อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 19

19.

รถคันโก้แล่นขึ้นเขาดาวดึงส์ในเวลาที่พระอาทิตย์จวนจะลับฟ้า พอลงจากรถ แสงทองก็รีบเปิดประตูคว้ากล้องขึ้นมารีบกดชัตเตอร์เพราะหญิงสาวตั้งใจไว้ว่าจะรวบรวมภาพพระอาทิตย์ตกดินตามที่ ต่าง ๆ ไว้ โดยบันทึก วัน เวลา บุคคล เหตุการณ์และความรู้สึกในขณะนั้น คิดว่าสักวันจะรวมเล่มขาย

เรื่องนี้ สุริยารู้เพียงคนเดียว เพราะแสงทองถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดิน อัดมาแล้วก็เขียนทางด้านหลัง ทำเป็นโปสการ์ดติดแสตมป์ส่งมาบอกเล่าความในใจถึงเขาอยู่เนือง ๆ

..เริ่มต้นกับแผ่นแรก กับข้อความที่ว่า

‘อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่งจัง..จะได้มีเวลาคุยกันนาน ๆ ..’

และมีกลอนบทหนึ่งที่เขาจำได้..ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอารมณ์ไหนของสาวแสงทอง

‘เจ้าข้าเอ๋ย พระอาทิตย์เจ้าเอ๋ย อย่าเพิ่งตกเลย อย่าเพิ่งลับขอบฟ้า..ข้าจะตามหาเพื่อนและหัวใจของข้า เจ้าข้าเอ๋ย เจ้าข้าเอ๋ย..’

เมื่อเห็นกิริยาแสงทองเป็นเช่นนั้น สุริยาจึงพึมพำประโยคนั้นเบา ๆ ระหว่างที่เดินตามรุ่งโรจน์เข้าไปในอาคารสูงสี่ชั้น เพื่อไปสักการะพระธาตุเจดีย์ที่อยู่บนชั้นสี่ พอขึ้นไปถึงก็โบกไม้โบกมือให้กับแสงทองที่ถ่ายรูปวิวของเมืองนครสวรรค์อยู่ด้านล่าง

ในกลางโดมเจดีย์มีเจดีย์ขนาดเล็กบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่ตรงกลาง มีประตูทางเข้าสี่ด้าน ผนังโดมด้านในมีรูปวาดพระโพธิสัตว์ประทับเสวยสุขในสรวงสวรรค์ชั้นดุสิต รูปขณะประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน ขณะที่ทั้งสองหนุ่มกำลังแหงนดูความวิจิตรตระการตานั้นหูก็ได้ยินเสียงหลวงพี่ซึ่งนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโดม โดยที่เขามองไม่เห็น ด้วยองค์เจดีย์กลางโดมบังไว้

“มาจากไหนกันล่ะโยม..” รุ่งโรจน์สะดุ้งโหยงกับเสียงเย็น ๆ นั่น..ส่วนสุริยารีบคุกเข่าคลานเข้าไปหาแล้วก้มกราบพระภิกษุหนุ่มวัยไม่ต่างจากตน..

รุ่งโรจน์เห็นดังนั้นจึงทำตามบ้าง แล้วแสงทองก็โผล่พรวดเข้ามายิ้มผสมเหนื่อยหอบ ๆ ก่อนจะคลานเข้าไปนั่งเคียงกับรุ่งโรจน์อย่างรู้ระเบียบวิธี

“กรุงเทพฯ ครับ”

“จะไปไหนกัน”

“มาไหว้พระครับ” สุริยาไม่บอกจุดประสงค์ทั้งหมด ลึก ๆ ก็ต้องการลองภูมิพระหนุ่มเช่นกัน

“ดีแล้ว....พระจุฬามณีเจดีย์รู้ประวัติบ้างหรือยัง..” ดวงตาของหลวงพี่เป็นประกายผิวพรรณวรรณะผุดผ่องสร้างศรัทธา..

“ตั้งใจมาไหว้พระใช่ไหม มาหลวงพี่จะนำกล่าวบูชาพระสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์องค์น้อยกลางโดม..เอานั่น..หยิบมาซิ แผ่นชาร์ต บทสวดบูชาพระจุฬามณีเจดีย์..ก่อนอื่นหลวงพี่ขอเล่านิดนึงก่อนแล้วกัน เพื่อสร้างกุศลศรัทธาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป....พระจุฬามณีเป็นชื่อของเจดีย์ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์..สวรรค์มีหกชั้นนะ..จาตุมหาราชิกา หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์ ดาวดึงส์ หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับ 100 ปี ชั้นสามยามา หนึ่งวันหนึ่งคืน 200 ปี ดุสิต..โยมเห็นรูปกลางโดมนั่นไหม ก่อนจะลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า พวกพระโพธิสัตว์จะอยู่ที่นั่นกัน รอลงมาสร้างบารมี..”

แสงทองแหงนหน้ามอง ..แล้วก็หันกลับมามองหน้าหลวงพี่..

“ก็อยู่ชั้นดุสิต หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับ 400 ปีโลกมนุษย์ ชั้นห้านิมมานรดี 800 ปี ชั้นหก ปรนิมมิตวสวัตตี 1600 ปี อายุมากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับเวลาที่ทำการกุศล..บางคนก็ทำเยอะ บางคนก็ทำน้อย บางคนก็ทำด้วยศรัทธา บางคนก็ทำอย่างเสียไม่ได้ บางคนก็ทำเพราะถูกชวน..บางคนทำด้วยของดีของประณีต บางคนก็ศีลห้าบริบูรณ์ บางคนก็ศีลแปดดีเยี่ยม บางคนทำทานด้วยเจริญภาวนาด้วย..ความแตกต่างทำให้สวรรค์มีชั้น..จุติจากเทวดา มาเกิดเป็นคน จึงรวย มี จนไม่เท่ากัน ง่าย ๆ ไม่รู้โยมจะเข้าใจหรือเปล่า..”

รุ่งโรจน์พยักหน้าเป็นเชิงให้รู้ว่าสนใจฟัง..

“กลับมาที่เรื่องพระจุฬามณีเจดีย์ ก็ต้องเล่าเรื่องพระเขี้ยวแก้วก่อน พระเขี้ยวแก้วหรือกระดูกฟันของพระพุทธเจ้า ตามตำนานว่ามีสี่องค์ องค์หนึ่งอยู่ศรีลังกา อีกองค์อยู่จีน ที่อัญเชิญมาเมืองไทยที่พุทธมณฑลปีก่อน”

“ผมก็ไปมา” สุริยาอยากจะร้องบอกแต่กลัวขัดจังหวะจึงต้องเงียบฟัง ..ตัวเองรู้..ก็อยากให้สองคนได้รู้ได้ฟังจากปากพระบ้าง เพราะที่ฟังท่านพูด รู้สึกเสนาะหูและเพลินเหลือเกิน..

“อีกองค์ตามตำนาน อยู่เมืองบาดาล ตำนานนะ จริงเท็จไม่รู้ แล้วอีกองค์ก็ตอนสมัยแบ่งพระสารีริกธาตุ โทณะพราหมณ์ แอบจิ๊กไว้ที่มวยผม เทวดา ท้าวอัมรินทร์ผู้เป็นใหญ่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาจิ๊กต่อไปอีกที ตรงนี้มีการแก้กระทู้ถามกันในมิลินทปัญหาว่า เอ๊ะ เทวดายังลักของอีกรึ เทวดาบอกว่าไม่ได้ลัก อธิษฐานจิตว่าถ้าโทณะพราหมณ์ไม่มีบุญรักษาพระเขี้ยวแก้วไว้ได้ ขอให้พระเขี้ยวแก้วเสด็จไปกับตัวเอง..พระเขี้ยวแก้วก็ไปกับท้าวสักกะ องค์เดียวมีหลายชื่อ..แล้วท่านก็ไปประดิษฐานที่พระจุฬามณีเจดีย์..ซึ่งชาวสวรรค์ชั้นฟ้า เขาอยากได้บุญอยากอยู่บนสวรรค์นาน ๆ เพราะว่าเพิ่งมารู้บนสวรรค์ที่ตัวเองมีสมบัติเช่นนี้ เท่านี้ เพราะว่าทำนั่นทำนี่มา ยิ่งทำบุญในพระพุทธศาสนา ยิ่งวิมานใหญ่โต รัศมีสว่างไสว แล้วชาวสวรรค์ก็กลัวว่าถ้าตายเร็วก็พลัดจากความสุข...วันพระก็จะมีท้าวสักกะมาแสดงธรรม..เทวดาวัดกันที่รัศมี..”

หลวงพี่หน้าขาวยังพูดเสียงใส ๆ กังวาน เล่าไปอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยตั้งแต่เรื่องความหมายของพระธาตุเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุ เรื่องการกราบพระให้น้อมจิตไว้ระลึกถึงครั้งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่งท่าขัดสมาธิเพชรสู้กับพญามารเพียงลำพังโคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ทีเดียว

พอระลึกตาม สุริยาถึงกับน้ำตาร่วงเผาะลงมา ด้วยรู้ว่าพระพุทธองค์ท่านทำในสิ่งที่คนอื่นทำได้อย่างยากยิ่งที่สุด และกว่าจะถึงวันที่เป็นพระพุทธเจ้าได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย..

รุ่งโรจน์กับแสงทองพลิกขาไปหลายรอบ..แล้วก็มีคำถามจุกจิกถามให้หลวงพี่ท่านตอบอยู่เนือง ๆ ..

กลายเป็นว่า เป็นการสนทนาธรรม แก้หัวข้ออรรถหัวข้อธรรม..ที่ครื้นเครงทั้งคนฟังคนพูด..

หลังจากที่พระอาทิตย์ตกดินไปนานแสนนาน หลวงพี่ก็นำสวดมนต์ฉบับย่อ แล้วพาสวดบทไหว้พระจุฬามณีโดยเฉพาะ..

“อิติปิโส ภะคะวา อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ นะโม ข้าจะไหว้ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เมื่อข้าจะดับจิตลง อย่าให้ไหลหลง ให้จิตจำนงตรงทางพระนิพพาน ขอให้พบดวงแก้ว ขอให้แคล้วหมู่มาร ขอให้ทันพระศรีอาริย์ ข้าจะไปนมัสการพระเกตุแก้ว พระจุฬามณีเจดียสถานเป็นที่ไหว้ที่สักการ กุศลสัมปันโน..ฯ”

หลังจากที่ทั้งสามคนลงชื่อร่วมทำบุญเป็นผู้สร้างส่วนที่ยังไม่สมบูรณ์แล้ว หลวงพี่ก็ให้พรย่อ ๆ แต่ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกปลาบปลื้มเท่า ๆ กันได้..

ขณะที่หลวงพี่เก็บข้าวของ ทั้งสามคนก็ออกไปซุบ ๆ ซิบ ๆ นินทาพระที่อยู่ข้างในโดมด้วยน้ำเสียงชื่นชม..

“เพิ่งจะเคยเห็นพระแบบนี้ ถ้าบอกว่า ทำบุญสักคนละร้อยสร้างเจดีย์หน่อยซิ คิดว่าเราน่าจะทำนะไม่เห็นต้องพาสวดมนต์ เล่าประวัติไปหนึ่งชั่วโมงหรอก”

“ท่านก็บอกแล้วไง ศรัทธาที่ประกอบด้วย ปัญญา ปลื้มไหมล่ะ..” รุ่งโรจน์ดวงตาเป็นประกายขณะยืนดูองค์พระเจดีย์ชนิดคอตั้งบ่า..ส่วนสุริยาเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากรุ่งโรจน์ เขารู้สึกว่า ตอนนี้ในใจของรุ่งโรจน์คงมีอะไรดี ๆ แทนที่สิ่งไม่ดีบ้างแล้วกระมัง..เพราะหลวงพี่บอกไว้เมื่อกี้ว่า..

“คนเราทุกคนต้องตายหมดแหละ บทสวดเมื่อกี้นี้ ก็เอาไว้เตรียมตัวตาย..ให้นึกถึงบุญให้ได้ นึกว่าจะไปไหน โยมจะตายรถทับกะแดก ๆ รู้ว่าตาย..คงอยากร้องไห้ อยากกลับบ้าน ก็รู้อีกนั่นแหละว่า ถ้าตายแล้วไปบ้าน คนในบ้านมันก็ไม่ต้อนรับแล้ว เหลือแต่วิญญาณ ก็ให้ไปที่ชอบ ๆ ดังนั้นจำไว้นะโยม ..นึกอะไรไม่ออกก็นึกว่า ตายแล้ว นึกถึงบุญที่ได้ทำในวันนี้ นึกว่า จะไปสักการะพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไม่แน่นะโยมเผื่อตาย จะได้ไปดี..”

พูดเรื่องตาย แสงทองมีสีหน้าไม่ดี..

“กลัวก็ต้องตาย ไม่กลัวก็ต้องตาย สู้เตรียมตัวตายไม่ดีกว่ารึ..แต่พวกโยมทั้งสามคนดู ๆ แล้วบุญเก่าเยอะ..หลวงพี่จะบอกอะไรให้นะ คนวัยนี้ที่หลวงพี่เจอ มองแค่ท่านั่ง หลวงพี่ก็รู้แล้วว่าเขาศรัทธาพระ ศรัทธาศาสนาแค่ไหน...ประมาณแบบว่านั่งพนมมือฟังแต้แบบนี้พูดอะไรก็ฟังหมด ให้อะไรก็รับได้ แต่ท่าลุกลี้ลุกลน..ขอตังค์ไปตรง ๆ เลย ว่าสร้างเจดีย์ด้วยกันไหม ตามศรัทธานะ โยนใส่ตู้เลย..ก็เล่นกันอย่างนั้น เพราะได้แค่นั้นลึกกว่านั้นไม่ได้จิตไม่รับ”

เมื่อคุยกันถูกอัธยาศัย ทั้งสามคนจึงเดินมารออยู่ด้านล่าง พอหลวงพี่ถือย่ามเดินลงมา สุริยาจึงว่า..

“เมื่อกี้หลวงพี่ว่าจะต้องลงข้างล่าง ให้ผมไปส่งนะครับ”

หลวงพี่พยักหน้า สุริยาเปิดประตูด้านหน้าให้ พอหลวงพี่ไปนั่งก็ปิดประตู โดยมีรุ่งโรจน์เป็นสารถีแก้ว..

“จะไปนอนที่ไหนกันคืนนี้”

“โรงแรมครับ ที่ไหนดีครับหลวงพี่”

“พิมาน อโนดาต วิษณุ..ในนครสวรรค์ส่วนใหญ่เขาจะตั้งชื่ออะไรต่อมิอะไรเกี่ยวเนื่องกับสวรรค์นะ ถนนมาตุลี ถนนเมขลา..ถนนโกสีย์ ท้าวโกสีย์ ถนนสุชาดา..เห็นรถแล้วคงมีงบเยอะนอนพิมานก็ได้ สี่ดาว..ส่วนอาหาร ถ้าต้องการแบบคนในเมือง ก็ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในตลาดถามใครก็รู้”

“ตรงต้นแม่น้ำใช่ไหมครับ”

“กลางวันตลาดผ้า กลางคืนตลาดอาหาร..อร่อยประหยัด หรือถ้าต้องการบรรยากาศ โรแมนติก ก็หลังศาลากลางโต๊ะญี่ปุ่น โคมไฟ อาหารตามสั่ง ดูแม่น้ำ สะพาน หมู่ดาว ลมเย็น ๆ รำเพยให้ชื่นใจ”

“หลวงพี่ทันสมัยจัง”

“เพิ่งจะมาบวชโยม..บวชไม่นาน สัญญาเก่ามันยังเยอะ..”

“อยู่นาน ๆ นะครับ” สุริยาประนมมือนิมนต์ตามธรรมเนียม

“ทำไมถึงบวชได้นานละครับ..” รุ่งโรจน์ถามบ้าง..

“อกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม ทายซิว่า หน้าตาอย่างงี้ ควรจะเป็นเพราะอะไร?”

“อกหักเจ้าคะ” แสงทองตอบ..

“ปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใดไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์..มีรักร้อย ก็ทุกข์ร้อย..ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย..โยมว่าจริงไหม” ท้ายประโยคดูหลวงพี่จงใจพูดกับเฉพาะแสงทองหรือไม่ก็คนขับรถ..

“เวลาเรารักใคร จิตใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเรา คิดถึงเขา คิดแต่ว่าเขาอะไร นั่นนี่หรือยัง ลืมดูตัวเองไป..ใจเรา เรายังไม่รู้ใจเราแล้วจะไปสนใจ ใจคนอื่นทำไม..แค่นี้เอง หลวงพ่อเทศน์ให้ฟังแค่นี้ ผึงเลย..ตัดขาด..บวชมาได้..ก็ยังหนุ่มก็ไม่สัญญาว่าไม่สึก เพลินดี มีงานทำ..บางคนก็ว่าพระจ้องจะเอาแต่เงิน ปล้นโยมก็มี..แต่หลวงพี่คิดว่า ถ้าหลวงพี่ไม่พูด ในตู้คงมีเงินแค่ 20 บาท แต่ถ้าพูดทำให้เขาควักร้อย ก็น่าพูด..หรือถ้าร้อยหนึ่งเขาอยู่ในตู้บริจาคของวัดแล้ว..มันก็ต้องให้เขาถามตัวเองว่า น้อยไปหรือว่ามากไป คุ้มไหม ปลื้มไหมที่เสียเงินไป..หลวงพี่ยอมเหนื่อยเพื่อแลกกับความเลื่อมใสศรัทธาที่มากขึ้น..เอ้า จอดตรงนั้นแหละใต้ต้นไทร..”

พอรถจอด หลวงพี่ลงจากรถสามเณรหลายรูปกรูมาช่วยถือย่าม สุริยาสลดใจวูบ รู้และเข้าใจว่าสามเณรคิดอะไร..แม้ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่พี่ ก็เหมือนใช่..

“อย่าเพิ่งไปเลย ร่วมบุญกับหลวงพี่เอาไว้เลี้ยงเณรด้วยกันไหม” คนถามควักมาห้าร้อย แสงทองสองร้อย รุ่งโรจน์อีกห้าร้อย ..สุริยาลงจากรถร้องเรียกให้หลวงพี่หยุด..ก่อนจะรีบเดินเข้าไปถอดรองเท้าแล้วถวายปัจจัยให้

“เอาไว้เลี้ยงเณรครับ”..

หลวงพี่ให้พรสั้น ๆ ว่า

“ให้บุญรักษานะ”

สุริยากลับขึ้นรถมาแล้ว พร้อมกับบอกทั้งสองคนที่นั่งรอว่า

“บุญรักษา..หลวงพี่ให้พรมาแค่นี้แหละ..เข้าใจไหม”

แสงทองยกมือสาธุ..ส่วนรุ่งโรจน์เคลื่อนรถออกจากวัดด้วยท่าทีมีความสุขใจ

“ผมนึกถึงสมัยเป็นเณรก็ล้อมหน้าล้อมหลังพระอาจารย์แบบนี้แหละ เหงานะ เคว้งคว้าง ไม่มีใคร พอเป็นที่พึ่งได้ รักพระอาจารย์เหมือนพ่อ เหมือนพี่ ทั้งที่ถูกตีอยู่เรื่อย ๆ”

พอพูดถึงความหลัง น้ำเสียงสุริยาสั่นเครือเล็กน้อย แต่ก็มีกังวานของความสุข


ระหว่างที่นั่งรออาหารอยู่ในโต๊ะญี่ปุ่นบนสันเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา แสงทองก็คว้าแผ่นพับที่หลวงพี่ส่งให้มาอ่าน

“แหม จังหวะดีจัง เรื่องที่เราอยากรู้มาก ๆ อยู่พอดี นี่ไง พี่รุ่ง พระธาตุ แปลว่ากระดูกของพระพุทธเจ้า..แล้วก็นี่ เหตุที่เป็นธาตุใสอย่างกับแก้วกับเพชรเพราะอะไร ศีล สมาธิ ปัญญา ทำให้หมดกิเลส กับเรื่องของเจดีย์ อ้าวพี่ยา ..เจดีย์หมายถึง สถานที่หรือวัตถุที่ควรเคารพบูชาในพระพุทธศาสนา มี 4 ประเภท 1 ธาตุเจดีย์ เจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 2. บริโภคเจดีย์ ได้แก่ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงเคยใช้สอย ที่ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนาและปรินิพพาน 3. ธรรมเจดีย์ เจดีย์บรรจุพระธรรม เช่นไตรปิฎกคัมภีร์ใบลานและหนังสือธรรมะทั่วไป..แหมข้อนี้ หนูไม่คิดเลยนะว่าจะรวมอยู่ด้วย”

“หน้าที่ของเราก็คือทำให้คนอื่นรู้ในสิ่งที่เขายังไม่รู้ บางคนอาจจะเห็นแต่ว่าเจดีย์ดีที่สุด ควรไปกราบไหว้จะได้ไม่ตกนรก..แต่ไม่รักษาศีลไม่มีคุณธรรมใด ๆ ประจำใจ จริง ๆ แล้วสิ่งที่ดีที่สุดก็คือ..พระธรรมคำสั่งสอน..” สุริยาต่อให้

“แล้วก็ข้อที่ 4 อุเทกสิกเจดีย์ ได้แก่ สัญลักษณ์อันเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า เช่น รอยพระบาท พระพุทธรูป รูปธรรมจักร..แล้วก็นี่พระธาตุเจดีย์สิบสองราศีตามคติความเชื่อของชาวล้านนา..ข้อมูลนี้ตรงกัน จะไม่ตรงก็ตรงนี้ คนเกิดปีจอ ไหงเปลี่ยนจากวัดเกตุการามเชียงใหม่มาเป็นวัดคีรีวงศ์นี่ได้”

“เหตุผลก็อย่างที่หลวงพี่ท่านว่า..หลักการตลาด ..นครสวรรค์ ..เขาดาวดึงส์ พระจุฬามณีเจดีย์ สัมผัสคล้องจองควรจะเป็นมากกว่า..คติเก่าตั้งแต่สมัยล้านนายังไม่รวมเป็นหนึ่งกับสยามเลยมั้ง แต่เอาเถอะศรัทธาเสียอย่าง ไหว้ตรงไหนมันก็เหมือนกัน สำคัญที่ใจนะ”

“งั้นเราไม่ต้องไปได้ไหม..” แสงทองแกล้งรวนตามนิสัย

“ชีวิตคนเรามันคืออะไรนะ บางที ผมรู้สึกว่าการเดินทางทำให้ขาดทุน สู้อยู่นิ่ง ๆ แล้วก็ทำงานเก็บเงิน น่าจะดีกว่า แต่เอาเข้าจริง ๆ การเดินทางก็คือการออกไปค้นพบสิ่งใหม่..” รุ่งโรจน์ต่อให้

“จ๊ะ นี่ถ้าพี่รุ่ง พี่ยาไม่เดินทางไปปางจันทร์ หนูไม่กลับไปปางจันทร์เราก็คงไม่ได้เจอะกัน..อย่างไรก็ต้องกลับมาที่เรื่องพรหมลิขิตอีกรอบแล้วล่ะ”

พอดีกับอาหารที่สั่งมาถึง แสงทองจึงเงียบเสียง รีบทำหน้าที่อดีตเด็กเสิร์ฟเก่าทันที..

“หนูว่านะจัดมานอนนครสวรรค์สักคืน แล้วไปอุทัยธานี กลับกรุงเทพฯ ลูกทัวร์ต้องประทับใจที่นี่อย่างแน่นอน..อย่างน้อยถ้าอยู่บนพระจุฬามณีตอนหัวค่ำ ก็จะเห็นดาวประดับดิน..ลงมากินข้าวก็ได้กินอาหารที่อร่อยสะอาดแถมราคาย่อมเยาอีก”

“ถ้าจัดมาที่นี่ ลองตลาดก็คิดในราคารถตู้ ไม่แน่นะแสงทอง...เพิ่มโปรแกรมบึงบอระเพ็ดไปด้วย..รับรอง อาจจะแซบกว่านี้ก็ได้..”

“น่าสน ๆ ..” ยังไม่ทันที่แสงทองจะตักอาหารรสแซบเข้าปาก พอดีโทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ดังขึ้น..

พอเห็นว่าเป็นของใคร แสงทองก็ลุกขึ้น เลี่ยงไปคุยตามลำพัง..

เมื่อแสงทองลุกออกไปแล้ว รุ่งโรจน์จิ้มคอหมูย่างใส่จานของสุริยา..สุริยากล่าวคำว่าขอบคุณโดยไม่มองดวงตาคู่นั้น

“คุณเปลี่ยนไปรู้ไหม” รุ่งโรจน์ตัดพ้อ สุริยาถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะยิ้มแหย ๆ แล้วก็พูดว่า

“ผมเหมือนเดิม คุณนั่นแหละเปลี่ยนไปคุณรุ่ง”

“ผมก็เหมือนเดิม..คุณมองตาผมซิว่าผมเหมือนเดิมหรือเปล่า..”

สุริยาสบตาคู่นั้น แวบหนึ่งรู้สึกสงสาร..อีกแวบกลัวใจตัวเองจะถลำลึกไปมากกว่านี้

“แสงทองสวยวันสวยคืน..คุณไม่หวั่นไหวบ้างหรือ..” รุ่งโรจน์ย้อนถาม

สุริยาเสตักอาหารเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ มองฟ้ามองดาวมองน้ำในแม่น้ำที่ไหลเอื่อย ๆ ..

“คุณรุ่งเกิดปีมะเส็งใช่ใหม่ พอศอ 20 ก็เป็นพระธาตุเจดีย์ที่พุทธคยา..อินเดีย ถ้าเป็นที่เมืองไทยก็วัดเจ็ดยอดเชียงใหม่ หรือจะไปที่วัดหนองบัว อุบลก็ได้ หรือว่าจะไป สังขละบุรีวัดหลวงพ่ออุตตมะก็ดี..”

“คุณล่ะที่ไหน...” รุ่งโรจน์ยอมเปลี่ยนประเด็นเช่นกัน

“ปีมะแมดอยสุเทพ.. แค่นี้เอง”

“คุณอยากไปพุทธคยาไหม..รุ่งโรจน์ย้อนถาม”

สุริยาไม่ตอบ เพราะรู้ว่าอีกคนจะพูดว่าอะไร..

“เราจะไปด้วยกัน ไปด้วยกันสามคนนี่แหละ ไม่ว่าปีไหนก็แล้วแต่ ไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา ไปไหว้ให้หมด..ผมรู้สึกนะว่าเวลาของเราเหลือน้อยลงอย่างไรก็ไม่รู้” สีหน้าของรุ่งโรจน์จริงจัง

“ทำไมคุณพูดอย่างนั้น..”

“คุณพูดเองไม่ใช่รึ คุณยะ ว่าคุณพยายามคิดถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก ผมคิดว่าต่อไปพวกเราต่างก็ต้องไปมีวิถีชีวิตเป็นของตนเอง..ผมคงสนุกกับคุณอีกนานไม่ได้ ผมมีภาระที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้าเหมือนกัน คุณไม่ต้องกลัว ไม่ต้องระแวงอะไรผมทั้งนั้น..ผมรู้ว่าคุณคิดกับผมอย่างไร”

“ผมคิดกับคุณอย่างไร”

“คุณคิดเหมือนกับที่ผมคิดกับคุณ”

สุริยาหน้าแดง..ไม่กล้ามองหน้ารุ่งโรจน์..

“ถ้าผมอกหัก ผมอยากจะบวชดูเหมือนกัน อยากเป็นอย่างหลวงพี่บนยอดเขา..อยากรู้นะว่า การนั่งมองดูคนแปลกหน้ามาหา ได้คุยเรื่องที่ตนรู้แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากจะรู้ เป็นอย่างไร?”..

“หลวงพี่ท่านก็พูดถูกนะ คนที่ขึ้นไปถึงชั้นสี่นั่งอยู่กลางโดมได้พื้นใจเรื่องวัดวาก็ต้องพอมีบ้างไม่งั้นไปไม่ถึง..สำหรับคุณ ไม่อกหักก็บวชได้ บวชที่นี่ไหมจะได้ช่วยงานท่านได้” สุริยาผสมโรงทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้

พอดีที่แสงทองเดินหน้าบอกบุญไม่รับ กลับมานั่งที่ของตน..

“คุณป้าบอกว่า พี่ทิพย์อาภาจะแต่งงานที่ปางจันทร์ในอีกเจ็ดวันข้างหน้าให้หนูรีบกลับบ้านด่วน โชคดีนะที่จัดทัวร์ไม่ตรง ไม่งั้น”

“ด่วนได้ที่ไหนเรามาทำงานกันนะ” รุ่งโรจน์แกล้งค้าน

“หนูก็ว่าตอนนี้อยู่ต่างจังหวัด แต่อย่างไรก็คงไปให้ทันวันแต่ง..”

“ทำไมแต่งกะทันหัน” รุ่งโรจน์ดูอยากรู้

“น่าจะท้องนะ ..” สีหน้าของแสงทองลำบากใจจะเล่า

“ผู้หญิงจะรักสนุกขนาดไหน จะคิดว่าตัวเองเก่งขนาดไหนก็ยังเสียเปรียบผู้ชาย พลาดนิดเดียวก็ท้องได้..หนูขอร้องนะ พี่ยาพี่รุ่ง ถ้าพี่ไปทำใครเขาท้อง กรุณาเถอะ อย่าให้ผู้หญิงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพียงลำพัง”

“สุริยาคงไม่มีเรื่องแบบนี้หรอก..” รุ่งโรจน์แขวะให้

สุริยาไม่โต้ตอบ ถือว่าการนิ่ง คือการแก้ปัญหาเรื่องปากของคนอื่นได้


ค่ำคืนนั้นแม้ฟ้ากระจ่างดาว แต่หัวใจของสุริยาไม่กระจ่างสดใสดั่งฟ้า จากหน้าต่างของโรงแรมมองเห็นพระจุฬามณีเจดีย์เด่นตระหง่าน นึกถึงหลวงพี่ผู้ทำหน้าที่บอกบุญให้คนมีศรัทธาปสาทะในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ..กับงานที่ตนได้กระทำ..หากไปอยู่ตรงนั้นกับความรู้ที่มี น่าจะยังประโยชน์..มากกว่ายืนอยู่ตรงนี้..อยากบวชแต่เพิ่งสึกมาได้ไม่กี่ปี เดี๋ยวคนจะกล่าวหาว่าเป็นชายสามโบสถ์จิตใจโลเล.. และอีกเหตุผล โลกนี้ยังมีอะไรมากมายยังอยากรู้อยากเห็นแบบคนธรรมดา

“นอนเถอะคุณยะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ารีบทำเวลาไม่ใช่รึ” รุ่งโรจน์ยังเหมือนเดิม คือเปิดแอร์แรง ๆ แล้วก็นุ่งเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มหนา ๆ ของโรงแรม..

สุริยาเดินกลับมาที่เตียง ทำหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก

“คุณมีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่าคุณยะ”

“ไม่มีอะไรหรอกคุณรุ่ง ผมแค่คิดถึงหลวงพี่บนเขาเมื่อเย็นก็เท่านั้น..แล้วก็นึกถึงชีวิตที่ผ่านมาของตัว กับที่จะต้องเป็นไป คนเรานะ พอมันได้อย่างที่อยากได้ มันก็ไม่รู้จะอยากได้อะไรอีก..ผมเพิ่งเข้าใจนะว่าคนที่มีพร้อมอย่างหนึ่ง จึงต้องการอีกอย่างหนึ่ง หรือพอมีเงินมันจึงได้บ้าระห่ำ ที่จะทำอะไรให้มันสะใจ แต่สำหรับผม วันนี้แค่นี้ผมพอใจกับการมีชีวิตแบบปุถุชนนะ..”

“คุณพูดอะไรผมงง”

“ผมอยากบวช”

“ผมก็จะไปบวชกับคุณ” รุ่งโรจน์พูดง่าย ๆ แต่สุริยารู้สึกตกใจจนมีน้ำเสียงหงุดหงิด

“คุณจะมาอะไรกับผมนักหนาคุณรุ่ง ..คุณรู้ไหม ยิ่งคุณดีกับผมมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกลัว
วันที่ต้องเสียคุณไปมากเท่านั้น เพราะฉะนั้น คุณอย่าทำให้ผมได้ใจ เพราะวันที่ไม่มีคุณ ผมจะต้องเสียใจอย่างมาก คุณรู้ไหม?” สุริยาตั้งคำถามย้อนกลับให้อีกคนได้คิด

รุ่งโรจน์ถอนหายใจออกมาดูเขาก็มีอารมณ์ที่หงุดหงิดเช่นกัน

“คุณเบื่อผมใช่ไหม ผมก้าวก่ายกับชีวิตคุณมากเกินไปใช่ไหม”

สุริยาไม่ตอบ ยังคงนั่งหันหลังให้ พลางนึกหาทางออกให้กับปัญหานี้..อากัปที่รุ่งโรจน์ทำกับเขาทั้งน้ำคำ กิริยาท่าทาง แม้ยังไม่ลึกซึ้งฟันธงว่าเขาเป็นเกย์ แต่ตัวเองก็รู้ใจตัวเองว่า เป็นอะไรอยู่ในขณะนี้..

บางเรื่องเมื่อมันทำอย่างใจคิดไม่ได้ จึงรู้สึกหงุดหงิดเป็นทุกข์..ไหนจะเรื่องความรักความเสน่หาที่แสงทองมอบให้ซ้ำซ้อนมาอีก..

“ถ้าหนูกลับไปแล้ว ต้องเจอะอีตาตำรวจที่คุณป้าพูดถึงนั่น หนูจะทำอย่างไร..คนงานบอกว่า ป้าชอบเขามาก และเขาเองก็ดูชอบหนูมาก ๆ ด้วย..เห็นหนูจากรูปนะ ผู้หญิงนี่สวยเกินไปก็ไม่ดี..ไม่รู้ล่ะงานนี้พี่สองคนต้องช่วยหนูนะ อย่างน้อยก็ช่วยแสดงละครซักฉากว่าเป็นแฟนหนู พี่รุ่งได้ป่ะ”

รุ่งโรจน์รีบปฏิเสธ ด้วยการส่ายหน้า

“คุณยะ” รุ่งโรจน์ขยับตัวมาใกล้ พลางใช้มือขวาเกาะไว้ที่บ่าด้านซ้ายของสุริยา สุริยายังคงนั่งนิ่งแบบใช้ความคิด

“คุณมีอะไรคุณพูดเปิดอกมาซิ คุณเก็บงำอะไรไว้..” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์อ่อนโยนลง จนสุริยารู้สึกสงสาร ก็ในเมื่อเขาเป็นแบบนี้ ดีกับตนอย่างนี้ ยอมลงจากชนชั้นของตนมาคลุกดินคลุกฝุ่นด้วยกัน ร่วมทุกข์ด้วยกัน แก้ปัญหาทุกอย่างให้ เมื่อเปิดประเป๋าสตางค์ของตนพบว่าเงินพร่องเขายังหยิบของตนมาให้ได้ใช้สอยแบบให้เปล่า..จะไม่รับไว้ เขาก็ไม่ยอม..อ้างแต่ว่าแบ่งกันใช้.. แล้วจะทำร้ายจิตใจเขาได้อย่างไร..เพราะที่เขาปฏิบัติด้วยไม่ได้เกินเลยกว่าผู้ชายสนิทกันมาก ๆ ..ถ้าหากรุ่งโรจน์ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าวในทำนองละเมิดทางเพศ เขาอาจจะปฏิเสธจนแตกหักให้ได้รู้กัน แต่เมื่อมันอยู่แค่นี้ แค่การถูกลองใจ เขาจะทำอย่างไรได้...

“มีเรื่องอะไรไม่สบายใจใช่ไหม บอกผมซิ คุณลำบากใจเรื่องไหนบอกผมเถอะคุณยะ..”

สุริยาลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างเท้าแล้วก็กลับมามุดเข้าผ้าห่มผืนเดียวกันเช่นวันก่อน..ชายหนุ่มนอนลืมตาโพลง ท่ามกลางแสงสลัวของโคมไฟหัวเตียง โดยมีรุ่งโรจน์นั่งมองด้วยสายตาน่าสงสาร

“คุณยะ คุณรู้ไหมตอนที่คุณแม่ ส่งผมไปอยู่เมืองนอก ใหม่ ๆ ผมแทบคลั่งเลยนะ ผมคิดถึงเพื่อนผมคนนั้นมาก ๆ ..ผมติดเขามาก เขาเข้าใจผม เอาใจ รู้ใจผมเกือบทุกอย่าง เขาเป็นคนดี เขาเป็นเหมือนคุณ..วันนั้นผมยังเด็กนักจึงยอมคุณแม่ง่าย ๆ แต่ครั้งนี้ผมคิดว่าผมโตแล้ว ผมจะตัดสินใจทำอะไร ด้วยตัวเองก็ได้ สุดท้ายผมก็ยังเป็นเด็กเหมือนวันนั้นอยู่ดี..ผมยังกลัวการพลัดพราก ยังกลัวที่จะต้องนอนคนเดียว ผมยังนอนกอดหมอนข้างเพื่อให้ความอบอุ่น..วันที่คุณเช็ดตัวให้ผมที่บ้านแสงทอง ผมจึงรู้ว่า ผมได้เพื่อนคนเดิมของผมกลับคืนมาแล้ว...ผมยอมลำบากเพื่อเดินขึ้นเขาไปกับคุณ เพราะ..ผมอยากนอนกอดคุณให้อุ่นใจ..ผมมีความสุขที่ได้ซบไหล่คุณระหว่างนั่งรถกลับกรุงเทพฯ ผมใจจะขาดเสียให้ได้..เมื่อคุณลงจากรถ..จริง ๆ ผมก็เจ้าเล่ห์นะ..ผมอยากเห็นคุณมีความสุข..มีรอยยิ้มที่เป็นมิตรเหมือนวันที่ปางจันทร์ ผมคงจะเดินหมากผิด..ใช่ไหม”

สุริยาไม่ตอบคำถามนั้น เพียงดึงให้รุ่งโรจน์นอนลง แล้วเขาเป็นฝ่ายก่ายกอดอย่างที่รุ่งโรจน์ทำกับตนบ้าง..“ดึกแล้วนอนเถอะ พรุ่งนี้ ต้องรีบไปอุทัยแต่เช้า..ฝันดีนะครับ” แล้วเขาก็แกล้งหลับตาทั้งที่หัวใจเต้นเหมือนกลองเพลพระทีเดียว


เช้าวันอาทิตย์อากาศสดใสสดชื่น ด้วยเมื่อตอนกลางดึก มีฝนตกปรอย ๆ พอให้ได้บรรยากาศของคนคู่อยู่เคียงกัน..สัมผัสตอบด้วยรักจึงเป็นอีกวิถีที่สุริยาได้เรียนรู้ลึกลงในเพศรส..เมื่อคืนพอเขากอดไปใจก็นึกว่ารุ่งโรจน์ต้องกอดตอบ แต่เอาเข้าจริง ๆ รุ่งโรจน์นอนหงายลืมตาโพลงหายใจเฮือก ๆ ไม่ต่างจากตนเมื่อคราวก่อน ๆ เมื่อเห็นอาการรุ่งโรจน์เป็นเช่นนั้น สุริยารู้สึกงุนงง ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ พอหันหลังรุ่งโรจน์ก็ตามประกบกอดจนแน่น ดั่งวันวานแล้วก็ทำเสียงกระเส่าถามว่า...

“คุณยะ คุณรักผมไหม?”

ทีนี้สุริยานิ่งเงียบ ภาวนาหนีใจตน..ไม่พูดคำใด ๆ เพื่อผูกมัดอีกคนหนึ่งไว้อย่างเด็ดขาด..หลับในห้วงแห่งการต่อสู้ระหว่างรักตนและรักคนอื่น.. จนกระทั่งถึงเช้า..

พอลืมตาตื่น สุริยาก็รีบเข้าห้องน้ำ..พอออกมาก็มีโทรศัพท์เรียกจากแสงทองว่าหน้าโรงแรมมีพระบิณฑบาต ออกมาใส่บาตรด้วยกันไหม จะได้เตรียมอาหารไว้ให้

สุริยานึกถึงบุญวิบากและนึกถึงบางอย่างในอนาคต ความหวัง กับความจริง มันเป็นสิ่งที่คนต้องเรียนรู้..ปฏิเสธไปตรง ๆ แสงทองก็จะเสียใจ.. หากแต่ไม่ปฏิเสธ ความหวังก็ยังมี

“คุณรุ่งไปใส่บาตรไหม มีพระ” กันชนอย่างดี..มีสองบวกหนึ่งดีกว่า หนึ่งบวกหนึ่ง..เมื่อเห็นว่ารุ่งโรจน์ยังไม่มีทีท่าจะลุกจากเตียง เขาจึงดึงผ้าห่มออกแล้วดึงหนุ่มตัวขาวจั๊วให้ลุกขึ้น พอลืมตาได้ก็อุ้มแกมลากไปในห้องน้ำ..

“รีบล้างหน้า แล้วใส่เสื้อผ้าเร็ว ๆ ไปทำบุญกัน”..

“ไม่เอาผมจะนอน ง่วง เมื่อคืนคุณทำให้ผมนอนไม่หลับรู้ไหม..”

สุริยานิ่วหน้า..รู้ว่า ขืนต่อปากต่อคำก็จะเปลืองตัว

“เร็วเถอะ สงสารแสงทองมัน อุตส่าห์โทรมาชวน เร็ว ๆ ซิครับ..นะครับ..มาบีบยาสีฟันให้..”

“ไม่ต้องหรอก ทำเองได้ ลงไปก่อนห้านาทีตามไป...”


รถฮอนด้าซีอาร์วี แล่นจากเมืองนครสวรรค์ไปทางอำเภอโกรกพระ บ่ายหน้าสู่ อ.เมืองอุทัยธานี ตามโปรแกรมสำรวจที่สุริยาได้วางไว้..

“นี่พี่ยะ โปรแกรมนครสวรรค์ที่พี่สั่งให้ลองคิดออกมา..” แสงทองส่งกระดาษที่มีเนื้อหาโปรแกรม..ด้านล่างกระดาษมีรูปสเก็ตซ์พระจุฬามณีในมุมจากหน้าต่างของโรงแรมกับรูปเดือนเสี้ยวที่ลอยอยู่ใกล้ ๆ กันใต้ภาพก็เขียนข้อความไว้ว่า..

‘พระจุฬามณีท่ามกลางดวงจันทร์และหมู่ดาวกับความรู้ใหม่ ๆ ..นครสวรรค์..13 สิงหา 47’

สุริยาอ่านจบส่งกระดาษคืนให้

“หนังสือที่หนูจะทำถ้ามีรูปสเกตซ์แบบนี้ก็น่ารักนะ..ผสมกับรูปถ่าย บวกความรู้สึกนิดนึง ข้อมูลจริงส่วนหนึ่งก็น่าสนใจ..ส่วนโปรแกรม ดูแล้วโอเคนะ..ออกจากกทม. ตีห้า สองโมงถึงธรรมามูล ไปบึงบอระเพ็ด วัดเขาจอมคีรี วัดคีรีวงศ์ วัดนครสวรรค์และก็นั่งเรือไปปล่อยปลาที่ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ล่องเรือดูวิถีชีวิตชาวแพอีกนิดหน่อย หรือถ้ามีคนจีนมาหลายคนอาจจะข้ามไปศาลเจ้า..ก็ลองคำนวณราคาดูแล้วกัน เพราะหน้าหนาวคงลองจัดสลับถูกกับแพง..”

“ขอบคุณค่ะ”

“ต่อไปแสงทองจะเป็นคนทำงานที่มีคุณภาพ อีกคนผมเชื่อ” รุ่งโรจน์เอ่ยชม



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2554, 09:56:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2554, 09:56:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1817





<< 18   20 >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:37:43 น.
ลุ้นต่อ ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account