กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 19


19...


“ก็แค่น้ำแกงปลาไม่กี่ชามเอง” อาฮวยแบะปาก “เคยไหมที่จะให้อั๊วได้กินหมูกินเป็ด”
อายี่โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไง ส่วนอาตั่วก็พยายามปรามภรรยา
“ลื้อก็พูดน้อยๆ หน่อย อาฮวย”
อาฮวยได้ยินเท่านั้นก็กรี๊ดลั่น “อาตั่วลื้อว่าอั๊วเหรอ?”
“ไม่ได้ว่า เพียงแต่...” อาตั่วอึกอัก
“ไม่ต้องเพียงแต่...ลื้อว่าอั๊วชัดๆ...” แล้วอาฮวยก็ร้องห่มร้องไห้ โวยวายว่า “พวกลื้อทุกคนต่างรังแกอั๊ว อั๊วตัวคนเดียวสู้พวกลื้อไม่ได้”
“ไม่เอาน่าอาฮวย” อาตั่วเอามือลูบหลังภรรยา
อายี่โกรธจนตะเบ็งเสียง “ใครรังแกลื้อกันอาซ้อ?”
“ก็พวกลื้อแหละ” อาฮวยสะอื้นไปเถียงไป
อายี่โมโหจนกำหมัดกัดฟัน นี่ถ้าไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง จะชกหน้าให้รู้สึกซะบ้างว่า…อย่าใช้นิสัยแย่ๆ อย่างนี้
แต่จนใจอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง แถมเป็นพี่สะใภ้ แล้วยังเพิ่งคลอด...อายี่จึงได้แต่กำหมัดจนตัวสั่นเทิ้ม
อาซิ่งจับต้นแขนลูกชายคนรองเอาไว้แน่น เป็นการเตือนสติด้วย แล้วห้ามปรามว่า “อย่าทะเลาะกันเลย ที่เป็นแบบนี้ เพราะว่าบ้านเราจน อาฮวยเป็นลูกสะใภ้คนจนก็อดอยากอย่างนี้แหละ”
อาฮวยไม่มีสติปัญญา พอได้ยิน กลับเข้าใจว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก “เห็นมั้ยอาม่ายังว่าอั๊วพูดถูก”
“มันถูกตรงไหม?” อายี่เสียงดัง
“เอาละๆ...” อาซิ่วพยายามระงับเรื่องไม่ให้บานปลาย “เพราะฐานะครอบครัวเราจย อาตั่วจึงจะไปทำงานที่เมืองสยาม”
พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา...อาฮวยก็ร้องไห้โฮ “อั๊วไม่ยอม ทำไมต้องให้ผัวอั๊วไปทำงานไกลถึงขนาดนั้น ทำไม่ไม่ให้อาเจ็ก (น้องชายสามี) ไปละ?”
“ถ้าอั๊วไปได้ อั๊วไปแล้ว” อายี่ตอบพี่สะใภ้เสียงดัง “นี่เขาว่าอั๊วอายุน้อยไป อาเอี้ยท่านเลยให้พี่ใหญ่ไป”
“แต่อั๊วไม่อยากให้อาตั่วไปนี่” อาฮวยยังคงยืนกรานความคิด
“อย่างอแงนะอาฮวย” อาตั่วเอ่ยกับภรรยา “อั๊วไปไม่นาน พอเก็บเงินได้ ก็จะส่งเงินมาให้ลื้อ แม่ และอายี่ตามไป”
“อั๊วไม่เชื่อหรอก” อาฮวยส่ายหน้า น้ำตาไหลพราก “พอลื้อไปเมืองสยาม ไปเห็นผู้หญิงที่นั่น ลื้อก็ลืมอั๊วแล้ว”
“อั๊วไม่ทำอย่างที่ลื้อว่าหรอกอาฮวย อั๊วให้สัญญา” อาตั่วลงทุนให้สัญญา
แต่อาฮวยยังคงส่ายหน้า “จะสัญญา จะสาบานยังไง อั๊วก็ไม่เชื่อ”
“จะเชื่อก็ช่าง จะไม่เชื่อก็ช่าง...พี่ใหญ่ไปตกลงกับอาเอี้ยเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ต้องลงเรือสำเภาไปเมืองสยาม” อายี่เอ่ยเสียงเด็ดขาด

ที่เมืองสยาม...อาลั้งต้องทำงานหนักขึ้นทุกวัน เพราะเด็กลูกจ้างครบกำหนดทีละคน และยี่เสี่ยเนี้ยก็ไม่คิดจะต่อสัญญาว่าจ้าง เพราะเห็นว่าอาลั้งเป็นของตาย ที่ไม่มีวันหมดสัญญาว่าจ้าง จนกว่าจะถูกขายออกไป งานของลูกจ้างที่หมดสัญญาก็มาตกอยู่ที่อาลั้งคนเดียว อาลั้งจึงต้องทำงานจนหัวปั่น แต่อาลั้งก็ยังมีกำลังใจ เพราะรอคอยจะได้พบหน้าพี่ชาย ทว่ารอจากต้นปีถึงปลายปีซาเสี่ยเนี้ยก็เรียกตัวไปพบ
พออาลั้งมาเคาะประตูห้องนอนของซาเสี่ยเนี้ย พลางบอกว่า “ซาเสี่ยเนี้ย หนูอาลั้งเองค่ะ”
“เข้ามาสิ ประตูไม่ได้ใส่กลอน” เสียงซาเสี่ยเนี้ยตอบ
อาลั้งผลักประตูเบาๆ ประตูก็เปิดออก เด็กหญิงเดินเข้าไปในห้องอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“เข้ามาแล้ว ปิดประตูใส่กลอนด้วย” ซาเสี่ยเนี่ยสั่ง
อาลั้งทำตามอย่างแผ่วเบา แล้วยืนสำรวมอยู่
“มานี่ซิ” ซาเสี่ยเนี่ยเรียก
อาลั้งเดินเข้าไปใกล้ซาเสี่ยเนี้ยที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในระยะพอสมควร แล้วคุกเข่าลงนั่งบนส้นเท้าตัวเองเอามือประสานกันวางบนตัก
ซาเสี่ยเนี้ยยิ้ม “ลื้อนี่เรียบร้อยกว่าเด็กคนอื่นๆ” ก่อนจะเข้าเรื่องว่า “แม่ลื้อมีจดหมายมาถึงลื้อ”
สีหน้าอาลั้งดีใจ
“แต่เป็นข่าวไม่ค่อยดีนัก” ซาเสี่ยเนี้ยเอ่ย
สีหน้าดีใจเปลี่ยนเป็นตกใจ “แม่ไม่สบายหรือคะ?”
“ไม่ใช่หรอก” ซาเสี่ยเนี้ยส่ายหน้า
อาลั้งจึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
“อย่าคาดเดาเลย อั๊วอ่านจดหมายให้ลื้อฟังก็แล้วกัน” ซาเสี่ยเนี้ยกล่าวเสียงพอให้เด็กหญิงได้ยิน แต่ไม่ดังออกไปนอกห้อง ก่อนจะอ่านจดหมายจากอาซิ่วว่า “ถึงอาลั้งลูกรัก เรื่องที่พี่ชายใหญ่ของหนูจะมาเมืองสยามนั้นเป็นอันล้มเลิก เพราะว่าเขาเป็นตาแดง จึงไม่อาจผ่านด่านตรวจคนเดินทางออกไปต่างประเทศ พี่ชายใหญ่ของหนูใช้เงินค่าเดินทางจนหมด แต่ไปเมืองสยามไม่ได้จึงต้องกลับบ้านมาทำงานใช้หนี้ ขอให้หนูอยู่ทางนั้นดูแลรักษาตัวเองให้ดีนะ แม่เป็นห่วงและรักหนู จากแม่ อาซิ่ว”
อาลั้งน้ำตาไหล เพราะทั้งคิดถึงแม่ และเสียดายที่พี่ชายไม่ได้มาเมืองสยามด้วย แต่เด็กหญิงไม่กล้าส่งเสียงร้องไห้ ได้แต่นั่งน้ำตาไหลพราก
“อาลั้งหักอกหักใจเสียเถอะ...โรคตาแดงเป็นโรคติดต่อ แต่ไม่รุนแรงอะไร พี่ชายลื้อไม่ได้เจ็บป่วยอะไรมากหรอก เพียงแต่มาเมืองสยามไม่ได้เท่านั้น” ซาเสี่ยเนี้ยเอ่ยปลอบ
“ค่ะ” อาลั้งรับคำ พยายามใช้มือปาดเช็ดน้ำตา

อีกตรุษจีนหนึ่งผ่านไป...อาลั้งย่างสิบขวบ ทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเดิม อาลั้งแอบฝากซาเสี่ยเนี้ยส่งเงินแตะเอียไปให้แม่ที่เมืองจีนเหมือนปีก่อน ซาเสี่ยเนี้ยที่สงสารเด็กหญิงก็จัดการให้ตามที่เด็กต้องการ
ผ่านวันตรุษจีนมาแค่วันเดียว อาไล้ซึ่งเป็นแม่ครัวก็ถามเด็กหญิงว่า
“อาลั้ง...ลื้อเอาเงินแต๊ะเอียไปทำอะไรบ้าง?”
ยามกะทันหัน อาลั้งไม่รู้จะตอบว่ากระไร ก็ตอบว่า “เปล่า”
“งั้น...เงินแต๊ะเอียลื้อก็ยังอยู่นะสิ?” อาไล้ถามตาลุกวาว
อาลั้งตกกระไดพลอยโจน อึกๆ อักๆ พยักหน้า
“ลื้อเอามาฝากอั๊วไว้ เดี๋ยวหาย” อาไล้เสนอ กะจะอมเงินเด็ก
แต่อาลั้งตอบว่า “ไม่มี”
“ไม่มี...ไม่มีได้ยังไง...ลื้อไม่ได้ใช้ไม่ใช่เหรอ?” อาไล้เสียงเขียวขึ้นมาฉับพลันทันที
“ไม่มีจริงๆ” อาลั้งยืนยัน
อาไล้ปราดเข้ามากึ่งจับกึ่งจิกที่ต้นแขนเด็กหญิง จนเด็กหญิงร้องโอ๊ย นางก็ยังคงเกร็งข้อมือจิกต้นแขนเด็กแน่น “ลื้อบอกมา ลื้อเอาเงินไปใช้อะไร?”
อาลั้งไม่กล้าบอกความจริง เพราะซาเสี่ยเนี้ยกำชับไว้ว่าเป็นความลับ เด็กหญิงจึงแต่ร้องไห้อ้อนวอนว่า “ป้าไล้ปล่อยอั๊วไปเถิด อั๊วเจ็บ”
“ลื้อเจ็บสิดี ถ้าลื้อไม่บอกความจริงออกมา อั๊วจะทำให้ลื้อเจ็บยิ่งกว่านี้”
เพิ่งขาดคำ เสียงของซาเสี่ยเนี้ยก็ดังขึ้น
“อาไล้ปล่อยแขนอาลั้งเดี๋ยวนี้”
อาไล้เห็นเจ้าของเสียงก็อุทาน “ซาเสี่ยเนี้ย” แล้วรีบปล่อยแขนอาลั้ง
ซาเสี่ยเนี้ยเดินเข้ามาในครัว ที่จริงนางตั้งใจจะมาเปิดดูหม้อตุ๋นเนื้อวัวกับเครื่องยาจีนที่ทำไว้สำหรับลูกชาย ให้ลูกชายดื่มน้ำซุปบำรุงสมองและร่างกาย เผอิญมาได้ยินอาไล้เคี่ยวเข็ญอาลั้งเรื่องเงินแต๊ะเอีย
“เงินแต๊ะเอียของอาลั้งฝากไว้ที่อั๊ว” ซาเสี่ยเนี้ยเอ่ยเสียงเรียบๆ กับอาไล้ “ลื้อไม่ต้องห่วงว่ามนจะหาย”
“เอ่อ...อ่า...ถ้าฝากอยู่ที่ซาเสี่ยเนี้ยก็ไม่หายหรอกค่า” ว่าแล้วอาไล้ก็รีบหลบฉากออกไปจากครัว
“ซาเสี่ยเนี้ย...หนู...หนูไม่ได้บอกอะไรนะคะ” อาลั้งกลัวซาเสี่ยเนี้ยโกรธ และจะไม่ช่วยส่งเงินไปให้แม่อีก
“จ๊ะ” ซาเสี่ยเนี่ยตอบยิ้มๆ “ลื้อตัวเล็กนิดเดียว…อยู่ที่นี่จะต้องแข็งแรง ถึงจะสู้งานไหว เจ็บป่วยขึ้นมาก็ไม่มีใครดูแล” นางเอ่ยไปก็ใช้ผ้าแห้งจับหูหม้อยกหม้อตุ๋นขึ้นมาจากเตาที่ใช้ไฟอ่อนๆ มาหลายชั่วโมง จนน้ำซุปเข้มข้น รินน้ำซุปนั้นลงในชามใบขนาดกลาง จนน้ำซุปในหม้อแห้ง ก็พอดีน้ำซุปเกือบเต็มชาม “อาลั้งเอาชามของลื้อมา”
อาลั้งไม่รู้ว่าซาเสี่ยเนี้ยต้องการชามของตนไปทำอะไร แต่ก็รับคำ “ค่ะ” แล้วรีบไปหยิบมายื่นส่งให้
“วางบนโต๊ะ” ซาเสี่ยเนี้ยสั่ง
อาลั้งทำตาม วางชามของตนลงบนโต๊ะ ซาเสี่ยเนี้ยก็เทกากยากับเนื้อตุ๋นลงในชาม “อาลั้ง…ลื้อเลือกเนื้อไปกินซะ อย่างน้อยมันคงบำรุงให้ลื้อแข็งแรงขึ้นบ้าง จะได้สู้งาน และสู้กับคนพาล”
“คนพาลเป็นยังไงหรือคะ?” อาลั้งถาม
“ก็คนไม่ดี คนที่ชอบเอาเปรียบเด็ก คนที่ชอบรังแกเด็ก” ซาเสี่ยเนี้ยกล่าวเสียงไม่ค่อยดังนัก “รีบๆ กินซะ กินเสร็จ แล้วก็ล้างหม้อล้างชามให้ดีละ”
แล้วซาเสี่ยเนี้ยก็ถือชามซุปบำรุงออกจากห้องครัวไป
อาลั้งเอาตะเกียบมาคีบชิ้นเนื้อในชามขึ้นมากิน แล้วอุทาน “อู๋...อร่อยจัง”
พรางน้ำตารื้นขึ้นมา คิดในใจว่า...ถ้าแม่ได้กินด้วยคงจะดี

เรื่องเงินแต๊ะเอียของอาลั้งยังไม่จบ เพราะอาไล้ไม่ยอมปล่อยให้มันจบง่ายๆ พอนางเห็นยี่เสี่ยเนี้ยอยู่ลำพังในห้องรับรอง ก็เข้าไปหา ยืนในตำแหน่งที่เจ้านายจะเห็นได้ง่ายๆ
“อาไล้มีอะไรเหรอ?” ยี่เสี่ยเนี้ยถาม พลางจิบน้ำชา
“คืออั๊วมีเรื่องจะเรียนยี่เสี่ยเนี้ยค่ะ” อาไล้เกริ่น
“เรื่องอะไรหรือ?”
“เรื่องที่อาลั้งไม่เคารพยี่เสี่ยเนี้ย...” อาไล้เริ่มต้นใส่ไฟ
ยี่เสี่ยเนี้ยวางถ้วยน้ำชาลง ปกตินางก็ไม่ค่อยเมตตาเด็กคนนี้อยู่แล้ว เพราะพอมาถึงก็ก่อเรื่องตัดขนปีกนกพิราบราคาแพงของน้องชายนาง นี่ยังมีเรื่องที่ไม่เคารพนางอีกหรือ
“อีทำเรื่องอะไร?”
“อีเอาเงินแต๊ะเอียไปฝากไว้ที่ซาเสี่ยเนี้ยค่ะ”
“ก็ช่างอีสิ” ยี่เสี่ยเนี้ยเอ่ย เพราะเห็นว่าเป็นเงินเพียงเล็กน้อยไม่กี่เหรียญ
เรื่องที่ทำท่าว่าจะจบ แต่อาไล้ไม่ยอมให้จบง่ายๆ
“ไม่เป็นไรได้ยังไงคะยี่เสี่ยเนี้ย?”
“เงินแค่ไม่กี่เหรียญเอง” ยี่เสี่ยเนี้ยเอ่ยอย่างไม่สนใจ
“ถึงจะสตางค์แดงเดียวก็ไม่ถูกนะคะ” อาไล้พยายามยุให้เป็นเรื่องให้ได้
“ไม่ถูกยังไง?” ยี่เสี่ยเนี้ยถาม
“ก็คิดดูสิคะ อีเป็นเด็กของยี่เสี่ยเนี้ย แทนที่จะมาฝากเงินไว้กับยี่เสี่ยเนี้ย กลับไปประจบเอาใจซาเสี่ยเนี้ยยังงั้น แบบนี้เขาเรียกว่าข้ามหน้าข้ามตานะคะ”
พอถูกลูกยุนี้ ยี่เสี่ยเนี้ยก็ชักจะไม่พอใจอาลั้ง ออกคำสั่งว่า
“ไปเรียกอาลั้งมาหาอั๊วเดี๋ยวนี้”
อาไล้ได้โอกาสก็ไปเรียกอาลั้งที่กำลังถูกระไดบ้านอยู่ “อาลั้ง...ยี่เสี่ยเนี้ยเรียกไปพบที่ห้องรับรอง”
“อั๊วกำลังถูบ้านอยู่” อาลั้งบอก
“ยี่เสี่ยเนี้ยให้ไปหาเดี๋ยวนี้” เสียงอาไล้มะนาวไม่มีน้ำ
อาลั้งชักจะใจแป้วว่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นเป็นแน่ เด็กหญิงรีบเก็บผ้าขี้ริ้วกับถังถูบ้านไว้ข้างบันได เพื่อจะได้ไม่เกะกะทำให้ใครสะดุดล้มได้ แล้วเดินไปตามอาไล้ไปยังห้องโถงรับรอง พอไปถึงเด็กหญิงก็ยืนสงบเสงี่ยมในระยะห่างจากเจ้านายพอสมควร แต่ยี่เสี่ยเนี้ยพอเห็นหน้าอาลั้งก็หมั่นไส้ สั่งว่า “คุกเข่าลง“
อาลั้งคุกเข่าลงโดยไม่ชักช้า
“เงินแต๊ะเอียลื้ออยู่ไหน?” ยี่เสี้ยถาม
อาลั้งลอบมองอาไล้ รู้ว่าอีกฝ่ายคงมาฟ้องแล้ว จึงตอบว่า “ฝากอยู่กับซาเสี่ยเนี้ยค่ะ”
“ลื้อไปฝากอีทำไม ทำไมไม่ฝากอั๊ว” เสียงยี่เสี่เนี้ยเอาเรื่อง
“คือ...หนู...” อาลั้งตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเปิดเผยเรื่องนี้ได้มากน้อยแค่ไหน
“ไปทวงกับอีมา แล้วเอามาฝากอั๊ว” ยี่เสี่ยเนี้ยสั่ง
“คงไม่ได้ค่ะ” อาลั้งตอบเสียงเบาสั่นหวิว ด้วยความหวาดกลัว
“ทำไมไม่ได้” เสียงยี่เสี่ยเนี้ยยิ่งดุดัน
“คือ...หนู...” อาลั้งอึกๆ อักๆ
“อาไล้...” ยี่เสี่ยเนี้ยเรียกแม่ครัว
“ขา”
“เอาหวายตีอี จนกว่าอีจะบอกว่าได้” ยี่เสี่ยเนี้ยสั่ง
“ยี่เสี่ยเนี้ยอย่าตีหนูเลยนะคะ” อาลั้งอ้อนวอน
“งั้นลื้อก็ไปเอาเงินมาฝากอั๊ว” ยี่เสี่ยเนี้ยยื่นคำขาด
“หนูทำไม่ได้ค่ะ” อาลั้งบอกเสียงสั่น
“งั้นอาไล้ตี”
ทันทีที่ขาดคำ อาไล้ก็หวดหวายที่เตรียมมาพร้อมใส่ร่างน้อยอย่างไม่นับ
อาลั้งร้องไห้เพราะความเจ็บ พยายามอ้อนวอนว่า “หนูกลัวแล้ว อย่าตีหนูเลยค่ะ”

ที่เมืองจีน...อาซิ่วกำลังทอผ้าอยู่ อยู่ๆ ตาขวาก็กระตุกไม่หยุด นางจึงวางมือจากเครื่องทอผ้า เอามือคลำตาข้างที่กระตุก ในใจอดนึกถึงลูกสาวคนเล็กอย่างเป็นห่วงไม่ได้
พอดีอายี่กลับมา ในมือหิ้วปลาตัวเขื่องมาตัวหนึ่ง “แม่ อั๊วตกปลาได้ เย็นนี้เรากินข้าวต้มปลากันนะ”
“อืมม์…” อาซิ่วรับคำ สีหน้าลอยๆ
จนลูกชายคนรองสงสัย “แม่เป็นอะไรไป?”
“แม่คิดถึงอาลั้ง” อาซิ่วบอกอีกฝ่ายตรงๆ “ไม่รู้ว่าเวลานี้อีจะทุกข์ยากลำบากยังไงบ้าง ไม่สบายไปหรือเปล่า?”
อายี่ส่ายหน้า พลางปลอบแม่ว่า “แม่คิดมากน่ะ อาลั้งอยู่เมืองสยาม ที่นั่นสุขสบายกว่าพวกเราตั้งเยอะ”
“แต่แม่ไม่รู้เป็นยังไง แม่เป็นห่วงอาลั้งจริงๆ นะ เป็นห่วงจับใจ!”




คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2556, 13:40:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2556, 13:40:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1468





<< ตอนที่ 18   ตอนที่ 20 >>
pattisa 25 ม.ค. 2556, 21:14:50 น.
มีเเต่คนรังเเก น่าสงสาร


อ้อย 25 ม.ค. 2556, 21:41:47 น.
นั่นสิ เมื่อไรจะสู้คนไดสักที


ree 26 ม.ค. 2556, 01:50:57 น.
ช่างไม่มีเหตุผล


หมีสีชมพู 26 ม.ค. 2556, 04:07:51 น.
เรื่องนี้มีกี่ตอนคะ ขออนุญาตถามนะคะ เพราะอ่านแล้วเครียดมากค่ะ เดี๋ยวถ้าใกล้ๆ จบจะขอตามเก็บทีเดียวดีกว่า ตามทีล่ะตอนแบบนี้บีบคั้นหัวใจเกินไปค่ะ


คำรัก 29 ม.ค. 2556, 09:22:01 น.
ปรระมาณ 48 ตอนจ้า >0<
ขอบคุณมากๆนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account