ลุ้นรักให้ตรงใจ
เธอ... เจ้าของร้านกาแฟ

เขา... นายตำรวจหนุ่ม

เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ

ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น

แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ

แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
Tags: ตำรวจ ร้านกาแฟ

ตอน: บทที่ 9 (ตามล่า... 4)

บทที่ 9
(ตามล่า... 4)

บริเวณรอบท่าเรือแห่งนั้นร่างในชุดดำจำนวนไม่ต่ำกว่า 25 คน แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม กระจายกำลังรุกคืบเข้าไปใกล้ท่าเรืออย่างเงียบกริบ บริเวณหน้าท่าเรือมีร่างของชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งกำลังช่วยกันยกลังไม้ลงเรือยอร์ชอย่างขะมักเขม้น

ลังไม้กว่าครึ่งถูกส่งลงเรือร่างของผู้จัดหาจึงเดินออกมาจากโกดังไม้หลังเก่านั้น เขายืนดูลูกน้องของตนขนของลงเรืออย่างอารมณ์ดี ยิ่งนึกถึงเงินอีกครึ่งหนึ่งที่จะเข้ากระเป๋าในไม่ช้ารอยยิ้มสมใจระบายบนหน้าเขาจะรู้สึกพออกพอใจตัวเองอย่างมากตามประสาคนหลงตัวเอง

“เป็นอย่างไรครับ การเดินทางราบรื่นดีหรือ”

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ คุณหลันพอใจกับการซื้อขายครั้งนี้มา”

ชายผู้มาทำหน้าที่ในการขนย้ายสินค้าเอ่ยตอบก้องภพ

“หวังว่าคุณหลันคงจะใช้บริการผมครั้งหน้านะครับ”

“คงมีโอกาสได้ร่วมงานกันอีกแน่ครับ... คุณหลันชอบทำงานกับคนเก่ง”

“ดีใจที่ได้ยินอย่างนั้นครับ”

ก้องภพหัวเราะชอบอกชอบใจ ก่อนจะขอตัวเดินกลับเข้าไปที่โกดัง เพราะเขาได้รับการติดต่อเรื่องการค้ากับเศรษฐีคนหนึ่งที่ต้องการอาวุธสงครามชนิดหนึ่งเพื่อการสะสม ก้องภพหย่องกายนั่งไม่ได้เท่าไหร่ เหตุการณ์ที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

“หยุด!! วางอาวุธแล้วมอบตัวซะ”

เสียงตะโกนดังอยู่เบื้องนอก ก่อนจะตามมาด้วยเสียงปืนและระเบิดดังตามมา ก้องภพหลบหมอบต่ำ ก่อนที่ลูกน้องของเขาจะกรูเข้ามาช่วยประคองเพื่อเตรียมพาหนีไปทางประตูฉุกเฉิน

“วางอาวุธลง! เจ้าหน้าที่ล้อมพื้นที่ไว้หมดแล้ว”

ปัง! ปัง! เสียงกระสุนรัวเป็นชุดดังอยู่เบื้องนอก เหล่าลูกน้องของก้องภพที่ยืนคุมเชิงกันอยู่เบื้องนอก ยิงโต้ตอบเหล่าเจ้าหน้าที่ จัดหนักไปด้วยกระสุนนานาชนิด ก้องภพยังคงก้มต่ำไม่ได้ขยับตามแรงประคองของลูกน้อง เพราะกระสุนยังคงบินว่อนอยู่เหนือศีรษะ

“บ้าเอ้ย!! บ้าที่สุด!”

ก้องภพสบถสุดเสียงด้วยความโมโห... อีกครั้งแล้วที่ตำรวจรู้เรื่องการซื้อขาย ใคร... มันเป็นใคร ใครกันที่ส่งข่าวให้ไอ้ตำรวจบ้าเหล่านี้

“พากูออกไปจากที่นี้เร็ว”

ก้องภพร้องสั่งเหล่าลูกน้องผู้พักดีก็พยายามสุดความสามารถที่จะพานายของตนออกไปจากจุดเสี่ยงนี้ แต่ก็ลำบากเต็มทน หลังจากเสียงกระสุนลูกแรกดังขึ้น อีก 10 นาทีต่อมา ลูกน้องที่อยู่ภายนอกก็ต่างกรูกันเข้ามาในโกดังเพื่อนให้เกราะกำบัง

ก้องภพเห็นลูกน้องแล้วรู้สึกโกรธาอย่างสุดขีด ลูกน้องเขาแต่ละคนบ้างก็บาดเจ็บจากถูกยิง บ้างก็มีรอยแผลถลอก เหงื่อไหลย้อยและดูอิดโรย เมื่อทุกคนที่สามารถเดินได้เข้ามาในโกดังหลังนั้น เสียงปืนก็สงบลง ตำรวจหน่วยปฏิบัติการต้อนพวกเขามารวมในนี้กันได้จนหมด ส่วนฝั่งคู่เจรจาของเขามีบางส่วนเท่านั้นที่หลบเข้ามาอยู่ในนี้ด้วย โดยปราศจากเงาของนายจั้ง ซึ่งยากจะคาดเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา

“มอบตัวซะ อย่าให้เรื่องบานปลายเลย”

เสียงตะโกนดังมาจากข้างนอก มีหรือคนอย่างก้องภพจะยอมโดยง่าย เขาสั่งให้ลูกน้องไปจัดการเตรียมอาวุธที่ซ่อนไว้มาเตรียมพร้อม จัดหาอุปกรณ์เท่าที่สามารถหาได้มาทำเป็นบังเกอร์ชั่วคราวใช้หลบลูกกระสุน เมื่อมีอาวุธพร้อมมือก้องภพก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมา ลูกกระสุนสำรองมีมากพอให้พวกเขาสู้ได้สบายไปอีก 2 วัน

“มอบตัวกับผีน่ะสิ”

ก้องภพพูดเสียงลอดไรฟัน เมื่อเงียบกระสุนสงบลงนานพอทำให้ก้องภพมั่นใจว่าทางตำรวจคงไม่ตอบโต้กลับมาในช่วงเวลานี้ เขาก็รีบไปจัดการกระชากคอเสื้อที่ลูกน้องคนหนึ่งเค้นหาความจริง

“บอกมา! เกิดไรขึ้น ตำรวจมันมาได้ยังไง”

“ผมไม่รู้ครับนาย อยู่ดีๆ พวกมันโพล่มาจากไหนไม่รู้ พวกผมพยายามตอบโต้พวกมันกลับไป พวกเราหลายคนโดนยิ่งล้ม”

“แล้วฝั่งฮ่องกงล่ะพวกมันเป็นไง”

“ผมไม่รู้ ข้างนอกมันวุ่นวายไม่มีเวลามาสนใจว่าใครเป็นใครหรอกครับ”

“บ้าเอ้ย!”

ก้องภพสบถอย่างฉุนเฉียวก่อนจะผลักชายคนนั้นให้ออกไปพ้นตัว ปัง! เสียงกระสุนนัดหนึ่งทะลุโกดังเข้ามา แต่ไม่โดนเป้าหมายใดๆ ฝั่งก้องภพที่เฝ้าระวังด้านที่กระสุนยิงเข้ามายิงตอบโต้ไปหนึ่งชุด ก่อนจะหยุดลง

ตำรวจฝ่ายปฏิบัติการหลายนายหลบเข้าที่กำบังตามที่ต่างๆ เท่าที่หาได้ ทุกการเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างระมัดระวัง การเข้าจับกุมนักค้าอาวุธข้ามชาตินั้นอาวุธที่พวกเขาใช้ตอบโต้คงไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาสามัญ ประมาทเพียงนิดปฏิบัติการครั้งนี้อาจเป็นงานชิ้นสุดท้ายของใครบางคนก็เป็นได้

ศิวกร ที่หลบอยู่ด้านหนึ่งจ้องมองไปที่ประตูหลังโกดังอย่างไม่คลาดสายตา เขาเข้าร่วมทีมปฏิบัติการครั้งนี้เมื่อ 2 เดือนก่อน ยืนกรานอย่างหนักแน่นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอมีส่วนร่วมในการจับกุมให้ได้ เขาเข้าร่วมฝึกกับหน่วยสวาทมากว่า 2 เดือนเพื่อวันนี้ ถึงไม่เก่งกาจเท่าแต่ขอให้เข้าใจการปฏิบัติงานเบื้องต้นก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นเข้าไปบุกจับด้วยตัวเอง แม้จะต้องเหน็ดเหนื่อยจากการต้องแบ่งภาคส่วนหนึ่งให้หมดไปกับการสืบคดี ส่วนอีกภาคก็แบ่งมาใช้ในการฝึกร่วม ต่อให้เหนื่อยใจแทบขาดเขาก็จะทน

นับว่าโชคดีอยู่บ้างที่เจ้าหน้าที่หน่วยสวาทส่วนหนึ่งจบจากสถานบันเดียวกัน ในตอนแรกมีบ้างที่ถูกดูแคลนจากพวกที่อยู่มาก่อน แต่พอได้ฝึกร่วมกันจึงได้รู้ว่าศิวกรนั้นฝีมือในการจู่โจมของเขานั้นไม่ธรรมดา ยกเว้นคนที่รู้จักกันเป็นการส่วนตัวที่ดูจะไม่ประหลาดใจนัก

เขาฟังเสียงการสนทนาสั่งการผ่านหูฟังอย่างมีสมาธิ ถึงจะฟังลำบากไปบ้างแต่ก็พอจะเข้าใจคำสั่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทนงศักดิ์และหมวดอรุณร่วมกับเจ้าหน้าที่จากกองบังคับการปราบปรามยืนสั่งการอยู่ด้านหลังไม่ห่างจากโกดังนี้เท่าไหร่ แต่สามารถสังเกตเห็นเหตุการณ์ได้ ส่วนนายตำรวจจากฮ่องกงก็ยืนดูสังเกตการณ์เท่านั้น เพราะการบุกเข้าจับกุมจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝั่งไทย เมื่อจับคนร้ายได้เขามีหน้าที่จับกุมแล้วส่งกลับประเทศเท่านั้น

ตอนนี้มีคำสั่งหยุดยิง เจ้าหน้าที่จึงได้แต่ประจำอยู่กับที่ ก่อนหน้าการเข้าจับกุมพวกเขาได้บันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนท่าเรือไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อใช้เป็นหลักฐานสำคัญ หลังจากหยุดยิงจึงทำให้สังเกตเห็นได้ชัดว่ามีร่างของคนร้าย 2 คนนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นไม่ไหวติง

ปัง! ปัง! ปัง! เสียงลูกกระสุนดังออกมาจากโกดังสามนัด แล้วก็เงียบลงอีกครั้งสงครามประสาทนี้เกิดขึ้นอยู่หลายครั้ง ต่างฝ่ายต่างพลัดกันยิงเข้าหากันเป็นอยู่อย่างนี้มาครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ตอนนี้ก้องภพรู้สึกงุ่นง่านเป็นอย่างมาก ยิ่งเวลาผ่านไปเข้ก็รู้สึกใกล้จะบ้าเข้าไปถูกที

“ให้ตายสิ! ไอ้ตำรวจพวกนี้กัดกูไม่ปล่อย อย่าให้กูออกไปจากที่นี้ได้ จะยิงไม่เลี้ยงเลยสักตัว”

“เอาไงดีครับนาย จะฝ่าออกไปดีหรือเปล่าครับ เราอยู่ในนี้มีแต่จะเสียเปรียบตำรวจมันนะครับ”

“บุกฝ่าออกไป! เรื่องแค่นี้ทำไมกูจะไม่รู้วะ ด้วยอาวุธที่เรามีสู้พวกมันได้สบาย แต่ต้องหาจังหวะเหมาะๆ ก่อนค่อยตีวงล้อมฝ่าออกไป เมื่อตีฝ่าได้แล้วต้องหนีไปยังรถที่เตรียมไว้หลบหนีโดยเร็ว ก่อนจะไปกบดาลที่ประเทศเพื่อนบ้าน”

ก้องภพเล่าแผนการให้ลูกน้องฟัง ทุกคนพยักหน้าอย่างเข้าใจ ยกเว้นคนของทางฮ่องกงที่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกันอยู่

อีกด้านทางตำรวจก็วางแผนเตรียมจู่โจมในอีกไม่ช้า ทุกแผนการถูกวางไว้อย่างรอบคอบ แผนที่บริเวณโดยรอบท่าเรือถูกกางออก รอยดินสอถูกเขียนกำกับไปตามตำแหน่งต่างๆ พยายามตรวจสอบ และปิดทุกทางหนีที่สามารถเป็นไปได้

“อีกครึ่งชั่วโมงเตรียมจู่โจม ย้ำอีกครั้งอีกครึ่งชั่วโมง”

เสียงทนงศักดิ์สั่งการผ่านวิทยุสื่อสารให้ตำรวจฝ่ายปฏิบัติการเหล่านั้นได้ยินกันทุกนาย เขาอดเป็นห่วงเพื่อนของเขาไม่ได้ ด้วยระยะเวลาแค่ 2 เดือน ถือว่าน้อยมากกับการปฏิบัติงานร่วมกับทีมสวาท แต่ถึงจะห้ามไปคงไม่เป็นผล ได้แต่ต้องปล่อยเลยตามเลยสุดท้ายก็ต้องมานั่งเป็นกังวลอยู่อย่างนี้

“พี่ศักดิ์ไม่ต้องห่วง พี่ศิลาหรอกครับ เก่งขนาดนั้น”

“ไอ้เก่งมันก็เก่งอยู่หรอกอรุณ แต่มันมีแค้นด้วยนี้สิพี่เลยเป็นกังวล”

“ตอนนี้เราทำได้แต่ให้กำลังใจเท่านั้นแหละครับ และก็ต้องเชื่อใจพี่ศิลาเขาด้วย”

ทนงศักดิ์พยักหน้ารับ ก่อนจะกลับมามุ่งมั่นกับงานที่ทำอยู่ตรงหน้า เขาจะต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เพื่อนของเขา และผู้ที่ปฏิบัติงานทุกคนสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างลุล่วง และไม่ต้องเผชิญกับข่าวร้าย

ตูม! เสียงระเบิดดังขึ้นก่อนตามมาด้วยเสียงกระสุนปืนดังขึ้นหลายนัดดั่งห่าฝน มีการยิงโต้ตอบเกิดขึ้นเป็นระยะ ด้วยความที่ชำนาญการกว่า ลูกน้อยหลายคนของก้องภพที่ฝ่าออกมาถูกยิงได้รับบาดเจ็บล้มลงที่พื้นทีละคน แต่ถึงกระนั้นคนที่เหลือก็ดั้งด้นที่จะตีฝ่าออกไปยังสถานที่จอดรถไว้เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นเช่นครั้งนี้

ศิวกรอยู่ในทีมปฏิบัติการที่อยู่ใกล้กลุ่มของก้องภพที่หนีออกมาจากโกดังมากที่สุด แต่การที่ฝ่ายตรงข้ามสาดลูกกระสุนปลิวว่อนอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสโต้ตอบมากนัก ศิวกรพยายามมองผ่านตรงช่องตึกที่เขาหลบอยู่นี้ก็เห็นก้องภพอยู่ตรงกลางคนเหล่านั้น ในมือถืออาวุธปืนอยู่เช่นกัน

ถึงอยากจะจัดการคนที่อยู่กลางวงล้อมมากเท่าไหร่ แต่เขาจะหุนหันพลันแล่นทำให้เรื่องทุกอย่างเสียไม่ได้ กว่าเขาจะมาถึงตรงนี้ต้องเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส ยิ่งเขามีคนที่รอให้กลับไปหาเขายิ่งต้องทำงานด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

ทีมของศิวกรเลือกที่จะตามกลุ่มของก้องภพไปติดๆ แต่ในระยะที่ทำให้พวกนั้นไม่เห็นเขา ด้วยระยะทางจากโกดังไปยังด้านหลังตลอดทางไร้แสงไฟช่วยส่อง จำนวนคนที่คอยคุ้มครองก้องภพให้สามารถไปขึ้นรถเพื่อหนีนั้นๆ ค่อยๆ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวนไม่น้อย เมื่อก้องภพใกล้จะไปถึงรถที่จอดซึ่งมีเสาไฟฟ้าให้ความสว่างอยู่หนึ่งดวงแต่ก็ต้องชะงักอยู่กับที่เมื่อพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจตีล้อมพวกเขาไว้

“วางอาวุธ แล้วมอบตัวซะ นายไม่มีทางหนีแล้ว”

ก้องภพดูเหมือนว่าจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะเหลือกัน 6 คนเท่านั้น

ไม่... ไม่ยอมแพ้ จะไม่ยอมให้ไอพวกนี้จับได้เด็ดขาด คิดได้ดังนั้นก้องภพยกปืนขึ้นหมายจะยิงโต้ตอบ
ปัง!! เสียงปืนดังขึ้นหนึ่ง พร้อมกับร่างของก้องภพทรุดลงไปบนกับพื้น เหล่าผู้คุ้มกันเมื่อเห็นก้องภพที่อยู่ท่ามกลางการคุ้มกันจากพวกเขาถูกยิง ด้วยความตกใจบวกกับบังเกิดความกลัวขึ้นในจิตใจ ทั้งห้าคน ต่างวางอาวุธก่อนจะหมอบลงกับพื้น

“หมอบ! หมอบลงไป เอามือแนบบนศีรษะ”

“คราวนี้ต่อให้นายมีปีกก็หนีไม่ได้แล้ว”

ตำรวจนายหนึ่งสั่ง และทั้งห้าคนปฏิบัติตามทันที ก้องภพนอนอยู่ที่พื้นได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ขวา ทำให้ไม่สามารถถือปืนต่อสู้ต่อไปได้ เสียงเย็นยะเยือกของศิวกรบอกก้องภพที่นอนกองอยู่ที่พื้นที่ไหล่ ขวามีเลือดไหล่ออกมาเพราะกระสุนที่ไหล่ขวาของก้องภพเป็นศิวกรที่ลั่นไก

ด้วยความที่ศิวกรสวมหมวกปกปิดใบหน้าทำให้ก้องภพไม่รู้ว่าตำรวจนายนั้นเป็นใคร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำอวดเก่งเชิดหน้ากล่าวอย่างไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา

“หึหึ... อย่างนั้นหรือ แกลืมไปหรือเปล่าว่าพ่อฉันเป็นใคร”

“รู้สิ... แต่ไม่ว่าพ่อนายจะใหญ่มาจากไหน ความยุติธรรม ความจริงและความดีก็ยังคงยิ่งใหญ่กว่าอำนาจมืดของพ่อนายเสียอีก”

ศิวกรพูดเสียงเข้มใบหน้าจริงจัง

“แล้วเราจะได้รู้กันว่าอำนาจของพ่อฉัน หรือความยุติธรรม ความดีที่แกพูดถึงอะไรนั้น สิ่งไหนมันจะยิ่งใหญ่กว่ากัน อ๊าก!!!!!!”

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของก้องภพดังขึ้นเพราะศิวกรจงใจบีบไปที่หัวไหล่ข้างที่ได้รับบาดเจ็บอย่างแรง แรงบีบนั้นสร้างความเจ็บให้แก่ก้องภพเป็นทวีคูณ ก่อนที่เขาจะถูกใส่กุญแจมือในที่สุด... และแล้วขบวนการค้าอาวุธสงครามข้ามชาติที่เขาตามมาถึง 5 ปี ก็ถูกจับในที่สุด

“แก... ถ้าฉันหลุดไปได้เมื่อไหร่ฉันจะตามไปฆ่าแก”

“พาเขาไปขึ้นรถ”

ศิวกรไม่นำพาคำพูดนั้น เขากระชากตัวก้องภพขึ้น ส่วนลูกน้องนายก้องภพถูกจับใส่กุญแจมือเช่นกัน ก่อนจะพาไปยังสถานที่บริเวณท่าเรืออีกครั้ง ที่หน้าท่าเรือนั้นเรือยอร์ชลำใหญ่ยังคงจอดเทียบท่าอยู่ ที่ตัวเรือมีล่องลองของลูกกระสุน

ศิวกรเห็นหมวดเฉินกวน และหมวดเดวิด กำลังจัดการกับผู้ต้องหาชาวฮ่องกงที่ถูกจับได้จำนวน 10 คน แต่ละคนดูไม่ได้รับบาดเจ็บมากเท่าไรนัก บริเวณโดยรอบตำรวจหลายนายต่างเข้ามาเคลียพื้นที่กันบ้างแล้ว
เหตุการณ์บุกทลายแก๊งค์ค้าอาวุธข้ามชาติ ฝ่ายก้องภพถูกจับ 15 ราย ได้รับบาดเจ็บ 10 ราย และถูกวิสามัญ 3 ราย รวมทั้งแรงงานที่จ้างมาใช้ในการขนย้ายถูกจับทั้งหมด 10 ราย ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ทั้งสิ้นเพราะต่างคนต่างวิ่งหนีกันสุดชีวิตตั้งแต่ได้ยินเสียงกระสุนนัดแรกแล้ว ฝ่ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ข่าวความสำเร็จของกองบังคับการปราบปรามบุกทลายแก๊งค์ค้าอาวุธข้ามชาติกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที ยิ่งเหมือนทราบถึงผู้นำขบวนการว่ามีความเป็นมาอย่างไรความน่าสนใจของข่าวก็ยิ่งมากขึ้น ดลินานั่งดูข่าวนี้อย่างใจจดใจจ่อ รจนาที่นั่งอยู่ใกล้ก็ดูจะตกตลึงกับข่าวที่ได้รับรู้ สองสาวต่างนั่งกุมมือกันปลอบใจซึ่งกันและกัน

ดลินาเป็นกังวลกับข่าวนี้อย่างมาก เพราะรู้แก่ใจดีว่าคดีนี้ใครเป็นคนทำอยู่ เป็นห่วงผู้ที่เป็นเจ้าของคดีตัวจริงว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่ในใจก็อดที่จะภูมิใจในตัวชายหนุ่มไม่ได้ เขาปฏิบัติหน้าที่ได้สำเร็จแล้ว

“ไม่ต้องกังวลไป คุณศิลาเขาเก่งเขาไม่เป็นอะไรแน่”

“อืมฉันรู้ เขาต้องไม่เป็นอะไร แกก็เหมือนกันยายแยม ไม่ต้องห่วงคุณศักดิ์เหมือนกันถึงจะดูมาดกวนแต่ก็เป็นคนมีฝีมือไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

“แกว่าอะไรนะ! ใครห่วงตาบ้านั้นกัน”

“หึ... ไม่ต้องมาทำเป็นไม่รู้เรื่อง ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไรกับคุณศักดิ์เขา ชอบเขาใช่มั้ยล้า”

“บ้า!! ใครเขาจะไปชอบอีตาตำรวจกวนประสาทนั้นกัน”

“แกเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกของความรัก แก่ชอบเขาอย่ามาปฏิเสธเสียให้ยาก”

“ไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบสิ”

ปฏิเสธเสียงแข็ง แต่หน้าแดงแจ๊ด เชื่อก็บ้าแล้ว ดลินามองเพื่อนสาวตาขวาง แต่ก็ยอมเล่นตามน้ำกับเพื่อนรัก แต่ในใจก็เริ่มคิดวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ คราวนี้ถึงเวลาที่เธอจะตอบแทนบุญคุณคุณหมอคนเก่งบ้างแล้ว

เย็นวันนั้นดลินาวิ่งเข้าไปหาศิวกรที่ยืนรออยู่บริเวณสวนของบ้านเพื่อนรัก ก่อนจะโถมทั้งตัวเข้าหาอ้อมกอดของเขา หญิงสาวโอบรอบเอวหนาแน่นแนบใบหน้ากับอกกว้าง ใบหน้าระบายยิ้มอย่างมีความสุข ศิวกรเองตอนแรกดูจะแปลกใจเล็กน้อย ไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะวิ่งเข้ามากอดเขาแบบนี้ ของขวัญที่ไม่คาดคิดว่าจะได้รับเมื่อมาอยู่ในมือ มีหรือจะปล่อยไปง่ายๆ



TooMMeng
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.พ. 2556, 22:22:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ก.พ. 2556, 22:22:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1266





<< บทที่ 9 (ตามล่า... 3)   บทที่ 10 (ลุ้นรัก... 1) >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account