Eternal Love - รักแรกนิรันดร์
ทุกคนล้วนมีรักแรก....แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีคนแรกที่ได้รักนั้นเป็นตัวจริง

และนั่นก็เป็นเหตุผลว่า เพราะเหตุใด ม่านทอง ม่านแก้วและม่านมุก สามพี่น้องของบ้านฉายวรินทร์จึงยังคงไม่มีใครอีกคนที่จะเดินจูงมือกันก้าวผ่านเส้นทางชีวิตที่เหลือไปด้วยกัน

เรื่องราวความรัก 3 เรื่อง ของ 3 พี่น้อง ที่โดนมนต์แห่งรักแรกเข้าอย่างจังจึงบังเกิดขึ้น ท่ามกลางความทรงจำ ความรัก และสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่จะประคับประคองหัวใจของกันและกันให้ต่อสู้กับความผิดหวัง เพื่อพบกับรักเเรกอันเป็นนิรันดร์ ที่จะมีกันและกันตลอดไป
Tags: รักแรก,โรแมนติก,ซึ้ง,หวาน

ตอน: รักสุดใจ - 1


“คุณหลานขา...ป้าหนึ่งสายแล้วนะลูกยังไม่เสร็จอีกเหรอจ้ะ”

เสียงตะโกนที่ดังอยู่หน้าบ้านทำให้เจ้าตัวเล็กต้องรีบวิ่งตื๋อออกไปหาผู้เป็นป้าแทบจะทันที โดยมีมารดาเดินตามาส่งอยู่ด้านหลังด้วยสีหน้าระอาแกมเอ็นดู

“ยัยหนูอย่าวิ่งอย่างนั้นลูกเดี๋ยวหกล้ม” ได้ยินเสียงมารดาบอกเช่นนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็หยุดวิ่งฉับพลัน แล้วเปลี่ยนมาเป็นค่อยๆย่องทีละก้าวไปแทน ทำเอาม่านแก้วที่เดินตามมาทีหลังหลุดหัวเราะคิก

“ยัยหนูนี่ใช้ได้จริงๆ ท่าทางจะอยู่กับหนึ่งมากล่ะมั้งน่ะถึงได้ถอดแบบกันมาเด๊ะๆ แบบนั้น”

“คงงั้นแหละค่ะพี่สอง พี่หนึ่งเป็นยังไงยัยหนูก็เป็นแบบนั้นเลย แต่ก็ดีนะคะสามได้ไม่ต้องห่วงแก”

สีหน้าที่สลดลงของน้องนุชคนสุดท้องทำให้ผู้เป็นพี่สาวต้องตบไหล่บอบบางเบาๆ เพื่อปลอบใจ ปมปัญหาที่เรื้อรังมานานเกินกว่าที่ทั้งเธอและม่านทองผู้เป็นพี่สาวคนโตจะย้อนไปสืบสาวทำให้เธอทำได้เพียงเท่านี้จริงๆ

“คิดมากอีกแล้วนะสาม พี่ว่ายัยหนูยังไม่น่าห่วงเท่าสามเลย เชื่อเถอะว่ายัยหนูจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้โดยที่เขาไม่ต้องมีพ่อ”

“สามก็เชื่อแบบนั้นค่ะพี่สอง แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่ทำให้ยัยหนูต้องเติบโตมาด้วยชะตากรรมแบบนี้ แกไม่ควรจะต้องมารับผลของการกระทำที่ขาดความยั้งคิดเลยจริงๆ”

“ยัยหนูคือของขวัญที่สวรรค์ประทานมาให้เราสามพี่น้องต่างหากล่ะ” ม่านแก้วกอดน้องสาวเบาๆหนึ่งทีก่อนจะผละออกมา

“ไม่เอาแล้ว...ไม่คุยแล้ว พี่ไปทำงานดีกว่า ยังไงก็ดูแลบ้านดีๆนะ อ่อ อาทิตย์หน้าพี่จะจ้างเด็กมาช่วยสามดูแลบ้านเพิ่มสักคนนะ หาคนที่ไว้ใจได้ได้แล้วล่ะ บอกตรงๆไม่อยากให้สามอยู่บ้านคนเดียวเลยจริงๆ”

“ไม่น่าต้องเปลืองนี่คะพี่สอง สามอยู่ได้ อีกอย่างบ้านเรามันไม่ได้อยู่เขตเมืองน่ากลัวเสียหน่อย”

“โอย ไม่เอาหรอกพี่ไม่อยากเสี่ยง ตามใจพี่เถอะน่า อย่างกให้มันมากนักเลยเรา” ม่านแก้วเขกหัวน้องสาวเบาๆ ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู

“พี่ไปแล้วนะ เดี๋ยวเข้าบริษัทสายจะดูไม่ดี เออ!!! เย็นนี้พี่อยากกินไข่ตุ๋น สามทำเผื่อพี่ด้วยนะจ้ะน้องรัก”

“เจ้าค่ะ...จะทำไว้เผื่อ เดินทางปลอดภัยนะคะ”

ม่านมุกยืนส่งทุกคนจนลับสายตาไป บ้านทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ความเงียบที่ชอบมาเยี่ยมเยือนทุกทีที่อยู่ตามลำพัง หญิงสาวเดินเข้ามายังห้องทำงานส่วนตัว มุมหนึ่งมีตู้กระจกสำหรับใส่เครื่องประดับทำมือที่ตัวเธอทำไว้ ส่วนอีกมุมหนึ่งก็เป็นโต๊ะทำงานที่เป็นโต๊ะใหญ่หนึ่งตัว และโต๊ะที่มีคอมพิวเตอร์ตั้งไว้อีกหนึ่งตัวอยู่ติดกันในลักษณะตัวแอล ม่านมุกลงนั่งประจำหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยังคงเปิดไว้แต่อยู่ในสภาพพักหน้าจอ เพียงแค่ขยับเมาส์เธอก็เห็นหน้าเว็บไซต์ของโลกอีกใบหนึ่งโชว์หรา โดยมีสัญลักษณ์สีแดงเตือนว่ามีคนส่งข้อความสนทนาเข้ามา ชื่อ ‘Mr.Sunshine’ บนหน้าต่างเล็กๆ สำหรับสนทนานั้นทำให้เจ้าตัวยิ้มกว้าง

‘อยู่หรือเปล่าครับคุณเพื่อนที่เคารพ’

‘อยู่ก็ตอบหน่อยนะ’

‘ไม่อยู่เหรอ’

‘ไม่อยู่แล้วจะออนไว้ทำไมเล่าค้าบบบบบบบ’

ม่านมุกหัวเราะคิกเมื่อกวาดสายตามองดูบทสนทนาที่เพื่อนส่งมาเพียงฝ่ายเดียว ดูจากเวลาแล้วน่าจะมาเมื่อสักประมาณชั่วโมงก่อน สถานะของเขาก็ออฟไลน์ไปแล้วด้วย ไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะอยู่หน้าจอหรือเปล่าแต่เธอก็ตัดสินใจลองส่งข้อความกลับไปดู

‘มาแล้วจ้าาาาา ยังอยู่ไหมเนี่ย?’

“สงสัยจะปิดคอมนอนไปแล้ว” หญิงสาวบ่นกับตัวเองเบาๆ หลังจากที่ลองรออีกฝ่ายโต้ตอบมาราวๆ สิบนาที คราวนี้หญิงสาวก็เลิกใส่ใจและหมุนเก้าอี้หันมาทำงานเครื่องประดับที่ค้างไว้แทน จนกระทั่งได้ยินเสียเตือนเบาๆดังแทรกเสียงเพลงขึ้นมา เสียงเตือนว่ามีข้อความเข้ามาในโปรแกรมสนทนาที่ทิ้งค้างไว้

‘มาได้ซักทีนะคุณหนูมุก’

‘555+ มานานแล้วจ้าไม่ได้เพิ่งมา’ เธอพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วอย่างอารมณ์ดี

‘สบายดีไหม?’

‘สบายดีสิจ้ะ ถามแปลกจังวันนี้’

‘เห็นไม่อัพเดทตัวเองเลย ก็คิดว่าไม่สบายน่ะ’

‘อ่อ งานยุ่งน่ะ ออเดอร์ของเยอะช่วงนี้’

‘ไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะ เป็นห่วงๆ’

‘เจ้าค่ะ’ พิมพ์ตอบไปได้เพียงแค่นั้นม่านมุกก็เกิดอาการน้ำตารื้น หวิดจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

‘งั้นเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันที่เมืองไทย บายครับ’

‘เฮ้ย…เดี๋ยวสิซัน กลับเมื่อไหร่? ยังไง? มาคุยกันก่อน’ เธอรีบพิมพ์ถามกลับไปด้วยความรวดเร็ว

‘ไม่คุยแล้วจะรีบไปนอน ไว้คุณหนูมุกรอเซอร์ไพรส์อยู่ที่เมืองไทยนั่นแหละ คราวนี้ไปจริงๆแล้ว บายคร้าบ’

เขาพิมพ์ตอบกลับมาเพียงเท่านั้นแล้วสถานะออนไลน์สีเขียวๆที่อยู่หน้าชื่อก็หายไป ม่านมุกได้แต่นิ่งมองประโยคเหล่านั้นด้วยความครุ่นคิด ก่อนจะไล่สายตาไปยังภาพล่าสุดของบุตรสาวตัวน้อยวัยสี่ขวบนิดๆ ที่เพิ่งอัพโหลดลงไปในเว็บไซต์เมื่อสองสามชั่วโมงก่อน มีคนรู้จักหลายคนเข้ามากดไลค์ บ้างก็แสดงความคิดเห็นชื่นชมความน่ารักของแม่หนูอย่างสนุกสนาน คงมีแต่เขากระมังที่เธอเลือกที่จะไม่ให้รับรู้ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่ไม่อาจบอกใครได้ก็คือ เขาเป็น...พ่อ...ของลูกรักนั่นเอง นอกจากตัวของม่านมุกเองแล้วไม่มีใครรู้เลยว่าใครคือพ่อของแม่หนู แม้กระทั่งพ่อแท้ๆของเด็กหญิงอย่างพันแสงหรือกระทั่งพี่สาวทั้งสองคนที่อยู่ใกล้ชิดม่านมุกมากที่สุด เธอก็ไม่เคยปริปากบอกให้ฟังแม้แต่น้อย และเมื่อเจตนาของเธอเป็นเช่นนั้นจึงไม่มีใครเลยที่จะเอ่ยปากถามเรื่องที่ค้างคาใจ จนกระทั่งเวลาผ่านไปถึงเกือบห้าปีนับตั้งแต่วันที่ใครต่อใครรู้ว่าเธอมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นมันจึงนานเกินกว่าจะมาตั้งคำถามเพื่อให้เธอตอบ

“ซัน...นายจะกลับมาทำไมกัน ที่นี่ไม่มีอะไรให้นายต้องกลับมาเสียหน่อย”

เสียงรำพึงกับตัวเองที่แผ่วเบาไม่อาจดังไปถึงใครอีกคนที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลกที่กำลังนอนมองเพดานเงียบๆ หลังจากที่ปิดคอมพิวเตอร์ไปแล้ว การได้พูดคุยกับใครสักคนช่วยทำให้ค่ำคืนที่ว่างเปล่านี้ไม่เลวร้ายจนเกินไปนัก และโชคดีที่ใครคนนั้นคือม่านมุกเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยมัธยม เพื่อนคนเดียวที่เคยได้เห็นมุมที่อ่อนแอของเขา ต้องขอบคุณโลกออนไลน์ที่ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าอยู่ห่างไกลกับเพื่อนเลย แม้ว่ามันจะเพิ่งมามีบทบาทต่อชีวิตเขาอย่างจริงๆจังๆในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้เอง อีกไม่กี่วันก็ได้เวลาเดินทางกลับบ้านแล้ว ชายหนุ่มอดรู้สึกแปลกๆไม่ได้เมื่อนึกถึงประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนึกถึงคำถามของเพื่อนสนิทอย่างม่านมุกที่เคยถามเขาครั้งหนึ่งเมื่อเขาเปรยว่ากลับเมืองไทยดีหรือเปล่า

‘ซันแน่ใจเหรอที่จะกลับมา ซันพร้อมแล้วเหรอที่จะกลับมาอยู่อย่างโดดเดี่ยวแบบที่ทำให้ซันต้องวิ่งหนีน่ะ’

พันแสงรู้ดีว่าวันนั้นที่ได้คุยกันทางโทรศัพท์ม่านมุกดูเป็นห่วงและกังวลมากแค่ไหน เหตุผลที่เขาพาตัวเองข้ามฟ้ามาไกลขนาดนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องเรียนเพียงอย่างเดียวแต่เพราะความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่างหากทำให้เขาไม่อยากพบกับสภาพแวดล้อมเดิมๆที่เคยอยู่ เมื่อไม่มีพ่อกับแม่แล้วโลกทั้งใบของเขาก็แทบไม่เหลือใคร แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็รู้แล้วว่าโลกที่เขาจากมานั่นแหละคือบ้านที่แท้จริง เขายังมีเพื่อนๆ กับญาติๆ อีกหลายคนให้ต้องกลับไปหา และอีกประการหนึ่งก็คือเขายังมีเรื่องราวที่ติดค้างอยู่ในใจด้วย ค่ำคืนของการฉลองวันเกิดและเลี้ยงอำลา เหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาและใครอีกคนนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำและความรู้สึก เขาจำไม่ได้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างแต่สัมผัสทุกอย่างและสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์เพศชายมันก็บอกได้ว่าเหตุการณ์นั้นมันคือกฎเกณฑ์ธรรมชาติของมนุษย์ แต่สิ่งที่ค้างคาใจเขานั่นสิ มันยากยิ่งที่จะคลายปม ผู้หญิงคนนั้น...คนที่อยู่ในความทรงจำลางเลือน เจ้าของสร้อยคริสตัลสีฟ้าที่อยู่กับเขาเป็นใคร? และคนที่เขามั่นใจว่าจะต้องรู้ที่สุดก็คือม่านมุก เพียงแต่ว่าเธอไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกรายละเอียดอะไรเลย บอกเพียงแต่ว่าเขาอาจจะฝันไปเองก็ได้ แต่เขารู้ได้อย่างชัดเจนว่านั่นไม่ใช่ความฝัน

“ผมจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าคุณเป็นใครกันแน่ อีกไม่นานหรอกนะ อีกไม่นาน”

…………………………………………………………………..

เวลากว่าครึ่งวันหมดไปกับการทำเครื่องประดับมารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อนาฬิกาที่ตั้งเวลาไว้ดังปลุกขึ้น ม่านมุกบิดตัวอย่างเมื่อยขบก่อนจะหมุนเก้าอี้ไปปิดคอมพิวเตอร์ที่เปิดเพลงไว้ โดยไม่ลืมที่จะตอบคอมเมนท์เพื่อนๆในเฟซบุ๊คก่อนปิดด้วย นานแค่ไหนแล้วที่เธอกันตัวเองออกจากบรรดาเพื่อนเก่าๆ ด้วยเพราะไม่อยากตอบคำถามที่ปวดใจ แต่ทว่าสุดท้ายก็หนีไม่พ้นจนได้ อรัญหรือนายอ้นเป็นคนแรกที่ดั้นด้นจากกรุงเทพมาหาเธอถึงที่บ้านสวน และเขาก็เป็นคนแรกที่ได้รู้จักกับเด็กหญิงม่านตะวัน เธอยังคงจดจำสีหน้าของเพื่อนได้ว่าตลกแค่ไหน หลังจากที่แนะนำว่าม่านตะวันเป็นลูกสาวของเธอเอง และข่าวนั้นก็ได้กระจายไปในหมู่เพื่อนฝูงอย่างรวดเร็ว โชคดีเหลือเกินเมื่อเธอบอกว่าพ่อของยัยหนูเสียไปแล้วตั้งแต่ก่อนที่แกจะเกิดจึงไม่มีใครพูดถึงอีก แต่ม่านมุกก็รู้อีกนั่นแหละว่าเพื่อนไม่ค่อยเชื่อถือนักกับคำบอกเล่าที่เธอมีให้ เสียงเจ้าลายเสือกับเจ้าสี่แต้มหมาหลงทั้งสองตัวที่เก็บมาเลี้ยงเห่าดังลั่นที่หน้าบ้านเรียกเธอให้ออกมาจากความคิด และรีบเดินออกไปชะโงกมองที่ช่องหน้าต่าง แต่ยังไม่ทันเห็นว่าเป็นใครเสียงแจ๋วของบุตรสาวก็ดังแว่วมาก่อนตัว

“หม่าม๊า...หม่าม๊า...หนูกลับมาแล้วค่ะ ลุงอ้นมาด้วยค่าหม่าม๊า”

“ฮาโล้ววววว คุณหนูมุกที่รักจ้ะ อยู่ไหมเอ่ย???” เสียงคุ้นหูที่ติดจะร่าเริงอยู่เป็นนิจนั้นทำให้ม่านมุกไม่ต้องชะโงกมองทางหน้าต่างแล้ว จัดแจงเปิดประตูรับสองลุงหลานเข้ามาทันที ม่านมุกยื่นมือไปอุ้มเด็กหญิงม่านตะวันมาจากเพื่อนแล้วหอมแก้มซ้ายขวาตามธรรมเนียมปฏิบัติก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงสดใส

“ไปไงมาไงเนี้ยนายอ้น หอบสังขารมาถึงที่นี่ได้”

“คิดถึงหลานสิไม่ได้เจอตั้งหลายเดือนแล้ว อ่อเดี๋ยวไปขนของลงจากรถก่อนดีกว่า เราซื้อของมาทำกับข้าวด้วยแล้วก็ซื้อตุ๊กตามาฝากยัยหลานด้วยนะ มีของฝากจากอี่และก็เพื่อนๆด้วย”

“โอย...ขนอะไรมาเยอะแยะทีหลังไม่ต้องเลยนะ”

“มันเปลือง!!!” อรัญรีบขัดประโยคบ่นที่เขาได้ยินจนจำได้ทันที ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อย่าพูดแบบนี้นะมุก เราตั้งใจจริงๆ ให้เราได้ดูแลมุกทำหน้าที่เพื่อนที่ดีแบบนี้ไม่ได้หรือไง ส่วนของยัยหลานนั่นน่ะพวกเราก็เต็มใจหามาให้นะมันไม่ได้ลำบากอะไรเลยสักนิด”

“แต่เราเกรงใจ” เสียงอ่อยๆของม่านมุกทำให้อรัญส่ายหน้าอย่างนึกระอาเพื่อนก่อนจะเอ่ยต่อด้วยมาดราวกับเป็นคุณพ่อสอนลูก “จะต้องเกรงใจทำไมในเมื่อเราเต็มใจ เราไม่อยากพูดหรอกนะว่าที่ทำทั้งหมดนี้มันเพราะอะไร แต่แค่อยากให้มุกรู้ไว้ว่าไม่ได้อยู่เพียงลำพังบนโลกนี้ มุกยังมีเรายังมีเพื่อนๆ และที่สำคัญยังมีไอ้ซัน”

“ทำไมต้องเอ่ยถึงซัน!!!” ท่าทางตกใจกับแววตาตื่นๆของเพื่อนทำให้เขามั่นใจในสิ่งที่คิดและเก็บไว้มานานหลายปี เขาจึงตอบกลับด้วยการตีสีหน้าซื่อๆ อย่างแนบเนียน “ก็ซันเป็นเพื่อนสนิทของพวกเรานี่ หรือมีอะไรมากกว่านั้น?”

“ปะ...เปล่า ไม่มี ว่าแต่ของเยอะไหมเดี๋ยวเราไปช่วยขนแล้วกัน” ท่าทางหลบสายตาและเปลี่ยนประเด็นมันยิ่งตอกย้ำคำตอบให้กับเขา เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องคาดคั้นอะไรเพราะรอแค่ให้คนไกลกลับมาเสียก่อน ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้กลับเข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็นเสียที

“ไม่เยอะมากหรอกเราหอบเข้าไปคนเดียวก็หมด มุกพาลูกเข้าบ้านเถอะ”

“อืม” หญิงสาวรับคำก่อนจะหันไปคุยกับบุตรสาวที่อยู่ในอ้อมแขนโดยปล่อยให้เพื่อนไปขนของลงจากรถเพียงลำพัง “หนูหิวไหมคะลูก ให้หม่ามี๊หาอะไรให้ทานรองท้องก่อนไหมเอ่ย”

“ไม่หิวค๊า...ลุงอ้นพาไปกินไอติมมา แหะๆเสื้อหนูก็กินด้วยนะคะ” เด็กหญิงม่านตะวันก้มมองผลงานจากไอติมช็อคโกแล็ตที่เปื้อนเสื้อแล้วหันมายิ้มโชว์ฟันหลอให้เธอดู

“งั้นไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะคะ หนูจะได้ไม่เหนียวตัวและก็มอมแมมเป็นแมวแบบนี้”

“รับทราบคร่า” เด็กน้อยทำท่าตะเบ๊ะเลียนแบบมาจากคุณป้าหมายเลขหนึ่งมาได้แบบสำเนาถูกต้อง ก่อนจะไถลตัวลงไปจากอ้อมแขนของมารดาแล้ววิ่งไปยังห้องของตนเองเพื่อหยิบอุปกรณ์ แล้วหายเข้าไปในห้องน้ำตามลำพัง ด้านอรัญที่หอบหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามาก็อดถามหาสาวน้อยกับมารดาไม่ได้

“อ้าว...ยัยหลานไปไหนเสียล่ะ” เขาถามพลางส่งของให้กับม่านมุก

“ก็ไปอาบน้ำน่ะสิ มอมแมมขนาดนั้น”

“หา!!! อาบน้ำแล้วมุกไม่ไปดูลูกเหรอ”

“ไม่ต้องไปหรอก ยัยหนูอาบน้ำเองได้แล้ว แต่งตัวทาแป้งทำเองได้ทุกอย่างเลย” คนเป็นแม่พูดอย่างภูมิใจ

“เก่ง...เก่งจริงๆ มุกสอนลูกเก่งนะ” เขาเอ่ยชมจากใจจริง ไม่คิดเลยว่าหลานสาวตัวน้อยวัยสี่ขวบครึ่งจะทำอะไรได้ด้วยตัวเองมากขนาดนี้

“ไม่หรอก ทุกคนช่วยกันต่างหากล่ะ ไม่อยากให้แกโตมาแบบถูกประคบประหงมน่ะ แกต้องเก่งและแกร่ง”

“ไม่ต้องห่วงหรอก แกไม่ใช่เด็กที่ขาดความอบอุ่นอย่างแน่นอน” อรัญรับรองอย่างมั่นใจเมื่อเห็นสายตาห่วงหาอาทรยามเมื่อเอ่ยถึงลูกรักของเพื่อนสนิท

“รู้ด้วยเหรอว่าเรากลัวน่ะ”

“รู้สิ ซิงเกิ้ลมัมทุกคนก็เป็นแบบนี้แหละ และเราว่ามุกก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นนะ” ม่านมุกยิ้มรับน้อยๆก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูด ไม่อยากให้ความอ่อนแอเข้าครอบงำจิตใจเลยจริงๆ “ว่าแต่ที่มานี่แน่ใจนะว่าคิดถึงหลานอย่างเดียว ไม่มีธุระอะไรอื่นอีก”

“จริงๆ ก็มีนิดหน่อย แต่ไม่สำคัญหรอก” ท่าทางอ้อมแอ้มตอบแบบนี้ทำให้ม่านมุกขมวดคิ้ว

“เรื่องอะไร?”

“ไม่ใช่เรื่องสำคัญน่า...เออ คืนนี้ของค้างที่นี่นะขี้เกียจขับรถกลับ”

“อืมก็ตามสบายเลย แล้วเรื่องไม่สำคัญนั่นเรื่องอะไรล่ะ” ท้ายประโยคที่กลายเป็นคำถามทำเอาอรัญตบหน้าผากตัวเองเบาๆ รู้สึกเหมือนเริ่มจนมุมทีละนิด เขาน่าจะรู้ดีว่าเพื่อนไม่น่าจะหลงกลการเปลี่ยนประเด็นไปได้ง่ายๆ เพราะไอ้ท่าทางมีพิรุธของคนโกหกไม่เป็นแบบเขานี่แหละที่ยังคงทำให้ม่านมุกตามจิกกัดไม่เลิก

“ก็แค่เรื่องไม่สำคัญทั้งนั้นมุกไม่น่าต้องสนใจ”

“นั่นสินะก็แค่เรื่องไม่สำคัญ แล้วทำไมนายถึงบอกเราไม่ได้ล่ะนายอ้น?” เมื่อโดนย้อนกลับมาแบบนี้อรัญก็ถึงกับอึ้งไปต่อไม่ถูก เขาน่าจะรู้ดีนะว่าเพื่อนเก่งแค่ไหนเรื่องไล่ต้อนคนให้จนมุม

“ก็...ก็...ก็ซันจะกลับเมืองไทย” เสียงอ้อมแอ้มตะกุกตะกักทำให้คนฟังนึกขำ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำท่าปิดบังขนาดนั้นด้วย

“เรารู้แล้ว ซันบอกเราเมื่อเช้า”

“อ่าว...นึกว่าไม่รู้ซะอีก เห็นมันบอกจะเซอร์ไพรส์แต่เราดันหลุดปากมาก่อน”

“นายอ้น...” ม่านมุกนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ “ถ้าเรามีเรื่องอยากจะขอร้องนายล่ะ”

“เรื่อง?”

“หนูตะวัน...ถ้านายสงสัยอะไร หรือคิดอะไรอยู่ตอนนี้ ขอร้องได้ไหมว่าอย่าบอกซัน”

“เหตุผล?” คำถามสั้นๆที่ทำให้หญิงสาวต้องถอนใจเฮือกใหญ่ ไม่ใช่ว่าลำบากใจที่จะบอกเพราะเธอรู้ดีว่าอรัญสงสัยมานานแล้วเพียงแต่ไม่ออกปากถามตรงๆเท่านั้นเอง

“รับปากก่อนสิ สัญญาว่าจะไม่บอกอะไรทั้งนั้นกับซัน”

“ตกลง...เรารับปาก” น้ำเสียงหนักแน่นกับแววตาที่บอกได้ว่าเธอสมควรเชื่อใจทำให้ม่านมุกผ่อนลมหายใจบางๆ

“ม่านตะวัน เป็นลูกของเขา...ที่เขาไม่รู้ ไม่ได้ตั้งใจ และเราไม่ต้องการบอกตลอดไป” แม้จะเป็นความจริงที่เขาคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี อดที่จะถามแบบโวยวายตามประสาไม่ได้

“ทำไมไม่บอก? ทำไมปล่อยให้เป็นแบบนี้”

“มันไม่จำเป็นไงล่ะ ไม่จำเป็นที่ซันจะต้องรู้ เราไม่อยากได้ความรับผิดชอบ เราไม่อยากเสียเพื่อน...นายอ้นนายสัญญากับเราไว้แล้วนะ อย่าผิดสัญญาล่ะ”

“แต่...มันควรจะมีทางออกที่ดีกว่านี้นะมุก” แม้จะโดนดักคอแต่ก็อดไม่ได้จริงๆที่จะแสดงความคิดเห็น

“ห้าปีแล้วที่เราอยู่มาได้ แล้วเราจะอยู่ได้แบบนี้ตลอดไป...อย่าลืมนะอ้น นายสัญญากับเราแล้ว” เสียงเน้นย้ำคำว่าสัญญาอย่างชัดเจน นี่คงเป็นสัญญาที่อรัญจะต้องจดจำไว้ให้ขึ้นใจ เค้าลางของความยุ่งยากเริ่มก่อตัวให้เห็นแล้ว ในไม่ช้านี้ เขามั่นใจว่ามันจะต้องยุ่งเป็นแน่...ไม่เชื่อก็คอยดูต่อไปแล้วกัน



ญาตรีฬาห์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ม.ค. 2556, 12:22:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ม.ค. 2556, 12:22:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1244





<< รักสุดใจ - บทนำ   รักสุดใจ - 2 >>
รชต 21 ม.ค. 2556, 15:39:21 น.
^___^

รอตอนต่อไปค่ะ


จ๊ะจ๋า 31 ม.ค. 2556, 19:14:54 น.
ม่านมุก ==> คน(ไม่)น่าสงสาร


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account