กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 14

14…..

“ใช่...หน้าตาลื้อไปถูกอะไรมา?” อาซิ่วถามลูกชายคนโต หลังจากมองหน้าเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ในแสงตะเกียงหลุบหลู่
“ นี่เป็นรอยถูกคนชกต่อยมาชัดๆ” อายี่กล่าวย้ำ “ใครต่อยพี่ บอกอั๊วมา อั๊วจะไปชกมันเอง” น้องชายมีทีท่าฮึดฮัด
จนอาซิ่วต้องปรามว่า “อย่าทำตัวเป็นนักเลงอายี่”
“แม่ก้อ…เขาต่อยพี่ใหญ่ อั๊วก็ต้องไปเอาคืนสิ”
อายี่เอ่ยยังไม่ทันจบ อาตั่วก็แทรกขึ้น
“ไม่ต้องเอาคืนเอาแคนอะไรทั้งนั้น”
“ใช่” อาซิ่วเอ่ยสนับสนุน ก่อนจะซักลูกชายคนโตว่า “แต่อาตั่ว ลื้อไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพแบบนี้”
“คือ…” อาตั่วอึกอัก ก่อนขอสัญญาจากมารดาว่า “แม่ต้องสัญญาก่อนว่า พอรู้เรื่องแล้วจะไม่โกรธอั๊ว”
“พูดแบบนี้แสดงว่าลื้อต้องทำความผิดมา” อาซิ่วเอ่ยคาดเดาลางๆ
“แม่ให้สัญญาก่อนสิ แล้วอั๊วจะเล่าความจริงให้ฟัง”
อายี่ก็พอจะรู้สึกได้ว่าต้องเป็นเรื่องร้ายแน่ๆ ด้วยความรักพี่ชายจึงช่วยขอร้องอีกแรง “แม่ก็ให้สัญญาพี่เค้าไปก่อนเถอะ จะได้รู้เรื่อง”
อาซิ่วจึงรับปากว่า “ได้…แม่ให้สัญญาว่าจะไม่โกรธลื้อ” แล้วซักถามต่อทันทีว่า “ลื้อบอกมาสิว่า ลื้อไปทำอะไรมา”
“อั๊ว…อั๊ว…ทำอาฮวยท้อง”
คำตอบของลูกชายคนโตซึ่งมีอายุเพียงสิบสามปีทำเอาอาซิ่วนิ่งอึ้งตะลึงตะไลไปนานหลายอึดใจ ก่อนจะถามอย่างไม่เชื่อหูนักว่า
“ลื้อว่าอะไรนะอาตั่ว
“อั๊วทำอาฮวยท้อง” อาตั่วสารภาพ “แต่ว่าเรารักกันนะแม่ อั๊วรักอาฮวย อาฮวยก็รักอั๊ว”
“ลื้อยังเด็กอยู่เลย…ไม่น่าเลยที่มาชิงสุกก่อนห่าม” อาซิ่วส่ายหน้า พลางทอดถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างหนักอกหนักใจ “แล้วอาฮวยคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใคร?”
“บ้านอีอยู่ใกล้ๆ ร้านขายของที่อั๊วทำงาน อีมาซื้อของกับอั๊วบ่อยๆ เราเลยรู้จักกันและรักกัน” อาตั่วเล่า
“อาฮวยอายุเท่าไหร่?” อาซิ่วถาม
“สิบห้าครับแม่” อาตั่วตอบ
“แล้วพวกลื้อได้เสียกันยังไง? ที่ไหน?” อาซิ่วซักถามลูกชายคนโต
“ที่ร้านขายของ พอกลางคืนปิดร้านแล้ว เถ้าแก่จะกลับไปนอนบ้าน ให้อั๊วนอนเฝ้าร้านคนเดียว อาฮวยแอบมาหาอั๊วที่ร้าน แล้ว…”
อาตั่วตั้งท่าจะเล่ารายละเอียดต่อ แต่อาซิ่วรีบห้าม
“พอแล้วไม่ต้องเล่าต่อ” ก่อนจะถามเข้าเร่ื่องว่า “อีรู้ว่าท้องเมื่อไหร่?”
“เมื่อวาน…พ่อแม่อีตีอี อีจึงบอกว่าอั๊วเป็นพ่อเด็กในท้อง…พี่ชายอีก็เลยมาต่อยอั๊วจนเป็นแบบนี้แหละแม่” อาตั่วสรุป
แต่อาซิ่วยังคลางแคลง “อาฮวยคนนี้ท้องกับลื้อจริงๆ หรือ?”
“ทำไมแม่ถามอย่างนี้?” อาตั่วขมวดคิ้ว
“ที่ถามก็เพราะว่า ผู้หญิงอายุมากกว่าลื้อ น่าจะมีความยับยั้งชั่งใจกว่า แต่อีกลับเป็นฝ่ายมาหาลื้อถึงที่หลับที่นอน”
อาซิ่วชี้จุดที่น่าสงสัย แต่ลูกชายกลับไม่ฟังเสียง เพราะเชื่อมั่นว่า
“เพราะเราสองคนรักกันมาก”
ก่อนจะอ้อนมารดาว่า “ถ้าแม่ไม่ช่วยไปสู่ขออาฮวยให้กับอั๊ว พี่อีจะฆ่าอั๊วตายแน่ๆ”
“สู่ขอ…เรามีอะไรไปสู่ขอเขา?” อาซิ่วถามอย่างรู้คำตอบแน่ชัดแล้วว่า…นางไม่มีสินสอดทองหมั้นอะไรจะไปสู่ขอลูกสะใภ้
“แม่ก็ขายบ้านหลังนี้สิ” อาตั่วเอ่ยง่ายๆ
“ขายบ้านนี้แล้ว แม่กับน้องจะไปอยู่ที่ไหน?”อาซิ่วว่าใส่หน้าลูกชายคนโต
เขาจึงมีทีท่าฮึดฮัด เอ่ยโทษโน่นโทษนี่
“เพราะอั๊วเกิดมาในบ้านคนจน พ่อแม่ไม่ร่ำรวย อั๊วก็เลยไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องทำงานเป็นเด็กร้านขายของที่คนเขาดูถูกเหยียดหยาม พอจะมีเมียก็ไม่มีปัญญาไปสู่ขอ อั๊วไม่รู้ว่าอั๊วจะเกิดมาทำไม?”
อาตั่วพูดจบก็ร้องไห้เสียงดัง
อายี่เข้าไปเอามือแตะไหล่พี่ชาย
“พี่ใหญ่…แม่ยังไม่ได้ว่าจะไม่ไปสู่ขออาฮวยให้พี่ แต่จะให้ขายบ้านนี้อั๊วก็ไม่เห็นด้วย เพราะถ้าขายบ้านไปแล้ว ทั้งแม่ทั้งอั๊วทั้งพี่และพี่สะใภ้ในอนาคตจะไม่มีที่ซุกหัวนอน”
“แล้วลื้อจะให้อั๊วทำยังไง?” อาตั่วสะบัดไหล่ที่น้องชายแตะอยู่
“พี่ก็ให้เวลาแม่คิดก่อนสิ” อายี่เอ่ย
“แม่มัวแต่คิด อั๊วก็ถูกพี่ชายอาฮวยซ้อมตายพอดี” อาตั่วเอ่ยเสียงท้อแท้
“อีคงไม่ทำขนาดนั้นหรอกน่า” อาซิ่วเอ่ยปลอบ “ยังไงอาฮวยก็ท้องอยู่ ถ้าเขาฆ่าลื้อตาย จะหาพ่อที่ไหนให้หลานของเขา”
“เขาว่าเขาฆ่าอั๊วตายแล้ว เขาจะให้อาฮวยไปกระโดดน้ำตายตาม” อาตั่วคุกเข่าลงกอดขาแม่ “แม่…แม่ต้องช่วยอั๊วนะ อั๊วยังไม่อยากตาย แล้วอั๊วก็อยากแต่งงานกับอาฮวย”
“ได้ๆๆ…แม่จะช่วย แต่ให้แม่คิดหาวิธีดูก่อน” อาซิ่วเอ่ยอย่างลำบากใจ เพราะคนเดียวที่สามารถทำหน้าที่แม่สื่อในหมู่บ้านนี้ ไม่มีใครหน้าไหน นอกจากป้าซำ “แม่จะไปขอร้องป้าซำให้ช่วยไปพูดกับพ่อแม่ของอาฮวยดู”

“ฮะๆๆๆๆ…อั๊วอยากหัวเราะให้ฟันร่วง” ป้าซำหัวเราะเยาะใส่หน้าอาซิ่วที่มาหา “ไหนลื้อว่าไม่อยากคบค้าสมาคมกับอั๊วไงล่ะ แล้วยังว่าคิดผิดที่มาหาอั๊วตอนลื้อลำบาก แล้วไงตอนนี้ลื้อมาหาอั๊วทำไม?”
“อั๊วขอโทษที่เคยพูดไม่ดีกับป้าซำ” อาซิ่วเอ่ยเสียงอ่อนๆ
“นึกจะว่าก็ว่า แล้วมาขอโทษทีหลัง มันจะหายเรอะ?” ป้าซำเสียงแข็ง
“น่าป้าซำ ตอนนั้นอั๊วขาดสติเลยพูดจาเลอะเทอะ อั๊วก็ขอโทษป้าซำแล้ว จะให้อั๊วคุกเข่าขอโทษก็ยังได้” อาซิ่วอ้อนวอน
“งั้นลื้อก็คุกเข่าโขลกศีรษะให้อั๊วสามทีเป็นการขอโทษก่อนสิ” ป้าซำยังคงเสียงเอาเรื่อง
“ป้าซำล้อเล่นใช่ไหม” อาซิ่วยิ้มเหย
“อั๊วเอาจริง” นางเอ่ยเน้นทีละคำ “ถ้าลื้อไม่คุกเข่าโขลกศีรษะขอโทษอั๊วก่อนเราก็ไม่ต้องมาพูดคุยเรื่องอะไรกันเลย!”
อาซิ่วจึงจำใจต้องคุกเข่าลงโขลกศีรษะให้แก่ป้าซำ…ครั้งแรกนางโขลกพอเป็นพิธี…แต่ปำซำเอ่ยขึ้น
“โขลกแรงๆ ให้อั๊วได้ยินเสียงโขลกศีรษะด้วย ถึงนับว่าใช้ได้”
อาซิ่วต้องโขลกศีรษะกับพื้นดินแข็งจนเกิดเสียง จนหน้าผากของนางบวมแดง ป้าซำจึงเอ่ยอย่างพอใจว่า
“เอาละ...ใช้ได้”
อาซิ่วจึงลุกขึ้นยืน...กล้ำกลืนความโกรธความเกลียดอีกฝ่ายเอาไว้ในใจ
“ลื้อมาหาอั๊วเรื่องอะไร?” ป้าซำถาม ตัวเองนั่งลงที่เก้าอี้ โบกพัดสานไปมา
“เรื่องมันยาว…ให้อั๊วนั่งลงได้มั้ย?” อาซิ่วถาม เพราะโขลกศีรษะจนมึนปวด
“ก็เอาสิ”
อาซิ่วจึงนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวที่เหลืออยู่ในห้องแคบๆ นั้นซึ่งตั้งอยู่อีกข้างของโต๊ะไม้สี่เหลี่ยม ป้าซำนั้นนั่งอยู่อีกด้านของโต๊ะ
พอนั่งลงเรียบร้อย อาซิ่วก็ว่า “อั๊วมาขอร้องป้าซำให้ช่วยเป็นแม่สื่อให้อาตั่ว”
“หา…ลูกชายคนโตลื้อจะแต่งเมียแล้วเรอะ?” ป้าซำถาม แล้วส่ายหน้าเอง “ล้อเล่นหรือเปล่า อีอายุยังไม่เท่าไหร่เอง”
“อีอายุสิบสาม” อาซิ่วบอกเสียงเบาๆ รู้สึกปวดหน้าผากตุบๆ
“อายุสิบสามไม่มีสมบัติพัสถานอะไร แถมเป็นแค่เด็กฝึกงานร้านขายของ ลูกสาวบ้านไหนเขาจะยอมแต่งให้ละ…อั๊วแค่ฟังก็เก๊กซิมแล้ว” ป้าซำจาระไนคุณสมบัติที่ไม่มีอะไรติดตัวของอาตั่ว ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่นางพูดเสียด้วย
อาซิ่วพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ก่อนโพล่งว่า “บ้านนั้นคงไม่เรียกร้องอะไรมาก เพราะอาตั่วทำลูกสาวเขาท้อง”
“หา!” ป้าซำอุทาน “ลูกลื้อทำไมไวไฟขนาดนั้น นี่ยังดีที่หมู่บ้านเราไม่ได้มีกฎเข้มงวดเหมือนหมู่บ้านข้างๆ นา ถ้าเป็นที่หมู่บ้านข้างๆ โทษของการลักลอบได้เสียกันผิดประเพณีอย่างนี้ชาวบ้านจับตัวไปถ่วงน้ำตายทั้งสองคนเลย”
“อั๊วก็กลัวเรื่องราวจะลุกลาม ถึงได้มาขอร้องป้าซำให้ช่วย” อาซิ่วเอ่ย
“พอมีเรื่องเดือดร้อนก็มาขอร้องอั๊ว พอหมดเรื่องก็ไม่เห็นหัวอั๊ว” ป้าซำบ่นอิดออด
“น่าป้าซำช่วยอั๊วอีกสักครั้งเถอะ” อาซิ่วใช้น้ำเสียงอ้อนวอน
“ช่วยนะช่วยได้ แต่ค่าใช้จ่ายอั๊วก็มี พูดกันตรงๆ ดีกว่า ว่าลื้อจะให้อั๊วเท่าไหร่?” ป้าซำไม่ได้ใจอ่อนเพราะน้ำเสียงอ้อนวอนของอาซิ่วแม้แต่น้อย
“ป้าซำก็รู้อยู่นี่นาว่าตอนนี้อั๊วไม่มีเงิน” อาซิ่วเอ่ยพลางถอนใจ
“ทำไมจะไม่มีเงิน…เงินที่อาเอี้ยอาไน่ให้ลื้อ แล้วลื้อเอาให้อาแปะไปลดค่าตัวอาหมวยไง!” ป้าซำเอ่ย
“อั๊วก็คิดถึงเงินก้อนนั้น…” อาซิ่วสารภาพ “แต่อั๊วจะเอามาใช้จัดพิธีแต่งงานให้อาตั่ว”
“ก็จัดประหยัดๆ สิ…แล้วอั๊วก็ไม่ใช่จะเอาทั้งหมด…อั๊วจะเอาแค่ห้าเหรียญเท่านั้น เหลืออีกสิบห้าเหรียญ ลื้อจัดงานแต่งงานให้ลูกชายได้ถมไป”
“ป้าซำเอาแค่สามเหรียญไม่ได้หรือ?” อาซิ่วต่อรอง
“ห้าน่ะดีแล้ว นี่ถือว่าเป็นคนกันเองหรอกนะ แล้วอั๊วจะจัดการเจรจาสู่ขอผู้หญิงให้ลูกชายลื้อให้สำเร็จ” ป้าซำแย้มยิ้มราวกับเมื่อครู่ไม่มีเรื่องอะไร พลางโบกพัดสานในมือไปมา อย่างอารมณ์ดี
อาซิ่วคิดสาระตะแล้ว คงไม่สามารถทำให้ป้าซำลดหย่อนค่าแรงได้แน่ จึงจำต้องรับปากว่า
“ก็ได้…เราตกลงกันตามนี้…พรุ่งนี้เช้าป้าซำไปเจรจากับพ่อแม่อาฮวยเลยนะ”
“ไม่ได้ๆ” ป้าซำส่ายหน้า
“ทำไมเหรอ?” อาซิ่วถามอย่างสงสัย
“เงินมาก่อน งานจึงเดิน” ป้าซำเอ่ย “พรุ่งนี้…อั๊วกะลื้อไปบ้านอาเอี้ยอาไน่ไปขอเงินยี่สิบเหรียญมาก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
“ก็แล้วแต่ลื้อแล้วกัน” อาซิ่วอ่อนใจ

ในที่สุด…เงิน 20 เหรียญที่อาเอี้ยอาไน่ให้อาซิ่วด้วยความสงสาร แล้วอาซิ่วใช้มันลดหย่อนค่าตัวของลูกสาวคนเล็ก ก็ถูกขอคืนมาเพื่อจัดงานแต่งงานให้อาตั่วกับอาฮวย
แม้งานแต่งงานจะแทบไม่มีอะไรมาก แต่พ่อแม่และพี่ชายของเจ้าสาวก็ยินยอมเพราะฝีปากที่ช่างเจรจาของป้าซำ
เมื่อรับตัวเจ้าสาวมาที่บ้านหลังเล็กและเก่าโทรมของอาซิ่วแล้ว พิธีการแรกก็คือให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวจุดธูปไหว้พ่อสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งตั้งป้ายสถิตวิญญาณไว้กราบไหว้ในบ้าน บอกกล่าวว่าลูกชายคนโต ได้แต่งงานแล้ว ต่อจากนั้นสองบ่าวสาวก็มาคุกเข่ายกน้ำชาให้อาซิ่ว
อาซิ่วยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบพอเป็นพิธี แล้วอวยพรลูกชายและลูกสะใภ้ว่า
“ขอให้รักกัน อยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า มีลูกหลานมากๆ”
“ขอบคุณครับ” ขอบคุณค่ะ”
ทั้งสองรับคำพร้อมเพรียง…อาฮวยพยายามมองว่า มีซองแดงหรืออะไรวางมาที่ถาดน้ำชาหรือเปล่า นางจะได้เป็นฝ่ายยึดเก็บไว้
แต่อาซิ่วหมดเนื้อหมดตัวกับการแต่งลูกสะใภ้แล้ว จึงไม่มีอะไรจะให้บ่าวสาวเป็นขวัญถุง อาฮวยจึงได้แต่บ่นในใจ มีแม่ผัวยากจนก็ไม่มีอะไรจะรับขวัญลูกสะใภ้อย่างนี้แหละ!
ต่อจากนั้นทั้งสองก็ไปยกน้ำชาให้แก่ป้าซำ
ป้าซำยกน้ำชาขึ้นดื่มอึกใหญ่ แล้วก็ว่า
“อั๊วน่ะเห็นใจหนุ่มๆ สาวๆ ที่รักกันหรอกนะ ไม่งั้นไม่ช่วยวิ่งเต้นจนพวกลื้อแต่งงานกันได้อย่างนี้หรอก…”
อายี่ที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ก็แทรกขึ้นว่า “ยายซำก็ได้เงินตั้งห้าเหรียญไม่ใช่เหรอ”
“เฮอะ...เงินแค่นั้นน่ะเปรียบเทียบกับผลงานที่อั๊วทำให้ไม่ได้หรอก ลองเป็นแม่สื่อคนอื่นสิ ดูว่าจะแต่งสำเร็จมั้ย นี่อั๊วเจรจาจนได้แต่งก่อนผ่อนทีหลัง มีที่ไหนอีก”
“เอาละๆ…” อาซิ่วรีบปรามลูกชายคนเล็ก “อายี่ก็เงียบซะ วันนี้เป็นวันมงคลอย่ามาเถียงกันเลย ทุกคนมากินข้าวพร้อมๆ กันเถอะ”
อาหารมื้อสำคัญนั้นมีเพียงผัดผักสองสามอย่าง และแกงจืดปลาชามหนึ่ง และข้าวสวย ซึ่งนานปีทีหนจึงจะได้กินข้าวสวยกัน
ทุกคนจึงกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ยกเว้นอาฮวย เพราะนางอยู่บ้านนางมีอาหารกินที่ดีกว่านี้…ทุกมื้อต้องมีไก่บ้าง มีหมูบ้าง…แต่นี่ผัดผักเปล่า แถมเหมือนเอาผักคลุกน้ำมากกว่าผัดน้ำมัน น้ำแกงปลา…นางก็รู้สึกว่าเหม็นคาว
แต่อาฮวยก็พยายามกล้ำกลืนกิน เพราะคำสอนของแม่ก่อนออกเรือนที่ว่า เลือกสามีฮ่องเต้ ก็ได้เป็นฮองเฮา เลือกสามียาจกก็ได้เป็นแค่นางขอทาน!
หลังจากกินอาหารเย็น ก็ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ
ห้องที่มาจัดแต่งเป็นห้องหอ ก็คือ…ห้องนอนของอาซิ่ว
ส่วนตัวอาซิ่วนั้นต้องย้ายไปนอนห้องเก็บฟืน โดยต่อเตียงไม้หยาบๆ ขึ้นมาตั้งเตียงหนึ่ง พออาศัยเป็นที่หลับนอนได้ ส่วนห้องของอาตั่วกับอายี่นั้น
อายี่เคยพูดกับแม่ว่า “แม่ก็มานอนกับอั๊วสิ”
“ไม่ละ…ลื้อเป็นลูกผู้ชาย นอนคนเดียวจะดีกว่า แล้วเผื่อลื้อโตขึ้นจะแต่งงาน จะได้ใช้ห้องนั้นเป็นห้องหอ แม่จะได้ไม่ต้องย้ายบ่อยๆ”
“อั๊วไม่อยากให้แม่ลำบาก” อายี่เอ่ย
“ไม่ลำบากหรอก…แค่ทำเตียงที่นอนคนเดียวเอาไว้ในห้องเก็บฟืน ฟืนของพวกเราก็มีไม่มากเท่าไหร่ ก็คงไม่เกะกะอะไร” อาซิ่วเอ่ย
“แม่ต้องกางมุ้งและห่มผ้าให้ดีนะ เพราะห้องนั้นลมแรง เพราะมีฝาด้านเดียว อีกสามด้านมีฝาแค่ครึ่งล่าง ครึ่งบนเป็นลูกกรงไม้ห่างๆ” อายี่เอ่ยอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้
“จ้ะๆ…” อาซิ่วรับปาก น้ำตาซึม เพราะตื้นตันใจที่ลูกชายคนรองยังเป็นห่วงเป็นใยตนอยู่
เช้าวันถัดมาหลังจากวันแต่งงาน อาตั่วนั่นตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพื่อรีบกลับไปทำงาน ส่วนอาฮวยนั้นยังนอนหลับสบาย
อาซิ่วยังคิดว่า สักตีห้า อาฮวยจะตื่นขึ้นมาหุงหาอาหารอย่างที่นางสมควรจะทำ
แต่ก็รอเก้อ อาฮวยตื่นเอาเจ็ดโมง ซึ่งอายี่ทนไม่ได้ได้ต้มข้าวให้แม่กินและตนเองกินแล้วรีบออกไปเลี้ยงวัวก่อนแล้ว
อาฮวยตื่นขึ้นมา ก็เข้าไปหาอาหารกินในห้องครัว พอเห็นข้าวต้มที่เหลือไว้ให้นางซึ่งมีน้ำมากกว่าเนื้อ แถมยังเป็นข้าวต้มผสมมันเทศ นางก็ร้องยี้…




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ม.ค. 2556, 11:55:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ม.ค. 2556, 11:57:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1463





<< ตอนที่ 13   ตอนที่ 15 >>
Auuuu 14 ม.ค. 2556, 15:41:07 น.
เหอๆ ท้องกับใครมาละ ถึงมาให้คนอื่นรับเป็นพ่อ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account