แผนรักพันใจ

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 14

หญิงสาวในชุดเสื้อกระโปรงยาวสีฟ้าเข้มเข้าชุดกันชะงักเล็กน้อยเมื่อก้าวเข้าสู่ห้องเรียนหลักสูตรเบเกอรี่สำหรับร้านกาแฟ หนึ่งในชายหนุ่มที่เธอคิดว่าคงจะไม่มาเรียนชั้นเรียนนี้อีกแล้วกลับยืนประจำอยู่ที่เคาน์เตอร์เดิม หันมาส่งยิ้มให้ ทั้งสีหน้า แววตา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาตรึงเธอให้ยืนนิ่งอยู่กับที่อยู่ชั่วขณะ จารุดายืดตัวขึ้นเล็กน้อยก่อนจะสาวเท้าเดินไปหยุดยืนหน้าเคาน์เตอร์หน้าห้อง บอกตัวเองให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดโดยไม่สนใจกับอาการแปลกประหลาดที่ก่อตัวขึ้น

ความเบาในทรวงอก ความรู้สึกวาบไหวประหลาดที่ไม่อาจควบคุมได้บวกกับอารมณ์ขุ่นมัวที่ปะทุขึ้นมาเป็นระยะ สลับกันไปมาอยู่อย่างนั้น

เขาไม่ควรจะมาที่นี่ ไม่ควรจะมาแสดงตัวให้เธอคิดเป็นอื่นอีก ควรจะไปอยู่กับคนที่ควรอยู่ด้วย คนที่พ่อแม่หมายหมั้นให้คู่กันอย่างสุจิรา ไม่ใช่มาคอยตามรบกวนจิตใจเธอแบบนี้

จารุดาพยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ผ่านช่วงเช้าไปได้โดยให้ความสนใจกับ 'นักเรียน' คนนั้นตามสมควร แต่ไม่รอดูความเรียบร้อยหลังผู้เรียนทำความสะอาดอุปกรณ์เช่นทุกครั้ง หญิงสาวรีบล้างอุปกรณ์ของตนแล้วเพียงเอ่ยกำชับให้นักเรียนทำความสะอาดอุปกรณ์ให้ดีก่อนรีบเก็บกระเป๋าก้าวฉับออกจากห้องทันที เห็นกิริยาของธนินจากหางตา เขาลนลานหากยังจัดการกับข้าวของตรงหน้าไม่เรียบร้อยจึงไม่สามารถผละมาเพื่อเดินตามเธอได้ หญิงสาวระบายถอนใจ รู้สึกโล่งขึ้นที่ไม่ต้องฟังเขาพูดอะไร

เธอไม่พร้อมฟังคำอธิบาย ไม่มั่นใจว่าตนเองจะแกร่งพอที่จะปฏิเสธสิ่งที่ออกจากปากชายหนุ่ม ทันทีที่เดินพ้นจากห้องพนักงานของโรงเรียนก็ตรงเข้ามาหา

"คุณจาคะ มีแขกมาขอพบที่ค่ะ บอกว่าเป็นญาติ ให้รอที่ห้องรับรองที่สำนักงานนะคะ"

"ญาติ"

จารุดาขมวดคิ้วอย่างสงสัยหากก็เอ่ยขอบคุณพนักงานหญิงคนนั้นก่อนก้าวไปทางสำนักงานซึ่งมีไว้สำหรับรับสมัคร เมื่อเปิดประตูสำนักงานเข้าไปก็จะพบห้องรับรองเล็ก ๆ อยู่ด้านขวามือ หญิงสาวชะงักเล็กน้อยเมื่อเปิดห้องรับรองเข้าไปพบ 'ญาติ' ที่มานั่งรออยู่

หญิงสาวที่อายุห่างจากเธอเพียงไม่กี่เดือนผุดลุกขึ้นทันที สุจิราที่ปกติมักปั้นหน้ายิ้มแย้มแต่ปากคอยพูดจาเชือดเฉือนตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ปกปิดความรู้สึกที่มีต่อจารุดาแต่อย่างใด

"จินนี่"

"เธอคิดจะทำอะไรของเธอ"

"พูดเรื่องอะไรของเธอ จินนี่" จารุดาถามอย่างแคลงใจ "ฉันจะทำอะไร"

"ก็ที่เธอตามพี่นินไปเมื่อวานนี้ไง เธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ เธอรู้เรื่องของฉันกับพี่นินใช่ไหม เธอรู้ใช่ไหมว่าแม่ของเราสองคนอยากให้เราหมั้นหมายกัน เธอเลยคิดจะแย่งพี่นินไปจากฉัน"

"เรื่องของเธอกับเขา มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักนิดนะจินนี่"

"ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ" สุจิราแหว "เธอคิดว่าเธอจะเอาชนะฉันใช่ไหม"

จารุดาหัวเราะขันกับความคิดของน้องสาวต่างมารดา ทว่าคู่สนทนาคงตีความอาการนั้นไปอีกทางหนึ่ง

"นี่เธอคิดจริง ๆ เหรอว่าจะเอาชนะฉันได้ ฉันจะบอกไว้อย่างนะ เธอก็ต้องแพ้ฉัน เหมือนกับที่แม่ของเธอเคยแพ้แม่ของฉันนั่นแหละ"

"จินนี่...อย่าพูดถึงแม่ฉันแบบนั้นนะ"

"ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ แม่เธอแพ้ ๆ ๆ จนทนรับความอับอายไม่ไหว ตรอมใจจนจากไปก่อนเวลาอันควรไงล่ะ แล้วเธอก็ต้องแพ้ฉันเหมือนกัน แม่ฉันเอาชนะแม่เธอได้และฉันเกิดมาเพื่อชนะเธอ เธอจะต้องพ่ายแพ้ อับอายเหมือนแม่ของเธอ จำไว้ให้ดีเถอะ"

อารมณ์อันเกิดจากการที่ผู้ให้กำเนิดถูกพาดพิงหมุนวนเวียนอยู่ในอก ใจหนึ่งจารุดาอยากจะยกมือขึ้นตวัดลงบนใบหน้าของสุจิราแต่สำนึกบางอย่างยั้งมือเธอเอาไว้

การทำร้ายร่างกายจะเจ็บปวดอะไรนักหนา อย่างมากคงทิ้งรอยช้ำไว้เพียงไม่กี่วัน

"จำคำพูดของเธอเอาไว้ให้ดีด้วยก็แล้วกันจินนี่ แล้วถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมาจริง ๆ อย่าอับอายกับความพ่ายแพ้จนทนอยู่ไม่ได้ก็แล้วกัน"

จารุดาเสียงเข้ม มองตอบสายตาของอีกฝ่ายไม่ลดละ และดูเหมือนสุจิราจะอ่านกิริยานั้นออก แววตาที่กร้าวอยู่เมื่อครู่มีแววของความหวาดหวั่นฉายขึ้นมาเล็กน้อย

"แล้วถ้าหมดธุระแล้วก็กลับไปได้แล้ว ที่นี่เป็นที่ทำงานของฉัน ฉันไม่มีเวลากับเรื่องไร้สาระ"

"นี่...แก"

"แหม...ถึงขึ้นแกเลยเหรอจินนี่ มารยาท...ไม่ใช่สิ มารยาที่เคลือบเอาไว้หายไปไหนซะหมดล่ะ ไม่มีพี่จาคะ พี่จาขาแล้วหรือไง"

สุจิราปากคอสั่นสะบัดหน้าหมุนตัวผลักประตูก้าวออกไป ทิ้งในจารุดายืนสูดลมหายใจยาวพยายามสงบสติอารมณ์ ส่ายหน้าอย่างระอาใจกับคนที่มีสายเลือดเดียวกับครึ่งหนึ่ง คงต้องมีใครสอนให้สุจิรารู้จักคำว่า 'พ่ายแพ้' เสียบ้าง และธนินที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ก็ควรได้รับบทเรียนเช่นกัน

เขาจะจริงใจกับเธอได้อย่างไรในเมื่อผู้ใหญ่ต้องการให้เขาหมั้นกับสุจิรา ที่ธนินทำก็คงเป็นแค่แผนการที่จะทำให้เธอใจอ่อนยอมขายที่ดินให้ก็เท่านั้น

อีกครั้งจารุดาบอกตัวเองไม่ได้ว่าความรู้สึกแปลบในอกนั้นเป็นเพราะอารมณ์ใด เสียใจหรือเจ็บใจมากกว่ากัน



วันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้บ้านสวนคุณจันทร์มีลูกค้าแน่นร้านตั้งแต่ช่วงสายของวัน เลยบ่ายโมงใกล้บ่ายสองจึงบางตาลงบ้าง รถยนต์ยุโรปคันหรูแล่นมาจอดบริเวณลานจอดรถ เด็กสาวสดใสในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเอี๊ยมสีชมพูอ่อนแต้มลายเป็นวงกลมสีขาวก้าวลงจากรถมองสวนอาหารตรงหน้าอย่างพึงพอใจ หันไปเอ่ยกับหนุ่มใหญ่ในชุดลำลองเสื้อยืดคอปกสีน้ำเงินกางเกงขาสามส่วนสีครีมที่ตามลงจากรถมาอย่างตื่นเต้น

"ร้านของพี่จากับน้าจันทร์ ใหญ่โตจังเลยนะคะ ร่มรื่นดีด้วย"

"นอกจากจะมีอาหารไทยอร่อย ๆ แล้ว ยังมีผลไม้จากสวนด้วยนะ มีให้ชิมแล้วก็ซื้อกลับบ้านได้"

"พ่อเคยมาร้านนี้แล้วเหรอคะ"

"ไม่เคยหรอก พ่อก็แค่หาข้อมูลนิดหน่อย"

คุณบัณทัตยิ้มตอบลูกสาวแต่ใจนึกเสียดาย เขารับรู้ความเป็นไปของคนบ้านสวนแต่ไม่อาจจะมาเยี่ยมเยือน ไม่กล้าแม้แต่จะมาเป็นลูกค้าของบ้านสวนคุณจันทร์

"วันนี้พี่จาไปสอนทำอาหาร ทำไมพ่อถึงเลือกมาวันนี้ล่ะ ลี่เลยอดเจอพี่จาเลย"

"ก็พ่อติดงาน ว่างวันอาทิตย์วันเดียวแล้วเราก็รบเร้าอยากจะมาเหลือเกิน หรือเราจะกลับกันก่อนแล้วค่อยมาอีกทีวันหลังล่ะ"

"แต่ลี่หิวแล้วนะคะพ่อ" ลิลลี่ท้วงยกมือลูบท้องป้อย "อีกอย่างวันนี้มาเจอแต่คุณน้าขวัญกับคุณยายจันทร์ก็ได้ วันหลังค่อยมาวันที่พี่จาอยู่ด้วย"

คุณบัณทัตยิ้มเอ็นดูกิริยาของลูกสาว ส่งแขนให้ลิลลี่ควงเดินเข้าไปภายในบริเวณสวนอาหาร ที่ด้านหน้าพนักงานต้อนรับเอ่ยถามจำนวนลูกค้าก่อนจะแจ้งให้เดินตามพนักงานอีกคนไปที่โต๊ะ

"ช่วยตามน้าขวัญกับคุณยายจันทร์มาพบหน่อยได้ไหมคะ"

พนักงานสาวมีท่าทีไม่แน่ใจ หนุ่มใหญ่ต้องเอ่ยขยายความต้องการของลูกสาว

"ช่วยบอกว่าคุณบัณทัตกับลิลลี่มารับประทานอาหารกลางวัน แล้วก็อยากเชิญมาคุยกันหน่อยน่ะครับ"

"บอกว่าลี่อยากเจอค่ะ อยากให้น้าขวัญมาแนะนำอาหารแล้วก็สอนวิธีทำด้วย"

"ยัยลี่"

คุณบัณทัตปรามลูกสาว ลิลลี่ทำหน้าเมื่อย กรอกตาขึ้นฟ้าอย่างขัดใจแต่ก็ยอมสงบคำแต่โดยดีเดินตามพนักงานสาวไปยังโต๊ะติดริมน้ำ บรรยากาศร่มรื่นเพราะได้ร่มเงาจากตัวเรือนไม้ พนักงานต้อนรับหน้าร้านที่เดินนำมาแจ้งให้สองพ่อลูกทราบว่าจะไปตามคุณจอมขวัญและคุณยายจันทร์ให้

"ยังไม่สั่งนะคะ เดี๋ยวขอคุณน้าขวัญกับคุณยายจันทร์ก่อน ตอนนี้ขอแค่น้ำเปล่าค่ะ"

ลิลลี่เอ่ยกับพนักงานทันทีที่นั่งลงและมีพนักงานรับออเดอร์มายืนประจำที่โต๊ะ มองไปรอบบริเวณสวนอาหาร กลุ่มเรือนไม้ ศาลากลางน้ำเชื่อมด้วยสะพานไม้ น้ำพุกลางสระน้ำใหญ่ กลิ่นพันธุ์ไม้หลากชนิดถูกลมหอบพัดมาเป็นระยะ เด็กสาวสูดอากาศสดชื่นอยู่พักใหญ่ก่อนเหลียวไปมองด้านหลัง

"ทำไมน้าขวัญกับคุณยายจันทร์ช้าจังก็ไม่รู้นะคะพ่อ"

"เพิ่งจะไม่ถึงห้านาที ใจร้อนจังนะเรา น้าขวัญอาจจะติดงานอยู่ก็ได้ ตอนนี้ถึงจะบ่ายแล้วแต่ก็พอมีลูกค้านะ ในครัวอาจจะยังยุ่งอยู่ก็ได้"

เด็กสาวถอนใจหนักยกศอกขึ้นตั้งบนโต๊ะ เท้าคางกับฝ่ามือเมื่อเริ่มชินตากับความสวยงามของสวนอาหารและความสดชื่นของบรรยากาศ ความหิวก็มีอิทธิพลเหลือสิ่งอื่น ดวงหน้าเล็กเริ่มเบือนซ้ายเบือนขวาไปมาหามองสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปโดยไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษกระทั่งมาหยุดเมื่อมองเห็นสีหน้าของผู้ให้กำเนิด

คุณบัณทัตมองไปทางเบื้องหลังของเด็กสาว คล้ายกับชะงักเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้เห็นก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา ยิ้มแบบที่ลิลลี่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักยามอยู่ต่อหน้าคนอื่น ลิลลี่หันขวับไปมองเบื้องหลังเพื่อหาต้นเหตุที่ทำให้พ่อยิ้มแย้มสดชื่นได้ขนาดนั้น

ริมฝีปากของเด็กสาวคลี่กว้าง ดวงตาเป็นประกายสดใส ผุดลุกขึ้นเดินไปหาคุณจอมขวัญยกมือไหว้แล้วเกาะแขนหญิงกลางคนอย่างยินดี

"น้าขวัญมาแล้ว ลี่ดีใจจังค่ะ"

ปากเจ้าตัวบอกว่าดีใจ หากประกายตาซุกซนนั้นมองผู้เป็นพ่ออย่างยั่วล้อ คุณบัณทัตเหมือนจะรู้สึกถึงนัยของลูกสาว ขยับนั่งยืดตัวตรงก่อนเอ่ยกับคุณจอมขวัญ

"เอ่อ...ขวัญ...คุณขวัญมาแล้ว ดีเลยครับ ยัยลี่บ่นหิวแต่ว่าไม่ยอมสั่งอาหารรอแต่จะให้คุณขวัญมาแนะนำว่าที่นี่มีอะไรอร่อยบ้าง"

"คงไม่ใช่ลี่คนเดียวมั้งคะที่รอน้าขวัญ"

"ยัยลี่"

คุณบัณทัตร้อง ส่วนคุณจอมขวัญก็เหมือนจะตัวแข็งไปเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าผู้ใหญ่ทั้งสองดูมีท่าทีตกใจกับการพูดยั่วล้อของตน ลิลลี่ก็พูดแก้เก้อ

"คุณพ่อเองก็ต้องหิวเหมือนกันนะคะ เพราะเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวันเหมือนกัน มาคะ...น้าขวัญมานั่งเป็นเพื่อนคุณพ่อกับลี่นะคะ ลี่อยากถามน้าขวัญด้วยว่าอาหารแต่ละอย่างทำยังไงบ้าง เผื่อลี่จะไปหัดทำให้คุณพ่อกินบ้าง"

"โอ๊ย! ยัยลี่ อย่าให้พ่อชิมฝีมือเราเลย พ่อยังจำรสมือเราคราวก่อนได้"

"แหม...คุณพ่ออ่ะ" ลิลลี่ท้วงขณะดึงเก้าอี้ตัวข้างตัวที่ตนเองนั่งอยู่ก่อนหน้ามาหย่อนตัวลงนั่ง จงใจเหลือเก้าอี้ตรงข้ามกับคุณบัณทัตไว้ให้คุณจอมขวัญ "ก็ตอนนั้นลี่จดสูตรผิดนี่นา มันก็เลยผิดรสไปหน่อย"

"ทำกับข้าวน่ะยังไงมันก็ต้องชิมด้วยนะยัยลี่ เค็มจนลิ้นชาขนาดนั้นถ้าชิมล่ะก็ต้องรู้แล้วว่าผิดปกติ ไม่ใช่ยกมาให้พ่อกินโดยที่ตัวเองยังไม่ได้ชิมสักกะคำ"

"ลี่ถึงได้ต้องมาขอวิชาจากคุณน้าขวัญนี่ไงค่ะพ่อ" เด็กสาวพูดแล้วทำเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ "อุ๊ย ! ลี่ลืมสมุดจดไว้ในรถ ขอกุญแจรถหน่อยสิคะพ่อ"

"ถ้าแค่กระดาษจดสูตรน้ามีนะคะหนูลิลลี่"

"ไม่ได้ค่ะ ลี่มีสมุดจดเฉพาะ จดไว้หลายอย่างเลย ลี่จะได้จดลงไปทีเดียว"

"ขี้เกียจลอกซ้ำล่ะสิเรา"

"คุณพ่อนี่รู้ใจลี่ที่สุด งั้นขอกุญแจรถค่ะ"

ลิลลี่ยื่นมือขอ เมื่อคุณบัณทัตส่งกุญแจรถให้ก็ลุกขึ้นเดินผละออกไปทางหน้าสวนอาหารทันที ผู้เป็นพ่อมองตามลูกสาวแล้วส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ

"เห็นรึยังล่ะขวัญ ที่พี่ว่ายัยลี่เอาแต่ใจตัวเองน่ะ"

"แกยังเด็ก ค่อยเตือนค่อยสอนกันไปยังไม่สายหรอกค่ะ"

"แล้วน้าจันทร์" คุณบัณทัตชะเง้อมอง "ไม่อยู่เหรอ"

"น้าจันทร์เอนหลังนอนได้พักใหญ่แล้ว ขวัญเลยไม่ปลุก"

"ถ้าน้าจันทร์ตื่นมาเจอขวัญนั่งอยู่กับพี่ คงไม่มีปัญหาอะไรนะ" หนุ่มใหญ่เอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน "ยัยลี่รบเร้าให้พามา...ใจพี่เองก็อยากมานะ อย่างน้อยก็ในฐานะที่เราได้รู้จักกันแล้ว น้าจันทร์เองก็ได้รู้จักปี รู้จักยัยลี่"

คุณจอมขวัญระบายลมหายใจยาว "ถ้ามีลิลลี่มาด้วย น้าจันทร์คงไม่ว่าอะไร แต่เราคงพูดจากันอย่างสนิทสนมแบบที่เราอยู่สองคนไม่ได้"

"พี่รู้ พี่ถึงได้ถามว่าขวัญจะมีปัญหาอะไรรึเปล่า ถ้าไม่มีอะไรพี่ก็เบาใจ" คุณบัณทัตยิ้มตาหยี "นี่คงเป็นทางที่ดีที่สุด ที่เราจะเจอหน้ากันได้บ้างใช่ไหม"

ทั้งสองส่งยิ้มให้กันอย่างเข้าใจความเป็นไปได้ ไม่นานนักลิลลี่ก็กลับมาพร้อมกับสมุดจดสีชมพูลายการ์ตูนแมว ลิขสิทธิ์ของประเทศญี่ปุ่นและปากกาลายตัวการ์ตูนเดียวกัน เด็กสาวนั่งลงพร้อมกับเอ่ยถามรายการอาหารแนะนำของคุณจอมขวัญ

หญิงกลางคนยกมือเรียกพนักงานสั่งอาหารที่ตนคิดว่าเด็กสาวจะสามารถนำไปฝึกฝนทำได้ไม่ยากนักสี่รายการ ก่อนจะหันมาบอกส่วนผสมของอาหารแต่ละอย่างกับลิลลี่

เด็กสาวก้มหน้าก้มตาจดตามคำบอกทำเหมือนไม่สนใจผู้ใหญ่ทั้งสองคนหากหลายครั้งที่เธอลอบกรอกตาขึ้นสำรวจท่าทีของผู้ให้กำเนิดและหญิงวัยกลางคนที่กำลังบอกเครื่องปรุงและวิธีทำอาหารให้กับเธอ แม้จะไม่ได้มีประสบการณ์ความรักมากมายนอกจากความรักแบบปั๊บปี้เลิฟตามประสาวัยรุ่นแต่ลิลลี่ก็ฟันธงได้ทันที

พ่อกับน้าขวัญต้องปิ๊งกันอยู่แน่ ๆ



หมดเวลาเรียนช่วงบ่ายของวันนั้นธนินทำความสะอาดอุปกรณ์และเคาน์เตอร์ช้ากว่าคนอื่นเช่นเคย เขาก้มหน้าจัดการกับข้างของตรงหน้าสลับกับคอยเงยหน้ามองจารุดา เธอดูไม่เร่งรีบแม้แต่น้อย เอ่ยลากับนักเรียนคนอื่นที่ทยอยเดินออกจากห้อง ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าเดินไปหยุดยืนตรงหน้าเธอ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองตอบสายตาเขา

"คุณจาครับ ผมอยากจะอธิบายเรื่อง..."

"ฉันต้องเก็บของให้เสร็จก่อน ถ้าจะคุยเชิญที่ร้านอาหารดีไหมคะ ดื่มอะไรสักนิดแล้วก็คุยกันไปด้วย"

ชายหนุ่มที่ใจเต้นตึกตักอยู่รู้สึกโล่งขึ้นมาทันที คลี่ยิ้มกว้าง "ครับ ให้ผมช่วยไหมครับ"

"ไม่เป็นไรค่ะ นี่ก็เสร็จแล้ว เชิญค่ะ"

ธนินเดินตามจารุดาไปทางร้านอาหารของโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารแห่งเดียวกันนั้น ชายหนุ่มไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ห่วงความรู้สึกของจารุดานัก ทั้งที่รู้ว่าคงหมดหนทางเรื่องเจรจาขอซื้อที่ดินแต่กระนั้นก็ยังอยากจะพูดจาปรับความเข้าใจ ที่สำคัญเขายังอยากมาเรียนชั้นเรียนนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะจบหลักสูตร

"คุณจาจะดื่มอะไรดีครับ"

ธนินถามอย่างเอาใจเมื่อทั้งสองเลือกที่นั่งได้แล้ว ที่จริงต้องบอกว่าจารุดาเป็นคนเลือกเพราะเธอเป็นคนเดินไปหยุดยืนตรงที่นั่งข้างกระจกมองออกไปเห็นบริเวณสวนและลานจอดรถ

"ขอเป็นน้ำมะนาวโซดาก็แล้วกันค่ะ"

"งั้นขอน้ำมะนาวโซดาหนึ่ง แล้วก็เอสเปรสโซร้อนหนึ่งนะครับ"

ชายหนุ่มหันไปบอกกับบริกรก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับจารุดาอีกครั้ง ชะงักเมื่อเห็นดวงตาหลังกรอบกระจกนั้น แววมุ่งมั่น แน่วแน่ในดวงตางามคู่งั้นทำให้ธนินเอ่ยอะไรได้ลำบาก เขาพบเจอผู้หญิงมามากหน้าหลายตา พวกเธอแต่ละคนล้วนเปรี้ยวเข็ดฟัน สายตาที่มองชายหนุ่มนั้นเชิญชวนยั่วเย้า หากไม่ทำให้ธนินใจสั่นได้แบบนี้

"คุณมีเรื่องจะคุยกับฉัน"

"ครับ...ผมอยากคุยกับคุณจา เรื่องที่ไอ้...เอ่อ...นายยศกฤตเล่าให้คุณจาฟัง"

"เรื่องที่คุณอยากจะมาตีสนิทฉันเพื่อจะได้เจรจาขอซื้อที่ดินน่ะเหรอคะ"

"คุณจา ผมอยากบอกคุณจาว่าเรื่องที่เจ้าหมอนั่นพูด มันไม่จริงนะครับ"

"หมายความว่าคุณไม่ได้หาทางเข้ามาใกล้ชิดฉันเพราะเรื่องนั้นเหรอคะ"

"มันก็ไม่เชิงครับคุณจา แต่..."

"ช่างเถอะค่ะ ฉันไม่ต้องการคำอธิบายอะไร"

"แต่ผมอยาก เอ่อ...อยากทำความรู้จักกับคุณจาให้มากกว่าจริง ๆ นะครับ"

แล้วคุณเอาจินนี่ ว่าที่คู่หมั้นไปไว้ไปไว้ที่ไหนคะ...คำถามนี้ผุดขึ้นมาในห้วงความคิดของจารุดา หากเพราะคิดว่าธนินเองมีเหตุผลแอบแฝงเรื่องที่ดินเธอจึงเอ่ยไปอีกทาง

"เรื่องที่ดิน ที่จริงฉันคิดเองตัดสินใจเองไม่ได้หรอกนะคะ คงต้องให้คุณยายเห็นชอบด้วย มันคงต้องใช้เวลาสักหน่อย"

"ผมไม่ได้..."

"ค่ะ ตกลงว่าคุณไม่ได้สนใจที่จะคุยเรื่องที่ดินใช่ไหมคะ คุณแค่อยากจะทำความรู้จักกับฉันให้มากขึ้น"

"ใช่ครับ"

หญิงสาวพยักหน้าเชื่องช้าก่อนล้วงเข้าไปในกระเป๋าสะพายหยิบเครื่องมือสื่อสารประจำตัวส่งให้ธนิน เขามองตอบอย่างไม่เข้าใจ จารุดาหลุดหัวเราะออกมา

"ไม่น่าเชื่อนะคะ ผู้ชายที่ดูเหมือนจะรู้จักผู้หญิงมามากอย่างคุณจะไม่เข้าใจ"

ในสายตาของจารุดา เขายังคงเล่นละครได้แนบเนียนดูเหมือนเขาไม่เข้าใจเอาเสียจริงว่าเธอส่งโทรศัพท์ให้เขาด้วยเหตุผลใด

"ถ้าคุณอยากติดต่อฉัน ก็แค่กดเบอร์โทรของคุณ มันก็ง่าย ๆ แค่นี้ไม่ใช่เหรอคะ" จารุดาส่ายหน้าดึงโทรศัพท์ของตนคืนจากธนิน ก่อนแบมืออีกข้าง "หรือไม่อย่างนั้นเอาโทรศัพท์ของคุณมาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะกดเบอร์ฉันให้เอง"

ธนินเหมือนต้องมนต์สะกดคว้าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงส่งให้จารุดาแต่โดยดี เธอชะงักเมื่อมีเสียงเรียกเข้าดังขึ้นก่อนที่จะทันกดหมายเลข

"จินนี่...ใครกันเหรอคะ"

"อ๋อ...เอ่อ...เพื่อนนะครับ ผมขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่นะครับคุณจา"

จารุดาชะงัก ดวงตาหลังกรอบแว่นนั้นกร้าวขึ้นเล็กน้อย...จนป่านนี้เขาก็ยังโกหก หากเพียงครู่ริมฝีปากก็คลี่ออก ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อหญิงสาวยิ้มเต็มหน้า

"เชิญค่ะ ตามสบายนะคะ"

ธนินผุดลุกขึ้นเดินเลี่ยงออกไปหามุมสงบยืนคุยโทรศัพท์ ขณะที่จารุดามองไปทางที่จอดรถ รถยนต์ที่คุ้นตาคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ กระจกรถเปิดกว้างเผยให้เห็นเลนส์ของกล้องถ่ายรูปขนาดใหญ่ที่สามารถถ่ายจากระยะไกลได้

นิคมลดกล้องลงเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินผละไปจากโต๊ะอาหาร ก่อนจรดนิ้วชี้กับนิ้วโป้งยกขึ้นเป็นสัญญาณบอกจารุดาว่า ทุกอย่างเป็นไปตามแผน



ธนินงงเป็นไก่ตาแตกกับท่าทีของจารุดา เธอเปลี่ยนจากเย็นชากับเขาเป็นพูดจาดี ทั้งยังให้หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอไว้กับเขาด้วย หลังจากที่เขาคุยโทรศัพท์รับนัดหมายของสุจิราด้วยความเกรงใจเพราะรายนั้นอ้างว่าแม่ของทั้งสองฝ่ายนัดแนะเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ธนินจึงไม่มีทางอื่นนอกจากยอมตามคู่สนทนา

"คุณจาไม่โกรธผมเรื่องนั้นจริง ๆ เหรอครับ"

"ค่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องโกรธนี่คะ ถ้าคุณยังอยากจะมาเป็นนักเรียนในห้องเรียนของฉัน มันก็เป็นสิทธิ"

"แล้ว ถ้าผมจะชวนคุณจา กินข้าว หรือว่าดูหนังจะเป็นไปได้ไหมครับ"

"เรื่องนั้น เอาไว้ค่อยคุยกันอีกทีดีไหมคะ เรื่องของเรา มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง"

คำว่า 'เริ่มต้น' สำหรับคนสองคนสื่อความหมายที่แตกต่างกันไปคนละทาง คนหนึ่งกำลังจะยอมล้มเลิกแผนการทุกอย่าง ในขณะที่อีกคนกำลังเริ่มต้นวางแผน

สำหรับนิคมที่แอบสังเกตการณ์สองหนุ่มสาวอยู่ที่ลานจอดรถ นี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายที่เขาคงต้องเอาตัวเองเข้าไปพัวพันด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้




กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.พ. 2556, 23:07:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ก.พ. 2556, 23:07:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 2789





<< ตอนที่ 13   ตอนที่ 15 >>
กมลภัทร 1 ก.พ. 2556, 23:10:01 น.
lovemuay >>>> มันไม่ง่ายขนาดนั้นสิครับ

แล่นแต๊ >>>> ไม่รู้งานจะเข้าใครล่ะครับทีนี้

ของขวัญ >>>> อิอิ อันนี้มีนิคมเป็นไม้กันอยู่ คุณยายยังไม่ระแคะครับ รออ่านต่อนะครับ

น้องอุดุ้ง >>>> ทำประการฉะนี้แล...นางเอกคนนี้ไม่ได้กลัวน้อง แต่ถ้ารู้ถึงยาย...ก็ไม่แน่นะครับ


แล่นแต๊ 1 ก.พ. 2556, 23:31:52 น.
หนูจาสู้เค้า อย่ายอมให้ยายจินนี่มาข่ม


lovemuay 2 ก.พ. 2556, 07:12:48 น.
งืม งานนี้พระเอกก็น่าสงสารเหมือนกันแฮะ


ของขวัญ 2 ก.พ. 2556, 14:48:00 น.
หนูจาสู้ๆๆ จัดหนักๆ เลย
คู่น้าขวัญ นี่คงไม่ต้องลุ้นเยอะใช่ไหมคะ มีตัวช่วยอย่างลิลลี่แล้ว ^^


น้องอุด้ง 4 ก.พ. 2556, 10:48:11 น.
"เรื่่องของเราเพิ่งจะเริ่มต้น"..หึๆหนูจาจัดให้เต็มที่เล้ยยย สู้ๆ


nunoi 4 ก.พ. 2556, 12:22:04 น.
เอาใจช่วยหนูจา ด้วยคนค่ะ


นกอุมาพร 5 ก.พ. 2556, 00:12:53 น.
เรื่องนี้ยังไม่ได้อ่านเลยสักตอน ขออ่านตอนแรกก่อนนะ



panon 11 ก.พ. 2556, 13:17:44 น.
จัดการให้อายแบบอบยู่ไม่ได้เลยหนูจา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account