กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 15


15…..

อาฮวยจัดแจงหุงข้าวสวย กลิ่นข้าวเดือดโชยไปเข้าจมูกอาซิ่วที่กำลังทอผ้า นางจึงหยุดการทอ ตามกลิ่นข้าวมา ก็เห็นอาฮวยกำลังหุงข้าว
“ลื้อทำอะไร? อาฮวย” อาซิ่วถาม
“อั๊วกำลังหุงข้าวกินเอง…อาม่า (เป็นคำที่ลูกสะใภ้เรียกแม่สามี มีความหมายว่าย่า)” อาฮวยตอบ
“อ้าวก็มีข้าวต้มเหลือไว้ให้ลื้ออยู่ไม่ใช่หรือ” อาซิ่วเอ่ย
“น้ำข้าวนั่นเหรอ…แถมเป็นน้ำข้าวผสมมันเทศที่อั๊วเกลียดที่สุด อยู่บ้านอั๊วไม่เคยกินข้าวผสมมัน แล้วอั๊วก็ไม่ชอบข้าวต้ม อั๊วชอบข้าวสวย” อาฮวยเอ่ยเสียงดังฟังชัด
“แล้วนี่ลื้อกำลังหุงข้าวสวยเหรอ?” อาซิ่วขมวดคิ้ว เพราะข้าวสวยชามเดียวสามารถต้มเป็นข้าวต้มเลี้ยงได้ทั้งครอบครัว
“ใช่แล้ว” อาฮวยตอบ พลางบ่น “ทำไม ไม่มีน้ำใจหุงข้าวเผื่ออั๊ว นี่อั๊วหิวจนมือไม้สั่นไปหมดแล้ว อาม่าอย่าลืมนะว่า อั๊วไม่ใช่ตัวคนเดียว”
“อาฮวย เห็นทีเราจะต้องปรับความเข้าใจกันเสียหน่อย” อาซิ่วพูดอย่างอดกลั้นและอดทน” ครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยเหมือนครอบครัวเก่าของลื้อ ลื้อจะกินข้าวสวยทุกมื้อนั่นไม่ได้หรอก แล้วงานบ้านงานเรือนที่ลื้อสมควรจับสมควรทำ ก็ควรตื่นขึ้นมาทำแต่เช้า ไม่ใช่นอนซะสายอย่างวันนี้”
“นี่อาม่าแต่งอั๊วมาเป็นลูกสะใภ้ หรือจะแต่งอั๊วมาเป็นคนรับใช้ จะมาใช้งานอั๊วหนักตั้งแต่วันแรกอย่างนี้ทีเดียวเหรอ แล้วนี่อั๊วก็กำลังท้องกำลังไส้ จะไม่ให้อั๊วกินให้อิ่ม แล้วลูกในท้องอั๊วจะเป็นยังไง”
“อาฮวย เรามีเงินซื้อข้าวได้แค่พอกินข้าวต้มเท่านั้น เราไม่ได้มีเงินมากพอจะให้ลื้อกินข้าวสวย ลื้อก็ต้องเข้าใจนะ” อาซิ่วพยายามพูดเสียงเรียบที่สุด
“ได้ๆๆ…อาม่าลื้อไม่ต้องพูดมาก อั๊วกินมื้อนี้แล้ว อั๊วจะหาข้าวกินเอง” อาฮวยพูดเสียงสะบัด อาซิ่วไม่รู้จะพูดด้วยยังไงดี จึงได้แต่ส่ายหน้า แล้วออกจากครัว กลับไปทอผ้าต่อ
อาฮวยกินข้าวสวยจนอิ่ม แล้วออกจากบ้านไป
อาซิ่วซึ่งนั่งทอผ้าเห็นหลังลูกสะใภ้ไวๆ ก็เรียก
“อาฮวยๆ…ลื้อจะไปไหน?”
อาฮวยได้ยินเสียงเรียก แต่ไม่สนใจ เดินไปตามถนนดินเรื่อยๆ จุดหมายก็คือบ้าน พอถึงบ้าน อาฮวยก็เข้าบ้านไป พบแม่ที่กำลังนั่งเลือกเมล็ดถั่วอยู่ ก็เรียกอย่างดีใจ
“แม่…”
แม่อาฮวยเงยหน้าขึ้นมาเห็นลูกสาวคนเดียวอยู่ตรงหน้า ก็เรียกอย่างยินดี “อาฮวย ลื้อมาบ้านแล้วเหรอ…อาตั่วล่ะ”
“เขาไม่ได้มาด้วยหรอก” อาฮวยบอกกับมารดา
“อ้าว…แล้วลื้อกลับมาบ้านคนเดียวเหรอ?”
“แม่…อั๊วถูกรังแก” อาฮวยฟ้อง
“ไหน…ใครรังแกลื้อ เล่าให้แม่ฟังซิ” แล้วแม่ของอาฮวยก็ประคับประคองลูกสาวให้นั่งลงที่เก้าอี้ “นั่งลงก่อน…กำลังท้องกำลังไส้ เดินมากๆ ยืนมากๆ ไม่ดี”
อาฮวยนั่งลง แล้วเริ่มต้นร้องไห้สะอึกสะอื้น เล่าเรื่องเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น กลายเป็นนิยายแม่ผัวข่มเหงลูกสะใภ้ พลางต่อท้ายว่า
“แม่คิดดูสิ อั๊วกำลังท้อง อีจะให้อั๊วอดข้าว อีว่า…น้ำข้าว กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน”
“ตายแล้ว…ทำไมอีใจร้ายใจดำขนาดนี้ ไม่ได้แม่ต้องเรียกอาตั่วมาต่อว่า” แม่อาฮวยเชื่อลูกสาวอย่างสนิทใจ
“อย่าเลยแม่” อาฮวยรีบห้าม “อาตั่วอีเป็นลูก อีจะทำอะไรได้ ถ้าอีไปว่าแม่อี อีก็กลายเป็นลูกอกตัญญู ชาวบ้านชาวช่องจะตำหนิเอาได้ ว่าแต่งเมียมา แล้วอาตั่วเชื่อเมียมากกว่าเชื่อแม่”
“มันก็จริง” แม่อาฮวยถอนใจเฮือก
“แม่…บ้านเรามีข้าวกินเหลือเฟือ แม่เผื่อแผ่ให้อั๊วบ้างได้มั้ย?” อาฮวยขอแม่ตรงๆ
“ได้สิลูก” แม่อาฮวยพยักหน้า “แม่จะให้อาตั่วหิ้วข้าวไปให้ลูก อาทิตย์ละถุง”
“อย่าให้พ่อกับพี่ใหญ่รู้นะแม่ อั๊วไม่อยากให้พี่ใหญ่ชกต่อยผัวอั๊วอีก” อาฮวยขอร้องมารดา
“ได้…แม่จะไม่พูดให้พ่อกับพี่เขาฟัง”
เมื่อได้ยินมารดารับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ อาฮวยก็เบาใจ

ตลอดระยะเวลาที่อยู่บนเรือ อาลั้งเมาเรือจนได้แต่นอน ไม่รู้วันไม่รู้คืน จนในที่สุดเรือก็มาถึงเมืองสยามอย่างปลอดภัย อาชุงจูงอาลั้งลงจากเรือตามหลังอาเอี้ยอาไน่ ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย อาเอี้ยอาไน่ก็นั่งรถม้ารับจ้างที่มีมากมายแถวท่าเรือ โดยคนขับรถม้ามาช่วยอาชุงขนของขึ้นรถ แล้วอาซุงกับอาลั้งก็นั่งไปกับรถด้วย
รถม้าพาทุกคนไปยังบ้านของยี่เสี่ย (ลูกชายคนที่สอง) กับสามเสี่ย (ลูกชายคนที่สาม) ลูกชายทั้งสองของอาเอี้ยกับอาไน่ที่อยู่ในย่านคนจีนในเมืองสยาม ซึ่งอยู่ห่างจากท่าเรือไกลโข บ้านของอาเสี่ยทั้งสองด้านหน้าเปิดเป็นร้านขายของที่ใหญ่โตมากในย่านนั้น
มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินผ่านมา นางนุ่งโจงกระเบนกับผ้าแถบ ซึ่งเป็นการแต่งตัวที่แปลกหูแปลกตาสำหรับอาลั้ง อาลั้งกำลังช่วยถือของที่พอจะถือได้ลงจากรถม้า พอนางเดินผ่านมาก็ถ่มน้ำหมากลงพื้น
“อ๊า…” อาลั้งอุทานด้วยความตกใจ
“มีอะไรหรืออาลั้ง?” อาไน่ถาม เพราะได้ยินเสียงเด็กอุทานประหลาดๆ
“ผู้หญิงคนนั้นอีไม่สบาย อีกระอักเลือด” อาลั้งชี้ตามหลังผู้หญิงที่บ้วนน้ำหมาก
อาไน่หัวเราะขบขัน ก่อนจะตอบว่า “นั่นไม่ใช่เลือด แต่เป็นน้ำหมาก
“น้ำหมากคืออะไรหรือคะ?” อาลั้งถาม
“คนที่นี่เขาชอบกินหมาก หมากเป็นผลๆ ข้างนอกสีเขียว ข้างในสีแดงส้มๆ วิธีกินก็จะใช้ผลหมากที่เป็นสีแดงส้มๆ นี่ฝานบางๆ กินกับใบพลูที่ทาปูนแดง ใช้เคี้ยวให้แหลก ก็จะมีน้ำสีแดงเหมือนเลือดออกมา น้ำนี้มีรสฝาด เขาจึงบ้วนทิ้ง” อาไน่อธิบาย
“แล้วเขาจะเคี้ยวหมากไปทำไม ถ้าไม่กินน้ำ” อาลั้งสงสัย
“เขาเคี้ยวให้ปากหอม เคี้ยวรักษาฟัน คนที่กินหมากฟันจะดำ แต่ไม่ผุ เขาเคี้ยวจนหมากจืด เขาก็คายชานหมากทิ้ง แล้วเคี้ยวคำใหม่แทน”
ระหว่างที่อาลั้งสนทนากับอาไน่นั้น อาชุงลอบค้อนแล้วค้อนอีก นึกด่าในใจ…อีเด็กประจบสอพลอ
พอดียี่เสี่ย ซาเสี่ยและสะใภ้กับหลานสาวออกมาต้อนรับอาเอี้ยอาไน่
“อาเอี้ยเข้าไปนั่งพักผ่อนที่ด้านหลังก่อนดีกว่า พวกข้าวของเดี๋ยวให้เด็กๆ ช่วยกันขน อาไน่ด้วย เข้ามาสิครับ”
“ฮ้อๆ…” อาเอี้ยอาไน่พยักหน้า
แล้วอาไน่ก็จูงมืออาลั้งเข้าไปด้านหลังด้วย
ด้านหลังของร้านค้านั้นเป็นห้องโถงกว้าง เพราะตีทะลุตึกแถวสองห้องรวมกัน ทำเป็นห้องรับแขก ร้านค้าของอาเสี่ยทั้งสองนี้เป็นตึกแถวสี่ห้องเปิดรวมกัน จึงใหญ่กว่าร้านอื่นๆ แถมมีสินค้ามากมายหลากหลายชนิดกว่า หน้าร้านก็ดูคึกคัก เด็กช่วยขายของหยิบของขายให้ลูกค้าไม่หยุดมือ ด้านหลังจึงแบ่งออกเป็นห้องรับรองแขกครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งแบ่งเป็นส่วนครัวและที่กินข้าวของพวกเด็กรับใช้กับเด็กรับจ้างหนึ่งในสี่ ส่วนอีกสามในสี่เป็นที่เก็บตุนสินค้า
หลังจากนั่งลงเรียบร้อย สะใภ้ของอาเอี้ยอาไน่ก็มาน้อมคารวะเรียกอาเอี้ยอาไน่
“อาเอี้ยอาไน่เดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ฮ้อๆ…” อาเอี้ยอาไน่ต่างพยักหน้าแย้มยิ้ม
แล้วอาไน่ก็เรียกสะใภ้คนรองว่า “อาจู ที่ลื้อฝากอั๊วซื้อเด็กมาให้นะ คนนี้ไง” พลางชี้ไปที่อาลั้ง “อีชื่ออาลั้ง อายุ 8 ขวบ อายุพอๆ กับอาโน้ย ลูกสาวลื้อเลย เด็กสองคนคงเป็นเพื่อนเล่นกันได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะอาไน่” สะใภ้สองตอบ นางเป็นคนหน้าตาเข้มงวดออกจะดุด้วยซ้ำ รูปร่างสูงโครงกระดูกใหญ่ “เป็นขี้ข้าก็ต้องอยู่ส่วนขี้ข้า จะมาเป็นเพื่อนเล่นของลูกอั๊วที่เป็นคุณหนูได้ยังไง”
“ใช่ค่ะอาไน่ หนูไม่ลดตัวลงไปคบหากับขี้ข้าหรอกค่ะ”
คนเอ่ยเป็นเด็กหญิงอายุพอๆ กับอาลั้ง แต่โครงร่างโตกว่า หน้าตามีเค้าของสะใภ้สอง แต่งกายด้วยผ้าแพรสีกลีบกุหลาบ ที่ทออย่างดี คงมีราคาแพงมากแน่ๆ อาลั้งคิดในใจ
อาไน่อึ้งไปอึดใจ ก่อนจะว่า
“มีอะไรก็ค่อยๆ สั่ง ค่อยๆ สอนก็แล้วกัน”
“อาไน่ กับเด็กพวกนี้ค่อยๆ พูดด้วยไม่ได้หรอกค่ะ ต้องพูดด้วยไม้เรียวจึงจะได้ผล ไม่งั้นอีจะขี้เกียจสันหลังยาว” สะใภ้สองตอบ
อาไน่นิ่ง ในใจอดรู้สึกสงสารเด็กหญิงไม่ได้ เพราะอาลั้งเป็นเด็กลักษณะบอบบาง หน้าตาน่ารัก ผิวพรรณสวย ถ้าถูกเฆี่ยนตี หรือใช้งานหนัก เกรงจะทนไม่ไหว
“เอาเถอะ ช่วงนี้ก็ให้อาลั้งนอนกับอั๊วไปพลางๆ ก่อน เผื่อให้อั๊วเรียกใช้งานกระจุกกระจิก” อาไน่เอ่ย
“ได้ค่ะอาไน่” สะใภ้สองรับคำ
นางมองอาลั้ง แล้วเกิดความรู้สึกไม่ถูกชะตา เพราะเด็กหญิงสวยเกินไป ในความรู้สึกของสะใภ้สอง…เด็กรับใช้จะมาสวยกว่าคุณหนูได้ยังไง!
“ห้องพักจัดเสร็จแล้วค่ะ” อาชุงมารายงาน
“เชิญอาเอี้ยกับอาไน่ขึ้นไปนอนพักผ่อนก่อน” ยี่เสี่ยเอ่ย
“ดีเหมือนกัน นั่งนานๆ ชักจะเมื่อย ได้เอนหลังสักหน่อยก็ดี” อาเอี้ยว่า แล้วเดินตามลูกชายคนรองขึ้นข้างบน ซึ่งจัดเป็นห้องนอนหลายห้องเรียงรายกัน
ยี่เสียเปิดประตูห้องที่เตรียมเอาไว้ให้พ่อกับแม่ ตึกแถวนี้เป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ ตัวบ้านชั้นล่างเป็นตึก แต่ชั้นบนเป็นไม้ พื้นไม้ถูสะอาดสะอ้าน ตั้งเตียงขนาดใหญ่สองคนนอน มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งพร้อม
“ที่นี่คับแคบหน่อยนะครับ”
ยี่เสี่ยออกตัวกับพ่อแม่”
“ไม่เป็นไร เราก็พักอยู่ไม่นานหรอก”
อาเอี้ยตอบ
“ทำไมไม่พักนานๆ ละครับ”
ยี่เสี่ยถาม
“เมืองสยามอากาศร้อน ยิ่งหน้านี้เป็นหน้าร้อน อั๊วคงพักอยู่แค่สิบวันเท่านั้นแหละ” อาเอี้ยตอบ
“น่าเสียดายจริงๆ อั๊วเลยไม่ได้พาอาเอี้ยไปไหว้พระที่เมืองเก่า”
ยี่เสี่ยหมายความถึงอยุธยา
“เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้มีเรือไฟไปมาสะดวกกว่านั่งสำเภาเยอะ” อาเอี้ยตอบ แล้วนั่งลงที่เตียง ยี่เสี่ยจึงขอตัวออกไปดูร้านต่อ
อาไน่ จึงบอกกับอาชุงว่า
“ลื้อพาอาลั้งไปข้างล่าง ให้เด็กๆ เขาทำความรู้จักกันไว้”
“ค่ะ อาไน่”
อาชุงรับคำ แล้วหันไปจูงมืออาลั้งอย่างเสียไม่ได้ พอออกจากห้องอาเอี้ยกับอาไน่นางก็สะบัดมือเด็กหญิงทิ้ง ทำเสียงว่า
“เชอะ…จะไปไหนก็ไป ไม่ต้องมาตามอั๊วแจ”
แล้วนางก็ลงบันไดไปชั้นล่าง อาลั้งยืนงงอยู่ครู่ก็เดินลงไปบ้าง เห็นชั้นล่างที่เป็นบริเวณครัว ซึ่งเป็นที่ขึ้นลงของคนรับใช้ ส่วนบันไดที่ห้องโถงรับรองนั้นเป็นที่ขึ้นลงของเจ้านาย
อาลั้งมองไม่เห็นใคร กำลังงุนงงอยู่ อยู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งมาตบที่ไหล่ พร้อมกับเสียงทักว่า “เฮ้…”
อาลั้งสะดุ้งโหยง หันขวับไปมอง เห็นเด็กหญิงคนหนึ่งไว้ผมสั้น ร่างสูงกว่าอาลั้งเล็กน้อย แต่ล่ำกว่ามาก
“ลื้อชื่ออาลั้งเหรอ?”
เด็กคนนั้นถามอย่างสนใจ
“ใช่” อาลั้งพยักหน้า
“อั๊วชื่ออาเฮี่ยะ ทำงานที่นี่มาหกเดือนแล้ว ลื้ออยากรู้อะไร ลื้อก็ถามอั๊วได้”
อาเฮี่ยะพูดเหมือนผู้กว้างขวาง
“ลื้อถูกขายมาเหมือนกันเหรอ?”
อาลั้งถาม
“ที่สยามนี่ขายคนไม่ได้หรอก แต่แม่อั๊วเอาอั๊วมาผูกปีเอาไว้” อาเฮี่ยะตอบ
“ผูกปีเป็นยังไงเหรอ?” อาลั้งถามอย่างสนใจ
“อาเสี่ยเนี้ยจ้างอั๊วเป็นเงินเดือน แล้วแม่อั๊วก็เอาเงินเดือนหนึ่งปีไปก่อน อั๊วก็ต้องทำงานชดใช้ให้ครบหนึ่งปี จึงจะกลับบ้านได้นะสิ” อาเฮี่ยะตอบ
“อ้อ…” อาลั้งพยักหน้า “ลื้อยังดีที่กลับบ้านได้ แต่อั๊วถูกขายมา อั๊วกลับบ้านไม่ได้ ต้องอยู่ที่นี่จนตาย” เด็กหญิงพูดแล้วอดร้องไห้ไม่ได้
“อย่าร้องไห้นะ” อาเฮี่ยะรีบห้าม “ยี่เสี่ยเนี้ย (สะใภ้สอง) เกลียดเด็กที่ร้องไห้ที่สุด อีว่าเป็นตัวซวย ทำให้ขายของไม่ดี”
อาลั้งรีบกล้ำกลืนน้ำตา ไม่กล้าร้องไห้ เพราะกลัวคำขู่ของอาเฮี่ยะ
“ลื้ออยากรู้มั้ย ว่าที่นี่มีใครอยู่บ้าง?” อาเฮี่ยะเปลี่ยนเรื่อง
อาลั้งพยักหน้าแทนคำตอบ
“ที่นี่คนเป็นใหญ่ที่สุดคือ ยี่เสี่ยกับยี่เสี่ยเนี้ย รองลงมาก็เป็นซาเสี่ย (ลูกชายคนที่สามของอาเอี้ยอาไน่) กับซาเสี่ยเนี้ย ยี่เสี่ยกับยี่เสี่ยเนี้ยมีลูกสาวคนหนึ่ง ชื่อ อาโน้ย แต่ลื้อห้ามเรียกชื่ออีเป็นอันขาด” อาเฮี่ยะบรรยาย
“เพราะอะไร?” อาลั้งถาม
“เพราะอีสูงกว่าลื้อ” อาเฮี่ยะเอ่ยเหมือนคนมีภูมิความรู้
“จริงด้วยอีสูงกว่าอั๊ว” อาลั้งพยักหน้าเข้าใจ แต่จะเข้าใจจริงหรือเปล่า นั้นไม่เป็นปัญหา “แล้วอั๊วต้องเรียกอีว่าอะไร?”
“ต้องเรียกว่าคุณหนู (โก้วเนี้ย)”
“คุณหนู” อาลั้งทวนคำ
“ใช่อย่าลืมเป็นอันขาด”
“แล้วลื้อละ…” อาลั้งถามกลับ “ลื้อสูงเท่ากับอี ลื้อเรียกชื่ออีได้ใช่ไหม?”
ทำให้อาเฮี่ยะอึ้ง ก่อนจะตอบอย่างที่คิดว่า
“อั๊วก็แปลกใจเหมือนกัน อั๊วสูงเท่าๆ กันกับอี แต่อั๊วก็ต้องเรียกอีว่า คุณหนู เหมือนกัน
“อืมม์…” ทั้งสองทำเสียงในลำคอเหมือนกัน ต่างครุ่นคิดเหมือนกัน แล้วอาเฮี่ยะก็ส่ายหน้าก่อนเอ่ยว่า “คิดแล้วงง เอาเป็นว่า อีเป็นคุณหนูแล้วกัน”
อาลั้งพยักหน้าคล้อยตาม ก่อนจะถามว่า “นอกจากนี้แล้วมีใครอีก?”
“ซาเสี่ยกับซาเสี่ยเนี้ยมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง อายุมากกว่าคุณหนูหนึ่งปี ชื่อว่าอาป้อ แต่พวกเราจะต้องเรียกว่า คุณชาย”





คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ม.ค. 2556, 11:54:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ม.ค. 2556, 11:54:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1485





<< ตอนที่ 14   ตอนที่ 16 >>
pattisa 17 ม.ค. 2556, 01:09:13 น.
มาสยามก็ยังเจอคนโหดอีก


อ้อย 17 ม.ค. 2556, 01:34:05 น.
นั่นสิน่าสงสารอาลั้งจังเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account