ลุ้นรักให้ตรงใจ
เธอ... เจ้าของร้านกาแฟ
เขา... นายตำรวจหนุ่ม
เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ
ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น
แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ
แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
เขา... นายตำรวจหนุ่ม
เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ
ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น
แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ
แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
Tags: ตำรวจ ร้านกาแฟ
ตอน: บทที่ 8 (เพื่อเธอ... 3)
บทที่ 8
(เพื่อเธอ 3)
เสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเร็วตรงไปยังห้องฉุกเฉินที่ตอนนี้ไฟได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งชันเข่าพิงหลังกับพนังห้องข้างประตูห้องผ่าตัดมือทั้งสองข้างกุมศีรษะเอาไว้ ทนงศักดิ์มองเพื่อนรักอย่างอ่อนใจ... ช่างเหมือนกันไม่มีผิดทั้งสองคน คราวที่แล้วคุณข้าวก็จะเป็นจะตาย คราวนี้ก็มาศิวกร ผิดกันก็ตรงที่อาการของดลินานักกว่ามาก ทนงศักดิ์มองศิวกรที่นั่งคอตกหมดสภาพแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
“ให้แยมเข้าไป ให้แยมเข้าไปนะคะคุณพ่อ แยมจะเข้าไปช่วยข้าว”
เสียงสะอื้นพูดขอร้องผู้เป็นบิดาให้อนุญาตตนเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วย คุณวันชัยเดินตรงเข้ามาที่ห้องผ่าตัดอย่างเร็วข้างหลังก็มีคุณหมอสาวคนสวยวิ่งตามมาติดพร้อมกับเกาะแขนพูดจาอ้อนวอนด้วยน้ำตาตามมาติดๆ
“แยม...คอยอยู่ข้างนอก เข้าใจที่พ่อพูดหรือเปล่า”
“ไม่เข้าใจ แยมไม่เข้าใจ”
“ฟังพ่อนะ.... ถึงลูกเข้าไป ลูกคิดว่าตัวเองมีสมาธิมากแค่ไหน ลูกใจแข็งพอที่จะเห็นเพื่อนลูกในสภาพนั้นหรือ”
เสียงคุณวันชัยเตือนพร้อมกับใช่ทั้งสองมือเขย่าตัวลูกสาวเบาๆ แล้วก็รีบเดินเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที รจนาถึงกับเข่าอ่อนทันทีแต่ยังไม่ทันที่จะลงไปกองที่พูดมือหนาๆของทนงศักดิ์ก็มาช่วยพยุงไว้เสียก่อน รจนาเงยหน้ามองคนที่พยุงเธอแล้วก็ปล่อยโฮซบหน้าเข้ากับอกกว้างของเขา ทนงศักดิ์เองถึงกับทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ไม่คิดว่าคุณหมอสาวจะมาซบอกเขาร้องไห้อย่างนี้
“เพื่อนคุณไม่เป็นอะไรแน่ครับ คุณต้องทำใจดีๆ ไว้นะครับ”
คนในอ้อมกอดพยักรับ แต่น้ำตาเจ้ากรรมคงไม่หยุดง่ายๆ
“ขออนุญาตครับผู้กอง”
เสียงเรียกนั้นทำให้ทนงศักดิ์หันไปมอง แต่ศิวกรไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอะไรเลยนอกจากคนภายในห้องนั้นเท่านั้น รจนาเงยหน้าออกจากอกกว้างก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วเดินเลี่ยงออกไปยืนพิงกำแพงหน้าห้องผ่าตัดแทน
“มีอะไรหมู่”
“เราตามนายก้องภพไปถึงที่ท่าเรือครับ สุดท้ายพวกมันกระโดดลงเรือที่เตรียมไว้แล้วหนีไปได้ครับ”
“บัดซบเอ้ย!”
ทนงศักดิ์สบถเสียงเบาอยู่ในลำคอ เป็นคราวนี้พวกเขาประมาทนายก้องภพเกินไปไม่คิดว่าพวกนั้นจะมีแผนสำรองเตรียมไว้ด้วย คราวนี้เรื่องที่ยากอยู่แล้วก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก พร้อมฝ่ายตรงข้ามรู้แล้วว่าตำรวจต้องการตัว ครั้งนี้คงจะหนีไปหลบซ่อนตัวที่ไหนสักแห่ง... ขออย่าให้หนีออกนอกประเทศเลย
หลังจากนายตำรวจที่เข้ามารายงานเหตุการณ์ให้ฟังเดินกลับไป รจนารีบเดินเข้ามาประชิดตัวทนงศักดิ์สองมือของคุณหมอสาวบีบแน่นแขนทั้งสองข้างของเขา ดวงตากลมโตที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาจ้องมองเขาอย่างเว้าวอน น้ำเสียงกลั้นสะอื้น
“จับได้มั้ยคะ จับก้องภพได้หรือเปล่า”
ทนงศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะเอ่ยคำพูดอะไรมาบอกกับหญิงสาวดี รจนาเห็นดังนั้นถึงกับเข่าอ่อนนายตำรวจหนุ่มต้องรีบคว้าตัวของหญิงสาวป้องกันไม่ให้เธอล้มไปที่พื้น ตอนนี้รจนาไม่เหลือมาดของคุณสาวผู้แสนมั่นใจ ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่ทนงศักดิ์ให้เขาช่วยพยุง ร้องไห้อย่างหนักสะอื้นตัวโยน เขาได้เพียงแต่เป็นหลักคอยประคองเธอไว้เท่านั้น
ทนงศักดิ์ได้แต่ยืนนิ่งให้กำลังหญิงสาว เขาหันหน้าไปยังทิศที่ศิวกรยังคงนั่งเอามือกุมศีรษะตนเองที่หน้าห้องผ่าตัดย่างไม่รู้ว่าจะหาคำพูดอะไรมาให้กำลังใจเพื่อนของเขาคนนี้ ดูเหมือนว่าศิวกรไม่ได้สนใจสิ่งใดอื่นใดนอกจากร่างของหญิงสาวที่อยู่อีกฝากของประตู
จะทำอย่างไรต่อไปดี... ทนงศักดิ์คิดทบทวน พยายามหาทางออกกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องบางเรื่องหลายหัวก็ย่อมต้องดีกว่าหัวเดียว แต่หัวเรือใหญ่ตอนนี้ดูท่าคงไม่พร้อมที่จะมาเป็นผู้บังคับเรือเสียแล้ว คงต้องให้เวลาเพื่อนของเขาสักพัก ไว้สติกลับมาศิวกรก็จะกลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก เตียงคนไข้ถูกเข็นออกมาพร้อมกับร่างของผู้ป่วยที่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตถูกเข็นออกมาพร้อมกัน ที่ศีรษะได้รูปนั้นให้ผ้าผันไว้เนื่องจากศีรษะได้รับบาดเจ็บ ใบหน้ารูปหัวใจนั้นมีรอยถลอกและช้ำ เช่นเดียวกับที่แขนก็ได้รับรอยแผลถลอกเหมือนกัน โดยที่ข้อมือซ้ายถูกเข้าเฝือกเพื่อรักษาอาการข้อมือหัก
ชายที่นั่งนิ่งอยู่ที่หน้าห้องผ่านตัดรีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปหาร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงที่กำลังถูกเข็นไปยังห้อง ICU ที่ได้เตรียมไว้พร้อมสำหรับการรักษาหญิงสาว บุรุษพยาบาลต้องเข้ามากันไม่ให้ศิวกรเข้าถึงเตียงคนไข้เพราะชายหนุ่มจะทำให้งานของพวกเขาลำบาก
รจนาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โดยมีทนงศักดิ์ช่วยประคองเมื่อเห็นเตียงที่พาร่างของเพื่อนรักออกมาหญิงสาวก็รีบไปเกาะที่ราวเตียงคนไข้ น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นร่างที่บอบช้ำเต็มไปด้วยบาดแผล ลมหายใจแผ่วเบาชวนให้ใจหาย
ทนงศักดิ์ต้องรีบไปคว้าตัวคุณหมอสาวออกมาจากเตียงคนไข้ เพราะต้องการให้ผู้ป่วยไปถึงห้องพักให้เร็วที่สุดเพื่อการรักษาตัว เมื่อเห็นว่าเตียงได้ถูกเข็นไปไกลแล้วบุรุษพยาบาลที่รั้งร่างของศิวกรก็ปล่อยตัวชายหนุ่มแล้วรีบเดินตามเตียงที่ถูกเข็นออกไปนั้นทันที คล้อยหลังไม่นานร่างของคุณหมอใหญ่ของโรงพยาบาลก็เดินตามหลังออกมา รจนาเดินไปหาผู้เป็นบิดาโดยมีทนงศักดิ์ช่วยประคองไม่ให้หญิงสาวล้ม เมื่อเขาส่งหญิงสาวไปถึงมือคุณหมอวันชัย ทนงศักดิ์ก็เดินไปหาเพื่อนของเขาที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่ห่างแล้วบีบไหล่หนาของเพื่อนอย่างให้กำลังใจ
“เป็นยังไงบ้างคะคุณพ่อ ข้าวเป็นไงบ้าง”
รจนาถามปาดใจจะขาด คุณวันชัยถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาวคนเล็กของบ้านใบหน้านองไปด้วยน้ำตา มือใหญ่ของผู้เป็นพ่อลูบศีรษะลูกสาวอย่างปลอบโยน แล้วหันไปมองชายหนุ่มที่ตั้งแต่ประตูห้องฉุกเฉินปิดจนเมื่อสักครู่ยังไม่ยอมเปิดปากพูดกับใคร แววตานั้นดูมั่นคง สงบนิ่งทำให้ศิวกรรู้สึกใจไม่ดี กลัวว่าสิ่งที่จะได้ยินนั้นคือหญิงสาวนั้นอาการจะยากเกินเยียวยา
“คุณพ่อคะ”
รจนาเรียกผู้เป็นพ่ออีกครั้งเสียงสะอื้นอย่างหนัก จนคุณดวงพรพยาบาลที่เห็นรจนามาตั้งแต่เล็กแต่น้อยต้องเข้ามารั้งร่างสูงเพรียวเข้าไปกอดแล้วปลอบให้หญิงสาวคลายเศร้า ประคองพาหญิงสาวเดินไปยังห้องทำงานของเจ้าตัว เมื่อคุณหมอวันชัยเห็นลูกสาวมีคนคอยดูแล ก็เดินเข้าไปหาศิวกร
“ตอนนี้อาการของหนูข้าวยังน่าเป็นห่วง”
ทนงศักดิ์ต้องออกแรงประคองร่างของเพื่อนที่เสไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินอาการจากปากคุณหมอวันชัย จนถึงตอนนี้ศิวกรก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ แต่แววตาเขากลับบอกเล่าความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี ทนงศักดิ์เห็นเพื่อรักเป็นแบบนี้ต้องออกปากถามแทนคนที่อยู่ๆ ก็พูดไม่ได้คงเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่พบเจอ
“ข้อมือซ้ายหัก และตามร่างกายมีแผลถลอกรอยฟกช้ำแต่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ที่ผมเป็นห่วงคือความบอบช้ำภายในมากกว่า ด้วยความเร็วรถขนาดนั้นแรงกระแทกส่งผลให้อวัยวะภายในบอบช้ำ คงต้องใช้เวลาในการรักษาพอสมควร”
“แต่ไม่อันตรายถึงชีวิตใช่หรือเปล่าครับ”
ทนงศักดิ์ถาม
“ผมไม่ยอมให้ลูกสาวอีกคนของผมเป็นอะไรไปเป็นอันขาด”
คุณวันชัยกล่าวกับนายตำรวจทั้งสอง และก่อนที่เขาจะเดินไปทำการตรวจอาการของดลินาอีกครั้งคุณหมอวันชัยได้เอ่ยกับคนทั้งสอง คราวนี้แววตาของคุณหมอดูสั่นเครือเล็กน้อย
“คราวนี้ผมขอพูดในฐานะที่ผมเป็นพ่อ ผมขอร้องช่วยจับตัวคนที่ทำร้ายลูกสาวของผมให้ได้ด้วยนะครับ ให้เขากลับมารับโทษในสิ่งที่เขาทำเอาไว้”
ศิวกรเมื่อได้ยินคำขอร้องจากผู้ที่เรียกดลินาว่าเป็นลูกสาวอีกคนใจสะท้าน เมื่อสักครูเมื่อเห็นร่างบางที่สดใส ร่าเริงมีชีวิตชีวาต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เขาไม่รู้จักเยอะแยะไปหมด ช่วงเวลานั้นเขารู้สึกว่าโลกของเขาแทบดับสลาย จิตใจปิดรับไม่ต้องการรับความจริงใดๆ ทั้งนั้น ปฏิบเสธรับรู้เรื่องราวต่างๆ รอบตัว
เขารู้สึกแค้นผู้ที่สร้างรอยแผลให้เกิดขึ้นใจจิตใจของเขา แต่คนที่เขาแค้นมากที่สุดก็คือตัวเอง ทั้งที่อยู่ใกล้แท้ๆ กลับปกป้องหญิงสาวไม่ได้ ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาทำร้ายดวงใจของเขาได้
แต่สุดท้ายเป็นไง... เขาทำไม่ได้แม้กระทั่งกันเธออกจากเรื่องราวเหล่านี้ แถมยังดึงเธอเข้ามาพัวพันอีกต่างหาก จนสุดท้ายเธอต้องได้รับบาดเจ็บการสาหัสเช่นนี้ เขาอยากชกตัวเองให้ลงไปหมอบกันพื้น แววตาของศิวกรกลับมามีชีวิตชีวา ใบหน้าเขาราบเรียบ ใจก็เริ่มกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
“ผมสัญญา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะต้องลากตัวคนที่ทำกับคนที่ผมรักมารับโทษให้ได้”
คนที่เงียบมานานเมื่อได้ยินคำขอจากผู้อาวุโส บวกกับความแค้นที่มีอยู่ในใจศิวกรรับคำคุณวันชัยอย่างไม่ลังเล แน่วแน่ และมุ่งมั่น ส่วนทนงศักดิ์พยักหน้าสัมทับให้คำมั่นสัญญาอีกคน คุณวันชัยเมื่อได้รับคำมั่นสัญญาจากนายตำรวจทั้งสอง เขาพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ ก่อนจะขอตัวเดินไปที่ห้อง ICU เพื่อดูอาการของดลินาให้มั่นใจอีกครั้ง
***********************************************
บ้านหลังใหญ่ที่อยู่บนเขาซึ่งอยู่ไม่ห่างจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเท่าไหร่นัก การที่จะเดินทางไปถึงจะต้องอาศัยรถขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงหรือไม่ก็ต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้นถึงจะเขาไปได้ ด้วยความที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ของ สส. ท่านหนึ่งเป็นเจ้าของ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งหาความเดือดร้อนใส่ตัวมานัก นอกบ้านมีการ์ดรูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามคอยรักษาความปลอดภัยอยู่โดยรอบ ภายในบ้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่มีร่างหนึ่งกำลังนั่งเอาขาพาดโต๊ะดูเหตุบ้านการเมืองผ่านโทรทัศน์ ข่าวความล้มเหลวในการบุกจับการค้าอาวุธสงครามข้ามชาติดูจะเป็นประเด็นร้อนมาได้ 3 วันแล้ว ก้องภพยิ้มเยาะให้กับนายตำรวจระดับสูงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์นักข่าว เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ที่หน้าจอไม่ขึ้นชื่อของผู้เป็นเจ้าของ ก้องภพมองโทรศัพท์อย่างสงสัย ก่อนจะส่งให้ลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ห่างเป็นคนรับสายแทนอย่างรำคาญใจ
“ฮัลโหล... ว่าไง คุณเป็นใคร”
เสียงที่ตอบกลับมาส่งภาษาต่างประเทศแล้วเขาก็เงียบฟังคนปลายสายอย่างตั้งใจ ก่อนเขาจะส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้านาย ถึงเรื่องผ่านมานานแล้ว ซื้อขายกันแค่ไม่กี่ครั้งแต่ชื่อของคนปลายสายทำให้เขาจำได้เพราะลูกค้ารายนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ เจรจาค้าขายกันมูลค้าไม่เคยต่ำกว่า 9 หลัก
“สายจากมิสเตอร์หลันครับ เมื่อสามสี่ปีก่อนเคยตกลงซื้อขายล๊อตใหญ่กับที่ฮ่องกงครับ”
ก้องภพพยายามนึกหน้าเจ้าของชื่อนั้น ไม่นานเขาก็นึกหน้าเจ้าของชื่อนั้นออก
“สวัสดีครับมิสเตอร์หลัน ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ”
ก้องภพระบายยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินความต้องการจากปลายสาย
“ได้ครับ ไม่ทราบว่าจะนัดเจรจากันวันไหนดีครับ... แล้วแต่คุณสะดวกเลยครับ”
ก้องภพกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เขากระดิกนิ้วเรียกให้ลูกน้องก้มหา ก่อนจะกระซิบสั่งการ
“ไปสืบเรื่องของนายหลันคนนี้มาให้หน่อย หายไปนานอยู่ดีๆ โพล่มาเฉย โทรมาหาอยากซื้อขายสินค้าในช่วงเวลาแบบนี้ ฉันไม่ไว้ใจ”
“ครับนาย”
ลูกน้องคนสนิทที่ก้องภพให้ความไว้ใจรับคำ เขาชี้นิ้วไปที่ชายอีกสองคนให้พวกเขาเดินตามเพื่อไปทำงานตามที่นายสั่งไว้ ก้องภพหันกลับมาสนใจโทรทัศน์อีกครั้งเมื่อช่องกีฬากำลังถ่ายทอดสดฟุตบอลจากเมืองผู้ดี เพราะคู่ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่นี้เขาลงพนันไปไม่น้อย
***********************************************
ในห้อง ICU ที่ใช้เป็นห้องพักรักษาตัวของหญิงสาวนางหนึ่ง อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ช่วยยื้อชีวิตของหญิงสาวกำลังทำหน้าที่ของมัน ที่ข้างเตียงที่ร่างของคุณหมอสาวนั่งมองร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงดั่งคนไร้หัวใจ เธอนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นมาเกือบสองชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่พูดคุย ไม่ขยับเขเยือน ไม่ละสายตาไปจากเพื่อนรัก
ผ่านมาห้าวันแล้วดลินายังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัว อาการบาดเจ็บของหญิงสาวตอนนี้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง อาการของหญิงสาวยังทรงตัว ความดันและอัตราการเต้นของหัวใจยังคงที่ รจนานั่งเฝ้าเพื่อนรักไม่ห่างตอนนี้เธอไม่มีแก่จิตแก่ใจทำอะไรทั้งนั้น
บางครั้งหญิงสาวจะหยิบหนังสือนวนิยายแนวผจญภัยมานั่งอ่านให้เพื่อนรักฟัง เพราะดลินาชอบอ่านเรื่องนี้มากๆ บางครั้งก็ชวนหญิงสาวพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ตามปรกติเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาสมานั่งเม้าท์แตกกันสองคน
รจนาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงว่าที่ทั้งสองดำเนินชีวิตตามปรกติ ตอนที่เธอรู้ว่าเพื่อนสาวตกหลุมรักใครคนหนึ่งอยู่ถึงแม้จะรู้สึกอิจฉาผู้ชายคนนั้นที่กำลังแย่งเพื่อนรักที่แสนดีไป แต่ด้วยความที่อยากเห็นเพื่อนมีความสุขสมหวังในรักเธอก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ และเมื่อเวลาผ่านไปเห็นดลินามีความสุขกับชายที่เธอรักรจนาเองก็รู้สึกสุขใจและยินดีพร้อมกับเพื่อนด้วยทุกครั้ง
หลังจากที่ร่างของดลินาออกมาจากห้องฉุกเฉินศิวกรชายคนรักของเพื่อนสาวก็หายหน้าไปไม่มาเยี่ยมเพื่อนเธอเลย รจนารู้สึกโมโหมากที่ชายหนุ่มไม่สนใจอาการเจ็บป่วยของดลินา แต่เมื่อได้มานั่งเฝ้าดูแลอาการของเพื่อนรจนาก็ได้มีโอกาสทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา เขาคงกำลังตามสืบเรื่องราวของนายก้องภพคนที่ทำให้เพื่อนของเธอมีสภาพเยี่ยงนี้ รจนาโกรธจนตัวสั่นทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนี้ เธออยากให้เจ้าของชื่อนี้ตายไปซะ โลกจะได้น่าอยู่ขึ้น อยากให้มันตกนรกหมกไหม้ ไม่ต้องได้ผุดได้เกิด ไม่ว่าชาติไหนก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกให้รจนาออกจากห้วงความคิด ก่อนร่างสูงใหญ่ของศิวกรจะเดินเข้ามา ใบหน้าเขาดูจะซูบตอบฉายแววอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ผิวดูคร้ามแดด ใบหน้าคมเข้มหนวดเคราเริ่มยาวรกเพราะเจ้าตัวดูจะไม่ใส่ใจมันมากนัก นั้นสามารถยืนยันเรื่องที่หญิงสาวคิด... เขาคงพยายามตามหาแล้วลากนายก้องภพมารับโทษ
ก่อนที่จะก้าวเข้ามาในห้องนี้ศิวกรเองก็ยืนตั้งสติปรับอารมณ์ของตัวเองอยู่นาน เขาไม่มีความกล้ามาพอที่จะมาสู้หน้าหญิงสาว แต่จิตใจกลับเรียกร้องอยากเห็นหน้า อยากสัมผัสเธอใจจะขาด และเมื่อเปิดประตูเข้ามาภาพตรงหน้าตอกย้ำความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นในใจได้เป็นอย่างดี บาดแผลครั้งนี้มันคงไม่มีทางลบเลือนไปจากใจเขาตลอดชีวิต
ศิวกรเดินไปหาหญิงสาวผู้เป็นที่รักแม้ระยะทางจากประตูถึงเตียงจะสั้นเพียงไม่กี่ก้าว แต่สำหรับศิวกรรู้สึกเหมือนระยะทางมันช่างยาวไกลนัก แต่ละก้าวมันช้างยากเย็นนัก รจนานั่งมองการกระทำของชายตรงหน้าอย่างสงสาร เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเพราะต้องการให้ทั้งคู่มีเวลาที่เป็นส่วนตัว
เมื่อรจนาออกมาจากห้องก็เห็นทนงศักดิ์ยืนอยู่หน้าห้อง เขาดูสงบนิ่งและมั่นคงดั่งภูผา รจนารู้สึกร้อนที่ขอบตา ภาพตรงหน้าเริ่มมัวมองหน้าเขาไม่ชัด ทนงศักดิ์เห็นคุณหมอผู้แสนมั่นใจ และเก่งกาจแสดงอาการอ่อนแออย่างถึงที่สุด แล้วใจสั่นสะท้าน เขาดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมแขน เมื่อรจนาได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้นหญิงสาวก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นทันที
“คุณต้องเข้มแข็งไว้ คุณคงไม่ยากให้เพื่อนคุณหัวเราะเยาะเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเพื่อนตัวเองมีสภาพเหมือนซอมบี้หรอกนะครับ”
แม้จะเศร้าใจและเหน็ดเหนื่อยอย่างแสนสาหัส แต่เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อของทนงศักดิ์หญิงสาวก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เธอรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นเมื่อได้รับการปลอบโยนจากเขา แต่ตอนนี้เธอขอร้องไห้อีกหน่อย ร้องจนไม่เหลือน้ำตาที่จะร้องได้อีก หลังจากวันนี้เธอจะกลับมาเข้มแข็งแล้วต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกครั้ง
***********************************************
ศิวกรมองร่างของหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่ร้าวราน เครื่องช่วยหายใจและสายอะไรต่อมิอะไรมากมายอยู่ล้อมรอบตัวเธอ ใบหน้ารูปหัวมีรอยเขียวช้ำที่จางงลงไปมาก หน้าผากกลมมลมีผ้าก็อตปิดไว้และดูเหมือนว่าแผลนี้จะฝากรอยแผลเป็นไว้เป็นหลักฐานไว้ตอกย้ำเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ให้ลืมเลือน
ศิวกรค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปอยากจะลูบสัมผัสแก้มเนียนใสที่ตอนนี้ซีดเซียวไร้เลือดฝาด แต่เขาก็ไม่กล้า จึงหดมือกลับมาไว้ที่ข้างตัวอย่างเดิม แต่ความคิดถึงเหนือสิ่งอื่นใด เขาเอื้อมมือไปอีกครั้งใช้นิ้วลูบไล้แก้มนวลเนียนอย่างแสนรัก แววตาอ่อนโยน
“นอนนานๆ มันไม่ดีนะครับ ตื่นได้แล้ว นอนนานๆ แล้วมันจะยิ่งทำให้เราขี้เกียจนะครับ”
ศิวกรพูดคุยกับหญิงสาวเหมือนยามปกรติที่ทั้งคู่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นระยะสั้นๆ แต่เขาก็สุขใจ เขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ อยากให้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันจะดีแค่ไหนที่ทุกวันตื่นนอนมาได้เห็นหน้ากันทุกเช้า ได้ดื่มกาแฟนุ่มละมุนจากฝีมือของหญิงสาว ได้ทานมื้อเย็นที่แสนอร่อยถูกปาก จูบราตรีสวัสดิ์ และนอนหลับอย่างสุขใจเมื่อมีหญิงสาวหลับฝันดีอยู่ในอ้อมกอด
“คุณรู้หรือเปล่า ผมไปนอนในป่ามาอีกแล้วนะ แต่โชคดีหน่อยที่คราวนี้ไปนอนมาแค่ 4 วันเอง ตัวนี้ปวดเมื่อยไปหมดเลย แถมผมยังบริจาคเลือดให้ทากอิ่มท้องอีกตั้งหลายตัว”
ศิวกรเว้นช่วงไปเล็กน้อย เขาลากเก้าอี้มาที่ข้างเตียงก่อนจะนั่งลงดึงมือข้างขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากุมไว้เพื่อส่งมอบความอบอุ่นให้เธอ จ้องมองใบหน้าเธอไม่ละสายตาไปไหน แม้ไม่มีเสียงโต้ตอบจากหญิงสาวแต่เขาก็ยังชวนเธอคุย
“ตอนกลับมาจากชายแดน มีโอกาสได้ไปชิมกาแฟขี้ชะมดด้วยครับ แก้วตั้งหลายตังค์แต่ผมได้ชิมฟรีตั้งหนึ่งแก้ว ไว้คุณหายดีแล้วเราไปชิมกาแฟขี้ชะมดด้วยกันนะครับ คุณคงชอบ
หน้าหนาวนี้ ผมตั้งใจว่าจะลาพักร้อนสักหลายวัน เราหาโอกาสไปเที่ยวที่เชียงรายกันดีไหมครับพอดีผมรู้จักคนที่มีบ้านพักอยู่แถวดอยตุง บ้านสวยมากเลยนะครับคุณต้องชอบที่นั้นมากแน่ๆ จะชวนคุณหมอเขาไปด้วยก็ได้นะครับ สองสาวไปเที่ยวด้วยกันคงครึกครื้นดี ผมอาสาเป็นไกด์ให้ ขับรถให้ฟรีอีกต่างหาก แต่เรื่องอาหารคงต้องให้คุณทำเพราะคุณก็รู้ว่าผมทำอาหารไม่เอาไหนเลย”
ศิวกรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจูบที่หลังมือของหญิงสาวรักสุดหัวใจ ศิวกรเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลจากห่างจากของดลินาอย่างแผ่วเบากลัวว่าจะทำเธอเจ็บ... เธอรับรู้เรื่องราวรอบทุกอย่าง ทุกคำพูด เธอรับรู้เพียงแต่ยังไม่สามารถลืมตาได้ก็เท่านั้น
ศิวกรยิ้มอย่างสุขใจเมื่อเห็นหญิงสาวรับรู้ในสิ่งที่เขาพูด เขาพยายามบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบ แล้วชวนเธอคุยต่อ
“เมื่อวันก่อนผมโดนแม่ดุอีกแล้วครับ บอกว่าโตป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก ทำให้คนแก่หัวใจจะวายตายวันละ 10 รอบ เนื้อตัวสกปรกเหม็นสาบ ผมเผ้ารุมรัง หนวดเคราไม่รู้จักโกน กลัวคุณตื่นขึ้นมาแล้วตกใจนึกว่ามีโจรมานั่งอยู่ข้างๆ ถ้าคุณนึกไม่ออกว่าหน้าตาตอนนี้ผมเป็นยังไง คุณจำวันแรกที่เราพบได้หรือเปล่าครับ หน้าผมไม่ต่างจากตอนนั้นเลยนะ
นึกถึงวันนั้นที่ไรผมอดขำท่าทางของคุณไม่ได้เลยนะครับ คุณเหมือนกระต่ายน้อยขี้ระแวงไม่มีผิด ตานี้โตเชียวตื่นตระหนก ระแวงภัย มองผมอย่างกับผมเป็นพวกโจรโรคจิตที่คิดจะเข้ามาปล้นร้านคุณ”
หยาดน้ำตาอีกสายก็ไหลรินลงมา ศิวกรก็ใช้มือเช็ดออกให้ ปัดปอยผมไม่ให้ลงมาปรกหน้า แล้วกลับมากุมมือเธอต่อ
“แล้วยังมีวันนั้นอีกวันที่เราบังเอิญพบกันที่ร้ายก๋วยเตี๋ยว ผมประหลาดใจมากเลยนะครับไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีก แต่คุณกลับจำผมไม่ได้เสียอย่างนั้นรู้หรือเปล่าครับ ผมแอบน้อยใจเหมือนกันนะครับ
เมื่อก่อนทุกๆวันของผมมีแต่งาน งาน งาน แล้วก็งาน จนเมื่อมีคุณเข้ามาในชีวิต ชีวิตประจำวันของผมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป คุณทำให้ผมนิสัยเสียรู้หรือเปล่าครับ คุณทำให้ผมรู้สึกอยากมีคุณอยู่ข้างกายตลอดเวลา คุณทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดคุณไม่ได้
คุณทำให้ทุกๆ วันของผมมีค่า เมื่อก่อนผมใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายแทบทุกวัน ไม่ห่วงชีวิตตัวเองแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ผมเตือนตัวเองทุกครั้งที่ทำงานว่าผมมีใครอีกคนให้กลับมาหา”
เขาจูบมือหญิงสาวอีกครั้ง แล้วประคองขึ้นมาแนบแก้มสากด้วยหนนวดเคราของเขา คราวนี้ศิวกรรับรู้แรงบีบเบาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง ศิวกรรู้สึกว่าเขาได้รับสิ่งล้ำค่ากลับมาอีกครั้ง เขาอยากจะตะโกนกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
เขาลุกขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้ใบหน้ารูปหัวใจน่ารักนั้น ประทับรอยจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากบางนั้นอย่างตีตราความเป็นเจ้าของ กระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว
“ตื่นได้แล้วครับเจ้าหญิงนิทรา ขืนคุณนอนต่อไประวังจะโดนผมรังแกนะครับ”
(เพื่อเธอ 3)
เสียงฝีเท้าวิ่งอย่างเร็วตรงไปยังห้องฉุกเฉินที่ตอนนี้ไฟได้ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มทรุดตัวนั่งชันเข่าพิงหลังกับพนังห้องข้างประตูห้องผ่าตัดมือทั้งสองข้างกุมศีรษะเอาไว้ ทนงศักดิ์มองเพื่อนรักอย่างอ่อนใจ... ช่างเหมือนกันไม่มีผิดทั้งสองคน คราวที่แล้วคุณข้าวก็จะเป็นจะตาย คราวนี้ก็มาศิวกร ผิดกันก็ตรงที่อาการของดลินานักกว่ามาก ทนงศักดิ์มองศิวกรที่นั่งคอตกหมดสภาพแล้วก็รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
“ให้แยมเข้าไป ให้แยมเข้าไปนะคะคุณพ่อ แยมจะเข้าไปช่วยข้าว”
เสียงสะอื้นพูดขอร้องผู้เป็นบิดาให้อนุญาตตนเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วย คุณวันชัยเดินตรงเข้ามาที่ห้องผ่าตัดอย่างเร็วข้างหลังก็มีคุณหมอสาวคนสวยวิ่งตามมาติดพร้อมกับเกาะแขนพูดจาอ้อนวอนด้วยน้ำตาตามมาติดๆ
“แยม...คอยอยู่ข้างนอก เข้าใจที่พ่อพูดหรือเปล่า”
“ไม่เข้าใจ แยมไม่เข้าใจ”
“ฟังพ่อนะ.... ถึงลูกเข้าไป ลูกคิดว่าตัวเองมีสมาธิมากแค่ไหน ลูกใจแข็งพอที่จะเห็นเพื่อนลูกในสภาพนั้นหรือ”
เสียงคุณวันชัยเตือนพร้อมกับใช่ทั้งสองมือเขย่าตัวลูกสาวเบาๆ แล้วก็รีบเดินเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที รจนาถึงกับเข่าอ่อนทันทีแต่ยังไม่ทันที่จะลงไปกองที่พูดมือหนาๆของทนงศักดิ์ก็มาช่วยพยุงไว้เสียก่อน รจนาเงยหน้ามองคนที่พยุงเธอแล้วก็ปล่อยโฮซบหน้าเข้ากับอกกว้างของเขา ทนงศักดิ์เองถึงกับทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ไม่คิดว่าคุณหมอสาวจะมาซบอกเขาร้องไห้อย่างนี้
“เพื่อนคุณไม่เป็นอะไรแน่ครับ คุณต้องทำใจดีๆ ไว้นะครับ”
คนในอ้อมกอดพยักรับ แต่น้ำตาเจ้ากรรมคงไม่หยุดง่ายๆ
“ขออนุญาตครับผู้กอง”
เสียงเรียกนั้นทำให้ทนงศักดิ์หันไปมอง แต่ศิวกรไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอะไรเลยนอกจากคนภายในห้องนั้นเท่านั้น รจนาเงยหน้าออกจากอกกว้างก่อนจะเช็ดน้ำตาแล้วเดินเลี่ยงออกไปยืนพิงกำแพงหน้าห้องผ่าตัดแทน
“มีอะไรหมู่”
“เราตามนายก้องภพไปถึงที่ท่าเรือครับ สุดท้ายพวกมันกระโดดลงเรือที่เตรียมไว้แล้วหนีไปได้ครับ”
“บัดซบเอ้ย!”
ทนงศักดิ์สบถเสียงเบาอยู่ในลำคอ เป็นคราวนี้พวกเขาประมาทนายก้องภพเกินไปไม่คิดว่าพวกนั้นจะมีแผนสำรองเตรียมไว้ด้วย คราวนี้เรื่องที่ยากอยู่แล้วก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก พร้อมฝ่ายตรงข้ามรู้แล้วว่าตำรวจต้องการตัว ครั้งนี้คงจะหนีไปหลบซ่อนตัวที่ไหนสักแห่ง... ขออย่าให้หนีออกนอกประเทศเลย
หลังจากนายตำรวจที่เข้ามารายงานเหตุการณ์ให้ฟังเดินกลับไป รจนารีบเดินเข้ามาประชิดตัวทนงศักดิ์สองมือของคุณหมอสาวบีบแน่นแขนทั้งสองข้างของเขา ดวงตากลมโตที่ชุ่มไปด้วยน้ำตาจ้องมองเขาอย่างเว้าวอน น้ำเสียงกลั้นสะอื้น
“จับได้มั้ยคะ จับก้องภพได้หรือเปล่า”
ทนงศักดิ์ได้แต่ส่ายหน้าไม่รู้จะเอ่ยคำพูดอะไรมาบอกกับหญิงสาวดี รจนาเห็นดังนั้นถึงกับเข่าอ่อนนายตำรวจหนุ่มต้องรีบคว้าตัวของหญิงสาวป้องกันไม่ให้เธอล้มไปที่พื้น ตอนนี้รจนาไม่เหลือมาดของคุณสาวผู้แสนมั่นใจ ทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดไปที่ทนงศักดิ์ให้เขาช่วยพยุง ร้องไห้อย่างหนักสะอื้นตัวโยน เขาได้เพียงแต่เป็นหลักคอยประคองเธอไว้เท่านั้น
ทนงศักดิ์ได้แต่ยืนนิ่งให้กำลังหญิงสาว เขาหันหน้าไปยังทิศที่ศิวกรยังคงนั่งเอามือกุมศีรษะตนเองที่หน้าห้องผ่าตัดย่างไม่รู้ว่าจะหาคำพูดอะไรมาให้กำลังใจเพื่อนของเขาคนนี้ ดูเหมือนว่าศิวกรไม่ได้สนใจสิ่งใดอื่นใดนอกจากร่างของหญิงสาวที่อยู่อีกฝากของประตู
จะทำอย่างไรต่อไปดี... ทนงศักดิ์คิดทบทวน พยายามหาทางออกกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรื่องบางเรื่องหลายหัวก็ย่อมต้องดีกว่าหัวเดียว แต่หัวเรือใหญ่ตอนนี้ดูท่าคงไม่พร้อมที่จะมาเป็นผู้บังคับเรือเสียแล้ว คงต้องให้เวลาเพื่อนของเขาสักพัก ไว้สติกลับมาศิวกรก็จะกลับมายืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก เตียงคนไข้ถูกเข็นออกมาพร้อมกับร่างของผู้ป่วยที่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตถูกเข็นออกมาพร้อมกัน ที่ศีรษะได้รูปนั้นให้ผ้าผันไว้เนื่องจากศีรษะได้รับบาดเจ็บ ใบหน้ารูปหัวใจนั้นมีรอยถลอกและช้ำ เช่นเดียวกับที่แขนก็ได้รับรอยแผลถลอกเหมือนกัน โดยที่ข้อมือซ้ายถูกเข้าเฝือกเพื่อรักษาอาการข้อมือหัก
ชายที่นั่งนิ่งอยู่ที่หน้าห้องผ่านตัดรีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้าไปหาร่างบางที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงที่กำลังถูกเข็นไปยังห้อง ICU ที่ได้เตรียมไว้พร้อมสำหรับการรักษาหญิงสาว บุรุษพยาบาลต้องเข้ามากันไม่ให้ศิวกรเข้าถึงเตียงคนไข้เพราะชายหนุ่มจะทำให้งานของพวกเขาลำบาก
รจนาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โดยมีทนงศักดิ์ช่วยประคองเมื่อเห็นเตียงที่พาร่างของเพื่อนรักออกมาหญิงสาวก็รีบไปเกาะที่ราวเตียงคนไข้ น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นร่างที่บอบช้ำเต็มไปด้วยบาดแผล ลมหายใจแผ่วเบาชวนให้ใจหาย
ทนงศักดิ์ต้องรีบไปคว้าตัวคุณหมอสาวออกมาจากเตียงคนไข้ เพราะต้องการให้ผู้ป่วยไปถึงห้องพักให้เร็วที่สุดเพื่อการรักษาตัว เมื่อเห็นว่าเตียงได้ถูกเข็นไปไกลแล้วบุรุษพยาบาลที่รั้งร่างของศิวกรก็ปล่อยตัวชายหนุ่มแล้วรีบเดินตามเตียงที่ถูกเข็นออกไปนั้นทันที คล้อยหลังไม่นานร่างของคุณหมอใหญ่ของโรงพยาบาลก็เดินตามหลังออกมา รจนาเดินไปหาผู้เป็นบิดาโดยมีทนงศักดิ์ช่วยประคองไม่ให้หญิงสาวล้ม เมื่อเขาส่งหญิงสาวไปถึงมือคุณหมอวันชัย ทนงศักดิ์ก็เดินไปหาเพื่อนของเขาที่ยืนหน้าซีดอยู่ไม่ห่างแล้วบีบไหล่หนาของเพื่อนอย่างให้กำลังใจ
“เป็นยังไงบ้างคะคุณพ่อ ข้าวเป็นไงบ้าง”
รจนาถามปาดใจจะขาด คุณวันชัยถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาวคนเล็กของบ้านใบหน้านองไปด้วยน้ำตา มือใหญ่ของผู้เป็นพ่อลูบศีรษะลูกสาวอย่างปลอบโยน แล้วหันไปมองชายหนุ่มที่ตั้งแต่ประตูห้องฉุกเฉินปิดจนเมื่อสักครู่ยังไม่ยอมเปิดปากพูดกับใคร แววตานั้นดูมั่นคง สงบนิ่งทำให้ศิวกรรู้สึกใจไม่ดี กลัวว่าสิ่งที่จะได้ยินนั้นคือหญิงสาวนั้นอาการจะยากเกินเยียวยา
“คุณพ่อคะ”
รจนาเรียกผู้เป็นพ่ออีกครั้งเสียงสะอื้นอย่างหนัก จนคุณดวงพรพยาบาลที่เห็นรจนามาตั้งแต่เล็กแต่น้อยต้องเข้ามารั้งร่างสูงเพรียวเข้าไปกอดแล้วปลอบให้หญิงสาวคลายเศร้า ประคองพาหญิงสาวเดินไปยังห้องทำงานของเจ้าตัว เมื่อคุณหมอวันชัยเห็นลูกสาวมีคนคอยดูแล ก็เดินเข้าไปหาศิวกร
“ตอนนี้อาการของหนูข้าวยังน่าเป็นห่วง”
ทนงศักดิ์ต้องออกแรงประคองร่างของเพื่อนที่เสไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินอาการจากปากคุณหมอวันชัย จนถึงตอนนี้ศิวกรก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ แต่แววตาเขากลับบอกเล่าความรู้สึกของเขาได้เป็นอย่างดี ทนงศักดิ์เห็นเพื่อรักเป็นแบบนี้ต้องออกปากถามแทนคนที่อยู่ๆ ก็พูดไม่ได้คงเพราะตกใจกับเหตุการณ์ที่พบเจอ
“ข้อมือซ้ายหัก และตามร่างกายมีแผลถลอกรอยฟกช้ำแต่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก ที่ผมเป็นห่วงคือความบอบช้ำภายในมากกว่า ด้วยความเร็วรถขนาดนั้นแรงกระแทกส่งผลให้อวัยวะภายในบอบช้ำ คงต้องใช้เวลาในการรักษาพอสมควร”
“แต่ไม่อันตรายถึงชีวิตใช่หรือเปล่าครับ”
ทนงศักดิ์ถาม
“ผมไม่ยอมให้ลูกสาวอีกคนของผมเป็นอะไรไปเป็นอันขาด”
คุณวันชัยกล่าวกับนายตำรวจทั้งสอง และก่อนที่เขาจะเดินไปทำการตรวจอาการของดลินาอีกครั้งคุณหมอวันชัยได้เอ่ยกับคนทั้งสอง คราวนี้แววตาของคุณหมอดูสั่นเครือเล็กน้อย
“คราวนี้ผมขอพูดในฐานะที่ผมเป็นพ่อ ผมขอร้องช่วยจับตัวคนที่ทำร้ายลูกสาวของผมให้ได้ด้วยนะครับ ให้เขากลับมารับโทษในสิ่งที่เขาทำเอาไว้”
ศิวกรเมื่อได้ยินคำขอร้องจากผู้ที่เรียกดลินาว่าเป็นลูกสาวอีกคนใจสะท้าน เมื่อสักครูเมื่อเห็นร่างบางที่สดใส ร่าเริงมีชีวิตชีวาต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เขาไม่รู้จักเยอะแยะไปหมด ช่วงเวลานั้นเขารู้สึกว่าโลกของเขาแทบดับสลาย จิตใจปิดรับไม่ต้องการรับความจริงใดๆ ทั้งนั้น ปฏิบเสธรับรู้เรื่องราวต่างๆ รอบตัว
เขารู้สึกแค้นผู้ที่สร้างรอยแผลให้เกิดขึ้นใจจิตใจของเขา แต่คนที่เขาแค้นมากที่สุดก็คือตัวเอง ทั้งที่อยู่ใกล้แท้ๆ กลับปกป้องหญิงสาวไม่ได้ ทั้งที่สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาทำร้ายดวงใจของเขาได้
แต่สุดท้ายเป็นไง... เขาทำไม่ได้แม้กระทั่งกันเธออกจากเรื่องราวเหล่านี้ แถมยังดึงเธอเข้ามาพัวพันอีกต่างหาก จนสุดท้ายเธอต้องได้รับบาดเจ็บการสาหัสเช่นนี้ เขาอยากชกตัวเองให้ลงไปหมอบกันพื้น แววตาของศิวกรกลับมามีชีวิตชีวา ใบหน้าเขาราบเรียบ ใจก็เริ่มกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
“ผมสัญญา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมจะต้องลากตัวคนที่ทำกับคนที่ผมรักมารับโทษให้ได้”
คนที่เงียบมานานเมื่อได้ยินคำขอจากผู้อาวุโส บวกกับความแค้นที่มีอยู่ในใจศิวกรรับคำคุณวันชัยอย่างไม่ลังเล แน่วแน่ และมุ่งมั่น ส่วนทนงศักดิ์พยักหน้าสัมทับให้คำมั่นสัญญาอีกคน คุณวันชัยเมื่อได้รับคำมั่นสัญญาจากนายตำรวจทั้งสอง เขาพยักหน้ารับอย่างขอบคุณ ก่อนจะขอตัวเดินไปที่ห้อง ICU เพื่อดูอาการของดลินาให้มั่นใจอีกครั้ง
***********************************************
บ้านหลังใหญ่ที่อยู่บนเขาซึ่งอยู่ไม่ห่างจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้านเท่าไหร่นัก การที่จะเดินทางไปถึงจะต้องอาศัยรถขับเคลื่อนสี่ล้อสมรรถนะสูงหรือไม่ก็ต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์เท่านั้นถึงจะเขาไปได้ ด้วยความที่บริเวณนั้นเป็นพื้นที่ของ สส. ท่านหนึ่งเป็นเจ้าของ จึงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งหาความเดือดร้อนใส่ตัวมานัก นอกบ้านมีการ์ดรูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามคอยรักษาความปลอดภัยอยู่โดยรอบ ภายในบ้านมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่มีร่างหนึ่งกำลังนั่งเอาขาพาดโต๊ะดูเหตุบ้านการเมืองผ่านโทรทัศน์ ข่าวความล้มเหลวในการบุกจับการค้าอาวุธสงครามข้ามชาติดูจะเป็นประเด็นร้อนมาได้ 3 วันแล้ว ก้องภพยิ้มเยาะให้กับนายตำรวจระดับสูงคนหนึ่งให้สัมภาษณ์นักข่าว เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ที่หน้าจอไม่ขึ้นชื่อของผู้เป็นเจ้าของ ก้องภพมองโทรศัพท์อย่างสงสัย ก่อนจะส่งให้ลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ไม่ห่างเป็นคนรับสายแทนอย่างรำคาญใจ
“ฮัลโหล... ว่าไง คุณเป็นใคร”
เสียงที่ตอบกลับมาส่งภาษาต่างประเทศแล้วเขาก็เงียบฟังคนปลายสายอย่างตั้งใจ ก่อนเขาจะส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้านาย ถึงเรื่องผ่านมานานแล้ว ซื้อขายกันแค่ไม่กี่ครั้งแต่ชื่อของคนปลายสายทำให้เขาจำได้เพราะลูกค้ารายนี้เป็นลูกค้ารายใหญ่ เจรจาค้าขายกันมูลค้าไม่เคยต่ำกว่า 9 หลัก
“สายจากมิสเตอร์หลันครับ เมื่อสามสี่ปีก่อนเคยตกลงซื้อขายล๊อตใหญ่กับที่ฮ่องกงครับ”
ก้องภพพยายามนึกหน้าเจ้าของชื่อนั้น ไม่นานเขาก็นึกหน้าเจ้าของชื่อนั้นออก
“สวัสดีครับมิสเตอร์หลัน ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ มีอะไรให้รับใช้ครับ”
ก้องภพระบายยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินความต้องการจากปลายสาย
“ได้ครับ ไม่ทราบว่าจะนัดเจรจากันวันไหนดีครับ... แล้วแต่คุณสะดวกเลยครับ”
ก้องภพกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจนัก เขากระดิกนิ้วเรียกให้ลูกน้องก้มหา ก่อนจะกระซิบสั่งการ
“ไปสืบเรื่องของนายหลันคนนี้มาให้หน่อย หายไปนานอยู่ดีๆ โพล่มาเฉย โทรมาหาอยากซื้อขายสินค้าในช่วงเวลาแบบนี้ ฉันไม่ไว้ใจ”
“ครับนาย”
ลูกน้องคนสนิทที่ก้องภพให้ความไว้ใจรับคำ เขาชี้นิ้วไปที่ชายอีกสองคนให้พวกเขาเดินตามเพื่อไปทำงานตามที่นายสั่งไว้ ก้องภพหันกลับมาสนใจโทรทัศน์อีกครั้งเมื่อช่องกีฬากำลังถ่ายทอดสดฟุตบอลจากเมืองผู้ดี เพราะคู่ที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่นี้เขาลงพนันไปไม่น้อย
***********************************************
ในห้อง ICU ที่ใช้เป็นห้องพักรักษาตัวของหญิงสาวนางหนึ่ง อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ช่วยยื้อชีวิตของหญิงสาวกำลังทำหน้าที่ของมัน ที่ข้างเตียงที่ร่างของคุณหมอสาวนั่งมองร่างที่นอนนิ่งไม่ไหวติงดั่งคนไร้หัวใจ เธอนั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นมาเกือบสองชั่วโมงกว่าแล้ว ไม่พูดคุย ไม่ขยับเขเยือน ไม่ละสายตาไปจากเพื่อนรัก
ผ่านมาห้าวันแล้วดลินายังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัว อาการบาดเจ็บของหญิงสาวตอนนี้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง อาการของหญิงสาวยังทรงตัว ความดันและอัตราการเต้นของหัวใจยังคงที่ รจนานั่งเฝ้าเพื่อนรักไม่ห่างตอนนี้เธอไม่มีแก่จิตแก่ใจทำอะไรทั้งนั้น
บางครั้งหญิงสาวจะหยิบหนังสือนวนิยายแนวผจญภัยมานั่งอ่านให้เพื่อนรักฟัง เพราะดลินาชอบอ่านเรื่องนี้มากๆ บางครั้งก็ชวนหญิงสาวพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ตามปรกติเหมือนทุกครั้งที่มีโอกาสมานั่งเม้าท์แตกกันสองคน
รจนาเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาทุกครั้งเมื่อนึกถึงว่าที่ทั้งสองดำเนินชีวิตตามปรกติ ตอนที่เธอรู้ว่าเพื่อนสาวตกหลุมรักใครคนหนึ่งอยู่ถึงแม้จะรู้สึกอิจฉาผู้ชายคนนั้นที่กำลังแย่งเพื่อนรักที่แสนดีไป แต่ด้วยความที่อยากเห็นเพื่อนมีความสุขสมหวังในรักเธอก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ และเมื่อเวลาผ่านไปเห็นดลินามีความสุขกับชายที่เธอรักรจนาเองก็รู้สึกสุขใจและยินดีพร้อมกับเพื่อนด้วยทุกครั้ง
หลังจากที่ร่างของดลินาออกมาจากห้องฉุกเฉินศิวกรชายคนรักของเพื่อนสาวก็หายหน้าไปไม่มาเยี่ยมเพื่อนเธอเลย รจนารู้สึกโมโหมากที่ชายหนุ่มไม่สนใจอาการเจ็บป่วยของดลินา แต่เมื่อได้มานั่งเฝ้าดูแลอาการของเพื่อนรจนาก็ได้มีโอกาสทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา เขาคงกำลังตามสืบเรื่องราวของนายก้องภพคนที่ทำให้เพื่อนของเธอมีสภาพเยี่ยงนี้ รจนาโกรธจนตัวสั่นทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนี้ เธออยากให้เจ้าของชื่อนี้ตายไปซะ โลกจะได้น่าอยู่ขึ้น อยากให้มันตกนรกหมกไหม้ ไม่ต้องได้ผุดได้เกิด ไม่ว่าชาติไหนก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย
เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกให้รจนาออกจากห้วงความคิด ก่อนร่างสูงใหญ่ของศิวกรจะเดินเข้ามา ใบหน้าเขาดูจะซูบตอบฉายแววอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัด ผิวดูคร้ามแดด ใบหน้าคมเข้มหนวดเคราเริ่มยาวรกเพราะเจ้าตัวดูจะไม่ใส่ใจมันมากนัก นั้นสามารถยืนยันเรื่องที่หญิงสาวคิด... เขาคงพยายามตามหาแล้วลากนายก้องภพมารับโทษ
ก่อนที่จะก้าวเข้ามาในห้องนี้ศิวกรเองก็ยืนตั้งสติปรับอารมณ์ของตัวเองอยู่นาน เขาไม่มีความกล้ามาพอที่จะมาสู้หน้าหญิงสาว แต่จิตใจกลับเรียกร้องอยากเห็นหน้า อยากสัมผัสเธอใจจะขาด และเมื่อเปิดประตูเข้ามาภาพตรงหน้าตอกย้ำความเจ็บช้ำที่เกิดขึ้นในใจได้เป็นอย่างดี บาดแผลครั้งนี้มันคงไม่มีทางลบเลือนไปจากใจเขาตลอดชีวิต
ศิวกรเดินไปหาหญิงสาวผู้เป็นที่รักแม้ระยะทางจากประตูถึงเตียงจะสั้นเพียงไม่กี่ก้าว แต่สำหรับศิวกรรู้สึกเหมือนระยะทางมันช่างยาวไกลนัก แต่ละก้าวมันช้างยากเย็นนัก รจนานั่งมองการกระทำของชายตรงหน้าอย่างสงสาร เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเพราะต้องการให้ทั้งคู่มีเวลาที่เป็นส่วนตัว
เมื่อรจนาออกมาจากห้องก็เห็นทนงศักดิ์ยืนอยู่หน้าห้อง เขาดูสงบนิ่งและมั่นคงดั่งภูผา รจนารู้สึกร้อนที่ขอบตา ภาพตรงหน้าเริ่มมัวมองหน้าเขาไม่ชัด ทนงศักดิ์เห็นคุณหมอผู้แสนมั่นใจ และเก่งกาจแสดงอาการอ่อนแออย่างถึงที่สุด แล้วใจสั่นสะท้าน เขาดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมแขน เมื่อรจนาได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดนั้นหญิงสาวก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นทันที
“คุณต้องเข้มแข็งไว้ คุณคงไม่ยากให้เพื่อนคุณหัวเราะเยาะเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเพื่อนตัวเองมีสภาพเหมือนซอมบี้หรอกนะครับ”
แม้จะเศร้าใจและเหน็ดเหนื่อยอย่างแสนสาหัส แต่เมื่อได้ยินคำพูดหยอกล้อของทนงศักดิ์หญิงสาวก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ เธอรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้นเมื่อได้รับการปลอบโยนจากเขา แต่ตอนนี้เธอขอร้องไห้อีกหน่อย ร้องจนไม่เหลือน้ำตาที่จะร้องได้อีก หลังจากวันนี้เธอจะกลับมาเข้มแข็งแล้วต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีกครั้ง
***********************************************
ศิวกรมองร่างของหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยหัวใจที่ร้าวราน เครื่องช่วยหายใจและสายอะไรต่อมิอะไรมากมายอยู่ล้อมรอบตัวเธอ ใบหน้ารูปหัวมีรอยเขียวช้ำที่จางงลงไปมาก หน้าผากกลมมลมีผ้าก็อตปิดไว้และดูเหมือนว่าแผลนี้จะฝากรอยแผลเป็นไว้เป็นหลักฐานไว้ตอกย้ำเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ให้ลืมเลือน
ศิวกรค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปอยากจะลูบสัมผัสแก้มเนียนใสที่ตอนนี้ซีดเซียวไร้เลือดฝาด แต่เขาก็ไม่กล้า จึงหดมือกลับมาไว้ที่ข้างตัวอย่างเดิม แต่ความคิดถึงเหนือสิ่งอื่นใด เขาเอื้อมมือไปอีกครั้งใช้นิ้วลูบไล้แก้มนวลเนียนอย่างแสนรัก แววตาอ่อนโยน
“นอนนานๆ มันไม่ดีนะครับ ตื่นได้แล้ว นอนนานๆ แล้วมันจะยิ่งทำให้เราขี้เกียจนะครับ”
ศิวกรพูดคุยกับหญิงสาวเหมือนยามปกรติที่ทั้งคู่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน แม้จะเป็นระยะสั้นๆ แต่เขาก็สุขใจ เขาอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอ อยากให้เธอเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันจะดีแค่ไหนที่ทุกวันตื่นนอนมาได้เห็นหน้ากันทุกเช้า ได้ดื่มกาแฟนุ่มละมุนจากฝีมือของหญิงสาว ได้ทานมื้อเย็นที่แสนอร่อยถูกปาก จูบราตรีสวัสดิ์ และนอนหลับอย่างสุขใจเมื่อมีหญิงสาวหลับฝันดีอยู่ในอ้อมกอด
“คุณรู้หรือเปล่า ผมไปนอนในป่ามาอีกแล้วนะ แต่โชคดีหน่อยที่คราวนี้ไปนอนมาแค่ 4 วันเอง ตัวนี้ปวดเมื่อยไปหมดเลย แถมผมยังบริจาคเลือดให้ทากอิ่มท้องอีกตั้งหลายตัว”
ศิวกรเว้นช่วงไปเล็กน้อย เขาลากเก้าอี้มาที่ข้างเตียงก่อนจะนั่งลงดึงมือข้างขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากุมไว้เพื่อส่งมอบความอบอุ่นให้เธอ จ้องมองใบหน้าเธอไม่ละสายตาไปไหน แม้ไม่มีเสียงโต้ตอบจากหญิงสาวแต่เขาก็ยังชวนเธอคุย
“ตอนกลับมาจากชายแดน มีโอกาสได้ไปชิมกาแฟขี้ชะมดด้วยครับ แก้วตั้งหลายตังค์แต่ผมได้ชิมฟรีตั้งหนึ่งแก้ว ไว้คุณหายดีแล้วเราไปชิมกาแฟขี้ชะมดด้วยกันนะครับ คุณคงชอบ
หน้าหนาวนี้ ผมตั้งใจว่าจะลาพักร้อนสักหลายวัน เราหาโอกาสไปเที่ยวที่เชียงรายกันดีไหมครับพอดีผมรู้จักคนที่มีบ้านพักอยู่แถวดอยตุง บ้านสวยมากเลยนะครับคุณต้องชอบที่นั้นมากแน่ๆ จะชวนคุณหมอเขาไปด้วยก็ได้นะครับ สองสาวไปเที่ยวด้วยกันคงครึกครื้นดี ผมอาสาเป็นไกด์ให้ ขับรถให้ฟรีอีกต่างหาก แต่เรื่องอาหารคงต้องให้คุณทำเพราะคุณก็รู้ว่าผมทำอาหารไม่เอาไหนเลย”
ศิวกรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะจูบที่หลังมือของหญิงสาวรักสุดหัวใจ ศิวกรเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลจากห่างจากของดลินาอย่างแผ่วเบากลัวว่าจะทำเธอเจ็บ... เธอรับรู้เรื่องราวรอบทุกอย่าง ทุกคำพูด เธอรับรู้เพียงแต่ยังไม่สามารถลืมตาได้ก็เท่านั้น
ศิวกรยิ้มอย่างสุขใจเมื่อเห็นหญิงสาวรับรู้ในสิ่งที่เขาพูด เขาพยายามบังคับน้ำเสียงให้ราบเรียบ แล้วชวนเธอคุยต่อ
“เมื่อวันก่อนผมโดนแม่ดุอีกแล้วครับ บอกว่าโตป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองอีก ทำให้คนแก่หัวใจจะวายตายวันละ 10 รอบ เนื้อตัวสกปรกเหม็นสาบ ผมเผ้ารุมรัง หนวดเคราไม่รู้จักโกน กลัวคุณตื่นขึ้นมาแล้วตกใจนึกว่ามีโจรมานั่งอยู่ข้างๆ ถ้าคุณนึกไม่ออกว่าหน้าตาตอนนี้ผมเป็นยังไง คุณจำวันแรกที่เราพบได้หรือเปล่าครับ หน้าผมไม่ต่างจากตอนนั้นเลยนะ
นึกถึงวันนั้นที่ไรผมอดขำท่าทางของคุณไม่ได้เลยนะครับ คุณเหมือนกระต่ายน้อยขี้ระแวงไม่มีผิด ตานี้โตเชียวตื่นตระหนก ระแวงภัย มองผมอย่างกับผมเป็นพวกโจรโรคจิตที่คิดจะเข้ามาปล้นร้านคุณ”
หยาดน้ำตาอีกสายก็ไหลรินลงมา ศิวกรก็ใช้มือเช็ดออกให้ ปัดปอยผมไม่ให้ลงมาปรกหน้า แล้วกลับมากุมมือเธอต่อ
“แล้วยังมีวันนั้นอีกวันที่เราบังเอิญพบกันที่ร้ายก๋วยเตี๋ยว ผมประหลาดใจมากเลยนะครับไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีก แต่คุณกลับจำผมไม่ได้เสียอย่างนั้นรู้หรือเปล่าครับ ผมแอบน้อยใจเหมือนกันนะครับ
เมื่อก่อนทุกๆวันของผมมีแต่งาน งาน งาน แล้วก็งาน จนเมื่อมีคุณเข้ามาในชีวิต ชีวิตประจำวันของผมก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป คุณทำให้ผมนิสัยเสียรู้หรือเปล่าครับ คุณทำให้ผมรู้สึกอยากมีคุณอยู่ข้างกายตลอดเวลา คุณทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตนี้ขาดคุณไม่ได้
คุณทำให้ทุกๆ วันของผมมีค่า เมื่อก่อนผมใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายแทบทุกวัน ไม่ห่วงชีวิตตัวเองแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ผมเตือนตัวเองทุกครั้งที่ทำงานว่าผมมีใครอีกคนให้กลับมาหา”
เขาจูบมือหญิงสาวอีกครั้ง แล้วประคองขึ้นมาแนบแก้มสากด้วยหนนวดเคราของเขา คราวนี้ศิวกรรับรู้แรงบีบเบาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง ศิวกรรู้สึกว่าเขาได้รับสิ่งล้ำค่ากลับมาอีกครั้ง เขาอยากจะตะโกนกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
เขาลุกขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงไปใกล้ใบหน้ารูปหัวใจน่ารักนั้น ประทับรอยจุมพิตแผ่วเบาบนริมฝีปากบางนั้นอย่างตีตราความเป็นเจ้าของ กระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว
“ตื่นได้แล้วครับเจ้าหญิงนิทรา ขืนคุณนอนต่อไประวังจะโดนผมรังแกนะครับ”
TooMMeng
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ม.ค. 2556, 21:15:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ม.ค. 2556, 21:15:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 1325
<< บทที่ 8 (เพื่อเธอ... 2) | บทที่ 9 (ตามล่า... 1) >> |