คานน้อย คอยรัก (จบแล้วค่ะ)
คานน้อย คอยรัก
ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที
เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)
มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...
...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...
หรือว่า
...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...
หรืออาจเป็นเพรา
...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...
หรือจริงๆแล้ว
...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...
หรือลึกลงไป
...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...
หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า
...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...
หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า
...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว
...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...
หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า
...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...
เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...
ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที
เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ
อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป
ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)
มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...
...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...
หรือว่า
...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...
หรืออาจเป็นเพรา
...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...
หรือจริงๆแล้ว
...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...
หรือลึกลงไป
...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...
หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า
...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...
หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า
...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...
ทั้งๆที่จริงๆแล้ว
...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...
หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า
...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...
แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...
เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...
Tags: ดราม่า หวานซึ้ง อบอุ่น หมอรัง สิ้นรัก วายุ ปองขวัญ
ตอน: ยกที่ 85 เสียงที่ไม่ได้ยิน (100%)
กลับมาแล้วค่ะ...ขอโทษนะตะที่หายไปทั้งโซ่ทั้งลิง...
ต่อจากคราวก่อนเลยนะคะ
v
v
v
“มีอะไรที่เธอทำไม่ได้บ้างหรือรีน…”รังสิมันต์ที่นั่งอุ้มลูกชายอยู่บนตั่งกลางศาลาสีขาว
ที่รายล้อมไปด้วยกุหลาบขาวถามหญิงสาวที่นั่งเงียบ
ใช่…ผู้หญิงคนนี้ไร้เสียง ไร้ถ้อยคำต่อขานใดๆ มีแต่ใบหน้าเรียบๆ
กับท่าทางที่คอยทำโน่นทำนี่ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองว่าง
ยิ่งตอนนี้ เธอกำลังตัดแต่งดอกไม้เพื่อจัดเป็นซุ้มต้อนรับแขก
ที่จะมาร่วมงานเล็กๆที่จัดขึ้นเพื่อลูกชายตัวน้อยของเขา
ที่ตอนนี้อายุครบแปดเดือนและสามารถเดินเตาะแตะได้แล้ว
สร้างความปีติยินดีให้กับทุกคน จึงตั้งใจจัดงานนี้ขึ้นมา
หลังจากที่เกาะรังรักตกอยู่ในความเงียบเหงาเพราะขาดนายหญิงไป
“เธอมีรูปถ่ายลูกชายของเธอบ้างรึเปล่ารีน…”
คำถามนั้นฉุดให้คนที่กำลังขมักขเม้นกับการตัดแต่งดอกกุหลาบอยู่ถึงกับชะงักมือ
หันมามองหน้าคนถามนิดนึงก่อนจะก้มหน้าแล้วส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
“เธอรักลูกไอของฉันมั้ย…”คำถามนี้ก็อีกเช่นกันที่ทำให้นีสรีนช้อนตาขึ้นมองคนถาม
ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยในตักของเขาที่บัดนี้กำลังพริ้มตาหลับอย่างสบาย…
หญิงสาวจึงใช้รอยยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ…
“บางครั้ง…ฉันก็เกิดคำถามในใจว่าแม่ของลูกไอรักลูกชาย
ที่เธออุ้มท้องและคลอดออกมาบ้างรึเปล่า…เจ็ดเดือนแล้วนะรีน
ที่เธอทิ้งลูกของเธอเอาไว้ โดยไม่มาเหลียวแลเลย…ตอนนี้ลูกของเธอ
เรียกพ่อของเขาว่าพ่อได้แล้ว…แต่เขายังไม่มีแม่ให้เรียก…”
รังสิมันต์มองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าหยิบดอกไม้ขึ้นมาตัดแต่งด้วยแววตาอ่อนแสง…
ก่อนจะเปล่งถ้อยคำที่ทำเอาคนที่นั่งนิ่งๆถึงกับสะดุ้ง
“เธอจะรังเกียจมั้ย…ถ้าฉันจะสอนให้ลูกไอของฉันเรียกเธอว่าแม่…แม่รีน…”
พูดเสร็จก็มองแววตาของหญิงสาวที่ตวัดมาทางเขาก่อนจะรีบหลุบตาต่ำทันที…
“ว่าไง…”รังสิมันต์ถามย้ำ หากก็ไร้ซึ่งคำตอบ…
“เธอหวงเหรอ…”คนถูกถามส่ายหน้าก่อนจะหยิบกระดานขึ้นมาแล้วเขียนว่า
‘มันไม่เหมาะสม…นายน้อยมีแม่อยู่แล้ว…รีนไม่คิดจะอาจเอื้อมเทียบนายหญิงหรอกค่ะ’
“แต่ลูกฉันต้องการใครสักคนที่เขาจะเรียกว่าแม่ได้…
และตอนนี้คนที่เป็นแม่ของเขาก็ไม่ได้อยู่ให้เขาเรียก…”
เสียงนั้นเจืออะไรบางอย่างเอาไว้จนคนฟังรู้สึกได้
บนกระดานจึงปรากฎอักษรไม่กี่ตัวว่า
‘แล้วแต่นายหัวเถอะค่ะ…’
คำตอบนั้นฉุดรอยยิ้มที่มุมปากของคนถาม
จนต้องก้มหน้ามองลูกชายในตักแล้วลูบหัวน้อยๆนั้นด้วยความรักใคร่
“เธอจะให้ลูกไอดื่มนมของเธอนานแค่ไหนหรือรีน…
ฉันตามใจเธอนะ จะไม่มีการบังคับกันในเรื่องนี้…”
นีสรีนหันมาพร้อมกับชูสองนิ้ว ทำเอาคนถามถึงกับขมวดคิ้วด้วยความคาดไม่ถึง
“สองขวบเลยหรือ…”หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับก้มหน้า
เขียนอะไรบางอย่างลงไปบนกระดานแล้วยกให้รังสิมันต์ดู
‘ลูกคนควรได้ดื่มนมคน…ถึงจะเป็นคนเต็มคนค่ะ…
รีนเต็มใจทำเพื่อนายน้อย…รีนรักนายน้อยค่ะ…’รังสิมันต์ยิ้มออกมา
พร้อมกับกล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าจากใจจริง
“ขอบใจเธอมากนะรีน…ขอบใจจริงๆ”
และแล้วงานเลี้ยงเล็กๆบนเกาะรังรักก็ได้ถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่น
โดยมีแขกที่สนิทสนมมาร่วมงาน ทั้งครอบครัวอาทิตยะ
ครอบครัวณรันยา ครอบครัวพันธกาล ไม่เว้นแม้กระทั่ง
ครอบครัวลือสื่อสกุล และยังมีเวนไตยกับซาเนียเดินเคียงกันมาร่วมงาน
และที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนดูจะหนีไม่พ้น
คู่ทุกข์คู่ยากอย่างตะวันกับตามตะวัน ที่บัดนี้ตะวันกลับมาเดินเหินได้สะดวก
และกลับไปคุมบังเหียนอาทิตยะกรุ๊ปอย่างเต็มตัวแล้ว
ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ทั้งสองได้ผ่านบททดสอบแห่งความรักกันมาอย่างหนัก
และผลของมันก็ดูจะสวยงามและกำลังบานสะพรั่งอวดความงามให้ทุกคนได้ชื่นชม…
“ดอกรักของพี่จะบานเต็มที่เมื่อไหร่ครับพี่เพลิง…”รังสิมันต์ถามตะวัน
ด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเปิดเผยราวกับชีวิตของตัวเองนั้นมิได้ขาดหายสิ่งใดหรือใครไป…
“อีกไม่นานหรอกรัง…รอตามเขาเพิ่มน้ำหนักอีกนิดก่อน
ดูแลพี่จนซูบผอมไปเยอะ…กลัวว่าจะไม่มีแรงน่ะ”
พูดพลางก็หันไปทางตามตะวันที่กำลังส่งค้อนมาให้คนพูด
“พี่เพลิงเขากำลังจะบอกว่า…ที่ผ่านมาเขาต่อให้แกกับฉัน
และนายดินแซงหน้าไปก่อน แต่หลังจากนี้เขาจะไม่ออมแรงแล้ว…
ก็เลยอยากจะขุนให้พี่ตามน้ำหนักเพิ่มไง…”
ถ้อยคำแบบนี้มิใช่ใครที่ไหน...พ่อลูกแฝดนั่นเอง…
ที่วันนี้หอบลูกแฝดเอาไว้ทั้งด้านซ้ายด้านขวาทั้งๆที่เดินได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมเดิน
เพราะลูกรักทั้งสองไม่ยอมให้พ่อลมห่างกาย เกาะติดแจราวกับลูกลิง
จนคนเป็นแม่นั่งยิ้มสบายใจพร้อมกับจิบน้ำผลไม้อยู่ตรงม้านั่ง
“แต่ยังไงก็คงไม่มีทางแซงหน้าผมได้แน่หรอกพี่เพลิง…ของผมน่ะแพ็กคู่
แต่กับไอ้รังน่ะ…มีสิทธิ์นะพี่…เพราะตอนนี้รังไร้รักซะแล้ว…”
เสียงนั้นราวกับตอกย้ำ ทว่าคนถูกตอกย้ำกลับทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
หยิบขนมป้อนลูกชายหน้าตาเฉย
“ว่าแล้วก็คิดถึงไอ้สิ้น…ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน…เฮ้อ…”ปองขวัญถอนใจ
เพราะไร้ร่องรอยของเพื่อนรักที่อาจหาญทิ้งลูกไปได้ลงคอ….
“ส่วนผมพี่เลิกหวังได้เลยพี่เพลิง…เพราะตอนนี้แม่แมงมุมของผม
กำลังมีลูกเสือในท้องให้ผมอีกคน…”
“หาาาาาาาา…”เสียงนั้นดังจากทุกคน เรียกให้ทุกสายตาทุกคู่
ที่มาร่วมงานหันมามองเป็นจุดเดียวกัน ทำเอาแม่แมงมุมที่ถูกพาดพิงถึงกับอายหน้าแดง
ฟาดพ่อสามีปากไวให้ด้วยความหมั่นไส้ที่ประกาศซะดังลั่นงาน
แย่งซีนเจ้าภาพจนหมด…
“แกนี่มาเงียบๆเป็นม้ามืดตลอดนะเจ้าดิน…”วายุอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้
ทำเอาพี่สาวคนโตของบ้านอาทิตยะอย่างธารายิ้มขัน
“ว่าแต่กี่เดือนแล้วจะน้องเล็ก…”ธาราเปลี่ยนมาเรียกพันทิวาว่าน้องเล็ก
ตั้งแต่ได้น้องสาวคนนี้มาเป็นสะใภ้เล็กของบ้านแล้ว ทำเอาคนถูกถาม
ต้องหันหน้าไปทางมารดา เพราะว่ายังไม่ได้ปริปากเรื่องนี้ให้มารดา
หรือใครๆรู้เลยนอกจากพ่อสามีตัวดีเท่านั้น…
“สองค่ะ…”
“ถึงว่าสิ…มองไม่ออกเลย…”อากิโกะกล่าวขึ้นพร้อมกับเหลือบบมองลูกสาว
ที่กำลังขี่คอสามีสุดที่รักอยู่ตรงชายหาด มีลูกแฝดคนละฝาของเธอวิ่งตาม
ไม่ยอมห่างน้อง...เสียงหัวเราะจึงดังมาเป็นระยะเพราะดูคุณพ่อของลูกสาวแสนซนของเธอ
จะหยอกลูกสาวแรงจนลูกสาวเสียวไส้ ทั้งหัวเราะทั้งส่งเสียงกรี๊ดแข่งกับเสียงคลื่น…
ซ้ำยังประสานเสียงกับพี่แฝดของตัวเองอย่างที่เสียงทะเลก็ต้องยอมให้
“คราวนี้แม่ขอหลานชายนะเจ้ามุม…เพราะพ่อแกบอกว่า
ถ้าได้หลานชายมาคราวนี้จะให้ชื่อจากัวร์…”
เสียงแม่ตำลึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มดวงหน้า ที่ได้รับฟังข่าวดีจากลูกสาว…
ซึ่งดูไปแล้ว พ่อลูกเขยคนนี้จะได้อย่างใจหล่อนที่สุด…
เอาไอ้มุมลูกสาวแสนห้าวที่หล่อนเคยคิดมาตลอดว่าจะชักใยอยู่บนคานไม่ยอมลงมา
ได้อย่างอยู่หมัด
…อย่างน้อยลูกคนที่สองที่ตามติดมาก็บอกได้ดีว่า
ไอ้มุมลูกสาวของหล่อนคงไปไหนไม่รอด ติดใยรักของไอ้หนุ่ม
ที่ประกาศลั่นว่าอย่างไรก็ไม่มีทางแต่งงานด้วยเมื่อตอนโดนบังคับเป็นแน่
“ว่าแต่แกเถอะไอ้บัน ไอ้ที่เป็นอยู่น่ะเป็นยังไงบ้าง…”
เสียงนั้นดังมาจากพญานาคา เจ้าของค่าย ส.พันธกาลที่เอ่ยขึ้นขัดบทสนทนาดังกล่าว
หันมาทางน้องเขยที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด…
“กำลังประคองอยู่ แต่หมอกานต์เขาบอกว่าเอาอยู่…หายห่วงได้
ยังไงฉันก็ไม่มีวันชิ่่งหนีแกไปก่อนหรอกนาคา…”
บันลือกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่เจือจางความทุกข์ที่เมื่อมองไปไม่เจอหน้าลูกสาว
วันนี้ใครๆต่างมารวมตัวกันจนครบ ขาดเพียงลูกสาวของเขาเท่านั้น
และดูเหมือนเดี๋ยวนี้เจ้าลูกเขยของเขาเองจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อน
กับการหายตัวไปของลูกสาวของเขาสักเท่าไหร่นัก…
และเหมือนคำตอบนั้นจะดังพอที่จะไปเข้าหูใครบางคนที่นั่งเงียบ
ปราศจากเสียงมาตลอดให้ต้องสะดุ้ง…และเหมือนว่ามีสายตาคู่หนึ่ง
กำลังจับอยู่ที่ปฏิกิริยาดังกล่าวนั้นอยู่เช่นกัน…
“แล้วหนูล่ะซาเนีย…เมื่อไหร่จะมีข่าวดีให้ป้าได้ชื่นใจบ้าง…”
แพรวากล่าวขึ้นเมื่อมองไปทางซาเนียที่นั่งเล่นกับหลานชายตัวเล็กของเธออยู่…
“ยังหรอกค่ะป้าแพรว…รอสะสางเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จก่อนค่ะ…”
ถ้อยคำนั้นทำเอาคนที่พยายามอ้อนขอแต่งงานคนพูดมาตลอดถึงกับลอบถอนใจ…
ทำเอาบันลือที่มองความสัมพันธ์ของทั้งสองมาตลอดถึงกับอมยิ้ม…
“จะแต่งก็รีบแต่งเถอะหนูซาเนีย…ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืนยาวอะไรนักหรอก…
อย่ากลัวเลยกับการแต่งงาน…มันมีเรื่องให้น่ากลัวกว่านี้อีกมากมายหลังจากเราแต่งงานไปแล้ว
แต่อะไรก็ไม่เท่ากับความอดทนของคนสองคนที่จะประคองชีวิตคู่ให้ข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน…
เจ้าเวนไตยเองก็คงอิจฉาหนุ่มๆแถวนี้แล้วล่ะ เห็นใจเขาหน่อยนะหนู…
เพราะการมีลูก มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ เลยอยากให้เราสองคนได้สัมผัส
กับความรู้สึกนั้นดู...”ซาเนียถึงกับก้มหน้าซ่อนความเขินอาย
เรียกรอยยิ้มจากทุกคนไม่เว้นแม้แต่เวนไตยที่เดินมานั่งใกล้แล้วอุ้มลูกชายของรังสิมันต์ขึ้น
ก่อนจะกล่าวกับซาเนียเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
“พี่อยากได้แบบนี้สักสามคน…เธอไม่คิดจะช่วยพี่บ้างเหรอ…
ให้พี่รอแค่ไหนพี่ก็รอไหว แต่จะให้รอจนพี่ไม่มีแรง พี่ไม่ยอมนะรู้มั้ย”
“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้…”ซาเนียกระซิบถามกลับ
“ทำไมจะทำไม่ได้…”
“ถ้าซาเนียไม่ยอมซะอย่าง พี่ปราณจะปล้ำซาเนียอย่างที่ขู่น่ะเหรอ
ไม่มีทางหรอก…เพราะซาเนียจะฟ้อง…”
“ฟ้องอะไร ฟ้องใคร…”
“ฟ้องป้าแพรว…”
“ซึ่งป้าแพรวของเธอก็จะรีบจัดแจงให้เธอแต่งงานกับพี่ในที่สุด…ฮึๆ”
เสียงหัวเราะตอนท้ายในลำคอ ทำเอาคนฟังหมั่นไส้ บิดสีข้างคนพูด
ให้สองที จนเวนไตยถึงกับร้องซีดออกมาด้วยความเจ็บแปลบ
“เดี๋ยวนี้หัดหยิกพี่เหรอ…”
“จะหยิกให้เขียวทั้งตัวถ้าคิดจะทำอย่างที่เคยขู่มา…”
“ก็ดีนะ…เนื้อเขียวแลกกับการได้เคี้ยวงูเขียวสำเร็จ…
ต่อให้ถูกถอนขนจนหมดตัว พี่ก็ยอม…หรือจะหักปิกพี่ให้บินไปไหนไม่ได้อีก พี่ก็ยอมนะ”
“ยอมนะ…”เสียงใสๆดังขึ้นจากเด็กตัวน้อยที่เวนไตยกำลังอุ้มอยู่
ทำเอาซาเนียถึงกับหยิกแก้มนุ่มๆนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เห็นมั้ยขนาดน้องไอยังยุให้ยอมเลย…ยอมพี่เถอะนะซาเนียนะ…”
“น้องไอก็แค่พูดตาม ไม่ได้ยุสักหน่อยเนอะน้องไอ้เนอะ…”
“เน้อๆ…”เด็กชายตัวน้อยพูดตามประโยคหลังของซาเนียด้วยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์
ทำเอาทั้งสองถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกันกับสีหน้าท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนั้น
ของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของเกาะแห่งนี้…
และเหมือนคนที่ถูกลืมในวันนี้จะปรากฎกายขึ้นอย่างที่ใครก็ไม่อาจคาดคิดได้…
ด้วยบุคลิกและท่่าทางที่เปลี่ยนไป…
หญิงสาวร่างเล็กแบบบางลงจากเรือแล้วเดินนวยนาดขึ้นฝั่งมายังงานเลี้ยง
เรียกสายตาทุกคู่ให้จับไปเป็นจุดเดียวกันพร้อมกับเสียงเปรยราวกับรำพันของเจ้าของเกาะ
“ยัยตัวเล็ก”
“หนุ่ย”
“หนูรัก”
“ไอ้สิ้น”
“พี่รัก”
ทุกคนกล่าวขานเรียกชื่อหญิงร่างเล็กแบบบางที่กำลังเดินยิ้มมาเพียงลำพัง
หญิงร่างเล็กที่อยู่ในชุดแซกสีชมพูหวานแหวว ผมยาวสลวยกำลังปลิวสยายตามสายลม
ทำเอารังสิมันต์ที่มองภาพนั้นอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
…เขาว่าเมื่อก่อนยัยตัวเล็กของเขาสวยหยาดหยดแล้ว มาบัดนี้เธอยิ่งสวยผุดผาด
ซ้ำท่าทางยังดูเย้ายวนแปลกๆ
แล้วร่างแบบบางก็โผเข้าสวมกอดรังสิมันต์ด้วยความคิดถึงพร้อมกับถ้อยคำขอโทษ…
“รักขอโทษนะคะพี่รังที่ทิ้งพี่รังกับลูกไป…รักมีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น
ขอให้พี่รังเชื่อ เชื่อว่ารักจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น…แล้วรักจะอธิบาย เล่าทุกอย่างให้พี่ฟัง…”
พูดจบก็ผละจากอ้อมกอดของรังสิมันต์
แล้วหันไปทางทุกคนพร้อมกับขอโทษทุกคน…
“ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำเช่นนั้นไป…แต่จากนี้ไป
ไม่มีแบบนั้นอีกแล้วค่ะ…รักจะไม่ไปไหนอีกแล้ว…
หนุ่ยจะไม่ไปไหนอีกแล้วค่ะพ่อบัน…”สิ้นรักหันไปทางบันลือ
ก่อนจะกอดบิดาเอาไว้แน่น…
“หนุ่ยขอโทษนะคะพ่อบัน…หนุ่ยทำเกินไป หนุ่ยรู้…”
“ช่างมันเถอะหนุ่ย ขอแค่หนุ่ยปลอดภัยกลับมา พ่อก็อุ่นใจแล้ว
คราวหน้าคราวหลังมีอะไร ต้องปรึกษาพ่อก่อนรู้มั้ย…”
หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะหันไปทางลูกชาย
ทว่า…เพียงยกเด็กชายตัวน้อยจากเวนไตยขึ้นอุ้มเท่านั้น
เสียงเด็กน้อยก็ร้องไห้ออกมา พร้อมกับร้องเรียกหาพ่อรังกับแม่รีน…
“พ่อราง…แม่รีง…”เสียงเรียกนั้นทำเอาคนอุ้มถึงกับหน้าถอดสี
รังสิมันต์จึงรีบเดินมารับลูกไปอุ้มพร้อมกับบอกลูกชายว่า
“นี่คือแม่รัก…แม่ของน้องไอ้ไงลูก…น้องไอรู้จักแม่รักสิลูก…
แม่รักที่พ่อรังให้น้องไอดูภาพก่อนนอนทุกคืนไงครับ…”
เด็กชายตัวน้อยกลับหนีหน้า ซ่อนหน้าซบลงตรงบ่่าของผู้เป็นพ่อ…
“ลูกคงยังไม่คุ้น…”รังสิมันต์ยิ้มบางให้สิ้นรักที่ยืนหน้าซืดเผือดอยู่ข้างๆ
“รักทิ้งลูกไปนาน ลูกคง…คง…”
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย…ลูกยังเล็ก…ยังดัดยังหัดได้…มันต้องใช้เวลา”
รังสิมันต์ยิ้มให้แม่ของลูกราวกับปลอบใจ เรื่องอื่นสำหรับเขาเอาไว้ค่อยเคลียร์กัน…
“รักอยากกอดลูกค่ะพี่รัง…อยากกอดลูกเหลือเกิน…”
คำอ้อนวอนนั้นกลับไร้ผลเมื่อรังสิมันต์ยื่นลูกชายให้ผู้เป็นแม่
ทว่าเด็กชายกลับไปยอม เกาะคอรังสิมันต์เอาไว้อย่างเหนียวแน่น
แถมยังร้องเรียกให้นีสรีนช่วยอีก
“แม่รีง…แม่รีง…”นีสรีนที่ยืนอยู่ไม่ห่างกลับไม่กล้าเข้าไปกั้นกลาง
หรือเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างทั้งสาม เลยได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ
เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี…ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาทันที
เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียวจากรังสิมันต์
“เธอเอาลูกไอไปนอนพักเถอะ…คงจะหิวนมและหิวนอนแล้ว…”
รังสิมันต์พูดพลางส่งลูกชายให้นีสรีน หญิงสาวจึงหันไปทางผู้ที่ได้ชื่อว่า
เป็นแม่ของเด็กชายตัวน้อยราวกับขออนุญาต ก่อนจะรีบรับนายน้อยของตัวเองไปอุ้ม
แล้วเดินพาไปยังศาลาสีขาวกลางดงกุหลาบขาว
สถานที่ที่นายน้อยของเธอชอบให้พาไปพักผ่อนนอนหลับ…
บรรยากาศหลังจากนั้นจึงตกอยู่ในความเงียบก่อนจะเปลี่ยนเป็นคีกคักในไม่กี่ชั่วอึดใจ
เมื่อทุกคนหันความสนใจมาสอบถามเรื่องราวความเป็นมาของสิ้นรัก
ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ทำเช่นนั้น…
ซึ่งคำตอบที่ได้รับแม้จะไม่กระจ่างใจคนที่เฝ้าสงสัยอยู่นัก
แต่เพราะไม่อยากเสียมารยาทละลาบละล้วงในสิ่งที่ไม่ควรจะเอ่ยถึงนัก
ทำให้ทุกคนเก็บปากเก็บคำเอาไว้กับคำถามที่ยังคาใจอยู่
โดยเฉพาะรังสิมันต์ที่มิได้เอ่ยปากถามอะไรเธอออกไป…
นอกจากนั่งยิ้มอย่างเดียว ก่อนจะเหลียวไปทางศาลาสีขาวเป็นระยะๆ
ด้วยแววตาห่วงๆ…ทำเอาส้ินรักที่จับท่าทางนั้นอยู่ถึงกับเขม่น
“ว่างๆไปเยี่ยมพี่กับลูกๆบ้างนะนาโน…”วายุกล่าวกับสิ้นรักส่งท้าย
ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน…ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะพักผ่อนอยู่บนเกาะอีกสักสองสามวัน…
“ทำไมรีบกลับนักล่ะคะ…น่าจะอยู่พักที่นี่อีกสักหน่อย…”
“พี่มีธุระต้องกลับไปสะสางน่ะ…เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะ”
วายุกล่าวพลางสะกิดภรรยาเป็นสัญญาณ ปองขวัญเลยจำต้องลาเพื่อนรัก
ทั้งๆที่ยังพูดคุยไถ่ถามกันไม่เท่าไหร่เลย พ่อลูกแฝดก็มาเปลี่ยนแผน
ขอกลับบ้านซะอย่างนั้น ซึ่งดูไปแล้วลูกแฝดของเธอยังไม่ค่อยจะเต็มใจจะลงเรือ
สักเท่าไหร่นัก ยุกยิกไม่ยอมให้อุ้ม กวนจะลงไปเล่นบนผืนทรายตลอดเวลา
“พี่เพลิงจะกลับพร้อมผมเลยรึเปล่า…”ตะวันเหมือนจะยังไม่อยากกลับ
แต่เพราะเห็นแววตาของน้องชายราวกับสื่ออะไรบางอย่างมา
ซี่งเป็นรหัสทางสายตาที่ชาวอาทิตยะใช้ส่งสาส์นถึงกันเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจ...
“ก็แกเล่นเอาน้องสาวของว่าท่ีเจ้าสาวฉันกลับไปแล้ว…
ฉันจะขัดอะไรได้เล่า…หรือคุณอยากพักอยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะตาม
คุณอยู่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่น…”ตามตะวันมองตาคนพูดแล้วเหมือนจะร้องค้านในใจ
...ปากเขาน่ะบอกว่าตามใจเธอ แต่ดูตาเขาสิ
ราวกับจะลากเธอให้ลงเรือตามหลังน้องเขยของเธอไปซะอย่างนัั้น…
…นิสัยจอมเผด็จการดูจะดัดยากเสียแล้วสำหรับไม้แก่เช่นนี้…
“พี่เองคงต้องลาเช่นกันนะรัง เอาไว้คราวหน้าจะมาพักด้วยนะ…
รอบนี้จะพาพี่เพลิงเขาไปเที่ยวชมบรรยากาศที่สวนปักษาวายุน่ะ
จะได้มีแรงกระตุ้นให้ไฟของการทำงานกลับมาลุกโชนอีกครั้ง…”
“กระตุ้นไฟรักล่ะสิไม่ว่า…”ตะวันกระซิบเบาๆข้างหูตามตะวัน
ให้ได้ยินกันแค่สองคน ทำเอาหญิงสาวช้อนตาขึ้นค้อนใส่คนพูด
เรียกรอยยิ้มให้กับตะวันที่ชอบมองยามที่เธอส่งค้อนมาให้…
ก่อนจะหยอกหญิงสาวอีกสักนิดให้รู้สึกระชุ่มกระชวยต่อ
“ก็บรรยากาศมันอาจจะพาไป…ไฟอาจลามทุ่งได้นะครับ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ…เพราะตามจะดับมันเอง…พี่เพลิงหายห่วงได้…”
ตามตะวันขู่ตาเขียวปั๊ด…รู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้พ่อเพลิงตะวันของเธอ
จะหันมาทำสายตาแบบเก่าๆตอนสมัยที่จีบเธอใหม่ให้หัวใจเธอแกว่งไกวอีกแล้ว
…ทั้งๆที่ปากก็บอกชาวบ้านว่า อยากขุนให้เธออ้วนอีกสักนิด
ซึ่งความจริงแล้วมิใช่เลย เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับเขา
อยากให้เขาพร้อมมากกว่านี้ เนื่องจากร่างกายของเขายังกลับมาไม่พร้อม
เธอจึงอยากให้เขาแข็งแรงมากกว่านี้ก่อน…
คนอื่นอาจมองว่าเขาดูแข็งแรงดีแล้ว แต่เธอที่ดูแลเขาใกล้ชิดทุกวันนั้นรู้ดี
ว่าเขายังไม่ถึงกับพร้อมนัก…มีบางเวลาที่อยู่ๆเขาก็ชาหนึบไป…
เธอจึงอยากให้มั่นใจว่าเขาแข็งแรงและพร้อมสำหรับการแต่งงาน
และครองเรือนแล้วถึงจะยอมแต่งงานเข้าหอกับเขา…
แม้จะต้องอดทนและอดใจแค่ไหนกับการต้องห้ามใจยามอยู่ใกล้เขา
แต่เธอก็ยินดีที่จะทน ทนเพื่อรอเวลาให้พร้อมมากกว่านี้…
ทุกคนค่อยๆทะยอยกันกลับไปจนหมด เหลือบันลือ เวนไตยและซาเนีย
ซึ่งขอพักต่อที่นี่อีกหลายวัน ตั้งใจจะกลับเกาะชิงชังพร้อมกับบันลือ...
ที่อาการทางกายยังไม่ค่อยดีนัก จึงไม่อยากอยู่ให้ลูกสาวที่กลับมาแล้วล่วงรู้
ครั้นจะกลับเลยก็คิดถึงลูกสาว...อยากอยู่ให้หายคิดถึงอีกสักพัก...
และเมื่ออยู่กันตามลำพัง...รังสิมันต์จึงเอ่ยขึ้นขณะที่สิ้นรักกำลัง
เดินไปทางศาลาที่ลูกชายของเขากำลังนอนหลับอยู่บนตักนีสรีน...
"พี่จะไม่ถามว่าเธอหายไปไหนมา...และจะรอจนกว่าเธอพร้อมที่จะเล่าทุกอย่าง
ให้พี่ฟัง..."คนร่างบางหยุดขาที่กำลังก้าวนิดนึงแล้วหันมาพูดกับคนที่เดินขนาบข้างว่า
"รักอยากให้พี่รังรู้เอาไว้ว่า...รักรักพี่และรักลูกมาก...การหายตัวไปก่อนหน้านี้
รักต้องทำเพื่อครอบครัวเรา...และตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว รักจึงกลับมา..."
"เกี่ยวกับไอ้ขุนศึกนั่นรึเปล่า..."รังสิมันต์หลุดปากออกไป และเหมือนจะรู้ตัวเมื่อเห็นแววตา
ของคนตัวเล็กหันมามองอย่างตัดพ้อ
"พี่ขอโทษ..."จบคำพูดนั้นทั้งสองก็เดินเคียงกันไปอย่างเงียบๆ
ไม่มีการจับมือจูงกันไป ทิ้งระยะห่างเอาไว้แบบเสมอต้นเสมอปลาย
จนถึงจุดหมาย...
นีสรีนเงยหน้าขึ้นมองบุคคลท้ังสองที่ปรากฎกายต่อหน้าเธอก่อนจะก้มมอง
เด็กน้อยที่เธอเฝ้าฟูมฟัักมาตั้งแต่ยังแบเบาะ...อยู่ๆก็ให้รู้สึกใจหายขึ้นมา
เมื่อมองใบหน้าของหญิงสาวซึ่งเป็นนายหญิงแห่งเกาะรังรัก
ผู้เป็นดวงใจของนายหัวรัง และเป็นผู้ทีี่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเด็กน้อยในตักของเธอ
...เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร...เธอรู้ดี...
...และคงไม่มีหวังได้พูดอะไรออกไป...
"นีสรีนจะดูแลลูกของเรา...ตลอดไป..."นั่นราวกับเป็นคำประกาศิตที่ออกมาจากปาก
ของนายหัวรัง ทำเอาสองสาวหันมามองหน้ากัน สิ้นรักหันมามองหน้าสามี
ก่อนจะยิ้มบาง...พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนว่าขณะนัั่งลงข้างๆนีสรีน
แล้วลูบผมลูกชายอย่างแผ่วเบา
"ลูกไอต้องการแม่นม...รักไม่มีนมให้ลูกไอแล้ว...และนีสรีนเป็นผู้มอบน้ำนม
ให้ลูกไอ...นีสรีนจึงเป็นแม่ของลูกไออีกคน..."คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มบางจากรังสิมันต์
ก่อนจะจ้องตาคนพูดนิ่ง หญิงสาวรีบหลบสายนัั้นทันที โดยการหันไปพูดกับลูกชายแทน
"คืนนี้ลูกไอของแม่จะให้แม่นอนกอดรึเปล่าน้าาาาา..."นีสรีนมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาว
ที่นั่งข้างเธออย่างพินิจพิจารณา...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนายหัวรังที่กำลังยืนพิงเสาศาลาอยู่
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่รังสิมันต์ก้มลงมองไปยังเธอ ทั้งสองสบตากัน
แล้วก็เป็นนีสรีนทีี่ต้องรีบหลบสายตานั่นโดยการก้มลงต่ำทันที
รังสิมันต์กอดอกมองภาพหญิงสาวสองคนที่มีความคล้ายคลึงกัน
สองคนนี้มีเหมือนกันตรงที่ไม่กล้าสบตาของเขาตรงๆ...ทำไม!
...โปรดติดตามตอนต่อไป....
เต่าโยคลานต้วมเตี้ยมกลับมาแล้วค่ะ...
ต้องขออภัยนักอ่านเป็นอย่างมากนะคะ...
เนื่องจากร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง งานประจำบุกหนักจนกระเพาะและลำไส้มีปัญหา
จึงต้องหยุดพักการเขียนนิยายยาวเลยค่ะ...
ตอนนี้อาจจะยังมาแบบติดๆขัดๆ หากนักอ่านไม่ถนัด กลัวอ่านแบบติดๆขัดๆ
อยากจะกลับมาอ่านแบบรวบยอดตอนจบที่เดียวเลยก็ได้นะคะ
คาดว่าไม่กี่ยกก็จะปิดมหากาพย์แห่งคานน้อย คอยรักลงได้แล้วค่ะ
ซึ่งโยคงไม่รีบลบค่ะ...สบายใจได้ค่ะ...
อยากมาอ่านเมื่อไหร่ หรือสะดวกแวะมาส่งกำลังใจให้เมื่อไหร่
หรือจะส่งข้อความมาพูดคุยทักทาย ตรงนี้พร้อมเสมอค่ะ...
เพียงแต่เด่าโยแรงน้อย จากที่เคยคลานอาจกลายเป็นไต่...
แต่คงต้องขอบคุณกำลังใจจากนักอ่านทุกท่านนะคะ...
โยตั้งใจเขียนนิยายให้นักอ่านอ่านกันเพื่อแชร์ประสบการณ์ผ่านตัวละครแต่ละตัว
ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการได้เขียน...ซึ่งหากจะได้อะไรมากกว่านั้น
มันก็จะเป็นเพียงผลพลอยได้...ซึ่งกำลังใจและความจริงใจที่นักอ่านในที่นี้มอบให้
มันทำให้โยมีความสุขเสมอ เวลาท้อแท้กับชีวิต
กลับมาอ่านคอมเม้นท์ของนักอ่านที่นี่แล้วรู้สึกมีแรง
ทุกวันนี้ จึงไม่ได้หวังหรือตั้งใจจะพิมพ์ออกมาเป็นเล่มออกจำหน่าย
แต่เรื่องของอนาคตนั้นไม่แน่ไม่นอน...เพราะความตั้งใจจริงนั้น แค่อยากเขียน
ให้นักอ่านได้อ่านกันโดยไม่ต้องเสียอะไร นอกจากเสียเวลา และเสียอารมณ์บ้าง
เวลานักเขียนไม่มาอัพ...อิอิอิ...เพราะถ้าซื้อเป็นเล่มมาอ่าน อย่างไรก็สามารถ
อ่านรวดเดียวได้จนจบ...ไม่มีติดขัด...เฮะๆ
อย่างไรก็ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทุกกำลังใจที่ส่งมาให้เต่าโยนะคะ
และยังยืนยันว่า ถ้าลมหายใจยังมี ก็ตั้งใจจะเขียนให้จบค่ะ...
หากนักอ่านท่านใดสะดวก โยก็อยากได้ยินเสียงว่ายังคงติดตามอ่านกันอยู่...
ตู้จดหมายของโยรอรับความคิดถึงจากนักอ่านเสมอนะคะ
คิดถึงหมอรังหรือหนูรัก หรือตัวละครตัวไหนก็ส่งไปจดหมายไปหาโยได้ค่ะ....
หรือจะทิ้งความคิดถึงเอาไว้ข้างล่างก็ได้นะจ๊ะ...
รักและคิดถึงนะคะ
"เต่าโย"
ต่อจากคราวก่อนเลยนะคะ
v
v
v
“มีอะไรที่เธอทำไม่ได้บ้างหรือรีน…”รังสิมันต์ที่นั่งอุ้มลูกชายอยู่บนตั่งกลางศาลาสีขาว
ที่รายล้อมไปด้วยกุหลาบขาวถามหญิงสาวที่นั่งเงียบ
ใช่…ผู้หญิงคนนี้ไร้เสียง ไร้ถ้อยคำต่อขานใดๆ มีแต่ใบหน้าเรียบๆ
กับท่าทางที่คอยทำโน่นทำนี่ไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองว่าง
ยิ่งตอนนี้ เธอกำลังตัดแต่งดอกไม้เพื่อจัดเป็นซุ้มต้อนรับแขก
ที่จะมาร่วมงานเล็กๆที่จัดขึ้นเพื่อลูกชายตัวน้อยของเขา
ที่ตอนนี้อายุครบแปดเดือนและสามารถเดินเตาะแตะได้แล้ว
สร้างความปีติยินดีให้กับทุกคน จึงตั้งใจจัดงานนี้ขึ้นมา
หลังจากที่เกาะรังรักตกอยู่ในความเงียบเหงาเพราะขาดนายหญิงไป
“เธอมีรูปถ่ายลูกชายของเธอบ้างรึเปล่ารีน…”
คำถามนั้นฉุดให้คนที่กำลังขมักขเม้นกับการตัดแต่งดอกกุหลาบอยู่ถึงกับชะงักมือ
หันมามองหน้าคนถามนิดนึงก่อนจะก้มหน้าแล้วส่ายศีรษะเป็นคำตอบ
“เธอรักลูกไอของฉันมั้ย…”คำถามนี้ก็อีกเช่นกันที่ทำให้นีสรีนช้อนตาขึ้นมองคนถาม
ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยในตักของเขาที่บัดนี้กำลังพริ้มตาหลับอย่างสบาย…
หญิงสาวจึงใช้รอยยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเป็นคำตอบ…
“บางครั้ง…ฉันก็เกิดคำถามในใจว่าแม่ของลูกไอรักลูกชาย
ที่เธออุ้มท้องและคลอดออกมาบ้างรึเปล่า…เจ็ดเดือนแล้วนะรีน
ที่เธอทิ้งลูกของเธอเอาไว้ โดยไม่มาเหลียวแลเลย…ตอนนี้ลูกของเธอ
เรียกพ่อของเขาว่าพ่อได้แล้ว…แต่เขายังไม่มีแม่ให้เรียก…”
รังสิมันต์มองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าหยิบดอกไม้ขึ้นมาตัดแต่งด้วยแววตาอ่อนแสง…
ก่อนจะเปล่งถ้อยคำที่ทำเอาคนที่นั่งนิ่งๆถึงกับสะดุ้ง
“เธอจะรังเกียจมั้ย…ถ้าฉันจะสอนให้ลูกไอของฉันเรียกเธอว่าแม่…แม่รีน…”
พูดเสร็จก็มองแววตาของหญิงสาวที่ตวัดมาทางเขาก่อนจะรีบหลุบตาต่ำทันที…
“ว่าไง…”รังสิมันต์ถามย้ำ หากก็ไร้ซึ่งคำตอบ…
“เธอหวงเหรอ…”คนถูกถามส่ายหน้าก่อนจะหยิบกระดานขึ้นมาแล้วเขียนว่า
‘มันไม่เหมาะสม…นายน้อยมีแม่อยู่แล้ว…รีนไม่คิดจะอาจเอื้อมเทียบนายหญิงหรอกค่ะ’
“แต่ลูกฉันต้องการใครสักคนที่เขาจะเรียกว่าแม่ได้…
และตอนนี้คนที่เป็นแม่ของเขาก็ไม่ได้อยู่ให้เขาเรียก…”
เสียงนั้นเจืออะไรบางอย่างเอาไว้จนคนฟังรู้สึกได้
บนกระดานจึงปรากฎอักษรไม่กี่ตัวว่า
‘แล้วแต่นายหัวเถอะค่ะ…’
คำตอบนั้นฉุดรอยยิ้มที่มุมปากของคนถาม
จนต้องก้มหน้ามองลูกชายในตักแล้วลูบหัวน้อยๆนั้นด้วยความรักใคร่
“เธอจะให้ลูกไอดื่มนมของเธอนานแค่ไหนหรือรีน…
ฉันตามใจเธอนะ จะไม่มีการบังคับกันในเรื่องนี้…”
นีสรีนหันมาพร้อมกับชูสองนิ้ว ทำเอาคนถามถึงกับขมวดคิ้วด้วยความคาดไม่ถึง
“สองขวบเลยหรือ…”หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับก้มหน้า
เขียนอะไรบางอย่างลงไปบนกระดานแล้วยกให้รังสิมันต์ดู
‘ลูกคนควรได้ดื่มนมคน…ถึงจะเป็นคนเต็มคนค่ะ…
รีนเต็มใจทำเพื่อนายน้อย…รีนรักนายน้อยค่ะ…’รังสิมันต์ยิ้มออกมา
พร้อมกับกล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าจากใจจริง
“ขอบใจเธอมากนะรีน…ขอบใจจริงๆ”
และแล้วงานเลี้ยงเล็กๆบนเกาะรังรักก็ได้ถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่น
โดยมีแขกที่สนิทสนมมาร่วมงาน ทั้งครอบครัวอาทิตยะ
ครอบครัวณรันยา ครอบครัวพันธกาล ไม่เว้นแม้กระทั่ง
ครอบครัวลือสื่อสกุล และยังมีเวนไตยกับซาเนียเดินเคียงกันมาร่วมงาน
และที่สร้างความประทับใจให้กับทุกคนดูจะหนีไม่พ้น
คู่ทุกข์คู่ยากอย่างตะวันกับตามตะวัน ที่บัดนี้ตะวันกลับมาเดินเหินได้สะดวก
และกลับไปคุมบังเหียนอาทิตยะกรุ๊ปอย่างเต็มตัวแล้ว
ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ทั้งสองได้ผ่านบททดสอบแห่งความรักกันมาอย่างหนัก
และผลของมันก็ดูจะสวยงามและกำลังบานสะพรั่งอวดความงามให้ทุกคนได้ชื่นชม…
“ดอกรักของพี่จะบานเต็มที่เมื่อไหร่ครับพี่เพลิง…”รังสิมันต์ถามตะวัน
ด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างเปิดเผยราวกับชีวิตของตัวเองนั้นมิได้ขาดหายสิ่งใดหรือใครไป…
“อีกไม่นานหรอกรัง…รอตามเขาเพิ่มน้ำหนักอีกนิดก่อน
ดูแลพี่จนซูบผอมไปเยอะ…กลัวว่าจะไม่มีแรงน่ะ”
พูดพลางก็หันไปทางตามตะวันที่กำลังส่งค้อนมาให้คนพูด
“พี่เพลิงเขากำลังจะบอกว่า…ที่ผ่านมาเขาต่อให้แกกับฉัน
และนายดินแซงหน้าไปก่อน แต่หลังจากนี้เขาจะไม่ออมแรงแล้ว…
ก็เลยอยากจะขุนให้พี่ตามน้ำหนักเพิ่มไง…”
ถ้อยคำแบบนี้มิใช่ใครที่ไหน...พ่อลูกแฝดนั่นเอง…
ที่วันนี้หอบลูกแฝดเอาไว้ทั้งด้านซ้ายด้านขวาทั้งๆที่เดินได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมเดิน
เพราะลูกรักทั้งสองไม่ยอมให้พ่อลมห่างกาย เกาะติดแจราวกับลูกลิง
จนคนเป็นแม่นั่งยิ้มสบายใจพร้อมกับจิบน้ำผลไม้อยู่ตรงม้านั่ง
“แต่ยังไงก็คงไม่มีทางแซงหน้าผมได้แน่หรอกพี่เพลิง…ของผมน่ะแพ็กคู่
แต่กับไอ้รังน่ะ…มีสิทธิ์นะพี่…เพราะตอนนี้รังไร้รักซะแล้ว…”
เสียงนั้นราวกับตอกย้ำ ทว่าคนถูกตอกย้ำกลับทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร
หยิบขนมป้อนลูกชายหน้าตาเฉย
“ว่าแล้วก็คิดถึงไอ้สิ้น…ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน…เฮ้อ…”ปองขวัญถอนใจ
เพราะไร้ร่องรอยของเพื่อนรักที่อาจหาญทิ้งลูกไปได้ลงคอ….
“ส่วนผมพี่เลิกหวังได้เลยพี่เพลิง…เพราะตอนนี้แม่แมงมุมของผม
กำลังมีลูกเสือในท้องให้ผมอีกคน…”
“หาาาาาาาา…”เสียงนั้นดังจากทุกคน เรียกให้ทุกสายตาทุกคู่
ที่มาร่วมงานหันมามองเป็นจุดเดียวกัน ทำเอาแม่แมงมุมที่ถูกพาดพิงถึงกับอายหน้าแดง
ฟาดพ่อสามีปากไวให้ด้วยความหมั่นไส้ที่ประกาศซะดังลั่นงาน
แย่งซีนเจ้าภาพจนหมด…
“แกนี่มาเงียบๆเป็นม้ามืดตลอดนะเจ้าดิน…”วายุอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้
ทำเอาพี่สาวคนโตของบ้านอาทิตยะอย่างธารายิ้มขัน
“ว่าแต่กี่เดือนแล้วจะน้องเล็ก…”ธาราเปลี่ยนมาเรียกพันทิวาว่าน้องเล็ก
ตั้งแต่ได้น้องสาวคนนี้มาเป็นสะใภ้เล็กของบ้านแล้ว ทำเอาคนถูกถาม
ต้องหันหน้าไปทางมารดา เพราะว่ายังไม่ได้ปริปากเรื่องนี้ให้มารดา
หรือใครๆรู้เลยนอกจากพ่อสามีตัวดีเท่านั้น…
“สองค่ะ…”
“ถึงว่าสิ…มองไม่ออกเลย…”อากิโกะกล่าวขึ้นพร้อมกับเหลือบบมองลูกสาว
ที่กำลังขี่คอสามีสุดที่รักอยู่ตรงชายหาด มีลูกแฝดคนละฝาของเธอวิ่งตาม
ไม่ยอมห่างน้อง...เสียงหัวเราะจึงดังมาเป็นระยะเพราะดูคุณพ่อของลูกสาวแสนซนของเธอ
จะหยอกลูกสาวแรงจนลูกสาวเสียวไส้ ทั้งหัวเราะทั้งส่งเสียงกรี๊ดแข่งกับเสียงคลื่น…
ซ้ำยังประสานเสียงกับพี่แฝดของตัวเองอย่างที่เสียงทะเลก็ต้องยอมให้
“คราวนี้แม่ขอหลานชายนะเจ้ามุม…เพราะพ่อแกบอกว่า
ถ้าได้หลานชายมาคราวนี้จะให้ชื่อจากัวร์…”
เสียงแม่ตำลึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มดวงหน้า ที่ได้รับฟังข่าวดีจากลูกสาว…
ซึ่งดูไปแล้ว พ่อลูกเขยคนนี้จะได้อย่างใจหล่อนที่สุด…
เอาไอ้มุมลูกสาวแสนห้าวที่หล่อนเคยคิดมาตลอดว่าจะชักใยอยู่บนคานไม่ยอมลงมา
ได้อย่างอยู่หมัด
…อย่างน้อยลูกคนที่สองที่ตามติดมาก็บอกได้ดีว่า
ไอ้มุมลูกสาวของหล่อนคงไปไหนไม่รอด ติดใยรักของไอ้หนุ่ม
ที่ประกาศลั่นว่าอย่างไรก็ไม่มีทางแต่งงานด้วยเมื่อตอนโดนบังคับเป็นแน่
“ว่าแต่แกเถอะไอ้บัน ไอ้ที่เป็นอยู่น่ะเป็นยังไงบ้าง…”
เสียงนั้นดังมาจากพญานาคา เจ้าของค่าย ส.พันธกาลที่เอ่ยขึ้นขัดบทสนทนาดังกล่าว
หันมาทางน้องเขยที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด…
“กำลังประคองอยู่ แต่หมอกานต์เขาบอกว่าเอาอยู่…หายห่วงได้
ยังไงฉันก็ไม่มีวันชิ่่งหนีแกไปก่อนหรอกนาคา…”
บันลือกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่เจือจางความทุกข์ที่เมื่อมองไปไม่เจอหน้าลูกสาว
วันนี้ใครๆต่างมารวมตัวกันจนครบ ขาดเพียงลูกสาวของเขาเท่านั้น
และดูเหมือนเดี๋ยวนี้เจ้าลูกเขยของเขาเองจะไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อน
กับการหายตัวไปของลูกสาวของเขาสักเท่าไหร่นัก…
และเหมือนคำตอบนั้นจะดังพอที่จะไปเข้าหูใครบางคนที่นั่งเงียบ
ปราศจากเสียงมาตลอดให้ต้องสะดุ้ง…และเหมือนว่ามีสายตาคู่หนึ่ง
กำลังจับอยู่ที่ปฏิกิริยาดังกล่าวนั้นอยู่เช่นกัน…
“แล้วหนูล่ะซาเนีย…เมื่อไหร่จะมีข่าวดีให้ป้าได้ชื่นใจบ้าง…”
แพรวากล่าวขึ้นเมื่อมองไปทางซาเนียที่นั่งเล่นกับหลานชายตัวเล็กของเธออยู่…
“ยังหรอกค่ะป้าแพรว…รอสะสางเรื่องที่ค้างคาให้เสร็จก่อนค่ะ…”
ถ้อยคำนั้นทำเอาคนที่พยายามอ้อนขอแต่งงานคนพูดมาตลอดถึงกับลอบถอนใจ…
ทำเอาบันลือที่มองความสัมพันธ์ของทั้งสองมาตลอดถึงกับอมยิ้ม…
“จะแต่งก็รีบแต่งเถอะหนูซาเนีย…ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืนยาวอะไรนักหรอก…
อย่ากลัวเลยกับการแต่งงาน…มันมีเรื่องให้น่ากลัวกว่านี้อีกมากมายหลังจากเราแต่งงานไปแล้ว
แต่อะไรก็ไม่เท่ากับความอดทนของคนสองคนที่จะประคองชีวิตคู่ให้ข้ามผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน…
เจ้าเวนไตยเองก็คงอิจฉาหนุ่มๆแถวนี้แล้วล่ะ เห็นใจเขาหน่อยนะหนู…
เพราะการมีลูก มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ เลยอยากให้เราสองคนได้สัมผัส
กับความรู้สึกนั้นดู...”ซาเนียถึงกับก้มหน้าซ่อนความเขินอาย
เรียกรอยยิ้มจากทุกคนไม่เว้นแม้แต่เวนไตยที่เดินมานั่งใกล้แล้วอุ้มลูกชายของรังสิมันต์ขึ้น
ก่อนจะกล่าวกับซาเนียเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
“พี่อยากได้แบบนี้สักสามคน…เธอไม่คิดจะช่วยพี่บ้างเหรอ…
ให้พี่รอแค่ไหนพี่ก็รอไหว แต่จะให้รอจนพี่ไม่มีแรง พี่ไม่ยอมนะรู้มั้ย”
“ไม่ยอมแล้วจะทำอะไรได้…”ซาเนียกระซิบถามกลับ
“ทำไมจะทำไม่ได้…”
“ถ้าซาเนียไม่ยอมซะอย่าง พี่ปราณจะปล้ำซาเนียอย่างที่ขู่น่ะเหรอ
ไม่มีทางหรอก…เพราะซาเนียจะฟ้อง…”
“ฟ้องอะไร ฟ้องใคร…”
“ฟ้องป้าแพรว…”
“ซึ่งป้าแพรวของเธอก็จะรีบจัดแจงให้เธอแต่งงานกับพี่ในที่สุด…ฮึๆ”
เสียงหัวเราะตอนท้ายในลำคอ ทำเอาคนฟังหมั่นไส้ บิดสีข้างคนพูด
ให้สองที จนเวนไตยถึงกับร้องซีดออกมาด้วยความเจ็บแปลบ
“เดี๋ยวนี้หัดหยิกพี่เหรอ…”
“จะหยิกให้เขียวทั้งตัวถ้าคิดจะทำอย่างที่เคยขู่มา…”
“ก็ดีนะ…เนื้อเขียวแลกกับการได้เคี้ยวงูเขียวสำเร็จ…
ต่อให้ถูกถอนขนจนหมดตัว พี่ก็ยอม…หรือจะหักปิกพี่ให้บินไปไหนไม่ได้อีก พี่ก็ยอมนะ”
“ยอมนะ…”เสียงใสๆดังขึ้นจากเด็กตัวน้อยที่เวนไตยกำลังอุ้มอยู่
ทำเอาซาเนียถึงกับหยิกแก้มนุ่มๆนั้นด้วยความหมั่นเขี้ยว
“เห็นมั้ยขนาดน้องไอยังยุให้ยอมเลย…ยอมพี่เถอะนะซาเนียนะ…”
“น้องไอก็แค่พูดตาม ไม่ได้ยุสักหน่อยเนอะน้องไอ้เนอะ…”
“เน้อๆ…”เด็กชายตัวน้อยพูดตามประโยคหลังของซาเนียด้วยรอยยิ้มใสซื่อบริสุทธิ์
ทำเอาทั้งสองถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกันกับสีหน้าท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูนั้น
ของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าของเกาะแห่งนี้…
และเหมือนคนที่ถูกลืมในวันนี้จะปรากฎกายขึ้นอย่างที่ใครก็ไม่อาจคาดคิดได้…
ด้วยบุคลิกและท่่าทางที่เปลี่ยนไป…
หญิงสาวร่างเล็กแบบบางลงจากเรือแล้วเดินนวยนาดขึ้นฝั่งมายังงานเลี้ยง
เรียกสายตาทุกคู่ให้จับไปเป็นจุดเดียวกันพร้อมกับเสียงเปรยราวกับรำพันของเจ้าของเกาะ
“ยัยตัวเล็ก”
“หนุ่ย”
“หนูรัก”
“ไอ้สิ้น”
“พี่รัก”
ทุกคนกล่าวขานเรียกชื่อหญิงร่างเล็กแบบบางที่กำลังเดินยิ้มมาเพียงลำพัง
หญิงร่างเล็กที่อยู่ในชุดแซกสีชมพูหวานแหวว ผมยาวสลวยกำลังปลิวสยายตามสายลม
ทำเอารังสิมันต์ที่มองภาพนั้นอยู่ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ
…เขาว่าเมื่อก่อนยัยตัวเล็กของเขาสวยหยาดหยดแล้ว มาบัดนี้เธอยิ่งสวยผุดผาด
ซ้ำท่าทางยังดูเย้ายวนแปลกๆ
แล้วร่างแบบบางก็โผเข้าสวมกอดรังสิมันต์ด้วยความคิดถึงพร้อมกับถ้อยคำขอโทษ…
“รักขอโทษนะคะพี่รังที่ทิ้งพี่รังกับลูกไป…รักมีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น
ขอให้พี่รังเชื่อ เชื่อว่ารักจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น…แล้วรักจะอธิบาย เล่าทุกอย่างให้พี่ฟัง…”
พูดจบก็ผละจากอ้อมกอดของรังสิมันต์
แล้วหันไปทางทุกคนพร้อมกับขอโทษทุกคน…
“ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะที่ทำเช่นนั้นไป…แต่จากนี้ไป
ไม่มีแบบนั้นอีกแล้วค่ะ…รักจะไม่ไปไหนอีกแล้ว…
หนุ่ยจะไม่ไปไหนอีกแล้วค่ะพ่อบัน…”สิ้นรักหันไปทางบันลือ
ก่อนจะกอดบิดาเอาไว้แน่น…
“หนุ่ยขอโทษนะคะพ่อบัน…หนุ่ยทำเกินไป หนุ่ยรู้…”
“ช่างมันเถอะหนุ่ย ขอแค่หนุ่ยปลอดภัยกลับมา พ่อก็อุ่นใจแล้ว
คราวหน้าคราวหลังมีอะไร ต้องปรึกษาพ่อก่อนรู้มั้ย…”
หญิงสาวพยักหน้าพร้อมกับปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะหันไปทางลูกชาย
ทว่า…เพียงยกเด็กชายตัวน้อยจากเวนไตยขึ้นอุ้มเท่านั้น
เสียงเด็กน้อยก็ร้องไห้ออกมา พร้อมกับร้องเรียกหาพ่อรังกับแม่รีน…
“พ่อราง…แม่รีง…”เสียงเรียกนั้นทำเอาคนอุ้มถึงกับหน้าถอดสี
รังสิมันต์จึงรีบเดินมารับลูกไปอุ้มพร้อมกับบอกลูกชายว่า
“นี่คือแม่รัก…แม่ของน้องไอ้ไงลูก…น้องไอรู้จักแม่รักสิลูก…
แม่รักที่พ่อรังให้น้องไอดูภาพก่อนนอนทุกคืนไงครับ…”
เด็กชายตัวน้อยกลับหนีหน้า ซ่อนหน้าซบลงตรงบ่่าของผู้เป็นพ่อ…
“ลูกคงยังไม่คุ้น…”รังสิมันต์ยิ้มบางให้สิ้นรักที่ยืนหน้าซืดเผือดอยู่ข้างๆ
“รักทิ้งลูกไปนาน ลูกคง…คง…”
“อย่าเพิ่งคิดมากเลย…ลูกยังเล็ก…ยังดัดยังหัดได้…มันต้องใช้เวลา”
รังสิมันต์ยิ้มให้แม่ของลูกราวกับปลอบใจ เรื่องอื่นสำหรับเขาเอาไว้ค่อยเคลียร์กัน…
“รักอยากกอดลูกค่ะพี่รัง…อยากกอดลูกเหลือเกิน…”
คำอ้อนวอนนั้นกลับไร้ผลเมื่อรังสิมันต์ยื่นลูกชายให้ผู้เป็นแม่
ทว่าเด็กชายกลับไปยอม เกาะคอรังสิมันต์เอาไว้อย่างเหนียวแน่น
แถมยังร้องเรียกให้นีสรีนช่วยอีก
“แม่รีง…แม่รีง…”นีสรีนที่ยืนอยู่ไม่ห่างกลับไม่กล้าเข้าไปกั้นกลาง
หรือเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างทั้งสาม เลยได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ
เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี…ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาทันที
เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียวจากรังสิมันต์
“เธอเอาลูกไอไปนอนพักเถอะ…คงจะหิวนมและหิวนอนแล้ว…”
รังสิมันต์พูดพลางส่งลูกชายให้นีสรีน หญิงสาวจึงหันไปทางผู้ที่ได้ชื่อว่า
เป็นแม่ของเด็กชายตัวน้อยราวกับขออนุญาต ก่อนจะรีบรับนายน้อยของตัวเองไปอุ้ม
แล้วเดินพาไปยังศาลาสีขาวกลางดงกุหลาบขาว
สถานที่ที่นายน้อยของเธอชอบให้พาไปพักผ่อนนอนหลับ…
บรรยากาศหลังจากนั้นจึงตกอยู่ในความเงียบก่อนจะเปลี่ยนเป็นคีกคักในไม่กี่ชั่วอึดใจ
เมื่อทุกคนหันความสนใจมาสอบถามเรื่องราวความเป็นมาของสิ้นรัก
ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้ทำเช่นนั้น…
ซึ่งคำตอบที่ได้รับแม้จะไม่กระจ่างใจคนที่เฝ้าสงสัยอยู่นัก
แต่เพราะไม่อยากเสียมารยาทละลาบละล้วงในสิ่งที่ไม่ควรจะเอ่ยถึงนัก
ทำให้ทุกคนเก็บปากเก็บคำเอาไว้กับคำถามที่ยังคาใจอยู่
โดยเฉพาะรังสิมันต์ที่มิได้เอ่ยปากถามอะไรเธอออกไป…
นอกจากนั่งยิ้มอย่างเดียว ก่อนจะเหลียวไปทางศาลาสีขาวเป็นระยะๆ
ด้วยแววตาห่วงๆ…ทำเอาส้ินรักที่จับท่าทางนั้นอยู่ถึงกับเขม่น
“ว่างๆไปเยี่ยมพี่กับลูกๆบ้างนะนาโน…”วายุกล่าวกับสิ้นรักส่งท้าย
ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน…ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะพักผ่อนอยู่บนเกาะอีกสักสองสามวัน…
“ทำไมรีบกลับนักล่ะคะ…น่าจะอยู่พักที่นี่อีกสักหน่อย…”
“พี่มีธุระต้องกลับไปสะสางน่ะ…เอาไว้คราวหน้าแล้วกันนะ”
วายุกล่าวพลางสะกิดภรรยาเป็นสัญญาณ ปองขวัญเลยจำต้องลาเพื่อนรัก
ทั้งๆที่ยังพูดคุยไถ่ถามกันไม่เท่าไหร่เลย พ่อลูกแฝดก็มาเปลี่ยนแผน
ขอกลับบ้านซะอย่างนั้น ซึ่งดูไปแล้วลูกแฝดของเธอยังไม่ค่อยจะเต็มใจจะลงเรือ
สักเท่าไหร่นัก ยุกยิกไม่ยอมให้อุ้ม กวนจะลงไปเล่นบนผืนทรายตลอดเวลา
“พี่เพลิงจะกลับพร้อมผมเลยรึเปล่า…”ตะวันเหมือนจะยังไม่อยากกลับ
แต่เพราะเห็นแววตาของน้องชายราวกับสื่ออะไรบางอย่างมา
ซี่งเป็นรหัสทางสายตาที่ชาวอาทิตยะใช้ส่งสาส์นถึงกันเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้าใจ...
“ก็แกเล่นเอาน้องสาวของว่าท่ีเจ้าสาวฉันกลับไปแล้ว…
ฉันจะขัดอะไรได้เล่า…หรือคุณอยากพักอยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะตาม
คุณอยู่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่น…”ตามตะวันมองตาคนพูดแล้วเหมือนจะร้องค้านในใจ
...ปากเขาน่ะบอกว่าตามใจเธอ แต่ดูตาเขาสิ
ราวกับจะลากเธอให้ลงเรือตามหลังน้องเขยของเธอไปซะอย่างนัั้น…
…นิสัยจอมเผด็จการดูจะดัดยากเสียแล้วสำหรับไม้แก่เช่นนี้…
“พี่เองคงต้องลาเช่นกันนะรัง เอาไว้คราวหน้าจะมาพักด้วยนะ…
รอบนี้จะพาพี่เพลิงเขาไปเที่ยวชมบรรยากาศที่สวนปักษาวายุน่ะ
จะได้มีแรงกระตุ้นให้ไฟของการทำงานกลับมาลุกโชนอีกครั้ง…”
“กระตุ้นไฟรักล่ะสิไม่ว่า…”ตะวันกระซิบเบาๆข้างหูตามตะวัน
ให้ได้ยินกันแค่สองคน ทำเอาหญิงสาวช้อนตาขึ้นค้อนใส่คนพูด
เรียกรอยยิ้มให้กับตะวันที่ชอบมองยามที่เธอส่งค้อนมาให้…
ก่อนจะหยอกหญิงสาวอีกสักนิดให้รู้สึกระชุ่มกระชวยต่อ
“ก็บรรยากาศมันอาจจะพาไป…ไฟอาจลามทุ่งได้นะครับ…”
“ไม่เป็นไรค่ะ…เพราะตามจะดับมันเอง…พี่เพลิงหายห่วงได้…”
ตามตะวันขู่ตาเขียวปั๊ด…รู้สึกได้ว่าเดี๋ยวนี้พ่อเพลิงตะวันของเธอ
จะหันมาทำสายตาแบบเก่าๆตอนสมัยที่จีบเธอใหม่ให้หัวใจเธอแกว่งไกวอีกแล้ว
…ทั้งๆที่ปากก็บอกชาวบ้านว่า อยากขุนให้เธออ้วนอีกสักนิด
ซึ่งความจริงแล้วมิใช่เลย เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานกับเขา
อยากให้เขาพร้อมมากกว่านี้ เนื่องจากร่างกายของเขายังกลับมาไม่พร้อม
เธอจึงอยากให้เขาแข็งแรงมากกว่านี้ก่อน…
คนอื่นอาจมองว่าเขาดูแข็งแรงดีแล้ว แต่เธอที่ดูแลเขาใกล้ชิดทุกวันนั้นรู้ดี
ว่าเขายังไม่ถึงกับพร้อมนัก…มีบางเวลาที่อยู่ๆเขาก็ชาหนึบไป…
เธอจึงอยากให้มั่นใจว่าเขาแข็งแรงและพร้อมสำหรับการแต่งงาน
และครองเรือนแล้วถึงจะยอมแต่งงานเข้าหอกับเขา…
แม้จะต้องอดทนและอดใจแค่ไหนกับการต้องห้ามใจยามอยู่ใกล้เขา
แต่เธอก็ยินดีที่จะทน ทนเพื่อรอเวลาให้พร้อมมากกว่านี้…
ทุกคนค่อยๆทะยอยกันกลับไปจนหมด เหลือบันลือ เวนไตยและซาเนีย
ซึ่งขอพักต่อที่นี่อีกหลายวัน ตั้งใจจะกลับเกาะชิงชังพร้อมกับบันลือ...
ที่อาการทางกายยังไม่ค่อยดีนัก จึงไม่อยากอยู่ให้ลูกสาวที่กลับมาแล้วล่วงรู้
ครั้นจะกลับเลยก็คิดถึงลูกสาว...อยากอยู่ให้หายคิดถึงอีกสักพัก...
และเมื่ออยู่กันตามลำพัง...รังสิมันต์จึงเอ่ยขึ้นขณะที่สิ้นรักกำลัง
เดินไปทางศาลาที่ลูกชายของเขากำลังนอนหลับอยู่บนตักนีสรีน...
"พี่จะไม่ถามว่าเธอหายไปไหนมา...และจะรอจนกว่าเธอพร้อมที่จะเล่าทุกอย่าง
ให้พี่ฟัง..."คนร่างบางหยุดขาที่กำลังก้าวนิดนึงแล้วหันมาพูดกับคนที่เดินขนาบข้างว่า
"รักอยากให้พี่รังรู้เอาไว้ว่า...รักรักพี่และรักลูกมาก...การหายตัวไปก่อนหน้านี้
รักต้องทำเพื่อครอบครัวเรา...และตอนนี้ทุกอย่างคลี่คลายลงแล้ว รักจึงกลับมา..."
"เกี่ยวกับไอ้ขุนศึกนั่นรึเปล่า..."รังสิมันต์หลุดปากออกไป และเหมือนจะรู้ตัวเมื่อเห็นแววตา
ของคนตัวเล็กหันมามองอย่างตัดพ้อ
"พี่ขอโทษ..."จบคำพูดนั้นทั้งสองก็เดินเคียงกันไปอย่างเงียบๆ
ไม่มีการจับมือจูงกันไป ทิ้งระยะห่างเอาไว้แบบเสมอต้นเสมอปลาย
จนถึงจุดหมาย...
นีสรีนเงยหน้าขึ้นมองบุคคลท้ังสองที่ปรากฎกายต่อหน้าเธอก่อนจะก้มมอง
เด็กน้อยที่เธอเฝ้าฟูมฟัักมาตั้งแต่ยังแบเบาะ...อยู่ๆก็ให้รู้สึกใจหายขึ้นมา
เมื่อมองใบหน้าของหญิงสาวซึ่งเป็นนายหญิงแห่งเกาะรังรัก
ผู้เป็นดวงใจของนายหัวรัง และเป็นผู้ทีี่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของเด็กน้อยในตักของเธอ
...เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไร...เธอรู้ดี...
...และคงไม่มีหวังได้พูดอะไรออกไป...
"นีสรีนจะดูแลลูกของเรา...ตลอดไป..."นั่นราวกับเป็นคำประกาศิตที่ออกมาจากปาก
ของนายหัวรัง ทำเอาสองสาวหันมามองหน้ากัน สิ้นรักหันมามองหน้าสามี
ก่อนจะยิ้มบาง...พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยนว่าขณะนัั่งลงข้างๆนีสรีน
แล้วลูบผมลูกชายอย่างแผ่วเบา
"ลูกไอต้องการแม่นม...รักไม่มีนมให้ลูกไอแล้ว...และนีสรีนเป็นผู้มอบน้ำนม
ให้ลูกไอ...นีสรีนจึงเป็นแม่ของลูกไออีกคน..."คำพูดนั้นเรียกรอยยิ้มบางจากรังสิมันต์
ก่อนจะจ้องตาคนพูดนิ่ง หญิงสาวรีบหลบสายนัั้นทันที โดยการหันไปพูดกับลูกชายแทน
"คืนนี้ลูกไอของแม่จะให้แม่นอนกอดรึเปล่าน้าาาาา..."นีสรีนมองเสี้ยวหน้าของหญิงสาว
ที่นั่งข้างเธออย่างพินิจพิจารณา...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนายหัวรังที่กำลังยืนพิงเสาศาลาอยู่
ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่รังสิมันต์ก้มลงมองไปยังเธอ ทั้งสองสบตากัน
แล้วก็เป็นนีสรีนทีี่ต้องรีบหลบสายตานั่นโดยการก้มลงต่ำทันที
รังสิมันต์กอดอกมองภาพหญิงสาวสองคนที่มีความคล้ายคลึงกัน
สองคนนี้มีเหมือนกันตรงที่ไม่กล้าสบตาของเขาตรงๆ...ทำไม!
...โปรดติดตามตอนต่อไป....
เต่าโยคลานต้วมเตี้ยมกลับมาแล้วค่ะ...
ต้องขออภัยนักอ่านเป็นอย่างมากนะคะ...
เนื่องจากร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง งานประจำบุกหนักจนกระเพาะและลำไส้มีปัญหา
จึงต้องหยุดพักการเขียนนิยายยาวเลยค่ะ...
ตอนนี้อาจจะยังมาแบบติดๆขัดๆ หากนักอ่านไม่ถนัด กลัวอ่านแบบติดๆขัดๆ
อยากจะกลับมาอ่านแบบรวบยอดตอนจบที่เดียวเลยก็ได้นะคะ
คาดว่าไม่กี่ยกก็จะปิดมหากาพย์แห่งคานน้อย คอยรักลงได้แล้วค่ะ
ซึ่งโยคงไม่รีบลบค่ะ...สบายใจได้ค่ะ...
อยากมาอ่านเมื่อไหร่ หรือสะดวกแวะมาส่งกำลังใจให้เมื่อไหร่
หรือจะส่งข้อความมาพูดคุยทักทาย ตรงนี้พร้อมเสมอค่ะ...
เพียงแต่เด่าโยแรงน้อย จากที่เคยคลานอาจกลายเป็นไต่...
แต่คงต้องขอบคุณกำลังใจจากนักอ่านทุกท่านนะคะ...
โยตั้งใจเขียนนิยายให้นักอ่านอ่านกันเพื่อแชร์ประสบการณ์ผ่านตัวละครแต่ละตัว
ไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าการได้เขียน...ซึ่งหากจะได้อะไรมากกว่านั้น
มันก็จะเป็นเพียงผลพลอยได้...ซึ่งกำลังใจและความจริงใจที่นักอ่านในที่นี้มอบให้
มันทำให้โยมีความสุขเสมอ เวลาท้อแท้กับชีวิต
กลับมาอ่านคอมเม้นท์ของนักอ่านที่นี่แล้วรู้สึกมีแรง
ทุกวันนี้ จึงไม่ได้หวังหรือตั้งใจจะพิมพ์ออกมาเป็นเล่มออกจำหน่าย
แต่เรื่องของอนาคตนั้นไม่แน่ไม่นอน...เพราะความตั้งใจจริงนั้น แค่อยากเขียน
ให้นักอ่านได้อ่านกันโดยไม่ต้องเสียอะไร นอกจากเสียเวลา และเสียอารมณ์บ้าง
เวลานักเขียนไม่มาอัพ...อิอิอิ...เพราะถ้าซื้อเป็นเล่มมาอ่าน อย่างไรก็สามารถ
อ่านรวดเดียวได้จนจบ...ไม่มีติดขัด...เฮะๆ
อย่างไรก็ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทุกกำลังใจที่ส่งมาให้เต่าโยนะคะ
และยังยืนยันว่า ถ้าลมหายใจยังมี ก็ตั้งใจจะเขียนให้จบค่ะ...
หากนักอ่านท่านใดสะดวก โยก็อยากได้ยินเสียงว่ายังคงติดตามอ่านกันอยู่...
ตู้จดหมายของโยรอรับความคิดถึงจากนักอ่านเสมอนะคะ
คิดถึงหมอรังหรือหนูรัก หรือตัวละครตัวไหนก็ส่งไปจดหมายไปหาโยได้ค่ะ....
หรือจะทิ้งความคิดถึงเอาไว้ข้างล่างก็ได้นะจ๊ะ...
รักและคิดถึงนะคะ
"เต่าโย"

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2556, 00:19:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2556, 00:19:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 3185
<< ยกที่ 85 เสียงที่ไม่ได้ยิน (50%) | ยกที่ 86 หัวใจคุ้นเคย >> |



คิมหันตุ์ 25 มี.ค. 2556, 01:19:04 น.
คิดถึงเสมอค่า...แม้ว่าจะไม่ได้อ่านเรื่องนี้เพราะตามไม่ทันยาว ม๊าก..
แต่อ่าน เรื่อง อะรูซะตีนะคะ รอความอบอุ่นของคุณหมอ กับนาดาอยู่นะคะ
คิดถึงเสมอค่า...แม้ว่าจะไม่ได้อ่านเรื่องนี้เพราะตามไม่ทันยาว ม๊าก..
แต่อ่าน เรื่อง อะรูซะตีนะคะ รอความอบอุ่นของคุณหมอ กับนาดาอยู่นะคะ

konhin 25 มี.ค. 2556, 02:12:31 น.
อ่ะ นี่ใช่ตัวปลอมโผล่มาก่อกวนป่ะคะ? ง่ะ เดาทางไม่ออก นึกว่ารินเป็นนาโนอ่ะ และยังอยากให้เป็นอยู่
อ่ะ นี่ใช่ตัวปลอมโผล่มาก่อกวนป่ะคะ? ง่ะ เดาทางไม่ออก นึกว่ารินเป็นนาโนอ่ะ และยังอยากให้เป็นอยู่

Pat 25 มี.ค. 2556, 06:37:30 น.
สิ้นรักตัวปลอมแน่ๆ แต่จะเป็นฝือมือใครจัดฉากมาน้อ. ดูเหมือนพี่รังจะรู้ว่านีสรีนเป็นใครแล้วแต่ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ หายไปนานเลยนะคะ รักษาสุชภาพด้วยค่า
สิ้นรักตัวปลอมแน่ๆ แต่จะเป็นฝือมือใครจัดฉากมาน้อ. ดูเหมือนพี่รังจะรู้ว่านีสรีนเป็นใครแล้วแต่ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ หายไปนานเลยนะคะ รักษาสุชภาพด้วยค่า




pattisa 25 มี.ค. 2556, 11:56:22 น.
ดีใจคุณโยมาเเล้ว ว่าเเต่อะไรกันที่คลี่คลาย
ดีใจคุณโยมาเเล้ว ว่าเเต่อะไรกันที่คลี่คลาย

ตามหาฝัน 25 มี.ค. 2556, 12:42:23 น.
รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ

supayalak 25 มี.ค. 2556, 14:15:45 น.
ลุ้น ลุ้น ลุ้น เกิดอะไรขึ้นทำไมบทจะมาก็มาง่ายๆ เลย โอ้ยยยย อย่าผลิกแผนเลยน้า เดี๊ยวคนอ่านหัวใจวายก่อนไรทเตอร์ไม่ดีนะค้าาาาา เต่าโย
ปล. หายป่วยไวๆนะค้าาาาาาา สู้สู้ค้าาาาา
ลุ้น ลุ้น ลุ้น เกิดอะไรขึ้นทำไมบทจะมาก็มาง่ายๆ เลย โอ้ยยยย อย่าผลิกแผนเลยน้า เดี๊ยวคนอ่านหัวใจวายก่อนไรทเตอร์ไม่ดีนะค้าาาาา เต่าโย
ปล. หายป่วยไวๆนะค้าาาาาาา สู้สู้ค้าาาาา

aom 25 มี.ค. 2556, 15:59:18 น.
รอตอนต่อไปนะคะ
รอตอนต่อไปนะคะ


goldensun 25 มี.ค. 2556, 20:02:17 น.
จะเป็นสาวหน้าเหมือนที่อยู่ในคลิปของขุนศึกรึเปล่า ยังคิดว่า รีนคือสิ้นรักตัวจริงอยู่ และลมก็น่าจะรู้ด้วย ถึงได้รีบกลับไปปรึกษากับในหมู่พี่น้องบ้านอาทิตยะ
รักษาสุขภาพนะคะ รออ่านได้เสมอค่ะ
จะเป็นสาวหน้าเหมือนที่อยู่ในคลิปของขุนศึกรึเปล่า ยังคิดว่า รีนคือสิ้นรักตัวจริงอยู่ และลมก็น่าจะรู้ด้วย ถึงได้รีบกลับไปปรึกษากับในหมู่พี่น้องบ้านอาทิตยะ
รักษาสุขภาพนะคะ รออ่านได้เสมอค่ะ

ใบบัวน่ารัก 25 มี.ค. 2556, 20:04:51 น.
แก่ๆๆๆๆๆ กันแล้ว งอนเยอะไม่ดีนะ
คุณหมอจะเลือกก็เลือกๆๆๆๆ ซะ แก่ๆๆกันแล้วนะ
แก่ๆๆๆๆๆ กันแล้ว งอนเยอะไม่ดีนะ
คุณหมอจะเลือกก็เลือกๆๆๆๆ ซะ แก่ๆๆกันแล้วนะ


violette 25 มี.ค. 2556, 23:31:21 น.
โอย งงค่ะ ฮ่าๆ เรื่องนี้อ่านแล้วปวดใจต่อไป
รออ่านคุณหมอด้วยนะคะ อ่านแล้วยิ้มดีค่ะ
โอย งงค่ะ ฮ่าๆ เรื่องนี้อ่านแล้วปวดใจต่อไป
รออ่านคุณหมอด้วยนะคะ อ่านแล้วยิ้มดีค่ะ

wii 26 มี.ค. 2556, 00:15:35 น.
โห๋ ถ้าใด้ออกเป็นรูปเล่มนะ คนซื้อต้องเอารถเข็นไปเข็นด้วยเพราะหนังสือคงหนาปึ๊กน่าดู หิ้วไม่ไหวหรอกเชื่อเหอะ555...
โห๋ ถ้าใด้ออกเป็นรูปเล่มนะ คนซื้อต้องเอารถเข็นไปเข็นด้วยเพราะหนังสือคงหนาปึ๊กน่าดู หิ้วไม่ไหวหรอกเชื่อเหอะ555...

nasa 26 มี.ค. 2556, 10:30:19 น.
สิ้นรักถูกบังคับให้ทำอะไรรึเปล่า ถึงต้องปลอมตัวมา
สิ้นรักถูกบังคับให้ทำอะไรรึเปล่า ถึงต้องปลอมตัวมา

Littlewitch 27 มี.ค. 2556, 00:05:46 น.
วันนี้ดีใจจังคะ ที่เข้าและเห็น new yoraya ตามลุ้นอยู่นะคะ ถึงจะมาไม่บ่อย แต่คิดถึงคะ รักษาสุขภาพด้วย ตัวเองเพิ่งถูกเพื่อนด่ามาว่า บริษัทจะรับผิดชอบเรามั้ย ถ้าเราเจ็บป่วยทำงานไม่ได้
วันนี้ดีใจจังคะ ที่เข้าและเห็น new yoraya ตามลุ้นอยู่นะคะ ถึงจะมาไม่บ่อย แต่คิดถึงคะ รักษาสุขภาพด้วย ตัวเองเพิ่งถูกเพื่อนด่ามาว่า บริษัทจะรับผิดชอบเรามั้ย ถ้าเราเจ็บป่วยทำงานไม่ได้

sunflower 3 เม.ย. 2556, 17:03:28 น.
^_^
^_^

Littlewitch 15 เม.ย. 2556, 11:36:43 น.
สวัสดีวันปีใหม่ไทยคะ โดนน้ำชุ่มฉ่ำบ้างหรือเปล่า หวังว่าวันหยุดนี้คงจะได้พักผ่อนกับครอบครัวนะคะ
สวัสดีวันปีใหม่ไทยคะ โดนน้ำชุ่มฉ่ำบ้างหรือเปล่า หวังว่าวันหยุดนี้คงจะได้พักผ่อนกับครอบครัวนะคะ

Littlewitch 12 พ.ค. 2556, 02:52:30 น.
คราวนี้หายไปนานจนมีคนตั้งกระทู้หาเลยนะคะ
ยุ่งงาน หรือยุ่งกับสุขภาพคะ ขอให้ดีวันดีคืน จะว่าไปตัวเองก็ยังนั่งอยู่ที่ำงานเลย ป่านนี้แล้ว
คราวนี้หายไปนานจนมีคนตั้งกระทู้หาเลยนะคะ

