ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 9.

บทที่ 9

พอได้ยินหลินฮันหมิงคุยโทรศัพท์กับณิชกานต์ ด้วยเขาพูดตอนรับโทรศัพท์ว่า “คุณนิดเหรอครับ”...ขวัญชีวีก็พูดกับคุณยายแน่งน้อย คุณย่าเล็ก รวมถึงปวุฒิว่า...

“ขวัญขอตัวขึ้นบ้างบนนะคะ ร้อนค่ะอยากอาบน้ำ”...

ขวัญชีวีตัดบทไปแล้ว ไอ้เรื่องที่จะไปทำคะแนนเลยเสียโอกาสไป แถมยังทำให้หญิงสาวเสียความรู้สึกเสียด้วย...แต่ว่าคนอย่างหลินฮันหมิงเมื่อคิดจะสู้ เขาไม่มีวันยอมแพ้อย่างเด็ดขาด

พอนั่งแท็กซี่กลับมาถึงโรงแรมแล้วเขาโทรศัพท์กลับไปหาวิศรุตในทันที

“ขอเบอร์คุณขวัญหน่อยซิ...มีเรื่องอยากคุยกับเขาหน่อย”

“อ้าว แล้วไปบ้านเขามาไม่เจอเขาเหรอ”

“เจอ แต่พอดีเจอแฟนเขาด้วย มารับน้องสาวกลับบ้าน แล้วตอนนั้นคุณนิดก็โทรศัพท์เข้าเครื่องไอมาพอดี ก็เลยไม่ทันได้คุยกับคุณขวัญเพราะเธอขึ้นห้องไปซะก่อน”

“แล้วจะเอาไปทำอะไร”

“โทรไปขอบคุณเขาหน่อยที่พาคุณย่าเล็กเที่ยว”

“อืม...ได้”

แล้ววิศรุตก็บอกเบอร์โทรศัพท์ของขวัญชีวีให้กับเขา ได้เบอร์มาแล้ว หลินฮันหมิงก็กดโทรออกอย่างไม่ลังเล เพราะเชื่อมั่นว่าเขามีเรื่องที่จะคุยกับเธออย่างแน่นอน
นานทีเดียวกว่าที่หลินฮันหมิงฟังเพลงรอสายที่เขาไม่รู้ว่าเป็นเสียงร้องของคนที่เขาโทรหา แต่เนื้อเพลงนั้น ทำให้เขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับคนที่เขารอได้ยินเสียงยิ่งขึ้น

‘ฯขอบน้ำขวางหน้า ขอบฟ้าขวางกั้น บุพเพยังสรรค์ประสบให้ได้พบสบรักกันได้ ห่างกันแค่ไหนเขาสูงบังกั้นไว้รักยังได้บูชา ความรักศักดิ์ศรี รักไม่มีพรมแดนรักไม่มี
ศาสนา แม้ใครบุญญา ได้ครองกันมา พรหมลิขิตพาชื่นใจฯ’

และขวัญชีวีก็กดรับสายของเขาในที่สุด...

“สวัสดีครับ ผมหลินฮันหมิงครับ” เขารีบแนะนำตัวเมื่อหญิงสาวรับสาย

“สวัสดีค่ะ คุณมาร์ค” ขวัญชีวีเลือกที่จะเรียกชื่อของตามที่บันทึกไว้ในความทรงจำครั้งแรก

“คุณขวัญนอนหรือยังครับ”

“มีเรื่องอะไรคะ” ขวัญชีวีเข้าเรื่องทันที และหญิงสาวก็ไม่แปลกใจหรอกว่า เขาได้เบอร์ของเธอมาจากไหน มาร์คสนิทกับวิศรุต งานนี้เขาจะต้องมีปรึกษากันมาก่อนแล้วแน่ ๆ ริมฝีปากของขวัญชีวีเผยออย่างมั่นใจว่าเขากำลังคิดจีบเธอ

“จะโทรมาขอบคุณคุณขวัญครับ เรื่องที่พาย่าผมเที่ยว”

“ฉันก็พายายของฉันไปเปิดหูเปิดตาด้วยค่ะ ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”

“เปิดหูเปิดตา”

“พาเที่ยวนั่นแหละครับ อยู่แต่ในบ้านมันอึดอู้ จำเจ การได้ออกไปนอกบ้านเสียบ้างเรียกว่า ไปเปิดหูเปิดตา” ขวัญชีวีขยายความเมื่อเขาทำเสียงสูงเป็นเชิงสงสัยกับสำนวนนี้ของคนไทย

“แต่ผมต้องขอบคุณอยู่ดีแหละครับ”

“ค่ะ...รับทราบค่ะ มีอะไรอีกไหมคะ”

“ผมคงรบกวนคุณขวัญใช่ไหมครับ”

“ฉันกำลังจะนอนค่ะ พรุ่งนี้มีงาน ต้องรีบตื่นแต่เช้า”

“งานอะไรเหรอครับ”

“ขอไม่ตอบได้ไหมคะ”

“ขอโทษครับที่ล่วงเกิน”

“ภาษาไทยเรียกว่าละลาบละล้วงค่ะ”...

“ครับละลาบละล้วง แปล ว่าอะไรหรือครับ”

“แปลว่าล่วงเกินแหละค่ะ...” น้ำเสียงของขวัญชีวีบ่งบอกว่าอารมณ์ดี...น่าจะชื่นมื่นเพราะแกล้งเขาได้แน่ ๆ

“คุณขวัญนี่..” เขาหัวเราะเบา ๆ

“ค่ะ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนอนก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวครับ...”

ขวัญชีวีนิ่งฟัง แต่ว่าเขาก็ยังนิ่งเงียบอยู่อึดใจ จนกระทั่งขวัญชีวีรู้สึกว่าได้ยินเสียงลมหายใจของเขา มันมีเยื่อใยบาง ๆ ถักทอใจสองดวงไว้ ขวัญชีวีรู้สึกว่าใจที่แห้งผากของตนนั้นเหมือนมีน้ำค้างพร่างพรมจนฉ่ำชื้น...ยอมรับกับตัวเองว่ารู้สึกดีที่เขาโทรมาหา แต่ว่าคนอย่างขวัญชีวีไม่เคยง่ายกับผู้ชาย

“กู๊ดไนท์ แอนด์ สวีทดรีม ฝันดีนะครับ”

“แต้งคิ้ว เซม ๆ ค่ะ”


“พี่ปุ้ม...พี่บุษโทรมาบอกว่าทางเอเจนซี่ล็อคตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ของเวอซ่าดีโก้ไว้แล้วไม่มีการแคส ติ้ง” ช่วงรอเข้าฉากณิชกานต์ก็เดินมาหาปวุฒิที่นั่งท่องบทอยู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึงบ่งบอกอารมณ์ขุ่นในใจ

“เรื่องอะไรเหรอ พี่ไม่เข้าใจ”

“เวอซ่าดีโก้เป็นเครื่องสำอางจากมาเลเซีย มีโฟมล้างหน้า ครีมบำรุงผิวหน้าผิวกายน่ะ”

“ที่บอกว่าผสมไข่มุกจากทะเล”

“นั่นแหละ เป็นบริษัทของคุณมาร์ค แล้วคุณมาร์คก็เป็นผู้จัดการฝ่ายภาคพื้น ให้บริษัทของพี่รุตทำตลาดในประเทศไทย”

“นิดกำลังจะบอกว่า งานนี้ล็อคตัวขวัญไว้อย่างนั้นใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ วงในบอกมาอย่างนั้น” ณิชกานต์หายใจติด ๆ ขัด ๆ เพราะความริษยา แผนที่ได้ช่วยกันคิดแก้เสน่หาที่คุณมาร์คมีต่อขวัญชีวีไม่สำเร็จ และขวัญชีวีก็คงจะรีบรับงานนี้ เป็นใครก็ต้องรับ เพราะเงินค่าตัวน้อยเสียที่ไหน

ส่วนปวุฒิแม้จะดีใจกับงานใหม่ของขวัญชีวี แต่ว่างานนี้ดูจะมีวาระซ่อนเร้น

“ทางเอเจนซี่บอกว่าจะต้องไปถ่ายที่มาเลเซียด้วยดีแต่ว่าใช้โปรดักชั่นเฮ้าส์ของไทย”

ปวุฒินิ่งฟัง

“ไม่รู้แหละ งานนี้พี่ปุ้มต้องตามไปขัดขวางไม่ให้สองคนนั้นเขาสานความสัมพันธ์กันนะคะ หาวิธีเองแล้วกัน"

“แล้วเรื่องรูปที่โพสต์เมื่อวานล่ะ เป็นไงบ้าง”

“ตอนแรกนิดก็ว่าจะแค่นั้น แต่ตอนนี้คงไม่แล้วค่ะ นิดจะบอกให้นิตยสารหัวหนึ่งเอาไปลงด้วย แล้วจะให้มือดีเอาไปโพสต์ในเว็บ อย่างน้อยก็เป็นการกันท่าไว้สักหน่อย...อยากแกล้งคนเล่น”

“ขอโทรหาพี่อรก่อนแล้วกัน”

ว่าแล้วปวุฒิก็ดึงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดหาผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งเขาได้บอกเล่าให้กนกอรรู้เรื่องที่ขวัญชีวีขอเลิกกับเขาแล้ว แต่ว่ากนกอรยังไม่เห็นด้วยกับความคิดของขวัญชีวี และกนกอรเองก็พยายามช่วยด้วยการสร้างกระแสว่าทั้งคู่ยังหวานชื่นอยู่ โดยการหางานถ่ายแบบคู่กันมาให้ แต่ดูท่าจะช้ากว่าทางเศรษฐีมาเลเซียเสียแล้ว

“อืม เขาติดต่อมาแล้ว กำลังคุยเรื่องค่าตัวกันอยู่ ขวัญเขาก็ตกลงซิ เงินทั้งนั้น เป็นใครจะไม่เอาล่ะ....อืม ต้องไปถ่ายที่มาเลเซีย สี่ห้าวันมั้ง ตรงนั้นเซ็นสัญญาก่อนค่อยว่ากัน...”

“พี่อรไปด้วยหรือเปล่า”

“ดูก่อน อาจจะไปด้วยก็ได้ ถ้าขวัญไม่มีเพื่อนไป...”

“ผมไปด้วยนะ”

“จะไปกันท่า เขาใช่ไหม”

“ก็...ครับ”

“เอาตามจริงนะ พี่เห็นใจปุ้ม แต่พี่มาคิดดูแล้ว ในเมื่อปุ้มก็ได้โอกาสมาหลายปี แต่ปุ้มพิชิตใจขวัญไม่ได้ เพราะฉะนั้น ตัดใจเสียดีกว่า เอาเวลาไปคิดคำพูดหรู ๆ ตอนที่แถลงข่าวเลิกกันดีกว่านะ”

“แต่คุณมาร์คเขาคบอยู่กับนิดนะครับ ขวัญจะเสียหาย ผมไม่อยากให้ขวัญขึ้นชื่อว่าแย่งแฟนใคร ขวัญไม่เคยมีข่าวฉาว พี่ก็เห็นนี่ว่าเขาเคยไปกินข้าวด้วยกัน แล้วเมื่อวาน นิดก็โพสต์รูปขึ้นอินสตาแกรม ขึ้นเฟสบุ๊ค ด้วย เดี๋ยวสื่อก็เอาไปประโคมว่านายมาร์คนั่นเป็นคู่ควงของนิด ขวัญมาทีหลังจะมีแต่เสียหาย ผมเป็นห่วงชื่อเสียงของขวัญครับ อย่างไรถ่ายโฆษณาชิ้นนี้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน...พี่บอกขวัญตามนี้ได้หรือเปล่าถ้าผมขอตามไปที่มาเลเซียด้วย”

“ได้ซิ..”


““หลังจากเลิกรากับหนุ่มไฮโซ หนูนิด ณิชกานต์ หาญกล้า ก็ปิดหัวใจตัวเองทำงานหามรุ่งหามค่ำ กระทั่งคืนวานก่อน หนูนิดส่งสายตาให้หนุ่มหน้าตาดีนายหนึ่งที่นั่งติดเวทีแคทวอร์ค ชวนให้นักข่าวสงสัย กระทั่งเจ้าตัวมีภาพยืนยันผ่านอินสตาแกรมตอกย้ำว่าไม่ใช่แค่บังเอิญสบตากันอย่างคนรู้จักกันธรรมดา...

ผู้สื่อข่าวของเราก็เลยต้องสอบถามเมื่อเจอตัวหนูนิดในกองถ่ายละครวุ่นรักวิวาห์ลวง

‘คุณมาร์คเป็นผู้จัดการภาคพื้นครีมบำรุงผิวจากมาเลเซียค่ะ’

‘สนิทสนมกันเพียงไหน เข้าขั้นคนรู้ใจหรือยัง’

‘ก็รู้จักกันได้สักระยะหนึ่งแล้วค่ะ ตอนนี้ถือว่าเป็นคนพิเศษไหม...เป็นผู้หญิงพูดก่อนดูจะไม่ดี...เอาเป็นว่าคบหากันแบบเพื่อนไปก่อนค่ะ มีอะไรคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ’”
วรรณรดาส่งลิงค์ผ่านข้อความส่วนตัวในโปรแกรมเฟสบุ๊คมาให้วิศรุต...วิศรุตอ่านแล้วหมุนหน้าจอคอมพิวเตอร์ไปให้เพื่อนที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานดูภาพประกอบข่าวในเว็บข่าวสารบันเทิงของไทย หลินฮันหมิงถึงกับพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ

“ขึ้นเว็บแบบนี้แล้ว เดี๋ยวก็จะออกอากาศคืนนี้แน่ ๆ สมัยนี้ช่องทางกระจายข่าวมันเยอะ ทั้งฟรีทีวีและเคเบิ้ลทีวี อินเทอร์เน็ต การแข่งขันสูงมาก”

“แล้วนี่คุณขวัญเขาจะคิดอย่างไรกับไอ”

“เขาก็คง...เหอะ ๆ ยากหน่อยนะ แต่ยูเล่นบทหนีอย่างเดิมก็ดีแล้ว อย่าได้ถลำเด็ดขาดเลย ไม่งั้นเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้นแน่”

“ว่าไปคุณนิดเขาก็สวยน่ารักนะ”

“นางเอกเหมือนกันนี่ ถึงดังไม่เท่าขวัญเขาก็เป็นนางเอก หรือยูจะลุย” ลุย ในความหมายของวิศรุตนั้นคือ เมื่อน้องเสนอมาพี่ก็สนองให้

“แค่เฉี่ยว ๆ ยังขนาดนี้ ถ้าชนด้วยวุ่นวายแน่ ๆ แล้วคุณย่าเล็กก็คงไม่ปลื้มกับไอหรอก หวังทางคุณขวัญไว้เยอะ”

และค่ำวันนั้น ขณะรอลงคอร์ทเทนนิสที่มีวรรณรดาเล่นอยู่กับวิศรุต หลินฮันหมิงก็ได้รับโทรศัพท์จากย่าเล็กที่ได้ดูข่าวแล้วทนเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้

“ไปเผลอมีข่าวแบบนั้นได้อย่างไรกัน”

“ก็...ย่าเล็กครับ... ก็แค่ข่าว ไม่มีอะไรหรอกครับ”

“ไม่มีได้อย่างไร ย่ารึอุตส่าห์พยายามทำคะแนนให้อยู่ทางนี้ พังไม่เป็นท่าเลย ทำอะไรระวังตัวหน่อยซี่”

“ผมก็ระวังตัว แล้วภาพมันก็ไม่ได้มีอะไร แค่ยืนอยู่ใกล้ ๆ กันแค่นั้นเอง”

“แต่เรื่องกับภาพมันออกมาแบบนี้จะให้ย่าทำอย่างไร...”

“ปล่อยมันไปเถอะครับ วิศรุตเขาบอกว่าเดี๋ยวมันก็หายไปกับสายลม... เอ่อ แล้วพรุ่งนี้ย่าเล็กมีโปรแกรมไปไหนหรือเปล่า พรุ่งนี้ผมว่าง”

“เพียงออจะพาไปไหว้หลวงพ่อโสธร ไปด้วยกันไหม มีงานหรือเปล่า”

“ไปด้วยก็ได้ครับ จะไปหาที่บ้านแต่เช้าแล้วกันนะครับ” แม้ไม่รู้จักหลวงพ่อโสธร แต่ว่าเมื่อเป็นโปรแกรมเที่ยวกับย่าเล็กก็ทำให้เขานึกอยากออกไป ‘เปิดหูเปิดตา’ ด้วย และที่สำคัญการได้ใกล้ชิดคุณยายแน่งน้อยจนท่านเอ็นดูเป็นพิเศษก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี

“ดี มาเช้า ๆ ก็ดี มาให้ทันใส่บาตรพระเลยยิ่งดีใหญ่”

“เร็วเกินไปครับ” เขาเคยเห็นพระบิณฑบาตตอนมาเที่ยวหาดใหญ่ แต่ว่าเขาไม่เคยใส่บาตรตอนเช้า ๆ แบบนั้น พอย่าเล็กเอาโปรแกรมนี้เสนอ มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ทว่าต้องตื่นมาแต่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เขาก็คงไม่ไหวเหมือนกัน

“เมื่อเช้าหนูขวัญเขายังตื่นมาใส่บาตรกับยายเขา พรุ่งนี้ก็เห็นว่าจะตื่นมาใส่บาตรอีก”

“ถ้างั้นผมจะรีบไปตั้งแต่เช้าเลยครับ”

“พระมาถึงหน้าบ้านเกือบหกโมงเช้า ก็ต้องออกจากโรงแรมประมาณห้านาฬิกานะ ตื่นไหวหรือเปล่า”


พอรู้ว่าจะได้เป็นพรีเซนเตอร์เวอซ่าดิโก้คนแรกของประเทศไทยขวัญชีวีก็รู้สึกอยากขอบคุณย่าเล็กที่น่าจะอยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้ ดังนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ขวัญชีวีจึงได้แจ้งให้คุณยายกับคุณย่าเล็กได้ทราบว่าพรุ่งนี้เธอจะไปด้วย...

“แล้วไม่ไปทำงานหรือ” แน่งน้อยนั้นกลัวว่าหลานจะเบื่อที่ต้องไปไหนมาไหนกับคนแก่สองคนที่มีแต่ความเชื่องช้า

“พรุ่งนี้ไม่มีงานค่ะ วันนี้ทำไปหมดแล้ว” วันนี้ทางสถานีให้เธอเข้าไปดูบทละครเรื่องใหม่ แต่พอเห็นว่าบทแรงไป ขวัญชีวีจึงปฏิเสธเพราะไม่อยากเล่นบทร้ายกาจแบบหามิติไม่ได้แบบนั้น

“เดี๋ยว ขวัญจะโทรหาออนะคะ ให้ออนั่งแท็กซี่มาที่บ้านเราดีกว่า ไม่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมา...”

ขวัญชีวีขอตัวเลี่ยงเข้าห้องพักส่วนตัวเพื่อโทรศัพท์หาเพียงออและไม่ได้ลงมาข้างล่างมาอีก จนกระทั่งเช้าตรู่...หญิงสาวต้องแปลกใจที่เห็นว่าชิงช้าไม้ใต้ต้นมะม่วงมีหลินฮันหมิงนั่งอยู่...ซึ่งวันนี้เขาใส่เสื้อยืดคอปกสีขาวพอดีตัวกางเกงยีนเข้ารูปสีเข้มรองเท้าหนังกลับสีน้ำตาล เส้นผมปล่อยปรกหน้าผากทำให้เขาแลดูเด็กลง...เขายิ้มให้ ขวัญชีวียิ้มตอบแบบแหย ๆ เพราะยังรู้สึกว่ายังไม่สดชื่นเท่าที่ควร

“อรุณสวัสดิ์ครับ”

“ทำไมมาแต่เช้าเลยละคะ” ขวัญชีวีพอเดาออกแล้วว่าวันนี้เขามาทำไม..

“จะมาใส่บาตรกับคุณย่าครับ”

“ใส่บาตร...”

“ผมไม่เคยใส่บาตรครับ”

“เรื่องจริงใช่ไหม”

“จริงซิครับ”

“งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ...แต่เอ๊ะ วันนี้ทำไม สองสาวน้อยถึงยังไม่ตื่นกัน...ขอตัวแป๊บนะคะ”

ว่าแล้วขวัญชีวีหมุนตัวเดินเข้าบ้าน พอจะเหยียบบันไดหูก็ได้ยินเสียงคุณยายของเธอกับคุณย่าเล็กคุยกันดังมาจากชั้นบน แม้จะมีห้องรับแขกแต่ว่าทั้งคู่ก็เลือกที่จะนอนห้องเดียวกัน เพื่อที่จะได้คุยกันชนิดไม่ต้องพักยก

“อรุณสวัสดิ์ค่ะสาว ๆ เมื่อคืนคุยกันดึกแน่ ๆ เลย ถึงได้ตื่นสายกว่าปกติ” ขวัญชีวีร้องทักเมื่อเห็นทั้งคู่ปรากฏตัวที่หัวบันได

“ก็ยายซิ่วอินนะซิ หาเรื่องอะไรมาคุยตั้งมากมายก็ไม่รู้ ยายก็นอนฟังเพลิน”

“ฉันว่าฉันฟังเธอเล่าอะไรเพลินมากกว่านะ”

“คุณหลินฮันหมิงมาแล้วค่ะ รออยู่ข้างล่าง ค่อย ๆ ลงมานะคะ”

“ตรงเวลาดีนะ อ้อ หนูขวัญวันนี้พี่หมิงเขาจะไปไหว้พระกับเราด้วยนะ รวมแล้วห้าคนทั้งเพียงออ”

“ค่ะ” รับทราบแล้วขวัญชีวีก็นึกกระหยิ่มใจ และแผนการบางอย่างก็เริ่มผุดขึ้นเพื่อแก้ลำของณิชกานต์


ขวัญชีวีเลี่ยงที่จะใส่บาตรกับเขา เพราะต้องการเก็บภาพของเขากับย่าเล็กและยายของเธอช่วยกันใส่บาตรพระ โดยมีป้าสนามกับมะโฉ่ยืนลุ้นกับทีท่าเก้ ๆ กัง ๆ ของเขา...

และเมื่อพระจะให้พร คุณย่าเล็กก็รั้งให้เขาให้นั่งลงยอง ๆ ก้มหัว พนมมือ...

พระจากไปแล้ว ขวัญชีวีก็กล่าวว่า “อนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ”

“อนุโมทนาบุญด้วยกัน สาธุ ๆ ๆ ” คุณยายแน่งน้อยพูดแบบนั้น แต่หลิวฮันหมิงทำหน้าเลิ่กลั่ก...ทีนี้ยายแน่งน้อยจึงต้องอธิบายเพื่อเขาฉุดแขนย่าเล็กให้ลุกขึ้นยืนเพื่อรอพระอีกคณะหนึ่ง

“อนุโมทนาบุญคือ เราเห็นเขาทำบุญแล้ว เราก็รู้สึกดีใจ ยินดีกับสิ่งที่เขาทำ กล่าวสั้น ๆ ว่า สาธุ ก็ได้”

“สาธุ” หลินฮันหมิงกล่าวคำว่า สาธุ อีกรอบ ก่อนจะมีคำถาม

“แล้วทำไมต้องสาธุสามรอบด้วยละครับ”

“เพื่อความชัดเจนไง เหมือนกับว่า ‘ย้ำ’ จนแน่ใจแล้ว ถ้าสามรอบแล้ว ยังไม่เปลี่ยนแปลง แสดงว่า จิตใจมั่นคงแล้ว”

“ครับ”

ช่วงนั้นขวัญชีวีหันหลังดูรูปในโทรศัพท์รุ่นสมาร์ทโฟน...แล้วเขาก็สังหรณ์ใจว่า ขวัญชีวีคงจะโพสต์รูปขึ้นอินเทอร์เน็ตอีกแน่ ๆ และมันก็เป็นไปตามนั้น เพราะหลังจากที่ร่วมรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวต้มปลาช่อน กาแฟ ขนมปังปิ้ง ผลไม้ อันได้แก่แอปเปิ้ล องุ่น สับปะรด และแตงโม พลางคุยเรื่องสัพเพเหระ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากวิศรุตที่เห็นภาพนั้นและวิศรุตก็มั่นใจว่า ตอนนี้ขวัญชีวีตั้งใจประกาศสงครามจิตวิทยากับณิชกานต์ ‘คุณย่าหลินซิ่วอินกับหลานชาย ใส่บาตรพร้อมกับคุณยายที่หน้าบ้าน..’



พอเห็นรูปที่ขวัญชีวีโพสต์ในอินสตาแกรม นอกจากโทรหาหลินฮันหมิง วิศรุตก็โทรหาวรรณรดาที่ทำงานอยู่ในชั้นเดียวกัน วรรณรดาเดินมาหาเขาที่ห้องด้วยใบหน้าแจ่มใส...เพราะถ้าขวัญชีวีโพสต์รูปแบบนี้ นอกจากณิชกานต์ ก็จะมีปวุฒิอีกคนที่ต้องออกมา ‘เต้น’

“พี่ว่า ดาควรจะทำได้แล้วนะ...”

“ทำอะไรคะ”

“ก็ ดูเหมือนขวัญจะชอบมาร์คอยู่นะ ไม่งั้นไม่โพสต์รูปนี้หรอก เพราะฉะนั้น ช่วงเวลา ๆ ร้อนระอุแบบนี้ พี่ว่าทำให้ปวุฒิเป็นข่าวกับน้องอีกสักรอบดีไหม...ใช้เพื่อนคนเดิมก็ได้นี่”

“ดาคิดอะไรไม่ออกหรอกค่ะ”

“กิจกรรมปลูกป่าที่สวนผึ้งที่จะถึงนี่ไง เพิ่มปวุฒิไปอีกคน ไปทำกิจกรรมด้วยกัน เดี๋ยวก็มีข่าวเอง”

“แต่มันจะเกินงบประมาณที่ตั้งไว้”

“ไม่เป็นไร เพื่อประโยชน์ทางหัวใจ จ่ายไปเหอะ...โทรถามเขาเลยด่วน ๆ”

“เอาอย่างนั้นนะคะ”

พอได้ลูกยุจากวิศรุต วรรณรดาก็ต่อโทรศัพท์หาปวุฒิในทันที

“สวัสดีค่ะพี่ปุ้ม ดามีรบกวนหน่อยค่ะ” น้ำเสียงของวรรณรดาเป็นงานเป็นการ

“คุณดามีเรื่องอะไรเหรอครับ”

“วันเสาร์อาทิตย์หน้าพี่ว่างหรือเปล่าคะ... ดาจัดกิจกรรมพาพนักงานไปปลูกป่าที่สวนผึ้ง ราชบุรีค่ะ สองวันหนึ่งคืน วันเสาร์ออกเดินทางโดยรถบัสจากหน้าบริษัท มีกิจกรรมบนรถแต่ ดาคงให้น้องเอ๋ ประกายวรรณกับพี่นารทช่วยดูแลตรงนั้นให้...แวะเที่ยวบ้าง แล้วก็กินข้าวกลางวัน...ถึงที่หมายที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า... ปลูกป่าตอนบ่าย ๆ กลางคืนก่อนเข้านอนมีกิจกรรมที่รีสอร์ต เช้าท่องเที่ยว แล้วก็กลับกรุงเทพฯ ค่ะ ถ้าว่างก็อย่าคิดค่าตัวแพงนักนะคะ”

“ก็มีนารทกับเอ๋แล้วนี่ครับ จะเอาพี่ไปทำไมอีก เปลืองงบประมาณเปล่า ๆ” แค่ได้ยินชื่อของประกายวรรณกับวุฒินารทปวุฒก็พอประเมินได้ว่ากิจกรรรมนี้มีค่อนข้างจะมีงบประมาณจำกัด และโครงการนี้คงเป็นโครงการประชาสัมพันธ์เล็ก ๆ เท่านั้น

“สาว ๆ รีเควสมาค่ะ ดาก็เลยต้องตามใจสักหน่อย” วรรณรดาตอบไปอย่างกำปั้นทุบดิน ปวุฒินิ่งตรึกตรองจนวรรณรดาต้องถามซ้ำ “ว่างหรือเปล่าคะ”

“ถ้าขับรถไปเองกลับเองก็พอได้ครับ...ไปถึงก็ทำกิจกรรมปลูกป่า กลางคืนทำกิจกรรมเสร็จ พี่ต้องขอตัวกลับก่อน เพราะวันอาทิตย์พี่มีงานอีเวนท์ตอนห้าโมงเช้าน่ะ....”

“สรุปว่าได้นะคะ”

คุยรายละเอียดกันแล้ว วรรณรดาก็วางสาย รายงานผลการประสานงานให้พี่ชายได้รับรู้


ระหว่างที่นั่งแท็กซี่ไปบ้านคุณยายแน่งน้อย เพียงออก็ได้รับโทรศัพท์จากพี่ชาย

“ออถึงไหนแล้ว”

“ใกล้แล้วค่ะ พี่วุฒิมีอะไรหรือคะ”

“เมื่อกี้พี่เห็นรูปที่พี่ขวัญโพสต์ในอินสตาแกรม คุณมาร์คเขามาใส่บาตรกับย่าเล็กที่หน้าบ้านพี่ขวัญน่ะ พี่สงสัยว่าเขาจะไปด้วย”

“ก็ดีซิคะ” เพียงออแสร้งไม่รู้ว่าพี่ชายนั้นกำลังมีปัญหาหัวใจ

“ดีบ้าอะไร ช่วยดูให้พี่ด้วยแล้วกัน กันท่าได้บ้างก็กันนะ”

“ถ้ามันไปต่อไม่ได้ก็จบเถอะพี่ อย่าไปฝืนเลย”

“แกไม่เคยมีความรัก แกไม่รู้หรอก...”

“ค่ะ จะกันให้สุดฤทธิ์สุดเดชเลย เดี๋ยวออเอาอย่างนี้บ้างดีกว่า ถ้าพี่หมิงเขาไปด้วย ออจะถ่ายรูปกับพี่ หมิงแล้วโพสต์ขึ้นเฟสบุ๊คของออบ้าง ดูซิจะเป็นข่าวหรือเปล่า”

“นักเขียนเรื่องท่องเที่ยวต๊อกต๋อย จ้างก็ได้เป็น”

“ดูถูกกันนะ งานออพิมพ์ซ้ำสองเล่มแล้วนะ”

“เหรอ...ดีใจด้วยเหลือเกิน...แค่นี้นะ ไม่ต้องซื้อขนมอะไรมาฝากหรอก ขี้เกียจกิน...”

“แล้ววันนี้จะไปรับออที่บ้านย่าเล็กอีกหรือเปล่า”

“ไม่ไป นั่งแท็กซี่กลับมาเอง จะดูบัญชีร้านสักหน่อย แล้วจะไปฟิตเนสด้วย....เอ หรือจะกลับมากินข้าวเย็นที่ร้านก็ได้นะ บอกย่าเล็กกับพี่ขวัญด้วยว่าพี่ชวน”

“พี่ก็โทรไปชวนเองซี่...”

พอเพียงออบอกอย่างนี้ ปวุฒิจึงนึกขึ้นมาได้...

วางสายจากเพียงออแล้วเขาก็โทรหาขวัญชีวีในทันที

“ขวัญ ออบอกกับพี่ว่าวันนี้ขวัญจะไปฉะเชิงเทราด้วย ขากลับแวะมากินข้าวเย็นที่ร้านพี่นะ พี่อยากเลี้ยงย่าเล็กบ้าง”

“วันนั้นก็เลี้ยงไปแล้วนี่คะ”

“แต่วันนั้นออกับนารทเขาเลี้ยง บอกย่าเล็กด้วยว่า วันนี้พี่ขอเป็นเจ้าภาพอีกสักมื้อ”

“ค่ะ ปรึกษากันอีกทีแล้วจะโทรบอกแล้วกัน”

“เที่ยวให้สนุกนะครับ...ไหว้พระเผื่อพี่ด้วย”

“ค่ะ จะซื้อดอกไม้สองกำแล้วกัน แบบนั้นใช่ไหมคะ”

“เอาเงินใส่ตู้บริจาคให้พี่ด้วย สักห้าร้อย”

“รับทราบค่ะ”

“พี่อรบอกว่า ขวัญได้งานพรีเซนเตอร์ครีมเวอซ่าดีโก้”

“ของคุณมาร์คเขาค่ะ คงได้เพราะคุณย่าเล็กมานอนที่บ้านแน่ ๆ” ขวัญชีวีเปิดเผยความสงสัยที่ยังคาใจเพื่อให้เขาคลายความกังวล...แม้ไม่รัก แต่ใช่ว่าเขาจะเป็นพี่ชายหรือเพื่อนไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้ปวุฒิยังไม่ยอมแพ้ ยอมถอยเท่านั้น

“ตอนไปถ่าย...ให้พี่ไปเป็นเพื่อนนะ พี่อยากไปเที่ยวมาเลเซียด้วย”

“ถ้าอยากเปลืองตังค์โดยใช่เหตุ ก็ยินดีค่ะ”

“ไม่มีปัญหา”

“เคลียร์งานได้แล้วเหรอ”

“วันไหน”

“ยังไม่มีกำหนดเลยค่ะ ยังไม่ได้เซ็นสัญญา แค่ติดต่อมา อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลยค่ะ”

“มันคงไม่พลาดหรอก...เส้นใหญ่ขนาดไม่ต้องมีการแคสติง”

“สงสัยเป็นเส้นของย่าเล็กจริง ๆ” น้ำเสียงของขวัญชีวีสดชื่นแจ่มใสจนเขารู้สึกได้

“เอ่อ..พี่ปุ้ม..แค่นี้ก่อนนะคะ ออมาถึงหน้าบ้านแล้ว เดี๋ยวคงต้องออกเดินทางกันแล้ว...”

“พี่คิดถึงขวัญนะครับ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

วางสายลงแล้วปวุฒิก็ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์หาณิชกานต์เพื่อลองถามดูว่าหญิงสาวจะทำอย่างไรกับภาพถ่ายใบนั้น



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2556, 21:40:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2556, 21:40:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1913





<< 8.   11. >>
loveleklek 24 ม.ค. 2556, 23:22:05 น.
รออยู่เชียว


nateetip 25 ม.ค. 2556, 02:16:22 น.
รอลุ้นคู่นี้อยู่เช่นกันค่ะ


Zephyr 25 ม.ค. 2556, 12:52:36 น.
มารเยอะเนาะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account