ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 11.

ตอนที่ 10

วันที่ไปอยุธยานั้นเพียงออเป็นคนทำโปรแกรมท่องเที่ยวและทำออกมาได้ดีจนลูกทัวร์กิตติมศักดิ์ทั้งสองท่านเอ่ยปากชม และเสียงชมนั้น วันนี้เพียงออจึงต้องมีหน้าที่คิดโปรแกรมเพื่อคุณย่าคุณยายขึ้นมาอีก เพียงแต่ว่าลูกทัวร์ในวันนี้เพิ่มอีกหนึ่งคน...
ด้วยเขาขายาว เพียงออจึงต้องไปนั่งเบาะหลังตรงกลางระหว่างย่าหลินซิ่วอินกับยายแน่งน้อยและให้หลินฮันหมิงนั่งหน้าคู่กับขวัญชีวีที่วันนี้แต่งตัวสบาย ๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ติดกระดุมตรงไหล่กับกางเกงรัดรูป

และเมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากบ้าน เพียงออก็เอ่ยปากชวนหลินฮันหมิงคุยทันที...

“พี่หมิงขับรถในเมืองไทยได้ไหมคะ”

“ไม่เคยลองสักที มาทีไรก็ใช้บริการรถแท็กซี่ รถลีมูซีน กับนั่งรถที่คันอื่นขับมาโดยตลอด แต่เมืองไทยขับรถยากนะ รถเยอะมาก แล้วทางก็วกวนปวดหัว”

“แล้วพี่หมิงไปไหนมาไหน ทำอย่างไรเวลาบอกทาง”

“พี่พูดไทยได้ ก็เลยไม่มีปัญหากับแท็กซี่ หน้าตาก็ไม่ใช่ฝรั่งเพราะฉะนั้นพี่เลยไม่โดนกดราคา รถคันไหนบอกไม่รู้ทาง พี่ก็ไม่ขึ้น...เพื่อนพี่แนะนำมาอย่างนั้น”

“แล้วประเทศไทยนี่เคยไปเที่ยวไหนมาบ้างแล้วคะ”

“นอกกรุงเทพฯ ยังไม่เคยไปเลยสักที นี่ถ้าไม่ได้ย่าเล็กชวนพี่ก็ไม่รู้จะไปไหน วิศรุตเขาก็งานยุ่งไม่มีเวลาพาเที่ยวแล้วอีกอย่าง หนุ่ม ๆ ไม่รู้จะไปไหนกันด้วย แล้วก็เมืองไทยร้อนมาก”

“ทำอย่างกับมาเลเซียไม่ร้อน”

“ฝนตกบ่อย ๆ ไม่ร้อนแบบนี้”

“นี่ยังถือว่าใกล้หน้าหนาวแล้วนะคะ ถ้ามาเดือนเมษายนนี่ ร้อนตับแลบ”

“ตับแลบ”

“ร้อนมากๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ด้วยต้องขับรถย้อนตะวันยามสาย ขวัญชีวีจึงต้องสวมแว่นกันแดด ทำให้หญิงสาวสามารถเหลือบมองเขาที่เอียงตัวมาคุยกับเพียงออได้อย่างไม่ต้องต้องคอยระวังตัว และเขาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ นี้ก็มีกลิ่นกายที่หอมกรุ่น ใบหน้าได้รูปจมูกโด่งเป็นสันที่โดดเด่นคือดวงตากลมโตแบบตาฝรั่งที่เหลือบมามองตนเช่นกัน

“ออจ๊ะ โปรแกรมแรกไปไหนก่อน” ขวัญชีวีขัดขึ้นมา

“ก็ไปตลาดคลองสวนร้อยปีค่ะ วิ่งเส้นทางด่วนมอเตอร์เวย์เลยค่ะ แล้วออกไปทางลาดกระบัง...” อันที่จริงรถของขวัญชีวีมีจีพีเอสนำทาง แต่หญิงสาวต้องการความสนใจ และมันก็ได้ผล เพียงออหันมาคุยเรื่องเส้นทางกับเธอ หลังจากนั้นคุณย่าหลินซิ่วอินก็ซักถามว่า ตลาดคลองสวนร้อยปีมีอะไรน่าสนใจ เพียงออจึงใช้เวลานั้นอธิบายให้คนชราสองคนได้รับรู้ ส่วนหนุ่มหน้าหยกที่นั่งข้าง ๆ เธอ พอมีจังหวะเขาเอ่ยปากคุยกับขวัญชีวีบ้าง แต่เป็นการคุยกันเบา ๆ “ขับรถเองตลอดเลยเหรอครับ”

“ค่ะ”

“ทำไมไม่หาคนขับรถ ผมเคยได้ยินมาว่าดาราดัง ๆ มักมีคนขับรถให้ เวลาเดินทางจะได้พักผ่อนหรือเตรียมตัวทำงาน”

“ไม่อยากให้เขามานั่งรอเวลาเราทำงาน ไปไหนมาไหนคนเดียวคล่องตัวดีค่ะ”

“แล้วคนที่บ้านเวลาไปไหนมาไหนทำอย่างไรกัน”

“คุณยายขับรถได้ค่ะ แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากให้ขับแล้ว เพราะการจราจรเมืองไทยก็อย่างเห็น ๆ ขับยากขึ้น ขับแล้วเหนื่อย ก็ให้ใช้แท็กซี่ค่ะ โทรให้เข้ามารับที่หน้าบ้านได้...” อันที่จริงก่อนที่คุณตาจะถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งถุงลม คุณตาเป็นคนชอบขับรถ แต่ว่าคุณตาก็ไม่หวงไม่ห่วง เมีย ลูก และหลานหากว่าจะต้องขับรถไปบนท้องถนน คุณตาถือว่าการขับรถนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการดำรงชีวิต และนิสัยขับรถเร็วนี้ขวัญชีวีก็ติดมาจากคุณตาเช่นกัน

“คงเหมือนย่าเล็กของผม”

“ค่ะ”

และช่วงที่คนทั้งคู่คุยกัน โทรศัพท์มือถือของเพียงออก็มีสัญญาณข้อความเข้ามา...หญิงสาวรีบเปิดกระเป๋าสะพายดึงโทรศัพท์ออกมาดู...พบว่าเป็นข้อความจากพี่ชาย ที่เขียนมาบอกว่า ‘ความลับนะ ห้ามแพร่งพรายไปล่ะ คุณนิดเขาจะตามไปด้วย แล้วจะทำทีว่าบังเอิญเจอกัน ช่วยข้อความไปบอกเขาด้วยว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนแล้ว เบอร์....’

เพียงออจึงจำต้องคุยพลางพิมพ์ส่งสารไปให้ณิชกานต์ โดยหญิงสาวก็อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าตามมาทันกันแล้ว จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง...


ถ้าขวัญชีวีไม่โพสต์รูปว่าผู้ชายที่เป็นข่าวกับเธออยู่ในขณะนี้ไปใส่บาตรอยู่กับยายของตนเองที่หน้าบ้าน ณิชกานต์ก็จะไม่เป็นเดือดเป็นแค้น อยากแกล้ง อยากเอาชนะ ถ้าหากความจริงคือทั้งคู่จะมีใจให้กันอย่างที่ปวุฒิเป็นกังวล...และวันนี้ณิชกานต์ก็ว่างพอจะเล่นบทนางร้ายที่ตัวเองปฏิเสธจะเล่นตลอดมา...

พอเพียงออข้อความมาบอก ริมฝีปากได้รูปของณิชกานต์ก็เบะออก...เพราะเธอตามไปทันอย่างแน่นอน ด้วยบ้านของเธอนั้นอยู่บนถนนสุขาภิบาล 3 วิ่งเข้าถนนร่มเกล้ามาถนนลาดกระบัง-อ่อนนุช และถ้าจะให้ดีงานนี้เธอควรจะมีใครสักคนไปด้วย ณิชกานต์โทรหาบุษยาที่มีบ้านอยู่ตรงถนนร่มเกล้าและบุษยาสาวใหญ่ก็พร้อมที่จะออกไปหาเรื่องสนุก ๆ ทำแก้เซ็ง

ตลาดคลองสวน 100 ปี ตั้งอยู่ริมคลองประเวศน์บุรีรมย์ในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ตลาดคลองสวนเป็นตลาดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 หากย้อนกลับไปในอดีต การเดินทางโดยเรือจะสะดวกและรวดเร็วที่สุด ถ้าเดินทางจากฉะเชิงเทราเข้ากรุงเทพ ฯ จะต้องใช้เรือเมล์ขาวของนายเลิศซึ่งมีเพียงลำเดียว รับคนจากประตูน้ำท่าถั่ว จังหวัดฉะเชิงเทรา ผ่านตลาดคลองสวน ก่อนจะแล่นเข้าสู่ประตูน้ำ วังสระปทุม กรุงเทพมหานคร

เมื่ออดีตตลาดคลองสวนเป็นจุดแวะพักและเป็นศูนย์รวมของชุมชน จุดแลกเปลี่ยนสินค้าและเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญและสะดวกที่สุด ปัจจุบันตลาดคลองสวน 100 ปี โดยความดูแลของสำนักงานเทศบาลตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และสำนักงานเทศบาลตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ได้สนับสนุนให้ชุมชนร่วมกันอนุรักษ์บ้านเรือน รวมทั้งการดำเนินชีวิตให้คงไว้ซึ่งวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย และส่งเสริมให้ตลาดคลองสวน เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านวัฒนธรรม นักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาเรียนรู้ดูวิถีชีวิต รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างที่ยังมีกลิ่นอายในรัชสมัยรัชกาลที่ 5

“นั่งกินข้าวหน้าเป็ดกันอยู่ค่ะ เข้ามาอยู่ซ้ายมือ” อ่านข้อความที่เพียงออส่งมาให้แล้ว ณิชกานต์ก็ปลดล็อคเข็มขัด เปิดประตูรถรุ่นรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เพิ่งถอยออกมาจากโชว์รูม วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดเดรสสั้นสีชมพูอ่อนแขนยาวคอวีลึกจนเห็นร่องอกที่นับว่าอวบอิ่มชวนมองลงจากรถมาแล้วณิชกานต์ก็มองกราดไปทั่ว แล้วก็ไปสะดุดตากับรถเบนซ์ของขวัญชีวี

“รถของขวัญนี่” บุษยามองตามสายตาไปและเอ่ยบอกเบา ๆ

“เข้าไปข้างในเถอะค่ะ” บอกบุษยาแล้วณิชกานต์ก็เดินไปยังตลาดโบราณเบื้องหน้าท่ามกลางการชี้ชวนของคนที่อยู่บริเวณนั้น และพอเดินเข้าไปแล้ว ณิชกานต์ก็ต้องโปรยยิ้มเมื่อแม่ค้าที่ยืนขายของอยู่ก่อนยิ้มให้บ้างก็ร้องทักด้วยสายตาชื่นชม

“ณิชกานต์มา ณิชกานต์มา...” เป็นเสียงที่บอกต่อ ๆ กันไปที่ทำให้ณิชกานต์รู้สึกว่า ‘เรตติ้ง’ ของตัวเองยังดีอยู่...กระทั่งเสียงนั้นแว่วไปถึงหูของขวัญชีวีที่นั่งอยู่ไม่ไกลนัก หญิงสาวเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวเป็ดตรงหน้าแล้วมองไปยังทางเข้า แล้วขวัญชีวีก็อุทานเบา ๆ “มาได้อย่างไรละเนี่ย”

“ใครเหรอ...” หลินซิ่วอินหันไปทางเข้าที่เริ่มมีผู้คนแตกตื่นมีเสียงฮือฮาเหมือนตอนที่ขวัญชีวีปรากฏตัว

และอึดใจใหญ่ ๆ ณิชกานต์กับบุษยาที่อยู่ในมาดนักท่องเที่ยวก็เดินมาถึงจุดที่ขวัญชีวีและคณะนั่งอยู่

“ขวัญ ...อ้าว..สวัสดีค่ะคุณยาย คุณมาร์ค...สวัสดีค่ะคุณย่าคุณมาร์คใช่ไหมคะ” ณิชกานต์กระดี๊กระด๊าทำอย่างกับว่าความบังเอิญครั้งนี้เป็นเรื่องอัศจรรย์พันลึก...บุษยาเองก็ยกมือไหว้กราดไปทั่วด้วยเช่นกัน

“สวัสดีจ้ะ” เมื่อเพื่อนในวงการของหลานสาวยกมือไหว้นอบน้อม แน่งน้อยจึงรีบรับไหว้ด้วยความยินดี

เมื่อแน่งน้อยทำอย่างนั้น หลินซิ่วอินจึงทำบ้าง...

“ไม่คิดว่าจะได้มาเจอที่นี่นะคะ พอดีนิดกับพี่บุษว่างก็เลยขับรถมาพักผ่อน...จะไปไหนกันหรือคะ”

“ว่าจะไปไหว้พระไปวัดหลวงพ่อโสธรกัน” แน่งน้อยเป็นคนตอบ เพราะว่าหลานสาวนั้นดูท่าว่ามีความสุขกับอาหารตรงหน้าเสียแล้ว และเมื่อกลืนอาหารลงคอไปแล้วขวัญชีวีก็เปิดปากทักณิชกานต์อย่างเสียไม่ได้ “มากันแค่สองคนเหรอนิด”

“สองคน”

ตอนนั้นณิชกานต์ยังคงยืนอยู่กับบุษยา หลินฮันหมิงจึงต้องยืนขึ้นแล้วพูดอย่างคนมีมารยาทว่า

“นั่งก่อนดีกว่าไหมครับ”

เมื่อเห็นมีที่ว่างนั่งณิชกานต์จึงนั่งลง

“ก็ได้ค่ะ...นั่งค่ะพี่บุษ กินก๋วยเตี๋ยวด้วยเลยไหม”

“พี่ยังไม่หิว...เดี๋ยวพี่ดูอะไรหน่อยแล้วกัน” ปากบอกไป แต่พอหลินฮันหมิงนั่งลงข้าง ๆ ณิชกานต์ บุษยาที่แสร้งถ่ายรูปบรรยากาศร้านค้าของตลาดเก่าแก่ก็หามุมกล้องเพื่อที่เอาภาพสำคัญไว้ไปเกทับกันในโลกไซเบอร์ตามแผนที่ได้เตี๊ยมกันมา

“มากันกี่คนค่ะเนี่ย” นั่งลงแล้วณิชกานต์ก็หาเรื่องชวนคุย

“ห้าคนจ้ะ”

“แล้วอีกคน ไปไหนคะ”

ตอนนั้นเพียงออลุกไปห้องน้ำ ที่โต๊ะนั้นจึงเหลือเพียงแค่สี่คน และเก้าอี้ที่มีหกตัวจึงว่างสองตัว

“เพียงออก็มาด้วย ไปเข้าห้องน้ำน่ะ”

“เพียงออ น้องพี่ปุ้มใช่ไหมคะ”

“ใช่...รู้จักกันไหม”

“เคยเห็นกันบ้างค่ะ เคยไปกินข้าวที่ร้านพี่ปุ้มแล้วเจอน้องเขาช่วยงานอยู่ค่ะ”
ณิชกานต์คุยกับแน่งน้อยที่เหมือนจะอิ่มแล้ว ส่วนหลินฮันหมิงนั้นค่อย ๆ โยงเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากเหมือนกับที่ย่าเล็กและขวัญชีวีทำอยู่

“คุณยายอิ่มแล้วเหรอคะ”

“อิ่มแล้วจ้ะ กินอะไรไม่ได้มากหรอก แค่นึกอยากชิมเท่านั้น หนูนิดจะกินไหม จะได้สั่ง”

“ไม่ดีกว่าค่ะ ยังอิ่มอยู่เลย”

“ขวัญขอตัวก่อนนะคะ ขอกลับไปดูสมุนไพรหน่อย” ขวัญชีวีเอ่ยขึ้นมาหลังวางตะเกียบไว้บนปากชาม

“สมุนไพรอะไรหรือครับ” หลินฮันหมิงแสดงความใส่ใจกับเรื่องของหญิงสาว
“ของโรงพยาบาลอภัยภูเบศรค่ะ” ก่อนที่จะนั่งลงกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดทั้งคณะได้เดินสำรวจตลาดไปจนสุดทางแล้ว แต่ด้วยเห็นว่าก๋วยเตี๋ยวเป็ดตรงนี้น่ากินที่สุดจึงได้กลับมาอุดหนุน...

“จะเอาอะไรเหรอ” แน่งน้อยเอ่ยถามหลานสาวที่มีสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกอารมณ์ใด ๆ

“ไปดูก่อนค่ะ เมื่อกี้ตอนขากลับ ว่าจะแวะดู แต่ดันเดินเพลิน อาจจะเป็นแชมพูสระผมกับครีมนวด”

“น่าสนใจนะ ย่าก็ชอบสมุนไพร” หลินซิ่วอินทำท่าว่าอยากจะไปกับขวัญชีวี

“เดี๋ยวผมไปกับคุณขวัญก็ได้ครับ ย่าเล็กจะอยากได้อะไรล่ะ”

“มีอะไรที่น่าสนใจก็ซื้อมาเลย”

ขวัญชีวีลุกขึ้นโดยมีหลินฮันหมิงลุกขึ้นตาม ตอนนั้นเพียงออเดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี พอเห็นว่าทั้งคู่กำลังจะออกจากโต๊ะไปไหนสักที่เพียงออก็ร้องถาม “จะไปไหนกันเหรอ”

“ไปดูของหน่อย ออรออยู่ที่นี่แหละ”

“ค่ะ”

เพียงออเดินมาถึงโต๊ะก็พบกับณิชกานต์ หญิงสาวยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะพี่นิด...”

“สวัสดีจ๊ะน้องออ...นี่ถ้าพี่ทายไม่ผิด พี่ปุ้มคงให้ออมาคอยดูแลแฟนของพี่เขาใช่ไหม”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ” เพียงออทรุดตัวลงนั่งแทนที่ขวัญชีวีต้องเล่นบทปากแข็งทั้งที่ในใจนั้นรู้สึกผิดที่คิดช่วยพี่ชายนำพาความยุ่งยากมาสู่ใจของชายหญิงที่เดินไปด้วยกัน แต่ว่าไปแล้วพี่ชายของเธอก็น่าสงสารอยู่ไม่น้อยเพราะว่าใจของเขานั้นมีขวัญชีวีเพียงคนเดียวตลอดมา

“พี่ล้อเล่นนะ...อย่าถือโทษพี่นะ”

“ไม่หรอกค่ะ”

“เอ๊ะ นี่พี่บุษหายไปไหนแล้ว...คุณยาย คุณย่าคะ นิดขอตัวไปดูพี่บุษหน่อยนะคะ”

“ตามสบายเลย”

“เอ่อ ว่าไปนิดก็อยากไปไหว้พระเหมือนกัน ถ้าไม่รังเกียจไหน ๆ เราก็มาเจอกันแล้ว ทริปวันนี้นิดขอร่วมขบวนด้วยนะคะ...เที่ยวกันหลาย ๆ คนสนุกดี ”


“คุณขวัญครับ” แม้จะพอใจที่เขากล้าหักหน้าณิชกานต์ที่ตามมาถึงที่นี่โดยการขอตัวลุกตามเธอออกมา แต่ว่าขวัญชีวีก็ยังคงสวมบทสวย เริ่ด เชิด หยิ่ง ตามประสาคนที่ไม่เคยตกหลุมรักใครอย่างจริง ๆ จัง ๆ แต่ว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้ ทำให้ขวัญชีวีเริ่มรู้สึกว่าเขาแคร์ความรู้สึกของเธอ หญิงสาวจึงได้ลดความเร็วของการย่างก้าว เพราะนอกจากเสียงเรียกของเขาจะกลายเป็นจุดเด่นให้คนอื่นมองแล้ว ที่ใบหน้าของเธอก็จะต้องมีรอยยิ้มพรายให้กับคนสองข้างทางที่มองและยิ้มให้อยู่ด้วย

“มีอะไรหรือคะ”

“เดินรอผมหน่อยซี่”

“ทำไมไม่อยู่คุยกับเพื่อนคุณ” ใจจริงขวัญชีวีอยากจะประชดใช้คำว่า “แฟนคุณ” แต่ก็ดูจะเป็นการผลักใสเขาไปหาณิชกานต์ซึ่งตอนนี้ขวัญชีวีแทงว่าเป็นศัตรูหัวใจไปแล้ว

“เขาไม่ใช่เพื่อนคุณขวัญเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากนัก”

“เหมือนคุณไม่อยากจะสนิทกับใคร”

“กับดาไงค่ะ คุณก็เห็นว่าเราสนิทกันแค่ไหน”

“แต่กับคุณนิด คืนนั้นเหมือนกับคุณขวัญไม่ค่อยอยากจะคุยด้วย”

“เราสวยเหมือนกันไงค่ะ สุภาษิตไทยมีอยู่ว่า เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”

“ทำไมอยู่ด้วยกันไม่ได้”

“ก็...มันต้องมีตัวหนึ่งที่แน่กว่า ดีกว่า เป็นเรื่องปกติ..” ขวัญชีวียักไหล่พลางเดินคู่ไปกับเขาผู้ชายที่มีส่วนสูงมากกว่าเธอเป็นคืบ

“คุณขวัญเป็นคนเดินเร็วมาก” หลินฮันหมิงเปลี่ยนเรื่องคุย

“ก็ ทำงานแข่งกับเวลาอยู่ตลอด มัวทอดน่องก็ไม่ทันกิน”

“อะไรคือทอดน่อง”

“เดินช้า ๆ เขาเรียกว่าทอดน่อง” ขวัญชีวีหันมาทำตาวาว ๆ กับคำถามที่ดูจะเหมือนซื่อๆ ของเขา

“ผมคงต้องฝึกฝนภาษาไทยอีกเยอะเลย”

“เท่าที่พูดได้นี่ก็มีแฟนเป็นคนไทยได้แล้วค่ะ”

“จริงเหรอครับ”

“จริงค่ะ”

“แล้วทำอย่างไรถึงจะได้แฟนเป็นคนไทย”

“แล้วคุณมาร์คทำอย่างไรเขาถึงได้วิ่งตามมาถึงที่นี่ละคะ”

“ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ”

“ฉันนึกว่าคุณข้อความหรือโทรบอกเขาว่าคุณมาเที่ยวที่นี่ เขาก็เลยตามมา”

“ผมเปล่านะครับ ผมไม่ได้ทำอย่างนั้นแน่ ๆ และผมก็ไม่ได้มีอะไรกับเขา”

“ก็เห็นเคยกินอาหารญี่ปุ่นด้วยกัน”

“เอ่อ วันนั้นมันเป็นเรื่องบังเอิญนะครับ”

“แล้ววันที่ในผับนั่นอีก เขาดูเหมือนจะเป็นเจ้าเข้าเจ้าของคุณ จนฉันไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ กับคุณ บอกตรง ๆ ค่ะว่า กลัว”

“กลัวอะไรเหรอ”

“ฉันไม่อยากยุ่งกับแฟนคนอื่นค่ะ ไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น ฉันขี้เกียจตอบคำถามนักข่าว”

“เขาไม่ใช่แฟนผมนะครับ ผมยังไม่มีแฟน ผมยังโสด”

“เหรอคะ”

“คุณขวัญซะอีก มีแฟนแล้ว...”

“ค่ะ มีแฟนแล้ว” ขวัญชีวียอมรับไปตรง ๆ เพราะอยากจะดูว่า แม้รู้ว่าเธอมีปวุฒิอยู่แล้ว เขาจะเดินหน้าจีบเธออย่างไรอีก แต่ขวัญชีวีก็เชื่อว่า คนที่เข้ามาอย่างมีแผน หรือได้รับการเทรนด์มาเป็นอย่างดีจากวิศรุตน่าจะไม่ยอมถอยทัพไปง่าย ๆ...
และพอบอกเขาไปตรง ๆ แล้วขวัญชีวีก็รู้สึกว่า หน้าของเขาเหมือนเพิ่งกลืนยาขม

“เป็นอะไรคะ”

“รู้สึกเจ็บตรงนี้ครับ” ว่าแล้วเขาก็ตบเบา ๆ ไปตรงหน้าอกข้างซ้าย...

“บอกตรง ๆ นะคะ ถ้าคุณไม่ใช่ หลานคุณย่าซิ่วอิน คุณไม่มีวันได้เดินคู่กับฉันแบบนี้หรอกค่ะ”

“ผมรู้ตัวดีครับ”

“ถึงแล้วค่ะ” ขวัญชีวีชะงักเท้าเมื่อถึงร้านแผงลอยที่ขายยาและเครื่องสำอางจากโรงพยาบาลอภัยภู เบศร เขาจึงหยุดตามก่อนจะหันไปหาแผงขายเครื่องสำอางตรงหน้า แล้วก็เห็นหญิงสาวหยิบหลอดครีมขึ้นมาดู

“คุณขวัญใช้ของแบบนี้หรือครับ”

“ใช้ค่ะ ของดีราคาถูก ป้าสนามก็ใช้ มะโฉ่ก็ใช้ คุณยายก็ใช้ ซื้อไปทิ้ง ๆ ไว้ใครอยากได้อะไรก็หยิบกันไป ไทยช่วยไทยค่ะ...ปกติฉันเจอของยี่ห้อนี้ตรงไหนก็ซื้อตรงนั้น...”

“ครับ”

“รู้ความจริงแบบนี้แล้วคงยังอยากได้ฉันเป็นพรีเซนเตอร์เวอซ่าดีโก้อยู่นะคะ”

“ผมต้องบอกว่า อย่างไรก็ขอพื้นที่หัวใจไว้ให้เวอซ่าดีโก้บ้างนะครับ”




“นิดตามมาทันแล้วค่ะ แล้วก็เห็นภาพบาดตาตำใจอย่างเต็ม ๆ ตาเลย ตอนนี้เขายืนคุยกันพลางเลือกซื้อของ หวานมาก ต้องการหลักฐานไหมคะ จะได้ส่งรูปไปให้ดู...” ณิชกานต์ที่เดินตามมามีโทรศัพท์แนบหูพลางมองขวัญชีวีกับมาร์คที่ช่วยกันเลือกสินค้าอยู่ตรงแผงลอย...

เจตนาที่ณิชกานต์บอกกับปวุฒิแบบนั้นเพราะหญิงสาวอยากให้ปวุฒินั้นตัดใจจากขวัญชีวีเสีย คนอย่างขวัญชีวีไม่ควรได้ความรักจากใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นปวุฒิและมาร์ค...

“เงียบไปเลย”

“แล้วนิดจะทำอย่างไรต่อไป”

“นิดเสนอตัวขอเขาไปไหว้หลวงพ่อโสธรด้วยแล้วค่ะ คุณยายอนุญาตแล้วด้วย ก็คงเล่นละครไปตามน้ำละคะ เขียนบทไป ถ่ายทำไป ออกอากาศไป ปรับบทตามเรตติ้งไป”

“เย็นนี้พี่ชวนขวัญ กับคณะมากินข้าวที่ร้านนะ”

“นิดคงไม่ไปหรอกค่ะ คงจะตามไปลุยแค่ไหว้พระ แล้วนิดก็คงกลับ เพราะดูแล้ว คุณมาร์คเขาเทหัวใจให้ขวัญไปซะแล้ว นิดไม่ชอบแย่งชิงอะไรกับใคร สนุก ๆ พอให้มีกระแสบ้าง เจตนานิดมีแค่นั้น” จริง ๆ ณิชกานต์อยากเอาชนะให้ถึงที่สุด แต่หญิงสาวก็ต้องพูดเพื่อให้คนปลายสายรู้สึกดี ๆ กับตัวเองบ้าง

“แล้วนิดไม่ชอบคุณมาร์คเหรอ”

“ชอบค่ะ แต่ถ้าเทียบกับพี่ปุ้ม ชอบพี่ปุ้มมากกว่านะ อย่างน้อยก็คนไทยด้วยกัน”

“จีบกันซึ่ง ๆ หน้าเลยนะ”

“แหม นิดด้อยกว่าขวัญตรงไหนคะ ค่าตัวนิดถูกกว่าขวัญแค่ไม่กี่สตางค์นะคะ เล่นละครนับเรื่องกันแล้วก็มากกว่าด้วยซ้ำ”
“นั่นซินะ นิดน่ารักจะตาย ฉลาดหลักแหลม ทำไมพี่ถึงไม่รักนิดก็ไม่รู้...”

“เปลี่ยนใจยังทันนะคะ...ถ้าพี่ปุ้มจะตกลงคบหากับนิด นิดจะได้ขอตัวกลับกรุงเทพฯ ซะตอนนี้เลย”

“น่า ไหน ๆ ก็ลุยไปถึงนั่นแล้ว ลุยไปให้ถึงที่สุดหน่อยแล้วกันนะ...”

“ค่า...งั้นนิดขอตัวก่อนนะคะ....น่าจะได้เวลาของนางร้ายแล้วค่ะ...”

วางสายจากปวุฒิแล้ว ณิชกานต์หันไปขยิบตาให้บุษยาที่แสร้งทำเป็นดูนั่นดูนี่เพื่อเตรียมตัวถ่ายรูปให้

ณิชกานต์เดินไปหาขวัญชีวีและหลินฮันหมิงที่ยืนอยู่ด้วยกัน

“ดูอะไรกันเหรอ” ว่าแล้วณิชกานต์ก็แทรกเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งคู่..โดยไม่ได้เห็นสีหน้าอิจหนาระอาใจของขวัญชีวี และถึงเห็น ณิชกานต์ก็ไม่สน เพราะเธอมีรู้ดีว่าทำแบบนี้แล้วผลจะเป็นอย่างไร ขวัญชีวีไม่ใช่คนพร้อมสู้รบปรบมือกับใคร หญิงสาววางตัวเริ่ดเชิดหยิ่งกับเพื่อนในวงการด้วยกันมาแต่ไหนแต่ไร และณิชกานต์ก็เดาไม่ผิด

“ได้ของครบพอดีเลย...นิดมาก็ดีแล้ว ช่วยดูแลคุณมาร์คต่อเลยแล้วกันนะ ขวัญจะเดินไปดูอะไรตรงโน้นหน่อย”

ว่าแล้วขวัญชีวีก็ยื่นแบงก์พันให้พ่อค้า รับถุงสินค้ามาแล้วก็เลี่ยงเดินเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจรอรับเงินทอนจำนวนยี่สิบสองบาทเสียด้วย หลินฮันหมิงจะขยับตามไปแต่ว่าณิชกานต์ก็ขวางไว้

“คุณมาร์คอยากได้อะไรหรือคะ”

ช่วงนั้นบุษยาก็แอบกระหน่ำถ่ายรูปเก็บไว้ในเมมโมรี่ตามแผนที่ได้วางไว้

“ผมไม่อยากได้อะไรหรอกครับ ยืนดูเฉย ๆ ที่โน่นก็มีของมาจากอินเดียเยอะแยะ”

“แต่เมื่อกี้นิดได้ยินคุณย่าของคุณมาร์คท่านบอกว่าเอาอะไรไปก็ได้ เอาอย่างนี้แล้วกันค่ะ ลองดูสบู่กับแชมพูและครีมนวดไปแล้วกัน ไหน ๆ ก็มาเมืองไทยแล้ว ลองซื้อไปใช้ เปรียบเทียบกัน อุดหนุนพี่เขาด้วย...มานิดเลือกให้นะคะ”

“ครับ”

“กลิ่นนี้หอมไหม” นิชกานต์ส่งสบู่มังคุดที่ตัวเองดมแล้วไปให้หลินฮันหมิงดมบ้าง นอกจากนั้นหญิงสาวยังขยับตัวไปชิดชายหนุ่ม และหลินฮันหมิงเองก็พยายามขยับหนีแต่ว่าก็หนีไปจนชิดผนัง...

“หอมครับ”

“งั้นเอามังคุดไปลองนะคะ อุ้ยนี่อะไรเนี่ย เจลล้างหน้าแตงกวา มะขามก็มี...เอานี่ไปด้วยดีกว่าเผื่อคุณย่าชอบ”

เลือกของพลางสอบถามถึงคุณสมบัติต่าง ๆ ของเครื่องสำอางสมุนไพรแล้วณิชกานต์ยื่นให้พ่อค้าใส่ถุง

“เป็นเงินเก้าร้อยแปดสิบบาทครับ ผมแถมสบู่ให้อีกหนึ่งก้อน ขอเป็นหนึ่งพันบาทพอดี”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” ณิชกานต์เปิดกระเป๋ายื่นแบงก์พันไปให้พ่อค้าพร้อมรอยยิ้มหวาน...

“เอาของผมดีกว่าครับ” หลินฮันหมิงล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกางเกง แต่ว่าณิชกานต์ตีมือเขาและพูดอย่างมีจริตว่า

“ถือว่าเป็นของฝากของนิดให้คุณย่าเล็กแล้วกันนะคะ ถ้ามาร์คออกเงิน นิดโกรธจริง ๆ ด้วย”




 (ปกติจะมาวันจันทร์ พฤหัสบดี แต่พอดี วันจันทร์หน้าจะอยู่ที่ ลาว ก็เลยมาเร็วกว่าปกติครับ ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ)...



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2556, 09:24:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2556, 09:24:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1810





<< 9.   11. >>
nateetip 25 ม.ค. 2556, 09:51:11 น.
แล้วจะมีแถมให้อีกสักตอนสองตอนก่อนไปลาวมั้ยคะ..^.^


Zephyr 25 ม.ค. 2556, 15:06:44 น.
นิดตี่ออกแนวร้ายขำนะคะ เริ่มนึกหน้าเนยมาแพลมๆ 555


ree 26 ม.ค. 2556, 01:44:40 น.
ทำอย่างงี้แล้วเค้าจะชอบขึ้นมาเร้อ


evelover 26 ม.ค. 2556, 10:37:53 น.
กลับจากลาวแล้วค่อยมาแถมสองตอนก็ได้ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account