ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ึ7.

ตอนที่ 7

และเรื่องที่วรรณรดาคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริง สองวันถัดมามีข่าวซุบซิบในคอลัมน์ ‘กอสซิบไฮโซ’ ว่า ‘ไม่รู้ว่าเพื่อนเผลอหรือขออนุญาตเพื่อนแล้ว วรรณรดา ลิ้มวรรักษ์ กับพี่ปุ้ม ปวุฒิ จึงได้ทานข้าวพลางคุยกันหนุงหนิง’

แม้จะเป็นข่าวเล็ก ๆ แต่ว่า เมื่อนักข่าวบันเทิงพบหน้าปวุฒิที่งานเดินแบบนาฬิกายี่ห้อดังจากสวิสเซอร์แลนด์ไมค์ก็มาจ่อปากพร้อมกับดึงเรื่องเล็กนี้มาให้เป็นหัวข้อสัมภาษณ์ในทันทีครับ...

‘ไม่มีอะไรครับ คุณดากับผม กับขวัญสนิทกันอยู่แล้ว ผมกับขวัญไปปีนังกันมา ขวัญเขาไปถ่ายแบบ ผมอยากไปเที่ยวปีนัง แล้วขวัญกับผมก็ซื้อขนมมาฝากคุณดา ผมว่างเลยเอามาให้ แค่นี้เองครับ’

‘แล้วคนอื่นได้ซื้อมาฝากใครอีกหรือเปล่าคะ’

‘ฝากครับ ฝากหลายคนครับ ช็อคโกแลตที่ปีนังอร่อย..เอ๊ะไม่รู้ในกระเป๋าผมยังเหลือหรือเปล่านะจะได้ให้ชิมคนละก้อน’

การตอบคำถามของสื่อ ไม่จำเป็นต้องตอบตามความเป็นจริง เล่นกับสื่อได้ สื่อรัก ก็จะมีข่าวอยู่เป็นประจำ...

คราวนี้ปวุฒิเอาตัวรอดไปได้ แต่สำหรับขวัญชีวีแล้ว หญิงสาวเริ่มประติดประต่อเรื่องราว

...บ่อยครั้งที่เธอได้ยินว่าวรรณรดาพาลูกค้าไปเลี้ยงที่ครัวปวุฒิ เธอเองก็เจอวรรณรดาที่นั่นบ่อย ๆ เช่นกัน บางทีวรรณรดาไปครอบครัว ไปกับวิศรุต ไปกับเพื่อน ๆ และทุกครั้งที่โทรมาหา วรรณรดาจะต้องเอ่ยปากถามว่า ‘ช่วงนี้พี่ปุ้มเป็นอย่างไรบ้าง...สบายดีไหม’

ขวัญชีวีนึกถึงสายตาของวรรณรดายามที่มองปวุฒิ และนึกถึงการเข้ามาพัวพันต้องการฝากหัวใจของวิศรุต ทั้งที่วรรณรดาก็รู้ว่า ปวุฒินั้นเป็นคู่รักของเธอ ทำไมวรรณรดาไม่ห้ามความรู้สึกของพี่ชายตนเอง...

เป็นเพราะวรรณรดาอยากให้เธอกับปวุฒิเลิกกันอย่างนั้นหรือ ถ้าปวุฒิว่าง วรรณรดาก็พร้อมจะเสนอตัว แล้วปวุฒิล่ะเขาคิดอย่างไรกับวรรณรดา...


และช่วงกลับจากงานเดินแบบเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากปารีส ขวัญชีวีที่มีปวุฒิมารับจากบ้านไปทำงานด้วยกัน ใช้รถคันเดียวกันเพื่อบ่งบอกว่ายังคบหากันอยู่ ก็ตัดสินใจเลียบ ๆ เคียง ๆ เพราะช่วงที่ลงมาจากเวทีนั้น นักข่าวคนหนึ่ง เอาประเด็นนี้มาถามขวัญชีวีอยู่เหมือนกัน แต่ขวัญชีวีก็ตอบไปว่า ‘ตามที่พี่ปุ้มได้บอกไปแล้วเลยค่ะ’

“ข่าววันก่อนนั้นดา เขาเป็นอย่างไรบ้าง โทรมาคุยอะไรกับพี่ปุ้มหรือเปล่า”

“โทรซิ เขาบอกว่าเป็นเพราะเขาชวนพี่กินข้าวเย็น มันก็เลยเป็นแบบนี้ เขาลืมไปว่า พี่เป็นคนดังเป็นแฟนของขวัญ..."

“ลืม..” ถ้าปวุฒิเห็นหน้าขวัญชีวีก็จะรู้ว่าหญิงสาวแบะปากพร้อมกับมั่นใจว่า ตัวเองเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างไม่ผิดเพี้ยนไป และน้ำเสียงเยาะ ๆ นั้นทำให้ปวุฒิต้องรีบแก้ตัว

“ขวัญกำลังเข้าใจดาผิดๆ นะ”

“พี่ก็รู้นี่ว่าอะไรเป็นอะไร” ข้อตกลงของทั้งคู่ คือถ้าวันใดวันหนึ่งอีกคนมีใครที่ใช่ และเบื่อกับการเสแสร้งก็ให้บอกกันตรง ๆ ไม่ต้องทนเทียวรับเทียวส่งกัน ควงกันไปงานต่าง ๆ เพื่อให้เป็นข่าว แต่ว่าปวุฒิก็ไม่เคยทำให้ขวัญชีวีรู้สึกว่าเขาเสแสร้งแกล้งทำเลยสักครั้ง...ปวุฒิชอบเธออย่างชู้สาว แต่ว่าขวัญชีวีกลับรู้สึกว่าเขาเป็นพี่ชายอีกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่เคยคิดเกินเลยแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมทีเดียว

“แต่ดาเขาสนิทกับพี่ อย่างคนรู้จักกันเท่านั้น”

“ขวัญดูออกค่ะว่าดาคิดอะไรกับพี่” ขวัญชีวีดักทาง ทำให้ปวุฒิกลืนน้ำลายลงคงได้อย่างยากลำบาก

“แต่พี่ไม่ได้คิดอะไรกับดา”

“ขวัญอยากให้ดาสนุกกับเกมหัวใจตัวเอง พี่ปุ้มจะว่าขวัญไหมคะ”

“แน่ใจนะว่าทำเพื่อดา...”

“ขวัญไม่มีใคร”

“วิศรุตล่ะ”

“ขวัญไม่ได้ชอบเขา ขวัญบอกพี่ไปกี่รอบแล้วนะ”

น้ำเสียงของขวัญชีวีบ่งอารมณ์ว่าหงุดหงิด จนปวุฒิอยากจะถามว่า ‘แล้วนายฮันหมิงนั่นละ’ แต่เขาก็ยั้งปากไว้ได้ทัน ก่อนจะเล่นบทตื๊อเท่านั้นต่อไป...“พี่ก็ไม่ได้ชอบดา”

“ดาเขาน่าสงสารนะคะ...ดาเป็นคนดีมาก พี่น่าจะเปิดใจให้ดาสักหน่อย พี่ปุ้มคงดูออกว่าดาคิดอะไรกับพี่...”

“ดาเขาบอกอะไรกับขวัญเหรอ”

“เปล่าหรอกค่ะ...ขวัญถึงบอกว่าดาเขาเป็นคนดี พี่ปุ้มก็เป็นคนดี”

“แต่ขวัญก็ไม่ชอบคนดี”

“พี่ปุ้มเป็นพี่ชายของขวัญและจะเป็นตลอดไป หรือพี่ปุ้มไม่อยากเป็น”

“สำหรับขวัญ พี่อย่างไรก็ได้...” น้ำเสียงของปวุฒิประชดประชัน

“เราตกลงกันแล้วนะ ว่าถึงวันหนึ่ง เราต่างคนต่างก็ต้องมีทางเดินเป็นของตัวเอง ตอนนี้พี่ขึ้นแท่นพระเอกตลอดกาลไปแล้ว ขวัญว่าบางทีมันก็ไม่จำเป็นต้องหลอกใคร ๆ อีกแล้วนะ ขวัญเบื่อจะมาตอบคำถามซ้ำ ๆ ซาก ๆ เหมือนกัน”

อีกหนึ่งคำถามที่ถูกถามบ่อย ๆ โดยเฉพาะยามที่ไปงานฉลองมงคลสมรสของเพื่อนในวงการ ‘คู่นี้เมื่อไหร่จะแต่งงานกันเสียที’

ปวุฒิถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมือไปเร่งเสียงจากคลื่นวิทยุเพื่อตัดบทให้ขวัญชีวีรู้ว่า ทุกอย่างระหว่างเธอกับเขายังเหมือนเดิม และขวัญชีวีก็มองออกไปนอกรถสายตาก็มองเห็นรถยนต์ยี่ห้อโปรตอนของมาเลเซีย และขวัญชีวีก็นึกถึงหลินฮันหมิงขึ้นมา....ใบหน้าและดวงตาของเขา ทำให้ขวัญชีวีรู้สึกใจเต้นโครมคราม และพอได้ยินเพลงรักข้ามขอบฟ้า(เนื้อร้อง อ. กวี สัตโกวิท)ที่ดังขึ้นมาเพื่อเบรกอารมณ์ของปวุฒิและเธอ...ขวัญชีวีก็นึกถึงคำทำนายทายทักจากเพื่อนของคุณตา

‘ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น ใช่รักจะดั้น ยากกว่านกโบยบิน รักข้ามแผ่นน้ำ รักข้ามแผ่นดินเมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกลฯ’


“ขวัญไม่อยากให้พี่ปุ้มเสียเวลา” เมื่อเพลงรักข้ามขอบฟ้าจบลงขวัญชีวีก็ตัดสินใจได้ว่าควรที่จะเป็นอิสระเพื่อให้โอกาสกับ ‘เขา’ หลานชายของคุณยายหลินซิ่วอิน

“พี่ไม่ได้เสียเวลาเลยนะขวัญ เวลาที่อยู่กับขวัญทุกนาทีพี่มีความสุขมากนะ ขวัญก็รู้ว่าพี่รักขวัญ”

“แต่พี่ก็รู้ดีว่าขวัญไม่ได้คิดอะไรกับพี่ อย่าให้ขวัญต้องย้ำบ่อย ๆ เลยค่ะ...”
ปวุฒิไม่ต่อปากต่อคำ เขาใช้ความเงียบเป็นเครื่องกั้นระหว่างเขากับเธอ...กระทั่งรถแล่นไปถึงหน้าบ้าน

“ตกลงว่าไงคะ”

“ปรึกษาพี่อรก่อนไหม...” กนกอรรู้เรื่องรักหลอกๆ นี้เป็นอย่างดี

“ปรึกษาไปคำตอบก็ต้องลงเอยที่คำว่าจบค่ะพี่ ขวัญเข้าบ้านก่อนนะ ขอบคุณที่มารับมาส่งค่ะ” ขวัญชีวีเปิดประตูรถและขณะจะขยับตัวลงปวุฒิก็รั้งขอมือของขวัญชีวีไว้

“ขวัญ ขอเวลาพี่อีกสักพักได้ไหม พี่ไม่อยากตอบคำถามสื่อในเวลานี้ แล้วก็ขอเวลาให้พี่ทำใจอีกหน่อยนะ นะครับ”


วันรุ่งขึ้นปวุฒิมากองถ่ายด้วยใบหน้าที่อิดโรย เพราะเมื่อเขากลับไปถึงบ้านเขาก็นั่งดื่มอยู่จนดึก กระทั่งเพียงออที่นั่งทำต้นฉบับอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เปิดประตูห้องนอนออกมาแล้วไล่ให้เขาเข้านอนพร้อมกับถามเขาว่าพรุ่งนี้มีงานตอนเช้าหรือเปล่า พอเขาบอกว่ามี เพียงออจึงตั้งนาฬิกาปลุกไว้ให้...

“พี่ปุ้ม..เป็นอะไร หน้ามุ่ยจัง” ณิชกานต์ที่เล่นละครเรื่องนี้ด้วยเอ่ยทักเขา หลังจากที่แต่งหน้าแต่งตัวรอคิวถ่ายฉากเดียวกัน

“นอนดึก”

“เหมือนมีเรื่องกลุ้มใจมากกว่า สดใสหน่อยซิ”

ปวุฒิถอนหายใจเบา ๆ กลุ้มใจกับ การเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

“มีเรื่องปรึกษานิดได้นะ” ณิชกานต์นั้นพยายามที่เข้าโปรยเสน่ห์ให้ปวุฒิเพราะอยากเห็นความร้าวฉานของและขวัญชีวีแต่เขาก็หาได้สนใจเสน่ห์ของเธอ แต่ณิชกานต์หาได้ละความพยายาม...

และปวุฒิก็เหมือนจะนึกขึ้นมาได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเห็นณิชกานต์ไปกินข้าวกับหลายชายของคุณย่าหลิน ซิ่วอิน ผู้ชายที่ปวุฒิปักใจเชื่อว่า น่าจะมีส่วนทำให้ขวัญชีวีต้องขอตัดความสัมพันธ์แบบหลอกๆ กับเขา ชนิดที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว...

“เอ่อ...วันนั้นเห็นนิดไปกินข้าวกับคุณหลินฮันหมิง”

“ใครค่ะ”

“ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น”

“อ๋อ คุณมาร์คค่ะ พี่วุฒิรู้จักคุณมาร์คด้วยเหรอคะ เขามีชื่อเป็นภาษาจีนเหรอคะ”

“อืม...เขาเป็นคนปีนัง....”

“แล้วอย่างไรคะ”

“ความสัมพันธ์กับเขาเป็นอย่างไรบ้าง ถึงไหนแล้ว”

“ก็...โทรคุยกันบ้างค่ะ” อันที่จริงตั้งแต่วันนั้น วันที่เขาบอกว่าจะโทรกลับมา เขาก็เงียบหายไป และ ณิชกานต์เองก็ไม่ได้โทรกลับไปอีก เพราะคนอย่างเธอก็มีศักดิ์ศรีในตัวเองเหมือนกัน...แต่จะให้บอกตรง ๆ ก็เห็นไม่ใช่ณิชกานต์

“พี่ปุ้มมีอะไรหรือคะ มีปัญหาอะไรกับเขาหรือเปล่า?”

“ไม่มีหรอก ก็แค่อยากรู้ว่า ถึงไหนกันแล้ว”

“คนละประเทศค่ะ เป็นเรื่องไม่ง่ายหนักหรอกที่จะพูดคุยกัน แต่คุณมาร์คเขาหน้าตาดีนะคะ ถ้าอยู่เมืองไทยรับรองเลยว่า ได้เข้าวงการแน่ ๆ”

“จะบอกว่าพี่ไม่ได้เกิดแน่ ๆ ด้วยหรือเปล่า”

“คนละสไตล์กันค่ะ..เข้ม ๆ แบบพี่ปุ้ม มันเป็นลุคส์ของพระเอกเมืองไทยนะคะ ส่วนคุณมาร์คเขาก็แค่อินเทรนด์...”

สองดาราใหญ่ยังคุยกันไม่ทันได้เรื่อง ผู้ช่วยผู้กำกับก็เรียกให้เข้าไปอยู่หน้ากล้องเพื่อสวมบทบาทพี่น้องที่รักกันและพร้อมจะช่วยเหลือกัน...ซึ่งเรื่องนี้ปวุติรับบทพี่ชาย ณิชกานต์รับบทน้องสาว โดยคนดูละครก็ได้แต่คอนแคะว่า สงสัยพี่จะได้ผิวของพ่อ และน้องได้ผิวของแม่มา ซึ่งปัญหาแคสติงไม่เหมาะสมกับบทบาทนี้ก็ยากที่จะไปหมดไปจากวงการละครไทย...


วันนี้ขวัญชีวีมีงานเดินแบบในภาคค่ำ หญิงสาวจึงได้อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดกางเกงขาสามส่วนเสื้อยืดตัวหลวม ๆ ลงมาจากห้องนอนที่อยู่ชั้นบนจนพระอาทิตย์เกือบจะเที่ยงวัน และขวัญชีวีก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าที่ห้องรับแขกนั้นมีคุณคุณยายหลินซิ่วอินนั่งคุยอยู่กับคุณยายของเธอ ภวังค์นั้นขวัญชีวีนึกถึงผู้เป็นหลานชายของคุณยายหลินซิ่วอินขึ้นมา แต่เมื่อมองหาเขาไม่เห็น ขวัญชีวีจึงเข้าใจได้ว่าเขาคงแค่มาส่งและออกไปทำธุรกิจ ซึ่งเธอก็ไม่เคยถามว่าเขาทำธุรกิจอะไรที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย....แต่ว่าวันนี้ขวัญชีวีคิดว่าคงจะได้รู้แน่ ๆ

หลังจากยกมือทำความเคารพแขกของคุณยาย ขวัญชีวีก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ คุณยายแน่งน้อยแล้วก็ชวนแขกคุยตามมารยาททั้งที่จริง ๆ แล้วขวัญชีวีหิวข้าวเป็นอย่างมาก...

“วันนี้ขวัญไม่มีงานค่ะคุณยาย ขวัญก็เลยนอนตื่นสายเสียจนน่าเกลียด คุณยายมาถึงเมืองไทย ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

“มาถึงเมื่อตอนสาย ๆ แล้วก็ให้อาหมิงเขามาส่งที่นี่ ตั้งใจจะรบกวนหนูขวัญกับคุณยายสักสัปดาห์ จนกว่าเขาจะกลับ” แผนของหลินซิ่วอินนั้น เมื่อเธอพักอยู่ที่นี่ หลานชายของตัวเอง เมื่อเสร็จงานแล้วก็จะต้องแวะเวียนมาหาเธอที่นี่ ซึ่งจะทำให้เขาทั้งสองได้พบหน้ากันบ่อย ๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกันซึ่งน่าจะเป็นที่มาของคำว่า ‘ความรัก’

เพราะก่อนที่จะมาเมืองไทยคราวนี้ หลินมู่กุ้ย พ่อของหลินฮันหมิงที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพนั้นอยากให้ลูกชายคนเล็กเป็นฝั่งเป็นฝา เขาเข้ามาหาเธอ ปรึกษาถึงเรื่องที่จะนัดดูตัวคุณหนูลูกสาวคนเล็กของตระกูลจางเจ้าของธุรกิจผลไม้กระป๋อง แต่ว่านางนั้นได้ห้ามไว้เพราะรู้สึกได้ว่าหลานชายดูจะชอบขวัญชีวีมากกว่า และหลินมู่กุ้ย ก็ให้เวลากับนางว่าภายในปีนี้หากลูกชายคนเล็กยังไม่แต่งงานหรือคบหากับผู้หญิงเป็นเรื่องเป็นราวสักคน การบังคับด้วยรูปแบบต่าง ๆ จะต้องถูกนำมาใช้อย่างแน่นอน

“แล้วเขาไปไหนแล้วละคะ”

“ออกไปติดต่องาน”

“งานอะไรคะ ถามหน่อยได้ไหมคะว่า คุณมาร์คมาทำอะไรที่เมืองไทย” พอเอยปากไปแบบนั้นขวัญชีวีก็ถูกแน่งน้อยถองให้เบา ๆ...หลินซิ่วอินทำเป็นไม่เห็นก่อนจะบอกเล่าถึงธุรกิจใหญ่ของตระกูลที่แผ่ขยายมาสู่ประเทศไทยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง...


หลังจากเข้าประชุม ดูสตอรี่บอร์ดสำหรับถ่ายทำโฆษณาครีมบำรุงผิวหน้าสตรี เวอซ่าดีโก้ ของ บริษัท เอ็ม.แอล.ซี คอสเมติก มาเลเซีย โดยบริษัทเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ที่บริษัท แอลวีอาร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ให้ความไว้วางใจและร่วมงานโฆษณากันมาอย่างยาวนาน หลินฮันหมิงก็ติดสอยห้อยตามวิศรุต และวรรณรดา ลิ้มวรรักษ์ไปออกงานสังคมเพราะชีวิตของคนหนุ่มสาวนั้นย่อมต้องการสีสันและการทำตัวเป็นเซเลบริตี้นั้นถือว่าเป็นประโยชน์เกื้อกูลที่คนในตระกูลลิ้มวรรักษ์ทุกคนถือว่าเป็นงานสำคัญเช่นกัน...

งานเดินแบบเสื้อผ้ายี่ห้อหรูคอลเลคชั่นรับลมหนาวจัดในฮอลล์ใหญ่ของโรงแรมใหญ่กลางเมืองมีเหล่าดาราดัง นายแบบนางแบบอาชีพมาเดินบนแคทวอร์คสร้างสีสันสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแขกที่เชิญมาร่วมงาน...

ขวัญชีวีมาถึงงานตั้งแต่ตอนบ่ายสามโมงเพื่อซ้อมคิวพร้อมกับเพื่อนร่วมงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีณิชกานต์และปวุฒิร่วมอยู่ด้วย หลังจากบรรดานางแบบแต่งหน้าทำผม สวมชุดสวยแปลกตาที่จะออกไปเดินกรีดกรายอวดโฉมตัวเองแล้ว ระหว่างรอขึ้นเวทีขวัญชีวีก็ได้ยินเสียงณิชกานต์คุยโทรศัพท์ และถ้าฟังไม่ผิด ที่หน้าเวทีในเวลานี้ มีวิศรุตมากับเพื่อนของเขา คนที่นิชกานต์ควงเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่น และที่ทำให้ขวัญชีวีรู้สึกห่อเหี่ยวหัวใจเป็นอย่างมาก เมื่อณิชกานต์ได้บอกกับบุษยาว่า...

‘เขานั่งอยู่ด้านซ้ายของเวทีหรือคะ...ได้ค่ะ เช็คให้นิดหน่อยนะคะว่า เขาเป็นใครมาจากไหน’


เป็นอีกครั้งที่วรรณรดาได้อยู่ใกล้ชิดกับพี่มาร์ค หรือมิสเตอร์หลินฮันหมิง แต่วรรณรดากลับไม่รู้สึกหลงใหลในรูปทองของเขาอย่างที่มันควรจะเป็น เหมือนกับที่พ่อกับแม่พาออกงานและพยายามแนะนำบรรดาลูกชายของเพื่อน ๆ ที่มีฐานะคู่ควรกันให้ได้รู้จัก ใจของวรรณรดานั้นจดจ่ออยู่กับปวุฒิเพียงคนเดียว ตั้งแต่เขาเข้าวงการเธอก็รู้สึกชื่นชอบ เก็บสะสมภาพของเขาจากนิตยสารต่าง ๆ ไว้ในห้องมากมาย

แต่วรรณรดาก็เลือกที่จะเก็บซ่อนไว้ ด้วยกลัวว่าวันหนึ่งเผื่อว่าขวัญชีวีไปที่บ้านของเธอเหมือนสมัยเรียนหนังสือในระดับชั้นมัธยมปลายจะเห็นเข้า แต่นับตั้งแต่เธอกลับมาจากออสเตรเลียหลังเรียนจบขวัญชีวีก็ไม่เคยย่างกรายไปที่บ้านของเธออีกเลย

...โลกของเธอกับขวัญชีวีเหมือนเส้นขนาน แต่ด้วยขวัญชีวีเป็นแฟนกับปวุติ จึงทำให้เธอลืมขวัญชีวีอย่างที่มันควรจะเป็นไม่ได้

...บ่อยครั้งที่เธอโทรไปหาขวัญชีวีเพราะอยากรู้ว่า ปวุฒิเป็นอย่างไรบ้าง และพอขวัญชีวีเอ่ยถึงเรื่องราวของปวุฒิด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น เธอก็รู้สึกมีความสุขสมไปด้วย

...กระทั่งปวุฒิเปิดร้านอาหาร วรรณรดาจึงถือว่า ที่ตรงนั้นเป็นช่องทางที่จะได้เผยความรู้สึกออกไป เหมือนกับที่รู้ว่า เมื่อมางานวันนี้แล้วจะได้เห็นหน้าของเขา และเฝ้ารอเขาออกเดินโชว์เรือนกายอย่างใจจดจ่อ



เสียงปรบมือดังเกรียวกราวเมื่อพิธีกรเปิดตัวนางแบบคนแรก...ณิชกานต์ หาญกล้า ออกเดินกรีดกรายสะบัดสะบิ้งเข้ากับจังหวะดนตรีมาด้วยชุดยาวรุ่มร่ามสีสันฉูดฉาดตัดกันระหว่างสีส้มและสีเขียวและสายตาของณิชกานต์ก็จิกไปหาหลินฮันหมิงคนแปลกหน้าของวงการไฮโซที่มีสง่าราศีดึงดูดสายตาคนมากมาย

... ณิชกานต์ใช้สายตาทักทายยิ้มน้อย ๆ ให้เขาอย่างคนที่คุ้นเคยกันมามาก่อนจะหมุนตัวเดินโยกย้ายส่ายสะโพกกลมกลึงเข้าด้านหลังเวลาทีไป...

“แฟนของยู ส่งซิกอะไรมาวะ” วิศรุตเอียงตัวไปกระซิบหยอกเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้าง และหลินฮันหมิงก็ถองกลับเป็นเชิงปฏิเสธเบา ๆ

“ใจถึง ๆ หน่อยซิเพื่อน คืนนี้จะได้ไม่ต้องนอนหนาว” สำหรับเพื่อนชาวต่างชาติแล้ว สถานเริงรมย์ที่มีอยู่กลาดเกลื่อนในกรุงเทพเมืองฟ้าอมรเป็นอีกแห่งหนึ่งที่วิศรุตเต็มใจพาไปแก้เหงา และหลินฮันหมิงหนุ่มฉกรรจ์ที่เหมือนกระทิงเปลี่ยวก็หาได้ปฏิเสธ

...แต่ว่าครั้งนี้ เขาไม่อยากพูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าผู้เป็นน้องสาวของเพื่อน

“เกรงใจน้องสาวของยูบ้าง”

“ดามันเข้าใจ”

วรรณรดานั้นไม่ได้ยิน เพราะใจของเธอนั้นรอถ่ายรูปของปวุฒิเก็บไว้ในหน่วยความจำในโทรศัพท์มือถือในสมองของเธอ และถ้าเป็นไปได้ เธอก็ยังอยากฉวยโอกาสให้งานนี้มีภาพให้นักข่าวเขียนเขย่าความรักของปวุฒิกับขวัญชีวีเหมือนครั้งที่แล้วอีกด้วย...


และเมื่อปวุฒิเดินออกมาในชุดที่เผยให้เห็นไรขนที่หน้าอก มัดกล้าม กางเกงรัดต้นขาใหญ่เป้านูนชวนให้ใจวาบหวิวหนักยิ่งขึ้น วรรณรดาก็ถึงยิ้มค้างเพราะเขาหาได้มองมาสบตาของเธอ...เธอนั่งอยู่ทางซ้ายของเวทีแต่เขามองไปทางขวา มองตรง และมองเลยไปทางอื่น ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าไป...


และเมื่อนายแบบนางแบบสลับสับเปลี่ยนกันเดินเข้าเดินออกมาโชว์เสื้อผ้าบนสรีระของตนเองแล้ว ก็ถึงชุดสุดท้ายที่สวมใส่โดย ขวัญชีวี วัชระประสิทธิ์

... หญิงสาวปรากฏกายหลังจากที่พลุกระดาษเต้นระยิบ ระยับในอากาศฉากด้านหลังถูกดึงออกเผยให้เห็นว่าเจ้าหล่อนยืนหันหลังโพสต์ท่าโชว์แผ่นหลังนวลเนียนสะโพกผายกลมกลึง หญิงสาวที่มีผมดัดหยิกลอนใหญ่แสกกลางยาวเลยบ่าค่อย ๆ ผินหน้ามาพร้อมกับดวงตาที่สะกดสายตาของผู้คนที่อยู่ด้านล่าง ก่อนจะหมุนตัวเดินโยกย้ายบั้นท้ายขยับเนินเนื้อที่หน้าอกเต่งตึงไหวดังลมพัดยิ้ม เพียงแย้มท้าทายความรู้สึก ดวงตาคมกล้านั้นเชิดหยิ่ง...


และพอถึงจุดที่หลินฮันหมิงนั่งอยู่ หญิงสาวก็ตะหวัดสายตามองเขาที่อ้าปากค้างเหมือนจะลืมหายใจ


ช่วงรอขึ้นเวทีเป็นรอบสุดท้าย ณิชกานต์ใช้ช่วงเวลานั้นโทรไปหาบุษยาแล้วหญิงสาวก็รู้เรื่องของมิสเตอร์มาร์คเพิ่มเติมมาว่า เขาเป็นเพื่อนกับวิศรุต เป็นผู้จัดการส่วนภูมิภาคของผลิตภัณฑ์เวอซ่าดีโก้เครื่องสำอางสัญชาติมาเลเซียที่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยเมื่อสามปีก่อน

..และการปรากฏตัวของเขาในคราวนี้ก็เพื่อเฟ้นหาตัวพรีเซนเตอร์คนแรกในประเทศไทย ซึ่งการที่ได้เห็นเขาแล้วรู้สึกสะดุดตาเป็นอย่างมากนั้นณิชกานต์เชื่อว่าเป็นพรหมลิขิต...เธอนี่แหละจะต้องเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของเวอซ่าดีโด้ นอกจากนั้นก็จะต้องครอบครองหัวใจของชายหนุ่มรูปงามนามมิสเตอร์มาร์คนี่ให้ได้ด้วย...

ณิชกานต์รีบเปลี่ยนชุดไม่รออ้อยอิ่งอยู่หน้าเวทีให้สื่อสัมภาษณ์เรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนทุก ๆ ครั้ง เพราะหญิงสาวมีบุษยาเป็นหูเป็นตาให้ และเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วณิชกานต์ก็รีบจ้ำอ้าว ออกมาหาวิศรุตกับวรรณรดาและมาร์คที่เหมือนว่าสองพี่น้องนั้นจะยังอ้อยอิ่งเพื่อเข้าไปคุยกับตัวนางแบบที่เดินชุดฟินาเล่ที่กำลังยืนให้นักข่าวสายบันเทิงสัมภาษณ์อยู่กับคู่รักคือปวุฒิ...

“คุณมาร์ค...คุณรุต สวัสดีค่ะ คุณมาร์คสวัสดีค่ะ” ณิชกานต์นั้นรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี เมื่อหญิงสาวปรี่ออกมาหาผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของดาราหลาย ๆ คนอย่างวิศรุตและวรรณรดา และอาการเกาะแขนของมาร์คในทันทีนี้เรียกความสนใจจากนักข่าวได้เช่นกัน แม้จะยังไม่มีไมค์มาสัมภาษณ์ในทันที แต่เรื่องนี้ก็มีคนรู้และเห็นแล้วว่าณิชกานต์นั้นสนิทกับมาร์คชนิดจับมือถือแขนกันเลยทีเดียว...

แม้จะอยากทักทายหลินฮันหมิง แต่ว่าขวัญชีวีก็เลือกที่จะสวัสดีวิศรุตยิ้มให้เขาอย่างไว้ตัว..แล้วก็โผเข้ากอดวรรณรดาก่อนจะดึงมาคุยให้ห่างจากหลินฮันหมิงที่ตอนนี้ถูกณิชกานต์ตรีตราจองเป็นเจ้าของเรียบร้อยไปแล้ว

“มากันครบทีมเลยนะ...คืนนี้ไปต่อไหนกันหรือเปล่า”

“กำลังจะรอถามขวัญกับพี่ปุ้มว่าจะไปด้วยกันไหม ฟังเพลงเบา ๆ”

หากบังเอิญเจอกันในงานแบบนี้ ถ้าเลี่ยงได้ขวัญชีวีจะเลี่ยง และครั้งนี้ ขวัญชีวีก็นึกอยากจะเลี่ยงเช่นกัน แต่ว่างานนี้มีปวุฒิอยู่ด้วย ขวัญชีวีจึงต้องบอกว่า

“ต้องถามพี่ปุ้มก่อนแล้วกัน วันนี้ ขวัญแล้วแต่เขา”

“มีวันที่ขวัญแล้วแต่พี่ปุ้มด้วยเหรอ ดาเห็นแต่วันที่พี่ปุ้มแล้วแต่ขวัญ”

“ก็วันพิเศษนี่ วันนี้ดาสวยมากอีกแล้ว” ขวัญชีวีนั้นดูออกว่า ปวุฒินั้นพยายามเลี่ยงการพบเจอหน้าวรรณรดา เพราะการเจอกันคราวนั้นทำให้เธอขอเลิกกับเขาเพราะต้องการหลีกทางให้เพื่อน

วันนี้ขวัญชีวีจะทำให้ปวุฒิหนีวรรณรดาไม่พ้น ขวัญชีวีหันไปหาปวุฒิที่กำลังยืนคุยอยู่กับคนรู้จักและเขาก็ได้จังหวะขอตัวเดินมาหาขวัญชีวี...ปวุฒิยกมือไหว้วิศรุตยิ้ม ให้หลานชายคุณย่าเล็ก แล้วก็ยืนจนชิดขวัญชีวีแสดงให้หลินฮันหมิงนั้นรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของขวัญชีวี เหมือนกับที่ตอนนี้ณิชกานต์แสดงความเป็นเจ้าของในตัวของหนุ่มหล่อจากต่างแดนเช่นกัน

“คืนนี้ดาจะชวนไปเที่ยวต่อค่ะ ไปนะคะ”

“ไปซิ...ไปไหนไปกัน...ถึงไหนถึงกัน”

“งานนี้คงต้องชวนคุณนิดไปด้วยแล้วแหละ” วรรณรดากระซิบบอกขวัญชีวีเบา ๆ โดยในใจก็คิดว่าแผนที่วิศรุตวางไว้จะให้คุณมาร์คจีบขวัญชีวีแทนตัวเองนั้นคงจะต้องพับไปอีกโครงการแน่ ๆ...

---------------------------------
หลังจากที่หมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เพียงออกับวุฒินารทก็ได้คุณย่าหลินซิ่วอินพาเที่ยวโดยใช้รถและคนขับรถของโรงแรม เพราะอยากให้เพียงออนั้นสมปรารถนา เพียงออพยายามยัดเยียดค่าใช่จ่ายคืนให้ แต่หนี้สินที่ย่าเล็กต้องการนั้นก็คือ เมื่อเวลาที่ย่าเล็กมาพำนักอยู่ในกรุงเทพฯ เพียงออกับปวุฒิจะต้องหาเวลาพาย่าเล็กนั้นออกเที่ยวบ้าง...

ซึ่งพอรู้ว่าหลานชายจะมาทำงานที่กรุงเทพหลินซิ่วอิน ก็รีบต่อสายถึงเพียงออ บอกกำหนดการว่าตนเองนั้นจะพักอยู่กับแน่งน้อยกี่วัน และถ้าเพียงออหรือวุฒินารทว่าง ย่าเล็กก็จะให้ทั้งคู่ได้ใช้หนี้ ที่ย่าเล็กถือว่าหากคนทั้งคู่จะบิดพลิ้วนางเองก็พร้อมจะยกให้

... เพราะช่วงเวลาที่พาสองหนุ่มสาวออกเที่ยวและดื่มกินในปีนังนั้นย่าเล็กได้รับความกระชุ่มกระชวย ได้กลับไปใสสดร่าเริงเพราะเพียงออเป็นคนคุยสนุก และได้ครุ่นคิดคำตอบสำหรับคำถามที่เพียงออกับวุฒินารทช่วยกันถามเพราะความอยากรู้ตามประสานักท่องเที่ยวคนต่างถิ่น

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของประเทศที่มีคนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ร่วมกันและอยู่กันได้อย่างสงบสุข ขนบธรรมเนียมประเพณีวิถีชีวิต เศรษฐกิจการค้า ประวัติศาสตร์และสิ่งปลูกสร้างที่ยืนยันว่าครั้งหนึ่งนั้น รัฐปีนัง เคยเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก

เพียงออกับวุฒินารททำให้คนวัยไม้ใกล้ฝั่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นมีคุณค่า รู้สึกอบอุ่นใจกับการเอาอกเอาใจอย่างไม่เสแสร้งของคนทั้งคู่ และระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยวในปีนังอยู่ด้วยกันถึงสามวันเต็ม ๆ นั้น ย่าเล็กก็รู้สึกว่า หนุ่มสาวคู่นี้มีใจให้กัน เพียงแต่ว่าทั้งคู่ไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมา แต่ย่าเล็กก็เข้าใจดีว่า หนุ่มสาวสมัยนี้นั้นต่างคนต่างก็ต้องการเรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกัน และค้นหาความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงให้ถึงที่สุด...

แต่หลินซิ่วอินก็มีความเชื่ออย่างคนทั่วไปว่า หากว่าทั้งคู่เป็นเนื้อคู่กันแล้ว ต่อให้เวลาเนิ่นนานเท่าใด ต่อให้อยู่ห่างไกลกันแค่ไหน เขาทั้งคู่นั้นก็จะต้องเวียนมาพบกันและลงเอยกันในที่สุด...

เพียงออที่ไม่จำเป็นจะต้องเข้าเรียนในทุกคาบวิชา กระตือรือร้นเมื่อรู้ว่าย่าเล็กมาพักอยู่บ้านของคุณยายแน่งน้อย หญิงสาวนัดหมายวันเวลาในรุ่งขึ้น โดยมีกำหนดการว่าจะพาย่าเล็กกับคุณยายแน่งน้อยนั้นออกไปรับประทานอาหารกลางวันที่ครัวปวุฒิ โดยวุฒินารทนั้นจะรอรับอยู่ที่ร้านเพราะเขาเองก็ไม่มีคิวงาน

... หลังจากนั้นเพียงออกับวุฒินารทก็จะพาคุณย่าเล็กกับคุณยายแน่งน้อยไปเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไปไหว้พระและชมโบราณสถาน กินข้าวเย็นด้วยกันอีกหนึ่งมื้อและส่งกลับบ้าน...


(ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ)



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ม.ค. 2556, 11:24:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2556, 11:30:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1853





<< 6.   8. >>
คิมหันตุ์ 17 ม.ค. 2556, 14:39:58 น.
มารอลุ้น ทุกคู่เลยจ้า


loveleklek 19 ม.ค. 2556, 10:08:38 น.
มาให้กำลังใจ


Zephyr 24 ม.ค. 2556, 08:27:38 น.
เอ้อ อีนุงตุงนัง
จะลงเอยไงเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account