อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 20

20.

“ถ้าหนูได้ทำงานต่อไปนะ.. พี่รุ่ง พี่ยา หนูกลัวง่ะ กลัวว่าป้าจะบังคับ..”

“มันหมดยุคสมัยแล้ว รึถ้าบังคับจริง ๆ หนูถามตัวเองซิว่าหนูจะยอมป้าไหม..” รุ่งโรจน์ออกความคิดเห็น แสงทองนั่งนิ่งใช้ความคิด..คล้ายจะรอฟังความเห็นจากสุริยา เมื่อสุริยาเงียบแสงทองจึงถอนหายใจออกมาก่อนจะเสไปมองทางอื่น พร้อมกับค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่เอ่อไหล

สุริยานั่งอยู่หลังเบาะของรุ่งโรจน์ แสร้งทำเป็นไม่เห็นอากัปกิริยานั้น ด้วยการหันหน้าไปมองข้างทางฝั่งซ้ายมือ

ชีวิตของคนต้องผ่านกระบวนการของโลก...สุข ทุกข์ ชีวิตจึงจะแข็งเเกร่ง

แสงทองเงียบเสียงไปจนกระทั่งรถถึงวัดท่าซุง วัดใหญ่โตด้วยบารมีธรรมของพระเดชพระคุณหลวงพ่อราชพรหมญาณ หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ.. ขณะนั้นเป็นเวลาสามโมงเช้า สุริยาจึงได้พาทั้งสองคนไปที่วิหารร้อยเมตรซึ่งระยิบระยับไปด้วยกระจกสีขาวต้องแสงไฟ วางธูปเทียนแพสักการะศพของหลวงพ่อที่อยู่ในโลงแก้ว แล้วก็ไปถวายสังฆทาน ต่อด้วยสักการะพุทธรูปใหญ่..ทำบุญใส่ตู้ละบาทสองบาททุก ๆ บุญในวัด ออกมาแล้วก็ไปดูโลหะปราสาท หอพระไตรปิฎกขนาดใหญ่วิจิตรตระการตา ขับรถออกจากวัดข้ามถนนไปอีกฝั่งของวัด เพื่อซื้อหาหนังสือธรรมะ มีประวัติหลวงพ่อปาน ตายแล้วไม่สูญ ตายแล้วไปไหน..กับหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมมาวางไว้บนเบาะ พอออกจากตรงนั้นก็เร่งไปที่ริมแม่น้ำสะแกกรังให้อาหารปลาสวายนับหมื่นตัวกับสอบถามโปรแกรมล่องเรือดูวิถีชีวิตสองฝั่งแม่น้ำ..เผื่อบางทีวันหนึ่งข้างหน้าจัดมา โปรแกรมจะได้น่าสนใจ แต่วันนี้ยังไม่ขอไป..เพราะเปลืองตัง

รถออกจากวัดท่าซุง มุ่งขึ้นเขาสะแกกรัง..พอถึงก็วนออก..ด้วยเห็นว่า ผ่าน..พาคนมาได้..พอลงจากเขามุ่งไปสู่อำเภอบ้านไร่ในเวลาตะวันเจียนเที่ยง เพื่อไปที่วัดถ้ำเขาวง วัดสร้างด้วยไม้รูปแบบทรงไทยขนาดใหญ่ถึงสี่ชั้นท่ามกลางสวนไม้และสวนน้ำที่ผันน้ำจากน้ำตกบนเขาให้ผ่านตรงบันไดล้างเท้า..

อันที่จริงแสงทองต้องเบิกบานแจ่มใส.. แต่ครั้งนี้ ดูหญิงสาวเนือย ๆ กดชัตเตอร์ไปตามจุดต่าง ๆ อย่างไร้ชีวิตชีวา จนกระทั่งรุ่งโรจน์ต้องแอบมากระซิบสุริยาว่า..

“คุณไม่สงสารไอ้หนูมันรึ”

สุริยามองหน้าคนถามรู้สึกสับสนเต็มกำลังเช่นกัน..ในบรรยากาศที่น่าจะมีความสุขกันมาก ๆ แต่ แต่ละคนกลับหาความสุขไม่ได้ ...จิตไม่ปกติเลื่อนลอย เมื่อเดินลัดเลาะน้ำตกที่ไหลลงมาจากบนเขาเพื่อไปถ้ำ สุริยาจึงลื่นหกล้มเปียกปอนท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยว โชคดีที่รุ่งโรจน์รีบมาฉุดรั้งไว้

พอไปถึงในถ้ำ ภาพที่สุริยาได้เห็น ก่อให้เกิดความวิเวกใจขึ้นมาในทันที..สถานที่สัปปายะเหมาะควรแก่การปฏิบัติธรรม..ขณะยืนพิจารณาดูโลงศพที่วางไว้บนชะโง่นหิน สุริยาก็เหลือบตาไปเห็นหลวงพี่รูปหนึ่งนั่งมองลงมาด้วยสายตาเป็นมิตร..

สุริยายกมือพนมเคารพอย่างอ่อนน้อม รุ่งโรจน์กับแสงทองเห็นดังนั้นจึงปฏิบัติตาม แต่หลวงพี่ไม่พูดไม่ทักหรือถามไถ่อะไรเหมือนหลวงพี่รูปเมื่อวาน..ออกจากถ้ำแรกไปถ้ำที่สองซึ่งต้องเดินผ่านป่าละเมาะและสายน้ำ ไปหยุดที่ปากถ้ำแล้วแสงทองก็พูดว่า..

“ไม่เข้านะ..แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้าพาลูกทัวร์มาคงให้อยู่แค่ถ้ำที่หนึ่งพอ นี่มันลึกจัดอันตราย”

เป็นอันว่าทั้งสามเดินกลับโดยแสงทองขอเดินอยู่ตรงกลาง..

พอออกจากวัดถ้ำเขาวง ก็มุ่งหน้าไปถ้ำพุเตย อีกครั้งที่แสงทองบอกว่าไม่เข้าถ้ำ..เมื่อไม่เข้าจึงขับรถกลับมาที่อำเภอบ้านไร่หาอาหารกลางวันในภาคบ่ายใส่ท้อง ..แล้วแสงทองคนร่าเริงคนเดิมก็กลับมา..

เมื่อสุริยาบอกว่า “กินเยอะ ๆ จะได้มีแรงไปน้ำตกไซเบอร์อีก”

ข้อดีของสุริยาคือชอบถามซอกแซกแม้เพียงคนเดินทางที่เดินสวนกันหรือไม่ก็แม่ค้าระหว่างทาง ..เหตุผล

“คนในท้องที่เขาต้องรู้ลึกกว่าหนังสือสำรวจอย่างแน่นอน..และก็จริง ๆ ด้วยล่ะ อย่างวัดป่าแดนนาบุญงี้ ถ้าเราไม่ถามก็ไม่รู้..หรือทางไปไซเบอร์อย่างงี้ ถ้าไม่ถามก็ไม่รู้ว่ามันต้องผ่านไร่สับปะรดเข้าไปลึก บางทีน้ำก็ไม่มี หรือน้ำตกอีซ่างี้แค่น้ำไหลผ่านหินหน้าแล้งก็แห้งขอด หรือว่าเป็นทุ่งหินเทินแค่หินเทินกันก้อนเดียว ไม่ถึงกับเป็นทุ่งใหญ่โต แต่อย่างว่ามันน่าจะอยู่ในรายการเที่ยวไปบ่นไป ทำป้ายโปรโมตตั้งแต่ร้อยกิโลโน้นแต่พอไปจริง ๆ แค่เนี้ย..จัดทัวร์ถ้ารู้ไม่จริง ไม่สำรวจลูกทัวร์บ่นตาย..เขายอมจ่ายเงินก็เพราะมั่นใจว่าเราจะพาเขาไปมีความสุขได้”

“แล้วตกลงคืนนี้ เราจะนอนที่ไหน ที่ทำการห้วยขาแข้งหรือจะตีรถไปกำแพงเพชร..” รุ่งโรจน์เปลี่ยนเรื่องคุย

“ถ้ามาเส้นเลาะป่านี้แล้ว หนูอยากไปนอนที่ช่องเย็น คลองลานจังเลย อยากรู้ว่าตัวคุ่นที่กัดแล้วเป็นแผลมันเป็นอย่างไร”

“ต๊องแล้ว”

“อยากให้มันกัดหน้ากัดคอเป็นแผลไม่สวย จะได้ไม่มีใครมาสนใจ..” แสงทองประชดประชัน...

“ขนาดนั้น..แหมแสงทอง พี่จะบอกอะไรให้นะ ถ้าเราไม่รักเราก็ไม่ต้องไปแต่ง หรือถ้าเราไปรักใครเข้าแล้ว เขาไม่รักเราก็ช่างเขาปะไร..วันหนึ่งข้างหน้า เดี๋ยวก็มีคนใหม่มาให้เราเลือกอยู่ดี..แต่ก็อีกนั่นแหละ ถ้าพี่รักใครสักคนนะ พี่จะทำให้เขารักเราให้ได้เลย..”

“แล้วตอนนี้พี่รุ่งรักใครบ้างหรือยัง พักนี้ไม่มีค่อยมีข่าวคาว ๆ นะคะ”

“มี..พี่มีความรัก ..คนอย่างพี่ถ้าวันใดไร้รัก วันนั้นคงไม่มีความหมายที่จะอยู่เป็นคนต่อไป”

ได้ฟังคำรุ่งโรจน์ สุริยาจึงหยิบหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน เขียนโดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาพลิก. ..ด้วยตนอ่านจบแล้ว ที่ซื้อมาก็เพื่อคนทั้งสอง.. พอเห็นว่าเรื่องที่สองคนคุยกันทำให้ตนอึดอัด สุริยาจึงแทรกเข้าไปว่า..

“แสงทอง ถ้าอยากรู้เรื่องคุณไสย ดำดิน เดินบนน้ำ อิทธาภินิหารของพระเกจิ เครื่องรางของขลัง หรือพระดีพระแท้ อ่านเล่มนี้ เธอจะนึกอยากไปต่อยอด คุณรุ่งถ้าคิดจะบวชไม่สึกก็แนะนำเช่นกัน..กรุณาอ่านให้จบนะ เพราะต่อไป คุณสองคน จะต้องมาทำหน้าที่ไกด์ธรรมะด้วย”

“พี่ยาจะไปไหน” น้ำเสียงของแสงทองมีอารมณ์สะเทือนใจ

“เผื่อบางทีผมไม่สบายเป็นไข้ตัวร้อนท้องเสียขึ้นทัวร์ไม่ได้ คุณสองคน หรือคนใดคนหนึ่งต้องขึ้นทำหน้าที่ได้..ต่อไปนะ ถ้าทัวร์เรามีเงินกำไรเป็นกอบเป็นกำ คงต้องหาเด็กมาฝึกงาน หรือไม่ก็ต้องจ้างไกด์มาช่วย อย่างที่บอก เผื่อวันหนึ่งข้างหน้า..”


รถแล่นไปตามทางหลวงแผ่นดิน 3282 บ้านไร่-ลานสัก สภาพถนนเป็นเนินสูงต่ำสลับ ทางซ้ายมือเป็นขุนเขาป่าทุ่งใหญ่นเรศวรห้วยขาแข้ง..พอเห็นป้ายชี้น้ำตกไซเบอร์ รถคันโก้ของรุ่งโรจน์ก็เลี้ยวซ้ายไปพบกับถนนลูกรังเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ข้างหน้า เข้าไปได้สักนิด ก็เจอะกับไร่สับปะรด และสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไผ่ที่มีกิ่งสะมาข้างถนน

“คุณรุ่ง ไม่ต้องเข้าไปหรอก เดี๋ยวไม้ข่วนสีรถ ดูแล้วลำบาก ถ้าจัดทัวร์มาก็ต้องวิ่งหารถมาถ่ายคนเข้าไป ดูซิสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี อีกประมาณสักสิบปีคงเจริญ ไปเถอะ ไปดูน้ำพุร้อนสมอทองซิ เป็นอย่างไรบ้าง?”

แล้วสารถีหนุ่มก็ห้อตะบึงไปตามถนนเส้นเดิม พบป้ายทางเข้าบ่อน้ำพุร้อน..

เมื่อให้คะแนนเห็นว่าเหมาะที่จะต้อนรับคนในละแวกนี้เท่านั้น จึงต้องหมุนรถไปตามป้ายชักชวนให้ไปรู้ไปเห็นอีกหลาย ๆ ที่ จนกระทั่งสุดถนน คนขับก็ตัดสินใจเลี้ยวขวา มุ่งไปสู่หุบป่าตาด ความอัศจรรย์ของธรรมชาติท่ามกลางหุบเขา

..เมื่อไปถึงเสียค่าธรรมเนียม แล้วก็ป่ายปีนบันไดขึ้นสู่ปากถ้ำที่ถูกระเบิดให้ทะลุไปในบริเวณหุบเขาที่มีต้นไม้ตระกูลปาล์มไม้ดึกดำบรรพ์ที่หายาก..

“ที่แบบนี้นะ บอกตามตรง บางคนก็ชอบ บางคนก็ว่างั้น ๆ จัดทัวร์ลำบาก ..”

“แต่หนูชอบนะ แปลกดี ทำให้นึกสภาพสัตว์โลกล้านปีออก” แสงทองออกความเห็น

“ผมก็ชอบ” รุ่งโรจน์ช่วยสนับสนุน..

“และนี่ก็คืออุทัยธานี ทำการบ้านด้วยนะแสงทอง” สุริยาออกคำสั่ง ก่อนจะเดินนำออกมา
ขึ้นรถเพื่อไปต่อที่วัดป่าแดนนาบุญ ถ้ำเขาพระยาพายเรือ..และมุ่งไป อ.แม่เปิน ซึ่งก่อนจะถึงที่อยู่ชายป่า ก็มีป้ายบอกทางเข้าที่ทำการหน่วยพิทักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง.. รุ่งโรจน์หยุดรถรอการตัดสินใจจากคณะ..

“ไม่ไปหรอกยังไม่ใช่พวกเรา” สุริยาออกความคิดเห็นซึ่งรุ่งโรจน์ก็คล้อยตาม..

จนกระทั่งผ่านชมชุนใกล้ป่าเขา บ้านลานหมาใน เป็นเวลาที่พระอาทิตย์จวนจะลับเหลี่ยมเขา ท้องของทั้งสามก็เริ่มร้องหาอาหาร..


เมื่อจัดการกับกิจของตนเสร็จเรียบร้อย รถคันเดิมก็แล่นไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3473 ถึงแยกชุมตาบง เลี้ยวซ้ายเข้า 3504 ไปอำเภอน้องใหม่แม่วงก์ เพื่อมุ่งตรงไป อ.คลองลาน 1072 ด้วยพื้นที่ทางซ้ายทิศตะวันตกเป็นภูเขาแม้ตะวันยังไม่ตกดินแต่เหลี่ยมเขาและทิวเมฆบังพระอาทิตย์ไว้ ทำให้เกิดร่มครึ้มระหว่างการเดินทาง..

แล้วแสงทองก็ร้องเพลง ซึ่งนานแสนนานมาแล้วสุริยาเคยประทับใจ..

“เมื่อตะวันจะลับฟ้า พรุ่งนี้ใกล้จะมาถึง เราคงต้องจากกันวันหนึ่ง วันซึ่งมีทางของตัว”..คนร้องรู้สึกเขิน เมื่อสองหนุ่มเงียบสนิท..ทำเหมือนตั้งอกตั้งใจฟังลำนำขับขานของสาวเจ้า..

“จำได้หรือเปล่าเพลงของใคร”

รุ่งโรจน์ปฏิเสธทันที “ไม่เคยได้ยิน แต่เพราะนะ”

“ของปวีณา ชารีฟสกุล ผมเคยฟังตั้งแต่ยังไม่สิบขวบ เพราะดีนะ ไม่คิดว่าแสงทองก็ชอบ”

“ถ้าเพราะ ร้องด้วยกันไหม หนูจะเป็นต้นเสียงให้...”

“เมื่อตะวันจะลับฟ้า”

“เมื่อตะวันจะลับฟ้า” เป็นเสียงของสุริยาและรุ่งโรจน์ที่ร้องตาม ด้วยความรู้สึกสะเทือนใจไปกับเพลงจริง ๆ

“พรุ่งนี้ใกล้จะมาถึง” , “พรุ่งนี้ใกล้จะถึง”

“เราคงต้องจากกันวันหนึ่ง”, “เราคงต้องจากกันวันหนึ่ง”

“วันซึ่งมีทางของตัว”, “วันซึ่งมีทางของตัว”

“แม้ว่าวันจะผันผ่านไป ไม่เลือนหายในความรู้สึก ยิ่งนานวันผูกพันล้ำลึก แนบผนึกใจไว้ด้วยกัน ..กว่าจะมาคุ้นเคยกัน ใช้คืนวันนานแค่ไหน กว่าจะได้รู้จิตรู้ใจ ก็ไม่เหลือเวลาอีกเลย อยากจะหมุนเวลากลับมาอีกครั้ง วันที่อยู่กันพร้อมหน้าอยากซึมซับทุกช่วงเวลา ที่เราได้ร่วมสุขทุกข์กัน”

พอร้องจบแสงทองก็นำปรบมือด้วยรอยยิ้มและคราบน้ำตา

“สัญญานะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่สองคนต้องไม่ลืมไอ้หนูจอมยุ่งคนนี้..พี่ยาสัญญานะ”

แสงทองส่งนิ้วก้อยไปให้ สุริยาใช้นิ้วก้อยคล้อง แล้วเขย่า บอกว่า

“พี่สัญญา”

“พี่ก็สัญญา” รุ่งโรจน์ส่งนิ้วก้อยให้บ้าง..

ทั้งสามคนคุยเรื่องสัพเพเหระจนกระทั่งรถมาถึงสี่แยกเขาชนกัน ซึ่งข้างหน้าไทยมุงกำลังวิ่งเข้าไปหาจุดเกิดอุบัติเหตุ..

“เอาไงดี” รุ่งโรจน์ลดความเร็วมองไปที่ซากรถมอเตอร์ไซค์และรถยนต์เก่า ๆ คันหนึ่ง..

“ตายไหมน่ะ..อ้าย..ตายจริง ๆ ด้วยผู้หญิงกับผู้ชาย ดูซิ..นั่น..แน่นิ่งเลย..”

รถไปหยุดตรงเลยจุดเกิดเหตุ รุ่งโรจน์รีบเปิดประตูออกไปดู..ตามด้วยแสงทอง ส่วนสุริยานั่งนิ่ง ๆ อยู่ตรงนั้น ..เขารู้สึกว่าไม่จำเป็น..รึถ้าจำเป็น คนที่เป็นเจ้าของรถคันนี้ควรที่จะตัดสินใจได้เอง..สักพักรุ่งโรจน์ก็ประคองแสงทองกลับมาด้วยน้ำตานองหน้า..

“ไปดูทำไมก็ไม่รู้ เห็นแล้วใจหายอีก..เฮ้อ” รุ่งโรจน์ดุให้ก่อนจะปิดประตูรถ..

“สงสารจังเลยพี่ยา ผู้หญิงใจจะขาดเสียให้ได้ ผู้ชายตายคาที่..” แสงทองยังพร่ำพรรณนาด้วยน้ำตานองหน้า

“คืนนี้กว่าจะไปถึงกำแพงเพชรคงดึกมาก ผมว่าคืนนี้ไปนอนที่บ้านผมดีกว่าไหม”..สุริยาเปลี่ยนโปรแกรม รุ่งโรจน์หันมามองหน้าแล้วก็หยอกว่า

“สุดแต่ท่านจะบัญชา”

“ข้ามสะพานไป เป็นรอยต่อระหว่างนครสวรรค์กับกำแพงเพชร..มีเส้นทางแต่ไม่มีในแผนที่ประเทศไทยหรอก..”


บ้านของสุริยาเป็นบ้านไม้ใต้ถุนโล่ง ปลูกอยู่บนเนินสูง ไกลออกไปในริมคันแดนเป็นที่ลุ่มแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ไหลมาจากป่าแม่วงก์ อาชีพของคนที่นี่ส่วนใหญ่ทำไร่ทำนา..หลังจากที่พ่อเสียไป คนเป็นแม่ไปอาศัยอยู่กับลูกสาวได้สักพักก็ขอกลับมาอยู่บ้านตัวตามลำพัง ด้วยเหตุผลที่ว่า

“อึดอัด แม่ยังไหว ยังมีแรงหุงข้าวก็ขอพึ่งตัวเองไปก่อน”

เมื่อไปถึงบ้าน สุริยารีบลงจากรถพาทั้งแสงทองและรุ่งโรจน์ไปทำความเคารพบุพการีของตน พอพี่ ๆ เห็นสุริยากลับมาก็รีบมาบ้านแม่ เพื่อมาคุยถามไถ่ความเป็นมาเป็นไป และในสายตาในคำหยอกเย้าทั้งหมดพูดทำนองว่าบัดนี้ สุริยาไปได้ดิบได้ดีมีรถเก๋งคันโก้ใช้..


ขณะรอให้อาหารที่อร่อยที่สุดในครอบครัวเสร็จเรียบร้อยด้วยฝีมือพี่สาว สุริยาก็ให้หลานสาววัยสิบกว่าขวบพาแสงทองไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย ส่วนรุ่งโรจน์นั้นสุริยาพาเดินฝ่าความมืดไปยังริมลำธาร..

“อาบได้ไหม บรรยากาศธรรมชาติ ๆ แบบนี้ น้ำไม่ลึกหรอกตื้นแค่เอว” สุริยาร้องถาม

“จะอาบอย่างไร”

“ก็ถอดเสื้อผ้านุ่งผ้าขาวม้า เดินลงไปในน้ำแล้วก็ค่อยดึงผ้าขึ้นพร้อมกับตัวเองค่อย ๆ นั่งลง แค่นี้คุณก็ไม่โป๊ ผ้าก็ไม่เปียกแล้ว ทำได้ป่ะ หรือไม่ได้ก็ลงไปทั้งผ้าขาวม้านั้นแหละ”

“แล้วคุณไม่ลงรึ น้ำค่อนข้างเย็นนะ น่ากลัวด้วยมันมืด”

“คุณลงไปก่อนเดี๋ยวผมลงตาม”

พอรุ่งโรจน์ลงไปดำผุดดำว่ายคอยท่า สุริยาก็หายตัวไป..ทิ้งไว้เพียงความเวิ้งว้าง จนรุ่งโรจน์ต้องตะโกนเรียกด้วยความหวาดกลัว..

“สุริยา คุณไปไหนง่ะ สุริยา” เมื่อรู้สุริยาแกล้งตนรุ่งโรจน์จึงรีบขึ้นจากน้ำโดยไม่ทันจะคว้าผ้าขาวม้าที่วางอยู่บนโขดหินด้วยซ้ำ และจังหวะที่ใส่เสื้อผ้าจะรีบเดินกลับบ้าน..พอดีกับที่สุริยาก็ตะโกนมาจากกลางน้ำ.. “จะไปไหนคุณรุ่งผมอยู่นี่”

พอหันไปเห็นอีกคนดำผุดดำว่าย ใจนั้นยิ่งกว่าน้ำเย็นราดกองไฟ..มันพลุ่งพล่านโมโหระคนหมั่นไส้

“ไอ้..มันน่าจริง ๆ ..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็กระโจนลงน้ำตามไปไล่ปลุกปล้ำ แต่สุริยาไวยิ่งกว่าปลา ทำให้รุ่งโรจน์เหนื่อยหอบ เสียงสองหนุ่มหยอกเย้าดังไปถึงที่บ้าน ส่งผลให้แสงทองต้องให้หลาน ๆ พาออกมาหา “ฮู้ น่าเกลียดจริงสองคนนี่ สนุกกันตามลำพัง ทิ้งหนูได้นะ..”

“ก็หนูเป็นสาวจะมาลงเล่นน้ำมืดค่ำกับหนุ่มได้ไง..” สุริยาแก้ตัว

“ได้ ถ้าหนูจะทำใครก็ว่าไม่ได้หรอก..ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้ก่อนกลับ ต้องพาหนูมาเล่นตรงนี้ด้วย”..

อาหารค่ำมื้อนั้น..น่าจะอร่อยกว่าที่สุริยาคิดไว้ เพราะรุ่งโรจน์ขอให้คดข้าวให้ถึงสามรอบ..ส่วนแสงทองก็ชมตลอดรายการว่าอร่อย ๆ ..คนเป็นแม่ครัวยิ้มแก้มปริ...

คืนนั้นสุริยาจัดแจงให้แสงทองไปนอนในห้องกับแม่ของตนและหลานสาว ส่วนเขาปูเสื่อกางมุ้งปูที่นอนเตรียมหมอนผ้าห่มและพัดลมที่กลางบ้าน พอหนังท้องตึงหนังตาของรุ่งโรจน์ก็หย่อนทั้งที่มือยังเกาบริเวณยุงกัด แกวก ๆ ปูที่นอนยังไม่ทันจะกางมุ้งให้เสร็จ รุ่งโรจน์ก็รีบเข้าไปนอนลืมตาใสแจ๋วมองมาทางสุริยาด้วยสีหน้าชื่นมื่นดั่งวันเก่า

เมื่อเห็นอากัปของอีกคนเป็นเช่นนั้น มีหรือสุริยาจะไม่สุขสม ด้วยพามาก็หวังลองใจ..ว่ารุ่งโรจน์จะรับในความ มี..เป็น..ของเขาได้ทุกอย่างไหม..

หลังจากเห็นว่ารุ่งโรจน์หลับไปแล้ว สุริยาก็ออกมาคุยกับแม่ตามลำพัง ฟังสารทุกข์สุขดิบของพี่ ๆ จากปากของคนเป็นแม่..

ปัญหาเดิม..ที่น่าเบื่อหน่าย หนี้สิน ความต้องการมั่งมี.. เหล้า..สิ่งเหล่านี้เป็นวงจรที่ไม่จบไม่สิ้น..

“อีหนูนี่แฟนใคร” แม่ถามขึ้นตรง ๆ ..

สุริยาอึกอัก เพราะคนบ้านนอกไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนชายหญิงอย่างแน่นอน..

“สวยดีนะ แม่ชอบ คนนี้มั้งที่สมใจเล่าให้ป้าเอ็งฟัง..ทำทัวร์ด้วยกัน..จะแต่งกันก็รีบแต่งนะทิดอายุมากขึ้นทุกวัน ๆ เดี๋ยวมีลูกไม่ทันได้ใช้”..

แม่มีผัวตั้งแต่อายุยังน้อยจึงมีลูกตั้งมากมาย แต่ป้ามีผัวตอนอายุเยอะจึงมีลูกน้อยคน..ส่วนพวกพี่ ผู้ชายเมื่อบวชแล้วสึกออกมาก็มีเหย้ามีเรือน ส่วนบรรดาพี่สาวสิบหกสิบเจ็ดเป็นอย่างน้อยก็มีสามี..ไม่แปลกที่เขาเพียงอายุยี่สิบห้าแต่แม่ว่าอายุเยอะ..

หันกลับมาคุยเรื่องหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาที่ซื้อมาจากวัดท่าซุง..อธิบายให้แม่เข้าใจเรื่องบุญกุศล เสบียงเบื้องหน้าแล้วสุริยาก็เอาเงินใส่มือแม่สองพันบาท ..แล้วก็ขอตัวเข้าไปนอน ขณะจะล้มตัวลงนอนในฟูกเก่า ๆ กับมุ้งหลังใหม่สีชมพูที่หลานไปเอาจากบ้านมาให้.. ก็อดที่จะเพ่งพิศคนนอนกรนด้วยความเวทนาว่าคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการขับรถ..เพื่อประโยชน์ของใครกัน?

ขณะสวดมนต์ภาวนาเบา ๆ จิตก็ระลึกนึกถึง..คนที่ตายไปที่สี่แยก..ป่านฉะนี้ดวงวิญญาณจะเป็นอย่างไร รู้ตัวหรือยังว่าตาย..ตายแล้วไม่สูญ แต่ตายแล้วไปไหน มีคำถามผุดขึ้นในใจให้ครุ่นคิด..ถ้าเป็นพระละจากบ้านฝึกจิตเจริญภาวนาย่อมมีโอกาสที่จะรู้ จะช่วยเขาได้..แต่เป็นฆราวาสมีกิเลส ปัญญาทรามคิดแต่เรื่องปากเรื่องท้องเรื่องกาม ชีวิตนี้จึงมีแต่ตนเองเท่านั้น

..พอสุริยาล้มตัวลงนอน..พลันก็ได้ยินเสียงละเมอจากปากของรุ่งโรจน์ว่า..

“วิชช์...วิชช์”

แล้วใจที่เป็นกุศลเมื่อสักครู่ก็ปลิวหาย อำนาจแห่งโมหะ ความน้อยเนื้อต่ำใจเข้ามาแทนที่ สุริยาข่มตาหลับด้วยความยากลำบาก แม้จะทำใจว่าเป็นไปไม่ได้ แม้จะรู้ว่าตนเป็นผู้มาทีหลัง แต่พิษแห่งความไม่ซื่อบริสุทธิ์ต่อการคบหากัน มันแผ่ซ่านไปทั่วดวงจิต มันแผดเผาจนรู้สึกหมองไหม้ เข้าใจถึงหัวอกของเมียน้อยว่าการได้ใครมาสักคนไม่เต็มหัวใจมันจะเป็นอย่างไร?


รุ่งอรุณของวันใหม่..กับโปรแกรมสำรวจเมืองเก่ากำแพงเพชร ตาก เถิน นอนที่เมืองลำปาง..ไม่สามารถเริ่มต้นได้แต่เช้าด้วยแสงทองปลุกหลาน ๆ ให้ออกไปกระโดดน้ำตั้งแต่พระอาทิตย์พ้นจากขอบฟ้ามาได้นิดเดียว..หญิงสาวถือกล้องไปเที่ยวถ่ายรูปดูวิถีชีวิตของคนในชุมชน แล้วก็มาปรารภว่า สักวันหนึ่งจะออกหนังสือแบบไปเที่ยวไปดูวิถีชีวิตชาวบ้าน ๆ บ้าง..

เมื่อแสงทองเอากล้องดิจิตอลมาเปิดภาพให้เห็น สุริยารู้สึกถึงฝีมือที่พัฒนาของเจ้าหล่อน

“อันลิงค่างกลางป่า จับมาหัดสารพัดหัดได้ดั่งใจหมาย เป็นนางสาวแสงทอง ครูสุริยาเพียรสอนแทบตายถ้าเอาดีไม่ได้ก็อายลิง”

หลังจากที่รุ่งโรจน์ไล่แจกเงินคนละหนึ่งร้อยให้บรรดาหลาน ๆ ของน้าและอาสุริยาแล้ว..รถคันโก้ก็แล่นออกจากหมู่บ้านมุ่งตรงสู่กำแพงเพชร..

“ตกลงไม่แวะไป ช่องเย็นจริง ๆ ..ง่ะ”

“ทำเวลา..มาคิดดูแล้ว วันที่ 21 ,22 สิงหาคมต้องไปงานแต่งพี่สาวเธอที่ปางจันทร์...ดังนั้นเวลาของเราเหลือไม่ถึงสิบวันอย่างที่ตั้งใจ ก็คงต้องไปกำแพงเพชร ตาก ลำปาง แพร่ น่าน เชียงราย แล้วก็ค่อยวกมาทางเชียงใหม่ แล้วค่อยไปปางจันทร์..เธอเห็นเป็นอย่างไรบ้าง”

“ดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่กรุณา..เมื่อคืนนี้นอนไม่หลับเลยคิดถึงแต่ผู้หญิงคนนั้น คงจะทุกข์และหัวใจสลาย เพราะคนที่รักมาตายต่อหน้าต่อตา..ทำอย่างไรเราถึงจะไม่ประสบกับเหตุอย่างนั้นคะ”

“ไม่ฆ่าสัตว์ ทำบุญแล้วก็อธิษฐานจิตให้ช่วยตั้งผังชีวิตใหม่ ชาติเก่า ๆ เราไม่รู้นี่ว่าไปสร้างเวรสร้างกรรมกับใครไว้บ้าง เขาก็จ้องจะเอาคืน..แต่ชาตินี้ถ้าเราสว่าง คิดเมตตา ทำบุญให้คู่แค้นแรงกรรมก็จะเบาบางตามไม่ทัน หรือมีบุญใหม่มาคอยปกป้อง..อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับจิตดวงสุดท้ายหรอกแสงทอง ทำอย่างที่หลวงพี่บนยอดเขาบอกไว้นั่นแหละ..อย่างไรก็เอาหนังสือของหลวงพ่อไปอ่านแล้วกันเธอจะได้เข้าใจ..อะไรมากยิ่งขึ้น”

“เป็นบุญของหนูนะคะที่เจอะพี่ยา”

“เป็นบุญของผมเหมือนกัน” รุ่งโรจน์หันมาแจมด้วย..

“เป็นบุญของผมเหมือนกันที่ได้มาเจอะพวกคุณ..ขอบคุณนะครับที่ไม่รังเกียจคนยากจน”

“ถ้าพี่ยาจนหนูก็ยาจกล่ะคะ ไม่มีอะไรเลย มีแต่ตัวกับความรู้”

แสงทองถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดต่อว่า..

“กลับไปปางจันทร์คราวนี้หวั่น ๆ นะคะ กลัวจะสู้กับความเห็นของคุณป้าไม่สำเร็จ”

“แสงทองเธอคิดว่ามันจะมีไหมคนที่รักกันตั้งแต่เห็นเพียงรูปถ่าย” รุ่งโรจน์ถามขึ้น..แสงทองหยุดคิด

“ก็น่าจะมี แต่ไม่ใช่แสงทองหรอก องค์ประกอบของความรักหวังร่วมชีวิตด้วยกันมันน่าจะมากกว่านั้น...แต่หนูเชื่อเรื่องรักแรกพบนะคะ..พี่รุ่งเชื่อไหม”

“ผมก็เชื่อ..ความรัก แสงทองมันเกิดขึ้นเอง ไม่มีเหตุผลหรอก บางทีบางคนก็รักทั้งรู้ว่าต้องอกหักชอกช้ำ..ไม่สมหวัง แต่ความสุขของคนมันก็อยู่ที่ได้รักได้ปรารถนาดีกับใครสักคน แม้มันจะยากลำบากก็ตามที”

“เขาเรียกว่าหน้ามืดตามัวหรือเปล่าอย่างนั้น” แสงทองถามรุ่งโรจน์

สุริยานั่งมองและฟังคนสองคนคุยกันโดยไม่ขอแสดงความคิดเห็น..จนกระทั่งรถแล่นมาถึงย่านขายสินค้าจำพวกกล้วย แสงทองสั่งให้จอด แล้วลงไปซื้อสารพัดกล้วยแปรรูปขึ้นมา..เมื่อรถแล่นไป..คนที่นั่งข้างหน้าก็คือแสงทอง..หญิงสาวส่งกล้วยเข้าปากเคี้ยวด้วยความอร่อย แล้วก็หยิบกล้วยฉาบหนึ่งชิ้นทำท่าจะส่งเข้าปากให้รุ่งโรจน์ แต่ชายหนุ่มปฏิเสธ แสงทองจึงส่งขนมอื่น ๆ มาให้สุริยา..

สุริยารับไว้แกะถุงแล้วค่อยเคี้ยวด้วยความเอร็ดอร่อย ..ในขณะนั้นสายตาก็มองไปที่กระจก เห็นแววตาของรุ่งโรจน์ ก็ได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่ยื่นไม่หยิบอะไรเข้าปากให้ทั้งนั้น..

เมื่อรถจอดที่วัดพระบรมธาตุ เจดีย์สีขาวฐานเขียงสี่เหลี่ยมรูปทรงคล้ายเจดีย์มอญก็ยืนตระหง่านยอดเสียดฟ้า..สุริยาวางถุงกล้วยฉาบลงจากรถตรงดิ่งไปที่จุดขายดอกไม้ธูปเทียนของวัดซื้อแล้วถือมาส่งให้แสงทองกับรุ่งโรจน์คนละหนึ่งชุด..

“ทำไมรูปทรงเจดีย์เป็นแบบมอญได้ละคะ” แสงทองเริ่มดูลักษณะ รูปทรงของเจดีย์ออก..

“ตามหนังสือบอกว่า สร้างสมัยสุโขทัย เป็นพระอารามหลวงในเมืองนครชุม ต่อมาพ่อค้าชาวมอญหรือพม่าหงสาวดีมาบูรณะรูปทรงจึงเป็นอย่างที่เห็น..เหอะ ..ไปจุดธูปเทียนสวดมนต์แล้วจะได้เข้าไปในเมืองเก่า”..

พอแสงทองเดินนำหน้าไป รุ่งโรจน์ก็รั้งข้อมือสุริยาไว้

“คนใจดำ โกรธจริง ๆ นะ”

“อ้าวก็เห็นแสงทองส่งให้ แล้วไม่กิน ก็นึกว่าไม่หิวนี่ครับ..โอเค เดี๋ยวพอขึ้นรถแล้วผมขอนั่งหน้าแล้วกันจะได้ป้อนคุณชายตลอดทางจนกระทั่งถึงลำปางเลยดีไหม..”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2554, 09:56:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2554, 09:56:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1871





<< 19   21 >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 25 พ.ค. 2554, 09:57:10 น.
นวนิยาย อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง จัดพิมพ์แบบหนังสือทำมือนะครับ ราคา 350 บาท พร้อมค่าจัดส่ง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ f_nakhon@hotmail.com


หมูบิน 26 พ.ค. 2554, 08:26:09 น.
อ่านไปอิ่มบุญไปแถมได้ความรู้เยอะเลยค่ะ


อมลลดาOWOอมรรัตน์ 30 พ.ค. 2554, 14:38:34 น.
จอง 1 เล่มค่ะ


innam 30 พ.ค. 2554, 16:01:09 น.
เก่งนะ คิดพลอตได้หลายรูปแบบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account