อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน (จบแล้ว)
สำหรับเรื่องนี้เป็นงาน y ครับ..ถ้าไม่ชอบกากบาทสีแดงขอบบนขวา แต่ถ้าชอบก็จะมีศาสนาประกอบกันไปด้วยครับ เรื่องนี้เขียนไว้นานแล้ว ตั้งแต่ปี 49

พิมพ์รวมเล่ม แบบปริ้น ออน ดีมาน
450 หน้า ราคาขาย 350 บาท พร้อมค่าจัดส่งครับ..

สอบถามเพิ่มเติม f_nakhon@hotmail.com


ปล. เคยโพสต์ในบล็อกเมื่อปี 50 มาแล้วหนึ่งครั้งครับ...
Tags: งาน y + ศาสนา

ตอน: 21

21.

ค่ำคืนนั้นหลังจากรับประทานอาหารค่ำในห้องอาหารของโรงแรม รุ่งโรจน์ก็ขอตัวขึ้นห้องพักโดยอ้างว่า รู้สึกเหนื่อยล้าอยากพักผ่อน..แสงทองกับสุริยาจึงนั่งคุยกัน ดูข้อมูลที่ผ่านมาแล้ว และที่จะต้องไปสำรวจในวันต่อ ๆ

สุริยากับแสงทองนั่งคุยกันไปได้สักพัก...โทรศัพท์มือถือของสุริยาก็ดังขึ้น..เป็นเบอร์ที่เขาไม่คุ้นเคย..พอรับสาย..เสียงหวานของผู้หญิงตอบรับกลับมา

“ดาราวดีค่ะ”

“ครับ ดาราวดี” สุริยาครุ่นคิด..

“ที่ไปกับคุณแม่คุณรุ่งไงคะ จำได้หรือยัง..” สุริยามองหน้าผู้หญิงที่นั่งตรงหน้า เห็นแสงทองจ้องมองด้วยความใคร่รู้ สุริยาจึงเอามือปิดตรงรูรับเสียง ก่อนจะบอกกับแสงทองว่า

“คืนนี้แค่นี้นะ พรุ่งนี้ เราจะออกจากตากไป วัดพระบรมธาตุ ..ฝันดีนะ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นเดินออกไปคุยข้างนอกตัวอาคารโรงแรม..

“ครับคุณดาราวดีมีอะไรหรือครับ..”

“เหงา ๆ ค่ะ ..หาเพื่อนคุย สะดวกคุยหรือเปล่าคะ..”

“สะดวกครับ” สุริยามองไปทางล็อบบี้เห็นแสงทองหอบหนังสือไปที่หน้าลิฟท์กดเปิดแล้วก็เดินเข้าไปด้วยใบหน้าไม่สดใสนัก..ข้างหูก็ฟังข้อความอีกยืดยาวของคุณดาราวดีคนสวย..ผู้ที่เขาเองก็ไม่รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้จะมาไม้ไหน แต่ขณะนั้นก็ตั้งสติ คิดแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า..เคสลูกทัวร์โทรมาปรึกษาปัญหาอื่น ๆ หลังจากลงจากทัวร์เกิดขึ้นเป็นประจำ บางคนก็ตั้งใจมาจีบ เมื่อเขาคุยลักษณะกลาง ๆ เป็นแค่เพื่อน เดี๋ยวก็เงียบหายไป..แต่รายนี้..สุริยานึกถึงใบหน้านวลเนียนน่าทะนุถนอม...และน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยนที่กำลังกรอกอยู่ในหู

“คือ ดี้ ไม่ค่อยมีเพื่อนที่เมืองไทยค่ะ ..อยู่ต่างประเทศนานไปหน่อย ..ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหนคะ”

“ตากครับ มาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้จัดทัวร์ครับ”

“น่าอิจฉาพี่สุริยานะคะได้ไปเที่ยวทั่วไทย...”

“แต่คุณดาราวดีได้ไปหลายประเทศมาแล้ว เมืองไทยเล็กนิดเดียว มีเวลาสักนิดก็ไปทั่วได้นะครับ”

“แต่ดี้..” ว่าแล้วหญิงสาวก็เล่าเหตุและผล เปลี่ยนประเด็นต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงสองชั่วโมง สุริยาเดินแล้วก็นั่ง แล้วก็เดินอยู่บริเวณสวนหน้าโรงแรม จนกระทั่งแบตเตอรี่ร้องเตือน..

“คืนนี้คงแค่นี้นะครับคุณดี้ แบตหมดแล้ว..” พูดยังไม่ทันจบโทรศัพท์ก็ตัดสายไป สุริยาถอนหายใจออกมา..เคสแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว จะสลัดหลุดได้เมื่อไหร่เล่า สาวเจ้าเสนอตัวมาว่าพร้อมจะออกไปสำรวจด้วย เพราะตอนนี้ยังไม่ทำงานทำการเป็นเรื่องเป็นราว อันที่จริง สุริยาโกหกคนไม่เป็น ชอบเล่าเรื่อง..พอเล่าว่าจะต้องไปเชียงใหม่ ดาราวดีก็ว่าจะนั่งเครื่องตามไปรอ..ให้ไปรับแล้วไปต่อด้วยกัน..สุริยาจึงต้องบ่ายเบี่ยงบอกว่าจะไปงานแต่งญาติของแสงทองต่อ..สาวเจ้าก็ยังออดอ้อนต่าง ๆ นา ๆ แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยความละมุนละม่อม..และสุริยาก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายในการตามตื๊อครั้งนี้ของดาราวดีคือใคร?

พอเปิดประตูห้องพักเข้าไป พบรุ่งโรจน์คนดีที่หนึ่ง นอนหลับหายใจหนัก ๆ คล้ายจะเหนื่อยล้า..สุริยาไปยืนอยู่ข้างเตียง รู้สึกถึงความผิดปกติ จึงค่อย ๆ เอาหลังมือไปอังที่หน้าผาก พบรุ่งโรจน์ตัวอุ่น ๆ สุริยานึกถึงที่ห้องอาบน้ำอุ่นของบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ในเวลาบ่ายกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว ร่างกายคงจะปรับตัวไม่ทันพิษไข้จึงเกิดขึ้น..

สุริยาเดินไปเปิดกระเป๋าหยิบยาพาราฉีกมาให้สองเม็ดถือแก้วน้ำมาวางไว้ข้างเตียง ค่อย ๆ ปลุกคนหลับ

“คุณรุ่ง ๆ ตัวอุ่น ๆ กินยาหรือยังครับ”

รุ่งโรจน์ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น


“คุณกินยาหรือยังครับ..”

“ยาอะไร..”

“คุณตัวร้อนนี่ ไปอาบน้ำอุ่น ร่างกายคงปรับไม่ทัน ไข้เลยขึ้น..ยาครับ..” สุริยาส่งเม็ดยาใส่มือ รุ่งโรจน์โยนเข้าปาก แล้วคว้าแก้วน้ำดื่มตาม..

“ขอบคุณครับ..” ว่าแล้วล้มตัวลงนอน พอดีกับโทรศัพท์ของรุ่งโรจน์แผดเสียง..สุริยาหยิบมาดู..เห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของคุณแม่..ชายหนุ่มจึงวางไว้ข้าง ๆ หู คนหลับ เพื่อปลุกให้รุ่งโรจน์ตื่นมารับเอง

“ว่าไง...คุณแม่หรือครับ..คร้าบ...หลับแล้วคร้าบ..คุณแม่มีอะไรหรือคร้าบ...อยู่ที่ตากคร้าบ..วันจันทร์อังคารหน้าครับคุณแม่ถึงจะกลับ...ไม่ได้เมาแต่ง่วงนอน หลับแล้วด้วย ...นี่คุณแม่รบกวนเวลานอนผมนะ....ห่มผ้าซิครับ..คิดถึงคุณแม่ทุกวันนะครับ...โอ๊ะ ไม่ได้ดูครับคุณแม่ ไม่รู้นี่ครับว่าออกอากาศเมื่อไหร่ คือคุณแม่ไม่โทรมาบอกก่อน..โทรแล้วไม่มีสัญญาณ คงอยู่ในป่านะครับ..ครับ...ครับ..ครับ...รักคุณแม่ที่สุดในโลกครับ..ครับ...ฝันดีครับคุณแม่ บุญรักษานะครับ..” พูดจบรุ่งโรจน์ก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างหมอน..โดยไม่ลืมตามองสุริยาที่นั่งมองอยู่

เมื่อเห็นรุ่งโรจน์หลับไปแล้วสุริยาก็เปิดหนังสืออ่าน เตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้..วัดพระบรมธาตุจังหวัดตาก พระธาตุราศีปีมะเมีย ..ตามคติความเชื่อของชาวล้านนาคือที่ชเวดากองของพม่า..แต่หลวงพ่อเจ้าอาวาสองค์ก่อนไปสักการะพระเจดีย์ชเวดากอง แล้วจำแบบมาก่อสร้าง ..อ้อมีพระเจ้าทันใจที่ศักดิ์สิทธิ์ด้วย..ใครอธิษฐานขออะไรจะได้ดั่งใจ..แต่จริง ๆ แล้วพระเจ้าทันใจที่มีเกือบทุกวัดในภาคเหนือมีคติการสร้างคือต้องสร้างให้เสร็จภายในวันเดียว ตั้งแต่เช้าถึงเย็น จึงเรียกว่าพระเจ้าทันอกทันใจ..คนหนอคน ความจริงเป็นอีกอย่าง ตีความเป็นอีกอย่าง แล้วถ้าไปอธิษฐานแล้วไม่เป็นไปดั่งประสงค์ล่ะ..ก็เสื่อมศรัทธาอีก จะทำอย่างไรหนอ เล่นกับความเชื่อและจิตวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่ายเลย..และก็ข้อมูลของลำปางหลวงที่มีประวัติของพระนางจามเทวีเข้ามาเกี่ยวข้อง..จะไปหาอ่านโดยละเอียดได้ที่ไหนนี่..อ่านหนังสือไปได้สักชั่วโมงเหลือบดูนาฬิกาเห็นว่าเกือบเที่ยงคืนสุริยาจึงปิดไฟไปล้มตัวลงนอนเคียงกัน..ด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม..เหมือนทุก ๆ คืน..

รู้ตัวว่าอาการโหยหาหนักขึ้นทุกวี่วัน..และก็ต้องพลิกใจให้หนีอกุศลอยู่ทุกคืนค่ำ..นึกถึงสมัยอยู่ที่วัดจะฟุ้งซ่านรำคาญใจก็ยังไม่เท่านี้ ด้วยไม่มีคู่กรณี ช่วยสาน จึงสงบลงได้ แต่นี่..สุริยาพลิกตัวตะแคงนอนมองคนที่จมูกโด่งเป็นสัน ผิวขาวละเอียด คิ้วเข้ม ปากแดงรับกับใบหน้ารูปไข่..หายใจเข้าออกเป็นจังหวะ..แผงหน้าอกนูนขาวจัดน่าโอบรัดให้อบอุ่นใจ..

ปรารถนาแห่งใจในวันวาน ทำให้ดาวตกจากฟ้าสู่มือตนเป็นอัศจรรย์..

รู้...ว่าเป็นการอธิษฐานแบบทุเรศที่สุดในชีวิต แต่เมื่อคิดและทำไปแล้ว ได้มา..จึงรู้และมั่นใจว่า บุญหากมีการสะสมจะสามารถดึงสิ่งที่ปรารถนามาได้..

“สุริยา..”

“ฮื้อ..” สุริยาขานรับก่อนชะโงกไปมอง เมื่อเห็นว่าอีกคนละเมอ จึงนอนมองด้วยรอยยิ้ม..และยิ้มก็กว้างขึ้น..เมื่อคนละเมอต่อด้วยประโยคว่า..

“สุริยา ผมรักคุณนะ..” ในฝันวันนี้เขามีเรา..แล้วไอ้วิชช์นั่นคือใคร..ต้องรู้ให้ได้ว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่ลึกซึ้งแค่ไหน..ว่าแล้วก็คว้าโทรศัพท์ของรุ่งโรจน์มา พลิกตัวตะแคงหันหลังให้ ค่อย ๆ กดดูรายชื่อและเบอร์โทรไปเรื่อย ๆ ...ด้วยใจ ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ..ไม่พบ ..เมื่อไม่พบจึงพลิกตัวกลับหวังเอาโทรศัพท์วางไว้ที่เก่า..แต่ยังไม่ทันจะวาง คนที่คิดว่าหลับสนิทจนละเมอ ก็ลืมตาใสราวกระจกจ้องมองด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยับตัวโดยเร็วถาโถมกอดรัดจนแน่น..

“แอ๊ะ รู้นะคิดอะไรอยู่..เดี๋ยวเหอะ..”

“ปล่อย..โอ๊ย..ไม่มีอะไร..”

รุ่งโรจน์ไม่ปล่อยยังกอดรัดคนที่ดิ้นขลุกขลักจนแน่น ปากก็พร่ำว่า..

“เมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับใครนานเกือบสองชั่วโมง...ผมหึงนะ คิดนอกใจผมเหรอ..ผมไม่ยอมนะ..” ปากพูดไป จมูกก็ซุกไซ้ตามกกหู ต้นคอและใบหน้าอย่างรุนแรง ยากจะขัดขืนเพราะมือทั้งสองข้างถูกมือหนาบีบไว้จนแน่น..

“ปล่อย! คุณรุ่ง เล่นอะไรเนี่ย..เจ็บนะ!” น้ำเสียงจริงจัง อาการขัดขืนมิสมยอมดั่งใจนึก

“ไม่ได้เล่น เอาจริง ๆ ...”..

“อย่านะ!..อย่า.!!.” สุริยายังดิ้นรน รุ่งโรจน์ยังนัวเนียหัวเราะสนุกสนานเหมือนทุก ๆ ครั้ง..ก่อนที่บางอย่างจะเลยเถิดไปกว่าที่ควรจะเป็น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นถี่ ๆ

“พี่ยา!!..พี่รุ่ง..พี่ยา..เปิดประตู..ด้วยเร็ว..พี่ยา!!.”เป็นเสียงของแสงทองที่แฝงความตกใจไว้สุดขีด ทั้งสองรีบผละออกจากกัน..สุริยาตั้งสติได้ กระโดดผางไปที่ประตู..รีบเปิดออก พบแสงทองยืนกอดหมอนกับผ้าห่มตัวสั่นงันงก พอเห็นหน้าเขาแสงทองก็ทิ้งหมอนกับผ้าห่มโผเข้ากอดจนแน่นด้วยน้ำตานองหน้า

“เป็นอะไรแสงทอง” สุริยากอดตอบหลวม ๆ

รุ่งโรจน์ก็รีบใส่เสื้อเดินมาสมทบ สีหน้าตกใจไม่น้อยเช่นกัน..

“เป็นอะไรใครทำอะไรหนู..”

“ผี..ผีหลอก..” แสงทองเสียงสั่นเครือ

“ผีที่ไหน..”

“ในห้องนะซิ..”

สุริยาจูงแสงทองมานั่งที่โซฟากุมมือไว้แน่น..รุ่งโรจน์ไปรินน้ำมาส่งให้แล้วนั่งเคียงกัน..

“หนูขอนอนด้วยนะ ไม่ไปนอนแล้วที่ห้องนั้น”

“มันหลอกอย่างไร”

“มันเป็นเงาตะคุ่ม ๆ เดินมาหยุดที่ปลายเตียง แล้วเขาก็จับขาหนูดึงอย่างแรง..หนูสะดุ้งสุดตัวใจหายวาบขนลุกซู่ ๆ คุมสติแทบไม่อยู่”

“หลับหรือตื่น”

“เพิ่งจะล้มตัวลงนอนกำลังเคลิ้ม ๆ”

“คิดไปเองหรือเปล่า” รุ่งโรจน์ยังไม่ยอมเชื่อ

“ไม่รู้ ..อย่างไรคืนนี้หนูก็ไม่นอนในห้องนั้นคนเดียวแล้ว กลัว....นอนตรงนี้แหละ”

“ก็ได้ แต่อย่างไร คืนนี้หนูกินยานี่ก่อน ..จะได้หลับฝันดี..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็เดินไปเปิดกระเป๋าของตัวหยิบยาสีเดียวกับที่เคยให้สุริยากินแล้วหลับเป็นตายมาส่งให้สองเม็ด..แสงทองทำท่าปฏิเสธ แต่เห็นสายตาของรุ่งโรจน์แล้วจึงยอม..

“กินยาแล้วก็สวดมนต์สักหน่อย อุทิศบุญกุศลที่ทำไว้ให้เขา เผื่อมาขอส่วนบุญจริง ๆ”

“เป็นคนมีบุญก็ไม่ดีนะพี่ยา ผีมาขอส่วนบุญหรือคะ..หนูกลัวจังเลยครั้งแรกนะเนี่ย..ไม่เอาแล้วต่อไปหนูไม่กล้านอนคนเดียวแล้ว..” เมื่อแสงทองพูดอย่างนั้น รุ่งโรจน์เกาหัวแกรก ๆ ..สุริยาแอบสบตาแล้วก็แยกเขี้ยวเข้าใส่

“เอ้า สวดมนต์สั้น ๆ ตามพี่ แล้วก็อุทิศบุญให้เขา วันนี้วันพระด้วย ไม่มีใครทำบุญให้ คงน้อยหน้าเพื่อนผีด้วยกันจึงมาขอส่วนบุญ เอ้าว่าตามนะ...” ว่าแล้วคนเคยอยู่วัดก็พาสวดมนต์..ได้สักสิบนาที ยังไม่ทันจะแผ่ส่วนกุศลให้ภูตผีตัวที่ว่า เจ้าทุกข์ก็ตาปรือก่อนจะล้มตัวลงนอนบนหมอนหลับสบาย สุริยาจัดท่านอนให้นอนสบายก่อนจะดึงผ้าห่มที่กองอยู่กับพื้นมาห่มให้แล้วก็ปิดไฟ เดินไปยืนที่ระเบียง..

“เร็ว ๆ คุณยะ กลับมาเดี๋ยวนี้ เรื่องของเรายังไม่จบนะครับ..”

สุริยายังยืนนิ่ง ๆ ไม่ขยับเขยื้อนไม่กลัวคำขู่ ด้วยรู้ว่าอย่างไรรุ่งโรจน์ก็ไม่กล้าทำอะไรรุ่มร่ามต่อหน้าอิสตรีคนนี้แน่


แสงสีทองยังไม่ทันจะทาบขอบฟ้า บริเวณหน้าโรงแรมก็มีพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาต..ประมาณตีห้าแสงทองลุกขึ้นปลุกสุริยาให้ลงไปเป็นเพื่อนซื้อหาอาหารใส่บาตรพระ ด้วยถามจากเจ้าหน้าที่ของโรงแรมตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นได้ความว่า พระจะออกบิณฑบาตประมาณตีห้าครึ่ง....

เมื่อรู้สึกตัวว่ามีคนมาเขย่าตัว..สุริยาลืมตาขึ้น ค่อย ๆ ดึงมือที่รุ่งโรจน์กุมไว้อยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นออกมา ขยี้ตา แล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าหวีผม ออกมาคว้ากระเป๋าสตางค์ เดินนำแสงทอง
ออกจากห้องพัก...

“ให้พระอาทิตย์ขึ้นก่อนค่อยไปเอาของในห้อง ตอนนี้กลัว..”

“รู้ได้ไงว่าผีกลัวพระอาทิตย์”.

“ดูหนัง ละครไง ส่วนใหญ่ผีจะมากลางคืน กับความมืด..โอเคไม่พูดถึงล่ะ ยังกลัวอยู่เลยไปเถอะค่ะ ไม่ลงลิฟท์นะคะ” ว่าแล้วแสงทองก็เกาะแขนสุริยาจนแน่นขณะเดินลงบันไดไปด้วยกัน..

และก็เป็นครั้งแรกที่สุริยารู้สึกภาคภูมิใจกับบุรุษเพศของตน

โลกจะสมดุลหากชายคู่หญิง..เขาน่าจะทำได้..และถ้าทำไม่ได้?

เมื่อวางถุงข้าว อาหารและขนมลงในบาตรแล้ว สุริยาก็ขอพระท่านยะถา..เพื่อกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผีตนนั้น..

ทำแล้วสบายใจ..อุ่นใจ..มั่นใจว่าบุญนี้จะช่วยให้ผู้ตกทุกข์ได้ยากพ้นกรรม..


“วันนี้ไปวัดค่อยไปถวายสังฆทานสักวัดละถังแล้วกัน..อ่านของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านว่าบุญสังฆทานอาจจะช่วยเขาได้..”

เมื่อกลับขึ้นไปในห้องเก่าของตน แสงทองรีบเก็บของลงกระเป๋า รีบออกมา..ยืนหายใจหอบ ๆ ..

“มันกลัวไม่หาย คุมสติไม่ได้เลย..” แสงทองบอกความในใจ..

“มันน่ากลัวจริง ๆ นะพี่..ใจจะขาดเสียให้ได้..ขนหัวตั้งเลยมั้งเมื่อคืน..”

“เอาเหอะ..ต่อไปหนูต้องหัดสวดมนต์ให้คล่องสักบทนะ เอาไว้สู้..”

“สู้ได้หรือ”

เมื่อเปิดประตูห้องพักสองหนุ่มเข้าไป พบว่ารุ่งโรจน์ยังนอนอยู่ในผ้าห่มอุ่น เมื่อจะตอบคำถามหญิงสาว สุริยาจึงปรับเสียงให้เบาลง

“ใจ ..นึกถึงตอนที่เรายังไม่เจอะผีซิ ใจเราเป็นอย่างไร ปกติดี..ตอนนี้เราปรับใจไปยังจุดนั้นไม่ได้ เพราะเราคิดถึงแต่ผี..หลวงพ่อท่านว่า ถ้าเรานึกถึงผี ผีก็อยู่ในใจเรา ถ้าเรานึกถึงพระ พระก็อยู่ในใจเรา ผีกลัวพระ นึกถึงพระผีก็หายไป..เพราะฉะนั้นนึกถึงพระอยู่เนือง ๆ ..องค์พระสักองค์ หรือภาวนาสักบท พุทโธ หรือสัมมา อะระหัง หรือนะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ..สักบท เราจะอุ่นใจ ใจเราก็เป็นปกติ มีพลังไม่กลัวอะไร ลองดูนะ”

แสงทองขอตัวไปอาบน้ำ เมื่อได้ยินเสียงน้ำไหลซ่า ๆ สุริยาก็กระโจนไปบนเตียง ใช้มือเปิดเปลือกตาคนหลับ...รึคนชอบแกล้งหลับ ให้ตื่น..แต่เจ้าตัวยังเฉย ๆ เมื่อเฉยจึงดึงแก้มทั้งสองข้าง เจ้าตัวยังเฉย เมื่อเฉยอีกจึงดึงหูทั้งสองข้าง..ทีนี้คนถูกกระทำร้องฮื้อ ทำนองว่ารำคาญ เสียงดัง..จนสุริยาต้องละมือ..กำลังจะลุกหนี..คนที่นอนอยู่จึงพูดให้คลายขุ่นว่า..

“นวดหัวให้ผมหน่อย ปวดหัวจังเลย..นะคร้าบ..” รุ่งโรจน์นอนพังพาบคว่ำหน้าอยู่ที่หมอน สุริยาเห็นดังนั้นก็อดที่จะทำให้อย่างที่เคยทำให้ไม่ได้..

รู้ว่ารักแล้วทุกข์ แต่ก็รู้ว่าสุขจากได้รักได้ดูแลใครสักคน มันไม่ได้มีกันง่าย ๆ เหมือนกัน....


รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยทั้งสามคนก็พากันไปที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช องค์กษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อผืนแผ่นดินไทย..หลังจากจุดธูปเทียนวางดอกไม้สักการะ ระลึกนึกถึงคุณขอพึ่งบุญญาบารมีแล้ว รถก็เคลื่อนตัวขึ้นเหนือเขาสู่อำเภอบ้านตาก แวะวัดพระบรมธาตุ สิ่งสำคัญคือพระชเวดากองเจดีย์จำลองพระธาตุประจำราศีปีมะเมีย กับพระเจ้าทันใจพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีเครื่องบูชาขายเป็นชุด..

หลังจากที่สักการะแล้ว แสงทองก็ออกมาถ่ายรูปเลือกมุมกล้องผ่านประตูทางทิศเหนือโดยจะเห็นพระเจดีย์อยู่ในกรอบประตูสวยงาม..จนอดใจไปที่จะเรียกให้นายแบบทั้งสองมานั่งที่ขั้นบันไดพนมมือยิ้มสดชื่นไม่ได้.. เมื่อเสร็จกิจจากที่วัดก็พารถข้ามถนนไปเจดีย์ยุทธหัตถี..ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่าพ่อขุนรามคำแหงมหาราชแห่งสุโขทัยมีชัยชนะเหนือขุนสามชนเจ้าเมืองฉอดในวัยหนุ่ม ณ ที่ตรงนี้..

เมื่อรถแล่นไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1107 มุ่งตรงสู่อำเภอสามเงา ที่ตั้งเขื่อนภูมิพล กั้นลำน้ำปิง..ต้องผ่านผาสามเงาที่สร้างตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีผู้มาจากเมืองลพบุรี มุ่งไปครองแว่นแคว้นหริภุญไชย..และสตรีนางนี้ก็ได้ทำคุณประโยชน์ให้แผ่นดินในด้านพุทธศาสนาอยู่มิใช่น้อย..เมื่อต้องเดินทางไปในถิ่นที่บุญญาบารมีของพระนางเคยคุ้มครองไว้ ก็อดที่จะระลึกนึกถึงในสมัยที่พระนางสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรืองไม่ได้..จริงหรือ..ยากไหม..มีอำนาจเหนือชายได้อย่างไร..มีคำถามผุดขึ้นมาเป็นช่วง ๆ ขณะที่นั่งมองสองข้างทางไป..

“พี่ยา ฝั่งแม่สอด แม่ระมาด พบพระ อุ้มผาง ท่าสองยาง ต้องสำรวจหรือเปล่า” สุริยาสะดุ้งเฮือกเมื่อแสงทองร้องถาม..

“ต้อง แต่เป็นวันหลัง..หรือบางที เราไปเจอะคนจังหวัดนั้น พวกลูกทัวร์เรานั่นแหละ เราก็สืบจากปากเอา แต่เราต้องอ่านข้อมูลไว้ก่อนนะ พอเจอะจะได้ถามหาข้อมูลได้ง่าย ๆ ให้เคลียร์ว่าสวยจริงหรือเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างไหม เพื่อลดต้นทุน แต่บางทีก็เจอประเภท อยู่จริง เกิดจริง ไม่เคยเปิดหูเปิดตาดูบ้านตัวเองก็เยอะแยะ..”

“คนไทยไม่ชอบอ่านหนังสือ.”

“มันก็ต้องศึกษาไว้บ้าง เผื่อเพื่อนฝูงมาเที่ยวใครถามถึงถิ่นตัวจะได้บอกเล่าถูก..บางทีโมโหเหมือนกันนะ เราคิดว่าเขาน่าจะรู้ แต่พอถาม บอกงั้น ๆ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรคนจะแห่ไปได้อย่างไร..คงจะชินละมั้ง..”

“จริง ๆ ผมคนไทยผมยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรในเมืองไทยเหมือนกัน” รุ่งโรจน์แทรกขึ้นมา

“เมืองไทยมันก็ยังกว้างคุณรุ่ง บางคนบ้านอยู่ติดกับเขาใหญ่ พอถามว่า มีอะไรบ้างที่คนนิยมไปเที่ยว..มันบอกไม่รู้..คนเขาใหญ่นะครับ ถ้าบ้านอยู่กลางหุบเขาในแม่ฮ่องสอนการศึกษาสื่อโทรทัศน์ยังเข้าไม่ถึง มันก็น่าให้อภัย..แต่พวกนี้..”

“และนี่ก็คือเหตุผลที่คนบางกลุ่มซื้อทัวร์ใช่ไหม” แสงทองตั้งคำถาม

สุริยาพยักหน้า

“ออกจากเขื่อนแล้วไปไหน...” รุ่งโรจน์ถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“จากข้อมูลคร่าว ๆ หาได้ก่อนถูกผีหลอก ก็จะไปพระธาตุจอมปิง ดูเงาพระธาตุในโบสถ์ที่อำเภอเกาะคา วัดเสลาปัพพตาราม วัดพี่น้องกับวัดพระธาตุลำปางหลวง พระธาตุประจำราศีปีฉลู ปีวัว..แล้วก็จะมุ่งไปเข้าเมืองลำปาง ไปวัดพระเจ้าทันใจ วัดหลวงพ่อเกษม วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ประวัติว่าพระแก้วมรกตองค์ที่กรุงเทพฯ เคยไปประดิษฐานอยู่ตั้งสามสิบกว่าปี วัดเจดีย์ซาว วัดประตูป่อง แล้วก็ไปไหนอีกล่ะ วัดศรีชุม วัดพระธาตุเสด็จและก็ที่หนูอยากไปก็คือ..น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน..แต่มันก็โด่งขึ้นไปไกล เอาอย่างงี้ไหมพี่ยา..หนูดูจากแผนที่เราน่าจะไปพะเยาแล้วก็เชียงราย วกไปเชียงใหม่ ลำพูน ปางจันทร์ ส่วนแพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก สุโขทัยไว้ค่อยวันหลังดีกว่า..”

“เหตุผล”

“สงสารคนขับรถ เรามากันสามคืนแล้วนะ ดูแล้วเวลาที่เหลืออยู่จะไม่พอ อีกอย่างจริง ๆ หนูก็อยากไปสำรวจเชียงรายกับเชียงใหม่ให้ทั่ว ๆ นะเพราะมีจุดขายที่มากกว่า พื้นที่กว้างขวางกว่า..”

“แต่ไอ้ที่มีจุดขายดี ๆ เชื่อใหม่ส่วนใหญ่คนมักจะไปกันมาแล้ว ขายตั๋วยาก สู้อะไรที่คิดว่าไม่มีแล้วเราทำให้มีได้นี่จะขายได้..ดูอย่างอ่างทองซิ จริง ๆ คนคิดว่าไม่มีอะไรแต่พอลงรายละเอียดให้ กลับมีวัด สวย ๆ ตั้งมากมาย แต่โปรแกรมที่แสงทองว่าไว้ก็โอเคนะ เอาไว้วันหลังค่อยมาอีกรอบ ไปเส้นลพบุรี เพชรบูรณ์ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ แพร่ น่าน..คุณว่าดีไหมคุณรุ่ง” ขอความคิดเห็นเพื่อหยั่งดูน้ำเสียง..

“อะไรก็ได้ตามแต่คุณเห็นสมควร” รุ่งโรจน์พูดจบ ก็แอบยักคิ้วผ่านกระจกมองหลังให้หนึ่งที..สุริยาแอบเอามือลอดเบาะไปจิ้มพุงเล่น ๆ ..

“แล้วเมื่อคืนคุณดาราวดีโทรมา มีเรื่องอะไรหรือคะ”

เป็นเรื่องไหมล่ะ..สุริยาคิดหาถ้อยคำแก้ตัว..เมื่อเห็นสายตาคนขับรถมีคำถามเช่นกัน..

“นอนไม่หลับ อยากหาเพื่อนคุย...จะโทรหาคุณรุ่งก็กลัวว่าคุณชายจะไม่รับ ..ลองหยั่งเสียงทางกองเชียร์ดู..ว่าคุณรุ่งมีปฏิกิริยาอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่า” สุริยาโกหกไปหน้าตาเฉย..

ได้ฟังคำตอบแสงทองหัวเราะ..แต่รุ่งโรจน์หน้ามุ่ย...

“น่าจะให้โทรหาหนูจะได้ใส่สีตีไข่จนเคลิบเคลิ้มหลับไม่ลงทีเดียว”

“ถ้าดาราวดีโทรมาอีก บอกเธอด้วยนะผมคิดถึงเธอจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว” น้ำเสียงของ
รุ่งโรจน์คล้ายจะประชดประชัน

“เอ๊ะรึจะโทรตอนนี้ดี..” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ชะลอรถเข้าข้างทาง ก่อนจะเรียกให้แสงทองมาเปลี่ยนขับ เรียกให้สุริยามานั่งเบาะหน้าแล้วตัวเองไปนั่งเบาะด้านหลังใช้ศีรษะพิงเบาะหน้าแล้วมือข้างซ้ายก็แอบลอดเบาะมาจับมือสุริยาที่นั่งกอดอกอยู่เบาะหน้า ปากก็พร่ำกับคนปลายสายว่า..

“ทำอะไรอยู่ครับ..ซื้อของอยู่รึ เลือกเสื้อผ้าจะไปงานกับคุณแม่..ครับ..ครับ..ครับ ..งั้นไม่รบกวนนะครับ ..ครับ..คิดถึงซิครับ”

พูดถึงตรงนี้ สุริยาก็พลิกข้อมือขวาที่กอดอกไพล่ไปทางรักแร้ที่รุ่งโรจน์แอบเอื้อมมือมาจับไว้ หยิกเบา ๆ พอให้ได้รู้ว่า.. ‘หึงนะ’

....นี่แหละหรือความรัก..คอยกังวลมิเป็นสุขจริง ๆ ..



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2554, 14:02:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มิ.ย. 2554, 14:02:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1651





<< 20   22 >>
อมลลดาOWOอมรรัตน์ 6 มิ.ย. 2554, 23:03:20 น.
แวะมาให้กำลังใจค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account