พักตร์อสูร
ชีวิตปกติสุขของเธอต้องสิ้นสลาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง โชคชะตาหรือเวรกรรม ทำให้มาโผล่ในสถานการณ์ผัว1เมีย6 แถมต้องสู้รบเพื่อเอาตัวให้รอดอีก “ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 5 (3/3) ----- จริงแล้วคือบทที่ 6 (เต็มบท) จ้า

มาอัพอีกทีวันจันทร์นะคะ และขออภัยในความมึนก่อนหน้านี้ค่ะ

--------------------------



เรียน นักอ่านที่รักของอ้อยทุกท่านค่ะ

อ้อยได้อ่านคอมเม้นท์จากทุกท่านแล้ว... รู้สึกดีใจอย่างมากๆ ค่ะ ที่ทุกท่านอ่านแล้วสนุก รัก ชอบ และอินไปด้วย การเป็นนักเขียนไม่มีอะไรจะมีความสุขไปมากกว่าสร้างรอยยิ้มและความรู้สึกก่อนหน้านี้ที่ได้กล่าวมาให้แก่เพื่อนนักอ่าน เป็นครั้งแรกที่กะว่าจะกลับมาตอบคอมเม้นท์แล้วต้องเปลี่ยนใจกะทันหันว่ารีบไปปั่นต้นฉบับเถอะ รีบเขียนเพื่อให้นักอ่านที่รักจะได้อ่านนิยายเรื่องนี้เพื่อความบันเทิงน่าจะถูกต้องที่สุด จึงต้องขอโทษตรงนี้ที่ไม่ได้ตอบคอมเม้นท์ทุกท่านอย่างที่ตั้งใจไว้ในคราวแรกนะคะ เพราะคิดว่าทุกท่านอยากอ่านนิยายมากกว่าอ่านการตอบคอมเม้นท์ ซึ่งหากได้รับการตอบจากนักเขียน ทุกท่านย่อมดีใจ (ซึ่งอันนี้อ้อยก็เป็นเหมือนกัน) แต่ถ้าให้เลือก คงจะขออ่านนิยายมากกว่า จริงไหมคะ


ขอเรียนให้ทราบว่าได้อ่านทุกคอมเม้นท์โดยไม่มีขาดตกค่ะ ดีใจมากๆ ดีใจอย่างที่สุดที่ได้รับการตอบรับจากทุกท่านดีขนาดนี้ ขอขอบพระคุณงามๆ ที่ได้ร่วมบอกความรู้สึกให้คนเขียนงานคนนี้ได้รับรู้และมีกำลังใจสร้างสรรค์งานเขียนเพื่อทุกท่านต่อไป

รัก... จากใจ


สุชาคริยา


หมายเหตุ.-
(1) สถานะปัจุบัน = เร่งปั่นต้นฉบับตาเหลือกค่ะ
(2) คัดลอกข้อความมาจากเว็บเด็กดีจ้า





--------------------------------------------------------------------


สองปีผ่านไป...

อุษามันตราในวัยหกขวบผอมลง ความสูงมากขึ้น ไม่เจ้าเนื้อเหมือนก่อนนี้เพราะต้องเดินทั้งวันแทบไม่หยุดจากการเรียนรู้งานในโรงหล่อโลหะ ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการออกกำลังกาย เวลาว่างก็ไปนั่งดูพี่น้องที่เป็นชายเรียนศิลปะการต่อสู้แล้วมาแอบฝึกลับๆ โดยให้ศีลาดูต้นทาง ความเฉลียวฉลาดช่างจำนั้นเป็นที่ถูกใจนายช่างใหญ่โชติระเส แต่ไม่เคยมั่นคงในความรู้สึกของอุษามันตราเลย

“คุณพ่อเจ้าข้า ดินที่จะเอาขึ้นแบบครานี้เนื้อไม่แน่นอีกแล้ว มูลโคที่จะนำมาทำน้ำมูลก็ไม่สด คนนวดและขึ้นรูปงานก็เหลือเท่าที่เห็นเจ้าข้า”

เสียงเล็กๆ หวานๆ ของอุษามันตรารายงานเมื่อท่านโชติระเสกลับเข้ามา ใบหน้า มือ เท้า และเนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยดินโคลน ผมมุ่นมวยชี้โด่เด่กระเซอะกระเซิงไม่เป็นทรงจากการช่วยบ่าวไพร่เหยียบนวดเนื้อดินโดยไม่ห่วงความสวยความสะอาด

ตอนนี้ในใจของโชติระเสไม่ดีนักเมื่อได้ยิน เขาก้มลงจับเนื้อดินแล้วบี้ตรวจสอบ ดินไม่มีคุณภาพสวนทางกับราคาเมื่อเทียบกับสินค้าแลกเปลี่ยนทำให้เขาไม่สบายใจ ทว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ทำให้เครียดและหนักใจมากขึ้นก็คือเงินทุนสำรองร่อยหรอเพราะจ่ายให้กับญาติของวาดไปก่อนตามที่ภรรยารองแนะนำ

ทว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร สินค้าที่ได้แย่ลงอย่างเห็นได้ชัดและไม่ตรงตามที่ตกลง ซึ่งไม่ใช่แค่หนึ่งครั้ง โชติระเสไม่สบายใจมากขึ้นเมื่อระลึกถึงไม่กี่เพลาก่อนหน้านี้ที่ลูกค้าขอเจรจาผัดผ่อน

ปีนี้แล้งนัก การเพาะปลูกลำบากจนมีผลกระทบต่อผู้คนเป็นลูกโซ่โดยเฉพาะมนสิการ คนกว่าครึ่งร้อยที่ต้องดูแล เบี้ยอัฐที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อของสดและของแห้งเลี้ยงบริวารต้องมีทุกวัน แม้พืชผักในอาณาบริเวณจะมี แต่ก็ไม่ช่วยมากนัก ปัญหาใหญ่คือสภาพคล่องของกิจการยามรายรับลดลงอย่างน่าใจหาย ทว่ารายจ่ายยังคงที่และมีแนวโน้มมากขึ้น ซึ่งหากเป็นอย่างปีก่อน การเพาะปลูกยังดี ฟ้าฝนยังมาก ก็ช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายได้บ้าง

โชติระเสมองไปโดยรอบ โรงหล่อที่ก่อนหน้านี้มีคนงานไม่ต่ำกว่าสามสิบและขยันขันแข็ง แต่เพียงแค่สองปีกว่าๆ นับแต่คุณพ่อมหิทธิคุณาสิ้นบุญ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป คนงานขี้เกียจ คนเก่าแก่ทำงานเต็มกำลังก็มีนับหัวได้ ผลกำไรที่เคยมีก็หดหาย หนี้สินไม่เคยมีกลับมี เขาเสียใจยิ่งนักที่ไม่สามารถดูแลได้ดีกว่านี้

“งานดี ผลงานเลิศ มาจากฝีมือของคนดี มาจากคนที่เชื่อฟัง หากมิฟังกันแล้ว ก็จักต้องเลือกใช้คน อำนาจในมือตนต้องจัดการให้ดี อย่าเกรงคนบ่น อย่ากลัวคนด่า อย่าไว้หน้าคนเสนียด เช่นนั้นจักไร้ระเบียบและเสียระบบ เสียงนกกระจอก ร้องหลอกคชสาร ตัวเจ้าใหญ่เหลือประมาณกลับไร้สติมิพึงระวัง หลายสิ่งเสียหาย เช่นนั้นจงรีบแก้ไข ก่อนตกต่ำกว่านี้เอย”

เสียงร้องรับเป็นจังหวะสนุกเช่นเพลงเรือพร้อมกับเหยียบนวดดินนี้ทำให้โชติระเสต้องหยุดมองอุษามันตรา วาจาของลูกก่อนหน้านี้ที่เขาเคยคิดว่าไม่มีความหมายอะไรมากมาย เป็นเพียงคำพูดของเด็กที่บังเอิญทำให้เขาฉุกคิดได้ซึ่งก็ทำตามบ้างไม่ทำตามบ้าง แต่ในวันนี้... ตอนนี้... เสียงร้องของเด็กน้อยผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขกลับทำให้เขาต้องตระหนัก

โชติระเสตั้งใจฟัง ฟังทุกอย่างให้เข้าไปถึงแก่น ฟังให้เข้าไปถึงหัวใจและส่วนลึก กระทั่งรอบกายเงียบสงัด ทุกสิ่งไม่มีผลต่อความรู้สึก

ภาพหลายอย่างผุดขึ้นนับแต่วันที่คุณพ่อมหิทธิคุณาเสีย เขาผ่านเหตุการณ์ย่ำแย่หลากหลายทั้งในครอบครัวและกิจการ ซึ่งในวันนี้ความย่ำแย่ของกิจการกำลังหมุนเวียนกลับมาเช่นกงล้อบรรจบรอบ หรือจริงแล้ว... ที่ผ่านมามันคือปัญหาที่หมักหมมไว้จนใกล้ปะทุในวันนี้ต่างหาก

เสียงเจื้อยแจ้วช่างจำนรรจ์หลั่งไหลเข้าหัวผสมภาพหลากหลาย โชติระเสยืนนิ่ง ดวงตาของเขามองแผ่นเดิน แต่ความจริงไม่ใช่เลย

เวลาผ่านไปนานเท่าไดไม่ทราบได้ ความกดดันที่แบกไว้ทำให้เขาลืมเวลาเมื่อไตร่ตรอง พี่น้องร่วมพ่อแม่ที่จะช่วยเขาคิดอ่านไม่มีเลย ลูกที่เกิดจากอนุของคุณพ่อก็ไม่มีใครช่วยงานนี้ได้เช่นกัน เพราะถูกกันจากกิจการภายในนับตั้งแต่มีกำหนดว่าให้กับเขารับช่วงต่อ

ตอนนี้... ความรู้สึกของโชติระเสเหมือนดั่งคนตามืดบอด เขามองไม่เห็นหาหนทางพาทุกคนในมนสิการไปให้ถึงฝั่งและพ้นภัย

“ทุกอย่างมีทางออกเจ้าข้า คุณพ่อ”

เสียงนี้พาเขาออกจากภวังค์ ใบหน้าน่ารักน่าเอ็นดูแต่เปื้อนดินนั้นเงยขึ้น มือเล็กๆ เกาะเกี่ยวมือของเขา รอยยิ้มให้กำลังใจของลูกทำให้ตระหนักว่าที่ผ่านมาเขาช่างโง่เขลาและมืดบอดเหลือเกิน

งานในโรงหล่อทุกขั้นตอน ทุกกรรมวิธีการทำ อุปกรณ์ทุกอย่าง อุษามันตราล้วนจดจำและเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี ทำได้ดีกว่าลูกของเขาทุกคน อดทนกว่าลูกของเขาทุกคนแม้เป็นหญิง จนผู้คนรอบข้างต่างอัศจรรย์ใจกับเด็กน้อยวัยหกขวบผู้เป็นบุตรีคนโตของเขา ทว่าเขาไม่เคยสนใจตรงนี้เลย เขาคิดแค่ว่าอุษามันตราคงเล่นสนุกตามประสาเด็กที่สักวันก็จะเบื่อและเหนื่อยหน่าย บางอย่างในตัวของลูกที่แสดงออกเขาคิดเพียงว่าเป็นเพราะความเฉลียวฉลาดส่อแวว ที่สำคัญคือสุดท้ายแล้วลูกก็ต้องออกเรือนไปอยู่ตระกูลอื่น เขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจนัก

โชติระเสเกลี่ยรอยเปื้อนบนแก้มใสเป็นสีชมพูนี้ด้วยหัวใจอันหนักหน่วง ที่ผ่านมาเขาดูแลลูกชาย ให้ความสนใจลูกชาย ไม่เคยเฉลียวใจหรือให้ความสนใจอุษามันตรามากกว่าที่ควรจะเป็น

เขาพลิกมือของลูก สายตามองดู มือของลูกด้าน มือของลูกแตกเพราะไม่เกี่ยงงานทุกอย่างในโรงหล่อ มือนี้ไม่นุ่มนิ่มเช่นเด็กวัยเดียวกันทั้งที่อุษามันตราเป็นหญิงและเป็นถึงบุตรีภริยาเอกของเขา

โชติระเสลูบมือลูกไปมา เขารู้ดีว่ารสชาติความเจ็บปวดเมื่อมือแตกเท้าแตกแต่ต้องหยิบจับของเหลวที่แทรกซึมผิวเนื้อนั้นเป็นเช่นไร รสชาติความความปวดร้าวยามฝ่าเท้าที่แตกนั้นเหยียบนวดดินนั้นเป็นเช่นไร ความปวดแสบจนทำให้กายสั่นนั้นมันทรมานมากมายแค่ไหน โดยเฉพาะเวลาที่ขอบเล็บด้านจนแตกและต้องขึ้นรูปงานหล่อ และจะเจ็บเหลือประมาณยามที่มือนั้นต้องคลุกน้ำมูลโค

ความทรงจำในวัยเด็กของโชติระเสย้อนคืน เขาจ้องเข้าไปในนัยน์ตาของอุษามันตรา ลูกอายุน้อยเพียงนี้ อีกทั้งยังเป็นหญิง แต่กลับไม่เคยปริปากบ่น ความขยันขันแข็งตรงต่อเวลาทำไมเขาจึงมองข้ามานานนับปี เหตุใดจึงปล่อยให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้กับความคิดว่าลูกเพียงเล่นสนุก และสักวันลูกจะออกจากเรือน

เป็นเพราะส่วนหนึ่งเขากลบเกลื่อนความรู้สึกผิดในใจตั้งแต่ครั้งนั้นที่ที่เรือนใหญ่ มากกว่านั้นก็คือเขาเชื่อใจวาด เชื่อว่าว่าจะดูแลลูกชายของเขาให้เป็นผู้สืบทอดกิจการโรงหล่อโลหะที่ดีได้ เชื่อว่าคำแนะนำของวาดจะช่วยได้ในเมื่อวาดคือคนรักของเขา ผูกสมัครรักใคร่กันเมื่อย่างเข้าวัยใกล้ออกเรือน

แต่ในเวลานี้... ที่ทุกอย่างได้ผ่านเข้ามามากมาย ทั้งดี... ทั้งร้าย... โดยเฉพาะความผิดในใจของเขาที่กระทำผิดที่ผิดเวลากับอุษามันตราในครั้งนั้น ก็ทำให้ได้คิด

เขาเพิ่งเห็นบางสิ่งที่ลูกพยายามบอกเป็นนัยมาเนิ่นนาน สิ่งที่ลูกทำทุกอย่างเขาเพื่อเขามาตลอด เขาเพิ่งจะได้เห็น เพิ่งจะเห็น...ในวันที่มนสิการอาจย่อยยับไม่มีวันยืนหยัดได้อีกต่อไป

ในใจของโชติระเสสับสนเหลือประมาณ ความละอาย ความกดดัน ทำให้ต้องครุ่นคิดอย่างหนักเมื่อบางสิ่งบางอย่างปรากฏชัดเจน ความเอนเอียงและรักผู้สืบสกุลกำลังทำให้เขาพากิจการดิ่งลงสู่หุบเหวโดยไม่เฉลียวใจ โดยเฉพาะการพนันที่เผลอเข้าไปแตะต้องจนทำให้เสียหายอย่างมิควรจะเป็น เขาเจ็บแค้นตัวเองยิ่งนัก

“คุณพี่เพิ่งกลับมา น้ำเจ้าข้า”

วาดยกน้ำในขันเงินสลักลายนูนสูงให้ สายตาสองพ่อลูกยังมองกันและกัน โชติระเสรับน้ำไว้ในมือ

อุษามันตราพูดว่า “ลูกจะกลับเรือนแล้วเจ้าข้า”

กล่าวจบก็ถอยกลับไปรีดดินเหนียวออกจากเท้าโดยไม่ทักทายใครอีก

โชติระเสหันมามองวาด ความกดดันสับสนเริ่มมากทวี เมื่อเห็นสายตาของวาดยามมองอุษามันตรา สายตาที่ไม่รัก แต่ก็ไม่สนใจทั้งที่นั่นคือบุตรีของภริยาเอกของเขา ที่ผ่านมาเขาตามใจวาดโดยละทิ้งประเพณีปฏิบัติด้วยใช่หรือไม่ ที่สุดท้ายคนใต้ปกครองจึงขาดความนับถือ

ก่อนหน้านี้คนในโรงหล่อล้วนมีความภาคภูมิใจในงาน ภาคภูมิใจในภูมิปัญญาและฝีมือตนเอง โดยเฉพาะสิทธิการเข้าออกที่น้อยคนนักจะได้รับ แต่มันเริ่มเสื่อมนับตั้งแต่เขาทำผิดกฎเสียเองใช่หรือไม่ ความยุติธรรมอันปวกเปียกจากผู้นำเช่นเขาใช่หรือไม่ ภาพหลากหลายผุดขึ้นหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว ทั้งดี... และไม่ดีจากการกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา

“นายท่านเจ้าข้า แม่จิตราให้มาเรียนนายท่านว่า ได้รับสาส์นจากนายท่านพะลัญจะคหบดี แห่งพาราณสี ขอนายท่านไปที่เรือนใหญ่แต่ไวเจ้าข้า”

บ่าวชายรายงาน ทางเรือนใหญ่ยังคงปฏิบัติตัวเช่นเดิมไม่เปลี่ยน คือไม่เคยเข้ามาก้าวก่าย ไม่เคยย่างกรายเข้ามาล้ำเส้นเงาหลังคาของโรงหล่อโลหะแม้จะเป็นแม่นายใหญ่ของมนสิการแล้วก็ตาม ประเพณีปฏิบัติ... ตยาวดีหรือแม้แต่จิตรายังคงเคร่งครัดไม่เปลี่ยน

น่าสมเพช... ที่ตัวเขากลับละเมิดเสียเอง ความมัวเมาลุ่มหลงในอบายทำให้เขาจมสู่อเวจีแม้ยังหายใจอยู่

การรับรู้ลมหายใจร้อนผ่าวของตนเองและตกใจตื่นกลางดึกในทุกค่ำคืนที่เกิดจากความหวาดผวาเพราะหนี้สินที่ถลำลึกจากการเชื่อคำของวาดไม่ได้น่าพิสมัย รสชาติของคนเป็นลูกหนี้ที่เขาไม่เคยคิดว่าจะได้เจอหลอกหลอนเขาทุกค่ำคืน เพียงแค่สองปีกว่าๆ เขาก็ทำให้มนสิการเสื่อมถอยได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ ทว่าแม้ตอนนี้มิใช่ยามค่ำคืนเขาก็ร้อนรน มิได้เป็นสุขเมื่อต้องเผชิญการทวงหนี้เกือบทุกเพลา ซึ่งไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดแก่ตนเอง

โชติระเสมองหน้าอุษามันตราโดยไม่ได้ตั้งใจ ลูกกำลังมองเขาอยู่ ก่อนจะเดินก้มหน้าไปทางเรือนใหญ่ เขาได้แต่มองตามแผ่นหลังของลูกด้วยความคิดและความรู้สึกหลากหลายที่ประดังประเด

สายตาเมื่อครู่ของอุษามันตราทำให้เขาหายใจไม่ออก สายตา...ที่บอกว่าลูกรออยู่ และไม่ทิ้งเขาไปไหน ขอเพียงเขาเชื่อใจ ลูกจะช่วยเหลือเขาทุกอย่าง

โชติระเสพยายามสะบัดความคิดนี้ทิ้ง บอกตัวเองว่าอุษามันตราอายุเพียงแค่หกขวบเท่านั้น การตำหนิผ่านสายตา ความหมายที่แสดงผ่านสายตา จะเป็นไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ ที่เด็กจะสามารถแสดงออกได้อย่างชัดเจนและแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อได้สื่อให้ทราบถึงบางสิ่งอย่างใจต้องการโดยคนรอบข้างไม่อาจรับรู้ได้นอกจากเป้าหมาย

ทว่าจริงแล้ว เมื่อตอนลูกสี่ขวบ ลูกก็ได้ด่าทอเขาอย่างเจ็บแสบมาครั้งหนึ่งมิใช่หรือ ด่าทอต่อว่าโดยไม่มีคำพูดใดๆ นอกจากคำอธิบายที่เขายังจำได้ไม่ลืม สายตาที่มองประหนึ่งทุบตีเขาจนร้าวลึกเข้าไปถึงหัวใจ ลึก...จนสิ่งที่เห็นนั้นไม่เคยเลือนหายยามประหวัดใจถึง เขารู้ว่าผิดพลาดมากเพียงใดในครั้งนั้น ความรู้สึกผิด ละอาย แต่ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรยังอยู่ในความทรงจำตลอดมา โชติระเสคืนขันน้ำให้วาดโดยไม่ได้ดื่ม

“พวกเจ้าออกไปให้หมด”

เขาสั่งบ่าวและคนงานที่อยู่ในบริเวณนี้ บ่าวใกล้ชิดวาดรับขันน้ำและออกไปพร้อมๆ กันทุกคน เหลือเพียงโชติระเสและวาดสองคนในบริเวณ

“นับจากนี้เป็นต้นไป น้องเจ้าอย่าได้เข้ามาที่โรงหล่อตามธรรมเนียมเดิมที่เคยปฏิบัติ”

วาดหน้าเสีย “เหตุใดหรือเจ้าข้าคุณพี่ น้องทำสิ่งใดผิดรึ”

“เจ้าหาได้ทำสิ่งใดผิดไปดอกแม่วาด เป็นตัวพี่เอง ที่ผิดมาเนิ่นนานนับแต่คุณพ่อท่านสิ้นบุญ”

“น้องมิแจ้งใจเจ้าข้า”

“ประเพณีปฏิบัติของมนสิการคือห้ามหญิงคนใดเข้ามาภายในโรงหล่อเป็นอันเด็ดขาด ยกเว้นสายเลือดของมนสิการที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น แลนั่นจึงเป็นเหตุให้มนสิการกำลังจะพินาศด้วยมือพี่ เจ้ารู้หรือไม่”

น้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่มีความฉุนเฉียวของโชติระเสกลับทำให้วาดใจสั่น หล่อนรู้ว่าที่นี่กำลังมีปัญหา และรู้เรื่องกฎข้อนี้ดี หล่อนไม่ได้เอ่ยขัดจังหวะ ทำเพียงแต่ฟังสิ่งที่โชติระเสพูดต่อ

“คุณพ่อท่านไม่โปรดให้แม่หญิงคนใดเข้ามา สมัยปู่ย่าก็มิเคย ยกเว้นอุษามันตราคนเดียวที่คุณพ่อท่านยินยอม จะด้วยเหตุใดพี่ก็สุดหยั่งรู้ ครั้นถึงรุ่นของพี่ กลับให้เจ้าแลบ่าวของเจ้าเข้าออกตามใจชอบด้วยเพราะรักเจ้านัก แต่บัดนี้... มนสิการกำลังเกิดอาเพศ หากพี่แก้ไขมิทันกาล แม้แต่ที่ซุกหัวนอน... เราก็คงไม่มี”

วาดอ่อนแรงจนถึงกับถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สายตาและคำพูดของโชติระเสหล่อนรู้ดีว่าไม่ได้โกหก หล่อนไม่เคยรู้มากกว่าเรื่องเบี้ยที่ควรได้รับลดลงเรื่อยๆ ในช่วงหลังเพราะต้องช่วยกันประหยัด รู้เพียงมนสิการกำลังลำบาก แต่ไม่เคยคิดว่าจะร้ายแรงถึงเพียงนี้ มนสิการที่เจริญรุ่งเรืองมาหลายชั่วอายุคน เหตุใดต้องมามีเหตุในยามที่หล่อนกำลังมีความสุข

หล่อนรอคอยวันเวลาที่คุณพี่ยกย่องออกหน้าออกตาทัดเทียมกับตยาวดีมานับแต่แตกเนื้อสาว เพิ่งสมใจได้มินานเมื่อคุณท่านมหิทธิคุณสิ้นไป ทว่า... สิ่งที่ได้ยินตอนนี้กลับทำให้หล่อนพูดอะไรไม่ออก

“พี่จะไปเรือนใหญ่ สาส์นจากท่านพะลัญจะคหบดีแห่งพาราณสี คงมิแคล้วให้เร่งชำระหนี้สินที่คงค้างเป็นแน่แท้ พี่ขอให้เจ้าทำตามที่พี่สั่ง หากมิพร้อมใจช่วยเหลือเช่นอยู่ในเรือลำเดียวกันแล้วไซร้ ความวิบัติฉิบหายตายหมู่ก็คงจะเป็นเร็ววันนี้”

โชติระเสเดินจากไป วาดมองเพียงแผ่นหลังที่ค้อมลง ไม่ผึ่งผายเช่นแต่ก่อน เพราะความตรอมตรมในภาระหนี้สิน แม้ใจจะขัดเคือง แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง

เหตุใดกันที่ความสุขของหล่อนช่างสั้นนัก!








เสียงพร่ำบ่นแต่ความหมายคือสงสารแว่วมาให้โชติระเสได้ยิน จิตราและตยาวดีกำลังล้างมือล้างเท้าให้อุษามันตราที่นั่งอยู่ตรงบันไดขั้นแรกของเรือนใหญ่ ยื่นมือยื่นเท้าไปให้ทั้งสองขัดถูอย่างละข้างและอีกอย่างละข้างก็แช่อยู่ในถังใบย่อม ซึ่งคงจะเป็นแบบนี้ทุกวันโดยเขาแทบไม่ได้ได้สนใจเลย ที่ผ่านมาเขามัวเมาลุ่มหลงและจากนั้นก็พยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่างจนไม่มีเวลาดูแลคนรอบตัว ทว่าทุกอย่างกลับเสียหายหนักขึ้นและยิ่งถลำลึกมากทุกที เขาละอายแก่ใจนัก

อุษามันตราหันมายิ้มให้เมื่อเห็น โชติระเสยิ้มให้ลูกแบบไม่เห็นฟันทว่าแววตาหาได้ยิ้มด้วยไม่

“อูย... เบามือก็ดีเจ้าข้า...ป้าจิตรา”

เสียงอ่อยๆ ของอุษามันตราดังบอกนางพี่เลี้ยงของภริยาเอกยิ่งทำให้เหมือนมีผู้ใดโยนกองเพลิงเข้าใส่โชติระเส บุตรีผู้ใส่ใจเขาที่สุด เป็นห่วงเขาที่สุด ใส่ใจมนสิการที่สุด กลับถูกละเลยจากเขามากที่สุด

ตยาวดีวางใยบวบลงในถังไม้ ภริยาเอกของเขาไม่เคยยิ้มหรือมองหน้าเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องบนเรือนใหญ่ เช่นเดียวกับตอนนี้ที่หลีกทางให้โดยใบหน้ายังก้มลง

โชติระเสเดินเข้าไปใกล้ ตยาวดีก้าวถอยหลังออกไปอีกนิดหนึ่ง ทิ้งระยะห่างไว้ไม่ต่ำกว่าสองศอก เขาเดินเข้าไปหาอุษามันตรา อุ้มลูกนั่งบนตัก

“ตยาวดีน้องเจ้า ตักน้ำให้พี่เถิด พี่จักล้างมือให้ลูกเอง”

คำพูดนี้ทำให้อุษามันตรา ตยาวดี และจิดตราถึงกับตื้นตัน แม้จะเป็นเพียงน้ำใจเล็กน้อย แต่ก็ดั่งน้ำทิพย์ชโลมความแห้งเหือดที่มีมานาน น้ำที่เปลี่ยนให้ใหม่ทำให้อุษามันตราซี้ดปากซี้ดคอไม่น้อย

“ไปเอาน้ำต้มอุ่นจัดในครัวมาแช่มือแช่เท้าให้อุษามันตรา น้ำในโอ่งนี่เย็นไป ลูกจักเจ็บแสบ โดยเฉพาะฤดูหนาว”

พูดไป ก็ลูบตามซอกมือซอกเล็บของลูกที่แช่อยู่ในน้ำอย่างทะนุถนอมผิดกับรูปร่างใหญ่โตของโชติระเส

จิตรารีบเดินไปทางครัวโดยไว ส่วนตยาวดีก็เทน้ำเก่าทิ้งแล้วล้างถังไม้ขนาดเล็กนี้ให้สะอาดโดยยังทิ้งระยะห่างไว้ ไม่มีใกล้

“ตยาวดีน้องเจ้า จงเอาน้ำมาแช่เท้าให้ลูกก่อน”

แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเช่นไม่มีอะไร แต่ใครจะรู้ว่าโชติระเสกำลังน้ำตาตกในจากสิ่งที่เห็น จากสิ่งที่สัมผัส โดยเฉพาะความทรงจำเมื่อครั้งยังเด็ก ความเป็นลูกผู้ชายเขาจึงร้องไห้มิได้ แม้เจ็บแสนเจ็บเพียงใดก็ต้องอดทน แต่ลูกอายุน้อยกว่าเขาตอนนั้นนัก แล้วไหนจะการเลี้ยงดูแทบจะทิ้งขว้าง เขาก็ยิ่งสงสาร ยิ่งละอาย ความรู้สึกผิดยิ่งเกาะกุมหัวใจจนอดถามลูกไม่ได้ทั้งที่รู้ดี

“อุษามันตราลูกพ่อ เจ้า...เจ็บมากหรือไม่”

ใบหน้าเล็กๆ นั้นเงยขึ้นมา ส่งยิ้มจนเห็นฟัน แล้วบอกเขาว่า

“ลูกทนได้เจ้าข้าคุณพ่อ”

ลำคอของเขาตีบตัน นี่เขาไปหลงทางอยู่ที่ใด จึงมิรู้ว่าข้างกายยังมีสิ่งที่ดีที่สุดรอให้เขาดูแล โชติระเสยิ้มให้ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ประสมด้วยความรู้สึกมากมายโดยเฉพาะความรู้สึกผิดและสงสาร เป็นรอยยิ้มที่คล้ายยกเพียงมุมปากขึ้นน้อยนิดเท่านั้น

จิตรากลับมาเร็วมาก น้ำอุ่นในถังไม้อยู่ตรงหน้าถูกแบ่งเป็นสองส่วนเพื่อแช่มือและเท้าของแม่นายน้อยอุษามันตรา

“คราหน้าคราใด เจ้าจงอย่าได้นวดดินเช่นนี้อีก พ่อขอสั่งเจ้า”

“แต่คนงานของเรามิพอ หากเรามิช่วยกันแล้ว ผู้ใดจักช่วยเราเจ้าข้าคุณพ่อ”

โชติระเสชะงัก เขายอมรับว่าสิ่งที่ได้ยินทำให้รู้สึกจุก เขาเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วตอบโดยสายตายังมองที่มือของลูก ไม่มองไปทางใด

“พ่อจักทำเอง ลูกเอ๋ย”

“แต่คุณพ่อก็จะเจ็บ แล้วคราวนี้ ผู้ใดจักไปเจรจาความกับคู่ค้าเล่าเจ้าข้า”

เขายิ้มออกมานิดๆ แล้วตอบไปอย่างเอ็นดูว่า “พ่อจะพาอุษามันตราของพ่อไปด้วย เจ้าเจรจาเก่งนักมิใช่รึ จะได้มิต้องมาเจ็บมือเจ็บเท้าเช่นนี้อีก”

พูดจบก็หอมที่ขมับของลูก จิตราและตยาวดีต่างช่วยกันเช็ดล้างอย่างเบามือ ไม่ได้ใช่ใยบวบขัดดูเช่นคราแรกเมื่อเห็นโชติระเสทำเป็นตัวอย่าง ทั้งสามต่างช่วยกันล้างมือเท้าของเด็กน้อยจนเกือบเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว

“คุณพ่อ... คุณพ่อรักลูกกับคุณแม่บ้างหรือไม่...เจ้าข้า”

มือของตยาวดีชะงักค้าง โชติระเสสะอึกเมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาพยายามยิ้มกลบเกลื่อนเมื่อมองใบหน้าที่จ้องมองเขาอยู่ก่อน และตอบว่า

“เจ้าคือลูกของพ่อ พ่อย่อมรักเจ้า ส่วนแม่ของเจ้า เป็นภริยาเอกของพ่อ ไยพ่อจักมิรัก”

“คุณพ่อหลอกลูกหรือไม่เจ้าข้า”

ดวงตากลมโตดูบริสุทธิ์นั้นจ้องเขานิ่ง ปลายจมูกของลูกที่แดงขึ้น น้ำตาเอ่อโดยไม่เอ่ยคำพูดใด โชติระเสยิ่งรู้สึกผิดอย่างมากมายจนยากจะเอ่ย เขาได้แต่ยิ้มให้นิดๆ

“สายตาพ่อโกหกเจ้าหรือไม่ อุษามันตรา”

ใบหน้าน่ารักนั้นพยักครั้งหนึ่ง และส่ายหน้าอีกครั้งหนึ่ง โชติระเสจึงพูดว่า

“เช่นนั้นพ่อจักย้ายข้าวของขึ้นมาบนเรือนใหญ่ มิอาศัยเรือนพักในโรงหล่ออีก นี่จักแสดงให้เห็นว่าพ่อรักเจ้าบ้างหรือไม่ แลไถ่โทษที่ไม่ดูแลเจ้ากับแม่ของเจ้าให้ดีกว่านี้” ‘ทั้งที่เจ้าแลแม่ของเจ้าดีกับพ่อทุกอย่าง’ ประโยคหลังเขาเพียงแต่พูดในใจ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “อุษามันตราของพ่อ จักเชื่อใจพ่อหรือไม่ แลเห็นว่านี่จักทำให้แจ้งใจว่าพ่อรักเจ้าแลแม่ของเจ้าบ้างหรือไม่ ลูกเอ๋ย”

“โบะ”

เสียงถังไม้แช่เท้าก่อนนั้นร่วงลงพื้นเรียกสายตาสองพ่อลูกให้มอง จิตราเป็นคนทำหล่น ไม่เหมือนตยาวดีที่ยังจับถังไว้มั่นคงโดยไม่มีอาการตกใจใดๆ

โชติระเสอุ้มอุษามันตราขึ้นเรือนไปด้วยกัน ยาสมุนไพรถูกนำมาพอกตามมือโดยเฉพาะเล็บและส้นเท้าของลูก เขาเห็นท่านั่งที่ยื่นเท้า แผ่มือออกของอุษามันตราเพื่อให้ยาสมุนไพรแห้งโดยเร็วก็ยิ่งสงสาร จนเมื่อตยาวดีและจิตราออกไป เหลือเขากับลูกสาวไว้ที่หอนั่งซึ่งแวดล้อมด้วยนอกชานที่ต่อเชื่อมเรือนนอนและเรือนทั้งหลายเพียงสองคนเท่านั้น

“ที่ผ่านมาพ่อทำผิด แม้นต่อไปอาจไม่มีมนสิการ แต่พ่อมิเสียใจเลยที่ยังทันได้ดูใจเจ้ากับแม่ของเจ้า อุษามันตราลูกพ่อ”

โชติระเสก้มบอก เขารู้ว่าลูกฟังรู้ความและเข้าใจสิ่งที่เขาเอ่ยไป อุษามันตราขยับเข้ามากอดขาของเขาเอาไว้ในสภาพเอื้ออำนวย นิ้วมือนั้นยังชี้แผ่หลา แล้วซบหน้าไว้กับต้นขาของเขา โชติระเสได้แต่ลูบศีรษะทุยเบาๆ แล้วพูดว่า

“ความเป็นมนุษย์ เมื่อภัยไม่ถึงตัว ย่อมไม่เห็นค่าของผู้จริงใจ ครั้นเมื่อใดจักใกล้ตาย จึงระลึกได้ถึงสิ่งที่ควรกระทำยามใกล้หมดลม พ่อของเจ้าก็เช่นเดียวกัน อุษามันตรา...”

ลูกสาวของเขาลุกขึ้นมา จ้องหน้าเขา แล้วพูดว่า

“คุณพ่อยังมีลูก ลูกมิทิ้งคุณพ่อดอกเจ้าข้า ทูนหัวของลูก”

แล้วกอดเขาเอาไว้ โชติระเสตื้นตัน น้ำตาของเขาดั่งจะเอ่อล้น อย่างน้อยในวันที่เกือบสิ้นหวัง หมดหวัง และท้อแท้ เขาก็ยังได้ดูใจลูก ได้กำลังใจจากลูก ได้ทำบางสิ่งที่ถูกต้อง แม้เนิ่นช้าและเล็กน้อยเหลือเกินเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา

ตอนนี้มนสิการอยู่ในสภาพการณ์เลวร้ายเพียงใดโชติระเสย่อมรู้ดี ไม่มีใครจะรู้ดีเท่าตัวของเขาอีกแล้ว ใจหนึ่งนึกโทษตัวเองที่ยึดมันถือมั่นว่าตัวดีตัวเก่งมากเกินไป ใครใดพูดก็ไม่ฟังหรือเอามาตระหนักคิดให้ดี ความเชื่อมั่นในตนเองได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเกือบพินาศย่อยยับ ที่สำคัญคือลูกของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ละคนก็ยังเล็กนัก โดยเฉพาะอุษามันตราที่เขารู้ว่าได้กระทำการเลวร้ายใดๆ กับลูกบ้าง ทำประหนึ่งทิ้งขว้างไม่สมศักดิ์ศรีลูกภริยาเอก ซึ่งหากตัวเขาถูกคุณพ่อมหิทธิคุณากระทำในแบบเดียวกัน ก็คงยากจะเอ่ยถึงความรู้สึกเจ็บช้ำใจเป็นแน่

จิตราขัดเข่าเข้ามา “นายท่านเจ้าข้า สาส์นจากนายท่านพะลัญจะคหบดี แห่งพาราณสีเจ้าข้า” แล้วยื่นกระบอกสาส์นทรงกลม มีจุกปิดหัวปิดท้ายให้แก่โชติระเส

เขารับมา จิตราถอยห่างออกไป

‘เลยกำหนดผัดผ่อนถึงสามครา จงรีบหาเครื่องขัดดอกแต่ไว หากเข้าฤดูฝนแล้วไซร้ อย่าได้กล่าวว่าล่วงเกินน้ำใจกัน พะลัญจะ’

โชติระเสถอนหายใจ เหลียวมองไปรอบกาย

“แม่จิตรามีสิ่งใดจัดการ ก็จงทำให้แล้วเสร็จเถิด ข้าจะนอนห้องคุณพ่อ จัดเตรียมให้ข้าด้วย”

และเมื่อจิตราออกไป ไม่ใครอีกในที่นี้แม้แต่บ่าว เขาก้มมอง ลูกยังคงจ้องหน้า ทำตาปริบๆ

“มนสิการเราคับขันนัก”

ไม่รู้ว่าสิ่งใดดลจิตดลใจให้เขาพูดถึงความหนักอึ้งที่แบกมานานให้ลูกได้ยิน

“มันเขียนว่าอย่างไรเจ้าข้า”

“หากเราชำระหนี้มิทันกำหนด คงต้องเตรียมเครื่องขัดดอก ด้วยเลยวาระมาแล้วถึงสามครา แต่ถ้ามนสิการมิพร้อม กิจการนี้อาจต้องเปลี่ยนมือ ลูกเอ๋ย ทรัพย์สินที่มี พ่อ...”

โชติระเสพูดต่อไม่ออก

“คุณพ่อเจ้าข้า คืนนี้คุณพ่อจักนอนที่เรือนใหญ่เลยหรือไม่เจ้าข้า”

คำถามนี้ทำให้โชติระเสงุนงงชั่วครู่ แต่ก็ทำให้เขาหยุดพักในเรื่องหนักหน่วงในเสี้ยวลมหายใจหนึ่งเช่นกัน เขาเอ่ยกลับไปด้วยรอยยิ้มนิดๆ เพราะลูกยังยิ้มกว้างให้เขา

“อุษามันตราลูกพ่อ เจ้าเห็นควรเช่นไร”

“รับสำรับเย็นบนเรือนใหญ่ แลให้บ่าวย้ายข้าวของคุณพ่อขึ้นมาเลยเจ้าข้า”

โชติระเสยิ้มมากกว่าเดิมเมื่อเห็นบุตรียิ้มกว้างจนแทบนับฟันขาวสะอาดเรียงกันเป็นระเบียบได้ครบซี่ที่เห็น ลูกคนนี้เปรียบดั่งแสงสว่างเมื่อเขาอยู่ในความมืดมน รอยยิ้มสดใสของอุษามันตราช่างผิดกับตัวเขาในเวลานี้ และยิ้มผิดกับเขาที่ไม่เคยมีรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันแม้แต่ครั้งหนึ่ง

“พ่อจักตามใจเจ้า อุษามันตราของพ่อ”

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * - * -






สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ม.ค. 2556, 09:35:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ม.ค. 2556, 11:54:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2866





<< บทที่ 5 (2/3)   บทที่ 7 (ครึ่งแรก) >>
konhin 16 ม.ค. 2556, 09:47:00 น.
โอ้ ต้องให้เกิดวิกฤตเลยทีเดียวถึงจะเห็นความจริงใจ เกิดเป็นหญิงว่ายากแล้ว เกิดจากหญิงที่ไม่ได้เป็นที่รักของพ่อก็ยิ่งเจ็บ จะรอดูสาวน้อยแสดงปัญญาค่ะ


ree 16 ม.ค. 2556, 09:51:27 น.
แม่นายน้อยจะช่วยคุณพ่อได้อย่างไรหนอ
คงไม่ต้องเอาตัวเองไปขัดดอกกระมัง...


อริสา 16 ม.ค. 2556, 09:59:57 น.
นอกจากบริหารงานผิดแล้วยังติดการพนันด้วยนี่ก็เรื่องใหญ่ ก็ยังดีที่ดูเหมือนจะเริ่มคิดได้


ปิงปิง 16 ม.ค. 2556, 10:09:26 น.
เริ่มฉลาดมานึดนึงตอนใกล้หมดตัว ชิ


ม่านฟ้า 16 ม.ค. 2556, 10:31:57 น.
หลงทางไปเสียนานนะ


Chii 16 ม.ค. 2556, 10:59:18 น.
ทำดีมีคนเห็็นเนอะ


โซดา 16 ม.ค. 2556, 11:11:46 น.
มาให้กอดหน่อยคะ ชอบจริงๆๆ


เดิมเดิม 16 ม.ค. 2556, 11:26:01 น.
ผิดไปแล้ว เริ่มทำสิ่งที่ดีถุกต้อง ก็น่าจะไม่สายเกินไป


แล่นแต๊ 16 ม.ค. 2556, 11:33:05 น.
อุาามันตราจะช่วยคุณพ่อยังไงนะ


wind 16 ม.ค. 2556, 12:13:21 น.
ฉลาดแล้ว ว่าแต่เด็ก 6 ขวบจะช่วยยังไงน้อ


คนที่รอมานาน 16 ม.ค. 2556, 12:15:53 น.
สงสารน้ำตาไลพรากก นี่ถ้าไม่เกิดเรื่องล่มจมคงจะมองไม่เห็นคนบ้านใหญ่ไปอีกนาน


Pat 16 ม.ค. 2556, 13:09:12 น.
จะกลายเป็นสำนึกได้เมื่อสายหรือเปล่านี่ อุษามันตราคงมีหนทางช่วยพ่อ


Auuuu 16 ม.ค. 2556, 13:10:42 น.
เฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดเลย ว่าจะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร


แพม 16 ม.ค. 2556, 13:14:31 น.
เอาอะไรไปขัดดอกล่ะ


supayalak 16 ม.ค. 2556, 15:30:16 น.
น่ารักขึ้นทุกวันนะจ๊ะอุษามันตรา ดีมากค่ะลูกเป็นกาวใจให้พ่อกับแม่ด้วย


beeing 16 ม.ค. 2556, 16:30:40 น.
แสดงความเป็นอภิชาตบุตรให้พ่อแม่ได้ภูมิใจหน่อยซิจ๊ะแม่นายน้อยอุษามันตรา


imsoul 16 ม.ค. 2556, 16:43:59 น.
เอาใจช่วยนะเจ้าคะ


แว่นใส 16 ม.ค. 2556, 16:53:17 น.
น่านซินะ จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรดีนะ


ใบบัวน่ารัก 16 ม.ค. 2556, 17:23:06 น.
ขอถามตรงๆนะ จะหายโง่ และเลิกหลงเมียรอง หรือยัง
หรือจะโง่ตลอดไป


crossbear 16 ม.ค. 2556, 19:35:04 น.
ลุ้นๆๆๆๆๆๆ อยากรู้้ว่าจะช่วยท่าพ่ออย่างไร


chompuh 16 ม.ค. 2556, 21:01:49 น.
ไฮย่ะ กว่ารู้ตัวนะพ่อคู๊ณ


nunoi 17 ม.ค. 2556, 09:27:27 น.
อุษามันตราจะช่วยท่านพ่อยังไงนะ


jink 18 ม.ค. 2556, 11:54:30 น.
เอาล่ะ อุษาจ๋า เอาคืน แม่วาดให้จั๋ง หนับเลยนะ อิอิ


โซดา 20 ม.ค. 2556, 20:58:15 น.
เวียนมาหลายรอบแล้ว เมื่อไหร่จะมาเจ้าคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account