บ้านนราธร (ภาคต่อของทรัพย์สิดีฯ)
ถ้าใครเคยอ่านทรัพย์สิดี ชื่อนี้ที่ผมรัก นี่คือภาคต่อ ที่มีตัวละครคือลูกๆทั้งสามค่ะ การแหกกฏของตระกูลนราธรได้เริ่มขึ้นในรุ่นนี้ มีตัวเอก 3 คน คือ นรนทร์ ลูกชายคนโต ที่ไม่ต้องการดูแลบริษัท นราธิป ลูกชายคนรองที่ไม่ได้เป็นที่คาดหวังของใคร และสิดาริน ลูกสาวคนเล็กของบ้านที่คุณย่าต้องการให้สวยสมบูรณ์แบบ แต่เธอกลับแก่นเซี้ยว ห่างไกลคำว่ากุลสตรี

แล้วบ้านนราธร รุ่นที่ 5 จะเป็นอย่างไร

ปฏิบัติการความเป็นแม่ของทรัพย์สิดี เริ่มขึ้นแล้ว
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: (2) หน้ากาก

นรินทร์มองฉันตาปริบๆ ขณะที่สิดารินลูกสาวคนเล็กของเราเถียงกับแม่สามีของฉัน หรือก็คือคุณแม่ของคุณนรินทร์ หรือก็คือคุณย่าของสิดารินนี่เอง โอ๊ยยยย ปัญหานี้มันมีมานมนานแล้วนะเรื่องที่คุณแม่ชอบพายายดารินไปออกงานบ่อยๆ ตั้งแต่หล่อนเริ่มขึ้น ม.ปลาย ใช่ฉันรู้ตัวว่าลูกสาวฉันน่ะสวยเพราะเธอหน้าไปทางคุณนรินทร์ แต่นิสัยเธอออกจะแก่นกะโหลก และหลายคนลงความเห็นว่าเธอตลกเหมือนฉัน แถมลูกสาวคนเดียวของฉันคนนี้เธอออกจะไม่ค่อยรู้ตัวด้วยซ้ำว่าเมื่อผู้หญิงโตขึ้นต้องสนใจเรื่องความสวยความงาม มีไม่กี่อย่างที่สิดารินสนใจในตอนนี้คือการว่ายน้ำ อ่านหนังสือ และคิดอะไรชวนหัวกับพี่ชายเธอทั้งสองคน โดยเฉพาะกิจกรรมดูหนังมาราธอนทุกวันศุกร์หรือทุกเทศกาลเนี่ย ชอบกันนัก นอนกันดึกๆดื่นๆ หวังว่าเจ้าลูกชายตัวดีของฉันจะไม่เปิดหนังโป๊ให้น้องสาวคนเล็กดูหรอกนะ

ที่ฉันจะบอกก็คือ แม่คุณนรินทร์น่ะ อยากมีหลานสาวมานานแล้ว พอสิดารินเกิดมาบนโลก ก็ได้ทีของเธอเลย คุณแม่ต้องการปั้นยายสิดารินให้สมบูรณ์แบบสุดๆ ทีนี้พอลูกสาวฉันโตพอจะออกงานได้ คุณแม่เลยอยากพาไปอวดเพื่อนๆ ว่าความสมบูรณ์แบบของสิดารินนั้น คุณแม่เป็นผู้เลี้ยงดูเองมาอย่างดี แต่ขอโทษที ลูกสาวฉันน่ะ ล่าสุดก็ไปทำเรื่องปาเค้กเล่นกับเด็กที่งานวันคริสต์มาสแล้ว ทีนี้วันปีใหม่ที่จะถึง ดารินอยากจัดงานเล็กๆในครอบครัวแต่คุณแม่จะจัดอลังการงานสร้างตามแบบของเธอ การโต้เถียงระหว่างย่าและหลานสาวจึงเกิดขึ้น

“เอาอีกแล้ว" นรินทร์บ่นกับฉันเบาๆ คุณนรินทร์ก็แบบนี้ไม่เคยกล้าขัดใจแม่ตัวเองเลย ดีนะที่เรื่องการตั้งชื่อและการกำหนดอนาคตของชีวิตลูกๆ เราได้คุยกับคุณพ่อไว้หมดแล้ว ถึงแม้ตอนนั้นคุณพ่อจะโกรธและไม่ยอมเช่นเคยในเรื่องการตั้งชื่อลูกชายคนแรก ว่าจะต้องชื่อนรินทร์ แต่ในที่สุด เราก็ได้ข้อตกลงคนละครึ่งทางว่าเราจะตั้งชื่อให้ใกล้เคียงของเดิม แต่ลูกชายของเราไม่ใช่ตัวแทนของใคร เขาจะเลือกเป็น เลือกทำ หรือเรียนอะไรก็ได้ ดังนั้นลูกชายคนโตของฉันจึงชื่อ นรนทร์ ได้จากการตัดสระ อิ ออกน่ะ ถือเป็นการแหกกฏที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

“สิดาริน หลานต้องรู้จักเข้าสังคมเสียบ้างนะ ดูสิ งานคริสต์มาสหลานทำย่าขายหน้าขนาดไหน เห็นได้ชัดว่ายังอ่อนสังคมนัก จัดงานปีใหม่ที่บ้านเรา หลานก็น่าจะสะดวกนะ ไม่เห็นต้องโวยวายเลย" แม่คุณนรินทร์อธิบาย

ดูสิดารินทำหน้าเข้า ผมยาวสลวยของเธอรวบเป็นหางม้า ใบหน้าบึ้งตึง แววตาสู้คนแสดงออกมาอย่างเปิดเผย

"คุณย่าคะ วันปีใหม่ควรจะเป็นงานของครอบครัวนะคะ รินก็ไม่ใช่จะไม่เชิญใครเลย แต่รินขอแค่บ้านลุงจิทัศน์กับแพรวา แค่นี้คนก็เยอะแล้วค่ะ"

คุณแม่ทำท่าจะอ้าปากเถียงต่อ แต่นราธิปขัดไว้ได้ ลูกชายคนรองของฉัน เขาหล่อเหมือนคุณพ่อของฉันเลย อารมณ์ดี ตลก สบายๆ แต่เวลาเรียนหรือทำกิจกรรมอะไรก็จะตั้งใจทำและทำออกมาได้ดี ฉันพยายามจะกำจัดคำว่าลูกคนกลางออกไป ฉันว่าฉันทำได้นะ ฉันรักนราธิป และภูมิใจในตัวลูกชายของฉัน พอๆกับนรนทร์ลูกชายคนโต ถึงแม้นราธิปจะไม่ได้สอบได้ที่ 1 ตลอดเหมือนนรนทร์ แต่เขาก็เป็นเด็กี สุภาพ แถมได้รับเลือกจากเพื่อนๆให้เป็นหัวหน้าห้อง ประธานกีฬาสี และหัวหน้าการทำกิจกรรมต่างๆ ทุกครั้ง

“คุณย่าครับ ก็คนละครึ่งทางสิครับ ดารินก็เชิญคนที่อยากเชิญมา 1 ครอบครัว ส่วนคุณย่าก็เชิญมาอีกหนึ่ง"

ทีนี้คุณพ่อที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็ลดหนังสือพิมพ์ลง "ธิปมีเหตุผลดี ปู่เห็นด้วย นี่คุณ โตแล้วมาเถียงกับหลานเหมือนเด็กๆ ผมเห็นด้วยกับยายดารินนะ ว่าปีใหม่ควรเป็นงานของครอบครัว"

คุณแม่เริ่มทำสีหน้าแบบว่า ฉันแพ้ แต่ฉันจะไม่ยอม จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากหลานรักของตัวเอง

“นรนทร์หลานรักของย่า หลานคิดว่ายังไงจ๊ะ"

นรนทร์ที่หน้าตาเหมือนฉัน แต่ใครๆ ก็ชมว่าเขาหล่อเหลาเป็นที่สุด แต่บุคลิกและนิสัย ถอดแบบมาจากนรินทร์ทุกกระเบียดนิ้ว จริงจังเสียเหลือเกินลูกชายฉัน แถมฉลาดเป็นกรด สอบได้ที่ 1 ตั้งแต่ด็ก จนตอนนี้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ก็ยังเป็นที่ 1 ทุกคนหวังให้เขารับดูแลบริษัท แต่ฉันคิดว่าลูกชายคนนี้อาจจะไปทำอย่างอื่น

นรนทร์มองฉันที่อมยิ้มให้ "เอ่อผมว่า... ทำประชามติดีไหมครับ ว่าครึ่งทางแบบธิป หรือจัดเต็มแบบคุณย่า"

แล้วทุกคนก็พยักหน้าพอใจ

สิดารินนั่งกอดอก ยิ้มอย่างผยอง เธอประกาศเสียงดัง "ดีค่ะ เริ่มเลย ใครจะเลือกแบบ...” เธอมองคุณย่าแบบกลัวเล็กน้อยพอเป็นมารยาท ส่วนคุณแม่ก็ส่งสายตาพิฆาตไปเนืองๆ "เอ่อ...แบบคุณย่า"

ทุกคนบนโต๊ะนำ้ชานั่งเงียบกริบ มีคุณแม่คนเดียวที่ยกมือสูงสุด "หนูจะนับ 1-3 นะคะ หนึ่ง สอง...” แต่สิดารินยังพูดไม่จบคุณแม่ก็ขัดขึ้นมาทันที

“โอ๊ยพอๆ ไร้สาระ ย่าก็คิดอยู่แล้วล่ะ ว่าจะเชิญมาแค่ครอบครัวท่านสุรยุทธ จริงไหมคะคุณ เอาละ ย่าไปดูหลังครัวหน่อยดีกว่า" แล้วคุณแม่ก็เดินออกไปโดยไว พวกเราที่เหลือมองหน้ากันแบบฉงน อะไรจะง่ายปานนั้น แต่คุณแม่เป็นพวกไม่ชอบความพ่ายแพ้อยู่แล้ว ทำกลบเกลื่อนตลอด แล้วสิดารินก็หัวเราะร่า

“ฮ่าๆๆๆ เยี่ยมมากค่ะทุกคน ทีนี้ งานก็เป็นของรินคนเดียว ไชโย! รินขอตัวไปโทรหาแพรวาก่อนนะคะ พี่รนทร์พี่ธิป สองทุ่มประชุมเรื่องจัดงานนะ" แล้วแม่คุณก็เดินตัวปลิวไปเลย ฉันกับคุณนรินทร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปตามอัธยาศัย


“คุณคิดว่าลูกสาวเราเป็นอย่างไรคะ" ฉันถามขึ้นมาเฉยๆขณะที่เรานั่งเล่นกันที่ศาลากลางสวน เพราะเห็นความดื้อรั้นของสิดารินในวันนี้แล้วทำเอาปวดศีรษะ คุณนรินทร์ยังนอนหนุนตักฉันอ่านหนังสือเล่มหนา ส่วนฉันนั่งปอกมะม่วง เรายังทำตัวกันสบายๆเหมือนสมัยเรายังหนุ่มสาว

เขาลดหนังสือลงแล้วตอบสั้นๆ "เหมือนคุณ"

“เหรอคะ นั่นล่ะค่ะที่ฉันกลัว คุณว่าดีหรือเปล่า บางที ฉันรู้สึกนะคะ ว่าลูกไม่อยากเหมือนฉัน" ฉันรู้สึกจริงๆ เพราะบางครั้งเวลาใครพูดว่าสิดารินนิสัยเหมือนฉันทุกกระเบียดนิ้ว หล่อนจะทำหน้านิ่ง ซึ่งนั่นเป็นอาการเวลาไม่พอใจ บางทีก็สวนกลับไปว่า "รินก็เป็นรินล่ะค่ะ"

คุณนรินทร์หัวเราะ หึหึ "อย่าคิดมากน่า ดารินน่ะ ดื้อมากกว่าคุณหน่อย แต่ตลกและฉลาดเหมือนคุณ ผมว่านี่เป็นสิ่งที่ดีนะ ผมไม่อยากได้ลูกสาวที่หัวอ่อนตามกระแสสังคมหรอก" เขาพูดให้กำลังใจฉัน แล้วลุกนั่ง "ช่วงวัยรุ่น ลูกเราก็เลยอยากเป็นตัวของตัวเอง ใครมาทักว่าเหมือนคุณ ลูกก็เลยโกรธน่ะซิ แค่อยากไม่เหมือนใครเท่านั้นเอง"

ฉันยิ้ม "เอ แต่เวลาใครทักว่าลูกหน้าเหมือนคุณ ไม่เห็นแกจะโกรธ"

คุณนรินทร์ยิ้มย่อง "ฮึ แน่ล่ะ ก็เพราะผมหล่อน่ะสิ"

ฉันยอมรับว่าตกใจนิดหนึ่งกับคำตอบของเขา แล้วรู้สึกเสียใจ "ใช่สิ ฉันมันไม่สวยนี่ ลูกเลยไม่อยากเหมือน ไปดีกว่า ปอกเองแล้วกันนะ" แล้วฉันก็ทำท่าจะลุกขึ้น แต่คุณนรินทร์รั้งแขนฉันไว้

“นี่คุณไม่เอาน่า อายุป่านนี้แล้ว น้อยใจเป็นเด็กๆไปได้ ลูกผู้หญิงหน้าเหมือนพ่อถึงจะดี ส่วนลูกชายเราสองคนหน้ามาทางคุณเป๊ะ มีแต่คนชมว่าหล่อเอาการจริงไหม"

แล้วคุณนรินทร์ก็รั้งตัวฉันไปใกล้ๆแล้วกระซิบข้างหู "ก็ถ้าแม่ไม่สวยแล้วลูกจะหล่อได้อย่างไรเล่า"

ทำเอาฉันอายหน้าแดง "คนบ้า" พูดเสร็จด้วยความเขินก็หยิกต้นแขนคุณสามีโดยแรงแบบลืมตัว

“โอ๊ยยยยยย" เขาร้องลั่นจนฉันต้องรีบปล่อยมือ "ว้ายลืมตัว ขอโทษค่ะ"

คุณนรินทร์ปล่อยอ้อมแขนออกจากตัวฉัน แล้วมองอย่างดุ "เป็นอย่างนี้ตั้งแต่สาวจนแก่"

อะไรนะ เขาว่าว่าฉันแก่เหรอ! “ นี่คุณว่าว่าฉันแก่เหรอ อีตาเฒ่า!” ฉันว่าเขากลับบ้าง แล้วก็เป็นเวลาพอดีที่นรนทร์เดินมาหาเราทั้งสองพอดี ลูกชายคนโตของฉันรูปร่างสูงโปร่ง แต่บางกว่านราธิปนิดหน่อย เพราะนรนทร์ไม่ใช่นักกีฬา แต่แววตามุ่งมั่นและจริงจัง ทำให้บุคลิกลูกชายฉันดูโตกว่าการเป็นเด็ก ม.6

ลูกชายฉันนั่งลงแล้วยิ้มอย่างหล่อ แต่ตอนยิ้ม เขาดูเหมือนคุณนรินทร์สมัยหนุ่มๆแฮะ "สวีทกันกลางสวนเหรอครับ" ลูกแซวเราทั้งสองคน

ฉันทำหน้าบึ้ง "พ่อว่าแม่แก่น่ะลูก กินมะม่วงไหม แม่ปอกให้" แล้วฉันก็หยิบมะม่วงขึ้นมาอีกลูก

“ดีครับ ไม่แก่หรอกครับคุณแม่ออกจะสวย แล้วนั่นคุณพ่ออ่านอะไร" เขาพูดแล้วหยิบหนังสือหนาๆของคุณนรินทร์ขึ้นมาดู "หนังสือบริหารอีกแล้วหรือครับ น่าเบื่อออก รนทร์ชอบอ่านพวกเนชันแนลจีโอกราฟฟิคมากกว่า"

“งานของพ่อนี่นะ พ่อจะวางมือก็ต่อเมื่อมีคนมาสานต่อ ว่าไงล่ะรนทร์ ขึ้น ม.6แล้ว คิดหรือยังว่าจะสอบอะไร"

เอาอีกแล้ว ประเด็นนี้อีกแล้ว ฉันเข้าใจนะว่าจริงๆแล้วคุณนรินทร์ไม่อยากบังคับลูก แต่ก็ไม่อยากขัดคุณพ่อในเวลาเดียวกัน ดีที่นรนทร์เป็นผู็ใหญ่ ไม่ใช่เอะอะไม่พอใจอะไรก็โวยวายบ้านแตกแบบสิดาริน

“ผมก็คิดๆไว้บ้างครับ แต่คุณพ่อกับคุณปู่อาจจะต้องทำใจไว้บ้าง ผมคง...ไม่เรียน วิศวะ หรือบริหาร" คำตอบแบบนี้ของลูกชายเล่นเอาเงียบกันทั้งวง ฉันเลยต้องรีบสร้างบรรยากาศ

“เอาน่ะ อย่างนรนทร์สุดหล่อของแม่ หัวดีปานนี้อ่านอะไรก็ออก สอบอะไรก็ผ่านจริงไหมจ๊ะ แต่สำหรับแม่ ลูกเป็นอะไรก็ได้ แม่ขอให้ลูกมีความสุขก็พอ" แล้วฉันก็ดึงตัวเขามาหอมแก้ม ก่อนจะป้อนมะม่วงหวานๆให้ ทำเอาคุณนรินทร์มองอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะวกกลับมาพูดเรื่องเดิมอีก

“แล้วที่คุณปู่บอกให้ส่งใบสมัครไปมหาวิทยาลัยเดิมของพ่อล่ะ ส่งหรือเปล่าลูก" คุณนรินทร์หมายถึงมหาวิทยาลัยไอวีลีกของอเมริกา

นรนทร์ไม่สบตาพ่อของเขา "ผมว่า ไม่มีความจำเป็นต้องไปถึงนั่นหรอกครับ อันที่จริง...ผมอยากทำอะไรที่มีประโยชน์ในวงกว้าง...อีกไม่นานคุณพ่อกับคุณปู่ก็จะได้รู้ครับ รนทร์ไปก่อนดีกว่า ธิปรอเล่นเกมอยู่" พูดเสร็จก็หอมแก้มฉันทีหนึ่ง ก่อนจะรีบลุกแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินราวกับต้องการจะหนีให้พ้นเรื่องนี้เสียที

คุณนรินทร์มองตามลูกชายไปอย่างใช้ความคิด ถ้าฉันเป็นเขา ฉันก็คงลำบากใจนะ แต่คนเป็นแม่น่ะความสุขของลูกสำคัญที่สุด ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรหรือยากดีมีจนแค่ไหน

“นรินทร์ค่ะ ตารนทร์น่ะเป็นเด็กดี ฉลาด เอาการเอางาน ไม่ว่าลูกจะเป็นอะไร ลูกต้องเป็นได้ดี และชีวิตดีแน่นอน ฉันรู้สึกอย่างนั้นค่ะ เรื่องบริษัทเราน่ะ พวกเราต้องคิดกว้างๆนะคะ ว่าเขาอาจจะไม่ชอบตอนนี้ แต่ต่อไปก็ไม่แน่ หรือว่าก็ยังเหลือลูกธิปกับายริน"

คุณนรินทร์ถอนหายใจ แล้วกลับมานอนบนตักฉันตามเดิม "ผมก็ไม่อะไรหรอก ลูกเป็นเด็กดีทั้งสามคนผมก็ชื่นใจ ผมกลัวแต่ ปอคอ เท่านั้น"


29ธ.ค. เสาร์ 10.30น.

สมุดบันทึกที่รัก

“เล่นแต่เกมกันทั้งวัน ม.6แล้วไม่ใช่หรือพี่รนทร์ ไม่ต้องสอบนู่นสอบนี่หรอกหรือคะ" ฉันถือสมุดบันทึกเข้ามาหาพี่ๆที่ห้องนั่งเล่นรวมของพวกเรา แล้วก็ตามคาดอย่างที่คิดไว้ว่าพี่รนทร์และพี่ธิปกำลังเล่นเกมกันอยู่อย่างเมามัน ถึงแม้ฉันจะเดินเข้ามาทำเสียงดังหรือพูดอะไรก็ตามที่ไม่เข้าหู พี่ชายทั้งสองของฉันก็ไม่แม้แต่จะละสายตามามองน้องสาวคนนี้

“อ่านน่ะอ่านเมื่อไรก็ได้ยายริน อย่ามากวนน่า" พี่รนทร์ส่งเสียงบ่นมาเนิบๆ เห็นเขาใจเย็นอย่างนี้ก็เถอะ เวลาดุนี่ก็น่ากลัวชะมัดยาด

“แล้วไม่ต้องไปเรียนพิเศษอย่างคนอื่นๆเหรอคะ อย่างรินเนี่ย คุณยายจะจับไปเรียนภาษาอังกฤษอีกแล้ว เฮ้อ คิดแล้วก็เบื่อ ไม่ทำตามก็หาว่าอกตัญญู พอทำตามคำสั่งมากๆก็ได้ใจกันใหญ่ รินว่าบ้านนี้เห็นจะมีพี่ธิปคนเดียวที่ออกจะสบาย ไม่เห็นมีใครบังคับให้ทำอะไรเลย" ฉันนอนเหยียดยาวบนโซฟามองพี่ๆเล่นกันแล้วสบถคำออกมาอย่างไม่หยาบเท่าไรนัก หรือฉันอาจจะชินไปเสียแล้ว

“ก็พี่ไม่ใช่ลูกคนโตและลูกสาวคนเล็กนี่ แต่บางทีพี่ก็โดนบังคับนะ คุณปู่ชอบให้เล่นหมากรุกอยู่เรื่อย พอพี่ชนะก็ทำมาบ่นนู่นนี่ นี่พวกเราได้ข่าวว่า ปอคอ จะมีอีกแล้วครับท่าน สิ้นเดือนนี้ เฮ้ย!!!” พี่ธิปโวยวายขึ้นเมื่อพี่รนทร์กำลังขับรถแข่งในเกมแซงหน้า

ฉันได้ยินแล้วแทบอยากกรี๊ด อะไรกัน กลางปีที่ผ่านมาเพิ่งทำไปเองนะ ฉันโดนเรื่องให้แก่นน้อยลงหน่อย ทำตัวเรียบร้อยแบบพี่ดีน่าลูกสาวลุงจิทัศน์บ้าง ส่วนพี่รนทร์ฉันเดาว่าเป็นเรื่องเรียนต่อต่างประเทศ ถึงแม้เขาจะอมความทุกข์นี้ไว้แล้วไม่บอกพวกเราก็เถอะนะ แต่มันแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน ส่วนของพี่ธิป เขาบอกฉันว่าโดนเรื่องให้ตัดผมให้สั้นติดหนังศีรษะ อะไรกันนนนน ไม่มีความยุติธรรมเลย ทำไมทุกคนไม่เข้มงวดกับพี่ธิปนะ คุณพ่อคุณแม่อายุมากแล้ว คุณปู่เลยไม่ค่อยสนใจใยดี ส่วนทางครอบครัวคุณอานรันทร์กับอานลินย้ายไปตั้งรกรากที่เชียงใหม่เลยรอดตัวไป แต่ปีใหม่นี้คิดว่าคงกลับมา

“อะไรกัน ปีใหม่แท้ๆ จะมาปอคออะไรกัน เดี๋ยวรินจะโวยวายให้บ้านแตกคอยดู คุณปู่ทำถี่ไป" ฉันบ่น

“โอย ปวดตา พี่ขอพอก่อนนะธิป" แล้วพี่ชายคนโตก็โถมตัวลงบนฟูกหนาหนุ่ม "หยุดเถอะยายริน ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมา เรายังเด็ก อะไรที่ผู้ใหญ่ขาสั่งสอน เราต้องฟังนะ เขาผ่านมาก่อน" พี่รนทร์สั่งสอนฉันพร้อมกับนอนเอนตัวลงข้างๆ

“พี่ธิป รินอยากดูหนัง เปลี่ยนช่องให้รินทีน่า" ฉันทำอ้อนพี่ชายคนรอง ข้อดีอย่างหนึ่งของพี่ธิปคือ เขาเป็นคนที่ใจอ่อน ยอมตามใจทุกคน โดยเฉพาะกับฉันน้องสาวคนเล็ก แล้วพี่ธิปก็เปลี่ยนช่องให้ เราจึงได้ดูซีรีส์แนวสอบสวนที่เราทั้งสามชอบกันนักหนา

"ค่าพี่รนทร์ รินก็ไม่เห็นจะชนะใครได้สักทีนี่คะ รินว่าเด็กๆน่ะดื้อบ้าง จะได้มีความคิดของตัวเอง แต่สุดท้าย เราก็ต้องสนใจความรู้สึกของผู้ใหญ่เป็นหลัก ว่าแต่พี่รนทร์เหอะ ยังดื้อไม่ยอมเรียนตามที่คุณปู่บอกเลย" แล้วฉันก็กุมรีโมททีวีไว้เอง ส่วนพี่ธิปปิดเครื่องเล่นเกมแล้วออกไปไหนไม่รู้

พี่ชายคนโตของฉัน นรนทร์ นราธร ผู้ที่คุณแม่สู้ให้ได้อิสรภาพจากการกำหนดกรอบของครอบครัว เริ่มจากการแหกกฏอันยิ่งใหญ่ของตระกูลนราธรที่ลูกคนโตต้องชื่อเ นรินทร์มาถึงสี่รุ่น บัดนี้ การตัดสระ อิ ออก ของชื่อพี่ชายฉันทำให้ตระกูลของเรา เอ่อ...อาจจะแค่คุณปู่กับคุณพ่อ กลัวเล็กน้อยว่าจะไม่มีใครสืบทอดกิจการ แต่ฉันว่าไม่เห็นต้องกลัวเลย ยังมีพี่ธิป มีฉัน ลูกๆคุณอานรันทร์ที่ตอนนี้กำลังเล็กอยู่ แต่ก็เป็นหลานชายทั้งคู่เลยนะ พี่ชายฉันนั่งนิ่ง แต่ตอบเสียงเรียบๆ

“เรื่องเรียนน่ะ ถ้าเราไม่เรียนในสิ่งที่ชอบ ก็อย่าหวังว่าจะไปได้ดีเลยนะ พี่ยึดตามคุณแม่ เป็นอะไรก็ได้ ขอแค่เป็นคนดีและมีความสุข พี่ก็คิดไว้บ้างแล้วว่าจะเรียนอะไร อีกไม่นานก็คงรู้กัน"

นั่นสินะ พี่รนทร์หัวดีจะตาย อ่านอะไรก็ออก เอ้ย ฉันหมายถึงสอบอะไรก็ได้ ที่1 ตลอด ทั้งๆที่ไม่ได้อ่านหนังสือมากมายเลย เป็นอะไรก็ได้ดีอยุู่แล้ว "ไม่ไปเรียนเมกาเหรอคะ มหาลัยเถาไอวี่ของคุณปู่น่ะ เผื่อรินจะไปเที่ยวบ้าง"

พอเราคุยกันมาถึงตอนนี้ พี่ธิปก็เดินเข้ามาพร้อมถาดขนมซึ่งเดาได้ว่ามาจากน้าๆในครัวและคุณยายจำเนียร

“มากินกัน" พี่ธิปพูดแล้ววางถาดลง

พี่รนทร์กับฉันขยับตัวทันที "ไม่จำเป็นต้องไปเรียนนอกให้เสียดุลนัก มันอยู่ที่ตัวเราหรอกริน กินกันดีกว่า ชักหิว"

“คุยกันเครียดๆอีกแล้ว" พี่ธิปพูดสบายๆ แล้วหย่อนขนมเข้าปาก "ผมรู้หรอกพี่จะเรียนอะไร" พี่ชายคนรองพูดเหมือนรู้ดีพลางยักคิ้วท้าทายพี่ชายคนโต

พี่รนทร์ทำไม่สบตา "อย่าทำมารู้ดี ไม่มีทางมีใครรู้หรอกน่า รอพี่บอกเองดีกว่า ว่าแต่ธิปเถอะ ม. 5 แล้ว คิดไว้บ้างนะ เดี๋ยวเตรียมตัวไม่ทัน"

พี่ชายคนรอง นราธิป นราธร เขาอาจจะมีความสำคัญน้อยลงมาหน่อยในสายตาของคนในครอบครัว เพราะเขาเป็นลูกชายคนรอง ไม่ใช่ลูกชายคนแรกที่ใครๆคาดหวังจะให้มาสานต่อกิจการของครอบครัว พี่ธิปไม่เคยถูกใครปรนเปรอ เขามักจะใช้ของเก่าต่อจากพี่รนทร์เสมอ ไม่เคยถูกตามใจ หรือถูกบังคับให้ทำนู่นนี่เพื่อเป็นหน้าเป็นตาของบ้าน ไม่ใช่หลานรักของคุณปู่คุณย่า แต่ถึงอย่างนั้นฉันรับรู้ได้ว่าคุณแม่มีความเท่าเทียม คุณแม่รักและภูมิใจในตัวพี่ธิปมากพอๆกับพี่รนทร์ เพราะเขาก็เรียนดีอาจจะไม่ท็อปเท็น แต่กิจกรรมก็เด่น เป็นนักกีฬาบาสเกตบอล ฟุตบอล สาวๆกรี๊ดตรึม เมื่อคุณแม่ซื้อเสื้อผ้าอะไรใหม่ให้พี่่คนโต น้องชายคนรองอย่างพี่ธิปก็จะได้ของใหม่ๆจากคุณแม่ด้วยเสมอ คงเพราะอย่างนี้เองพี่ธิปถึงไม่ได้ทำตัวให้มีปัญหาเหมือนลูกคนกลางทั่วไป อย่างน้อย ก็ยังมีคุณแม่ที่เห็นเขามีความสำคัญ แต่สำหรับฉันและพี่รนทร์ เวลาเราสุข หรือเศร้าอะไร พี่ธิปก็เป็นบุคคลสำคัญอันดับต้นๆ ที่เราจะเข้าไปหาเสมอ

“ผมก็วางแผนไว้บ้างแล้ว ไม่นานทุกคนก็จะรู้เอง ฮ่าๆ" พี่ธิปเลียนแบบคำพูดพี่รนทร์เปี๊ยบ แล้วหัวเราะใส่กัน พี่ธิปตลกอย่างนี้เสมอล่ะ เลยไม่รู้ว่าเขาพูดเล่นหรือจริง

“มาคุยกันเรื่องงานเลี้ยงเลยดีกว่านะ" พี่ธิปเสนอ "แล้วก็เลิกก้มหน้าเขียนไดอารี่สักที เดี่ยวพี่ก็แอบอ่านเสียหรอก" ได้ยินดังนั้นฉันเลยต้องวางไดอารี่ลงแล้วหยุดไปคุยกับพี่ๆแทน

สรุปได้ความว่าพี่ชายของฉันทั้งสองคนไม่ได้ต้องการชวนเพื่อนคนไหนมาบ้าน ส่วนฉันคงจะชวนแพรวาเพื่อนที่สนิทที่สุดตั้งแต่อนุบาลมาคนเดียว อ้อยังมีครอบครัวของลุงจิทัศน์ ซึ่งประกอบไปด้วยคุณลุงจิทัศน์ คุณน้าหนูเล็ก พี่จิตริน(จริงๆแล้วเขาก็เป็นเพื่อนสนิทพี่ธิปนะ เรียนที่เดียวกันตั้งแต่อนุบาล) และพี่ดีน่า พี่สาวคนสวยที่แสนดีของฉัน พี่ดีน่ามีอายุเท่ากับพี่นรนทร์อ่อนกันเพียงไม่กี่เดือน สวยเหมือนแม่ของเธอ แต่นิสัยเรียบร้อยและสุขุมกว่า (อันนี้คุณแม่ฉันพูอเอง) ฉันชื่นชอบเธอเป็นพิเศษ เพราะพี่ดีน่านั้นไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวย แถมเป็นดาวเด่นของโรงเรียน เวลามีกิจกรรมอะไรเช่น ดรัม เมเยอร์ หรือลีดเดอร์ หรืองานถือพานต่างๆ พี่ดีน่ามักจะได้รับเลือกเสมอจากอาจารย์ แถมยังเรียนเก่งมากอีกด้วย อ้อ แถมอีกนิด พี่ดีน่ามักจะต้องเดี่ยวเปียโนแสดงในงานครบรอบของโรงเรียนเสมอๆ และมักจมีหนุ่มๆจากโรงเรียนใกล้เคียงมาเกาะรั้วแอบดูเธอทุกวัน นั่นล่ะ เอาเข้าจริงแล้วฉันไม่ได้อยากเหมือนใครหรอกนะ แต่ในเมื่อฉันโดนดุเหลือเกินเรืื่องความไม่เป็นกุลสตรี ดังนั้นความตั้งใจในปีหน้าของฉัน ฉันก็จะพยายามเป็นกุลสตรี หรือสุขุมให้ได้ครึ่งหนึ่งของพี่ดีน่าก็แล้วกัน

“เขียนอีกละ ดารินนี่ยังไง เอาเป็นว่ารินจะชวนแพรวา มาคนเดียวใช่ไหม โอเค อย่างนั้นก็มีแค่บ้านเรา คุณยาย บ้านคุณลุงจิทัศน์ บ้านคุณอานรันทร์ ส่วนคุณย่าเห็นว่าจะชวนครอบครัวคุณปู่สุรยุทธมา" พี่ธิปสรุปความ ทำเอาฉันเงยหน้ามอง

“คุณปู่สุรยุทธ ใครคะ?” ฉันถามแบบไม่รู้จริงๆ คือฉันคุ้นๆชื่อนี้นะ แต่นึกไม่ออกจริงๆ

พี่นรนทร์เปลี่ยนช่องทีวีไปดูรายการมีสาระอะไรสักอย่าง เมื่อหนังสืบสวนที่เราทั้งสามชื่นชอบจบลงแบบที่เราไม่ได้ดูเลย ปล่อยให้ทีวีดูเราไปเสียอย่างนั้น

“คุณปู่สุรยุทธ อดีตเอกอัครราชทูตอย่างไรล่ะ เป็นเพื่อนสนิทคุณปู่น่ะ หลานชายของท่านเป็นรุ่นพี่ของพี่ที่โรงเรียน โตกว่าสัก 3 ปี จำได้ไหมธิป พี่กงศุลน่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ไหนแล้วพี่ลืมว่ะ"

พี่นราธิปยิ้มกว้าง "โหยจำได้สิพี่ พี่กงศุลน่ะ ขั้นเทพเก่งทุกอย่าง สมัยผมคัดตัวเข้าทีมบาสโรงเรียน มีพี่เขาเป็นกัปตันทีม ฝึกโหดมาก แต่ก็นั่นล่ะ พี่เขาพาทีมโรงเรียนชนะระดับประเทศเกือบทุกปี สุดท้ายสอบชิงทุนได้ไปเรียนรัฐศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่อังกฤษ เดินตามคุณปู่และคุณพ่อของเขาน่ะ เป็นนักการทูตกันทั้งบ้าน" เมื่อพูดถึงผู้ชายคนนี้จบ พี่ธิปก็มีแววตาที่ดูภาคภูมิใจในตัวเขามาก สงสัยอีตานี่คือไอดอลของพี่ธิป ว่าแต่คนอะไรชื่อกงศุล ชื่อแก่พิลึก

“เอาละๆ เรามาคิดธีมงานกันดีกว่านะคะว่าอยากได้แบบไหน รินน่ะชอบแบบ...”

“เป็นกันเองสบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง" พี่รนทร์กับพี่ธิปพูดแซวฉันพร้อมกัน ฉันหัวเราะ เพราะฉันมักจะพูดประโยคนี้เสมอเวลาบ้านเราจะจัดงานอะไร

"หรือจะเปลี่ยนแนวอื่น เอาแบบ...ฮ่าๆๆ รินคิดออกละ แกล้งคุณย่ากันไหมคะ" คำพูดของฉันทำเอาหลานรักอย่างคุณ นรนทร์ นราธร ชะงัก แล้วขมวดคิ้วภายใต้กรอบแว่นบาง "ยังไง"

ฉันหัวเราะสะใจ "แปลว่าสนใจ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เห็นคุณย่าชอบงานปาร์ตี้ไฮโซจริง รินขอเปลี่ยนเป็นงานปาร์ตี้โลว์โซ ดีไหมคะ แบบว่าใครใส่เส้อผ้าขาดวิ่นมากที่สุดชนะ ฮ่าๆๆๆ รินล้อเล่นนะคะ เดี๋ยวโดนปอคอยาวอีก เบื่อ!”

พี่ธิปหัวเราทองแข็ง ก่อนจะแย่งรีโมทจากพี่รนทร์แล้วเปลี่ยนช่องไปดูการ์ตูน "ท่าจะยากนะ เพราะคุณลุงสุรยุทธมาด้วย เอาเป็น...” พี่ธิปทำท่าคิด แล้วฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เลยขัดขึ้น เมื่อการ์ตูนเบ็นเท็น ปรากฏที่จอทีวี

“หน้ากาก"

พี่ชายทั้งสองคนมองหน้าฉันทันที "หน้ากากแฟนซี?”​พี่ธิปถาม

ฮึฮึ ระดับฉัน สิดาริน นราธร มีหรือจะเป็นหน้ากากธรรมดา "ไม่เอาหน้ากากแฟนซี สวยไป รินไม่ชอบ รินชอบความบ้าๆบอ รินขอหน้ากากยอดมนุษย์ค่ะ" ฉันพูดออกไปทั้งๆที่เคยคิดไว้ว่า ปีใหม่นี้ฉันจะทำตัวสวย สง่า สุขุม แบบพี่ดีน่า แต่จริงๆแล้ว ฉันชอบอะไรตลกๆมากกว่า

คุณนรนทร์และคุณนราธิปทำตาโตจ้องหน้ากัน ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วหันมามองฉัน จากนั้นเราทั้งสามคนก็รู้ใจกันทันที เหมือนที่ทุกวันศุกร์หลังทานอาหารเย็น ที่เราทั้งสามเพียงสบตาก็เข้าใจได้ว่าถึงเวลาดูหนังมาราธอนของพวกเรา​

“จัดไปน้องสาว" พี่ชายทั้งสองพูดพลางยิ้มกว้างอย่างถูกใจ



ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2556, 13:38:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2556, 13:39:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 3241





<< บทนำ   (2)ครึ่งทาง >>
คิมหันตุ์ 20 ม.ค. 2556, 16:36:22 น.
ชัดเลย หน้ากากยอดมนุษย์


Kapoh 20 ม.ค. 2556, 18:25:37 น.
มารุ่นหลานก็ยังมีปอคออีกเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ


ใบบัวน่ารัก 20 ม.ค. 2556, 18:43:37 น.
มีลูกเร็วดีนิ ทันใช้
เขียนขอสนุกๆนะ
แต่ไม่ชอบ ปอคอ. ดูมันน่ากลัวนิ
คิดได้ไงอะ


goldensun 20 ม.ค. 2556, 20:48:39 น.
มีลูกเรียงปีเลยนะ สิดี แถมสามคนสามแบบอีก
คนที่ให้สิดารินเรียนภาษาน่าจะเป็นคุณย่ามากกว่าคุณยายนะคะ
ปาร์ตี้หน้ากากยอดมนุษย์ รวมพวกผู้ใหญ่ด้วยหรือ ดาริน


konhin 20 ม.ค. 2556, 23:21:43 น.
เจ๋งมากค่ะ


ผักหวาน 13 ก.พ. 2556, 20:35:50 น.
อิอิ เหมือนแม่จริงๆ หนูดาริน


kaze 3 มี.ค. 2556, 02:05:14 น.
ยังอยากรู้โทษของ ปอคอ อยู่นะคะ
คราวนี้คงได้รู้กันล่ะ ฮี่ ฮี่ ...มีแต่แสบ ๆ ทั้งนั้น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account