คานน้อย คอยรัก (จบแล้วค่ะ)
คานน้อย คอยรัก
ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที
เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)
มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...
...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...
หรือว่า
...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...
หรืออาจเป็นเพรา
...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...
หรือจริงๆแล้ว
...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...
หรือลึกลงไป
...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...
หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า
...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...
หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า
...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว
...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...
หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า
...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...
เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...
ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที
เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)
มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...
...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...
หรือว่า
...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...
หรืออาจเป็นเพรา
...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...
หรือจริงๆแล้ว
...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...
หรือลึกลงไป
...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...
หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า
...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...
หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า
...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว
...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...
หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า
...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...
เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...
Tags: ดราม่า หวานซึ้ง อบอุ่น หมอรัง สิ้นรัก วายุ ปองขวัญ
ตอน: ยกที่ 85 เสียงที่ไม่ได้ยิน (50%)
คลานมาอย่างเชื่องช้าค่ะ...เฮะๆ
หวังว่าคงไม่ว่ากันนะคะ ที่หดหัวอยู่ในกระดองเสียนาน...เฮะๆ
ยกที่ 86 เสียงที่ไม่ได้ยิน
“น้องไอน่ารักจังเลยคับคุณป๋า…ต้นอยากให้น้องไอเดินได้ไวๆ
เราจะได้เล่นฟุตบอลที่ชายหาดด้วยกัน…”
รังสิมันต์ยิ้มกับท่าทางเห่อลูกชายของเขาของหลานชาย
ที่พักหลังๆดูจะแวะเวียนมาห้องนอนของน้องไอก่อนใครในทุกๆเช้า…
และดูเหมือนจะรักน้องชายคนนี้ยิ่งกว่าน้องชายแท้ๆของตัวเอง
จนคนเป็นพ่ออย่างน้องชายของเขาเริ่มออกอาการงอน
“อีกไม่กี่เดือน รับรองว่าเราจะมีเพื่อนเล่นฟุตบอลด้วยกันแน่ๆ…”
รังสิมันต์ตอบพร้อมกับลูกหัวน้อยๆของหลานชายด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู
ถึงแม้จะมีลูกน้อยอยู่ในอ้อมแขนแล้ว แต่สำหรับเขา
ความรักที่เคยมอบให้กับหลานชายคนนี้ก็ไม่เคยลดน้อยถอยลง…
“น้องไอยิ้มให้ต้นด้วย…คุณป๋าดูสิ…”
เด็กชายดูจะตื่นเต้นทุกครั้งที่น้องชายยิ้มแป้นให้…
“สงสัยจะอยากได้เพื่อนเล่นเหมือนกัน…งั้นคุณป๋าฝากน้องไว้กับต้นสักครู่นะครับ…
คุณป๋าขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย…”พูดจบรังสิมันต์ก็วางลูกชายไว้บนเบาะ
เด็กชายต้นเลยปีนขึ้นไปบนเบาะแล้วนั่งเล่นกับน้องชายด้วยรอยยิ้มเริงร่า…
ทำให้คนมาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องถึงกับยิ้มให้กับภาพนั้น…
แล้วก็หยุดยืนอยู่ตรงนั้นด้วยไม่อยากก้าวเข้าไปรบกวนเวลาที่สองหนุ่มน้อยได้หยอกเล่นกัน…
รังสิมันต์ที่เดินเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาเห็นภาพแม่นมของลูกชายยืนยิ้มคาประตูอยู่
ก็ให้กระตุกคิ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นปกติแล้วเรียกหญิงสาว
ที่ดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่ามีเขายืนอยู่ไม่ห่าง…
“เข้ามาสิรีน…”เสียงนั้นส่งผลทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งก่อนจะรีบปรับสีหน้า
แล้วก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปรับนายน้อยของตนที่ตอนนี้คงต้องการน้ำนมจากอกเธอแล้ว…
เนื่องจากเธอรอให้นายหัวรังพาลงไปยังด้านล่างนานจนผิดเวลา
ทว่ากลับไม่เห็นอีกฝ่ายพานายน้อยลงไป เธอจึงจำต้องขึ้นมาดู
ว่ามีอะไรผิดปกติหรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า…
“ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ฉันมัวแต่โอ้เอ้ ปล่อยให้เธอรอ…
ยังไงวันนี้ฉันคงต้องฝากลูกไอไว้กับเธอทั้งวัน เพราะมีงานต้องสะสาง
คงจะกลับดึกๆ…ถ้าเธอง่วงก็หลับไปก่อนได้เลยนะ…
แล้วฉันค่อยเคาะห้องพาน้องไอกลับมานอนด้วยตอนกลับมาถึง…”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะถึงอย่างไรก็ไม่อาจคัดค้านได้
เนื่องจากเสียงของเธอนั้นคงไม่มีใครได้ยิน…
และเหมือนรังสิมันต์จะเข้าใจถึงเสียงที่ดังอยู่ข้างในของหญิงสาว…
“ฉันแค่อยากนอนกอดลูกทุกๆคืนเท่าที่จะสามารถทำได้…
อยากให้ความอบอุ่นแก่เขาอย่างที่พ่อคนนึงควรจะทำ…
เพราะตอนนี้เขาไม่มีแม่…ไม่มีอ้อมกอดของแม่…เธอคงเข้าใจฉันนะรีน”
หญิงสาวผู้เป็นแม่นมถึงกับเงยหน้าขึ้นมองคนพูด
ทั้งๆที่ปกติไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายแบบตรงๆเช่นนี้
ทำเอาคนถูกจ้องถึงกับกระตุกคิ้วนิดนึง…
นีสรีนจึงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ…เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้เกิดความยุ่งยากลำบากแก่เขา
เนื่องจากเธอสามารถนอนกับนายน้อยได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องมาเคาะห้องเธอตอนดึกๆ
เพื่อจะนำลูกน้อยกลับไปนอนด้วย
…สำหรับเธอ เธอยินดีและเต็มใจจะนอนกอดนายน้อยในทุกๆคืนด้วยซ้ำ…
“เขาคือแก้วตาดวงใจของฉัน…ฉันรอคอยการมาถึงของเขาจนได้อยู่กับเขา…
อย่างไรฉันก็อยากใช้เวลาที่มีอยู่กับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้…”
พูดพลางก็สวมถุงมือให้ลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนของแม่นมอย่างเบามือ
เนื่องจากเช้าๆเช่นนี้อากาศค่อนข้างเย็น…
ซ้ำผิวของลูกน้อยก็ยังบอบบางเกินจะต่อสู้กับแสงแดดจากภายนอกได้เท่าที่ควร
“คุณป๋าฝากน้องไอให้ต้นดูแลด้วยนะครับ…”รังสิมันต์หันไปทางหลานชาย
ที่ดูจะไม่ยอมห่างกายเจ้าลูกชายของเขาเลย…
เห็นอย่างนี้แล้วอดภูมิใจไม่ได้…
“คับ…ต้นจะช่วยป้ารีนดูแลน้องไอให้ดีที่สุดเลยคับ…
ส่วนน้องลูกแก้ว...ต้นยกให้ปายรับผิดชอบไปแล้วคับ…”
รังสิมันต์หัวเราะกับถ้อยคำที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่ของหลานชาย
สงสัยพักหลังๆอยู่กับผู้ใหญ่มากเกินไป เลยใช้คำพูดเหมือนที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกัน…
รังสิมันต์จึงยกมือขึ้นโยกศีรษะของหลานชายแล้วหันไปหยิกแก้มลูกชาย
ด้วยความหมั่นเขี้ยวและไม่ลืมเหลียวมองเสี้ยวหน้าของแม่นม
ทั้งๆที่ปกติเขาไม่เคยคิดจะมองหญิงใดหรือสนใจหญิงใดเลยหลังจากได้รักยัยตัวเล็ก…
แต่เขาว่า…ผู้หญิงตรงหน้้าเขามีอะไรบางอย่างแปลกๆ
และที่ว่าแปลกนั้น…มันแปลกต่อหัวใจของเขา…
คิดไปก็ให้หงุดหงิดตัวเอง รังสิมันต์จึงได้แต่ทอดถอนใจ
ก่อนจะเลิกล้มความคิดด้วยการเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวเก่ง
แล้วเดินนำทุกคนออกจากห้องไป…
.................................................................
เสียงเกลียวคลื่นซัดกระทบหาดทรายครั้งแล้วครั้งเล่า
ทำให้รังสิมันต์ต้องทรุดตัวลงนั่งบนผืนทรายสีขาว
…บนทางเดินช่างดูว่างเปล่าหลังจากที่เธอเดินจากเขาไปโดยเขายังหาตัวเธอไม่เจอ…
หลายครั้งที่เขาท้อแท้จนเกือบจะสิ้นหวังกับการงมหาปลาดาวตัวน้อยที่หายไปในเกลียวคลื่น…
ดวงอาทิตย์เช่นเขาคงเดียวดายหากขาดปลาดาวตัวน้อยที่เคยช้อนตามองเขา
ด้วยความรักความภักดี…
ตอนอยู่ด้วยกันเขากลับแผดเผาเธอให้หัวใจแห้งผากจนเธอทนไม่ไหว
เลยยอมให้เกลียวคลื่นซัดกลับสู่ท้องทะเล จนยามนี้ เขาก็ไม่อาจหาเธอเจอ
…ท้องทะเลช่างกว้างใหญ่เช่นนี้ เขาจะหาปลาดาวตัวน้อยตัวนิด
ตัวนั้นได้อย่างไร จะมีวิธีใดให้ปลาดาวตัวน้อยกลับมาเกยฝั่งอีกครั้ง...
ครั้งนึงเขาเคยสงสารปลาดาวอย่างเธอจนยอมตัดใจขว้างเธอให้กลับคืนสู่ท้องทะเล
ทั้งๆที่ลึกๆแล้วเขาก็อยากเก็บปลาดาวตัวน้อยเอาไว้ข้างกาย…
และกว่าจะได้เจอเธอปลาดาวที่เขาขว้างกลับสู่ทะเลไปในคราวนั้นอีกครั้ง…
ก็กินระยะเวลาร่วมสิบปี…
เกลียวคลื่นได้ซัดเธอกลับมาเกยฝั่งให้พระอาทิตย์อย่างเขาได้ใกล้ชิดอีกครั้ง
และเป็นอีกครั้งที่เขาไม่อาจทำให้เธอทนอยู่กับพระอาทิตย์อย่างเขาได้…
เธอจึงกลับคืนสู่ท้องทะเลที่ยากจะหยั่งถึงความลึกของมัน
…ยากจะหาปลาดาวตัวน้อยให้เจอได้…
เขารู้ว่าถ้าเธอต้องการหลบเขาแล้วล่ะก็…เขาจะไม่มีทางหาเธอเจอ…
เสียงผ้าสะบัดยามต้องลมทำให้รังสิมันต์หันกลับไปมองด้านหลัง
ก็พบกับแม่นมของลูกชายพร้อมกับมือถือที่ถูกยื่นมาตรงหน้าเขา…
รังสิมันต์มองมือถือในมือที่มีเสียงเรียกเข้า ดวงตาจ้องมองเบอร์โทร
ที่แม้จะไม่ได้บันทึกชื่อเอาไว้ แต่เขาก็จำได้ดีว่าเป็นเบอร์ของใคร
ชายหนุ่มมองหน้าคนยื่นแล้วพยักหน้าก่อนจะกดรับ…
“มีอะไร…”เสียงนั้นค่อนข้างห้วน
“ได้ข่าวว่าเมียหาย…หาเจอรึยังวะ…”
“จมูกดีนี่…น่าจะช่วยงานพ่อที่เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้ดีไม่น้อย…”
รังสิมันต์กระตุกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านในที่ไร้เสียงคลื่นรบกวนการสนทนา…
ก่อนไปยังหันมามองหน้าแม่นมของลูกชายที่เดินไปอีกทาง
“ปากแกก็ยังดีไม่เคยเปลี่ยน…”
“มีอะไรก็ว่ามา…”รังสิมันต์เข้าเรื่องทันทีเพราะชักจะเริ่มรำคาญอีกฝ่ายขึ้นมา
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกว่า…ตอนนี้เมียแกอยู่กับฉัน
ที่เกาะไหนสักเกาะที่แกจะเข้ามารบกวนความสุขเราไม่ได้ก็เท่านั้น…”
คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังสะทกสะท้านขึ้นมาแต่อย่างใด
ใจของคนฟังยังคงนิ่งสงบแม้จะมีคลื่นรบกวนสักแค่ไหน…
“แค่นี้ใช่ไหมที่แกต้องการบอกฉัน…”รังสิมันต์พูดจบก็ยกหูจะกดวาง
ทว่าเสียงอีกฝ่ายกลับดังขัดราวกับรู้ทันว่าอีกฝ่ายจะตัดสายเขา
“อย่าเพิ่งซี่…ฉันไม่ได้แค่พูดปากเปล่าหรอกนะ…แต่มีรูปถ่าย
พร้อมวิดิโอที่ปราศจากการตัดต่อมาให้แกดูเป็นการยืนยัน
ถึงสถานะที่เปลี่ยนไปของฉันกับเมียของแกด้วยนะ…”
“เพื่ออะไร…”รังสิมันต์ถามอย่างรำคาญ
“ก็เพื่อที่แกจะได้เลิกตามหาเมียสักทีน่ะสิ…ฉันสงสารแกหรอกนะ
ถึงได้โทรมาบอกให้รู้ กลัวแกจะเหนื่อยเปล่ากับการตามหาคนที่เขาไม่ได้รักแกแล้ว…”
รังสิมันต์กัดฟันข่มความรู้สึกข้างในก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เก็บความสงสารของแกเอาไว้ใช้กับคนในครอบครัวแกเถอะ…”
พูดจบรังสิมันต์ก็กดวางทันที
…เพราะแค่เท่านั้นก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับกำหมัดกัดฟันกรอด…
และเพียงไม่นาน รังสิมันต์ก็ได้รับรูปถ่ายพร้อมคลิปวิดิโอ…
ชายหนุ่มเปิดดูอยู่นานก่อนจะถอนใจออกมาแล้วเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังศาลา
ที่อยู่ท่ามกลางกุหลาบขาวที่กำลังออกดอกชูช่อสวยงาม…
และบัดนี้ก็ได้มีหญิงร่างบางกำลังนั่งพับเพียบบนตั่งที่วางอยู่กลางศาลา
โดยมีลูกชายของเขากำลังนอนหลับในตักของเธอ
โดยบนพื้นศาลาข้างๆตั่งมีเปลสำหรับเด็กวางอยู่ด้วย...
ลมโชยพัดเบาๆทำให้ผ้าม่านสีขาวบางรอบศาลาพลิ้วตามแรงลม
เสียงโมมายที่ทำจากเปลือกหอยส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง…
เขาไม่แปลกใจเลยหากแม่นมของลูกชายจะพาลูกของเขามานอนพักเที่ยงตรงบริเวณนี้
เพราะที่ตรงนี้มันเหมาะสำหรับนอนหลับพักผ่อน มันทั้งสงบและร่มเย็น…
รังสิมันต์ก้าวเข้าไปโดยไม่กล่าวคำใด
ร่างใหญ่นั่งลงบนตั่งแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆที่ว่างที่แม่นมของลูกชายนั่งอยู่
โดยใช้แขนข้างหนึ่งหนุนศีรษะ…แล้วหลับตานิ่ง…
นีสรีนมองใบหน้าหล่อคม ไร้สิว ไร้หลุม ไร้ร่องรอยตำหนิใดๆนั่นแล้วให้นึกเห็นใจ…
ถ้าเธอสามารถเปล่งเสียงออกไปได้ เธอก็อยากจะปลอบใจเขา ให้กำลังใจเขา
…แต่เธอทำไม่ได้ เธอพูดออกไปไม่ได้
…นี่คือสิ่งเดียวที่เธอทำไม่ได้…
สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่นั่งนิ่งแล้วก็มองคนที่กำลังหลับตาไปอย่างนี้
บางที…เขาอาจต้องการความสงบมากกว่าคำพูดใดๆจากใครก็ได้…
และเพียงไม่นาน เสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่บอกให้รู้ว่าคนที่กำลังหลับตาได้หลับไปแล้วนั้น…
ส่งผลให้คนมองถึงกับระบายย้ิมออกมา
ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้ต่างไปจากเด็กน้อยที่อยู่ในตักของเธอเลย…
ที่แค่ต้องการที่สงบ ลมเย็นๆ แสงแดดอ่อนๆ…
และมีคนที่คอยนั่งเฝ้าระวังภัยให้...คนที่เขาคิดว่าจะไม่ทิ้งเขาให้นอนคนเดียวอยู่ตรงนี้…
และพอตื่นมาเขาก็จะได้เห็นว่าคนๆนั้นยังคงอยู่กับเขาไม่ได้ไปไหน…
รังสิมันต์ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นคนที่เขาคิดว่าจะนั่งอยู่ข้างๆเขา
ชายหนุ่มยันกายให้ลุกขึ้น และเมื่อลุกขึ้นจึงได้เห็นหญิงร่างบาง
กำลังนั่งตัดแต่งดอกกุหลาบที่มีแจกันวางอยู่ตรงหน้า…
ดอกกุหลาบค่อยๆถูกบรรจงวางลงในแจกันทีละดอก
รังสิมันต์มองภาพนั้นอยู่นานโดยไม่ได้เอ่ยหรือทำลายความเงียบ
ก่อนจะมองหาลูกชายซึ่งกำลังนอนพริ้มตาหลับอยู่ในเปล…
และเหมือนคนที่หันหลังให้เขาอยู่จะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกจับตา
เสี้ยวหน้าของเธอจึงหันมาหาเขา
ก่อนจะแย้มยิ้มให้เขาเพียงนิดแล้วหันกลับไปจัดแจกันต่อ…
“นี่ฉันหลับไปนานมากเลยใช่มั้ย…”รังสิมันต์พึมพำออกมา
เพราะมองแสงอาทิตย์ที่กำลังอ่อนแสงบ่งบอกว่าช่วงเย็นของวันได้แวะมาทักทายแล้ว…
หญิงสาวที่ได้ฟังจึงหันมามองพร้อมกับยื่นดอกกุหลาบสีขาวในมือให้หนึ่งดอก…
“ให้ฉันทำไม…”รังสิมันต์ถามเสียงเบาพร้อมเลิกคิ้ว…
นีสรีนจึงยกกุหลาบในมือของตนขึ้นมาสูดดม…
รังสิมันต์จึงเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะบอก เขาจึงยกกุหลาบในมือขึ้นดม…
ทำให้อารมณ์ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาสดใสขึ้น…
“จริงๆแล้วฉันชอบกลิ่นดอกมะลิมากกว่านะ…มันหอมเย็นดี…”
รังสิมันต์พูดในขณะที่สายตาก็จับจ้องสองมือที่กำลังจัดดอกไม้
ลงในแจกันอย่างตั้งใจอยู่…ภาพตรงหน้ามันทำให้เขาอดนึกถึงปลาดาวตัวน้อยของเขาขึ้นมาไม่ได้…
จึงทำให้เขาเห็นภาพของยัยตัวเล็กซ้อนทับหญิงสาวร่างบางตรงหน้าขึ้นมา…
ก่อนจะสะบัดหน้าแล้วกุมขมับ
…เขาคงคิดถึงภรรยามากเกินไปแล้ว…
คิดได้ดังนั้น รังสิมันต์จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังลูกชายที่นอนอยู่ในเปล
ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกชายของเขาบิดกายไปมาก่อนจะลืมตาจ้องเขม็งมาที่เขา
ไร้เสียงร้องไห้งอแง รังสิมันต์ระบายยิ้มแล้วส่งยิ้มนั้นไปให้ลูกชายอย่างนึกเอ็นดู
…ยิ้มแป้นขนาดนี้แสดงว่ากินอิ่มนอนอร่อยแน่ๆ…
คุณพ่อมือใหม่หัดขับคุกเข่าลงแล้วยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มใสของลูกน้อย
แล้วก็ได้รับรอยยิ้มจากลูกชายเป็นรางวัล
“ตื่นแล้วเหรอลูกพ่อ…มามะ…เดี๋ยวพ่อจะพาไปเดินเล่นกัน…”
รังสิมันต์ค่อยๆช้อนร่างลูกชายที่ยังคงบิดขี้เกียจไปมาอยู่บนที่นอน
พร้อมกับเช็คผ้าอ้อมลูกไปด้วย ปรากฏว่าลูกชายยังไม่ได้ฉี่รดผ้าอ้อม
คุณพ่อมือใหม่หัดขับจึงจับลูกชายอุ้มแล้วหันไปทางแม่นมที่บัดนี้ได้จัดแจกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับบอกเธอเสียงเรียบว่า
“เธอจะกลับขึ้นเรือนเลยก็ได้นะ เดี๋ยวฉันจะพาลูกไอเดินเล่นกินลมแถวนี้ก่อน…
นานๆจะว่างอย่างวันนี้สักที…”สักพักเขาก็เห็นเธอหยิบกระดานไวท์บอร์ดอันน้อยขึ้นมา
แล้วเขียนว่า
‘นายน้อยอาจจะหิวนมค่ะ…’
รังสิมันต์ยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ถ้านายน้อยของเธอกวนเพราะหิวนม ฉันจะรีบพาเขาไปหาเธอเลย...โอเคมั้ย…
แต่ตอนนี้ ขอให้เราสองพ่อลูกได้พูดคุยกันตามประสาพ่อลูกนิดนึงนะรีน…
เพราะฉันมีเรื่องอยากจะบอก อยากจะถามความเห็นลูกไอของฉันเยอะเลยทีเดียว…”
ถ้อยคำที่แกมหยิกแกมหยอกนั้นทำให้คนฟังถึงกับอมยิ้ม
เด็กน้อยตัวแค่นี้จะออกความเห็นอะไรให้เขาได้…
คงทำได้แค่ยิ้มให้หรือไม่ก็ฉี่รดใส่ก็เท่านั้น…
…นี่นายหัวรังคิดจะปรีกษาปัญหาหัวใจกับลูกชายอย่างนั้นหรือ…
…ช่างเป็นความคิดที่แสนบรรเจิดเสียเหลือเกิน…
…เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายคงทำได้แค่เป็นผู้ฟังที่ดี…
…ไม่แน่ว่าเขาอาจจะแค่ต้องการเพียงผู้ฟังอย่างเดียวเท่านั้นก็ได้…
…จิตแพทย์อย่างเขา ต่อให้เจอปัญหาอะไร คงไม่ยากที่จะผ่านมันไปได้…
…เธอเชื่อเช่นนั้น….
“ฉันชักกังวลใจนะมูนะ…”นายหญิงแพรวาถึงกับทอดถอนใจ
เมื่อมองไปยังลูกชายของตนที่กำลังอุ้มลูกชายเดินเล่น
โดยมีแม่นมของหลานชายเดินตามต้อยๆๆ
“กังวลใจเรื่องอะไรเหรอคะนายหญิง…”แพรวาถอนใจอีกรอบ
“ชายหญิงใกล้กัน มันก็ไม่ต่างจากน้ำมันใกล้ไฟ…”
คำพูดนั้นทำเอาคนเป็นแม่นมของสิ้นรักถึงกับสะดุ้งมองคนพูดนิ่ง
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้นล่ะนายหญิง…นายน้อยไม่ใช่คนแบบนั้น นายหญิงน่าจะทราบดี…”
แพรวาหันมามองคนพูดแล้วเดินไปนั่งตรงม้านั่ง
ที่สามารถมองไปยังท้องทะเลกว้างได้ถนัดตา…
“ฉันกลัวว่าความเหงาจะทำให้เขาสองคนหันมาเห็นใจกัน…”
นั่นคือสิ่งที่รบกวนจิตใจของแพรวาไม่ให้สงบสุขมาเป็นแรมเดือน
ยิ่งลูกสะใภ้ใหญ่ของเธอหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ยิ่งกังวล
เธอแน่ใจว่า ลูกสะใภ้ของเธอย่อมมีเหตุผลบางอย่างที่ทำเช่นนี้…
และระหว่างนี้เธอก็ไม่ต้องการให้ลูกชายเผลอเอาใครมาทดแทนตำแหน่งนั้น…
“นีสรีนดูจะเป็นคนไว้ใจได้อยู่นะคะ และที่สำคัญดูจะเคร่งครัดต่อหลักการของศาสนาอยู่ไม่น้อย…
อย่าเพิ่งคิดกังวลใจในสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไงเลยค่ะ…
อย่างน้อยตอนนี้น้องไอก็ดูจะกินอิ่มนอนหลับ…ไม่งอแง…
นีสรีนดูจะรักน้องไอไม่น้อยเลยนะคะนายหญิง…ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี…
นมอยากให้นายหญิงมองในแง่ดีบ้าง…อีกอย่าง…นายน้อยเป็นคนรู้จักผิดชอบชั่วดี…
คงไม่ทำอะไรที่เป็นการไม่ดีหรือทำเรื่องบัดสีแน่นอนค่ะ นมเชื่ออย่างนั้น…”
แพรวาพ่นลมหายใจแล้วก็จับหน้าผากตัวเอง…
“ขออย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นอีกเลย…แค่ที่เป็นอยู่ฉันก็สุดจะทานทนแล้วมูนะ…
นายบันเองคงไม่ชอบใจนัก ถ้ามีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นจริงๆ…
แล้วนี่เขาบอกว่าจะมาหาหลานชายอีกวันไหนนะ…”
“มะรืนนี้ค่ะ…หลังจากพักฟื้นมาเกือบเดือน…”
“อาการยิ่งน่าเป็นห่วงอยู่ด้วย…”แพรวาพึมพำ
“เห็นนายน้อยบอกว่า…อาการจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ…ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดี
ได้ข่าวว่ารอบนี้แม้จะหนักไปหน่อย แต่โอกาสหายมีสูงมากค่ะ…
หมอกานต์เขาเก่งค่ะ ยิ่งได้หนูน้ำร้อยคอยดูแลไม่ให้ห่างกายแบบนั้น
ยิ่งไม่ต้องกังวล…จะห่วงก็ตรงเรื่องหนูรักที่หายตัวไปนี่แหล่ะค่ะ…
ถ้ารู้ว่าพ่อไม่สบายแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะโผล่ออกมาจากที่หลบซ่อนตัวอยู่ก็ได้นะคะ”
แพรวาระบายยิ้มออกมา อย่างน้อยเธอก็ยังอยากทะเลาะกับนายบันไปอีกนานๆ…
“ก็เป็นความคิดที่ดีนะ…แล้วฉันจะลองปรึกษานายบันเขาดู…
แต่รายนั้นหรือจะกล้าประกาศความอ่อนแอของตัวเองให้ลูกสาวรู้…”
“ไม่แน่ว่าถ้าอยากเจอลูกสาวมากๆ อาจจะกล้าประกาศลั่น
ต่อหน้าหนังสือพิมพ์เลยก็ได้ค่ะ…”
“แล้วไอ้พวกศัตรูมันก็จะได้รู้ด้วยใช่มั้ยมูนะ”เสียงนั้นเหมือนจะปรามอยู่ในที
“ถ้าพวกนั้นรู้…คงได้ใจ…”แพรวาพึมพำ
“แต่ที่ได้ข่าวมา…ตอนนี้ฝั่งนั้นก็อาการร่อแร่อยู่ไม่น้อยนะคะ
ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากน้อยแค่ไหน…รู้สึกว่าเขาปิดกันให้แซตว่า
สองพี่น้องเป็นโรคทางเลือด…แต่โรคอะไรนั้นไม่มีใครกล้าเฉลยกัน…”
“เวรกรรมแท้ๆ…”แพรวากล่าวพลางลอบถอนใจเป็นรอบที่ร้อย…
ก่อนจะมองไปยังภาพลูกชายกับหลานชายและหญิงร่างบาง…
…มีบางอย่างที่สะกิดใจแพรวาขึ้นมา...
ฉุดรอยยิ้มบนใบหน้าที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน…
..................................................................................
แล้วจะพยายามปั่นอีก 50% มาให้หมั่นไส้หมอรังกันต่อนะคะ...
ช่วงนี้ไม่ว่างคุยด้วยจริงๆ นักอ่านคงไม่แอบเคืองเต่าโยนะคะ...เฮะๆ
เอาไว้ฟ้าสดใส ไร้มรสุม...เต่าโยจะกลับมาพร่ามกับนักอ่านให้เยอะกว่านี้ค่ะ...
ขอบคุณเหลือเกินค่ะสำหรับทุกๆคอมเม้นท์ ทุกๆไลค์ที่กดให้
และทุกๆวิวที่เปิดเข้ามาอ่าน...
ซึ่งมันคือกำลังใจที่ทำให้เต่าโยซึ่งกำลังร่อแร่ไม่แพ้หมอรังมีแรงมานั่งปั่นนิยายต่อ
แม้จะมาได้ไม่ถี่แถมยังมาแบบไม่เต็มร้อย...แต่เต่าโยจะพยายามซอยเท้าให้ถี่ขึ้นนะคะ...
ขออภัยที่หายหัวไปนานด้วยน้าาาาาาาา...
แล้วเจอกันค่ะ...
ด้วยรักและคิดถึง
"เต่าโย"
หวังว่าคงไม่ว่ากันนะคะ ที่หดหัวอยู่ในกระดองเสียนาน...เฮะๆ
ยกที่ 86 เสียงที่ไม่ได้ยิน
“น้องไอน่ารักจังเลยคับคุณป๋า…ต้นอยากให้น้องไอเดินได้ไวๆ
เราจะได้เล่นฟุตบอลที่ชายหาดด้วยกัน…”
รังสิมันต์ยิ้มกับท่าทางเห่อลูกชายของเขาของหลานชาย
ที่พักหลังๆดูจะแวะเวียนมาห้องนอนของน้องไอก่อนใครในทุกๆเช้า…
และดูเหมือนจะรักน้องชายคนนี้ยิ่งกว่าน้องชายแท้ๆของตัวเอง
จนคนเป็นพ่ออย่างน้องชายของเขาเริ่มออกอาการงอน
“อีกไม่กี่เดือน รับรองว่าเราจะมีเพื่อนเล่นฟุตบอลด้วยกันแน่ๆ…”
รังสิมันต์ตอบพร้อมกับลูกหัวน้อยๆของหลานชายด้วยแววตารักใคร่เอ็นดู
ถึงแม้จะมีลูกน้อยอยู่ในอ้อมแขนแล้ว แต่สำหรับเขา
ความรักที่เคยมอบให้กับหลานชายคนนี้ก็ไม่เคยลดน้อยถอยลง…
“น้องไอยิ้มให้ต้นด้วย…คุณป๋าดูสิ…”
เด็กชายดูจะตื่นเต้นทุกครั้งที่น้องชายยิ้มแป้นให้…
“สงสัยจะอยากได้เพื่อนเล่นเหมือนกัน…งั้นคุณป๋าฝากน้องไว้กับต้นสักครู่นะครับ…
คุณป๋าขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย…”พูดจบรังสิมันต์ก็วางลูกชายไว้บนเบาะ
เด็กชายต้นเลยปีนขึ้นไปบนเบาะแล้วนั่งเล่นกับน้องชายด้วยรอยยิ้มเริงร่า…
ทำให้คนมาใหม่ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องถึงกับยิ้มให้กับภาพนั้น…
แล้วก็หยุดยืนอยู่ตรงนั้นด้วยไม่อยากก้าวเข้าไปรบกวนเวลาที่สองหนุ่มน้อยได้หยอกเล่นกัน…
รังสิมันต์ที่เดินเปิดประตูห้องน้ำเดินออกมาเห็นภาพแม่นมของลูกชายยืนยิ้มคาประตูอยู่
ก็ให้กระตุกคิ้วก่อนจะเปลี่ยนเป็นปกติแล้วเรียกหญิงสาว
ที่ดูเหมือนจะไม่รู้เลยว่ามีเขายืนอยู่ไม่ห่าง…
“เข้ามาสิรีน…”เสียงนั้นส่งผลทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งก่อนจะรีบปรับสีหน้า
แล้วก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปรับนายน้อยของตนที่ตอนนี้คงต้องการน้ำนมจากอกเธอแล้ว…
เนื่องจากเธอรอให้นายหัวรังพาลงไปยังด้านล่างนานจนผิดเวลา
ทว่ากลับไม่เห็นอีกฝ่ายพานายน้อยลงไป เธอจึงจำต้องขึ้นมาดู
ว่ามีอะไรผิดปกติหรือมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า…
“ขอโทษด้วยนะที่วันนี้ฉันมัวแต่โอ้เอ้ ปล่อยให้เธอรอ…
ยังไงวันนี้ฉันคงต้องฝากลูกไอไว้กับเธอทั้งวัน เพราะมีงานต้องสะสาง
คงจะกลับดึกๆ…ถ้าเธอง่วงก็หลับไปก่อนได้เลยนะ…
แล้วฉันค่อยเคาะห้องพาน้องไอกลับมานอนด้วยตอนกลับมาถึง…”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างว่าง่าย เพราะถึงอย่างไรก็ไม่อาจคัดค้านได้
เนื่องจากเสียงของเธอนั้นคงไม่มีใครได้ยิน…
และเหมือนรังสิมันต์จะเข้าใจถึงเสียงที่ดังอยู่ข้างในของหญิงสาว…
“ฉันแค่อยากนอนกอดลูกทุกๆคืนเท่าที่จะสามารถทำได้…
อยากให้ความอบอุ่นแก่เขาอย่างที่พ่อคนนึงควรจะทำ…
เพราะตอนนี้เขาไม่มีแม่…ไม่มีอ้อมกอดของแม่…เธอคงเข้าใจฉันนะรีน”
หญิงสาวผู้เป็นแม่นมถึงกับเงยหน้าขึ้นมองคนพูด
ทั้งๆที่ปกติไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่ายแบบตรงๆเช่นนี้
ทำเอาคนถูกจ้องถึงกับกระตุกคิ้วนิดนึง…
นีสรีนจึงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ…เพราะเธอเองก็ไม่อยากให้เกิดความยุ่งยากลำบากแก่เขา
เนื่องจากเธอสามารถนอนกับนายน้อยได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องมาเคาะห้องเธอตอนดึกๆ
เพื่อจะนำลูกน้อยกลับไปนอนด้วย
…สำหรับเธอ เธอยินดีและเต็มใจจะนอนกอดนายน้อยในทุกๆคืนด้วยซ้ำ…
“เขาคือแก้วตาดวงใจของฉัน…ฉันรอคอยการมาถึงของเขาจนได้อยู่กับเขา…
อย่างไรฉันก็อยากใช้เวลาที่มีอยู่กับเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้…”
พูดพลางก็สวมถุงมือให้ลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนของแม่นมอย่างเบามือ
เนื่องจากเช้าๆเช่นนี้อากาศค่อนข้างเย็น…
ซ้ำผิวของลูกน้อยก็ยังบอบบางเกินจะต่อสู้กับแสงแดดจากภายนอกได้เท่าที่ควร
“คุณป๋าฝากน้องไอให้ต้นดูแลด้วยนะครับ…”รังสิมันต์หันไปทางหลานชาย
ที่ดูจะไม่ยอมห่างกายเจ้าลูกชายของเขาเลย…
เห็นอย่างนี้แล้วอดภูมิใจไม่ได้…
“คับ…ต้นจะช่วยป้ารีนดูแลน้องไอให้ดีที่สุดเลยคับ…
ส่วนน้องลูกแก้ว...ต้นยกให้ปายรับผิดชอบไปแล้วคับ…”
รังสิมันต์หัวเราะกับถ้อยคำที่ฟังดูเป็นผู้ใหญ่ของหลานชาย
สงสัยพักหลังๆอยู่กับผู้ใหญ่มากเกินไป เลยใช้คำพูดเหมือนที่ผู้ใหญ่ชอบพูดกัน…
รังสิมันต์จึงยกมือขึ้นโยกศีรษะของหลานชายแล้วหันไปหยิกแก้มลูกชาย
ด้วยความหมั่นเขี้ยวและไม่ลืมเหลียวมองเสี้ยวหน้าของแม่นม
ทั้งๆที่ปกติเขาไม่เคยคิดจะมองหญิงใดหรือสนใจหญิงใดเลยหลังจากได้รักยัยตัวเล็ก…
แต่เขาว่า…ผู้หญิงตรงหน้้าเขามีอะไรบางอย่างแปลกๆ
และที่ว่าแปลกนั้น…มันแปลกต่อหัวใจของเขา…
คิดไปก็ให้หงุดหงิดตัวเอง รังสิมันต์จึงได้แต่ทอดถอนใจ
ก่อนจะเลิกล้มความคิดด้วยการเดินไปหยิบเสื้อคลุมตัวเก่ง
แล้วเดินนำทุกคนออกจากห้องไป…
.................................................................
เสียงเกลียวคลื่นซัดกระทบหาดทรายครั้งแล้วครั้งเล่า
ทำให้รังสิมันต์ต้องทรุดตัวลงนั่งบนผืนทรายสีขาว
…บนทางเดินช่างดูว่างเปล่าหลังจากที่เธอเดินจากเขาไปโดยเขายังหาตัวเธอไม่เจอ…
หลายครั้งที่เขาท้อแท้จนเกือบจะสิ้นหวังกับการงมหาปลาดาวตัวน้อยที่หายไปในเกลียวคลื่น…
ดวงอาทิตย์เช่นเขาคงเดียวดายหากขาดปลาดาวตัวน้อยที่เคยช้อนตามองเขา
ด้วยความรักความภักดี…
ตอนอยู่ด้วยกันเขากลับแผดเผาเธอให้หัวใจแห้งผากจนเธอทนไม่ไหว
เลยยอมให้เกลียวคลื่นซัดกลับสู่ท้องทะเล จนยามนี้ เขาก็ไม่อาจหาเธอเจอ
…ท้องทะเลช่างกว้างใหญ่เช่นนี้ เขาจะหาปลาดาวตัวน้อยตัวนิด
ตัวนั้นได้อย่างไร จะมีวิธีใดให้ปลาดาวตัวน้อยกลับมาเกยฝั่งอีกครั้ง...
ครั้งนึงเขาเคยสงสารปลาดาวอย่างเธอจนยอมตัดใจขว้างเธอให้กลับคืนสู่ท้องทะเล
ทั้งๆที่ลึกๆแล้วเขาก็อยากเก็บปลาดาวตัวน้อยเอาไว้ข้างกาย…
และกว่าจะได้เจอเธอปลาดาวที่เขาขว้างกลับสู่ทะเลไปในคราวนั้นอีกครั้ง…
ก็กินระยะเวลาร่วมสิบปี…
เกลียวคลื่นได้ซัดเธอกลับมาเกยฝั่งให้พระอาทิตย์อย่างเขาได้ใกล้ชิดอีกครั้ง
และเป็นอีกครั้งที่เขาไม่อาจทำให้เธอทนอยู่กับพระอาทิตย์อย่างเขาได้…
เธอจึงกลับคืนสู่ท้องทะเลที่ยากจะหยั่งถึงความลึกของมัน
…ยากจะหาปลาดาวตัวน้อยให้เจอได้…
เขารู้ว่าถ้าเธอต้องการหลบเขาแล้วล่ะก็…เขาจะไม่มีทางหาเธอเจอ…
เสียงผ้าสะบัดยามต้องลมทำให้รังสิมันต์หันกลับไปมองด้านหลัง
ก็พบกับแม่นมของลูกชายพร้อมกับมือถือที่ถูกยื่นมาตรงหน้าเขา…
รังสิมันต์มองมือถือในมือที่มีเสียงเรียกเข้า ดวงตาจ้องมองเบอร์โทร
ที่แม้จะไม่ได้บันทึกชื่อเอาไว้ แต่เขาก็จำได้ดีว่าเป็นเบอร์ของใคร
ชายหนุ่มมองหน้าคนยื่นแล้วพยักหน้าก่อนจะกดรับ…
“มีอะไร…”เสียงนั้นค่อนข้างห้วน
“ได้ข่าวว่าเมียหาย…หาเจอรึยังวะ…”
“จมูกดีนี่…น่าจะช่วยงานพ่อที่เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้ดีไม่น้อย…”
รังสิมันต์กระตุกยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปยังด้านในที่ไร้เสียงคลื่นรบกวนการสนทนา…
ก่อนไปยังหันมามองหน้าแม่นมของลูกชายที่เดินไปอีกทาง
“ปากแกก็ยังดีไม่เคยเปลี่ยน…”
“มีอะไรก็ว่ามา…”รังสิมันต์เข้าเรื่องทันทีเพราะชักจะเริ่มรำคาญอีกฝ่ายขึ้นมา
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากจะบอกว่า…ตอนนี้เมียแกอยู่กับฉัน
ที่เกาะไหนสักเกาะที่แกจะเข้ามารบกวนความสุขเราไม่ได้ก็เท่านั้น…”
คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้คนฟังสะทกสะท้านขึ้นมาแต่อย่างใด
ใจของคนฟังยังคงนิ่งสงบแม้จะมีคลื่นรบกวนสักแค่ไหน…
“แค่นี้ใช่ไหมที่แกต้องการบอกฉัน…”รังสิมันต์พูดจบก็ยกหูจะกดวาง
ทว่าเสียงอีกฝ่ายกลับดังขัดราวกับรู้ทันว่าอีกฝ่ายจะตัดสายเขา
“อย่าเพิ่งซี่…ฉันไม่ได้แค่พูดปากเปล่าหรอกนะ…แต่มีรูปถ่าย
พร้อมวิดิโอที่ปราศจากการตัดต่อมาให้แกดูเป็นการยืนยัน
ถึงสถานะที่เปลี่ยนไปของฉันกับเมียของแกด้วยนะ…”
“เพื่ออะไร…”รังสิมันต์ถามอย่างรำคาญ
“ก็เพื่อที่แกจะได้เลิกตามหาเมียสักทีน่ะสิ…ฉันสงสารแกหรอกนะ
ถึงได้โทรมาบอกให้รู้ กลัวแกจะเหนื่อยเปล่ากับการตามหาคนที่เขาไม่ได้รักแกแล้ว…”
รังสิมันต์กัดฟันข่มความรู้สึกข้างในก่อนจะตอบกลับไปว่า
“เก็บความสงสารของแกเอาไว้ใช้กับคนในครอบครัวแกเถอะ…”
พูดจบรังสิมันต์ก็กดวางทันที
…เพราะแค่เท่านั้นก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับกำหมัดกัดฟันกรอด…
และเพียงไม่นาน รังสิมันต์ก็ได้รับรูปถ่ายพร้อมคลิปวิดิโอ…
ชายหนุ่มเปิดดูอยู่นานก่อนจะถอนใจออกมาแล้วเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังศาลา
ที่อยู่ท่ามกลางกุหลาบขาวที่กำลังออกดอกชูช่อสวยงาม…
และบัดนี้ก็ได้มีหญิงร่างบางกำลังนั่งพับเพียบบนตั่งที่วางอยู่กลางศาลา
โดยมีลูกชายของเขากำลังนอนหลับในตักของเธอ
โดยบนพื้นศาลาข้างๆตั่งมีเปลสำหรับเด็กวางอยู่ด้วย...
ลมโชยพัดเบาๆทำให้ผ้าม่านสีขาวบางรอบศาลาพลิ้วตามแรงลม
เสียงโมมายที่ทำจากเปลือกหอยส่งเสียงกรุ๊งกริ๊ง…
เขาไม่แปลกใจเลยหากแม่นมของลูกชายจะพาลูกของเขามานอนพักเที่ยงตรงบริเวณนี้
เพราะที่ตรงนี้มันเหมาะสำหรับนอนหลับพักผ่อน มันทั้งสงบและร่มเย็น…
รังสิมันต์ก้าวเข้าไปโดยไม่กล่าวคำใด
ร่างใหญ่นั่งลงบนตั่งแล้วทิ้งตัวลงนอนข้างๆที่ว่างที่แม่นมของลูกชายนั่งอยู่
โดยใช้แขนข้างหนึ่งหนุนศีรษะ…แล้วหลับตานิ่ง…
นีสรีนมองใบหน้าหล่อคม ไร้สิว ไร้หลุม ไร้ร่องรอยตำหนิใดๆนั่นแล้วให้นึกเห็นใจ…
ถ้าเธอสามารถเปล่งเสียงออกไปได้ เธอก็อยากจะปลอบใจเขา ให้กำลังใจเขา
…แต่เธอทำไม่ได้ เธอพูดออกไปไม่ได้
…นี่คือสิ่งเดียวที่เธอทำไม่ได้…
สิ่งที่เธอทำได้ตอนนี้ก็เพียงแค่นั่งนิ่งแล้วก็มองคนที่กำลังหลับตาไปอย่างนี้
บางที…เขาอาจต้องการความสงบมากกว่าคำพูดใดๆจากใครก็ได้…
และเพียงไม่นาน เสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่บอกให้รู้ว่าคนที่กำลังหลับตาได้หลับไปแล้วนั้น…
ส่งผลให้คนมองถึงกับระบายย้ิมออกมา
ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้ต่างไปจากเด็กน้อยที่อยู่ในตักของเธอเลย…
ที่แค่ต้องการที่สงบ ลมเย็นๆ แสงแดดอ่อนๆ…
และมีคนที่คอยนั่งเฝ้าระวังภัยให้...คนที่เขาคิดว่าจะไม่ทิ้งเขาให้นอนคนเดียวอยู่ตรงนี้…
และพอตื่นมาเขาก็จะได้เห็นว่าคนๆนั้นยังคงอยู่กับเขาไม่ได้ไปไหน…
รังสิมันต์ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นคนที่เขาคิดว่าจะนั่งอยู่ข้างๆเขา
ชายหนุ่มยันกายให้ลุกขึ้น และเมื่อลุกขึ้นจึงได้เห็นหญิงร่างบาง
กำลังนั่งตัดแต่งดอกกุหลาบที่มีแจกันวางอยู่ตรงหน้า…
ดอกกุหลาบค่อยๆถูกบรรจงวางลงในแจกันทีละดอก
รังสิมันต์มองภาพนั้นอยู่นานโดยไม่ได้เอ่ยหรือทำลายความเงียบ
ก่อนจะมองหาลูกชายซึ่งกำลังนอนพริ้มตาหลับอยู่ในเปล…
และเหมือนคนที่หันหลังให้เขาอยู่จะรู้ว่าตัวเองกำลังถูกจับตา
เสี้ยวหน้าของเธอจึงหันมาหาเขา
ก่อนจะแย้มยิ้มให้เขาเพียงนิดแล้วหันกลับไปจัดแจกันต่อ…
“นี่ฉันหลับไปนานมากเลยใช่มั้ย…”รังสิมันต์พึมพำออกมา
เพราะมองแสงอาทิตย์ที่กำลังอ่อนแสงบ่งบอกว่าช่วงเย็นของวันได้แวะมาทักทายแล้ว…
หญิงสาวที่ได้ฟังจึงหันมามองพร้อมกับยื่นดอกกุหลาบสีขาวในมือให้หนึ่งดอก…
“ให้ฉันทำไม…”รังสิมันต์ถามเสียงเบาพร้อมเลิกคิ้ว…
นีสรีนจึงยกกุหลาบในมือของตนขึ้นมาสูดดม…
รังสิมันต์จึงเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการจะบอก เขาจึงยกกุหลาบในมือขึ้นดม…
ทำให้อารมณ์ที่เพิ่งตื่นขึ้นมาสดใสขึ้น…
“จริงๆแล้วฉันชอบกลิ่นดอกมะลิมากกว่านะ…มันหอมเย็นดี…”
รังสิมันต์พูดในขณะที่สายตาก็จับจ้องสองมือที่กำลังจัดดอกไม้
ลงในแจกันอย่างตั้งใจอยู่…ภาพตรงหน้ามันทำให้เขาอดนึกถึงปลาดาวตัวน้อยของเขาขึ้นมาไม่ได้…
จึงทำให้เขาเห็นภาพของยัยตัวเล็กซ้อนทับหญิงสาวร่างบางตรงหน้าขึ้นมา…
ก่อนจะสะบัดหน้าแล้วกุมขมับ
…เขาคงคิดถึงภรรยามากเกินไปแล้ว…
คิดได้ดังนั้น รังสิมันต์จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปยังลูกชายที่นอนอยู่ในเปล
ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกชายของเขาบิดกายไปมาก่อนจะลืมตาจ้องเขม็งมาที่เขา
ไร้เสียงร้องไห้งอแง รังสิมันต์ระบายยิ้มแล้วส่งยิ้มนั้นไปให้ลูกชายอย่างนึกเอ็นดู
…ยิ้มแป้นขนาดนี้แสดงว่ากินอิ่มนอนอร่อยแน่ๆ…
คุณพ่อมือใหม่หัดขับคุกเข่าลงแล้วยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มใสของลูกน้อย
แล้วก็ได้รับรอยยิ้มจากลูกชายเป็นรางวัล
“ตื่นแล้วเหรอลูกพ่อ…มามะ…เดี๋ยวพ่อจะพาไปเดินเล่นกัน…”
รังสิมันต์ค่อยๆช้อนร่างลูกชายที่ยังคงบิดขี้เกียจไปมาอยู่บนที่นอน
พร้อมกับเช็คผ้าอ้อมลูกไปด้วย ปรากฏว่าลูกชายยังไม่ได้ฉี่รดผ้าอ้อม
คุณพ่อมือใหม่หัดขับจึงจับลูกชายอุ้มแล้วหันไปทางแม่นมที่บัดนี้ได้จัดแจกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับบอกเธอเสียงเรียบว่า
“เธอจะกลับขึ้นเรือนเลยก็ได้นะ เดี๋ยวฉันจะพาลูกไอเดินเล่นกินลมแถวนี้ก่อน…
นานๆจะว่างอย่างวันนี้สักที…”สักพักเขาก็เห็นเธอหยิบกระดานไวท์บอร์ดอันน้อยขึ้นมา
แล้วเขียนว่า
‘นายน้อยอาจจะหิวนมค่ะ…’
รังสิมันต์ยิ้มก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ถ้านายน้อยของเธอกวนเพราะหิวนม ฉันจะรีบพาเขาไปหาเธอเลย...โอเคมั้ย…
แต่ตอนนี้ ขอให้เราสองพ่อลูกได้พูดคุยกันตามประสาพ่อลูกนิดนึงนะรีน…
เพราะฉันมีเรื่องอยากจะบอก อยากจะถามความเห็นลูกไอของฉันเยอะเลยทีเดียว…”
ถ้อยคำที่แกมหยิกแกมหยอกนั้นทำให้คนฟังถึงกับอมยิ้ม
เด็กน้อยตัวแค่นี้จะออกความเห็นอะไรให้เขาได้…
คงทำได้แค่ยิ้มให้หรือไม่ก็ฉี่รดใส่ก็เท่านั้น…
…นี่นายหัวรังคิดจะปรีกษาปัญหาหัวใจกับลูกชายอย่างนั้นหรือ…
…ช่างเป็นความคิดที่แสนบรรเจิดเสียเหลือเกิน…
…เพราะอย่างน้อยอีกฝ่ายคงทำได้แค่เป็นผู้ฟังที่ดี…
…ไม่แน่ว่าเขาอาจจะแค่ต้องการเพียงผู้ฟังอย่างเดียวเท่านั้นก็ได้…
…จิตแพทย์อย่างเขา ต่อให้เจอปัญหาอะไร คงไม่ยากที่จะผ่านมันไปได้…
…เธอเชื่อเช่นนั้น….
“ฉันชักกังวลใจนะมูนะ…”นายหญิงแพรวาถึงกับทอดถอนใจ
เมื่อมองไปยังลูกชายของตนที่กำลังอุ้มลูกชายเดินเล่น
โดยมีแม่นมของหลานชายเดินตามต้อยๆๆ
“กังวลใจเรื่องอะไรเหรอคะนายหญิง…”แพรวาถอนใจอีกรอบ
“ชายหญิงใกล้กัน มันก็ไม่ต่างจากน้ำมันใกล้ไฟ…”
คำพูดนั้นทำเอาคนเป็นแม่นมของสิ้นรักถึงกับสะดุ้งมองคนพูดนิ่ง
“ทำไมถึงคิดเช่นนั้นล่ะนายหญิง…นายน้อยไม่ใช่คนแบบนั้น นายหญิงน่าจะทราบดี…”
แพรวาหันมามองคนพูดแล้วเดินไปนั่งตรงม้านั่ง
ที่สามารถมองไปยังท้องทะเลกว้างได้ถนัดตา…
“ฉันกลัวว่าความเหงาจะทำให้เขาสองคนหันมาเห็นใจกัน…”
นั่นคือสิ่งที่รบกวนจิตใจของแพรวาไม่ให้สงบสุขมาเป็นแรมเดือน
ยิ่งลูกสะใภ้ใหญ่ของเธอหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ยิ่งกังวล
เธอแน่ใจว่า ลูกสะใภ้ของเธอย่อมมีเหตุผลบางอย่างที่ทำเช่นนี้…
และระหว่างนี้เธอก็ไม่ต้องการให้ลูกชายเผลอเอาใครมาทดแทนตำแหน่งนั้น…
“นีสรีนดูจะเป็นคนไว้ใจได้อยู่นะคะ และที่สำคัญดูจะเคร่งครัดต่อหลักการของศาสนาอยู่ไม่น้อย…
อย่าเพิ่งคิดกังวลใจในสิ่งที่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้ยังไงเลยค่ะ…
อย่างน้อยตอนนี้น้องไอก็ดูจะกินอิ่มนอนหลับ…ไม่งอแง…
นีสรีนดูจะรักน้องไอไม่น้อยเลยนะคะนายหญิง…ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี…
นมอยากให้นายหญิงมองในแง่ดีบ้าง…อีกอย่าง…นายน้อยเป็นคนรู้จักผิดชอบชั่วดี…
คงไม่ทำอะไรที่เป็นการไม่ดีหรือทำเรื่องบัดสีแน่นอนค่ะ นมเชื่ออย่างนั้น…”
แพรวาพ่นลมหายใจแล้วก็จับหน้าผากตัวเอง…
“ขออย่าให้มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นอีกเลย…แค่ที่เป็นอยู่ฉันก็สุดจะทานทนแล้วมูนะ…
นายบันเองคงไม่ชอบใจนัก ถ้ามีเรื่องอย่างว่าเกิดขึ้นจริงๆ…
แล้วนี่เขาบอกว่าจะมาหาหลานชายอีกวันไหนนะ…”
“มะรืนนี้ค่ะ…หลังจากพักฟื้นมาเกือบเดือน…”
“อาการยิ่งน่าเป็นห่วงอยู่ด้วย…”แพรวาพึมพำ
“เห็นนายน้อยบอกว่า…อาการจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ…ซึ่งเป็นนิมิตหมายอันดี
ได้ข่าวว่ารอบนี้แม้จะหนักไปหน่อย แต่โอกาสหายมีสูงมากค่ะ…
หมอกานต์เขาเก่งค่ะ ยิ่งได้หนูน้ำร้อยคอยดูแลไม่ให้ห่างกายแบบนั้น
ยิ่งไม่ต้องกังวล…จะห่วงก็ตรงเรื่องหนูรักที่หายตัวไปนี่แหล่ะค่ะ…
ถ้ารู้ว่าพ่อไม่สบายแบบนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะโผล่ออกมาจากที่หลบซ่อนตัวอยู่ก็ได้นะคะ”
แพรวาระบายยิ้มออกมา อย่างน้อยเธอก็ยังอยากทะเลาะกับนายบันไปอีกนานๆ…
“ก็เป็นความคิดที่ดีนะ…แล้วฉันจะลองปรึกษานายบันเขาดู…
แต่รายนั้นหรือจะกล้าประกาศความอ่อนแอของตัวเองให้ลูกสาวรู้…”
“ไม่แน่ว่าถ้าอยากเจอลูกสาวมากๆ อาจจะกล้าประกาศลั่น
ต่อหน้าหนังสือพิมพ์เลยก็ได้ค่ะ…”
“แล้วไอ้พวกศัตรูมันก็จะได้รู้ด้วยใช่มั้ยมูนะ”เสียงนั้นเหมือนจะปรามอยู่ในที
“ถ้าพวกนั้นรู้…คงได้ใจ…”แพรวาพึมพำ
“แต่ที่ได้ข่าวมา…ตอนนี้ฝั่งนั้นก็อาการร่อแร่อยู่ไม่น้อยนะคะ
ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมากน้อยแค่ไหน…รู้สึกว่าเขาปิดกันให้แซตว่า
สองพี่น้องเป็นโรคทางเลือด…แต่โรคอะไรนั้นไม่มีใครกล้าเฉลยกัน…”
“เวรกรรมแท้ๆ…”แพรวากล่าวพลางลอบถอนใจเป็นรอบที่ร้อย…
ก่อนจะมองไปยังภาพลูกชายกับหลานชายและหญิงร่างบาง…
…มีบางอย่างที่สะกิดใจแพรวาขึ้นมา...
ฉุดรอยยิ้มบนใบหน้าที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน…
..................................................................................
แล้วจะพยายามปั่นอีก 50% มาให้หมั่นไส้หมอรังกันต่อนะคะ...
ช่วงนี้ไม่ว่างคุยด้วยจริงๆ นักอ่านคงไม่แอบเคืองเต่าโยนะคะ...เฮะๆ
เอาไว้ฟ้าสดใส ไร้มรสุม...เต่าโยจะกลับมาพร่ามกับนักอ่านให้เยอะกว่านี้ค่ะ...
ขอบคุณเหลือเกินค่ะสำหรับทุกๆคอมเม้นท์ ทุกๆไลค์ที่กดให้
และทุกๆวิวที่เปิดเข้ามาอ่าน...
ซึ่งมันคือกำลังใจที่ทำให้เต่าโยซึ่งกำลังร่อแร่ไม่แพ้หมอรังมีแรงมานั่งปั่นนิยายต่อ
แม้จะมาได้ไม่ถี่แถมยังมาแบบไม่เต็มร้อย...แต่เต่าโยจะพยายามซอยเท้าให้ถี่ขึ้นนะคะ...
ขออภัยที่หายหัวไปนานด้วยน้าาาาาาาา...
แล้วเจอกันค่ะ...
ด้วยรักและคิดถึง
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.พ. 2556, 23:39:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.พ. 2556, 23:39:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 3403
<< ยกที่ 84 คำถามที่ต้องตอบ (100%) | ยกที่ 85 เสียงที่ไม่ได้ยิน (100%) >> |

ปิศาจสัญจร 18 ก.พ. 2556, 00:00:36 น.
หายไปนานเลย พยายามต่อไปนะคร้า
หายไปนานเลย พยายามต่อไปนะคร้า

pumkin 18 ก.พ. 2556, 00:46:00 น.
ได้อ่านตอนใหม่แล้ว...^_^
ได้อ่านตอนใหม่แล้ว...^_^


Pat 18 ก.พ. 2556, 06:42:52 น.
สิ้นรักปลอมตัวมาแหงโดยความร่วมมือของพี่ลม คนที่คุ้นเคยรักกันมานานแววตาท่าทางน่าจะจำกันได้ (ถึงจะปลอมตัวมาก็เถอะ) ลายมือก็ไม่น่าจะเปลี่ยนกันง่ายๆ หมอรังฉลาดออกยังงั้นแอบซ้อนแผนสิ้นอีกทีหรือเปล่าน้อ
สิ้นรักปลอมตัวมาแหงโดยความร่วมมือของพี่ลม คนที่คุ้นเคยรักกันมานานแววตาท่าทางน่าจะจำกันได้ (ถึงจะปลอมตัวมาก็เถอะ) ลายมือก็ไม่น่าจะเปลี่ยนกันง่ายๆ หมอรังฉลาดออกยังงั้นแอบซ้อนแผนสิ้นอีกทีหรือเปล่าน้อ

goldensun 18 ก.พ. 2556, 08:08:32 น.
ยังโดนก่อกวนไม่เลิกนะ อยากรู้ความจริงจัง
นิสรีนคือสิ้นใช่มั้ย ปลอมแปลงตัวได้ แต่เปลี่ยนเสียงไม่ได้เลยพูดไม่ได้ใช่มั้ยคะ
ยังโดนก่อกวนไม่เลิกนะ อยากรู้ความจริงจัง
นิสรีนคือสิ้นใช่มั้ย ปลอมแปลงตัวได้ แต่เปลี่ยนเสียงไม่ได้เลยพูดไม่ได้ใช่มั้ยคะ

supayalak 18 ก.พ. 2556, 09:08:41 น.
มาแย้ววววว เต่าโยกลับมาแย้ว พร้อมกับเงื่อนงำที่รอการค้นหา จะตั้งตารอตอนต่อไปนะจ๊ะเต่าโย
(ไม่ได้กดดันนะ แต่บีบบังคับเท่านั้น)
มาแย้ววววว เต่าโยกลับมาแย้ว พร้อมกับเงื่อนงำที่รอการค้นหา จะตั้งตารอตอนต่อไปนะจ๊ะเต่าโย
(ไม่ได้กดดันนะ แต่บีบบังคับเท่านั้น)


ตามหาฝัน 18 ก.พ. 2556, 09:26:39 น.
อย่าหายไปนานนะค่ะ คิดถึงทั้งคุณโย และหมอรัก อิอิ
อย่าหายไปนานนะค่ะ คิดถึงทั้งคุณโย และหมอรัก อิอิ


konhin 18 ก.พ. 2556, 10:50:33 น.
อยากให้เธอเป็นนาโน แต่บางที การที่หมอรังหวั่นไหวกับคนอื่นได้ก็ไม่แปลก เพราะหมอรังก็ไม่ได้รักนาโนเพียงคนเดียวตั้งแต่แรก จะมีรักอีกรอบก็ไม่แปลกอะไร แค่อยู่ที่ว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้หรือเปล่า
คิดถึงค่ะ
อยากให้เธอเป็นนาโน แต่บางที การที่หมอรังหวั่นไหวกับคนอื่นได้ก็ไม่แปลก เพราะหมอรังก็ไม่ได้รักนาโนเพียงคนเดียวตั้งแต่แรก จะมีรักอีกรอบก็ไม่แปลกอะไร แค่อยู่ที่ว่าจะควบคุมอารมณ์ตัวเองได้หรือเปล่า
คิดถึงค่ะ

ตุ๊งแช่ 18 ก.พ. 2556, 11:16:30 น.
มาช้ายังดีกว่าไม่มา แต่ว่า ปีที่เท่าไหร่แล้วนี่ อย่าหายแบบเป็นปีแล้วเริ่มใหม่น๊า เจอรอบสาม ขอรออ่านตอนจบแล้วค่อยย้อนตอนต้น หุหุ แบบว่าแก่แล้ววว 555
มาช้ายังดีกว่าไม่มา แต่ว่า ปีที่เท่าไหร่แล้วนี่ อย่าหายแบบเป็นปีแล้วเริ่มใหม่น๊า เจอรอบสาม ขอรออ่านตอนจบแล้วค่อยย้อนตอนต้น หุหุ แบบว่าแก่แล้ววว 555

aom 18 ก.พ. 2556, 14:27:44 น.
รอที่เหลือค่ะ
รอที่เหลือค่ะ


Littlewitch 19 ก.พ. 2556, 00:38:15 น.
เวลคัมแบกค่า แวะมาก่อนนอน ดีใจที่ได้เจอแม้จะเป็น 50% คะ
เวลคัมแบกค่า แวะมาก่อนนอน ดีใจที่ได้เจอแม้จะเป็น 50% คะ

ใบบัวน่ารัก 19 ก.พ. 2556, 21:12:12 น.
ไอจังกี่เดือนแล้วหนอ
สงสารคนอ่าน
สงสารไอจัง แม่ปลาดาวน้อย
อยู่ไหนน้า
ไอจังกี่เดือนแล้วหนอ
สงสารคนอ่าน
สงสารไอจัง แม่ปลาดาวน้อย
อยู่ไหนน้า

yoraya 12 มี.ค. 2556, 21:18:27 น.
ไม่รู้ว่าจะมีนักอ่านเข้ามาอ่านเม้นอันนี้มั้ย...
ช่วงนี้ เต่าโยป่วย(ทางกาย)ค่ะ...เพราะสังขารณ์ไม่เที่ยง
เลยไม่ได้เข้าเว็บบ่อยนัก
หากหายป่วยเมื่อไหร่...จะกลับมาปั่นนิยายต่อค่ะ...
ต้องขออภัยนักอ่านทุกท่านที่กำลังติดตามคู่หมอรังกับน้องรัก
พร้อมด้วยคู่ของเวนไตยกับซาเนียด้วยนะคะ
เต่าโยจะพยายามรักษาตัวเองให้หายในเร็ววันค่ะ...
ปล.เรื่องอะรูซาตี เจ้าสาวของผม เต่าโยก็ไม่ได้ลิมหรือแกล้งทำเป็นลืมนะคะ
จิตใจยังคงอยู่กับหมอดานีสและหนูน้ำค้างค่ะ...
รอแค่ให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ และมีแรงมากกว่านี้อีกสักนิดเท่านั้นค่ะ...
ขอกำลังใจเยอะๆนะคะ
รักและคิดถึงนะคะ
"เต่าโย"
ไม่รู้ว่าจะมีนักอ่านเข้ามาอ่านเม้นอันนี้มั้ย...
ช่วงนี้ เต่าโยป่วย(ทางกาย)ค่ะ...เพราะสังขารณ์ไม่เที่ยง
เลยไม่ได้เข้าเว็บบ่อยนัก
หากหายป่วยเมื่อไหร่...จะกลับมาปั่นนิยายต่อค่ะ...
ต้องขออภัยนักอ่านทุกท่านที่กำลังติดตามคู่หมอรังกับน้องรัก
พร้อมด้วยคู่ของเวนไตยกับซาเนียด้วยนะคะ
เต่าโยจะพยายามรักษาตัวเองให้หายในเร็ววันค่ะ...
ปล.เรื่องอะรูซาตี เจ้าสาวของผม เต่าโยก็ไม่ได้ลิมหรือแกล้งทำเป็นลืมนะคะ
จิตใจยังคงอยู่กับหมอดานีสและหนูน้ำค้างค่ะ...
รอแค่ให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ และมีแรงมากกว่านี้อีกสักนิดเท่านั้นค่ะ...
ขอกำลังใจเยอะๆนะคะ
รักและคิดถึงนะคะ
"เต่าโย"

Littlewitch 14 มี.ค. 2556, 22:19:35 น.
เป็นกำลังใจนะคะ ขอให้หายไว ไว อยากให้เล่นเฟซจัง จะได้คุยกีนบ้าง แม่มดก็แวะมาเดินเล่น นั่งเล่น รอนิยายตอนใหม่ไปเรื่อยคะ คิดถึง
เป็นกำลังใจนะคะ ขอให้หายไว ไว อยากให้เล่นเฟซจัง จะได้คุยกีนบ้าง แม่มดก็แวะมาเดินเล่น นั่งเล่น รอนิยายตอนใหม่ไปเรื่อยคะ คิดถึง

pookza 19 มี.ค. 2556, 12:31:50 น.
หายไวๆนะคะ คุณโย
หายไวๆนะคะ คุณโย

pumkin 21 มี.ค. 2556, 23:57:29 น.
หายไวๆนะค่ะ
หายไวๆนะค่ะ