ลุ้นรักให้ตรงใจ
เธอ... เจ้าของร้านกาแฟ

เขา... นายตำรวจหนุ่ม

เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ

ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น

แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ

แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
Tags: ตำรวจ ร้านกาแฟ

ตอน: บทที่ 9 (ตามล่า... 3)

บทที่ 9
(ตามล่า... 3)

ร้านอาหารจีนแห่งหนึ่ง ห้องที่ใช้สำหรับรับรองแขกพิเศษซึ่งวันนี้มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเลือกที่จะใช้บริการ อาหารฮ่องเต้จำนวนมากวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ไม่มีใครแตะต้องมันแต่อย่างใด คนสองกลุ่มแบ่งฝากกันนั่ง ต่างฝ่ายต่างนำคนมาจำนวนใกล้เคียงกันฝั่งละไม่เกิน 6 คน

คนที่ดูเป็นหัวหน้านั่งอยู่ที่เก้าอี้ส่วนที่เหลือยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง ฝั่งผู้มาเยือนกำลังนั่งดูแฟ้มภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นภาพเกี่ยวกับสินค้าที่พวกเขากำลังตกลงซื้อขายกันอยู่ ส่วนฝ่ายเจ้าบ้านนั่งเอนหลังท่าทางผ่อนคลาย

ก้องภพพิจารณาดูคู่เจรจาของเขาอย่างพิเคราะห์ คนที่นายหลันส่งมาดูน่าเกรงขามไม่น้อย คงผ่านประสบการณ์ในวงการใต้ดินมาไม่น้อย ในใจกำลังนั่งคำนวณจำนวนเงินที่กำลังจะเข้าบัญชีอย่างเพลิดเพลิน การค้าครั้งนี้จะทำให้เขามีกินมีใช้ไปอีกนาน

เหตุการณ์ที่เขาถูกตำรวจรอบจับเมื่อ 4 เดือนก่อน ส่งผลต่อเขาพอสมควร ลูกค้าหายไปเยอะเพราะไม่มั่นใจที่จะทำการค้ากับเขา แต่หากการค้ากับนายหลันในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ลูกค้าก็คงกลับมาหาเขาอีกครั้ง

“เป็นอย่างไรครับคุณหงเฟย ถูกต้องตรงตามความต้องการหรือเปล่าครับ”

“ยอดเยี่ยมมาก คุณไม่เคยทำให้ผิดหวังจริงๆ นะครับ”

“แน่นอนอยู่แล้วครับ คนมีความสามารถอย่างผมทำธุรกิจด้วยไม่มีคำว่าผิดหวังหรอกครับ”

ก้องภพกล่าวยกหางตัวเอง นายหงเฟยเหลือบตามองอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาชินเสียแล้วกับอาการหยิ่งผยองแหล่านี้ อยู่ในวงการนี้ผู้อ่อนแอมีแต่จะรักษาชีวิตตัวเองไม่ได้ เมื่อก้าวเท้าเข้ามาสิ่งที่จะต้องเตรียมใจไว้และเตือนตัวเองไว้เสมอคือ ความประมาทนำมาซึ่งความพินาศ

“คุณหงเฟยต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ”

“ไม่แล้วครับ... คุณจัดหาของได้ตามความต้องการของคุณหลันทุกประการ การค้าครั้งหน้าก็คงไม่นานเกินรอ”

“ยินดีเสมอครับ... แล้วเรื่องการจัดส่งจะให้ทางผมเป็นคนจัดการ หรือว่าทางคุณจะเป็นผู้จัดการครับ”

“เรื่องเรือทางผมจะเป็นคนจัดการเอง พวกคุณมีหน้าที่เตรียมของไว้ให้พร้อม เมื่อถึงวันส่งมอบทำเพียงแค่ขนของลงเรือก็พอ ส่วนเรื่องเงินจะโอนให้ครึ่งหนึ่งก่อนตามที่ต้องลงกันไว้ ที่เหลือทันทีที่สินค้าถึงฮ่องกงอีกครึ่งจะถูกโอนเข้าบัญชีทันที”

“ได้เสมอครับ... ยินดีที่ได้ทำธุรกิจด้วย”

แล้วทั้งสองก็จับมือกัน ต่างหัวเราะด้วยความสมใจ

ภาพเคลื่อนไหวที่บันทึกการเจรจาทั้งหมดถูกส่งมาถึงมือของศิวกรในอีกสามวันถัดมา พวกเขาทั้ง 5 คนยืนดูภาพเหตุการณ์นิ่งไม่มีการพูดคุยเดาๆ จนกระทั่งภาพทั้งหมดหยุดลง แต่ละคนต่างหนักใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ การที่ก้องภพสามารถจัดหาอาวุธสงครามได้ตามคำสั่งภายในสามเดือนถือว่าไม่ธรรมดา เขาไปเอาอาวุธพวกนี้มาจากที่ไหนกัน

“มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เข้าจับกุมในวันที่มีการส่งมอบ”

“นั้นน่ะสิบ สงสัยวันนั้นต้องเกณฑ์คนมาเป็นกองทัพคุมเข้มแน่เลย”

ทนงศักดิ์ออกความเห็นต้องจากหมวดอรุณ ที่เหลือต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย การที่ศิวกรได้สายข่าวซึ่งเป็นคนใกล้ตัวก้องภพสามารถช่วยงานของพวกเขาได้มาก พวกเขาก้าวเข้าใกล้ๆ ก้องภพได้ทุกครั้งที่ถูกทิ้งห่าง สายของเขารักษาสัญญาได้เป็นอย่างดี แต่จะได้ไปถึงไหนกัน

“เราทราบแล้วว่าฝ่ายนายหลันจะเป็นคนจัดหาเรือในการขนส่ง หลังจากนี้ขึ้นอยู่ที่เราจะวางแผนจับกุมอย่างไร

“หมวดเดวิดครับ ในวันที่สงมอบอาวุธ นายหลันจะให้นายหงเฟยเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดหรือเปล่าครับ”

ศิวกรมองหมวดเดวิดที่นิ่งเงียบไปสักครู่เหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง

“นายหงเฟยคงไม่มาด้วยตัวเองครับ แก๊งนี้เวลาส่งมอบของพวกตัวใหญ่ๆ จะไม่ลงมาจัดการด้วยตัวเองจะให้ลูกน้องที่มีอำนาจรองลงมาเป็นคนคุมงาน เพราะเป็นการป้องกันตัวไม่ให้โดนจับหากเกินกรณีผิดพลาด”

“เราคงต้องวางแผนให้รอบคอบ ซึ่งแผนจะต้องเอื้อประโยชน์ต่อการดำเนินคดีต่อเราทั้งคู่ การส่งมอบของจะมีขึ้นหลังจากนี้ไปอีก 1 เดือน ระหว่างนี้เราต้องเตรียมแผนการให้เรียบร้อย รอวันที่เหตุการณ์จะปะทุในไม่ช้านี้”

**********************************************************

ดลินาในชุดสีเหลืองอ่อนดีไซด์สวย และยีนต์สีดำใส่สบายนั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องฟักฟื้นที่เธอต้องใช้ในการรักษาตัวอยู่เกือบ 3 เดือน วันนี้เธอได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ดลินาต้องไปพักที่บ้านของรจนาเป็นการชั่วคราว ตราบใดที่ศิวกรยังยุ่งอยู่กับคดีที่ต้องทำ ดลินาไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปอยู่ที่บ้านและเปิดร้านกาแฟดั่งเช่นปรกติ

ซึ่งครั้งนี้ดลินาก็ยอมเชื่อฟังโดยง่ายไม่ดื้อดึง เธอไม่อยากให้เขาเป็นกังวล หลังจากวันที่เขามาหาเธอครั้งสุดท้ายมันก็ล่วงผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว ดลินากังวลเป็นอย่างมากบางครั้งเกิดอาการเครียดจนถึงขั้นอาเจียนก็มี

“ว่าไง... เตรียมตัวพร้อมแล้วนะ ไม่ลืมของอะไรแล้วนะ”

รจนาถามย้ำเพื่อนอีกครั้ง

“ไม่ลืมแล้วค่ะแม่แยม”

ดลินาล้อเลียนเพื่อนสาวเลยได้ค้อนวงใหญ่จากรจนาเป็นของตอบแทน

“ย่ะ! ไม่ต้องมาว่าฉันเลย คุณแม่เตรียมห้องและของใช้จำเป็นต่างๆ ไว้ให้แล้ว ถึงบ้านแล้วค่อยกินข้าวแล้วจะได้กินยาต่อ เข้าใจหรือเปล่า”

“ยังต้องกินอยู่อีกหรอ สองเดือนมานี้กินไปเป็นกิโลแล้ว”

“ยังไม่หายดียังก็ต้องกิน”

“โหยใจร้าย”

“ไม่ต้องมาว่าฉันใจร้ายเลย คนจัดยาให้เป็นคุณถ้าแกจะบ่นก็ไปบ่นกับคุณพ่อสิถึงจะถูก”

“ไม่เป็นไร ถ้าคุณพ่อเป็นคนจัดยาให้ฉันกินก็ได้ น่าเชื่อถือ”

เพี๊ยะ! รจนาตีไปที่แขนเพื่อนสาวอย่างหมั่นไส้ ดลินาใช้มือข้างซ้ายที่ตอนนี้ใส่เฝือกอ่อนป้องกันไว้ถึงแม้กระดูกจะประสานกันแล้วแต่เพื่อความมั่นใจจึงยังต้องใส่เฝือกอ่อนไว้

“ไปกันได้แล้วเร็ว”

รจนาเร่งคนป่วย ดลินาไม่รอช้าเดินไปเกี่ยวแขนเพื่อนเดินออกไปด้วยกันอย่างอารมณ์ดี ในที่สุดก็ได้ออกไปจากห้องสี่เหลี่ยมน่าเบื่อนี้เสียที

เมื่อเดินมาถึงบริเวณลานจอดรถรจาก็มองซ้ายมองขวาเพื่อหารถคันที่เตรียมไว้มารับเพื่อนรัก รจนายังต้องอยู่ทำงานก่อนเพราะวันนี้มีเคสที่จะต้องเข้าผ่าตัดเลยไปส่งดลินาไม่ได้ ไม่นานรถโฟร์วิวไดร์ฟสีแดงเลือดหมูก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ต่อทั้งสองสาว

“รถมารับแล้วฉันไปทำงานก่อนนะ”

รจนาตบบั้นท้ายเพื่อนรักหนึ่งทีอย่างหยอกล้อ หัวเราะในลำคอเดินกลับเข้าไปในอาคารไม่สนใจคนที่ทิ้งไว้ข้างหลังอีก

ดลินายืนมองรถสีเลือดหมูนั้นน้ำตาซึม ยิ่งเมื่อได้เห็นเจ้าของรถประตูเดินยิ้มละไมมาทางเธอดลินาแทบจะร้องไห้โฮ พออยู่ในระยะที่สองแขนสามารถโอบร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดได้เขาก็ไม่รอช้า รั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างแสนคิดถึง ดลินาเองก็กอดตอบเขาโอบรอบเอวแน่น เธอรู้สึกไปเองหรือเปล่าว่าเอวเขาดูจะหนาขึ้น กล้ามเนื้อที่อกก็ดูแน่นขึ้น... โอ้แม่เจ้าเขาไปเล่นเพาะกล้ามมาหรือไง ถึงได้บึกบึนขนาดนี้ เลือดกำเดาแทบพุ่ง

ซึ่งตรงกันข้ามกับชายหนุ่ม ไม่ได้กอดหญิงสาวมานานดลินาดูเหมือนจะผอมลงไปมาก เนื้อตัวไม่นุ่มนิ่มเหมือนแต่ก่อน เมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยเขาจะต้องขุนให้หญิงสาวกลับมามีเนื้อมีหนัง นุ่มนิ่มน่าสัมผัสเหมือนเดิม

“เป็นไงบ้างครับ หายดีหรือยัง”

“หายดีแล้วค่ะ คุณพ่อถึงได้ปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลได้”

ศิวกรเอ่ยถามเมื่อกอดหญิงสาวจนพอใจแล้ว เขาพาร่างบางไปนั่งที่ข้างคนขับก่อนจะจัดแจงคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ อาศัยทีเพล่อช่วงจังหวะที่กดปุ่มล็อคเสร็จศิวกรจรดจมูกลงบนแก้มใสไปฟอดใหญ่

“ถึงจะผอมลงไปบ้างหน้าตอบลงไปนิด แต่แก้มนี้ยังหอมเหมือนเดิมเลยนะครับ”

“นี้คุณ! ฉวยโอกาสเก่งนักนะ”

ดลินาใช้มือข้างที่ไม่เจ็บทุบไหล่หนาอย่างเขินอาย ศิวกรหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นว่าหญิงสาวแข็งแรงขึ้นมาก เพราะดูจากน้ำหนักมือที่ประเคนมาให้ ยังแรงดีไม่มีตกเหมือนเดิม ส่วนคนถูกหัวเราะนั่งปั้นหน้าบึ้งเมินหน้าหนีเขา

ศิวกรส่ายหัวกับอาการงอนที่แสนจะน่ารักนั้น ก่อนจะปิดประตูให้แล้วเดินไปขึ้นประจำตำแหน่งคนขับดังเดิม ดลินามองใบหน้าด้านข้างเขาอย่างหมั่นไส้... ไม่ได้เจอกันตั้งนานแทนที่จะทำซึ้ง กลับมาแกล้งเธอเสียได้ จะงอนเสียให้เข็ด เชอะ!

“มองอะไรครับ... หรือไม่พอใจจะให้ผมหอมแก้มอีกข้างก็ได้นะ เพื่อความยุติธรรมต่อแก้มอีกข้าง”

ว่าแล้วก็ยื่นหน้าทำตาวิบวับใส่

“ทำไมชอบทำตัวเลี่ยนแบบนี้อยู่เรื่อย”

“เคยชิมแล้วหรือครับถึงได้รู้ว่าผมเลี่ยน”

ดลินาแทบกรี๊ดเมื่อเจอเขาย้อนกลับมา ศิวกรที่ยืนกางแขนพิงอยู่ที่ประตูรถมองคนตัวเล็กอย่างขำขัน นานแล้วที่ไม่ได้หยอกล้อหญิงสาวให้เขินอาย รู้สึกสุขใจหรือเกิน การได้มอง ได้สัมผัส ไม่พูดคุยกับคนตรงหน้ามันช่างสุขใจจริงแท้

“พอแล้วค่ะ เลิกแกล้งข้าวได้แล้วออกรถเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณแม่จะรอนาน”

เมื่อออกรถพ้นเขตโรงพยาบาลไปแล้วศิวกรจึงตอบคำถามเมื่อสักครูของร่างบาง ดลินาดูจะแปลกใจกับคำตอบนั้น

“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ผมเรียนท่านให้ทราบแล้วว่าจะไปส่งคุณตอนเย็นๆ”

“จะพาข้าวไปไหนหรือคะ”

“คุณร่างกายยังไม่ค่อยแข็งแรง นั่งรถนานๆ คงไม่ดี ส่วนยิ่งที่ไหนแดดแรงๆ ต้องตัดทิ้งออกจากรายการไปเลย ผมคงพาคุณไปเที่ยวที่ไหนได้ไม่ไกลหรอกครับ”

“ไม่ไกลมากน่ะที่ไหนคะ”

“ถ้าอยุธยาคงจะได้ครับ เราจะได้ไปทำบุญไหว้พระกัน”

แล้วศิวกรก็คว้ามือของหญิงสาวขึ้นมาจูบหนึ่งทีก่อนจะกุมมือลางไว้อย่างนั้น เล่นเอาดลินาเขินทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ดลินารู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเขาทั้งสองคนช่างอ่อนหวานละมุนละไมยิ่งนัก ในห้องโดยสารมีเพียงแค่เขาสองคน ไม่มีใครอื่น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มเป็นระกาย ยิ้มหวานก่อนจะกระชับมือเขาแน่นขึ้นเล็กน้อย

“ไม่เจอกันนานคิดถึงกันบ้างหรือเปล่าครับ”

“คิดถึงสิคะ... คิดถึงมากด้วย”

พอได้ยินน้ำเสียงออดอ้อนจากหญิงสาวศิวกรแทบจะถลาเลี้ยวรถจอดข้างทางก่อนจะให้รางวัลคนช่างอ้อน แต่ก็ต้องข่มใจไว้สุดความสามารถ

“โกรธผมหรือเปล่าครับที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเลย”

“ไม่ค่ะไม่โกรธ ข้าวรู้ว่าคุณต้องทำงาน”

“ขอบคุณครับที่ไม่โกรธ และเข้าใจผม”

ศิวกรยกมือของเธอขึ้นมาจูบอีกครั้งอย่างรักใคร่

“ตอนแรกก็มีน้อยใจบ้างเหมือนกันค่ะ แอบต่อว่าคุณไปเยอะ”

“มิน่าล่ะ มีอยู่ช่วงหนึ่งจามชุดใหญ่เลยครับ นึกว่าจะเป็นหวัดเสียแล้ว”

“ว่าแต่แอบไปจีบสาวที่ไหนมาบ้างหรือเปล่าคะ อย่าให้รู้ภายหลังนะคะว่ามีสาวมาติด รับรองเรื่องใหญ่แน่”

“โอ้โห! เพิ่งรู้นะครับว่าขี้หึงเหมือนกัน”

“ถ้าไม่รู้มาก่อนที่นี้ก็รู้แล้วนะคะว่าข้าวน่ะขี้หึง”

ว่าแล้วก็ดึงมือตัวเองกลับมา ศิวกรมองมือหญิงสาวอย่างแสนเสียดาย ก่อนจะกลับมาตั้งใจขับรถอีกครั้ง

“แล้วไม่ต้องทำงานหรือคะ วันนี้วันธรรมดา”

“ไม่ครับ ขอลามาเป็นกรณีพิเศษ ท่านผู้กำกับไม่ว่าอะไร แถมยังสนับสนุนเต็มที่ด้วยครับ”

“ใจดีขนาดนั้นเลยหรือคะ”

“ก็คงอยากเห็นลูกน้องเป็นฝั่งเป็นฝาน่ะครับ เลยส่งเสริมเต็มที่”

เจอไปอีกหนึ่งดอก แต่ระเบิดลูกนี้อานุภาคทำลายร้างรุนแรงนัก ใบหน้าเนียนใสตอนนี้คงแดงแซงหน้ามะเขือเทศไปแล้ว ก็คำพูดของเขาไม่สามารถตีความเป็นอื่นได้เลย

**********************************************************

ที่ทางเรือแห่งหนึ่งมีกล่องไม้ตีลังขนาดไม่ใหญ่มากนักวางซ้อนกองอยู่หลายลัง บริเวรโดยรอบท่าเรือแห่งนั้นมีชายรูปร่างสูงใหญ่ และสันทัดปะปนกันไป ในมือมีอาวุธปืนเดินตรวจตราอย่างแข่งขัน หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงเรือยอร์ชขนาดใหญ่ลำหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบท่า คนที่ผู้บนบกต่างเตรียมอาวุธในมือไว้พร้อมเตรียมรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน

แต่เมื่อคนที่เดินลงมานั้นเป็นใบหน้าเดียวกับที่ได้รับการยืนยันมาก่อนล่วงหน้า เหตุการณ์เลยลดความตรึงเครียดลง ชายชาวต่างชาติที่เดินลงมาจากเรือเดินตรงไปยังโกดังเก่าที่ภายในตกแต่งไว้อย่างสวยหรูผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกอย่างสิ้นเชิง ก้องภพที่นั่งเอาเท้าผาดอยู่บนโต๊ะไม้สักตัวสวย ในมือก็เช็ดทำความสะอาดปืนพกอยู่

“สวัสดีครับคุณจั้ง คุณมาช้าไปสามสิบนาที”

“ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้าครับ เพื่อความปลอดภัยเรื่องเวลาคงต้องเผื่อเอาไว้กันพลาด”

“ของผมเตรียมไว้ให้หมดแล้ว เหลือแต่ขนขึ้นเรือเท่านั้น”

“เริ่มเลยไหมครับ”

นายจั้งกล่าวอย่างไม่รีรอ ก้องภพเองก็พยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วย จึงกระดิกนิ้วเรียกลูกน้องที่ยืนอยู่ด้านหลังสั่งการให้เริ่มการเคลื่อนย้ายได้ ลูกน้องคนนั้นรับคำสั่งก่อนจะเดินนำนายจั้งไปเพื่อควบคุมและตรวจสอบการขนย้ายสินค้าเหล่านั้น

ก้องภพไม่ตามไปด้วย ในมือกดโทรศัพท์สมาร์ทโฟนเลือกไปดูที่การตรวจสอบบีออนไลน์ เมื่อเห็นจำนวนตัวเลขที่ทางฮ่องกงโอนมาให้เมื่อ 10 วันก่อนก็มองอย่างพอใจ การค้าครั้งนี้มูลค้าสูงถึงเลข 9 หลัก ตอนนี้ได้มาครึ่งหนึ่งแล้ว อีกครึ่งคงไม่นานหลังจากนี้

การเคลื่อนไหวโยรอบท่าเรือแห่งนั้นเกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ จนไม่เป็นที่สังเกตของเหล่าชายฉกรรจ์ที่เดินตรวจตราอยู่รอบบริเวณยังคงเดินรักษาแนวอย่างแข็งขัน แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ความเงียบที่เป็นอยู่คงจะถูกแทนที่ด้วยความโกลาหล



TooMMeng
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ม.ค. 2556, 12:34:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ม.ค. 2556, 12:34:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1255





<< บทที่ 9 (ตามล่า... 2)   บทที่ 9 (ตามล่า... 4) >>
Auuuu 29 ม.ค. 2556, 16:08:33 น.
สู้ๆนะผู้กอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account