คือสัญญา
เมื่อน้องสาวไม่พอใจเพื่อนของพี่ชายที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา เธอจึงคอยแกล้งเขาต่าง ๆ นา ๆ จนวันหนึ่งเขาได้ถามว่าเธอไม่ชอบอะไรเขานักหนา หากจะเป็นเพื่อนกับเธอต้องทำอย่างไร เธอจึงบอกเงื่อนไขที่เหมือนทำให้เขาต้องเปลี่ยนชีวิตของตัวเองทั้งชีวิตใหม่ ซึ่งได้พลั้งปากออกไปอย่างไม่ทันได้คิดว่า ถ้าเขาทำได้ต่อให้เป็นแฟนก็ยังไหว

เขาจึงถือว่าถ้าเขาทำทุกอย่างครบเงื่อนไขทั้งหมดแล้ว เธอต้องยอมรับเขาเป็นแฟนด้วย นั่นคือสัญญาระหว่างเขาและเธอ

เขาจะเอาชนะใจเธอได้รึเปล่า ติดตามได้เลยค่า...
Tags: คือสัญญา

ตอน: ตอนที่2

ตอนที่ 2

“แบล่…!!”

ปริมหันมาแลบลิ้นปริ้นตาใส่
“ใครจะหยุดให้โง่ล่ะ”

วิ่งไปพลางคว้าลูกผลไม้อะไรได้ ทั้งขว้างทั้งปาใส่คนวิ่งตามมาเป็นพัลวัน นึกสงสัยขึ้นมาในใจว่าคนวิ่งตามกับคนวิ่งหนีใครจะเหน็ดเหนื่อยกว่ากันนะ!

ปฏิการวิ่งไป หลบไป แต่ก็ยังไม่วายโดนลูกอะไรต่อมิอะไรถ้าหลบไม่ทัน
“ยัยลิงทะโมนเอ๊ย…!! อย่าให้จับได้นะ!! น่าดูแน่!!” เขาตะโกนใส่อย่างหัวเสีย ก่อนกระโดดข้ามคูน้ำเล็ก ๆ วิ่งกรวดตามไปติด ๆ

แม้ว่าปริมจะเป็นเด็กซุกซนคล่องแคล่ว ชินกับหนทางในสวนผลไม้ของตัวเองเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกเหนื่อย หายใจเอาอากาศเข้าปอดถี่ขึ้น ๆ วิ่งไปพลางหันไปดูคนวิ่งตามมาเป็นระยะ ๆ เห็นเขาวิ่งตามใกล้เข้ามาทุกที ใจยิ่งเสียขวัญเข้าไปอีก

“ไอ้บ้าเอ๊ย!! จะตามไปถึงไหนวะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ไม่เลิกลาเสียที ไม่เหนื่อยหรือไงนะ” ปริมบ่นอยู่ในใจ หันกลับไปมองคนวิ่งกรวดตามมาอีกครั้ง จังหวะนั้นเองเธอสะดุดรากของต้นไม้เสียหลักล้มลงกระแทกพื้นดินอย่างแรง เจ็บก็เจ็บ แต่กัดฟันรีบลุกขึ้นอย่างว่องไว แข็งใจวิ่งต่อไป

ร่างสันทัดของชายหนุ่มเร่งฝีเท้าตามมาติด ๆ เขาไม่ใช่คนสูงจนแขนขายาวเก้งก้าง ประกอบกับเป็นนักวิ่งมาก่อน จึงคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้เธอเช่นกัน ที่สำคัญเขามีความอึด มีความอดทนและความพยายามสูง ในที่สุดเขาก็ไล่ตามเธอทันจนได้ มืออันแข็งแรงคว้าร่างเล็ก ๆ ไว้ในอ้อมแขน ปริมพยายามขัดขืน แต่ยิ่งดื้อดึงก็ยิ่งถูกแขนของเขากอดรัดเอาไว้แน่นขึ้น

“ให้ฉันตีซะดี ๆ ยับตัวแสบ!!” พูดพลางหายใจหอบอย่างเหน็ดเหนื่อย

“ปล่อยฉัน…ปล่อย…!! พี่ปรามดีกับนายแค่ไหน นายถึงได้รังแกน้องสาวของเขาได้ลงคอ”
“แล้วเธอแกล้งฉันมากี่ครั้ง ฉันยังไม่เคยเอาผิดกับเธอเลย ต่อไปจะแกล้งฉันอีกมั้ย!” เขาคว้าไม้ฟาดเธอไปหลายที

“โอ๊ย! ไม่แล้ว…ไม่แกล้งแล้ว ปล่อย…ย! ฉัน…เจ็บนะ!!” เธอกระโดดเหยง ๆ หลบไม้เรียวของเขาเป็นพัลวัล

“สัญญา!”

“ฉันสัญญา”

เมื่อเขาคลายวงแขน ปริมรีบผละออกมาทันที

“อย่าเพิ่งไป!” เขาคว้าข้อมือเธอไว้

“มีอะไรอีก! ยังไม่พอใจอีกหรือไง” เธอจ้องเขาอย่างเคืองแค้น เจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ เกิดมายังไม่เคยโดนใครกล้าเอาไม้ตีเธออย่างนี้เลย ขนาดพี่ชายแท้ ๆ ยังไม่เคยเอาไม้ตีเธอแบบนี้เลย

“ตลอดมา…ฉันทำอะไรให้เธอ เธอถึงได้เกลียดขี้หน้าฉันนัก” เขายิงคำถามที่ค้างคาใจมาแสนนาน

“ฉันเกลียดนาย เกลียดผู้ชายอย่างนาย” ความไม่ชอบเขามาแต่เดิมบวกกับความโกรธทำให้เธอเกลียดเขามากขึ้นเป็นทวีคูณ

“เกลียดผู้ชายไว้ผมยาวรุงรัง ใส่ต่างหูข้างเดียว ทำเป็นเท่…โธ่เอ๊ย! ที่แท้ นายก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง”

“เธอคงไม่รู้ว่าฉันมีปัญหามากมายแค่ไหน” เสียงเขาแผ่วเบาอย่างรันทดเมื่อนึกถึงปัญหาครอบครัวของตัวเอง

“มีแน่ล่ะ ก็เพราะนายทำตัวเองให้มีปัญหา เรื่องครอบครัวนาย ทำไมฉันจะไม่รู้”

“ปรามบอกเธอ…”

“ใช่! พี่ปรามอยากให้ฉันเข้าใจนาย แต่ฟังแล้ว ขอโทษ! สมเพช! รู้มั้ยว่านายน่ะ กำลังทำตัวเองให้มีปัญหา นายกำลังเป็นโรคที่เขาฮิตกัน”

“โรคอะไร!”

“โรคครอบครัวมีปัญหา แล้วตัวเองก็ต้องมีปัญหาตามไปด้วยน่ะสิ”

ปริมพยายามดึงข้อมือตัวเองออกจากมือคนหนุ่ม

“บอกมาให้หมด” เขาไม่ยอมปล่อยมือ “ฉันจะไม่ทำอะไรเธอ จะรับฟัง พูดมาเลย”

“นายก็โตแล้วนะ อายุ 24-25 แล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังไม่รู้จักคิดอีกเรอะ! ว่าควรทำตัวยังไง ทำไมล่ะ! ต้องไปพึ่งพาเหล้าบุหรี่ มันได้อะไรขึ้นมา แย่กว่าเดิมสิไม่ว่า มันล้าสมัย หมดสมัยแล้วที่จะทำตัวแบบนั้น นายกำลังทำสังคมให้วุ่นวายกว่าเดิม ทั้ง ๆ ที่มันก็มีปัญหามากมายอยู่แล้ว”

ปฏิการยืนนิ่งฟังคนตรงหน้าวิภาควิจารณ์พฤติกรรมของตัวเอง

“พี่ปรามก็ทนให้กำลังใจคนอ่อนแอ คนไม่ยอมรับความจริง คนไม่สู้ปัญหาอย่างนายอยู่ได้! ยังมีคนอื่น ๆ ที่เขาโชคร้ายกว่านาย ทำไมไม่คิดว่า นายโชคดีกว่าเขาขนาดไหน มัวแต่เป็นไอ้ขี้เหล้าเมายา เป็นโรคซึมเซาเหงาหงอยอยู่ได้ เปิดชีวิตใหม่ให้กับตัวเองสิ! เมื่อครอบครัวไม่อาจสร้างให้เราดีได้ เราจงสร้างตัวเองให้ดี อย่าให้ใครตราหน้าได้ว่า เราคือหนึ่งในปัญหาของสังคม เห็นชีวิตนายเป็นแบบนี้แล้วก็สงสารพี่ปราม นายยังทำตัวแย่ ๆ เหมือนเดิม!!” จบประโยคนั้นปริมรีบก้าวซวบ ๆ จากไป หวั่น ๆ อยู่ในใจเหมือนกันว่า พูดรุนแรงไปหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ เขาฟังคนปลอบใจมามากแล้ว เจอแรง ๆ ซะบ้าง เขาอาจจะคิดอะไร ๆ ออกบ้าง

ปฏิการยืนงงต่อคำสาธยายยาวเฟื้อยของปริม นี่เขาทำตัวเลวร้ายขนาดนั้นเชียวหรือ คำพูดของเธอแต่ละประโยค ทำให้เขาต้องสะดุดกับพฤติกรรมของตัวเอง เขานึกทบทวนเรื่องราวของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเอาเรื่องครอบครัวมากลุ้มอยู่ในหัวเสมอ นอกจากเขาจะเป็นกำลังใจให้คนในบ้านไม่ได้แล้ว เขายังกลับเป็นตัวสร้างแรงกดดันให้ครอบครัวบานปลายหนักหนายิ่งขึ้น โดยเฉพาะพักหลังพ่อแม่ทะเลาะกันอย่างรุนแรง และแยกทางกันไปในที่สุด เขารู้สึกว่า ชีวิตเคว้างคว้างไร้จุดหมาย ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร การเรียนของเขาแย่ลงจนต้องด็อปไว้ก่อน ทำให้เขาจบช้า ทั้ง ๆ ที่เพื่อนรุ่นเดียวกันต่างจบไปหมดแล้ว เขาเลิกสนใจตัวเอง พึ่งแต่เหล้า บุหรี่

ตอนนี้สิ่งที่เขารู้สึกเสียใจที่สุด เขาคงทำให้ปรามลำบากมาตลอด

แล้วเขาจะทำมันต่อไปอย่างเดิม หรือจะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตของตัวเอง มันทำให้เขาต้องคิด คิด คิด และคิด

==============

เย็นวันต่อมา ปฏิการยืนดักรอปริมที่หน้ามหาวิทยาลัย
“ปริม…สวัสดีครับ ขอกลับบ้านด้วยคนได้ไหม” เขารีบจ้ำเข้าไปหาเมื่อเห็นเธอเดินมา

ปริมขมวดคิ้วอย่างงง ๆ “ถ้าฉันจะบอกนายว่าไม่ได้ล่ะ” เธอตอบเสียงแข็ง ยังนึกโกรธเขาไม่หายเรื่องเมื่อวานนี้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกสับสน นี่เขาจะมาไม้ไหนแน่ เขาไม่โกรธที่เธอต่อว่าเขาไปมากมายหรือ

“ทำไม! ฉันน่ารังเกียจนักหรือไง” อารมณ์เริ่มคุกรุ่นขึ้นมาทันที

“ใช่ !! ในสายตาฉัน ถ้านายยังทำตัวไร้สาระแบบเดิม โดยเฉพาะผมรุงรัง ต่างหูข้างเดียวของนาย มันเกะกะตาฉัน รู้ไว้ด้วย เห็นแล้วมันหงุดหงิด” เธอกระแทกเสียงดังใส่เขา แล้วรีบเดินหนี

ปฏิการรีบเดินตาม เขาผ่อนลมหายใจออกเบา ๆ เพื่อคลายอารมณ์เครียด และพยายามจะไม่ใช้อารมณ์พูดกับเธอ
“เธอพิจารณาจากรูปภายนอกเท่านั้นหรือไง”

“ใช่! สำหรับฉัน!” ปริมเน้นเสียงชัดถ้อยชัดคำ พร้อมกับสาวเท้าเร็วขึ้น

ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมองของเขา และปากก็ไวพอที่จะถามออกไปทันที
“ถ้าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอล่ะ ต้องทำยังไง” เขาเร่งฝีเท้าตามไปติด ๆ

“เป็นเพื่อนกับฉัน!!”

ปริมหยุดเดินอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง พร้อมกับหันมามอง แล้วระเบิดเสียงหัวเราะราวกับเป็นเรื่องน่าขำ เหมือนกับไม่มีทางเป็นไปได้ “อย่างแรกนะ นายต้องตัดผมลุ่มล่ามของนายออกก่อน” ปริมเหลือบมองผมตรงยาวดำสนิทของเขาที่รวบไว้อยู่ทางด้านหลัง
“แล้วก็ต่างหูนั่น อย่างต่อไป นายต้องตั้งใจเรียน เรียนให้ดีขึ้น เลิกเหล้า บุหรี่ สิ่งโสมมทั้งหลายอย่างเด็ดขาด! ทำชีวิตให้มีคุณค่ากว่านี้”

“ไม่มากไปหน่อยหรอปริม เท่ากับให้ฉันเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตเชียวนะ” เขาแทบเข่าอ่อนเมื่อฟังข้อแม้ของเธอแต่ละข้อ มันช่างตรงกันข้ามกับชีวิตของเขาขณะนี้โดยสิ้นเชิง

“ฉันก็ไม่คิดว่า อย่างนายจะทำได้หรอกนะ น้ำหน้าอย่างนายหรือ…” ปริมหัวเราะเย้ย
“เอาเป็นว่า ถ้านายทำได้ อย่าว่าแต่เป็นเพื่อนเลยนะ ต่อให้เป็นแฟนก็ยังได้ จะแถมหอมแก้มนายให้อีกทีก็ยังไหว” ปริมพูดออกไปอย่างคึกคะนอกปาก

“พูดจริงหรือเปล่าปริม” เขารู้สึกเกิดแรงฮึดขึ้นมาอย่างประหลาด

“แน่นอน! ถ้านายทำได้”

“งั้นเธอจำคำพูดของตัวเองในวันนี้ให้ดี ฉันถือว่า คำพูดของเธอ คือสัญญา ระหว่างเราแล้วนะ” เขามองปริมด้วยสายตามุ่งมั่น

สายตานั้นทำให้ปริมรู้สึกใจหาย นี่! เธอพูดอะไรออกไป เงาของความกลัวเยื้องกรายเข้ามาเกาะกุมจิตใจ ถ้าเขาทำได้ขึ้นมา! โอย…ตายแน่ ๆ ถ้ามีอีตานี่เป็นแฟน ปริมชักกลุ้ม ๆ ขึ้นมาตะหงิด ๆ

===================



ริเศรษฐ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2556, 23:20:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2556, 23:20:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1432





<< ตอนที่1   ตอนที่3 >>
Sukhumvit66 25 ม.ค. 2556, 00:25:35 น.
มาลงชื่อรอจ้า


ริเศรษฐ์ 25 ม.ค. 2556, 10:18:07 น.
ขอบคุณมากค่า....^_^


เทียนจันทร์ 6 ก.พ. 2556, 19:12:07 น.
ยังติดตามอยู่ค่ะ


ริเศรษฐ์ 7 ก.พ. 2556, 18:35:54 น.
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ คุณเทียนจันทร์ จะเอาตอนต่อไปมาลงเร็ว ๆ นี้ค่า...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account