อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 16

16.

แต่เกือบครึ่งคืนที่รุ่งโรจน์เงียบหายไปจนกระทั่ง นายต้องโทรศัพท์มาบอกว่า..

“ไอ้ยะ เพื่อนยู เมาอยู่ในผับที่ไอทำงานอยู่ มาคนเดียว มาถึงก็ร่ำสุรายกใหญ่ ..ท่าไม่ดีนะโว้ย หญิงรุมกันเพียบเลย เงินจะหมดตูดนา รีบมาเอากลับไปเถอะว่ะ..เป็นห่วง”

เมื่อถามจนรู้ว่ารุ่งโรจน์อยู่ตรงไหน สุริยาก็รีบแต่งตัวลงไปเรียกแท็กซี่ เมื่อไปถึง พบคนที่
งอนออกมาจากห้อง นอนหลับอยู่ที่เบาะโดยสารรถตัวเอง โดยมีนายต้องยืนคุมเชิงอยู่ใกล้ ๆ

“ขับรถเป็นหรือเปล่า”

สุริยาพยักหน้า..ก่อนจะกล่าวขอบใจ..และพอเหลือบไป จึงได้เห็นคนที่นายต้องว่ากำลังชุบเลี้ยงตน..สุริยานึกอยากจะหัวเราะ แต่อีกใจก็นึกอยากจะร้องไห้..

“หากยังทำกรรมเก่า ๆ ซ้ำ ๆ ชีวิตมันก็ทุกข์ซ้ำ ๆ หญิงก็ไม่ใช่ ชายก็ไม่เชิง เขาเรียกว่ากะเทย ซ้ายไม่ไป ขวาไม่ไป กรรมกาเม..” เสียงของหลวงพี่แสงฉาน ซึ่งโทรศัพท์คุยกันยังก้องอยู่ในหู

เมื่อรถแล่นออกจากสถานที่ตรงนั้น เลี้ยวเข้าถนนใหญ่ สุริยาก็ค่อย ๆ ขับแบบคลำทาง ด้วยไม่ค่อยคุ้นกับสภาพจราจรในยามค่ำคืน...เมื่อรถถึงคอนโด เขาก็เรียกยามมาช่วยพยุงคนที่เมาพับหลับให้ขึ้นกลับไปที่ห้องพัก

เมื่อยามวางคนสำคัญลงบนเตียง สุริยาก็ตัดสินใจถอดเสื้อผ้าหวังเช็ดตัว พลันรุ่งโรจน์ก็อาเจียนออกมา ดีที่ยังเอากะละมังรองไว้ทัน สภาพตอนนี้ สุริยานึกถึงแม่เหลือกำลัง..เมื่อวันที่พ่อเมา แม่ก็มีสภาพเช่นนี้ แม้ไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างลึกซึ้งจนหวังฝากผีฝากไข้กันยามเจ็บเฒ่า แต่คำว่าเพื่อน ที่ตัวเองใช้มาตลอดที่คบหากัน..จึงทำให้สุริยาทำอย่างที่แม่ตนทำให้พ่อ..เช็ดอาเจียนที่น่าขยะแขยง และก็เช็ดเนื้อตัวดับกลิ่นบุหรี่..โรยแป้งหอมเพื่อให้รุ่งโรจน์รู้สึกสดชื่น ก่อนจะไปนั่งมองสภาพคนเมาไร้สติ บนโซฟามุมห้อง ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย..

พลันดวงปัญญามันก็เกิดขึ้น พร้อมกับยกมืออธิษฐานว่า

“ชาติหนึ่งภพใดอย่าได้ตกในฐานะเช่นนั้นเลย อย่าให้ถึงฐานะแห่งความโง่เขลา เป็นทาสของตัณหา ราคะ ทำร้ายตนให้ลำบากด้วยเรื่องอย่างนี้ ขออย่าได้หลงรักใคร่ชอบพอใคร หรือใครอย่าได้มาหลงรักใคร่ชอบพอตน เนื้อคู่ตุนาหงันแต่อดีตชาติ ขอให้อโหสิกรรม ต่างคนต่างไปตามวาระ ไม่ปรารถนาจะยึดใครหรือครอบครองใครไว้ทั้งสิ้น..ขออานุภาพบารมีฯ”

พอได้อธิษฐานแล้วรู้สึกสบายใจ เพราะผังที่รออยู่ในภายภาคเบื้องหน้า คือผังดี จะทำให้มีเวลาสร้างบุญสร้างบารมีได้เต็มที่ พอสบายใจจึงมาล้มตัวลงนอนเคียงกัน ดั่งวันวาน..ไอ้มารที่เรียกว่ากิเลสตัณหาก็ทำหน้าที่ของมัน กุศลฝ่ายดีก็ทำหน้าที่ของมัน นี่แหละเขาจึงบอกรุ่งโรจน์ว่า เขาทุกข์..แต่ถ้าจะให้เขาพูดคำว่า “รัก” เห็นจะไม่มีทาง..

แต่ทำไม รุ่งโรจน์ไม่รู้หรอกรึ ว่า สุริยารัก นายขนาดไหน....ยิ่งทุกข์มาก ๆ ก็คือรักมาก ๆ นั่นเอง..

‘ที่รัก’

และเป็นครั้งแรกในรอบที่รู้จักกันมา ที่สุริยา ลองที่จะจูบบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาของรุ่งโรจน์

รสเสน่หามันเป็นอย่างนี้เองเล่า..

‘อะไรไม่สำคัญเท่าครั้งแรกหรอก..อย่าให้มีครั้งแรก แล้วครั้งต่อ ๆ มา มันจะไม่สำนึกแล้ว’

-----------------------------------------------------------
รุ่งโรจน์ตื่นขึ้นมาในเวลาตะวันเกือบครึ่งฟ้า..สุริยาเมื่อเห็นรุ่งโรจน์ลุกขึ้นมาด้วยท่าทีงัวเงีย จึงปรี่ลุกจากที่โซฟา เข้าไปหา ถามไถ่เหมือนกับว่าเมื่อคืนไม่มีเรื่องอะไรขัดใจกัน..

“เป็นอย่างไรบ้าง ปวดหัวไหม”

“ผมกลับมาที่นี่ได้อย่างไร” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์ยังมึนตึง

“คุณขับรถกลับมาเอง มาถึงก็มาเคาะประตูเสียงดัง พอผมเปิดประตูรับ คุณก็อาเจียนใส่ผม ก่อนจะล้มพับลงไป..” สุริยาผิดศีลเพื่อให้ตัวเองดูดี

“ผมจำได้ว่าเมื่อคืน ผมอยู่ที่แถว ๆ รัชดานี่..ผมหมดสติที่นั่น .ไม่น่าจะขับรถกลับมาได้..”

“เอาเถอะ..กลับมาถึงบ้านแล้ว ไป..จะเที่ยงแล้ว ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วมากินข้าวต้มร้อน ๆ ผมทำให้เองกับมือเลยนา”

รุ่งโรจน์มองหน้าอีกคนอย่างงุนงง ด้วยอากัปแบบนี้ นานเต็มที ที่เขาไม่ได้เห็นจากสุริยา..

“ไปซิ ไปอาบน้ำจะได้มากินข้าว” ว่าพลางสุริยาก็ส่งมือดึงรุ่งโรจน์ให้ลุกขึ้นยืน..พอยืนได้แล้วก็หิ้วปีกไปหยิบผ้าเช็ดตัว ก่อนจะดันเข้าห้องน้ำ

สักพักรุ่งโรจน์ก็ออกมาจากห้องน้ำสวมเสื้อผ้าแล้วมานั่งมองจานถ้วยข้าวต้มด้วยอาการงุนงง เช่นเดิม

“กินซิ อร่อยนะ ผมทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย” สุริยาคะยั้นคะยอ

“ไม่..เมื่อคืนเรางอนกันไม่ใช่รึ แล้วทำไมตอนนี้คุณถึง..” รุ่งโรจน์ยังเล่นตัว แต่สีหน้ามียิ้มนิด ๆ

“เมื่อคืนผมรู้สึกว่ามีใครบางคนจูบผมนะ..ที่ผับแน่ ๆ เลย”

ทีนี้สุริยาหน้าแดง คิดว่าเขาแกล้งจำไม่ได้เป็นแน่..แต่สุริยาไม่ตอบ พลางตักข้าวต้มเข้าปากตัวเองไปคำ แล้วตักอีกช้อนจะยัดเข้าปากอีกคนแต่รุ่งโรจน์ไม่ยอมอ้า..สุริยาจึงทำท่าจะบีบปาก รุ่งโรจน์จึงอ้าแล้วก็อ้ำไปหมดช้อน

“ว่าง่ายอย่างนี้ถึงจะน่ารัก”

“ถ้าคุณเป็นอย่างนี้คุณก็น่ารัก”

“ต่อไปผมจะเป็นอย่างงี้แหละ จะเป็นเพื่อนที่แสนดีจนคุณเบื่อไปเลยดีไหม..นี่รู้หรือเปล่าทำไมคุณถึงได้เมาง่าย ๆ ผิดเมื่อก่อน ก็เพราะคุณไม่ได้ดื่มมานานแล้วคุณรุ่ง..ไหน ๆ ก็เป็นคนดีมานานแล้ว เลิกให้ขาดไปเลย เห็นไหมเที่ยวคืนเดียวเสียเวลาอ่านหนังสือไปสองเล่ม นี่ถ้าคุณไม่ไปเมา เช้าวันนี้คุณยังสามารถไปแปลงานลงคอมได้อีก”

สุริยาใช้น้ำเย็น

“กลับไปเป็นอย่างเดิมก็ดีนะคุณยะ ชีวิตมีสีสันดี”

“ถ้าไปจากกันแล้วมันไม่ดีขึ้น ก็อยู่กันไปอย่างนี้ดีกว่ามั้ง” เหมือนสุริยาจะท้าทาย

ใช่...เขาพูดเพื่อให้รุ่งโรจน์ได้สติ.. คนเราถ้ารักกันต้องไม่ทำร้ายกัน ทั้งยามอยู่และยามจาก

..สักวันเมื่อเขาหาหนทางให้รุ่งโรจน์ไปจากตัวเขาอย่างคนที่มีสติได้ เขาจะไปในทันที..


แล้วแขกที่สุริยาไม่คิดว่าจะได้พบก็เดินทางมาหา..
ในเวลาบ่าย แสงทองรีบโทรมาด้วยอาการกระวนกระวาย..

“พี่ยา แม่พี่รุ่งมาที่ออฟฟิศของเรา กับใครก็ไม่รู้ ทำไงดี..”

“แล้วตอนนี้เธอทำอย่างไรบ้างล่ะ”

“หนูก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้ว่านี่คือแม่พี่รุ่ง ..ก็ให้ดูโปรแกรมทัวร์ที่ยังไม่ได้ไป กับให้ดูภาพที่เราไปมาแล้ว..อ๋อจะให้หนูแสดงตัวว่ารู้จักใช่ไหม ได้..แต่ว่าพี่จะเข้ามาเมื่อไหร่..”

“พอดูออกไหม ว่ามาเพื่ออะไร”

“ถามหาพี่ด้วยนะ คงมาด้วยเรื่องไม่ดีหรอกมั้ง แต่ใบหน้าเขายิ้ม ๆ นะ”

“ถ้าเขาเนื้อ ๆ มาเลยว่าต้องการพบพี่ พี่ถึงจะไป ตอนนี้อยู่ที่คอนโดกับลูกชายเขาแหละ เมื่อคืนออกไปเมามา ยังไม่ฟื้นตัวดีเลย” สุริยาบอกความจริง..แล้วแสงทองก็วางหูไป..

สุริยารู้สึกถึงใจที่เต้นโครมคราม นี่แหละมั้งอารมณ์ของเมียน้อย พอถูกเขาจับได้ รู้ว่าต้องส่งของเขาคืน เจ็บปวดเช่นนี้เอง..

“เป็นอะไรหน้าตาดูไม่ดี” รุ่งโรจน์เปิดประตูห้องนอนออกมาถามเมื่อเห็นสีหน้าสุริยาไม่ค่อยสู้ดีนัก..

“แสงทองบอกว่าแม่คุณมาที่ออฟฟิศ..รายละเอียดแค่นี้แหละ”

รุ่งโรจน์ถอนหายใจออกมา ก่อนจะบอกว่า

“วันนี้ผมคงต้องกลับไปค้างที่บ้าน ไปเที่ยวบ้านผมไหม” เป็นครั้งแรกที่รุ่งโรจน์ชวน

“ก็เราเป็นเพื่อนรักกันไง ไปเถอะ”

สุริยาสั่นหัวแล้วรุ่งโรจน์ก็ล้มตัวลงนอนบนโซฟาใช้ศีรษะพาดไปที่ต้นขาสุริยา

“คุณจะไปซีเรียสทำไมคุณยะ เราไม่ได้ทำอะไรผิด เราไม่ได้เป็นคู่ขากันซักหน่อย ถ้าเป็นแล้วคุณค่อยมาทุกข์ร้อน ไม่ดีกว่ารึ”

สุริยาจึงเอามือบีบจมูกของรุ่งโรจน์ก่อนจะเอามือขวาทาบไปที่หัวใจแล้วใช้มือซ้ายตีเบา ๆ ไปบนมือขวาด้วยอาการหมั่นไส้อีกคนเสียเต็มประดา..ดูรุ่งโรจน์จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เขาเอ่ยคำว่า

“ผมรักคุณนะ”

แต่เสียใจหากเขาไม่ไปอ่านในนิตยสารฉบับนั้น บางทีเขาอาจจะกล่าวคำนี้ไปนานแล้วก็ได้

-----------------------------------------------------------

ขณะที่รุ่งโรจน์นอนหนุนตักแล้วให้สุริยานวดศีรษะให้ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

รุ่งโรจน์ดีดตัวผึงก่อนจะบอกว่า “คุณแม่แน่ ๆ เลย”

เมื่อเห็นอาการของอีกคนเป็นดังนั้น สุริยาก็อดที่จะลนลานไม่ได้..ขณะที่รุ่งโรจน์เดินไปที่ประตู สุริยาก็พยายามตั้งสติ..พอเปิดออกมา รุ่งโรจน์ก็ยกมือทำความเคารพ ก่อนจะประคองคุณแม่คนสวยมานั่งที่โซฟา แล้วก็แนะนำให้สุริยารู้จัก

สุริยายกมือทำความเคารพ นอบน้อม แม่รุ่งโรจน์รับไหว้อย่างไม่เต็มใจนัก ก่อนจะปรายตามองไปรอบ ๆ ห้องอย่างไม่เกรงใจ..แล้วก็แนะนำเด็กผู้หญิงวัยประมาณ 25 ปีที่มาด้วยกันให้รู้จักลูกชายของตน

“หนูดาราวดี..เพิ่งกลับมาจากอเมริกา แม่อยากให้ลูกรู้จัก..” ดาราวดีจัดว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องชมว่าสวยเพียงตั้งแต่แรกเห็น สุริยารอบเพ่งพิศ ก่อนจะนึกถึงความน่าจะเป็นไปในอนาคต

“เดี๋ยวนี้ลูกแม่อ่านหนังสือพระนี่ด้วยหรือ..เธอเก่งนะ สุริยาใช่ไหม ที่ทำให้ลูกชายฉันเป็นอย่างนี้ได้”

“คุณแม่มีเรื่องอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ ถึงมาถึงที่นี่ได้”

เมื่อเห็นรุ่งโรจน์เปลี่ยนประเด็นสุริยาจึงรีบจัดหาน้ำท่ามาต้อนรับแขก

“แม่ก็อยากไปเห็นกิจการของลูก บอกแม่ว่าตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สร้างตัว แต่ไหงวันนี้หยุดงานเสียได้ แม่ผิดหวังจัง”

“ปวดหัวนิดหน่อยครับ” รุ่งโรจน์โกหก

“คืนนี้ว่างไหม”

รุ่งโรจน์ทำหน้ายู่ยี่อย่างไม่สนใจผู้หญิงสวยที่มองตนอย่างชมดชม้อย

“สำหรับคุณแม่ผมคงต้องว่างใช่ไหม”

“ถูกต้อง..เก่งมาก..คืนนี้จะมีงานเปิดตัวสินค้าจากอังกฤษ คอนเซ็ปคือ..แดงเริงฤทธิ์..แล้วหนูดารา ก็ยังหาคนควงไปด้วยไม่ได้ แม่อยากให้ลูกชายแม่ทำหน้าที่นี้ให้หน่อย”

“ครับ แต่ให้เพื่อนผมไปด้วยได้ไหมครับ”

“ไม่นะลูก”

“อย่าเลยคุณรุ่ง ผมไม่สะดวกหรอกครับ” สุริยารีบปฏิเสธเช่นกัน

“ดีมาก..แม่คงแนะนำกับคนอื่นไม่ถูกหรอก ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร เอาไว้ โอกาสหน้าแล้วกัน ขอโทษนะจ๊ะ..” คุณแม่ของรุ่งโรจน์พูดชนิดบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น แต่ก็แฝงไปด้วยการถือเนื้อถือตัว จนกระทั่งสุริยาเองยังรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทั้งที่คุณแม่คนสวยยังไม่ได้กล่าวว่าอะไรเขาสักนิด

หลังจากที่พาลูกชายนั่งรถเบนซ์คันโก้กลับบ้านไปแล้ว สุริยาก็ได้แต่นั่งทอดถอนใจ แล้ว ‘มานะ’ ตัวเป้งก็กลับมาทำงานอีกรอบ..

สักวันเขาต้องมีต้องเป็น จนกระทั่งไปยืนในกลุ่มคนเหล่านี้

-----------------------------------------------------------

เมื่อรุ่งโรจน์หายไปในคืนแรก ตอนหัวค่ำสุริยายอมรับกับตัวเองว่าคิดถึง และในทุกข์ ของคำว่า คิดถึง ก็ได้สติ เหตุแห่งทุกข์ก็คือว่า ‘รัก’ คือปรารถนาจะยึดเขาไว้เป็นของตัวคนเดียว หลังจากสวดมนต์เจริญภาวนา ระลึกถึงความไม่เที่ยงแห่งภาวะจิต และสรรพสิ่งในโลก ใจก็สะอาดสว่างคลายความคิดถึงไปได้ชั่วขณะ จนกระทั่งมามีสมาธิจรดจ่ออยู่กับงานตรงหน้า

คือทำแผนผังเส้นทางออกสำรวจภาคเหนือภายในเจ็ดถึงสิบวัน กับงบประมาณการใช้จ่าย
คร่าว ๆ แต่ยังไม่ทันที่จะลงมือคิดระยะทางตีราคาน้ำมันในแต่ละช่วง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเหมือนทดสอบจิตใจว่าเข้มแข็งพอจะผ่านพ้นกิเลสตัวนี้ไปได้หรือไม่

เมื่อเห็นเบอร์ที่โชว์ ก็คิดว่าจะทำอย่างไรดี..ตัดสินใจที่จะไม่รับ เพราะรู้ว่ารุ่งโรจน์นั้นอยู่กับใคร..แต่ก็รู้ว่าขืนทำอย่างนั้น เขาจะทุรนทุราย เหมือนเด็กถูกขัดใจ

“ครับ..หลับแล้ว หลับแล้วจริง ๆ ..คิดถึงซิ ก็คุณสั่งไว้ให้คิดถึงคุณก่อนนอนทุกวันผมจำได้” กำลังโกหก แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนที่เจ้าของห้องเจ้าเล่ห์จะโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์

“เดี๋ยวนี้ หัดโกหกนะ ไม่ดีรู้ไหม” คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามาโยนเสื้อสูทสีแดงเลือดนกไว้ที่โซฟา แล้วเดินมาเกาะบ่า ชะโงกหน้าดูว่าคนโกหกกำลังทำอะไร

“เหม็นเหล้า” สุริยาว่าให้

“ว่าจะไม่กลับมาแล้ว รู้ว่ามา คุณก็ต้องบ่น แต่ผมก็รู้ว่าคุณต้องคิดถึงผมแน่ ๆ ผมก็เลยกลับมา”

สุริยาไม่ตอบ แสร้งง่วนอยู่กับแผนที่และตัวเลขระยะทางแต่ละช่วง

“คุณนี่รักงานจริง ๆ เลยนะ ..ถามจริง ๆ เถอะคุณยะ คุณมีหัวใจรักใครบ้างหรือเปล่า..”

สุริยาไม่ตอบ..

“ผมถามคุณไม่ได้ยินรึ หัวใจของคุณถวายให้วัดไปแล้วรึ” น้ำเสียงชักจะหาเรื่อง..

“โอเค ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร..เดี๋ยวคืนนี้เจอกันบนเตียง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็ผลุบเข้าห้อง สุริยาได้ยินเสียงอาบน้ำสักพักก็เงียบหายไป คงจะเหนื่อยเพลีย หรือไม่ก็เมามาก ๆ ..

เมื่อได้ระยะทางจากกรุงเทพฯ ไปสิงห์บุรี ชัยนาท อุทัย กำแพงเพชร ตาก ลี้ ฮอด จอมทอง อินทนนท์ แม่แจ่ม ออบหลวง ย้อนกลับมาฮอด ผ่านจอมทอง เข้าเชียงใหม่ เลยไปท่าตอน มุ่งไปดอยแม่สลอง ดอยตุง แม่สาย เชียงแสน เชียงราย พะเยา วกลงมาแพร่ ต่อไปน่าน แล้วย้อนกลับมาแพร่ เข้าลำปาง ลงมานครสวรรค์ แล้วสุริยาก็มาคิดประเมินราคาน้ำมัน..กับงบที่ต้องใช้เป็นค่าที่พักกับค่าอาหารระหว่างเดินทาง..พร้อมกับแนบจุดหมายในแต่ละจุดว่ามีที่ใดน่าสนใจและมีที่ใด ตกสำรวจจากหนังสือท่องเที่ยวบ้าง..ก็เป็นเวลาเกือบตีสาม..ครั้นจะเข้าไปนอนบนเตียงก็กลัวที่รุ่งโรจน์ขู่ไว้ คนเมาขาดสติ ไร้ความยับยั้งชั่งใจ จึงตัดสินใจเปิดประตูห้องนอนเข้าไปปิดไฟ แล้วก็หยิบหมอนออกมาปูผ้านอนบนพรมหน้าโทรทัศน์

แล้วมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีร่างหนัก ๆ มากดทับที่หน้าอกพร้อมกับกอดรัดจนแน่น

“เฮ้ย ทำอะไร” สุริยาทำเสียงตกอกตกใจ

“ทำไมคุณมานอนตรงนี้ล่ะ ทำไมไม่นอนในห้อง คุณรังเกียจอะไรผมรึ..” น้ำเสียงรุ่งโรจน์มีความน้อยใจปนอยู่จนรู้สึกได้

“ผม..” สุริยาไม่ตอบ ปล่อยให้รุ่งโรจน์กอดรัดและก็พร่ำอยู่อย่างนั้น

“คุณเบื่อผมใช่ไหมคุณยะ คุณรำคาญผมซิ คุณรักแสงทองใช่ไหม คุณถึงอยากให้ผมไปจากชีวิตคุณ ใช่ซิ ผมให้คุณหมดทุกอย่างแล้วนี่ คุณได้ทุกอย่างสมใจคุณแล้ว ที่นี้จะตีจากไอ้หน้าโง่คนนี้ใช่ไหม”

ปากก็พร่ำไปพร้อมกับจมูกที่ซุกไซ้ไปตามใบหน้าและซอกคอ จนสุริยารู้สึกสะท้านในหัวอก ก่อนที่จะรวบรวมกำลังหยุดรุ่งโรจน์ไว้ด้วยการพลิกกลับเป็นฝ่ายขึ้นไปกอดรัดจนแน่นกว่าเดิม

“หยุดฟุ้งซ่านได้แล้วคุณรุ่ง..ถ้าผมเป็นอย่างที่คุณคิด ผมหอบผ้าหอบเงินหนีกลับกำแพงเพชรไปแล้วคืนนี้คุณเมา คุณกลับไปนอนเถอะ”

“ไม่เอา ผมจะนอนกับคุณ”

“โอเค ผมจะไปนอนกับคุณ” ว่าแล้วสุริยาก็คลายมือออกพร้อมกับลุกขึ้น แล้วฉุดมือรุ่งโรจน์ให้ลุกตาม แล้วก็เข้าที่นอนฝั่งตัวเอง พอรุ่งโรจน์ตามไปถึงเขาก็ล้มตัวลงนอนกอด ปากก็พร่ำว่า..

“สุริยา ผมรักคุณนะ รักคุณคนเดียว..คุณล่ะรักผมไหม”

สุริยายิ้มในวงหน้า รู้สึกสมใจตน คำนี้เขาอยากได้ยินจากปากผู้ชายคนนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีวันที่นายรุ่งโรจน์จะได้ยินคำว่ารักจากปากเขาเด็ดขาด..ไม่มีวัน..

-----------------------------------------------------------

พระอาทิตย์สาดแสงสว่างเข้ามาทางหน้าต่างที่ลืมปิดผ้าม่านไว้ สุริยางัวเงียตื่นขึ้นมา เพราะเจ้าโทรศัพท์แผดเสียงร้องหาเจ้าของ เจ้าตัวดึงมาดู พบว่าเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคยก่อนจะกดรับ..แล้วรีบลงจากเตียงไปยืนคุยนอกห้อง..

“สุริยาครับ..”

“ฉันแม่รุ่งโรจน์นะ มีอะไรจะพูดด้วยหน่อย..ไม่หน่อยหรอก เรื่องใหญ่เชียวล่ะ..ฟังฉันให้ดีนะนายสุริยา ฉันไม่รู้ว่านายคบกับลูกชายฉันแบบเพื่อนชายหรือว่าแบบคู่ขา แต่สิ่งที่ฉันต้องทำคือปกป้องลูกชายของฉัน เขาเป็นคนหัวอ่อน ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขาหลงใหลเพื่อนชายด้วยกัน สมัยรุ่น ๆ ตอนที่เขาเรียนอยู่มัธยม ก็เคยเกิดเคสนี้มาแล้ว..ฉันทำอย่างไรรู้ไหม ฉันส่งเขาไปเรียนต่อเมืองนอก กลับมาเขาก็กลายเป็นผู้ชายปกติคนหนึ่ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน อายุของเขาควรที่จะมีครอบครัวได้แล้วจะสามสิบอยู่แล้ว แต่ก็มาติดตรงที่นายนี่แหละ มาทำให้ความฝันของฉันป่นปี้ เขาหลงนายมาก ๆ หายใจเข้าออกมีแต่นายคนเดียว จนกระทั่งฉันนี้ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว ไปไหน ใครก็ลือให้หนาหูว่าลูกชายฉันเป็นเกย์ ทั้งที่ฉันก็พยายามสร้างภาพหาข่าวอื่นมากลบอยู่เรื่อย ๆ แต่ฉันยิ่งทำมันก็ยิ่งแย่ เขาก็ยิ่งต่อต้าน..”

“แล้วจะให้ผมทำอย่างไรครับ”

“ไปจากชีวิตลูกชายฉัน สองแสนพอไหม”

พอได้ยินจำนวนเงิน สุริยายอมรับกับตัวเองว่ามือเท้าอ่อนคิดหนัก แต่ถ้าเขารับเงินก็เท่ากับว่าเขาหมดศักดิ์ศรี ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายแม้มันจะไม่เต็มร้อยก็เถอะ

“แต่ผมยืนยันได้นะครับ ว่าเราไม่มีอะไรกัน คุณรุ่งไม่ได้เป็นเกย์สักหน่อย เขาเป็นผู้ชาย
ปกติคนหนึ่ง” ขณะที่โต้ตอบ ก็พยายามตั้งสติ ปรับเสียงให้เย็นที่สุด

“แล้วเธอล่ะเป็นเกย์หรือเปล่า”

“ผมไม่ได้เป็น เราเป็นเพื่อนกัน คุณแม่ถามคุณรุ่งหรือยังล่ะครับ”

“ถามแล้ว เขาบอกว่า ถ้าให้เลือกระหว่างแม่ดาราวดี กับเธอ เขาเลือกเธอ..ฉันถึงเต้นอยู่นี่ไง”

“คุณแม่ครับ คุณรุ่งไม่ได้รังเกียจผู้หญิง แต่ผู้หญิงทำให้เขาเบื่อหน่าย”

“นี่เธอกำลังว่าฉันเจ้ากี้เจ้าการใช่ไหม”

“ไม่ใช่ครับ ผมเรียนความจริงให้คุณแม่ได้รู้ ผมนอนกับคุณรุ่งมาหลายเดือนผมรู้ ว่าถ้าเขาเป็นเกย์เขาคงไม่ปล่อยให้ผมลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก”

“นี่เธอกำลังจะพูดว่าเธอไม่มีอะไรกับเขาซิ ฉันจะเชื่อได้ไหม”

“ผมกำลังให้คุณแม่เชื่อใจลูกชายตัวเองนะครับ ยิ่งคุณแม่พยายามยัดเยียดผู้หญิงที่ไม่ใช่ให้เขา เขาก็จะยิ่งต่อต้าน บางทีนะครับคุณแม่ เขาอาจจะยังไม่เจอคนถูกใจก็ได้ หรือถ้าเขาเจอคนถูกใจ แต่ถ้าไม่ถูกใจคุณแม่ เขาก็สานอะไรต่อไปไม่ได้ คุณแม่ให้โอกาสเขาหน่อยได้ไหม ผมว่าสักวันเขาต้องหาสะใภ้ให้คุณแม่ได้อย่างแน่นอน”

“โอเค..ฉันจะเชื่อ แต่อย่างไรฉันก็อยากให้เธอออกไปจากชีวิตลูกชายฉัน”

“ผมเรียนตามตรงนะครับ ในฐานะที่ผมก็รู้จักเขามาหลายเดือน ยิ่งถ้าผมหายไปช่วงนี้คุณแม่คงจะได้พบกับลูกชายของคุณแม่ในมุมขี้เมาคนหนึ่ง คุณแม่พร้อมหรือครับ”

“เธอขู่ฉันหรือ”

“ผมไม่ได้ขู่ แต่ผมพูดความจริงที่คุณแม่ก็รู้ดี เขาอยู่กับผมกับแสงทองมาตั้งสี่ห้าเดือน แทบไม่เห็นเขาแตะต้องเหล้าบุหรี่ แต่วันนี้เขาเมากลับมา ผมไม่รู้นะครับว่าที่บ้าน มีเรื่องบีบคั้นหัวใจอะไรเขาหรือเปล่าแต่ผมยืนยันด้วยความสัตย์จริง ว่าผมกับแสงทองหวังดีกับเขาจริง ๆ”

สุริยายังอธิบายไม่จบ โทรศัพท์ฝั่งนั้นก็ตัดสายไปเสียแล้ว ครั้นจะโทรกลับก็เห็นไม่ใช่วิสัย แสดงว่ายายคุณนายไฮโซ ฟังและเข้าใจในเรื่องที่เขาชี้แจง พอเปิดประตูเข้าห้องไป พบรุ่งโรจน์นั่งมองมาด้วยสายตามีคำถาม?

“คุยกับใคร เสียงดังเชียว แม่ผมโทรมารังควานคุณซิ”

สุริยาไม่ตอบ เพียงนั่งลงบนเตียงแล้วก็พ่นลมหายใจออกมาโดยไม่เก็บความรู้สึก

“ผมจะไม่พูดให้คุณตามใจแม่คุณ แต่ผมอยากให้คุณพิสูจน์ตัวเองว่า คุณอยู่กับผมคุณเป็นคนดี เป็นคนที่แม่คุณจะไม่มีวันได้เห็นเมื่อเวลาที่คุณอยู่บ้าน”

รุ่งโรจน์ยกมือกุมศีรษะตนเอง แล้วพูดว่า

“ผมกับคุณแม่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งนานแล้ว ผมมีพี่สาวสองคน พี่ชายหนึ่งคน ผมเป็นคนเล็ก พี่ ๆ รักและตามใจ เมื่อสมัยมัธยม ผมรู้จักเพื่อนชายคนหนึ่ง ผมติดเขามาก เราเล่นกันที่โรงเรียนแล้วก็ตามไปเล่นกันที่บ้าน ผมขอไปนอนค้างบ้านเค้าบ่อย ๆ จนกระทั่งคุณแม่ จับผมไปอยู่อเมริกา กลับมาท่านก็บังคับให้ผมทำนั่นทำนี่ อย่างที่ท่านเป็น อย่างที่คุณเห็น ผมไม่ชอบความรักที่เกิดจากการชักนำ มันน่าจะมาจากความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กันมากกว่าฉาบฉวย คิดถึงแต่เรื่องสมบัติและเกียรติยศชื่อเสียงในอนาคต”

“ท่านจ้างผมสองแสนให้ไปจากชีวิตคุณ” สุริยาตัดสินใจบอกความจริง


“ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงจะรีบคว้าไว้ แล้วก็กลับไปจัดทัวร์ที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมสานที่นี่ไว้แล้ว รากแก้วผมเริ่มแทงจนมีรากแขนงแล้ว ถ้าผมไป เท่ากับผมไปนับหนึ่งใหม่ เท่ากับผมทรยศคุณ ผมถือคติเรื่องสันติ คุณก็รู้ว่าผมมองโลกในแง่ดี ให้อภัยกับแผ่เมตตา”

รุ่งโรจน์จับมือของสุริยามากุมไว้

“เราควรที่จะแยกกันอยู่สักพักคุณรุ่ง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณทุกอย่าง”

“ไม่..ผมจะไม่ไปไหนและจะไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น ผมอยากอยู่กับคุณทุกวัน” น้ำเสียงของ
รุ่งโรจน์จริงจังจนสุริยาก็ยังนึกเสียวไส้

“ผมจะเป็นเกย์หรือไม่เป็นเกย์ คุณจะเป็นเกย์หรือไม่เป็นเกย์ คุณคิดว่ามันสำคัญนักรึ..ผมรู้ว่าคุณไม่มีหัวใจ คุณไม่มีความรักให้ทั้งหญิงและชาย คุณมีแต่คำว่าเมตตา ปรารถนาดีกับเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย...ถ้าผมคิดอย่างคุณได้ เราก็อยู่ด้วยกันได้ อยู่อย่างคนไม่มีเพศไม่มีหัวใจ เพียงแต่เรารักและเข้าใจกัน เป็นเพื่อนกัน”

สุริยานึกขำในความคิดของอีกคน

“ถ้าผมเป็นเกย์จริง ๆ ผมคงไม่ปล่อยให้คุณลอยนวลหรอก คุณก็รู้ฤทธิ์ยานอนหลับนั่นแล้วนี่”

สุริยาทำหน้ายู่ยี่ใส่เจ้าของห้อง บอกให้รู้ว่าไม่มีทางเชื่อใจและไว้ใจจนลืมความระวังตัวหรอก แต่อีกใจก็อดที่ลองแย็บดูไม่ได้ว่า

“แล้วถ้าผมเป็นเกย์ขึ้นมาจริง ๆ คุณไม่กลัวผมรึ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2554, 09:55:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2554, 09:55:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1584





<< 15   17 >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:36:14 น.
หนุกมาก ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account