เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์
ตอน: บทที่ 15
บทที่ 15
ภานุมาศจอดรถที่หน้าตึกพาณิชย์สองคูหา ทำเลดีซึ่งเป็นร้านขายของมือสองของครอบครัวน่านนำ้ โดยปกติแล้วถ้าไม่มีเรียน น่านนำ้จะดูแลร้านเพราะอยู่ไม่จากมหาวิทยาลัยนัก ในเวลานี้น่านน้ำยังคงอยู่ต่างประเทศจึงมีคนมาดูแลร้านแทนชายหนุ่ม หญิงสาวก้าวเข้าไปในร้านบอกรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนคนในร้านช่วยเธอขนของ
“ความจริง หนูพลัมไม่เห็นต้องลำบากเลย”
นที ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นญาติของน่านน้ำบอกอย่างเอ็นดูแล้วส่งน้ำเย็นให้หญิงสาว เมื่อเห็นแก้มใสระเรื่อของภานุมาศเขาจึงเสนอให้ภานุมาศยืมเงินสำรองของร้านแล้วค่อยใช้คืน
“ไม่ดีกว่าค่ะ แค่นี้พลัมก็เกรงใจจะแย่แล้ว” ภานุมาศเกรงใจที่นทีจะประกาศขายเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าของเธอนั้นให้ทางเว็บไซต์ของทางร้านเพราะว่าจะได้ราคาดีกว่าขายหน้าร้านนั่นเอง
“เกรงใจอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น” นทีคุ้นเคยกับเพื่อนของน่านนำ้ดี ถ้าจะให้ครบต้องมีรัตติกาลด้วยอีกคน สามคนนี้ชอบมาขลุกที่ร้านเป็นประจำ “ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันดีไหม มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”
“พลัมกินจุนะ”
“ค่ะ ไม่บอกพี่ก็รู้”
“เอ๊ะ...พี่ทีว่าพลัม...พลัมจะฟ้องพี่น้ำ” ภานุมาศเอาน่านนำ้มาขู่
“ได้นำ้จะทำอะไรพี่ได้” นทีหรี่ตามองก่อนถามหญิงสาวอย่างไม่หวาดกลัว
“พลัมจะให้พี่นำ้ชกพี่ทีให้หงายเก๋งไปเลย”
“มาดูกันว่าใครจะชนะ” ว่าแล้วนทีก็เบ่งกล้ามอวด น่านน้ำส่อแววแพ้เห็นๆ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หลังจากกลับจากบ้านพักตากอากาศธนาดลไม่ได้ติดต่อรัตติกาลมาเลยทำให้หญิงสาวน้อยอกน้อยใจกับการห่างเหินของชายหนุ่ม เหมือนเคราะห์ซำ้กรรมซัด รัตติกาลชวดงานจากสายการบินเพราะพนักงานฝ่ายบุคคลไม่อาจติดต่อเธอได้ รัตติกาลชวนภานุมาศมาปั่นจักรยานเล่นที่สวนสาธารณะ
“ทำไมชีวิตเราไม่ค่อยเจออะไรดีๆ อย่างคนอื่นเขาบ้างนะ” รัตติกาลพูดขณะปั่นจักรยานไปข้างๆ ภานุมาศ
“อย่างเพิ่งท้อสินิกซ์ พลัมว่าแทนที่เราจะหายใจทิ้งไปวันๆ สู้เอาเวลาไปหาเงินใช้ดีกว่า” คนหายใจเข้าเป็นเงินเป็นทองพูดจามีสาระ
เงินที่ได้จากการขายของคราวก่อนพอให้บิดานำไปใช้หนี้แล้วอีกส่วนนั้นภานุมาศตั้งใจจะเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หลังจากที่บิดาเกินทางไปมาเก๊าแล้วภานุมาศได้ปิดบ้านไว้ก่อนย้ายมาอยู่กับรัตติกาลที่แมนชั่น
สองสาวปั่นจักรยานช้าลงเพื่อต้องการหลีกทางให้กลุ่มเด็กมัธยมที่วี้ดว้ายส่งเสียงดังปั่นไปให้ไกล หรือพูดง่ายๆ ว่ารำคาญเด็กพวกนั้นนั่นเอง
“งานร้านไอศกรีมน่ะหรือ” รัตติกาลถามอย่างคิดไม่ตกว่าบัณฑิตจบใหม่อย่างเธอจะทำอะไรได้
“พลัมจะไม่ยอมทำงานงกๆ เพื่อแลกกับเงินชั่วโมงละสามสิบห้าบาทอีกแล้ว”
“บางทีเราก็เลือกไม่ได้นะ” รัตติกาลเตือนภานุมาศอย่างหวังดี หญิงสาวเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสาวที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
“สาวสวย และแซ่บอย่างเรามีทางเลือกเสมอ” ภานุมาศยังไม่สิ้นหวัง หญิงสาวทราบดีว่าโอกาสมันเป็นของคนหน้าตาดีอย่างพวกเธอเสมอ
“โอเค สวย และแซ่บ” รัตติกาลเลียนแบบคำแสลงที่ภานุมาศพูดก่อน หญิงสาวมั่นใจว่าคติประจำใจใหม่นี้จะทำให้ลืมเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งเดือนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ต้องได้อย่างนี้เพื่อนรัก” ภานุมาศยิ้มให้กับรัตติกาลทั้งใบหน้า และดวงตา
เมื่อทั้งสองปล่อยความทุกข์ให้ผ่านไปตามสายลม ก็ปั่นจักรยาน สูดอากาศสดชื่นราวกับว่าคือลมหายใจของคนใหม่ของตนอย่างอารมณ์ดี
สองวันต่อมา
รัตติกาล และภานุมาศตกลงรับงานพริตตี้ให้กับรถยุโรปยี่ห้อหนึ่ง งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทำให้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก
สองสาวในชุดกระโปรงสั้นสีนำ้เงินยิ้มหวานให้กับผู้สนใจอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ทั้งคู่ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์อย่างฉะฉาน เสียแต่ว่าคนถามคำถามอยากละลาบละล้วงข้อมูลส่วนตัวของพริตตี้เสียนี่ งานที่ว่าง่ายและเงินสบายจึงไม่หมูสำหรับรัตติกาล และภานุมาศ
“ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้” รัตติกาลรับน้ำจากพี่ๆ เมื่อเข้ามาในเต็นท์
“เอาน่าแก จำไว้ว่าเงินดี”
ภานุมาศปลอบเพื่อนเบาๆ ทั้งที่ตนก็ไม่ไหวเหมือนกัน ไหนจะต้องคอยดึงกระโปรง ไหนจะตอบคำถามสองแง่สองง่ามของลูกค้าผู้ชาย ที่สำคัญต้องเอาตัวรอดจากลูกค้ามือไว ภานุมาศเพิ่งเข้าใจหัวอกของพริตตี้ก็คราวนี้
“น้องนิกซ์ น้องพลัมเติมแป้งหน่อยค่ะ หน้าน้องทอดไข่ได้แล้วเนี่ย” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองจีบปากจีบคอบอก
ธนาดล และสักรินทร์มองจากสองสาวมุมหนึ่งของงาน ทั้งคู่รีบถ่อมาจากงานศพของบวร ด้วยความบังเอิญที่เมศร์มีนิสัยบ้ารถไปหน่อย เมศร์ชื่นชอบรถยี่ห้อเดียวกับที่รัตติกาล และภานุมาศทำงานด้วย จึงไม่ชักช้า รีบโทรหาสักรินทร์ ทันทีที่สักรินทร์ทราบเรื่อง สองเพื่อนซี้ต่างพากันมาถึงงานมอเตอร์โชว์รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
สายตาของสักรินทร์วาวโรจน์เพราะไม่ชอบใจนักกับการเสื้อผ้าที่ภานุมาศใส่อยู่ในขณะนี้ ทีแรกก็ไม่แน่ใจหรอกว่าจะเป็นเธอเพราะพริตตี้สาวสวยที่เมศร์ชี้นั้นใส่เสื้อตัวเล็กจิ๋วปิ๋วหลิวเดียว กระโปรงก็สั้นเพียงคืบ ใบหน้าสวยตกแต่งด้วยเครื่องสำอางจัดเสียจนไม่มีเค้าภานุมาศคนเดิม
“กรมอุตุฯ ไม่เห็นเตือนเลยว่าพายุจะถล่มกลางกรุง” เมศร์เกาหัวแกรกๆ
“เฮ้ย...เดี๋ยวไอ้ริน” ธนาดลดึงแขนเพื่อนไว้
ทันทีที่สักรินทร์เห็นภานุมาศถูกชายคราวพ่อยึดแขนไว้ไม่ยอมปล่อยก็รีบถลาไปจัดการชายโชคร้ายคนนั้น “แกไม่เห็นหรือว่ามันลวนลามพลัม”
“เห็น แต่แกจะทำอะไรได้...ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป โดนรปภ.โยนออกนอกงานแน่” สักรินทร์ดิ้นฮึดฮัดอย่างขัดใจ จะทำตามใจก็ไม่ได้
“มันต้องวางแผนกันหน่อย”
แม้จะเป็นเพื่อนกันมานานแต่สักรินทร์ก็ไม่ได้ซึมซับความใจเย็น และนิสัยจอมวางแผนจากธนาดลเลย
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รัตติกาล และภานุมาศหน้าชื่นอกตรมทำงานจนครบเวลา
ภานุมาศนั่งพักเหนื่อยอย่างขัดใจ หญิงสาวเกือบจะขย้ำคอลูกค้าชีกอที่ลูบบั้นท้ายเธออย่างจงใจ รัตติกาลใช้กระดาษพัดภานุมาศหวังคลายความร้อนรุ่มในจิตใจเพื่อนสาวของตนมากกว่า
“พี่จะไม่พูดมาแล้วนะ อย่าเยอะได้ไหมสองสาว” จีจี้ กระเทยร่างยักษ์มองสองสาวอย่างสังเวช
“แต่ลุงคนนั้น...” ภานุมาศโมโหหน้าดำหน้าแดงพยายามบอกว่าอาการกระเฟียดกระฟัดของตนนั้นมาจากสาเหตุใด
“ลูกค้าคือพระเจ้า”
“พี่ไม่ลองมาเป็นหนูนี่”
“คุณน้องต้องเข้าใจสิว่างานแบบนี้มันต้องมีแตะเนื้อต้องตัวกันบ้าง” จีจี้พูดกระแทกกระทั้น
“เอ่อ นิกซ์ว่าเราอย่าทะเลาะกันดีกว่าค่ะ ยังไงเราก็ขอโทษพี่จีจี้ด้วยนะคะ” รัตติกาลไม่อยากให้เรื่องต้องบานปลายไปมากกว่านี้ เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรีบห้ามทั้งคู่
ภานุมาศฮึดฮัดคว้าข้าวของบนโต๊ะ ก้าวฉับๆ ออกจากงานไป
“เฮ้ย เดี๋ยว” รัตติกาลจะเรียกภานุมาศไว้ไม่ทัน
“เจ๊ว่าหนูตามเพื่อนไปดีกว่านะ นี่ค่าแรงวันนี้” จีจี้ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่ปากว่า เธอบอกให้รัตติกาลรีบตามไปดูภานุมาศ
รัตติกาลรับซองขาวสองซองอย่างว่าง่ายแล้วก็รีบโกยอ้าวตามเพื่อนของตนไปทันที
ภานุมาศวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาเดินตาม
“หยุดนะพลัม” สักรินทร์ตะโกนบอก
“อีตาบ้าเอ๊ย จะตามไปถึงไหนเนี่ย” ภานุมาศบ่นกับความโชคร้ายของตน
รองเท้าส้นสูงของภานุมาศไม่เอื้ออำนวยต่อการวิ่งนักเป็นผลให้สักรินทร์คว้าร่างบางไว้ได้ เป็นเวลาเดียวกันที่รัตติกาลวิ่งตามออกมาก็พบว่าภานุมาศถูกยัดเข้าไปในรถตู้สีดำปิดฟิล์มทึบ
“ช่วย...”
เสียงแหบพยายามกรีดร้องทว่ามือหนาลึกลับปิดปากเธอไว้ได้ก่อน หญิงสาวรู้สึกกลัวเมื่อถูกลากกึ่งจูงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานจอดรถ
“ทีนี้ก็หันหน้ามาได้แล้วสาวน้อย”
เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้เธอหันมาแล้วสวมกอดเขาอย่างโล่งใจ ก่อนนึกถึงความใจร้ายของเขาจึงคลายอ้อมกอดนั้น รัตติกาลตีอกหนาไปทีหนึ่ง “เล่นอะไรบ้าๆ หัวใจฉันแทบวายแน่ะ”
“ไม่ได้เล่นบ้าแต่ตามจับเด็กเลี้ยงแกะ”
“เด็กเลี้ยงแกะ...อย่าว่านิกซ์นะ”
“ถ้าไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ แล้วนิกซ์มาทำอะไรที่นี่...บอกมาสิ”
“ก็มาทำ...งาน” รัตติกาลตกหลุมพรางของธนาดลเสียแล้ว ก่อนจากกันธนาดลสั่งห้ามเธอไม่ให้ทำงานพิเศษทุกประเภท รวมไปถึงการแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ผมสั่งห้ามแล้วทำไมไม่ฟังกันบ้าง” ธนาดลกอดอกถามอย่างขึงขัง
“นิกซ์ไม่อยากปล่อยให้พลัมทำงานคนเดียวนี่คะ พลัมจำเป็นต้องใช้เงิน”
“เฮ้อ ผมยอมให้ครั้งเดียวนะ...ผมหึงทุกคนที่มองนิกซ์ แล้วชุดพริตตี้นี่อีกทำให้ผมแทบคลั่ง” ว่าแล้วธนาดลก็ถอดสูทตัวนอกออกแล้วคลุมร่างให้หญิงสาว...บอกแล้วไงว่าไม่อยากให้ใครเห็น
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมศร์ขับรถพาสักรินทร์ และภานุมาศไปส่งที่คอนโดมิเนียมย่านกลางเมือง ภานุมาศถูกสักรินทร์ใช้แรงที่มากกว่าบังคับให้หญิงสาวขึ้นไปบนห้องพักเหมือนครั้งแรกที่พาไปบ่อนไม่ผิดเพี้ยน
คนหรือหมีควาย
“เป็นหมีความกลับชาติมาเกิดหรือไง” ภานุมาศโมโหตนเองที่ต้องพ่ายแพ้ต่อพละกำลังของเพศชาย หญิงสาวพยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมของสักรินทร์
“จะเป็นหมีควาย ช้างป่า หรือว่าหมาขี้เรื้อนก็ช่าง คุณกวนโมโหผมไม่ได้หรอก อยู่นิ่งๆ เพราะผมไม่ปล่อยคุณให้หนีได้อีกแล้ว” คำพูดเฉียบขาดของสักรินทร์ทำให้หญิงสาวทราบว่าเขาเอาจริง
“คุณจะเอาอะไรกับฉันอีกเล่า เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนี่”
“ไหนบอกจะอยู่กับผมสามเดือนไง นี่อะไรกัน” สักรินทร์ต่อว่าหญิงสาวเสียงดัง ลืมตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่รโหฐาน
“นี่คุณ เบาๆ หน่อยก็ได้ ฉันอายคน” ภานุมาศถลึงตามองคนพูดดังก่อนก้มหน้างุดด้วยความอายเพราะคนทั้งล็อบบี้ต่างหันมามองคู่เป็นสายตาเดียว
“แต่งชุดแบบนี้ไม่น่าอายกว่ารึไงเล่า...ชุดล่อเสือล่อตะเข้ ขึ้นไปบนห้องให้เอาไปทิ้งเลยนะ” สักรินทร์ไม่อยากให้ใครมองสุดที่รักของ ชายหนุ่มกดลิฟต์ทุกตัว ใจจริงเขาอยากจะเดินขึ้นบันไดไปด้วยซำ้ถ้าไม่ติดว่าภานุมาศจะลิ้นห้อยเพราะห้องหอหลังใหม่ของเขาอยู่ชั้นยี่สิบสาม!
“ฉันไม่ได้อยากใส่ไอ้เศษผ้านี่นักหรอกแต่ฉันไม่มีทางเลือก”
“คุณมีทางเลือก...แล้วคุณก็เลือกแล้วว่าจะอยู่กับผมเป็นเวลาสามเดือน”
“แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ภานุมาศบอกตนเองว่าคิดผิดถนัดที่หยิบยื่นโอกาสอันหอมหวานให้เขา
“เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วทูนหัว ทำใจ และยอมรับสิ่งที่คุณเลือกเสียเถอะ” สักรินทร์บอกภานุมาศเป็นเวลาเดียวกับที่ลิฟต์ตัวในสุดเปิดออก “ไปได้แล้ว”
“ไม่ยุติธรรม...คุณไม่เหลือทางเลือกให้ฉันเลย” ภานุมาศตำหนิชายหนุ่ม
“โลกนี้มันก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ ผมบังคับให้คุณต้องมาอยู่กับผม...ที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“พูดบ้าๆ น่า”
“ผมพูดจริง เอาจริงด้วย” สักรินทร์บอกอย่างเจ้าเล่ห์แล้วฉวยทีเผลอจุมพิตแก้มเนียน
“ในลิฟต์ก็ไม่เว้นนะไอ้หมีควาย ” ภานุมาศตวาดชายหนุ่มพร้อมกระแทกรองเท้าส้นสูงบนรองเท้าหนังของสักรินทร์เต็มแรงหากเขารู้ทัน
สักรินทร์รวบร่างบางที่ประทุษร้ายเขาไว้ “เลิกเรียกผมว่าหมีควายเสียทีได้ไหม”
“ไม่”
“อยากโดนหมีควายกัดทั้งคืนก็ลองดู” สักรินทร์ขู่เสียงเข้ม
ภานุมาศทราบว่าเขาพูดจริงทำจริงจึงเงียบเสียแล้วยอมให้เขาลากเข้าไปในห้องพักสุดหรูอย่างว่าง่าย หญิงสาวสำรวจห้องอย่างสนใจ...น่าอยู่ใช้ได้
“ผมเปลี่ยนใจให้คุณเรียกหมีควายก็ได้...แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้? ” ภานุมาศหรี่ตามองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
“ให้หมีควายพิสูจน์ว่าคืนนี้มีกำลังเหลือเฟือ” คำพูดคล้ายจะใจดีของเขาทำให้ภานุมาศส่ายหัวแทนคำตอบทันที คนอยากพิสูจน์ยังถามหญิงสาวต่อว่า “คิดดีๆ นะ”
“ทำไมฉันต้องคิดเล่า คนแก่ตัณหากลับ” ภานุมาศสะบัดหน้าพรืดซ่อนความอาย
“แต่คุณก็ชอบไม่ใช่หรือ”
“อยากรู้นักใช่ไหม นี่แน่ะ” ภานุมาศเขวี้ยงหมอนอิงบนโซฟาใส่หน้าสักรินทร์เต็มแรง
“เพิ่งจะรู้ว่ามีเมียดุโว้ย” แม้ว่าสักรินทร์จะหลบไม่ทันแต่หมอนใบเล็กนั้นไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มบาดเจ็บมาก
“อดีตเมีย” ภานุมาศว่าเสียงเขียว
“ไม่เอาน่าพลัม เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า ทำไมคุณหนีผมมาล่ะ” สักรินทร์คว้าเอวหญิงสาวแล้วดึงให้นั่งบนตัก ทำเอาเธอตัวแข็งทันที
“ฉันไม่ชอบคุณแล้ว” ภานุมาศบอกไปส่งๆ
“อย่ามาโกหกผมเสียให้ยากเลย มองตาคุณแป๊บเดียวผมก็รู้ว่าคุณรักผม” สักรินทร์เกยคางกับบ่าของหญิงสาว เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด “คืนนี้ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าคุณไม่ได้ชอบผมจริงๆ แต่รักผม ขาดผมไม่ได้เลยล่ะ”
“เอะอะก็พิสูจน์ ไปตายอดตายอยากมาจากไหน”
สักรินทร์พูดจริงทุกคำพูด เพียงแค่เห็นหน้าชายหนุ่ม หัวใจของภานุมาศก็ทรยศเจ้าของยอมให้เขาอยู่รำ่ไป
“อดอยากตั้งแต่วันที่คุณไม่อยู่น่ะสิ”
เมื่อเห็นว่าภานุมาศอ่อนลง สักรินทร์จึงพลิกให้หญิงสาวนั่งหันหน้าเข้าหาตน ความแคบของกระโปรงทำให้พริตตี้สาวคนสวยไม่อาจนั่งได้ถนัด สักรินทร์จึงเลิกกระโปรงของภานุมาศขึ้นไปกองบนเอวพลางขยับท่อนล่างของร่างกายพร้อมกันนั้นความตื่นตัวใจกลางร่างทำให้ภานุมาศรับรู้ได้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นต่อไป ภานุมาศหน้าแดงกับการกระตุ้นของชายหนุ่ม หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธตนเองได้ว่าไม่ต้องการสัมผัสดังกล่าว
“ไอ้หมีควายแก่”
“ผมบอกว่าผมยอมเป็นหมีควาย แต่ไม่ยอมแก่” คนยอมเป็นหมีควายกระตุ้นความต้องการของภานุมาศให้ร้อนแรงขึ้น เป็นครั้งแรกสักรินทร์พอใจให้หญิงสาวแต่งตัวเช่นนี้ ชายหนุ่มบอกกับตนเองว่ามันได้อารมณ์ไปอีกแบบ
“แก่”
“งั้นผมจะทำให้คุณรู้ว่าหมีควายแก่ตัวนี้ของคุณ...เหลือเฟือ” สักรินทร์ไม่ได้บอกภานุมาศว่าที่เขายอมรับว่าแก่นั้นคือแก่ประสบการณ์...เวลาที่เหลือนี้เขาจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเอง
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากห้องคนไข้พิเศษ พยาบาลหลายคนต้องช่วยกันจับชุติมาไว้กับเตียงอย่างจ้าละหวั่นไม่ให้หญิงสาวคุ้มคลั่ง อาละวาด ปาข้าวใกล้ตัว และทำร้ายตนเองหลังจากสองมือตบที่ขาตนเองก็พบว่ามันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนปกติ
“ออกไป๊ ออกไป...ไปให้พ้น” นำ้ตาเอ่อเต็มดวงตาสวย ชุติมาจิกตามองคนที่ปราบเสียจนหมดฤทธิ์อย่างอาฆาต
“ไม่เป็นไรนะน้องเอ้” ภราดาบอกพยาบาลเหล่านั้นว่าตนรับมือลูกสาวไหว พยาบาลสาวจึงยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล ภราดาปราดเข้าไปกอดลูกสาวไว้
บัดนี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มของชุติมาถูกผ้ากอซปิดไว้เกือบครึ่งหน้าเพื่อปิดบังใบหน้าอัปลักษณ์ไว้ คนปรนนิบัติผิวด้วยครีมบำรุงราคาแพงรับไม่ได้ที่จะต้องมีอยู่ชีวิตอยู่กับตำหนิแสนน่าเกลียดครึ่งหน้า
“เอ้ไม่เหลืออะไรแล้วค่ะแม่”
“น้องเอ้ต้องหายนะคะ เดี๋ยวเราจะไปอเมริกา ที่นู่นมีหมอเก่งๆ เยอะแยะ คุณหมอจะต้องรักษาน้องเอ้ให้กลับมาเป็นปกติ” ภราดาเอามือเกลี่ยน้ำตาให้ลูกสาวอย่างเบามือ หัวอกคนเป็นแม่แทบจะขาดรอนๆ เมื่อลูกสาวร้องไห้
“จริงๆ นะคะแม่...จริงๆ นะคะ”
“จริงค่ะ แม่ไม่โกหกลูกหรอก” ภราดาลูบศีรษะชุติมา
“น้องเอ้อยากไปอเมริกาแล้ว น้องเอ้อยากหาย...ตอนนี้น้องเอ้เหมือนตายทั้งเป็นเลยคุณแม่ ฮือ”
หลังจากที่ธนาดลได้คุยกับแพทย์เจ้าก็ทราบว่าร่างกายช่วงขาลงไปของชุติมาไร้ซึ่งความรู้สึกซึ่งเป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุ แพทย์อยากให้ญาติ และคนใกล้ชิดให้กำลังใจผู้ป่วย ธนาดลลอบมองหลานสาวผ่านประตูที่แง้มไว้ ชายหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อชุติมามีสุขภาพจิตย่ำแย่กว่าที่คิด ธนาดลทำเป็นไม่ทราบว่าชุติมามีจิตใจอกุศลกับเขาจึงเข้าไปปลอบให้เธอมีกำลังใจสู้ต่อไป
หลังจากงานศพของสามี ภราดาเลือกที่จะเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับลูกสาวเพื่อรักษาชุติมาให้หายจากความพิการแม้หนทางจะริบหรี่ก็ตามที โดยปล่อยให้ธนาดลช่วยจัดการเรื่องคดีความ รวมไปถึงการบริหารงานแทนตนอีกด้วย
“เรื่องทรัสต์ พี่ดาแน่ใจแล้วหรือ” ธนาดลไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของภราดาสักเท่าไหร่
“อย่าห้ามพี่เลย พี่เห็นน้องเอ้ทุกข์ พี่เป็นทุกข์ยิ่งกว่า...หัวอกคนเป็นแม่น่ะ อีกอย่างพี่คงไม่มีกะจิตกะใจทำงานจะพาลเจ๊งเปล่าๆ ” ภราดายังยืนยันคำพูดตนเองแล้วบอกต่อว่า “พี่ยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าน้องเอ้จะหาย ให้อำนาจสิทธิ์ขาดบริหารทรัสต์เป็นของดลน่ะดีแล้ว เวลาทำอะไรจะได้ไม่ติดขัด”
ธนาดลมองสายตาเด็ดเดี่ยวของภราดาแล้วถอนใจ เป็นครั้งที่สองที่ชายหนุ่มได้เห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของภราดา ครั้งแรกนั้นภราดารั้นจะแต่งงานกับบวร และแน่นอนว่าเธอทำสำเร็จ
“ครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ดาผิดหวัง”
“พี่ต่างหากที่ทำให้ดลผิดหวัง...เรื่องน้องเอ้ พี่ขอโทษเรื่องน้องเอ้นะดล พี่รู้มาโดยตลอดน้องเอ้เขาคิดเกินเลยกับดลแต่พี่ก็ทำอะไรไม่ได้”
“พี่ดาไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมผิดเองที่ใกล้ชิดหลานเกินไป” ธนาดลบอกตามความจริง
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ภานุมาศตัดสินใจบอกความจริงกับน่านนำ้ หญิงสาวดีใจที่ฝ่ายนั้นไม่ได้เสียใจหรือโกรธตนอย่างที่กังวลไป น่านนำ้ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วอวยพรให้เธอโชคดี
“หรือว่าเราจะไม่ได้รักน้องพลัมจริงๆ ” น่านนำ้ถามตนเองงงๆ หลังจากที่วางหูโทรศัพท์ ชายหนุ่มไม่ได้เจ็บปวดแต่อย่างใด ออกจะโล่งใจเสียด้วยซำ้...บางทีเป็นพี่เป็นน้องกันคงดีกว่า
จากนั้นภานุมาศก็โทรบอกข่าวดีกับสักรินทร์ ชายหนุ่มแทบจะทิ้งแฟ้มเอกสารทันทีแล้วออกไปทำสิ่งที่ตั้งใจจะทำมานาน สักรินทร์ประคองดอกกุหลาบสีแดงช่อโตพร้อมกับแหวนเพชรเม็ดโตไว้บนเบาะหลังอย่างเบามือ การจราจรติดขัดในเมืองหลวงที่แสนน่าเบื่อไม่ได้ทำให้สักรินทร์เกลียดมันอย่างเคยเพราะตอนนี้ชายหนุ่มมีความสุขเหนือคำบรรยาย ชายหนุ่มกวักมือเรียกเด็กขายพวงมาลัยที่แต่งตัวขะมุกขมอมกลางอากาศร้อนอบอ้าวแล้วยื่นธนบัตรสีม่วงให้ไปสองใบ
สักรินทร์เคาะพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดี เมื่อสัญญาณไฟจราจรเป็นสีเขียว ชายหนุ่มก็ประคองพวงมาลัยมาตามเส้นทางที่คุ้นเคยก่อนสะดุดกับรถมินิคูเปอร์ของภานุมาศที่ขับมาจากทางออกคอนโดทำให้เขาค่อยๆ เปลี่ยนเส้นทาง สักรินทร์ขับรถตามหญิงสาวไป ด้วยความรีบเร่งทำให้ภานุมาศไม่ทันเห็นชายหนุ่ม
“อือๆ” ภานุมาศบอกว่ารับรู้เส้นทางจากปลายสายเพราะคู่สนทนาเร่งว่าเมื่อไหร่จะมาถึงทำให้หญิงสาวไม่ได้สังเกตว่าสักรินทร์ขับรถตามอยู่ห่างๆ “รีบแล้วๆ ค่ะ ซอยรางนำ้แค่นี้เองทำไมจะไปไม่ถูก”
ยี่สิบนาทีต่อมา
ร่างบางฉบับนางแบบในชุดกระโปรงสีดำสนิทสั้นเหนือเข่ากับเสื้อกล้ามสีม่วงอ่อนกระหืดกระหอบเข้าไปในโรงแรมหรู ภานุมาศไม่ลืมดึงยางรัดผมออกแล้วสยายผมเป็นลอนเต็มแผ่นหลังก่อนก้าวพรวดเข้าไปในห้องอาหาร
มุมอับสุดของร้านมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่ก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายไม่ค่อยเต็มใจนักพราะถูกฝ่ายหญิงคุกคามทางสายตาราวกับว่าเขาเป็นเหยื่ออันโอชะก็ไม่ปาน
“นี่มันอะไรกันคะพี่ที...ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” ภานุมาศประกาศกร้าวแสดงตนว่าเป็นเจ้าของนทีเต็มที่
นทีเผลอยิ้มยินดีก่อนปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วลุกไปคล้องแขนภานุมาศเพื่อยืนยันสถานะของตนทำให้หญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงจิกตามองภานุมาศอย่างไม่เป็นมิตร
สักรินทร์ไม่อาจได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสามได้ถนัด เพีียงครู่เดียวภานุมาศก็ลากหนุ่มวัยกลางคนออกไปทิ้งให้สาวชุดแดงร้องไห้เป็นเผาเต่า สักรินทร์ต้องยกเมนูขึ้นปิดหน้าเมื่อทั้งคู่เดินผ่าน
“พี่ทีนี่เสน่ห์แรงใช่ย่อยนะ” ภานุมาศอดชมญาติของอดีตแฟนไม่ได้เมื่ออยู่ในรถกันสองคน
“เสน่ห์แรงแบบนี้พี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ผู้หญิงอะไรน่ากลัวชะมัด” นทีพูดพลางยกมือนวดขมับเบาๆ
เด็กสาวคนดังกล่าวแวะมาดูของที่ร้านแต่ก่อนหน้านั้นไม่ทราบว่าไปดูหมอสำนักไหนมาที่ทำนายว่าวันนี้ถ้าผู้ชายคนไหนจับมือหล่อนเป็นคนแรกคนนั้นแหละ เนื้อคู่ของหล่อน!
นทียังจำเหตุการณ์ระทึกขวัญในร้านคราวนั้นได้ดี กล่องโบราณใบใหญ่ที่หญิงสาวพยายามเอื้อมหยิบจากชั้นวางกำลังจะหล่นทับศีรษะเธออย่างรอมร่อ ชายหนุ่มไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญในร้านได้จึงเอื้อมมือไปช่วยหยิบ ทันทีนั้นเอง นทีรู้สึกกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านมือ
‘อุ๊ย’
สาวน้อยหน้าตาน่าทนุถนอมราวกับกระเบื้องเคลือบหันมามองเขาอย่างแปลกใจ ดวงตาดวงน้อยเปล่งประกายบางอย่างที่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้
หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นที่เธอเทียวไล้เทียวขื่อมาหาเขาที่ร้าน แถมยังบอกเขาอีกว่า ‘เขา และเธอเป็นเนื้อคู่กัน’
ให้ตายเถอะ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สักรินทร์ขบกรามแน่นขณะที่ขับรถตามทั้งคู่ไป ชายหนุ่มคลาดกับภานุมาศเพียงไฟแดงเดียวแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการตามหาหญิงสาว สักรินทร์สอดส่องหารถคันเล็กราคาแพงตามสองข้างทาง เพียงไม่นานเขาก็พบว่ามันจอดอยู่หน้าร้านขายของเก่า เป็นเวลาเดียวกับที่ภานุมาศ และนทีช่วยกันตรวจตราปลั๊กไฟว่าถอดหมดหรือยัง สักรินทร์ก็ก้าวเข้ามาในร้านโดยไม่ได้รับคำเชิญ
“วันนี้ร้านปิดแล้วครับ” นทีบอกอย่างสุภาพ
“แล้วไง” สักรินทร์ว่าอย่างไม่สนใจ
หญิงสาวคนเดียวเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดบท “เอ่อ...พี่ทีคะเพื่อนพลัมเองค่ะ”
“ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดานะแต่เป็นคนพิเศษ” พูดไปแล้วสักรินทร์ก็ดีใจที่ได้เห็นสีหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย
“พลัมขอฝากรถไว้ก่อนนะคะ ส่วนคุณ...ไปคุยกันบนรถ” ภานุมาศดึงสักรินทร์ให้เดินตามมา หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะปิดประตูรถเสียงดังแต่สักรินทร์มองว่าหญิงสาวไม่พอใจ คนอารมณ์ร้อนจึงโชว์เหนือกว่าด้วยการปิดประตูรถดังปังจนภานุมาศกลัวว่ามันจะหลุด
“นี่คุณริน คิดจะทำอะไรถึงไปก้าวร้าวพี่ที”
“พี่ที แหมสนิทกันจริงนะ” สักรินทร์ดัดเสียงเลียนแบบหญิงสาว ภาณุมาสหยิกที่แขนชายหนุ่มจนเนื้อแทบหลุด “โอ๊ย เจ็บนะ ทีอยู่กับผมทำไมคุณโหดอย่างนี้ ทีไอ้หมอนั่นกลับยิ้มหวานหยด”
“สม” หญิงสาวทำปากยื่นแต่เมื่อมองหน้าของสักรินทร์ที่ซ่อนความน้อยใจไว้ไม่มิดก็ทำให้เธอรู้สึกผิดเหมือนกัน “ไว้ใจกันหน่อยได้ไหม”
“หึ” คนขี้น้อยใจอย่างร้ายกาจยังเล่นตัว
“โอเคๆ พลัมขอโทษ คราวหลังหลัมจะไปไหน จะไปกับใคร มีเพื่อนกี่คนจะบอกคุณหมดเลย...ดีกันนะ” ภานุมาศทำตาแป๋วกระพริบตาปริบๆ สองสามทีแล้วแนบหน้ากับท่อนแขนแข็งแรง
“อย่าลืมทำตามที่พูดล่ะ” สักรินทร์คิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่ต้องงอนให้ปวดใจนานจึงยอมให้เมื่อภานุมาศจะไม่ทำอย่างวันนี้อีก
ยังมีความรักแอบเปรี้ยวของรัตติกาล และธนาดล หลังจากวันที่ธนาดลเจอหญิงสาวในชุดพริตตี้ก็ลงโทษเธอด้วยความรักอันแสนหวาน จากนั้นทุกๆ วันเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตา ถ้าชายหนุ่มไม่มารับเธอไปทำงานด้วยก็พาไปนั่งเล่นกับภานุมาศที่คอนโดของสักรินทร์ ในขณะที่ชายหนุ่ม และเพื่อนคุยกันเรื่องงาน และความคืบหน้าของคดีความอย่างเคร่งเครียดแล้วตอนเย็นก็พาเธอไปทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลงก่อนพามาส่งที่แมนชั่น
วันนี้รัตติกาลมารับน้องที่มหาวิทยาลัย ธนาดลยังขอไปส่ง
“นี่คุณไม่มีอะไรทำหรือยังไง” รัตติกาลถามทันทีที่เห็นเขายิ้มแฉ่งให้แต่ไกล
“มี แต่ไม่ทำ” ธนาดลตอบยียวนหญิงสาว
รัตติกาลทำปั้นปึ่งใส่คนข้างๆ ธนาดลไม่ได้เคอะเขินกับการเป็นเป้าสายตาของใครหลายคนที่รัตติกาลในชุดนักศึกษาเดินเคียงข้างเขา
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
แล้วเจอกันวันจันทร์นะคะทุกคน :]
ภานุมาศจอดรถที่หน้าตึกพาณิชย์สองคูหา ทำเลดีซึ่งเป็นร้านขายของมือสองของครอบครัวน่านนำ้ โดยปกติแล้วถ้าไม่มีเรียน น่านนำ้จะดูแลร้านเพราะอยู่ไม่จากมหาวิทยาลัยนัก ในเวลานี้น่านน้ำยังคงอยู่ต่างประเทศจึงมีคนมาดูแลร้านแทนชายหนุ่ม หญิงสาวก้าวเข้าไปในร้านบอกรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนคนในร้านช่วยเธอขนของ
“ความจริง หนูพลัมไม่เห็นต้องลำบากเลย”
นที ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นญาติของน่านน้ำบอกอย่างเอ็นดูแล้วส่งน้ำเย็นให้หญิงสาว เมื่อเห็นแก้มใสระเรื่อของภานุมาศเขาจึงเสนอให้ภานุมาศยืมเงินสำรองของร้านแล้วค่อยใช้คืน
“ไม่ดีกว่าค่ะ แค่นี้พลัมก็เกรงใจจะแย่แล้ว” ภานุมาศเกรงใจที่นทีจะประกาศขายเสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าของเธอนั้นให้ทางเว็บไซต์ของทางร้านเพราะว่าจะได้ราคาดีกว่าขายหน้าร้านนั่นเอง
“เกรงใจอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น” นทีคุ้นเคยกับเพื่อนของน่านนำ้ดี ถ้าจะให้ครบต้องมีรัตติกาลด้วยอีกคน สามคนนี้ชอบมาขลุกที่ร้านเป็นประจำ “ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันดีไหม มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”
“พลัมกินจุนะ”
“ค่ะ ไม่บอกพี่ก็รู้”
“เอ๊ะ...พี่ทีว่าพลัม...พลัมจะฟ้องพี่น้ำ” ภานุมาศเอาน่านนำ้มาขู่
“ได้นำ้จะทำอะไรพี่ได้” นทีหรี่ตามองก่อนถามหญิงสาวอย่างไม่หวาดกลัว
“พลัมจะให้พี่นำ้ชกพี่ทีให้หงายเก๋งไปเลย”
“มาดูกันว่าใครจะชนะ” ว่าแล้วนทีก็เบ่งกล้ามอวด น่านน้ำส่อแววแพ้เห็นๆ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
หลังจากกลับจากบ้านพักตากอากาศธนาดลไม่ได้ติดต่อรัตติกาลมาเลยทำให้หญิงสาวน้อยอกน้อยใจกับการห่างเหินของชายหนุ่ม เหมือนเคราะห์ซำ้กรรมซัด รัตติกาลชวดงานจากสายการบินเพราะพนักงานฝ่ายบุคคลไม่อาจติดต่อเธอได้ รัตติกาลชวนภานุมาศมาปั่นจักรยานเล่นที่สวนสาธารณะ
“ทำไมชีวิตเราไม่ค่อยเจออะไรดีๆ อย่างคนอื่นเขาบ้างนะ” รัตติกาลพูดขณะปั่นจักรยานไปข้างๆ ภานุมาศ
“อย่างเพิ่งท้อสินิกซ์ พลัมว่าแทนที่เราจะหายใจทิ้งไปวันๆ สู้เอาเวลาไปหาเงินใช้ดีกว่า” คนหายใจเข้าเป็นเงินเป็นทองพูดจามีสาระ
เงินที่ได้จากการขายของคราวก่อนพอให้บิดานำไปใช้หนี้แล้วอีกส่วนนั้นภานุมาศตั้งใจจะเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หลังจากที่บิดาเกินทางไปมาเก๊าแล้วภานุมาศได้ปิดบ้านไว้ก่อนย้ายมาอยู่กับรัตติกาลที่แมนชั่น
สองสาวปั่นจักรยานช้าลงเพื่อต้องการหลีกทางให้กลุ่มเด็กมัธยมที่วี้ดว้ายส่งเสียงดังปั่นไปให้ไกล หรือพูดง่ายๆ ว่ารำคาญเด็กพวกนั้นนั่นเอง
“งานร้านไอศกรีมน่ะหรือ” รัตติกาลถามอย่างคิดไม่ตกว่าบัณฑิตจบใหม่อย่างเธอจะทำอะไรได้
“พลัมจะไม่ยอมทำงานงกๆ เพื่อแลกกับเงินชั่วโมงละสามสิบห้าบาทอีกแล้ว”
“บางทีเราก็เลือกไม่ได้นะ” รัตติกาลเตือนภานุมาศอย่างหวังดี หญิงสาวเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนสาวที่ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด
“สาวสวย และแซ่บอย่างเรามีทางเลือกเสมอ” ภานุมาศยังไม่สิ้นหวัง หญิงสาวทราบดีว่าโอกาสมันเป็นของคนหน้าตาดีอย่างพวกเธอเสมอ
“โอเค สวย และแซ่บ” รัตติกาลเลียนแบบคำแสลงที่ภานุมาศพูดก่อน หญิงสาวมั่นใจว่าคติประจำใจใหม่นี้จะทำให้ลืมเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งเดือนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ต้องได้อย่างนี้เพื่อนรัก” ภานุมาศยิ้มให้กับรัตติกาลทั้งใบหน้า และดวงตา
เมื่อทั้งสองปล่อยความทุกข์ให้ผ่านไปตามสายลม ก็ปั่นจักรยาน สูดอากาศสดชื่นราวกับว่าคือลมหายใจของคนใหม่ของตนอย่างอารมณ์ดี
สองวันต่อมา
รัตติกาล และภานุมาศตกลงรับงานพริตตี้ให้กับรถยุโรปยี่ห้อหนึ่ง งานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ทำให้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก
สองสาวในชุดกระโปรงสั้นสีนำ้เงินยิ้มหวานให้กับผู้สนใจอย่างไม่รู้จักเหนื่อย ทั้งคู่ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์อย่างฉะฉาน เสียแต่ว่าคนถามคำถามอยากละลาบละล้วงข้อมูลส่วนตัวของพริตตี้เสียนี่ งานที่ว่าง่ายและเงินสบายจึงไม่หมูสำหรับรัตติกาล และภานุมาศ
“ทำไมคนมันเยอะอย่างนี้” รัตติกาลรับน้ำจากพี่ๆ เมื่อเข้ามาในเต็นท์
“เอาน่าแก จำไว้ว่าเงินดี”
ภานุมาศปลอบเพื่อนเบาๆ ทั้งที่ตนก็ไม่ไหวเหมือนกัน ไหนจะต้องคอยดึงกระโปรง ไหนจะตอบคำถามสองแง่สองง่ามของลูกค้าผู้ชาย ที่สำคัญต้องเอาตัวรอดจากลูกค้ามือไว ภานุมาศเพิ่งเข้าใจหัวอกของพริตตี้ก็คราวนี้
“น้องนิกซ์ น้องพลัมเติมแป้งหน่อยค่ะ หน้าน้องทอดไข่ได้แล้วเนี่ย” ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองจีบปากจีบคอบอก
ธนาดล และสักรินทร์มองจากสองสาวมุมหนึ่งของงาน ทั้งคู่รีบถ่อมาจากงานศพของบวร ด้วยความบังเอิญที่เมศร์มีนิสัยบ้ารถไปหน่อย เมศร์ชื่นชอบรถยี่ห้อเดียวกับที่รัตติกาล และภานุมาศทำงานด้วย จึงไม่ชักช้า รีบโทรหาสักรินทร์ ทันทีที่สักรินทร์ทราบเรื่อง สองเพื่อนซี้ต่างพากันมาถึงงานมอเตอร์โชว์รวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
สายตาของสักรินทร์วาวโรจน์เพราะไม่ชอบใจนักกับการเสื้อผ้าที่ภานุมาศใส่อยู่ในขณะนี้ ทีแรกก็ไม่แน่ใจหรอกว่าจะเป็นเธอเพราะพริตตี้สาวสวยที่เมศร์ชี้นั้นใส่เสื้อตัวเล็กจิ๋วปิ๋วหลิวเดียว กระโปรงก็สั้นเพียงคืบ ใบหน้าสวยตกแต่งด้วยเครื่องสำอางจัดเสียจนไม่มีเค้าภานุมาศคนเดิม
“กรมอุตุฯ ไม่เห็นเตือนเลยว่าพายุจะถล่มกลางกรุง” เมศร์เกาหัวแกรกๆ
“เฮ้ย...เดี๋ยวไอ้ริน” ธนาดลดึงแขนเพื่อนไว้
ทันทีที่สักรินทร์เห็นภานุมาศถูกชายคราวพ่อยึดแขนไว้ไม่ยอมปล่อยก็รีบถลาไปจัดการชายโชคร้ายคนนั้น “แกไม่เห็นหรือว่ามันลวนลามพลัม”
“เห็น แต่แกจะทำอะไรได้...ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป โดนรปภ.โยนออกนอกงานแน่” สักรินทร์ดิ้นฮึดฮัดอย่างขัดใจ จะทำตามใจก็ไม่ได้
“มันต้องวางแผนกันหน่อย”
แม้จะเป็นเพื่อนกันมานานแต่สักรินทร์ก็ไม่ได้ซึมซับความใจเย็น และนิสัยจอมวางแผนจากธนาดลเลย
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รัตติกาล และภานุมาศหน้าชื่นอกตรมทำงานจนครบเวลา
ภานุมาศนั่งพักเหนื่อยอย่างขัดใจ หญิงสาวเกือบจะขย้ำคอลูกค้าชีกอที่ลูบบั้นท้ายเธออย่างจงใจ รัตติกาลใช้กระดาษพัดภานุมาศหวังคลายความร้อนรุ่มในจิตใจเพื่อนสาวของตนมากกว่า
“พี่จะไม่พูดมาแล้วนะ อย่าเยอะได้ไหมสองสาว” จีจี้ กระเทยร่างยักษ์มองสองสาวอย่างสังเวช
“แต่ลุงคนนั้น...” ภานุมาศโมโหหน้าดำหน้าแดงพยายามบอกว่าอาการกระเฟียดกระฟัดของตนนั้นมาจากสาเหตุใด
“ลูกค้าคือพระเจ้า”
“พี่ไม่ลองมาเป็นหนูนี่”
“คุณน้องต้องเข้าใจสิว่างานแบบนี้มันต้องมีแตะเนื้อต้องตัวกันบ้าง” จีจี้พูดกระแทกกระทั้น
“เอ่อ นิกซ์ว่าเราอย่าทะเลาะกันดีกว่าค่ะ ยังไงเราก็ขอโทษพี่จีจี้ด้วยนะคะ” รัตติกาลไม่อยากให้เรื่องต้องบานปลายไปมากกว่านี้ เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่ค่อยดีจึงรีบห้ามทั้งคู่
ภานุมาศฮึดฮัดคว้าข้าวของบนโต๊ะ ก้าวฉับๆ ออกจากงานไป
“เฮ้ย เดี๋ยว” รัตติกาลจะเรียกภานุมาศไว้ไม่ทัน
“เจ๊ว่าหนูตามเพื่อนไปดีกว่านะ นี่ค่าแรงวันนี้” จีจี้ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่ปากว่า เธอบอกให้รัตติกาลรีบตามไปดูภานุมาศ
รัตติกาลรับซองขาวสองซองอย่างว่าง่ายแล้วก็รีบโกยอ้าวตามเพื่อนของตนไปทันที
ภานุมาศวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเมื่อเห็นร่างสูงคุ้นตาเดินตาม
“หยุดนะพลัม” สักรินทร์ตะโกนบอก
“อีตาบ้าเอ๊ย จะตามไปถึงไหนเนี่ย” ภานุมาศบ่นกับความโชคร้ายของตน
รองเท้าส้นสูงของภานุมาศไม่เอื้ออำนวยต่อการวิ่งนักเป็นผลให้สักรินทร์คว้าร่างบางไว้ได้ เป็นเวลาเดียวกันที่รัตติกาลวิ่งตามออกมาก็พบว่าภานุมาศถูกยัดเข้าไปในรถตู้สีดำปิดฟิล์มทึบ
“ช่วย...”
เสียงแหบพยายามกรีดร้องทว่ามือหนาลึกลับปิดปากเธอไว้ได้ก่อน หญิงสาวรู้สึกกลัวเมื่อถูกลากกึ่งจูงเข้ามาในมุมหนึ่งของลานจอดรถ
“ทีนี้ก็หันหน้ามาได้แล้วสาวน้อย”
เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้เธอหันมาแล้วสวมกอดเขาอย่างโล่งใจ ก่อนนึกถึงความใจร้ายของเขาจึงคลายอ้อมกอดนั้น รัตติกาลตีอกหนาไปทีหนึ่ง “เล่นอะไรบ้าๆ หัวใจฉันแทบวายแน่ะ”
“ไม่ได้เล่นบ้าแต่ตามจับเด็กเลี้ยงแกะ”
“เด็กเลี้ยงแกะ...อย่าว่านิกซ์นะ”
“ถ้าไม่ใช่เด็กเลี้ยงแกะ แล้วนิกซ์มาทำอะไรที่นี่...บอกมาสิ”
“ก็มาทำ...งาน” รัตติกาลตกหลุมพรางของธนาดลเสียแล้ว ก่อนจากกันธนาดลสั่งห้ามเธอไม่ให้ทำงานพิเศษทุกประเภท รวมไปถึงการแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ผมสั่งห้ามแล้วทำไมไม่ฟังกันบ้าง” ธนาดลกอดอกถามอย่างขึงขัง
“นิกซ์ไม่อยากปล่อยให้พลัมทำงานคนเดียวนี่คะ พลัมจำเป็นต้องใช้เงิน”
“เฮ้อ ผมยอมให้ครั้งเดียวนะ...ผมหึงทุกคนที่มองนิกซ์ แล้วชุดพริตตี้นี่อีกทำให้ผมแทบคลั่ง” ว่าแล้วธนาดลก็ถอดสูทตัวนอกออกแล้วคลุมร่างให้หญิงสาว...บอกแล้วไงว่าไม่อยากให้ใครเห็น
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมศร์ขับรถพาสักรินทร์ และภานุมาศไปส่งที่คอนโดมิเนียมย่านกลางเมือง ภานุมาศถูกสักรินทร์ใช้แรงที่มากกว่าบังคับให้หญิงสาวขึ้นไปบนห้องพักเหมือนครั้งแรกที่พาไปบ่อนไม่ผิดเพี้ยน
คนหรือหมีควาย
“เป็นหมีความกลับชาติมาเกิดหรือไง” ภานุมาศโมโหตนเองที่ต้องพ่ายแพ้ต่อพละกำลังของเพศชาย หญิงสาวพยายามขืนตัวออกจากการเกาะกุมของสักรินทร์
“จะเป็นหมีควาย ช้างป่า หรือว่าหมาขี้เรื้อนก็ช่าง คุณกวนโมโหผมไม่ได้หรอก อยู่นิ่งๆ เพราะผมไม่ปล่อยคุณให้หนีได้อีกแล้ว” คำพูดเฉียบขาดของสักรินทร์ทำให้หญิงสาวทราบว่าเขาเอาจริง
“คุณจะเอาอะไรกับฉันอีกเล่า เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนี่”
“ไหนบอกจะอยู่กับผมสามเดือนไง นี่อะไรกัน” สักรินทร์ต่อว่าหญิงสาวเสียงดัง ลืมตัวว่าไม่ได้อยู่ในที่รโหฐาน
“นี่คุณ เบาๆ หน่อยก็ได้ ฉันอายคน” ภานุมาศถลึงตามองคนพูดดังก่อนก้มหน้างุดด้วยความอายเพราะคนทั้งล็อบบี้ต่างหันมามองคู่เป็นสายตาเดียว
“แต่งชุดแบบนี้ไม่น่าอายกว่ารึไงเล่า...ชุดล่อเสือล่อตะเข้ ขึ้นไปบนห้องให้เอาไปทิ้งเลยนะ” สักรินทร์ไม่อยากให้ใครมองสุดที่รักของ ชายหนุ่มกดลิฟต์ทุกตัว ใจจริงเขาอยากจะเดินขึ้นบันไดไปด้วยซำ้ถ้าไม่ติดว่าภานุมาศจะลิ้นห้อยเพราะห้องหอหลังใหม่ของเขาอยู่ชั้นยี่สิบสาม!
“ฉันไม่ได้อยากใส่ไอ้เศษผ้านี่นักหรอกแต่ฉันไม่มีทางเลือก”
“คุณมีทางเลือก...แล้วคุณก็เลือกแล้วว่าจะอยู่กับผมเป็นเวลาสามเดือน”
“แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ภานุมาศบอกตนเองว่าคิดผิดถนัดที่หยิบยื่นโอกาสอันหอมหวานให้เขา
“เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วทูนหัว ทำใจ และยอมรับสิ่งที่คุณเลือกเสียเถอะ” สักรินทร์บอกภานุมาศเป็นเวลาเดียวกับที่ลิฟต์ตัวในสุดเปิดออก “ไปได้แล้ว”
“ไม่ยุติธรรม...คุณไม่เหลือทางเลือกให้ฉันเลย” ภานุมาศตำหนิชายหนุ่ม
“โลกนี้มันก็ไม่ยุติธรรมแบบนี้แหละ ผมบังคับให้คุณต้องมาอยู่กับผม...ที่นี่ เดี๋ยวนี้”
“พูดบ้าๆ น่า”
“ผมพูดจริง เอาจริงด้วย” สักรินทร์บอกอย่างเจ้าเล่ห์แล้วฉวยทีเผลอจุมพิตแก้มเนียน
“ในลิฟต์ก็ไม่เว้นนะไอ้หมีควาย ” ภานุมาศตวาดชายหนุ่มพร้อมกระแทกรองเท้าส้นสูงบนรองเท้าหนังของสักรินทร์เต็มแรงหากเขารู้ทัน
สักรินทร์รวบร่างบางที่ประทุษร้ายเขาไว้ “เลิกเรียกผมว่าหมีควายเสียทีได้ไหม”
“ไม่”
“อยากโดนหมีควายกัดทั้งคืนก็ลองดู” สักรินทร์ขู่เสียงเข้ม
ภานุมาศทราบว่าเขาพูดจริงทำจริงจึงเงียบเสียแล้วยอมให้เขาลากเข้าไปในห้องพักสุดหรูอย่างว่าง่าย หญิงสาวสำรวจห้องอย่างสนใจ...น่าอยู่ใช้ได้
“ผมเปลี่ยนใจให้คุณเรียกหมีควายก็ได้...แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้? ” ภานุมาศหรี่ตามองชายหนุ่มอย่างไม่ไว้ใจ
“ให้หมีควายพิสูจน์ว่าคืนนี้มีกำลังเหลือเฟือ” คำพูดคล้ายจะใจดีของเขาทำให้ภานุมาศส่ายหัวแทนคำตอบทันที คนอยากพิสูจน์ยังถามหญิงสาวต่อว่า “คิดดีๆ นะ”
“ทำไมฉันต้องคิดเล่า คนแก่ตัณหากลับ” ภานุมาศสะบัดหน้าพรืดซ่อนความอาย
“แต่คุณก็ชอบไม่ใช่หรือ”
“อยากรู้นักใช่ไหม นี่แน่ะ” ภานุมาศเขวี้ยงหมอนอิงบนโซฟาใส่หน้าสักรินทร์เต็มแรง
“เพิ่งจะรู้ว่ามีเมียดุโว้ย” แม้ว่าสักรินทร์จะหลบไม่ทันแต่หมอนใบเล็กนั้นไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มบาดเจ็บมาก
“อดีตเมีย” ภานุมาศว่าเสียงเขียว
“ไม่เอาน่าพลัม เรามาคุยกันดีๆ ดีกว่า ทำไมคุณหนีผมมาล่ะ” สักรินทร์คว้าเอวหญิงสาวแล้วดึงให้นั่งบนตัก ทำเอาเธอตัวแข็งทันที
“ฉันไม่ชอบคุณแล้ว” ภานุมาศบอกไปส่งๆ
“อย่ามาโกหกผมเสียให้ยากเลย มองตาคุณแป๊บเดียวผมก็รู้ว่าคุณรักผม” สักรินทร์เกยคางกับบ่าของหญิงสาว เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอเลยสักนิด “คืนนี้ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าคุณไม่ได้ชอบผมจริงๆ แต่รักผม ขาดผมไม่ได้เลยล่ะ”
“เอะอะก็พิสูจน์ ไปตายอดตายอยากมาจากไหน”
สักรินทร์พูดจริงทุกคำพูด เพียงแค่เห็นหน้าชายหนุ่ม หัวใจของภานุมาศก็ทรยศเจ้าของยอมให้เขาอยู่รำ่ไป
“อดอยากตั้งแต่วันที่คุณไม่อยู่น่ะสิ”
เมื่อเห็นว่าภานุมาศอ่อนลง สักรินทร์จึงพลิกให้หญิงสาวนั่งหันหน้าเข้าหาตน ความแคบของกระโปรงทำให้พริตตี้สาวคนสวยไม่อาจนั่งได้ถนัด สักรินทร์จึงเลิกกระโปรงของภานุมาศขึ้นไปกองบนเอวพลางขยับท่อนล่างของร่างกายพร้อมกันนั้นความตื่นตัวใจกลางร่างทำให้ภานุมาศรับรู้ได้ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นต่อไป ภานุมาศหน้าแดงกับการกระตุ้นของชายหนุ่ม หญิงสาวไม่อาจปฏิเสธตนเองได้ว่าไม่ต้องการสัมผัสดังกล่าว
“ไอ้หมีควายแก่”
“ผมบอกว่าผมยอมเป็นหมีควาย แต่ไม่ยอมแก่” คนยอมเป็นหมีควายกระตุ้นความต้องการของภานุมาศให้ร้อนแรงขึ้น เป็นครั้งแรกสักรินทร์พอใจให้หญิงสาวแต่งตัวเช่นนี้ ชายหนุ่มบอกกับตนเองว่ามันได้อารมณ์ไปอีกแบบ
“แก่”
“งั้นผมจะทำให้คุณรู้ว่าหมีควายแก่ตัวนี้ของคุณ...เหลือเฟือ” สักรินทร์ไม่ได้บอกภานุมาศว่าที่เขายอมรับว่าแก่นั้นคือแก่ประสบการณ์...เวลาที่เหลือนี้เขาจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเอง
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากห้องคนไข้พิเศษ พยาบาลหลายคนต้องช่วยกันจับชุติมาไว้กับเตียงอย่างจ้าละหวั่นไม่ให้หญิงสาวคุ้มคลั่ง อาละวาด ปาข้าวใกล้ตัว และทำร้ายตนเองหลังจากสองมือตบที่ขาตนเองก็พบว่ามันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เหมือนปกติ
“ออกไป๊ ออกไป...ไปให้พ้น” นำ้ตาเอ่อเต็มดวงตาสวย ชุติมาจิกตามองคนที่ปราบเสียจนหมดฤทธิ์อย่างอาฆาต
“ไม่เป็นไรนะน้องเอ้” ภราดาบอกพยาบาลเหล่านั้นว่าตนรับมือลูกสาวไหว พยาบาลสาวจึงยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล ภราดาปราดเข้าไปกอดลูกสาวไว้
บัดนี้ ใบหน้าจิ้มลิ้มของชุติมาถูกผ้ากอซปิดไว้เกือบครึ่งหน้าเพื่อปิดบังใบหน้าอัปลักษณ์ไว้ คนปรนนิบัติผิวด้วยครีมบำรุงราคาแพงรับไม่ได้ที่จะต้องมีอยู่ชีวิตอยู่กับตำหนิแสนน่าเกลียดครึ่งหน้า
“เอ้ไม่เหลืออะไรแล้วค่ะแม่”
“น้องเอ้ต้องหายนะคะ เดี๋ยวเราจะไปอเมริกา ที่นู่นมีหมอเก่งๆ เยอะแยะ คุณหมอจะต้องรักษาน้องเอ้ให้กลับมาเป็นปกติ” ภราดาเอามือเกลี่ยน้ำตาให้ลูกสาวอย่างเบามือ หัวอกคนเป็นแม่แทบจะขาดรอนๆ เมื่อลูกสาวร้องไห้
“จริงๆ นะคะแม่...จริงๆ นะคะ”
“จริงค่ะ แม่ไม่โกหกลูกหรอก” ภราดาลูบศีรษะชุติมา
“น้องเอ้อยากไปอเมริกาแล้ว น้องเอ้อยากหาย...ตอนนี้น้องเอ้เหมือนตายทั้งเป็นเลยคุณแม่ ฮือ”
หลังจากที่ธนาดลได้คุยกับแพทย์เจ้าก็ทราบว่าร่างกายช่วงขาลงไปของชุติมาไร้ซึ่งความรู้สึกซึ่งเป็นผลกระทบจากอุบัติเหตุ แพทย์อยากให้ญาติ และคนใกล้ชิดให้กำลังใจผู้ป่วย ธนาดลลอบมองหลานสาวผ่านประตูที่แง้มไว้ ชายหนุ่มรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อชุติมามีสุขภาพจิตย่ำแย่กว่าที่คิด ธนาดลทำเป็นไม่ทราบว่าชุติมามีจิตใจอกุศลกับเขาจึงเข้าไปปลอบให้เธอมีกำลังใจสู้ต่อไป
หลังจากงานศพของสามี ภราดาเลือกที่จะเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับลูกสาวเพื่อรักษาชุติมาให้หายจากความพิการแม้หนทางจะริบหรี่ก็ตามที โดยปล่อยให้ธนาดลช่วยจัดการเรื่องคดีความ รวมไปถึงการบริหารงานแทนตนอีกด้วย
“เรื่องทรัสต์ พี่ดาแน่ใจแล้วหรือ” ธนาดลไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นของภราดาสักเท่าไหร่
“อย่าห้ามพี่เลย พี่เห็นน้องเอ้ทุกข์ พี่เป็นทุกข์ยิ่งกว่า...หัวอกคนเป็นแม่น่ะ อีกอย่างพี่คงไม่มีกะจิตกะใจทำงานจะพาลเจ๊งเปล่าๆ ” ภราดายังยืนยันคำพูดตนเองแล้วบอกต่อว่า “พี่ยังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าน้องเอ้จะหาย ให้อำนาจสิทธิ์ขาดบริหารทรัสต์เป็นของดลน่ะดีแล้ว เวลาทำอะไรจะได้ไม่ติดขัด”
ธนาดลมองสายตาเด็ดเดี่ยวของภราดาแล้วถอนใจ เป็นครั้งที่สองที่ชายหนุ่มได้เห็นสายตาเด็ดเดี่ยวของภราดา ครั้งแรกนั้นภราดารั้นจะแต่งงานกับบวร และแน่นอนว่าเธอทำสำเร็จ
“ครับ ผมจะไม่ทำให้พี่ดาผิดหวัง”
“พี่ต่างหากที่ทำให้ดลผิดหวัง...เรื่องน้องเอ้ พี่ขอโทษเรื่องน้องเอ้นะดล พี่รู้มาโดยตลอดน้องเอ้เขาคิดเกินเลยกับดลแต่พี่ก็ทำอะไรไม่ได้”
“พี่ดาไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมผิดเองที่ใกล้ชิดหลานเกินไป” ธนาดลบอกตามความจริง
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ภานุมาศตัดสินใจบอกความจริงกับน่านนำ้ หญิงสาวดีใจที่ฝ่ายนั้นไม่ได้เสียใจหรือโกรธตนอย่างที่กังวลไป น่านนำ้ยอมรับความพ่ายแพ้แล้วอวยพรให้เธอโชคดี
“หรือว่าเราจะไม่ได้รักน้องพลัมจริงๆ ” น่านนำ้ถามตนเองงงๆ หลังจากที่วางหูโทรศัพท์ ชายหนุ่มไม่ได้เจ็บปวดแต่อย่างใด ออกจะโล่งใจเสียด้วยซำ้...บางทีเป็นพี่เป็นน้องกันคงดีกว่า
จากนั้นภานุมาศก็โทรบอกข่าวดีกับสักรินทร์ ชายหนุ่มแทบจะทิ้งแฟ้มเอกสารทันทีแล้วออกไปทำสิ่งที่ตั้งใจจะทำมานาน สักรินทร์ประคองดอกกุหลาบสีแดงช่อโตพร้อมกับแหวนเพชรเม็ดโตไว้บนเบาะหลังอย่างเบามือ การจราจรติดขัดในเมืองหลวงที่แสนน่าเบื่อไม่ได้ทำให้สักรินทร์เกลียดมันอย่างเคยเพราะตอนนี้ชายหนุ่มมีความสุขเหนือคำบรรยาย ชายหนุ่มกวักมือเรียกเด็กขายพวงมาลัยที่แต่งตัวขะมุกขมอมกลางอากาศร้อนอบอ้าวแล้วยื่นธนบัตรสีม่วงให้ไปสองใบ
สักรินทร์เคาะพวงมาลัยอย่างอารมณ์ดี เมื่อสัญญาณไฟจราจรเป็นสีเขียว ชายหนุ่มก็ประคองพวงมาลัยมาตามเส้นทางที่คุ้นเคยก่อนสะดุดกับรถมินิคูเปอร์ของภานุมาศที่ขับมาจากทางออกคอนโดทำให้เขาค่อยๆ เปลี่ยนเส้นทาง สักรินทร์ขับรถตามหญิงสาวไป ด้วยความรีบเร่งทำให้ภานุมาศไม่ทันเห็นชายหนุ่ม
“อือๆ” ภานุมาศบอกว่ารับรู้เส้นทางจากปลายสายเพราะคู่สนทนาเร่งว่าเมื่อไหร่จะมาถึงทำให้หญิงสาวไม่ได้สังเกตว่าสักรินทร์ขับรถตามอยู่ห่างๆ “รีบแล้วๆ ค่ะ ซอยรางนำ้แค่นี้เองทำไมจะไปไม่ถูก”
ยี่สิบนาทีต่อมา
ร่างบางฉบับนางแบบในชุดกระโปรงสีดำสนิทสั้นเหนือเข่ากับเสื้อกล้ามสีม่วงอ่อนกระหืดกระหอบเข้าไปในโรงแรมหรู ภานุมาศไม่ลืมดึงยางรัดผมออกแล้วสยายผมเป็นลอนเต็มแผ่นหลังก่อนก้าวพรวดเข้าไปในห้องอาหาร
มุมอับสุดของร้านมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งรับประทานอาหารอยู่ก่อนแล้ว แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายไม่ค่อยเต็มใจนักพราะถูกฝ่ายหญิงคุกคามทางสายตาราวกับว่าเขาเป็นเหยื่ออันโอชะก็ไม่ปาน
“นี่มันอะไรกันคะพี่ที...ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร” ภานุมาศประกาศกร้าวแสดงตนว่าเป็นเจ้าของนทีเต็มที่
นทีเผลอยิ้มยินดีก่อนปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วลุกไปคล้องแขนภานุมาศเพื่อยืนยันสถานะของตนทำให้หญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงจิกตามองภานุมาศอย่างไม่เป็นมิตร
สักรินทร์ไม่อาจได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสามได้ถนัด เพีียงครู่เดียวภานุมาศก็ลากหนุ่มวัยกลางคนออกไปทิ้งให้สาวชุดแดงร้องไห้เป็นเผาเต่า สักรินทร์ต้องยกเมนูขึ้นปิดหน้าเมื่อทั้งคู่เดินผ่าน
“พี่ทีนี่เสน่ห์แรงใช่ย่อยนะ” ภานุมาศอดชมญาติของอดีตแฟนไม่ได้เมื่ออยู่ในรถกันสองคน
“เสน่ห์แรงแบบนี้พี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน ผู้หญิงอะไรน่ากลัวชะมัด” นทีพูดพลางยกมือนวดขมับเบาๆ
เด็กสาวคนดังกล่าวแวะมาดูของที่ร้านแต่ก่อนหน้านั้นไม่ทราบว่าไปดูหมอสำนักไหนมาที่ทำนายว่าวันนี้ถ้าผู้ชายคนไหนจับมือหล่อนเป็นคนแรกคนนั้นแหละ เนื้อคู่ของหล่อน!
นทียังจำเหตุการณ์ระทึกขวัญในร้านคราวนั้นได้ดี กล่องโบราณใบใหญ่ที่หญิงสาวพยายามเอื้อมหยิบจากชั้นวางกำลังจะหล่นทับศีรษะเธออย่างรอมร่อ ชายหนุ่มไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญในร้านได้จึงเอื้อมมือไปช่วยหยิบ ทันทีนั้นเอง นทีรู้สึกกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านมือ
‘อุ๊ย’
สาวน้อยหน้าตาน่าทนุถนอมราวกับกระเบื้องเคลือบหันมามองเขาอย่างแปลกใจ ดวงตาดวงน้อยเปล่งประกายบางอย่างที่เขาก็ไม่อาจคาดเดาได้
หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้นที่เธอเทียวไล้เทียวขื่อมาหาเขาที่ร้าน แถมยังบอกเขาอีกว่า ‘เขา และเธอเป็นเนื้อคู่กัน’
ให้ตายเถอะ
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สักรินทร์ขบกรามแน่นขณะที่ขับรถตามทั้งคู่ไป ชายหนุ่มคลาดกับภานุมาศเพียงไฟแดงเดียวแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการตามหาหญิงสาว สักรินทร์สอดส่องหารถคันเล็กราคาแพงตามสองข้างทาง เพียงไม่นานเขาก็พบว่ามันจอดอยู่หน้าร้านขายของเก่า เป็นเวลาเดียวกับที่ภานุมาศ และนทีช่วยกันตรวจตราปลั๊กไฟว่าถอดหมดหรือยัง สักรินทร์ก็ก้าวเข้ามาในร้านโดยไม่ได้รับคำเชิญ
“วันนี้ร้านปิดแล้วครับ” นทีบอกอย่างสุภาพ
“แล้วไง” สักรินทร์ว่าอย่างไม่สนใจ
หญิงสาวคนเดียวเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตัดบท “เอ่อ...พี่ทีคะเพื่อนพลัมเองค่ะ”
“ไม่ใช่แค่เพื่อนธรรมดานะแต่เป็นคนพิเศษ” พูดไปแล้วสักรินทร์ก็ดีใจที่ได้เห็นสีหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย
“พลัมขอฝากรถไว้ก่อนนะคะ ส่วนคุณ...ไปคุยกันบนรถ” ภานุมาศดึงสักรินทร์ให้เดินตามมา หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะปิดประตูรถเสียงดังแต่สักรินทร์มองว่าหญิงสาวไม่พอใจ คนอารมณ์ร้อนจึงโชว์เหนือกว่าด้วยการปิดประตูรถดังปังจนภานุมาศกลัวว่ามันจะหลุด
“นี่คุณริน คิดจะทำอะไรถึงไปก้าวร้าวพี่ที”
“พี่ที แหมสนิทกันจริงนะ” สักรินทร์ดัดเสียงเลียนแบบหญิงสาว ภาณุมาสหยิกที่แขนชายหนุ่มจนเนื้อแทบหลุด “โอ๊ย เจ็บนะ ทีอยู่กับผมทำไมคุณโหดอย่างนี้ ทีไอ้หมอนั่นกลับยิ้มหวานหยด”
“สม” หญิงสาวทำปากยื่นแต่เมื่อมองหน้าของสักรินทร์ที่ซ่อนความน้อยใจไว้ไม่มิดก็ทำให้เธอรู้สึกผิดเหมือนกัน “ไว้ใจกันหน่อยได้ไหม”
“หึ” คนขี้น้อยใจอย่างร้ายกาจยังเล่นตัว
“โอเคๆ พลัมขอโทษ คราวหลังหลัมจะไปไหน จะไปกับใคร มีเพื่อนกี่คนจะบอกคุณหมดเลย...ดีกันนะ” ภานุมาศทำตาแป๋วกระพริบตาปริบๆ สองสามทีแล้วแนบหน้ากับท่อนแขนแข็งแรง
“อย่าลืมทำตามที่พูดล่ะ” สักรินทร์คิดว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่ต้องงอนให้ปวดใจนานจึงยอมให้เมื่อภานุมาศจะไม่ทำอย่างวันนี้อีก
ยังมีความรักแอบเปรี้ยวของรัตติกาล และธนาดล หลังจากวันที่ธนาดลเจอหญิงสาวในชุดพริตตี้ก็ลงโทษเธอด้วยความรักอันแสนหวาน จากนั้นทุกๆ วันเขาก็ไม่ปล่อยให้เธอคลาดสายตา ถ้าชายหนุ่มไม่มารับเธอไปทำงานด้วยก็พาไปนั่งเล่นกับภานุมาศที่คอนโดของสักรินทร์ ในขณะที่ชายหนุ่ม และเพื่อนคุยกันเรื่องงาน และความคืบหน้าของคดีความอย่างเคร่งเครียดแล้วตอนเย็นก็พาเธอไปทานข้าว ดูหนัง ฟังเพลงก่อนพามาส่งที่แมนชั่น
วันนี้รัตติกาลมารับน้องที่มหาวิทยาลัย ธนาดลยังขอไปส่ง
“นี่คุณไม่มีอะไรทำหรือยังไง” รัตติกาลถามทันทีที่เห็นเขายิ้มแฉ่งให้แต่ไกล
“มี แต่ไม่ทำ” ธนาดลตอบยียวนหญิงสาว
รัตติกาลทำปั้นปึ่งใส่คนข้างๆ ธนาดลไม่ได้เคอะเขินกับการเป็นเป้าสายตาของใครหลายคนที่รัตติกาลในชุดนักศึกษาเดินเคียงข้างเขา
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
แล้วเจอกันวันจันทร์นะคะทุกคน :]
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2554, 13:08:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 พ.ค. 2554, 23:05:08 น.
จำนวนการเข้าชม : 2235
<< บทที่ี่่่ี่ 14 | บทที่ 16 >> |
ida 24 พ.ค. 2554, 14:27:46 น.
ดีจัง เริ่มหวานทั้งสองคู่เลย
ดีจัง เริ่มหวานทั้งสองคู่เลย
angle101 24 พ.ค. 2554, 15:27:02 น.
มาเร็วๆๆๆน๊าค่ะ
มาเร็วๆๆๆน๊าค่ะ
pattisa 24 พ.ค. 2554, 21:31:59 น.
likee :)
likee :)
ปูสีน้ำเงิน 24 พ.ค. 2554, 22:22:30 น.
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะ