oOo รุ้งฤดูร้อน oOo
...เมื่อความรักเป็นบ่อเกิดทุกๆ สิ่ง สร้างความแค้น ชิงชัง และการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ความรัก...ก็ควรเป็นบทยุติของทุกเรื่องราว...

...อาจจะเจ็บปวด อาจบอบช้ำ แต่สุดท้ายความรักจะโอบกอดทุกดวงใจให้สนิทแนบแน่น...
Tags: รุ้งฤดูร้อน,ปลากัด,รักร้ายๆ

ตอน: oOo รุ้งฤดูร้อน - บทที่ 11 oOo

ร้อนตับสุก สลับร้อนอ้าวฝนโปรยแบบนี้ทรมานค่ะ
เอานิยายมาฝากคนอ่านนะคะ ^^

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์จากหัวใจนะคะ ^________^

saralun - เป็นไงบ้างคะตอนนี้ พอใจหรือเปล่า อิอิ

Gingfara - มาเฉลยตอนนี้ให้หายลุ้น ยังมีเฉลยอีกนะคะ ^^

Pat - เป็นไงคะ หายสงสัยบ้างหรือเปล่า ^^

จิรารัตน์ - เกิดวันที่ 17 พ.ค. ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ ^^

anOO - เชิญอ่านเลยค่ะแล้วจะทราบว่าอารดาทำอะไร ^^

ปัณณรี - ขยันยังไงก็ไล่ไม่ทันพี่ปัณณ์อ่ะค่ะ อิอิ

dee jung - คิดถึงนะคะ ^^




*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*

บทที่ 11


จอดรถนิ่งสนิทหน้าบ้านหลังใหญ่เรียบร้อยแล้ว ศีรษะสวยได้รูปเอนพิงเบาะพร้อมหลับตาลงเลื่อนมือขึ้นคลึงเปลือกตาเบาๆ ความตึงเครียด อ่อนล้า ทำให้รู้สึกปวดหัว ปวดเบ้าตา และคงปวดหนักเอาการถึงได้รู้สึกว่าความปวดนั้นแล่นลามเลยไปถึงหน้าอกข้างซ้ายที่มีก้อนเนื้อกำลังเต้นช้าราวกับขี้เกียจ

เรียกขวัญเรียกกำลังใจกลับมาสู่ตัวเองอีกครู่จึงลงจากรถก้าวเข้าสู่บ้านอันเป็นที่พักพิงแสนอบอุ่น จากประตูหน้าบ้านเดินมาไม่ไกลก็พบห้องรับแขกกว้างขวาง โอ่โถงด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ญี่ปุ่นแทบทั้งหมด บนโซฟาตัวยาวมีร่างสูงของคนคุ้นเคยนั่งอยู่ สีหน้าหม่นมัวเปลี่ยนเป็นกระจ่างใสขึ้นทันที

“พี่นัทซึ!”

หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปกอดคนที่เรียกชื่อ ฝ่ายนั้นอ้าแขนรับงงๆ ว่าทำไมน้องสาวต้องดีใจขนาดนั้นเมื่อได้เจอเขา ทั้งที่ห่างกันแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง

“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไหนบอกจะไปอาทิตย์นึงไง คราวนี้แปลกแฮะไปเร็วมาเร็ว แถมไม่บอกล่วงหน้าอีกว่าจะกลับมา มีอะไรหรือเปล่าคะ” ขณะถามร่างบางยังไม่ถอยห่างอ้อมกอดของพี่ชาย ซุกซบใบหน้ากับอกหนาราวห่างหายไปนานแสนนาน

“เป็นห่วงยายตัวแสบแถวนี้น่ะสิ กลัวว่าจะเล่นอะไรพิเรนทร์ให้พี่ตามแก้อีก” ชายหนุ่มพูดกลัวหัวเราะ พอคนถูกประชดเงยมองตาขวางเขาจึงก้มลงจุมพิตหน้าผากมนอย่างแสนรัก

“จริงค่ะ พี่เมษน่ะห่วงคุณซุยุ แต่คิดถึงคนอื่น” ลิซ่าที่ยกเครื่องดื่มมาจากในครัวเอ่ยแทรกขึ้น

“เลิกเรียกอย่างนั้นเถอะน่า ไม่ใช่เวลางานแล้ว” เมษรักษ์หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นของเขาคือ ‘นัทซึ’ แกล้งทำเสียงหงุดหงิดหวังให้ลิซ่ากลัว

“หูย...ไม่ได้หรอกค่ะ ต้องฝึกไว้ให้ชินเดี๋ยวไปหลุดปากเรียกท่านประธานที่ออฟฟิซสาวแถวนั้นจะเรียกตามแล้วขัดใจเจ้านายเอาได้” เลขาฯ สาวแกล้งทำตาโตประหนึ่งเรื่องใหญ่เสียเต็มประดา เมษรักษ์ส่ายหน้าระอา

“ซุยุทำไมเงียบไปล่ะ มีอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มก้มมองคนในอ้อมกอดที่เอาแต่เงียบ ผิดปกติที่มักช่วยลิซ่าในการถล่มเขาอยู่เสมอ

คนตัวเล็กกว่ายิ้มพลางดันตัวออกห่างอ้อมแขนพี่ชาย ยิ้มบางๆ ส่งให้เขา และนั่นทำให้เมษรักษ์หัวใจกระตุกวูบ คิ้วหนาขมวดแน่น ร่างกายเกร็งขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“น้องไปไหนมา! ไปหาหมอนั่นมาใช่ไหม พี่ว่ามันบ่อยเกินกว่าที่เราตกลงกันไว้แล้วนะซุยุ” น้ำเสียงห้วนดุจนลิซ่าเองพลอยใจไม่ดีไปด้วยเธอหันมองคนที่ใบหน้าหม่นเศร้าที่เอาแต่นั่งเงียบ

อารดาหรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นคือ ‘ซุยุ’ กัดริมฝีปากแน่นข่มอารมณ์ที่ประเดประดังมาล้นหัวใจ สบตาพี่ชายแน่วแน่ยามเอ่ยตอบ

“ใช่ น้องไปหาเขามา และ...น้องจะแต่งงานกับเขา”

“ไม่ได้!” เมษรักษ์ตอบเสียงดังทันควัน ดวงตาชายหนุ่มวาวโรจน์ด้วยความโกรธพุ่งขึ้นสูง แม้ลิซ่าเองยังตกใจกับสิ่งที่อารดาบอก

“พี่ชายฟังเค้าก่อนสิ อย่าเพิ่งโมโห” ร่างบางขยับไปจับแขนแข็งแรงไว้ราวกับจะปรามให้เขาใจเย็น ทว่าเมษรักษ์ไม่อาจลดระดับของอารมณ์ลงได้เมื่อสิ่งที่เขารับรู้มันร้ายแรงเกินกว่าจะปล่อยผ่าน

“พี่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น น้องนั่นล่ะต้องฟังพี่ ถ้าไม่ฟังพี่จะส่งน้องกลับไปอยู่ญี่ปุ่นกับพ่อกับแม่” ร่างสูงลุกยืนเพื่อกลับขึ้นห้องส่วนตัวเป็นอันยุติบทสนทนาอย่างได้ข้อสรุปตามที่เขาบอก

อารดาลุกตาม ถึงคราต้องสวมบทบาทดื้อดึงอย่างคนที่ถูกเลี้ยงมาแบบตามใจ

“แต่แผนของเราทุกอย่างมันจะสำเร็จลุล่วงถ้าเค้าได้เข้าไปอยู่ในพสุธาเทพ เราจะไม่แค่ได้งานประมูลครั้งใหญ่แต่เราอาจทำให้พสุธาเทพล้มละลายได้ถ้าพสุธาเทพไว้ใจเค้ามากพอ”

เมษรักษ์หันขวับมาจ้องหน้าน้องสาว เขาเคยนึกว่าอารดาโตขึ้นมากทั้งทางด้านความคิดและการตัดสินใจ แต่วันนี้ทำให้เขาประจักษ์ น้องน้อยยังอ่อนต่อโลก อ่อนต่อความร้ายกาจของมนุษย์ที่สุดแสนเลี้ยวลดคดเคี้ยว

“ใจเย็นๆ ก่อนนะคะคุณนัทซึ” ลิซ่าเอื้อมมาแตะแขนชายหนุ่มเพื่อปรามอารมณ์ที่กำลังพุ่งถึงขีดสุด หญิงสาวรู้ว่าเมษรักษ์รักและหวงอารดามากยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง การจะปล่อยคนเป็นน้องเข้าถ้ำเสือนั้นเห็นจะไม่มีวัน

“ที่พี่ยอมให้น้องไปทำความรู้จักกับหมอนั่นตอนแรก เพราะน้องร้องขอ แต่เราก็มีสัญญาต่อกันว่าน้องจะไม่ถลำลึกไปมากกว่าแค่ใกล้ชิดเพื่อให้ได้ข้อมูลงานประมูลมาเท่านั้น” ระดับน้ำเสียงลดลง หากยังคงไว้ซึ่งความเครียดขรึม

ย้อนไปเมื่อสามปีก่อนที่บิดาของพวกเขามาตั้งบริษัทที่เมืองไทย จุดประสงค์ของการก่อตั้งเพื่อขยายงานแต่อีกประการคือเมษรักษ์ต้องการกลับมา ‘แก้แค้น’ พสุธาเทพ เวลานั้นซุยุยังเรียนอยู่ที่ญี่ปุ่นมีเพียงเมษรักษ์กับลิซ่า หญิงสาวที่มารดาพวกเขาเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เธออายุสิบสองปีเท่านั้นที่มาอยู่เมืองไทยด้วยกัน ช่วยกันบริหารงานโดยเมษรักษ์อยู่เบื้องหลัง ให้ลิซ่าเปิดเผยตัวตนเบื้องหน้าแทน

แค่ปีเดียวซุยุซึ่งเรียนจบก็ร้องขอบิดากับมารดามาอยู่เมืองไทยกับพี่ชาย และเพื่อให้ได้อยู่ระยะยาวเธอจึงขอเรียนต่อปริญญาโทที่นี่ การอนุญาตของบุพการีในครั้งนั้นไม่ได้ล่วงรู้เลยว่า ซุยุพาตัวเองเข้าสู่วังวนของการแก้แค้นของเมษรักษ์ด้วย

หลังจากอดทนรอมาแทบทั้งชีวิต บวกกับการสร้างบริษัท นราวิวัฒน์ พาวเวอร์ จำกัด ให้เติบโตเพียงระยะเวลาแค่สองปี เมษรักษ์จึงสบโอกาส เมื่อลิซ่าได้ข้อมูลของพสุธาเทพมาพอสมควร อาจไม่ทั้งหมดเพราะฝ่ายนั้นก็ไม่ใช่หมูให้เชือดง่ายๆ เหมือนกัน แต่ก็มากพอให้เขาถือไพ่ใบใหญ่ไม่แพ้คู่แข่งเลย

“พี่ชายทุกข์ทรมานกับความแค้นมาทั้งชีวิต จนหาความสุขแทบไม่ได้ เค้าไม่อยากให้พี่ชายเป็นอย่างนั้นอีกต่อไปแล้ว ต่อให้ต้องแลกทั้งชีวิตเค้า เค้าก็ยอม ถ้าพี่ชายรักเค้าจริง ยอมรับการช่วยเหลือครั้งนี้จากเค้าเถอะ ทุกอย่างจะได้จบลงเสียที”

ทุกคำพูดสอดแทรกความรักและห่วงใยแท้จริงเอาไว้ เมษรักษ์หลับตาข่มอารมณ์ก่อนหันมาทางร่างบาง จ้องมองนิ่งนาน ค่อยก้าวมาหาแล้วโอบกอดไว้แน่น

“พี่ขอบใจ สำหรับความรัก ความห่วงใยและหวังดีของน้อง” จมูกโด่งฝังลงกลางกระหม่อมบางสุดรัก “แต่พี่ยอมให้ชีวิตน้องพังไม่ได้ การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล็ก มันคือการทำลายชีวิตทั้งชีวิตของน้อง และพ่อกับแม่คงไม่ยอม”

“แล้วสิ่งที่พี่ชายพยายามมาทั้งชีวิตละคะ มันไม่ใช่การแลกทั้งชีวิตของพี่ชายเช่นกันหรอกหรือ ทำไมพ่อกับแม่ถึงยอมได้”

แขนเรียวกอดร่างพี่ชายไว้แน่น เธอรับรู้มาตลอดว่าพี่ชายพบเจอเรื่องเลวร้ายใดบ้างเมื่อวัยเยาว์ ฝันร้ายที่เฝ้าหลอกหลอนให้เขานอนไม่กลับ จนกลายเป็นคนหลับยากถึงทุกวันนี้ จะไม่มีวันหายไปจากค่ำคืนถ้าทุกสิ่งไม่ได้รับการสะสาง

“น้องรู้คำตอบดีโดยไม่ต้องถามพี่นี่นา” ร่างสูงถอนหายใจหนักหน่วง

“ใช่เค้ารู้ และคราวนี้เค้าก็รู้อีกว่าพ่อกับแม่จะยอมถ้าเค้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองดีๆ พร้อมกับพี่ชายช่วยยืนยัน”

สองมือแข็งแรงเลื่อนจับไหล่บางทั้งสองข้างไว้แน่น ดึงตัวคนในอ้อมแขนออกห่างจ้องด้วยสายตาจริงจัง

“เราจะไม่พูดกันเรื่องนี้อีกนะซุยุ เพราะไม่ว่ายังไงพี่ก็ไม่มีวันยอมตามที่น้องขอเด็ดขาด ไปนอนซะแล้วลืมเรื่องนี้ไปได้เลย” เมษรักษ์พูดจบก็หันหลังก้าวไปยังบันไดทันที อารดาเม้มปากแน่น ตัดสินใจครั้งสุดท้ายตะโกนให้พี่ชายได้ยินชัดๆ

“ถ้าพี่ชายไม่ยอม เค้าจะหนีไปแต่งงานเองโดยไม่บอกพี่ชาย ไม่บอกพ่อกับแม่” ขายาวที่กำลังก้าวขึ้นบันไดชะงักนิ่ง กำมือแน่นแต่ยังไม่หันหลังกลับมามอง

“คุณซุยุ ไม่เอาค่ะ อย่าทำแบบนี้” ลิซ่าเดินมาจับต้นแขนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายอีกคน ใบหน้าขาวสะอาดหันมองลิซ่าแวบหนึ่ง หากยังไม่เปลี่ยนความตั้งใจ

“เลือกเอานะ ว่าพี่ชายจะยอมให้เค้าทำตามแผนที่ตกลงกับทางนั้นไปแล้วโดยเค้าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ติดต่อกับพี่ชายตลอดเผื่อว่ามีอะไรพี่ชายกับคุณลิซ่าจะช่วยได้ หรือจะให้เค้าจัดการแผนนี้ด้วยตัวเองตามลำพัง แต่กรณียกเลิก เค้าไม่เลิกแน่!”

ร่างสูงหลับตาสูดลมหายใจเข้าปอดสุดลึก ข่มอารมณ์มากมายให้สงบเพื่อไม่ให้เรื่องยาวยืดยาวใหญ่โต

“ก็ถ้าน้องตัดสินใจ และไม่ได้เห็นว่าพี่มีความหมายในการตัดสินใจครั้งนี้...พี่ก็คงไม่มีสิทธิ์ห้ามอะไรน้องได้อยู่แล้วนี่” แล้วเขาก็ขึ้นห้องไปเงียบๆ

อารดามองแผ่นหลังพี่ชายจนสุดสายตา ร่างบางค่อยๆ สั่นเทาจนสะอื้นฮักๆ น้ำตารินไหล หญิงสาวรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้วู่วามเกินไป เมษรักษ์รักและห่วงเธอเกินกว่าจะยอมง่ายๆ ทว่าเธอเองก็รักพี่ชายไม่น้อยเช่นกัน ทุกอย่างมาไกลเกินกว่าจะยอมให้ล้มเหลวหรือพ่ายแพ้

เอาเถอะ เธอจะพิสูจน์ให้เห็นว่าคนอย่างอารดา สามารถเอาตัวรอดได้ในถ้ำเสืออย่างแน่นอน

“คุณนัทซึเป็นห่วงคุณซุยุนะคะ ลองคิดดูใหม่ดีไหมคะ” ลิซ่าโอบกอดร่างบอบบางให้คลายอาการสะอื้น

“มันสายเกินไปแล้วค่ะคุณลิซ่า ซุยุตัดสินใจดีแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นซุยุจะไม่เสียใจ”

สาวลูกครึ่งยืนยันความตั้งใจแน่วแน่ ลิซ่าจึงทำได้เพียงเงียบ ภาวนาให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี ไม่มีการสูญเสียใดๆ ทั้งสิ้น



ตอนพักกลางวันอารดามายืนรอเพลงพรรษอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อไปทานอาหารด้วยกัน สีหน้าของหญิงสาวหม่นเศร้าอย่างที่เพลงพรรษไม่เคยเห็นมาก่อน ภาพลักษณ์ของอารดาคือความร่าเริงสดใส ราวกับโลกทั้งโลกมีแต่เรื่องดีๆ รอยยิ้มของเธอสดใสน่ามอง และมักทำให้เพลงพรรษยิ้มรับได้ทุกครั้งเช่นกัน

“วันนี้เราทานร้านอาหารใกล้ๆ แถวนี้ดีกว่านะพรรษ ช่วงบ่ายเรามีงานเร่งน่ะ” หญิงสาวพยายามฝืนยิ้มขณะเอื้อมจับมือเพื่อนมากุมไว้

“ได้สิ ร้านอาหารตามสั่งข้างบริษัทก็อร่อยดีนะ ว่าแต่ดามีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าบอกเราได้นะ เผื่อเราจะช่วยอะไรดาได้บ้าง” มือเรียววางทับมือเพื่อนแผ่วเบา ส่งผ่านความรักและกำลังใจไปให้ อารดาเงยมองแล้วยิ้มขึ้นอีกนิด ดวงตาสื่อสารถึงความปลาบปลื้มใจ

“เราคิดไม่ผิดเลยที่เลือกพรรษเป็นเพื่อนสนิท พรรษเป็นคนดีจริงๆ” อารดาดึงเพื่อนเข้ามากอดซ่อนรอยเศร้าลึกในดวงตา และนั่นทำให้เพลงพรรษเองได้ซ่อนแววตาแห่งความรู้สึกผิดเช่นเดียวกัน

...คนดีเหรอ หึ! การขโมยข้อมูลงานของคนอื่นน่ะเหรอคือการกระทำของคนดี...

“เราไม่ใช่คนดีหรอกดา เป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่งเท่านั้นเอง” กลับกลายเป็นว่าพากันเศร้าไปทั้งสองคน อารดาถอยออกห่างยกมือขึ้นจับแก้มเพื่อนเบาๆ แล้วยิ้มกว้าง

“สำหรับเราพรรษมีค่ามาก สัญญานะว่าเราจะรักและเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ตลอดไป” นิ้วก้อยเรียวยกขึ้นมาตรงกลางระหว่างคนทั้งสอง เพลงพรรษจ้องมองสลับกับใบหน้าเพื่อน เธอคู่ควรจะรับคำสัญญานี้ไหมหนอ ขณะหญิงสาวลังเล คนใจร้อนก็ดึงมือเพลงพรรษขึ้นมาเกี่ยวก้อยเสียเอง “ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ถึงพรรษไม่ยอมเราก็ไม่ยอมให้พรรษเลิกคบเราแน่ คนที่สวยเหมือนกัน น่ารักเหมือนกัน อย่างเราสองคนน่ะต้องเป็นเพื่อนกันรู้ไหม”

เพลงพรรษพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเต็มตื้น “ขอบใจดามากนะจ๊ะ”

“ไปเถอะ พยาธิร้องไห้ระงมแล้ว เดี๋ยวมันกัดกระเพาะทะลุ” อารดาหัวเราะพลางลากมือเพื่อนออกไปจากตรงนั้น

ห่างออกไปราวสองเมตรด้านหลัง ร่างสูงของเมษรักษ์ยืนเคียงด้วยเลขาฯ สาวผู้รู้ใจ ทั้งสองคนมาหยุดยืนนานพอจะได้ยินบทสนทนาและทุกอิริยาบถของเพื่อนรักทั้งสองคน

“ดูท่าทางเรื่องจะยุ่งวุ่นวายกว่าที่คิดนะคะ” ลิซ่าเอ่ยเบาๆ เหลือบมองคนที่เอาแต่จ้องสายตาไปทางที่สองสาวเดินออกไป “คุณซุยุรักน้องพรรษมาก และน้องพรรษเองก็ดูจะห่วงใยคุณซุยุมากเหมือนกัน ถ้า...” ลิซ่าทำใจนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ “ถ้าต้องรู้ว่าน้องพรรษคือคนของคู่แข่ง คุณซุยุอาจเสียใจมาก แล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคนละคะ”

“วันนี้เราทานข้าวกันร้านแถวนี้แล้วกันนะ ผมขี้เกียจออกไปไกลๆ” การพูดไปอีกเรื่องไม่ได้หมายความว่าเมษรักษ์ไม่สนใจเรื่องที่ลิซ่าถาม เขาเป็นอย่างนี้เสมอ กับเรื่องที่ยังตัดสินใจอะไรไม่ได้ เขาจะไม่ยอมพูดออกมา คนที่อยู่ด้วยกันและเห็นกันมาตั้งแต่วัยเยาว์อย่างลิซ่ารู้ดี แต่เชื่อเถอะคนอย่างเมษรักษ์ต้องหาทางออกได้แน่

“ค่ะ ร้านอาหารตามสั่งใกล้บริษัทก็น่าจะดีนะคะ” ลิซ่าเอ่ยตอบอย่างรู้ใจจนคนตัวสูงกว่าต้องเหล่ตามอง ก่อนก้าวนำไปยังร้านที่เลขาฯ แนะนำโดยไม่สนอาการกลั้นยิ้มอย่างรู้ทันของคนข้างหลัง

เนื่องจากวันนี้ร้านอาหารตามสั่งใกล้บริษัทคนเต็มร้านไม่มีโต๊ะว่าง เมษรักษ์กับลิซ่าจึงต้องเปลี่ยนไปนั่งร้านฝั่งตรงข้ามแทน โต๊ะที่พวกเขานั่งสามารถมองมาเห็นโต๊ะของเพลงพรรษกับอารดาได้ นั่นทำให้ชายหนุ่มพอใจทีเดียว

“ดา…” เพลงพรรษเรียกคนกำลังเหม่อเบาๆ ยื่นมือไปสัมผัสหลังมือของเพื่อนเป็นการเรียกสติ “ถ้าดาไม่สบายใจ ลางานสักครึ่งวันดีไหม จะได้กลับไปพักผ่อน” คนห่วงเพื่อนเสนอแนะ

“ก็น่าจะดีนะ” บางทีถ้าเธอกลับไปพักพี่ชายอาจได้ไปส่งเพลงพรรษอีกก็ได้ “พรรษว่า...คนไม่รักกัน สามารถแต่งงานกันได้ไหม” จู่ๆ อารดาก็ถามขึ้น เพลงพรรษแสดงสีหน้าแปลกใจ

เงียบไปครู่อย่างครุ่นคิด นึกถึงคุณปภาวีที่พยายามจะให้ปรานต์แต่งงานกับคนที่นางหาให้ ถ้านางเอาจริง ปรานต์คงหนีไม่พ้นหรอก

“เราไม่แน่ใจ…แต่อาจจะได้มั้ง”

“แล้วถ้าพรรษต้องทำบางสิ่งที่ฝืนใจ แต่มันจะเป็นการช่วยเหลือคนที่เรารักได้ พรรษจะยอมทำไหม” คำถามเหมือนรู้ถึงการกระทำอันผิดมหันต์ ทำเอาเพลงพรรษสะดุ้ง สีหน้าจืดเจื่อน หดมือกลับมาจับกันบนตัก ก้มหน้าหลบสายตาเพื่อนทันที

อาหารที่สั่งไปเสร็จพอดีพนักงานเสิร์ฟเลยนำมาวาง ขัดจังหวะการสนทนาพอให้เพลงพรรษได้ตั้งสติขึ้นมาบ้าง หญิงสาวจับช้อนไว้แน่นมองเพียงแค่จานข้าวยามเอ่ยตอบ

“ถ้าคนที่เรารักหมายถึงบุญคุณด้วย...พรรษก็คงจะทำจ้ะ”

“ขอบใจพรรษมากนะ พรรษเป็นคนดีเหลือเกิน” วิธีการตอบของเพลงพรรษแสดงให้เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวมีจิตใจงดงาม รู้จักบุญคุณคน อีกทั้งยังสนับสนุนให้อารดามั่นใจว่าสิ่งที่เธอตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

เพลงพรรษพยักหน้าฝืนๆ ด้วยความไม่สบายใจ ก่อนชวนเปลี่ยนเรื่อง “กินข้าวเถอะจ้ะ เดี๋ยวเย็นหมด”

ทุกท่วงท่าของคนทั้งสองอยู่ในระยะสายตาเมษรักษ์ตลอดเวลา แม้กระทั่งสองร่างบางเดินออกจากร้านอาหารแห่งนั้น และยังไม่ก้าวพ้นบริเวณหน้าร้าน เพลงพรรษก็รั้งมืออารดาให้หยุดเดิน

“ดายืนรอตรงนี้แป๊บนะ เดี๋ยวเรามา” บอกเพียงเท่านั้นแล้ววิ่งไปยังรถขายไอศกรีมที่จอดอยู่ไม่ห่าง แป๊บเดียวอย่างเธอบอก เพลงพรรษก็กลับมาพร้อมไอศกรีมสองแท่งในมือ ยื่นให้เพื่อนหนึ่งแท่งพร้อมรอยยิ้มกว้าง “กินไอติมสิจ๊ะ เวลาเราไม่สบายใจกินไอติมแล้วรู้สึกดีขึ้นทุกครั้งเลย”

“ไหนพรรษบอกว่าพี่ชายไม่ชอบให้กินไอติมไม่ใช่เหรอ”

“อืม...แอบกินเอาน่ะ” คนตอบยิ้มแหยแก้เก้อ

อารดามองแล้วยิ้มออก เพิ่งรู้ว่าการอยู่ใกล้เพลงพรรษในยามทุกข์ใจสามารถทำให้เธอสบายใจได้ถึงเพียงนี้ หญิงสาวใบหน้าเศร้าที่เห็นเป็นประจำเมื่อตอนอยู่มหาวิทยาลัย ความจริงแล้วซ่อนความน่ารักไว้มากมาย ไม่แปลกเลยว่าทำไมพี่ชายเธอถึงได้ออกอาการ ‘หลงเสน่ห์’ สาวไทยแท้ๆ คนนี้นัก

“ขอบใจพรรษอีกครั้ง ไอติมรสนี้เป็นรสโปรดของเราเสียด้วย อ่ะ ให้รางวัลค่าที่รู้ใจ” แล้วสาวลูกครึ่งก็ยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มเนียนเสียทีหนึ่ง เพลงพรรษเบิกตาโตด้วยความรู้สึกแปลกๆ การหอมแก้มกันนอกจากไม่ใช่วัฒนธรรมในการขอบคุณของคนไทยแล้ว การหอมแก้มระหว่างเพศเดียวกันก็ดูจะไม่ใช่เรื่องธรรมดานัก

“จะ...จ้ะ” เพลงพรรษตอบรับตะกุกตะกักเรียกเสียงหัวเราะจากคนใจหม่นหมองให้อารมณ์ดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ลิซ่ามองตามสายตาเมษรักษ์แล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ อารดาเป็นคนอย่างนี้เสมอ ใครที่เธอเลือกให้เป็นคนสนิทถึงขั้นรัก จะฐานะไหนก็แล้วแต่ สาวลูกครึ่งเป็นต้องแสดงออกถึงความรักนั้นอย่างไม่ปิดบัง สาวหวานไทยแท้อย่างเพลงพรรษคงอีกนานกว่าจะชิน...หรืออาจไม่มีวันได้ชิน

“อย่าให้น้องรู้เด็ดขาดว่าเพลงพรรษคือคนของพสุธาเทพ” เมษรักษ์พูดขึ้นลอยๆ สีหน้าเขาเรียบเฉย แต่แววตาเต็มไปด้วยความตึงเครียดระคนห่วงใยความรู้สึกคนเป็นน้อง

“ถ้าอยู่ที่นี่รับรองว่าไม่มีวันรู้แน่ค่ะ แต่ถ้าไปอยู่...” ลิซ่าพูดไม่ออกเพราะไม่รู้ว่าบทสรุปของเรื่องเมื่อคืนเมษรักษ์จะตัดสินใจอย่างไร เท่าที่รู้คนอย่างอารดาเมื่อตัดสินใจอะไรแล้วย่อมไม่เปลี่ยนใจ หากรู้เท่ากันคือคนอย่างเมษรักษ์ต้องมีวิธีจัดการกับทุกเรื่องเช่นกัน

“เมื่อน้องเข้าไปอยู่ที่นั่นผมจะหาทางออกเอง และฝ่ายนั้นเองคงไม่เคยพูดถึงคนที่เป็นเพียง ‘เด็กในบ้าน’ คนหนึ่งให้น้องฟัง ไม่อย่างนั้นน้องต้องรู้แล้ว อีกอย่างคนอย่าง ปภาวี พสุธาเทพ จะไม่มีวันให้น้องรู้จักกับคนที่ลูกชายรักและปรารถนาแน่ เพราะผู้หญิงคนนั้นอยากได้น้องเป็นสะใภ้จนตัวสั่นทีเดียว”

“พูดแบบนี้หมายความว่าคุณนัทซึจะยอมให้คุณซุยุแต่งงานและเข้าไปอยู่ในพสุธาเทพเหรอคะ”

เมษรักษ์เงียบ...ไม่เลยเขาไม่ต้องการอย่างนั้นเลย ถึงแม้จะมั่นใจว่าปรานต์ไม่ได้รักซุยุ เขาคงไม่นึกอยากแตะต้องตัวซุยุ แต่ความเป็นผู้ชาย ต่อให้ไม่รัก หากต้องอยู่ใกล้ชิดกัน จะอดหวั่นไหวได้ละหรือ...ยิ่งคิดชายหนุ่มยิ่งอยากขัดขวางน้องสาว

ทว่าลองประกาศลั่นมาอย่างนั้นอะไรก็ห้ามคนใจเด็ดอย่างซุยุไม่ได้แน่

“ไม่ใช่ยอมแต่ผมไม่มีทางเลือก คุณก็รู้ลองถ้าตัดสินใจแล้ว น้องสามารถทำได้อย่างที่พูดจริงๆ”



ตั้งแต่ทำงานที่นราวิวัฒน์มาระยะหนึ่งเพลงพรรษกลับถึงบ้านมืดค่ำแทบทุกวัน รวมถึงวันนี้ด้วย แม้เธอจะยืนยันอย่างไรก็ตามว่าจะกลับบ้านด้วยตัวเอง เมษรักษ์ก็ไม่ยอมฟังเธอเอาเสียเลย ชายหนุ่มชวนชนิดที่คนอย่างเพลงพรรษปฏิเสธไม่ได้ให้กลับด้วยกัน หากเขาจะมาส่งเฉยๆ หญิงสาวคงอึดอัดใจน้อยกว่านี้ แต่นี่เขากลับพาเธอไปทานข้าวบ้าง เดินเล่นบ้าง จนนึกอยากถามเขานักว่าเขาทำอย่างนี้เพื่ออะไรกันแน่ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่กล้าถามออกไป

นับว่าโชคดีที่ไม่มีใครสนใจการกลับมาของเธอนัก และภาวนาอย่าให้มีใครสักคนมาดักรออยู่ที่เรือน ร่างบางคิดพลางกระชับกระเป๋าเร่งฝีเท้าไปยังเรือนหลังเล็ก เกือบพ้นจากบริเวณสวนด้านหน้าอยู่แล้วเชียว อยู่ๆ ก็มีใครสักคนซึ่งรู้สึกได้ถึงรูปร่างสูงใหญ่มากระกบเธอจากด้านหลัง ใช้มือใหญ่แข็งแรงปิดปากไม่ให้เสียงร้องจากความตกใจหลุดออกมาปลุกคนทั้งบ้านให้ตื่น

“พี่เอง...พรรษ” เสียงคุ้นเคยกระซิบแผ่วใกล้ใบหู หญิงสาวพ่นลมหายใจใส่มือเขาพลางพยักหน้ารับสองสามครั้ง ปรานต์จึงปล่อยร่างบางแล้วเปลี่ยนมาเป็นดึงมือเธอไปยืนในมุมมืดใกล้พุ่มไม้ที่สามารถบดบังพวกเขาจากสายตาใครก็ตามที่อาจเฝ้ามองได้

แสงสลัวรางส่องให้พอมองเห็นสีหน้าและแววตาซึ่งกันและกัน ปรานต์จ้องใบหน้าเรียวนิ่งนานก่อนคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่นจนน่ากลัวว่าเธอจะขาดใจตาย

“พี่...พี่ปรานต์ พรรษหายใจไม่ออกค่ะ” เพลงพรรษบอกเสียงอู้อี้กับอกกว้าง ปรานต์จึงยอมปล่อยเธอเลื่อนมือลงมาจับมือบางทั้งสองข้างขึ้นมาอยู่ระดับอก

“พี่คิดถึงพรรษ...ยิ่งวันนี้ยิ่งคิดถึงทั้งวัน ทำไมระหว่างเราถึงต้องเป็นอย่างนี้นะพรรษ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มฟังอ่อนล้าเรี่ยวแรง

“พี่ปรานต์เป็นอะไรคะ พรรษงงไปหมดแล้วค่ะ แล้วมาอย่างนี้ถ้าเกิดคุณท่านมาเห็นพี่ปรานต์จะเดือดร้อนเอาได้นะคะ” น้ำเสียงอ่อนหวาน ท่วมท้นด้วยความห่วงใยเสมอมา ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจแห้งแล้งของเขาให้มีชีวิตชีวา

ปรานต์รู้ดีครั้งนี้เขาร้องขอหรือหลีกเลี่ยงการตัดสินใจของคุณปภาวีไม่ได้อีกแล้ว อย่างนั้นแล้วเขาควรทำอย่างไรเล่ากับดวงใจตรงหน้าดวงนี้ ตัดขาดจากเธอก็มิต่างอะไรจากการหยุดลมหายใจ

“อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า...” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอยากลำบาก หัวใจรานร้าวจนแทบแตกกระจุย “พี่ต้อง...แต่งงานกับคนที่คุณแม่เลือกให้”

ราวกับสายฟ้าฟาดลงกลางศีรษะ เส้นประสาททุกส่วนชาวาบ เลือดทุกหยดในกายเหือดหายจนผิวกายผิวหน้าซีดเผือดยามเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่หวาดกลัวตลอดมา บัดนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว แม้จะรู้ว่าไม่วันใดวันหนึ่งปรานต์ก็ต้องไปจากเธอด้วยวิธีนี้ เพลงพรรษก็ไม่ได้เผื่อหัวใจไว้ว่าจะเร็ววันเพียงแค่อีกหนึ่งเดือนเท่านั้น

“แต่พี่จะไม่มีวันรักผู้หญิงคนนั้นนะพรรษ พี่รักพรรษคนเดียว มันเป็นความต้องการของคุณแม่” ยิ่งเขาพูดอย่างนี้น้ำตาเพลงพรรษยิ่งรินไหลลงหางตา หญิงสาวเงยสบตาเขาแน่นิ่ง ฝืนความปวดร้าวในหัวใจเพื่อระบายยิ้มให้กับเขา

“อย่าพูดอย่างนี้สิคะ คุณท่านรักพี่ปรานต์มาก เพราะฉะนั้นคนที่คุณท่านเลือก ย่อมต้องเป็นคนดีและคู่ควรกับพี่ปรานต์ที่สุดแล้ว...พรรษเป็นแค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง ไม่เหมาะสักนิดที่จะให้พี่ปรานต์มาคอยช่วยเหลือ เท่านี้พรรษก็ไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณพี่ปรานต์ยังไงให้หมดแล้วล่ะค่ะ”

สองมือแข็งแรงยกขึ้นโอบประคองแก้มเนียนทั้งสองข้างไว้ไล้หัวแม่โป้งเช็ดน้ำตาให้อ่อนโยน แต่เหมือนยิ่งเช็ดหยาดน้ำใสยิ่งไหลรินลงมาไม่ขาดสาย

“สำหรับพี่ ไม่มีใครมีค่าเท่าพรรษ ไม่มีใครเหมาะสมกับพี่เท่าพรรษหรอกจำไว้นะเด็กดีของพี่” ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตหน้าผากมนแสนรัก เพลงพรรษหลับตารับสัมผัสนั้น เม้มปากเข้าหากันเพื่อสกัดกั้นเสียงสะอื้น

ยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับมือปรานต์แผ่วเบาเช่นกัน ฝืนยิ้มให้เขาอีกครั้ง

“พรรษขอบคุณพี่ปรานต์มากค่ะที่ดีกับพรรษเสมอ นับจากวันนี้ไปเราต้องยอมรับความเป็นจริงนะคะ พรรษยินดีกับพี่ปรานต์และสัญญาว่าจะเป็นกำลังใจให้พี่ปรานต์ห่างๆ ตลอดไปค่ะ...แต่สำหรับพี่ปรานต์ พี่ปรานต์ต้องลืมพรรษค่ะ เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนจะยอมให้เจ้าบ่าวของตัวเองคิดถึงคนอื่นได้หรอกนะคะ”

หญิงสาวปลดมือปรานต์ออก ยิ้มทั้งน้ำตาให้เขาแล้วหมุนตัวเดินเข้าบ้าน หัวใจปรานต์เหมือนไม่เหลือชิ้นดี เขาคว้าร่างบางกลับมาหาแผ่นอกกว้าง สวมกอดจากด้านหลังแนบหน้ากับเรือนผมนุ่ม รับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้านจากการร้องไห้ของคนในอ้อมกอด

“พี่จะไม่มีวันแตะต้องผู้หญิงคนนั้น เพราะพี่จะไม่มีวันลืมพรรษ...ทางเดียวที่พี่จะลืมพรรษได้ คือทำลายหัวใจพี่ทิ้งเท่านั้น”

เพลงพรรษหันมาสวมกอดเขาไว้ตามที่ใจเรียกร้องต้องการ เธอสะอึกสะอื้นกับอกหนาน้ำตาเปียกชื้น นี่จะเป็นอ้อมกอดครั้งสุดท้ายจากปรานต์...เป็นการกอดแทนคำล่ำลา



เสียงเคาะประตูรัวเร็วหลายครั้งติดกันไม่ได้บ่งบอกถึงการมีมารยาทเลยสักนิด คนที่กำลังนั่งจ้องภาพบางอย่างบนหน้าจอไอแพดและเป็นเจ้าของห้องส่ายหน้าไปมาก่อนเอ่ยปากอนุญาต ประตูถูกผลักเข้ามาแทบจะทันที ชายหนุ่มหันกลับไปมองภาพตรงหน้าต่ออย่างไม่ต้องรอดูว่าใครเข้ามา...เสียงเคาะอย่างนี้มีอยู่คนเดียว

กลิ่นแป้งหอมเคลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมแขนเรียวทั้งสองข้างโอบรอบคอเขาจากทางด้านหลัง วางคางบนไหล่ซ้ายเพื่อชะโงกหน้ามาดูสิ่งที่เขากำลังดูร่วมด้วย

“พี่ชายดูบ้านพักที่เกาะของเราทำไมคะ แน่ะ เอากุญแจออกมาด้วย อย่าบอกนะคะว่าพี่ชายกำลังจะไปพักที่เกาะ”

ครอบครัวพวกเขามีบ้านพักหลังใหญ่อยู่บนเกาะส่วนตัว ซึ่งไม่ได้ไปพักที่นั่นกันนานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าตั้งแต่พวกเขาทั้งสองคนอายุแค่สิบกว่าขวบเท่านั้นเอง ก่อนย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นถาวร และไม่ได้ไปที่นั่นอีกเลย เพราะที่นั่นมีความทรงจำบางอย่างที่ไม่ดีกับเมษรักษ์มารดาจึงยกให้ลุงกับป้าของท่านดูแลให้

“ก็คิดอยู่ว่าจะหาสาวไปอยู่ด้วยสักระยะ ไม่รู้จะมีบ้างไหม” คำพูดทีเล่นทีจริงของพี่ชายทำให้อารดาแปลกใจ เวลาอยู่กับเธอเมษรักษ์อาจชอบพูดเล่น แต่เขาไม่พูดเล่นสไตล์นี้ โดยเฉพาะการพูดถึงบ้านพักหลังนั้นชายหนุ่มแทบไม่เอ่ยถึงนานมากแล้ว

“พี่ชายหมายความว่ายังไง มีอะไรที่เค้าควรรู้แต่ไม่รู้หรือเปล่า” หญิงสาวเปลี่ยนจากโอบรอบคอพี่ชายไปยืนพิงโต๊ะทำงานของเขาด้านหน้าเพื่อจะได้สบตาชัดๆ เมษรักษ์เงยมองน้องสาวด้วยสายตาว่างเปล่า

“ไม่มีอะไรสำคัญ ก็น้องจะทิ้งพี่ไปอยู่ที่อื่น พี่ก็เหงาเป็น เลยคิดว่าจะไปอยู่ที่อื่นบ้าง” ร่างสูงลุกยืน หมุนตัวเดินหนีไปอีกทาง อารดาระบายลมหายใจเบาๆ เดินไปสวมกอดพี่ชายจากด้านหลัง

“เค้าไม่ได้ทิ้งพี่ชายเสียหน่อย ทุกอย่างเค้าทำเพื่อพี่ชายทั้งนั้น เค้าสัญญาว่าจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เชื่อใจเค้านะ” อาการถอนหายใจย้ายมาอยู่กับเมษรักษ์บ้าง จะให้เขาวางใจได้อย่างไรเมื่อน้องสาวคนเดียวกำลังจะเดินเข้าถ้ำเสือ

“ไม่เป็นไร พี่ชินแล้วกับการถูกทิ้ง” เขาหมุนตัวกลับมาสบตาน้องสาวอีกครั้ง ในดวงตาคู่คมมีความรานร้าวพาดผ่านจนอารดาเผลอทำหน้าเศร้า คนเป็นพี่จึงเผยรอยยิ้มยกมือขึ้นบีบจมูกรั้นเบาๆ อย่างหมั่นไส้ “น้องทิ้งพี่ พี่ก็จะไปรักคนอื่นเสียให้เข็ด ไม่สนใจแล้วน้องสาวดื้อๆ แบบนี้”

“แน้...อย่ามาหาเรื่องเค้า นี่อย่าบอกนะว่าพี่ชายน่ะ...เปลี่ยนจากชอบ มาเป็นรักพรรษเข้าแล้ว” คนตัวเล็กกว่ายกนิ้วชี้ขึ้นชี้หน้าพี่ชายอย่างล้อเลียน

“ถ้าพี่ตอบว่าไม่ใช่ น้องจะว่ายังไง”

“เค้าก็จะบอกว่าไม่เชื่อน่ะสิ คนไม่รักที่ไหน ให้ไปนั่งในห้องทำงานด้วยกัน เด็ดดอกแก้วสุดหวงให้ ไปส่งพี่บ้าน...”

“พอๆ แล้วถ้าพี่ตอบว่าใช่ล่ะ น้องจะว่าไง”

“โอ๊ย เค้าจะว่ายังไง ก็ดีใจน่ะสิถามได้ รักเลย น้องเชียร์สุดใจ พรรษเป็นคนดี”

“ดีไม่ดี เราตัดสินตอนนี้ไม่ได้หรอก มันต้องดูกันไปอีกนาน”

“ทีเรื่องความดีล่ะมาอ้างว่าต้องดูอีกนาน ทีเรื่องความรักไม่ยักรอเวลาแฮะ รักเขาง่ายดายได้เลยพี่ชาย” อารดาว่ายิ้มๆ

เมษรักษ์ไม่ตอบว่าอย่างไร ทุกอย่างไม่ว่าจะเรื่องความรัก หรือความดีต้องใช้เวลาและความใกล้ชิดในการพิสูจน์ ชายหนุ่มเหลือบมองกุญแจบ้านพักบนเกาะส่วนตัวที่วางอยู่บนโต๊ะ ปล่อยความคิดไปกับแผนการใหม่ที่เพิ่งคิดได้ในค่ำคืนนี้

...แผนการที่นอกเหนือจากเรื่องงาน



โปรดติดตามตอนต่อไป
น้อมรับทุกคำติ-ชมค่ะ ^^



ปลากัด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2554, 03:10:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2554, 03:10:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1858





<< oOo รุ้งฤดูร้อน บทที่ 10 oOo   oOo บทที่ 12 oOo >>
คิมหันตุ์ 24 พ.ค. 2554, 15:49:31 น.
โอ้ววววววววววววววววว....ซุยุ...นัทซึ..อิอิเปิดตัวกันแล้ว


Pat 24 พ.ค. 2554, 21:51:05 น.
อ้ออออออออออ อย่างนี้นี่เอง (เหมือนจะเข้าใจ ) แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีล่ะค่ะ ค่อยๆเฉลยไปทีละตอนเนอะ^^


anOO 25 พ.ค. 2554, 19:01:43 น.
ไหง...หลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี้ย
แต่ "รัก" ชนะทุกอย่างอยู่แล้วมั้ง


มะดัน 26 พ.ค. 2554, 23:38:13 น.
โอย มีปริศนาเยอะไปม้างงงงงงง. 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account