พักตร์อสูร
ชีวิตปกติสุขของเธอต้องสิ้นสลาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง โชคชะตาหรือเวรกรรม ทำให้มาโผล่ในสถานการณ์ผัว1เมีย6 แถมต้องสู้รบเพื่อเอาตัวให้รอดอีก “ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 7 (ครึ่งแรก)



มาอัพอีกทีวันพฤหัสบดีนะคะ


ปล. ได้อ่านทุกคอมเม้นท์แล้ว ดีใจมากค่ะ ขอบพระคุณมากๆ ในความรัก ความชอบ และความรู้สึกที่ได้ให้มา ขอเรียนให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นักอ่านทุกท่านได้ทราบว่าคนเขียนงานคนนี้ดีใจและซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ

รักนะจ๊ะ จุ๊บุ๊ จุ๊บุ๊ / สุชาคริยา


----------------------------------------------






แสงตะวันโพล้เพล้ริมขอบฟ้า อุษามันตราเห็นโชติระเสเหม่อมองอยู่ตรงหอนั่งนานแล้วนับตั้งแต่รับสำรับเย็น เธอรู้ว่าวิกฤติครั้งนี้ไม่ง่ายที่จะผ่าน แต่ก็ไม่ยากที่จะฝ่าฟัน ขอเพียงแค่มีกำลังใจที่ดี ช่วยกันคิดช่วยกันไตร่ตรองให้ดี รับฟังกันและกันให้ดี ก็น่าจะประคับประคองให้ผ่านไปได้ แม้สมบัติและอัญมณีในกำปั่นของคุณแม่เหลือเพียงสองจากทั้งหมดห้าหีบ เพราะเมื่อปีก่อนคุณแม่ได้มอบให้ป้าจิตรานำส่งคุณพ่อเพื่อเลี้ยงคนในมนสิการ ซึ่งมีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าทำไมโรงหล่อจึงดำรงอยู่ได้ทั้งที่กำไรแทบมองไม่เห็น

อุษามันตรารู้ว่าคุณพ่อไม่กล้าเอ่ยปากหยิบยืม เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องที่วาดขึ้นมาบนเรือนใหญ่เมื่อสองปีก่อน คุณแม่ก็แทบจะไม่พูดกับคุณพ่ออีก โดยเฉพาะเรื่องคุณพ่อกับวาดพากันไปถลำลึกในสิ่งใด คนบนเรือนใหญ่ล้วนรู้ดี ที่ผ่านมาได้แต่ภาวนาให้คุณพ่อหลุดพ้นปลักอบายมุขนั้น ท่านไม่ใช่ผีพนัน แต่กลับเข้าสู่เส้นทางนั้นได้เช่นไร ไม่มีใครทราบสาเหตุยกเว้นท่านโชติระเสคนเดียว และคุณธรรมในใจของคุณพ่อยังมีเต็มเปี่ยม เพราะเมื่อครั้งที่คุณแม่ให้กำปั่นไป คุณพ่อก็ไม่รับไว้ แต่เหตุการณ์คับขันของมนสิการจึงได้อาศัยสองกำปั่นรอดพ้นวิกฤติจนมาถึงวันนี้

เธอรู้ว่าตยาวดีโกรธมากแต่ไม่เคยแล้งน้ำใจ ยอมร่วมหัวจมท้ายกับท่านโชติระเส ซึ่งหากเกิดเรื่องร้ายแรงจนถึงขั้นไม่อาจอยู่ในมนสิการได้อีก ป้าจิตราและคุณแม่ได้เตรียมการหาทางออกเอาไว้โดยการกลับไปอยู่กับคุณตาที่ไพศาลี ซึ่งท่านมะณิจันโทคงไม่ยอมให้ลูกและหลานมาตกระกำลำบากเช่นกัน แต่นั่นก็ย่อมหมายความว่าจะถูกตราหน้าจากสังคมที่พิพากษาความผิดของผู้หญิงแยกทางกับสามีให้ได้อับอาย อันเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ผู้หญิงทั้งหลายในสังคมนี้ยอมอดทนกับชีวิตคู่อย่างมากที่สุด เพราะลมปากของคน...บางครั้งก็คือมีดดีๆ ที่ฆ่าเราได้อย่างชะงัดนัก

ทว่าสำหรับอุษามันตราไม่เคยกลัวปากคนสักนิด แต่ที่กลัวและไม่อยากเสี่ยงก็คือเรื่องถูกบีบให้แต่งงาน เพราะหากต้องย้ายไปอยู่กับคุณตาจริง มิแคล้วว่าต้องถูกจับคลุมถุงชนอีกเช่นกัน เกิดคราวซวยไปเจอคนแย่ๆ หนักกว่าที่คุณแม่เจอ เธอมิสู้ทำทุกอย่างให้ดีจนถึงที่สุดเพื่อให้ท่านโชติระเสรักมิดีกว่าหรือ ทำให้คุณพ่อรักเธอให้มากจนไม่อยากให้เธอแต่งงานออกเรือนไปไม่ดีกว่าหรือ เพราะนี่เป็นหนทางแน่นอนว่ารอดพ้นบ่วงที่กำรัดคอเธอมากขึ้นเรื่อยๆ จบเหตุที่จะเกิดผลอย่างตรงจุดที่สุดด้วย

ตอนนี้... เวลาของเธอเหลือไม่มากแล้ว อีกเพียงแค่ห้าปีเท่านั้นก็จะถึงกำหนดดูตัว และที่ผ่านมายังจัดการไปไม่ได้มากเท่าไหร่ ผลที่ได้ก็มีเท่าที่เห็น ไม่รู้จะออกมาเป็นลูกผีหรือลูกคน เช่นนั้นก็คงต้องออกแรงช่วยทุกวิถีทางเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ และสิ่งเดียวที่จะช่วยได้ก็คือความรักของคนในครอบครัวเท่านั้น

ร่างเล็กๆ ของอุษามันตราขัดเข่าเข้าไปหาท่านโชติระเส

“คุณพ่อเจ้าข้า ลูกอยากเรียนหนังสือ ลูกอยากอ่านออกเขียนเป็น คุณพ่อจักสอนลูกได้หรือไม่เจ้าข้า”

“เป็นหญิง เจ้าจักเรียนไปไย ช้าหรือไวเจ้าก็ต้องออกเรือน”

‘ไม่ต้องตอกย้ำขนาดนี้ก็ได้เจ้าข้า’ นึกในใจแบบนั้น แต่ใบหน้าก็ยังฝืนทำเป็นยิ้มร่าเริงที่สุด แล้วบอก

“ลูกจะได้ช่วยคุณพ่ออย่างไรเจ้าข้า สองหัว ดีกว่าหัวเดียว”

คำพูดนี้ทำให้โชติระเสขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ภาษิตเจ้าแปลกนักอุษามันตรา เจ้าจักบอกพ่อว่า คิดการใดควรช่วยกันคิด อย่าตริตรองแต่ผู้เดียวใช่หรือไม่”

“นั่นแหละเจ้าข้า”

อุษามันตราหัวเราะร่วน เธอรู้ดีว่าใช้ศัพท์แปลกๆ ที่บางครั้งคำพูดที่เอ่ย ความหมายก็ไม่ค่อยตรงกันกับคนในสังคมนี้ใช้สักเท่าใด แต่ก็ไม่ยากเกินกว่าจะเข้าใจ เพียงแต่ต้องแปลไปแล้วก็สลับมาแบบนี้

ช่วงแรกตอนมาอยู่ที่นี่ก็มีแต่คนขำ บ้างก็ว่าน่ารักน่าเอ็นดูกับภาษาพูดของเด็ก แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆ แล้ว มันเป็นคำที่มีความหมายและใช้กันในยุคที่เธอเคยอยู่ต่างหาก

“นับแต่วันพรุ่งเลยดีหรือไม่” โชติระเสถาม
“วันนี้เลยก็ได้เจ้าข้า”

คนฟังได้แต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไรต่ออีก ความเงียบเข้าครอบคลุม กระทั่ง...

“คุณพ่อเจ้าข้า ลูกอยากให้คุณพ่อพูดกับลูก มีเรื่องใดไม่สบายใจ ลูกอยากให้คุณพ่อเอ่ยให้ลูกฟัง ขอเพียงคุณพ่อคลายทุกข์ ไม่เศร้าโศก ลูกจักเป็นสุขยิ่งนักเจ้าข้า”

โชติระเสยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบกึ่งถามกับอุษามันตราว่า

“ลูกเอ๋ย เช่นนั้นลูกจักแก้ปัญหาอย่างใดในขั้นแรก หากพ่อมิยอมสอนเจ้าเรียนเขียนอ่าน”

ร่างเล็กๆ นั้นขยับขึ้นไปนั่งตัก เอื้อมมือกอดร่างใหญ่นี้เอาไว้ ซึ่งก็ได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่ง

“ลูกจักกอดคุณพ่อให้แน่นๆ เจ้าข้า”

โชติระเสกอดตอบ ก้มหน้าถาม

“แล้วหากพ่อยังมิยอมละเจ้า”

“ลูกก็จะทำแบบนี้” ร่างเล็กๆ นั้นขยับขึ้นยืน “คุณพ่อต้องก้มหน้ามาหาลูกอีกนิดด้วยเจ้าข้า”

โชติระเสทำตาม อุษามันตราขยับหอมแก้มซ้ายขวาของเขาอย่างละสองที แล้วพูดว่า

“ชื่นใจ”

เพียงเท่านี้ก็ทำให้โชติระเสหัวเราะเสียงดัง สองพ่อลูกกอดกันแน่น โชติระเสกอดลูกไว้เช่นนั้นครู่หนึ่ง

“พ่อขอโทษ อุษามันตรา”

“ลูกรักคุณพ่อเจ้าข้า... เราเริ่มทุกสิ่งได้ใหม่นะเจ้าข้า”

เธอยิ้มให้กำลังใจ รอยยิ้มน้อยๆ ของท่านโชติระเสมอบให้เธอ

“ขอบใจเจ้านัก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

ทั้งสองเงียบกันไปพักหนึ่ง

“หากเรามิได้อยู่ที่มนสิการอีก ลูกจักทำเช่นไร” โชติระเสถาม สายตาเหม่อมองไปไกลโดยไม่ได้ก้มมองคนที่นั่งบนตัก

“ลูกจะขอยืมทรัพย์ในกำปั่นของคุณแม่ไปใช้หนี้ก่อนเป็นเบื้องต้น และจากนั้นจักหาอาชีพเสริม ลูกจะได้อยู่ที่มนสิการต่อได้เจ้าข้าคุณพ่อ”

“อาชีพเสริม”

โชติระเสก้มมอง สีหน้าสงสัย ทำให้อุษามันตราต้องรีบอธิบายว่า

“ก็สร้างกิจการใหม่อย่างไรเจ้าข้าคุณพ่อ โรงหล่อก็ทำ กิจการใหม่ก็ทำ คือ...หารายได้เพิ่มเจ้าข้า”

“แล้วเจ้าจะทำสิ่งใดรึ อุษามันตรา”

“ลูกจักค้าขายเจ้าข้า”

“จักขายสิ่งใดกัน หม้อข้าวหม้อแกงที่เคยเล่นนะรึ ชีวิตจริงมิง่ายเช่นนั้นดอกลูกเอ๋ย”

อุษามันตราส่ายหน้า เขาจึงถามต่อว่า

“รึว่าขายสินค้าเช่นท่าวัดคุ้งเหนือ”

โชติระเสหมายถึงท่าเรือซึ่งเป็นทั้งตลาดน้ำและตลาดบกประจำเมืองมิถิลา เป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้าขนาดใหญ่ มีเรือสินค้ามากมายแล่นเข้าจอดเทียบท่านี้

อุษามันตราส่ายหน้าอีก ก่อนจะพูดว่า

“ไม่เอาเจ้าข้า คุณแม่บอกว่า คุณตาเป็นคหบดีใหญ่แห่งไพศาลี สินค้าของคุณตารับแลกเปลี่ยนจากหลายแคว้น บางสิ่งมิถิลาไม่มี ลูกจักขายสินค้าในแบบที่มิซ้ำกับผู้ใดเป็นตัวชู แลต้องมีสินค้าอื่นหลากหลาย ให้คนหาซื้อง่าย จึงจักสู้คู่แข่งได้เจ้าข้า”

สิ่งที่อุษามันตราเอ่ยทำให้โชติระเสทึ่ง โดยเฉพาะ

“ลูกจักเรียนคุณตา ขอเอาสินค้ามาขายก่อน ขายได้ ก็จะเอาทุนไปคืน ส่วนกำไรลูกจักเก็บไว้ ทรัพย์ในกำปั่นของคุณแม่เป็นต้นทุนให้เราค้าขายได้ อีกอย่าง... คนของเรามีอยู่แล้ว จักต้องใช้ให้เต็มกำลังประโยชน์ การค้าการขายเบื้องต้นคือต้องมีสัจจะ มีความซื่อสัตย์ สินค้าต้องดี หากขายสินค้าอย่างเดียวกัน การดูแลของเราต้องเยี่ยม ทำให้เหนือกว่าคู่แข่งให้ได้ แต่ที่สุดเราต้องมีกำไรเช่นกัน มีกำไรมาก ก็ยิ่งดีมากเจ้าข้า”

อุษามันตราพยักหน้าสำทับ ทว่าสำหรับโชติระเสเขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มากกว่านั้นคือไม่มีความถนัดเอาเสียเลย ชีวิตทั้งหมดของเขาเคยทำแต่โรงหล่อโลหะ ไม่เคยค้าขายมาก่อน ซึ่งโรงหล่อโลหะเหมือนการทำสินค้าผูกขาด แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ที่สำคัญคือเขากลัวการเริ่มต้นใหม่ในสิ่งที่ไม่ถนัด ขนาดสิ่งที่ลูกพูด เขายังคิดตามไม่ค่อยจะทัน แม้นั่นเป็นหลักการเบื้องต้นที่เขารู้ตอนเรียนกับท่านครูวัฑฒะโก มาแล้วก็ตาม

ตอนนี้โชติระเสคิดหาหนทางใดไม่ออกนัก ทุกอย่างมันรุมเร้าเต็มไปหมด รุมเร้า...จนมิกล้าจะที่เอ่ยขอความช่วยเหลือจากใคร เมื่อเคยอยู่ในฐานะผู้เป็นนายมาตลอด เป็นไม้ใหญ่ที่ดูแลคนใต้บังคับบัญชานับแต่จำความได้ ความหยิ่งทะนงทำให้ที่ผ่านมาแทบไม่คุยกับพี่น้องที่เกิดจากอนุของคุณพ่อแม้แต่คนเดียว ทว่าเขากลับทำลายเกียรติของมนสิการเสียเอง นั่นจึงทำให้เขาเหมือนจะหมดหนทาง สิ่งเดียวที่ต้องการคือคู่คิดและคู่ปรึกษาที่จะไม่ดูถูกเขาเท่านั้น แต่ไม่เคยคาดคิดว่าคนๆ นั้นจะกลายเป็นลูกสาวตัวน้อยตรงหน้านี้ เป็นเด็กที่มีวัยเพียงหกขวบกว่าที่กำลังนั่งบนตักของเขานี้ และเป็นลูกที่เขาไม่เคยคิดพึ่งพามาก่อนด้วยมิใช่ลูกชาย จนยากแก่การทำใจในสิ่งที่ได้ยิน

สีหน้าและความคิดของโชติระเสไม่ยากนักที่อุษามันตราจะคาดเดา เธอรู้ดีว่าบิดามีนิสัยเช่นไร ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร นั่นจึงทำให้สิ่งที่คิดไว้แต่แรกนับแต่สิ้นคุณปู่มหิทธิคุณาไม่ผิดจากที่คาดการณ์ เพียงแต่ว่ามันเร็วเหลือเกิน ในใจลึกๆ ก็หวังว่าท่านโชติระเสจะเชื่อเธอสักครั้ง หรือเริ่มที่จะเชื่อสักครั้ง จึงพูดว่า

“หากเราไม่ปรับตัวให้ทันเวลา เราก็จักเสียมนสิการนะเจ้าข้า”

แต่โชติระเสกลับพูดว่า

“พ่อคิดว่าเจ้าควรเรียนได้แล้ว พ่อจักสอนเจ้าแต่บัดเดี๋ยวนี้” แล้วก็หันไปตะโกนสั่งบ่าวที่อยู่ห่างออกไป “ไปเอากระดานชนวนแลหินเขียนมาสองชุดให้ข้าแต่ไว” เพื่อตัดบทการพูดคุย

อุษามันตรารู้ว่าโชติระเสต้องใช้เวลาทำใจ โดยเฉพาะให้ความเชื่อถือเด็กหญิงเช่นเธอ ซึ่งถ้าหากโชติระเสรู้ว่าแท้จริงแล้วจิตวิญญาณของเธอไม่ได้มีความรู้เท่ากับอายุของร่างกายนี้ เขาจะรู้สึกและคิดเช่นไร ประสบการณ์และความรู้เดิมที่เคยสั่งสมมา สอนสั่งให้รู้จักคำว่า ‘เขี้ยวลากดินเมื่อจำเป็น’ เธอเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในอาชีพการงานทั้งที่อายุเพียงยี่สิบเจ็ดปี ไม่ได้เป็นเพียงช่างแต่งหน้าเอฟเฟ็กต์ตามกองถ่ายละครอย่างเดียว แต่มีสตูดิโอหรูเลิศเป็นของตัวเองด้วย

วิวัฒนาการในโลกที่จากมา ความรู้จากการเรียนที่เคยศึกษา แนวคิดที่ได้รับแบบทันสมัย ทำให้เชื่อและมีความมั่นใจว่าเธอดูแลเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไม่ยาก หากได้รับความร่วมมือ

อุษามันตราคิดว่าตอนนี้สมควรแก่เวลาที่ต้องออกโรง ‘บัญชาการหลังม่าน’ เสียที เพราะไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายอันน่ากลัว เพราะไม่ใช่ด้ายแบบไม่ธรรมดา แต่เป็นด้ายที่เปื่อยยุ่ยพร้อมจะขาดทุกเศษเสี้ยววินาที และเสี่ยงต่อความมั่นคงของชีวิตยิ่งกว่าที่เป็นในตอนนี้ ซึ่งเธอจะไม่ขอเสี่ยงด้วยประการใดๆ หวังใจว่าการเริ่มแก้ไขปัญหาคงจะได้ในเริ่มเร็ววันและคุณพ่อจะละทิ้งทิฐิได้ในเร็ววันเช่นกัน

‘ขออย่าให้เลยเถิดจนแก้ไขอะไรไม่ได้ด้วยเถอะ’


เพราะไม่อย่างนั้นนอกจากเธอจะถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนตามประเพณี งานนี้อาจต้องเปลี่ยนรายการเป็นลูกหนี้ขัดดอกแทน ซึ่งมิแคล้วว่าจะต้องเป็นเธออีกนั่นแหละ เพราะมีอายุมากสุดในบรรดาพี่น้องหญิงทั้งหมดและใกล้เป็นสาว อีกทั้งตำแหน่งลูกภริยาเอกของนายช่างใหญ่โชติระเสแห่งมนสิการอันเลื่องชื่อ เป็นหลานตาท่านมะณิจันโท คหบดีใหญ่แห่งไพศาลีก็ช่างหอมหวานสำหรับเจ้าหนี้มากมาย เพราะคำว่าขัดดอกในจดหมายน้อย จะมีอะไรสร้างประโยชน์ได้เท่ากับลูกสาวของลูกหนี้ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่าในตัวตลอดเวลา แถมยังเป็นเครื่องขัดดอกประดับบารมีและออกนอกหน้าได้อย่างงดงามเชียวล่ะ

'ทำไมต้องเป็นอย่างนี้!’

อยากจะร้องตะโกนเหมือนคนบ้า ที่ไม่ว่าสถานการณ์ไหน มันก็ไม่สวยสำหรับเธอสักนิดเดียว

‘ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด’





ผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนแล้วที่โชติระเสขึ้นมาพักบนเรือนใหญ่โดยใช้เรือนนอนเก่าของท่านมหิทธิคุณาผู้เป็นบิดา การเรียนของอุษามันตราเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่งสำหรับครูผู้สอน แม้ความกดดันจากสภาพแวดล้อมทำให้เขาไม่อยากคิดหรือทำอะไร แต่ความมหัศจรรย์ของลูกก็ทำให้มีแรงใจต่อสู้เพื่อปกป้องสิ่งที่เคยละเลยมานาน อุษามันตราน่ารักและงดงามเกินกว่าจะถูกทำร้ายจากผลกระทบที่เขาเป็นผู้ก่อ เมื่อสิ่งของใช้หนี้ย่อมหมายถึงความรู้ต่างๆ และความภักดีจากมนสิการรวมถึงฐานะทางสังคมที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ทว่ามากกว่านั้นก็คือศักดิ์ศรีของโชติระเส

“นายท่านเจ้าข้า สาส์นจากท่านพะลัญจะคหบดีเจ้าข้า”

บ่าวชายรายงาน ใบบอกความจากพิราบสื่อสารถูกนำส่ง ขณะที่อุษามันตรานั่งเรียนในเวลาบ่ายตรงหอนั่ง

เขาวางมันลงอย่างหมดแรง แทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรต่อ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร อยากจะหนีก็หนีไม่ได้ ไม่อยากรับแขกก็ทำไม่ได้เช่นกัน โดยใบบอกนี้เขียนไว้ชัดเจนว่าอีกไม่กี่วัน เจ้าหนี้ของเขาจะมาถึงเพื่อเยี่ยมเยียนด้วยเป็นทางผ่านไปยังจุดหมาย

อุษามันตราเห็นอาการของบิดาทั้งหมด

“ลูกขออ่านได้หรือไม่เจ้าข้าคุณพ่อ”

รอยยิ้มของโชติระเสเหมือนจะร้องไห้ขณะยื่นกระดาษใบเท่าฝ่ามือพันม้วนให้แก่บุตรี อุษามันตรารับมาอ่าน

‘ขอพบทักทาย ด้วยผ่านมนสิการ อีกสองวันข้างหน้าพบกันเพลาเย็น พะลัญจะ’

ข้อความในกระดาษนี้ทำให้แผ่นหลังของอุษามันตราร้อนร้อนวูบวาบ ‘นี่พวกเขาจะมาดูของก่อนยึดใช่ไหม’ นึกแบบนั้นก็มองผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าของคุณพ่อนิ่งขรึม แววตาหม่นหมอง

อุษามันตราขยับตัว อ้อมโต๊ะตัวเตี้ยที่ใช้งานเอนกประสงค์เข้าไปหาโชติระเส เธอก้มกราบแทบเท้า แล้วเงยหน้าขึ้น

“คุณพ่อเจ้าข้า ทูนหัวของลูกจักเมตตา... ให้ความเชื่อถือแก่ลูกสักครั้งได้หรือไม่เจ้าข้า”

โชติระเสยกมือขึ้นเป็นทำนองว่าอนุญาตโดยไม่เอ่ยคำใด

“ขอคุณพ่อได้โปรดเชื่อใจลูกสักครา ลองทำตามที่ลูกบอกเพื่อเตรียมการ หากลูกล่วงเกินคุณพ่อ ก็ขอคุณพ่อได้โปรดอภัยแก่ลูกด้วยเถิด ลูกเรียนคุณแม่เรื่องนี้แล้ว ของในกำปั่นของคุณแม่ จักช่วยเราได้ ขอคุณพ่อได้โปรดละทิ้งทิฐิ เจรจาความกับคุณแม่เถิดเจ้าข้า”

ทั้งสองจ้องตากัน นิ่งแบบนั้นกว่าครู่หนึ่ง เธอกลัวเหลือเกินว่าจะถูกคุณพ่อเตะกระเด็นออกมา ทว่าท่านโชติระเสก็ไม่พูดหรือแสดงท่าทีอะไร จนกระทั่งตยาวดีขัดเข่าเข้ามาหา เป็นครั้งแรกที่หล่อนมองหน้าสามี

“น้องเป็นคนของตระกูลนี้แล้วไซร้ เหตุใดจักอิดออดมิช่วยเหลือ ขอคุณพี่ได้โปรดอย่าถือสาเรื่องเก่าเลยเจ้าข้า ขอคุณพี่โปรดรับฟังน้องบ้าง รับของในกำปั่นไว้เถิด เพราะน้องจักมิแลกอุษามันตรากับเกียรติยศใดแม้แต่มนสิการ ของนอกกายยังหาใหม่ได้ แต่ลูกผู้ประเสริฐหามิได้ง่าย คุณพี่ย่อมรู้ว่าท่านพะลัญจะต้องการสิ่งใด อุษามันตราคือชีวิตของน้อง เกียรติยศใช่สำคัญในเพลานี้ คุณพี่ได้โปรดเมตตาน้องสักครั้งเถิดเจ้าข้า”

นั่นก็เพราะที่ผ่านมาโชติระเสยังยึดความหยิ่งผยองในเกียรติของตนเอง ไม่ยอมเอ่ยหยิบยืมทรัพย์สินใดๆ จากตยาวดีหรือแม้แต่ท่านมะณิจันโทพ่อตาเพื่อแก้ไขปัญหา ทุกอย่างยังคงเงียบกริบ จึงทำให้ตยาวดีไม่อาจนิ่งนอนใจ เพราะเมื่อไหร่ที่ได้ออกปากตกลงกับอีกฝ่ายแล้ว ครั้นต่อให้ต้องใช้ทรัพย์สินไปแลกสิ่งที่ถูกยึดกลับมาได้และมีมูลค่ามากกว่าที่ตกลงกัน แต่นั่นก็ย่อมเสียวาจาสัตย์ที่ได้ให้ไว้ คงยากที่ใครจะเชื่อถือในการดำเนินกิจการต่อไปอีก ที่สำคัญกว่านั้นก็คืออีกฝ่ายจะยอมคืน ‘ของที่ยึดไป’ ให้อย่างง่ายดายโดยไม่ทำลายหรือใช้ ‘เครื่องขัดดอก’ ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็กหรือเด็กสาวจนคุ้มค่าหรอกหรือ

โชติระเสลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องโดยไม่พูดสิ่งใด สองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างจนใจ






สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2556, 17:48:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2556, 18:31:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2744





<< บทที่ 5 (3/3) ----- จริงแล้วคือบทที่ 6 (เต็มบท) จ้า   บทที่ 7 (ครึ่งหลัง 1/2) >>
supayalak 21 ม.ค. 2556, 17:57:32 น.
เอาละสิ อุษามันตราจะทำยังไงดี หากพ่อไม่ยอมรับสิ่งที่แม่เสนอ ไม่อยากคิดเลย สู้สู้นะอุษามันตราโน้มน้าวเจ้าพ่อให้สำเร็จนะเจ้า


แว่นใส 21 ม.ค. 2556, 18:14:19 น.
น่าสงสารจริง


แว่นใส 21 ม.ค. 2556, 18:14:21 น.
น่าสงสารจริง


imsoul 21 ม.ค. 2556, 18:22:35 น.
เศร้าจัง


โซดา 21 ม.ค. 2556, 18:24:56 น.
ขอกรี้ดดดด หน่อยจ้า เวียนมาเปิดหลายรอบแล้วววว


สุชาคริยา 21 ม.ค. 2556, 18:27:12 น.
เพิ่งตื่นเมื่อตอนบ่ายสามนี่เองค่ะคุณโซดา เร่งปั่นต้นฉบับอยู่ กว่าจัดการธุระกินข้าวกินปลาเรียบร้อย ตะวันก็ตกดินอีกแล้ว 5555 ขอโทษที่ให้รอด้วยนะคะ ^^


Auuuu 21 ม.ค. 2556, 18:44:45 น.
เหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อ่านแล้วเครียดเลยยย


คนที่รอมานาน 21 ม.ค. 2556, 18:57:02 น.
ขัดใจจริงทีกับแม่วาดพาเข้าอบายมุขเนี่ยเชื่อจริงไม่ต้องคิดนาน แล้วคนที่เค้าจะช่วยคนที่เค้าคิดดีด้วยเนี่ยคิดนานจัง เล่นตัวไม่หยุดเดี๋ยวก็โดนยึดหมดทั้งบ้าน ทั้งกิจการ ทั้งลูกหรอก


เดิมเดิม 21 ม.ค. 2556, 19:37:55 น.
ตยาวดี เฉียบมาก ไม่แลกอุษามันตรากับอะไร


ร้อยวจี 21 ม.ค. 2556, 19:50:46 น.
ขอให้ปลอดภัย ลดทิฐิด้วยเทอญ


ใบบัวน่ารัก 21 ม.ค. 2556, 20:03:28 น.
งี่เง่ามาก จะจนกรอบแล้ว เรื่องมาก
ชิ ไปขอให้ ยัยวาด ช่วยดิ คงช่วยให้ล่มจมหนัก
ไปอีก สมน้ำหน้าชิ รักแรก กินได้ไหม
เกลื้อกูลในยามลำบากได้ไหม ชิ


แล่นแต๊ 21 ม.ค. 2556, 22:31:16 น.
ชอบคำพูดของตยาวดีจังเลย ...."เพราะน้องจักมิแลกอุษามันตรากับเกียรติยศใดแม้แต่มนสิการ"


ปิงปิง 21 ม.ค. 2556, 22:52:20 น.
สงสัยอุษามันตราจะเป็นของขัดดอก


น้ำแอปเปิ้ล 22 ม.ค. 2556, 01:35:51 น.
ชอบมากๆ ค่ะ คุณอ้อยเขียนนิยายได้ละเอียดมาก แล้วก็ทำคนอ่านบ่อน้ำตาแตกได้ง่ายๆ

ช่วงปีใหม่แวบกลับไทยไปสอยพี่ขุนมาแล้วค่ะ เดินๆ ในร้าน B2S เห็นแล้วถลาเข้าไปเลยทีเดียว สบายใจละตอนนี้ อิอิ


อริสา 22 ม.ค. 2556, 01:58:09 น.
ลุ้นมากๆเลยว่าจะลงเอยยังไง เกอดเป็นหญิงสมัยโน้นลำบากจริงๆ


ree 22 ม.ค. 2556, 07:20:57 น.
โอย เครียด กลัวนายช่างจะถือทิฐิไม่ยอมรับเงิน เอานายน้อยอุษาขัดดอกอ่ะดิ ชีวิตคงเปลี่ยนเยอะเลยนะนั่น แต่จะว่าไป เท่าที่นายช่างยอมสอนหนังสือก็นับได้ว่าเปลี่ยนไปมากแล้วนะ


nunoi 22 ม.ค. 2556, 16:11:34 น.
จะทิฐิไปถึงไหนค่ะ เจ้าคุณพ่อ


konhin 23 ม.ค. 2556, 12:23:26 น.
มีพ่อแบบนี้ โดดน้ำตายง่ายกว่ามั้ยอุษาน้อย


แพม 23 ม.ค. 2556, 23:56:11 น.
อ่านทั้งสองเวปเลย อาจเม้นต์แค่เวปเดียวนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account