทำตามความต้องการของขวัญมาตลอด เพราะไม่อยากให้ขวัญลำบากใจ"

"ขอบคุณค่ะพี่ทัด"

"กินเถอะขวัญ ขวัญคงเหนื่อยมาทั้งบ่ายแล้ว"

หญิงกลางคนรับคำต่างนั่งรับประทานอาหารกล่องเงียบเชียบ นานครั้งที่จะหันไปมองคนข้างตัวพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แม้ปากของทั้งคู่จะบอกว่ายอมรับกับโชคชะตา หากใจกลับถวิลหาวันเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมาในอดีต



หลังใช้เวลากับอาหารกล่องกันอยู่ไม่นานคุณจอมขวัญก็ปิดกล่องข้าว หันไปมองคุณบัณทัตที่ยังคงซับเหงื่อบนใบหน้าไม่หยุดแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา กระทั่งฝ่ายชายหันมามองสบสายตาเธอก็ชะงักหมายใจจะเบือนหน้าหนีหากแววตาจริงใจของเขาตรึงใบหน้าและสายตาของเธอเอาไว้กับที่

นานกว่าคุณจอมขวัญจะเรียกสติกลับมาได้เธอก้มลงมองพื้นอย่างจะเรียกความมั่นใจให้กลับมา

"ยัยลิลลี่แกเป็นเด็กน่ารักนะคะ"

คุณบัณทัตมองตอบสายตาคุณจอมขวัญอย่างรู้ทันว่าเธอพยายามบ่ายเบี่ยงพูดเรื่องอื่น ขยับคล้ายจะพูดอะไรแต่แล้วกลับเปลี่ยนใจยิ้มกว้างก่อนตอบคำ

"แต่บางทีก็รั้นร้ายเอาแต่ใจอยู่เหมือนกัน พี่ก็ไม่รู้ว่าเลี้ยงลูกคนเดียวได้ดีแค่ไหน"

"เท่าที่ขวัญเห็น พี่ทัดเลี้ยงแกได้ดีนะคะ ดูร่าเริงสดใสแต่ก็มีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่"

"พี่ทำงานยุ่งก็ได้ปู่ย่าตายายเขาช่วยกันเลี้ยง พอวางมือจากธุรกิจก็มีเวลาเลี้ยงหลานกัน" คุณบัณทัตเอ่ยเสียงขรึม "ตอนนี้พวกท่านไม่อยู่แล้ว แต่พี่ยังโชคดีมากที่พวกเขาช่วยกันเลี้ยงแกเป็นเด็กน่ารักเชื่อฟังแบบนี้"

คุณจอมขวัญเห็นสีหน้าแววตาของหนุ่มใหญ่ขณะเอ่ยถึงลูกสาวแล้วสะท้อนขึ้นมาในอก เธอไม่เคยรู้จักภรรยาของคุณบัณทัตไม่เคยพบเจอหากกลับเกิดริ้วของความริษยาขึ้นมาในความรู้สึก

"พี่ทำใจเรื่องเราสองคนอยู่นานกว่าจะตัดใจก้าวเดินต่อไปได้ แต่งงานมีครอบครัวตามที่พ่อแม่หวัง ท่านช่วยหาคู่ครองที่เหมาะสมให้แล้วเขาก็มอบสิ่งที่มีค่าที่สุดไว้ให้พี่"

"พี่ทัด"

"แต่พี่ไม่เคยลืมขวัญเลย พี่คิดถึงขวัญอยู่เสมอ คิดว่าจะโชคดีแค่ไหนถ้าเราได้อยู่ด้วยกันถ้าลิลลี่เป็นลูกของเรา"

"มันเป็นไปไม่ได้นะคะพี่ทัด ขวัญทำร้ายจิตใจน้าจันทร์ไม่ได้ น้าจันทร์เจ็บปวด สูญเสียมามากพอแล้ว"

"มันผ่านมานานแล้วนะขวัญ นานมาก...แต่พอได้เจอขวัญอีกครั้งพี่ก็รู้ว่าพี่ไม่เคยลืมขวัญเลย"

"น้าจันทร์เองก็ไม่เคยลืม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเราบ้าง และน้าจันทร์ไม่มีทางยอมรับใครเข้ามาในชีวิตขวัญหรือชีวิตยัยจา" คุณจอมขวัญเอ่ยย้ำหนัก เตือนสติตัวเองมากกว่าที่จะบอกกับคุณบัณทัต "แล้วขวัญเองก็อยู่มาได้จนป่านนี้ มันเลยจุดที่จะคิดเรื่องมีคู่ครองแล้วค่ะพี่ทัด"

"แล้วเรื่องความรักล่ะขวัญ ขวัญยังคิดถึงมันอยู่รึเปล่า ความรักของเรา"

"อย่าพูดถึงมันเลยค่ะพี่ทัด ขวัญขอร้อง"

"จริงสินะ พี่คงทำให้ขวัญลำบากใจใช่ไหม"

หญิงกลางคนพยักหน้าแทนคำตอบ รู้สึกว่าลำคอแห้งผากเกินกว่าที่จะเอ่ยตอบอะไรได้

"แล้วหนูจา..."

"มีแต่ก็ยัยจานี่แหละค่ะที่ขวัญห่วง อายุแกยังน้อย น้าจันทร์กับขวัญก็ไม่รู้จะอยู่ต่อกันไปได้อีกนานแค่ไหน บางทีขวัญก็กลัวนะคะ กลัวว่าอีกหน่อยหลานต้องอยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล"

"ถ้าอย่างนั้น ขวัญจะไม่ลองคิดเปลี่ยนใจน้าจันทร์บ้างเหรอ"

"พี่ทัด"

"พี่ไม่ได้พูดเพราะเรื่องของเรา ถึงพี่จะคิดว่ามันคงดีมากถ้าเราได้อยู่ด้วยกันก็ตามแต่พี่ก็เลี้ยงยัยลี่มาคนเดียวมาเป็นสิบปี ถึงขวัญจะไม่คิดว่าเราจะกลับมาคบหากันได้แบบเมื่อก่อน พี่ก็หวังให้เราเป็นเพื่อนกัน" คุณบัณทัตยิ้มจริงใจ "แต่หลานสาวของขวัญควรต้องมีใครสักคนดูแล น้าจันทร์ของขวัญต้องเปลี่ยนความคิดนะ ตอนนี้ห่วงหวงไม่ยอมให้มีใครแล้วอีกหน่อยถ้าน้าจันทร์ไม่อยู่แล้ว ใครจะดูแลขวัญ ดูแลหนูจา"

คุณจอมขวัญนิ่งงันไม่ตอบอะไรหากแต่ก็คิดตามคำแนะนำของคุณบัณทัต แต่ดูเหมือนว่าการการเปลี่ยนใจผู้เป็นน้านั้นจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่อย่างใด



สองน้าหลานนั่งเงียบกันเกือบตลอดทางกลับบ้าน ต่างฝ่ายต่างนั่งครุ่นคิดอะไรจนกระทั่งจารุดานำรถลงจากเส้นทางพิเศษลงวิ่งบนถนนเส้นหลักที่ คุณจอมขวัญจึงได้หันไปมองหลานสาวและเห็นแววใคร่ครวญในดวงตาหลังกรอบแว่นนั้น

"หนูจา คิดอะไรอยู่"

"เปล่านี่จ้ะน้าขวัญ"

"น้าเลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กทำไมจะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในใจ"

"จาคิดเรื่องงานน่ะจ๊ะ"

"เรื่องงาน หมายถึงงานที่โรงเรียน ที่สวนอาหาร หรือว่างานเทศกาลอาหาร"

"ก็รวม ๆ กันค่ะ"

คุณจอมขวัญชั่งใจอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจพูดขึ้น

"จาเคยคิดเรื่องคู่ครองบ้างรึเปล่า"

หญิงสาวที่ทำทีเหมือนไม่ได้สนใจอะไรละสายตาจากท้องถนนหันมามองสบตาผู้เป็นน้าครู่หนึ่งก่อนจะเสหันไปมองเบื้องหน้าอีกครั้งเมื่อเอ่ยปาก

"ทำไมน้าขวัญถามจาอย่างนั้นล่ะจ้ะ น้าขวัญก็รู้นี่ว่ายายไม่ชอบ ไม่อยากให้ขวัญข้องเกี่ยวกับผู้ชาย"

"แต่อีกหน่อยยายไม่อยู่ น้าไม่อยู่ขวัญต้องมีคนดูแล"

"ไม่จ้ะ น้าขวัญกับยายต้องอยู่กับจาไปอีกนานแสนนาน"

"มันเป็นไปไม่ได้นะ จาก็รู้"

"น้าขวัญคะ" หญิงสาวเอื้อมมือมากุมมือน้าสาว "น้าขวัญเองก็อยู่มาได้จนป่านนี้โดยไม่มีใคร ทำไมน้าขวัญถึงจะคิดว่าจาจะทำแบบน้าขวัญไม่ได้ล่ะจ้ะ"

"อย่างที่น้าบอก น้าคอยดูแลยาย แล้วก็มั่นใจว่าจาจะไม่ทิ้งน้า แต่ต่อจากนี้ล่ะ ใครจะคอยดูแลจา" คุณจอมขวัญกล่าวน้ำเสียงจริงจัง "น้าเลยอยากรู้ว่ามีใครมาชอบพอจาบ้างรึเปล่า แล้วจามองใครไว้บ้างไหม"

แม้ภาพที่ปรากฏขึ้นมาในใจคือภาพชายหนุ่มทายาทเจ้าของห้างสรรพสินค้าเดอะเบสท์ ทว่าเมื่อตอบคำของคุณจอมขวัญคำตอบนั้นกลับไม่ตรงตามใจ

"ไม่มีหรอกจ้ะ จาไม่สนใจด้วย จาจะอยู่กับยาย อยู่กับน้าขวัญไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ไม่มีใครทั้งนั้น"

ภาพของธนินกับสุจิราและชนิกาในร้านอาหารฝรั่งเศสฉายเข้ามาในมโนสำนึก...อีกครั้งที่จารุดาต้องเตือนตัวเองว่าที่ธนินพยายามเข้ามาใกล้ชิดเธอนั้นมีวัตถุประสงค์บางอย่างแอบแฝงและเขากำลังคบหา อาจถึงขั้นหมั้นหมายตกแต่งกับสุจิรา



ธนินนั่งอ้อยอิ่งอยู่หลังพวงมาลัยมองไปทางบ้านหลังใหญ่แล้วถอนใจหนักออกมาอีกครั้ง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะรับประทานอาหารมื้อเย็นร่วมกับสุจิราแล้วจู่ ๆ ชนิกาก็มาปรากฎตัวร่วมโต๊ะด้วย

ตลอดช่วงเวลาอันกระอักกระอ่วนนั้นสุจิรานั่งหน้าเซียวไม่ตอบโต้อะไรชนิกาเลยแม้แต่คำเดียว หากช้อนตามองเขาน้ำตารื้น ไม่ทันจะรอจนถึงของหวานก็ขอตัวเดินหนีออกจากร้านไปเสียก่อนที่เขาจะขยับตามได้ทันและเมื่อคุณสโรชามารอรับลูกสาวแบบนี้แล้ว คงจะสอบถามกันคนรู้ความและขยายต่อมาถึงหูคุณธนัญญาเป็นที่เรียบร้อย

เขานั่งทำใจอยู่นานกระทั่งมีเสียงเคาะกระจกดังขึ้น ชายหนุ่มสะดุ้งและเมื่อหันไปพบว่ามารดาในชุดนอนสวมทับด้วยเสื้อคลุมยืนกอดอกรออยู่ก็ยิ่งใจเสีย

"ลงมาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้เลยนะตานิน"

ชายหนุ่มนึกในใจว่างานนี้เขาคงไม่ได้พูดเสียมากกว่าหากก็ยอมเปิดประตูลงไปเผชิญหน้ากับมารดาแต่โดยดี

"ตกลงนินกับแม่นางแบบคนนั้นยังไม่จบกันอีกเหรอ แล้วทำไมถึงปล่อยให้เขามาระรานน้องได้"

"เอ่อ..."

"รู้ไหมว่าแม่อายคุณบัวเขาแค่ไหนตอนที่โทร.ไปถามความคืบหน้าแล้วต้องฟังเขาเล่า ได้ยินเสียงหนูจินนี่ร้องไห้สะอื้นอยู่ใกล้ ๆ นินนะนิน ทำไมไม่รู้จักเลือกผู้หญิงบ้าง ไปคว้าแม่นางแบบอะไรนั่นมาได้"

"ผม..."

"ที่ผ่านมานินจะยังไงแม่ไม่ว่า แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่นินจะจริงจังได้แล้วนะ ผู้หญิงที่นินจะคบหาเล่น ๆ นินเลือกเองได้ แต่กับผู้หญิงที่จะมาเป็นสะใภ้แม่จะเลือกให้เอง"

"แม่ครับ...ผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องจินนี่"

"เพิ่งจะเคยเจอกันสองครั้ง จะรู้ได้ยังไง แม่เลือกผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อมขนาดนี้ให้นิน นินกลับไม่สนใจปล่อยให้แม่นางแบบร้ายกาจนั่นมารังแกน้อง แม่ไม่ยอม"

"ผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับนิกาจริงจังเหมือนกันครับ"

"งั้นนินก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธหนูจินนี่ แม่เลือกแม่คัดมาให้ อย่างน้อยนินก็ควรจะลองคบหาดูใจกับน้องเขา" คุณธนัญญายังพูดด้วยอารมณ์ไม่ปกตินัก "หรือว่านอกจากแม่นางแบบนั่น นินยังมีใครอีก"

"ผม..."

ชั่วขณะที่ภาพของหญิงสาวเฉิ่มเชยในสายตาของธนินแวบเข้ามาในห้วงความคิด ทว่าไม่ทันที่จะเอ่ยตอบอะไรมารดา คุณบัณฑิตก็เดินออกมาตามเสียก่อน

"คุณญา เจ้านินมายืนคุยอะไรกันอยู่ตรงนี้"

"ก็ลูกชายคุณน่ะสิคะ"

คุณธนัญญาบ่นกับสามีอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นคร่าว ๆ คุณบัณฑิตต้องลอบส่งสายตาให้ลูกชายเป็นเชิงบอกให้เงียบไว้

"เอาเถอะคุณ เอาไว้เราค่อยนัดกินข้าวกันสองครอบครัว ขอโทษเขาให้เป็นเรื่องเป็นราว"

"ไม่รู้ล่ะ ตานิน ถ้าเราจัดการอะไรไม่ได้แม่จะจัดการเอง เดี๋ยวกลับเข้าห้องแล้วแม่จะคุมให้เราโทร.ไปขอโทษน้องเป็นเรื่องเป็นราว แล้วบอกเขาด้วยว่าจะนัดอีกครั้งนึง อย่าคิดจะตุกติกเชียวนะ"

คุณธนัญญาสำทับแล้วสะบัดหน้าเดินกลับไปทางตัวบ้านใหญ่ ธนินขยับจะแย้งอะไรแต่คุณบัณฑิตดึงตัวเข้าไปใกล้กระซิบ

"ให้แม่แกจัดการก็ดีแล้ว แกเองก็จะให้มีโอกาสที่จะหาทางไปเจอหนูจาได้บ่อยขึ้น หนูจินนี่ท่าทางไม่ใช่คนเกาะแกะอะไร น่าจะรับมือได้ง่ายกว่า ขืนปล่อยแม่นางแบบนี่ไว้ จะมีปัญหาไม่จบสิ้น"

"เอางั้นเหรอพ่อแต่...ผมไม่ได้ชอบน้องจินนี่"

"พ่อดูเด็กคนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย หรือแกจะบอกว่าแกเผลอไปชอบหนูจาเข้าจริง ๆ" คุณบัณฑิตชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของลูกชายก่อนจะหน้าเคร่งขึ้นเล็กน้อย "ไม่ได้นะไอ้นิน แกไม่ควรคิดอะไรกับหนูจาเกินเลยไปกว่าแผนที่เราวางไว้ ไม่อย่างนั้น..."

"ทำไมล่ะพ่อ"

"แกเชื่อพ่อก็แล้วกัน เรื่องของแกกับหนูจาไม่มีทางเป็นไปได้ ไหนจะแม่แก ไหนจะ..." คุณบัณฑิตส่ายหน้า "เอาเถอะ แกจะสนิทสนมกับหนูจาก็ได้ แต่ต้องในฐานะเพื่อนคนนึง ตามที่เราคุยกันไว้ นั่นน่ะดีที่สุดแล้ว"

"ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีแหละพ่อ ทำไมถึงจะไม่มีทางล่ะ"

ธนินเอ่ยถามซ้ำแต่ไม่ได้คำตอบเพราะคุณบัณฑิตหันหลังเดินตามภรรยากลับเข้าบ้านไปอีกคน ทิ้งให้ชายหนุ่มนิ่งอึ้งอยู่พักใหญ่เมื่อตระหนักได้ว่าเขากำลังอยากได้เหตุผลว่าทำไมเขาจะคบหากับจารุดามากกว่าฐานะเพื่อนไม่ได้

นี่เขาอยากจะคบหาผู้หญิงเชยแสนเชยคนนั้นในฐานะ...คนรักอย่างนั้นหรือ



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ม.ค. 2556, 20:52:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ม.ค. 2556, 20:52:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 3105





<< ตอนที่ 10   ตอนที่ 12 >>
กมลภัทร 1 ม.ค. 2556, 20:57:03 น.
สวัสดีปีใหม่ 2556 ครับ กับนิยายตอนแรกที่โพสต์ในปีนี้ แผนรักพันใจ มาถึงตอนที่ 11 แล้วนะครับ เรื่องเบี่ยงจากที่คิดไว้แรก ๆ พอสมควร เพราะคิดว่าจะเขียนแนวคอเมดี้ดราม่า แต่ไป ๆ มา ๆ เหมือนจะหนักดราม่ามากกว่าคอเมดี้นิดนึง หวังว่าผู้อ่านจะยังติดตามกันต่อไปนะครับ

ขอให้สุข สมหวัง สุขภาพดีตลอดปีตลอดไปครับ

panon >>>> ไม่รู้แผนจะมาพันตัวรึเปล่านะครับ

แล่นแต๊ >>>> อันนี้เบา ๆ ครับ งานไปเข้าธนินแทนหน่อย ๆ

nunoi >>>> ^_^

lovemuay >>>> 555

ของขวัญ >>>> อันนี้แค่แกล้งเบา ๆ ครับ

น้องอุด้ง >>>> เอางั้นเลยเหรอครับ


แล่นแต๊ 2 ม.ค. 2556, 00:13:44 น.
แผนแก้คืนสองคนนั้นสุดยอดเลยหนูจา....พระเอกนางเอกเริ่มมีใจให้กัน แต่อุปสรรคเยอะเหลือเกิน


lovemuay 2 ม.ค. 2556, 08:49:48 น.
เอ..ทำไมแม้แต่พ่อก็ยังขัดขวาง สงสัยจริงจริ๊ง?


panon 2 ม.ค. 2556, 10:48:58 น.
อุปสรรคเยอะเนี่ยรักกันมากๆๆนะจ๊ะ...............


น้องอุด้ง 2 ม.ค. 2556, 14:34:34 น.
ความรักมักมีอุปสรรค...เหอๆ


nunoi 2 ม.ค. 2556, 21:22:05 น.
อุปสรรคแต่ละด่าน ท่าจะเหนื่อยเอาการ


เพียงพลอย 3 ม.ค. 2556, 23:10:24 น.
จินนี่ท่าจะเนียนมากนะเนี่ย ... กรี๊ดคู่คุณน้าเบาๆ ชอบอ่า


ของขวัญ 4 ม.ค. 2556, 00:27:57 น.
ชอบแผนการหนูจาจริงๆเลยค่ะ
แต่ว่าอุปสรรคจะเยอะไปไหม สงสารทั้งน้าขวัญ ทั้งหนูจาเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account