ลุ้นรักให้ตรงใจ
เธอ... เจ้าของร้านกาแฟ

เขา... นายตำรวจหนุ่ม

เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างทำให้ทั้งคู่ได้รู้จักกันโดยบังเอิญ

ปฏิบัติการลุ้นรักของหญิงสาวให้ตรงใจกับชายหนุ่มจึงเริ่มขึ้น

แต่เมื่อทั้งคู่ใจเริ่มตรงใจ ดันมีเหตุอันตรายที่ทั้งคู่ต้องเผชิญ

แล้วแบบนี้รักครั้งนี้จะเป็นยังไงนะ
Tags: ตำรวจ ร้านกาแฟ

ตอน: บทที่ 10 (ลุ้นรัก... 1)

บทที่ 10
(ลุ้นรัก 1)

“ร้านยอดข้าวสวัสดีค่ะ”

เสียงใสของเจ้าของร้านเอ่ยต้อนรับลูกค้ารายแรกของวันและเป็นลูกค้าคนแรกเข้ามาอุดหนุนร้านยอดข้าวที่กลับมาเปิดให้บริการ เจ้าของร้านกระตือรือร้นเป็นพิเศษและตื่นเต้นเมื่อได้กลับมาทำในสิ่งที่รักอีกครั้ง

ดลินาเพิ่งย้ายกลับมานอนที่บ้านตัวเองเมื่ออาทิตย์ก่อน เพราะต้องไปนอนโรงพยาบาลมาเกือบ 3 เดือน และต้องไปนอนที่บ้านเพื่อนรักเพื่อความปลอดภัยของตัวเองอีกครึ่งเดือน เกือบ 4 เดือนที่เธอไม่ได้กลับบ้านของตัวเอง ดลินาต้องจัดการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่เพราะฝุ่นเยอะพอสมควร โดยมีคนตัวโตอยู่ช่วยทำความสะอาดจนบ้านและร้านกลับมาน่าอยู่เหมือนเดิม

นึกถึงเมื่อสี่วันก่อนดลินาก็เหนื่อยใจ เพราะผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่งแปลงร่างกลายเป็นเด็กน้อยร้องกระจองอแง จะขอมาอาศัยอยู่ด้วยเหมือนเดิม... แต่ดลินาไม่ยอม ครั้งที่แล้วที่ยอมให้มาอยู่ด้วยเพราะเป็นเหตุจำเป็น และเธอไม่ต้องการให้คนรอบข้างต้องเป็นกังวล แต่ตอนนี้เรื่องทั้งหลายก็ผ่านไปได้ด้วยดี

ข่าวของลูกชาย สส. อดีตนายตำรวจระดับสูงผ่านมาแล้วหลายวัน แต่ก็ยังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง ทุกคนต่างตั้งข้อสังเกตไปต่างๆ นานาถึงอนาคตของนายก้องภพ แม้แต่ดลินาเองก็คิดเหมือนกันว่าระบบยุติธรรมจะจัดการนายก้องภพอย่างไร

‘หลักฐานแน่นหนาขนาดนั้น ต่อให้ติดปีกก็รอดยากครับ’

เสียงหนักแน่นของชายหนุ่มยืนยันอย่างมั่นใจ แต่หญิงสาวกลับไม่คิดว่าเรื่องมันจะง่ายแบบนั้น เฮ้อ! เรื่องบางเรื่องก็ยากเกินความสามารถที่คนอย่างเธอจะเข้าใจได้ เสียงกรุ๊งกริ๊งที่หน้าร้านเรียกความสนใจของดลินาได้อีกครั้ง ร่างเล็กสมส่วนของผกาวดีในชุดนักศึกษาเต็มยศเดินยิ้มหน้าแป้นเข้ามาในร้าน

“พี่ข้าวสวัสดีค่ะ เป็นไงบ้างเปิดร้านวันแรกตื่นเต้นป่ะ”

“ตื่นเต้นสิจ้ะ... ว่าแต่มีอะไรแม่ตัวยุ่ง”

“โหยใจร้ายอ่ะ เขาอุตส่าห์มาหาด้วยความคิดถึง”

“หรอจ๊ะแหม่! ไม่บอกไม่รู้นะเนี้ย นั่งก่อนสิอยากกินอะไร”

“เลี้ยงป่ะล่ะ”

“กินไม่อั้น ตังค์ไม่ต้องจ่าย โอเคป่ะ”

“พี่ข้าวน่ารักที่สุดเลย ถ้าอย่างนั้นเอาโกโก้เย็น ขนมปังเนยนม เค้กส้ม แล้วก็พุดดิ้งชาเขียว”

“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ กะให้พี่ขาดทุนเลยหรือไง”

ดลินามองค้อนแม่ตัวยุ่งแต่ก็ทำตามที่ผกาวดีต้องการ ส่วนคนสั่งก็ลอยหน้าลอยตาเดินมานั่งตรงเก้าอี้ตัวสูงข้างเคาท์เตอร์ อย่างอารมณ์ดี

“พี่ข้าวถามไรหน่อยสิ... ได้ข่าวมาว่าไม่ยอมให้ผู้กองเข้าบ้านหรือคะ”

“ไปฟังใครมา! ไม่ใช่สักหน่อย”

ดลินาร้องเสียงสูงทิ้งงานที่ทำตรงหน้าทุกอย่าง ผกาวดีกลั้นหัวเราะเต็มที่เพราะหน้าตาของพี่สาวคนนี้ตลกสุดๆ เดี๋ยวหน้าซีด เดี๋ยวหน้าแดง

“เห็นพี่แยมบอกว่าไม่ยอมให้เข้าบ้าน ผู้กองเลยงอนแก้มป่องเลยหนิคะ”

“ยายต้อมไม่ต้องไปเชื่อยายแยมขนาดนั้นก็ได้... ใส่สีตีข่าว”

“แต่ต้อมว่าสำนักข่าวแยมน่าเชื่อถือนะ ดูอย่างเสนอข่าวเรื่องพี่กับผู้กองครั้งที่แล้วสิ ตรงประเด็นทุกประการ”

ผกาวดีหัวเราะร่วน แต่คนฟังไม่ขำด้วย หันไปชงโก้โกให้แม่ตัวยุ่งแต่ไม่วายเหน็บเข้าไปหนึ่งที

“ยายเด็กแก่แดด”

“โหย... แรงอ่ะ พี่ข้าวใจร้าย”

“ว่าแต่พี่ใจร้าย เราเองก็ใจร้ายเหมือนกัน”

“เค้าใจร้ายตรงไหน”

“ทำไมไม่เห็นเข้าข้างพี่บ้าง ทำไมใครๆ ก็เข้าข้างคุณศิลาเขาหมดเลยล่ะ”

“ก็ผู้กองเขารูปก็งาม วาจาก็งาม กิริยามารยาทก็งาม งามไปเสียทุกอย่าง”

“น่าหมั่นไส้! ถ้างามเสียขนาดนั้นไม่จีบเขาเลยล่ะจ๊ะ”

ดลินาถามพร้อมกับวางแก้วทรงสูงที่ใช้เป็นภาชนะใส่โกโก้ ผกาวดีคว้าแก้วโกโก้รสชาติเข้มข้นใช้หลอดดูดเข้าไปอึกใหญ่ ก็จะทำหน้าทะเล้นประกอบท่าทางตอบพี่สาวคนสวย

“ไม่เอาค่ะ จีบไม่ติดหรอก... อีกอย่างไม่อยากจีบคนมีเจ้าของแล้ว ไม่อยากให้ใครบางคนอกหัก เดี๋ยวเรื่องมันเศร้าดราม่า”

ดลินาหัวเราะร่วนให้กับความทะเล้นของแม่ตัวยุ่ง ไม่ว่าอย่างไรเธอก็โกรธน้องสาวคนนี้ไม่ลงเสียที... น่ารักขนาดนี้ใครจะไปโกรธลง

“แต่อย่าเพิ่งชวนออกนอกเรื่อง ตกลงไม่ให้ผู้กองเข้าบ้านจริงหรอคะ”

“ถ้าไม่ได้คำตอบที่พอใจไม่เลิกใช่มั้ย”

“ถูกต้องนะคะ... พี่ข้าวก็รู้อยู่ว่าตื้อไม่เลิก เพราะฉะนั้นบอกมาเสียดีๆ”

“จริงๆ เลยแม่คนนี้... ตอนนี้เหตุการณ์ไม่น่าเป็นห่วงอะไรมากแล้ว ก้องภพก็นอนอยู่ในคุก คงไม่มีใครคิดมาทำร้ายพี่ ผู้กองเขาก็ไม่ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนพี่แล้ว”

“ไม่คิดว่าอยากให้มาอยู่เป็นเพื่อนกันตลอดชีวิตหรอคะ”

เมื่อเจอคำถามนี้ไปดวงหน้ารูปหัวใจก็เริ่มเป็นสีระเรื่อก่อนจะกลายเป็นแดงแจ๋ มือสองข้างที่วางจานขนมที่เหลือเสร็จก็ยกขึ้นมาแนบแก้มร้อนๆ ของตน

“นั้นแน่! หน้าแดงแจ๋เลย ฮะฮะฮ่า... พี่ข้าว มาละเว้ย มาละว้า แต่งงานกันเด้อ เด้อเด้อนางเด้อ แมรี่มีเด้อ แมรี่มี สามีซื้อเงินสด รถซื้อเงินผ่อน อะ อยะ อยากแต่งงาน วี๊วๆ”

ผกาวดีร้องเพลงแหย่อย่างชอบใจ แล้วลุกมาเต้นประกอบครบชุด... งานนี้มีลุ้นไม่ปฏิเสธ แสดงว่าคิดอยู่เหมือนกัน งานนี้ต้องแทคทีมร่วมกับพี่แยมวางแผนปฏิบัติการเลื่อนสถานะจากว่าที่พี่เขยมาเป็นพี่เขยเต็มตัวเสียแล้ว

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดลินามองผู้ชายตัวโตนั่งหน้าตูมตรงหน้าแล้วเหนื่อยใจ ศิวกรมานั่งทำหน้าบึ้งได้ครึ่งชั่วโมงพอดิบพอดี เขาเข้ามาตอนที่เธอกำลังจะปิดร้านเลยจัดแจงทำหน้าที่อย่างที่เคยเป็นประจำเหมือนตอนอยู่ด้วยกัน

“เป็นอะไรคะ ทำไมทำหน้ามู่ทู่อย่างนั้นล่ะ”

“งอนคนน่ะครับ”

“ตัวเบ้อเร่อ ทำไมใจนิดเดียวเองล่ะคะ”

“ก็คุณน่ะใจร้าย ไล่ผมออกจากบ้านให้ไปนอนเหงาอยู่คนเดียว”

“แน๊! ก็คุณสัญญาว่าพอเรื่องจบก็จะย้ายออกอย่างไรล่ะคะ เราตกลงกันแล้วนี่”

“ยกเลิกสัญญาฉบับเก่า... ขอร่างสัญญาฉบับใหม่แทนได้หรือเปล่าครับ”

“ตอนนี้ไม่มีโครงการค่ะไม่ร่างสัญญา”

“หมายความว่าถ้ามีโครงการก็เปิดร่างสัญญาใหม่ใช่หรือเปล่าครับ”

ศิวกรกระตือรือร้น ดวงตาสีนิลนั้นระยิบระยับจนคนเอ่ยเรื่องสัญญาเริ่มระแวง เธอไม่อยากคิดต่อว่าโครงการที่ว่านี่คืออะไร... ต้องเปลี่ยนเรื่องโดยด่วนเพื่อสวัสดิภาพของหัวใจ

“เรื่องของก้องภพไปถึงไหนแล้วคะ”

“คดีอยู่ในชั้นศาลครับ ทางพ่อของนายก้องภพเต้นน่าดู”

“ต่อให้เลวร้ายขนาดไหนยังไงก็เป็นลูก คนเป็นพ่อไม่มีทางปล่อยให้ลูกต้องลำบากหรอกค่ะ”

“ถึงรักแค่ไหน... ผิดก็ว่าไปตามผิดครับ ผมเข้าใจไอ้เรื่องที่พ่อแม่ต้องรักลูก แต่เลี้ยงลูกยังไงให้เป็นคนแบบนี้ ผมตามนายก้องภพด้วยความลำบากยากเย็นมากว่า 5 ปี นอนกลางดินกินกลางทราย เสี่ยงอันตรายมาเยอะ แถมยังบั่นทอนจิตใจอย่างหนัก ผมไม่ยอมให้นายก้องภพรอดไปได้ง่ายๆ แน่นอน”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ศิวกรยังโมโหไม่หาย รู้อย่างนี้ตอนเข้าจับกุมน่าจะแถมให้ที่ขาหนึ่งนัด และที่แขนอีกหนึ่งนัด เขามองหญิงสาวที่ตอนนี้เคลื่อนไหวร่างกายได้เป็นปรกติอีกครั้ง ข้อมือซ้ายที่หักกระดูกก็สมานกันดีแล้ว
“ข้อมือยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ”

“ไม่เจ็บแล้วค่ะ แต่ก็ยังรู้สึกขัดๆ อยู่บ้างแต่อีกไม่นานก็คงจะหาย”

“แล้วร่างกายก็ไม่มีปัญหาเหมือนกันนะครับ”

“ไม่มีค่ะหายดีแล้ว กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิน ตอนนี้ท้าคุณวิ่งแข่งยังได้เลย”

ดลินาชวนอย่างนึกสนุก

“ดีเหมือนกัน ไปลองรำไทเก๊กดูสักรอบไหมครับ เผื่อคุณจะชอบ”

“ลองดูก็ได้ค่ะ ตอนนั้นเห็นคุณรำไทเก๊กท่าสวยดี ก็นึกอยากลองดูบ้าง”

“อ้าวเห็นผมรำด้วยหรอครับ ตอนนั้นนึกว่าคุณจำผมไม่ได้เสียอีก”

กรรม! ความเสี่ยงที่เรื่องน่าอายจะแตกมีความเป็นไปได้สูง... ดลินาเริ่มออกอาการลุกลี้ลุกลน ศิวกรหรี่ตาลงอย่างจับผิด เมื่อเห็นท่าไม่ดีดลินาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี เพราะถ้าเขาเปิดคดีสอบสวนเธอขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็สงสัยงานนี้ถูกรีดความจริงจนหมดตัวแน่ๆ เรื่องน่าอายแบบนั้นอย่าให้เขารู้จะดีกว่า

“เวลาตำรวจเขาสืบคดีกันแต่ละครั้งต้องทำแบบคุณด้วยหรือเปล่าคะ”

“ทำแบบไหนครับ”

“ก็ไอ้ที่ต้องปลอมตัว แล้วแฝงเข้าไปในหมู่คนร้าย ตีซี้จนเป็นคนสนิท แล้วก็เข้าจับกุมในที่สุด แบบในหนังน่ะค่ะ”

“มันแล้วแต่กรณีไปครับ แต่แหม่จะให้เก่งแบบเจมส์ บอนด์ก็ไม่ไหวนะครับ กว่าจะเก่งได้ขนาดนั้นต้องฝึกหนักพอสมควรเลยแหละครับ”

“นั้นสินะคะ... หิวหรือยังคะ ข้าวปล่อยให้คุณรอนานเลย”

ดลินาถามเมื่อจัดแจงเก็บอุปกรณ์ต่างๆ เข้าที่เรียบร้อยแล้ว

“หิวเหมือนกันครับ ท้องร้องจ๊อกๆ เลย”

ศิวกรตอบน้ำเสียงออดอ้อนขอความเห็นใจ ดลินามองคนตัวโตแล้วไม่รู้ว่าจะขำหรือร้องไห้ดี เธอเดินขึ้นไปที่ชั้นสามเพื่อหยิบกระเป๋าเตรียมตัวออกไปข้างนอก โดยมีศิวกรเดินตามมานั่งรอที่ชั้นสองเปิดโทรทัศน์ดูอย่างคุ้นเคย ทำตัวตามสบายเหมือนเจ้าของบ้าน

รอไม่นานร่างบางในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีชมพูหวานกางเกงยีนต์สีซีดตัวเก่งเดินยิ้มหวานลงมาจากชั้นสอง ศิวกรมองอย่างปลื้มใจ... ก็ใครใช้ให้แฟนผมน่ารักล่ะครับ

“ไปกันหรือยังคะ”

ศิวกรพยักหน้ารับ เขาปิดโทรทัศน์เดินเข้าไปหาหญิงสาวก่อนจะรั้งร่างบางเขากอด ดลินาแม้จะไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไร แต่ก็ยอมให้เขากอดโดยดีแถมยังกอดเขาตอบแนบหน้าลงกับอกกว้างอย่างพึงใจ เธอชอบอ้อมกอดของเขาเหลือเกิน

“ไม่ได้เจอตั้งหลายวันคิดถึงครับ แถมงานก็ยุ่งแสนยุ่งอยากจะเติมพลังให้แก่จิตใจหน่อยน่ะครับ”

“ข้าวเห็นคุณเงียบไปหลายวันนึกว่าไม่อยากเห็นหน้ากันแล้วเสียอีก”

“ใครบอกครับ... แค่ไม่เห็นหน้าแค่วันเดียว จิตใจห่อเหี่ยวไม่มีแรงทำงานเลยครับ หมดกำลังใจ”

มาแล้วไงคำพูดเลี่ยนชวนขนลุกแบบนี้ ยืนยันว่าเป็นศิวกรร้อยเปอร์เซ็นไม่ใช่ใครปลอมตัวมาแน่นอน

“ช่วงโปรโมชั่นหรือเปล่าคะ พอหมดโปรก็คงเบื่อหน้ากัน”

“โปรโมชั่นของผมเป็นแบบเหมารวมใช้ได้ตลอดชีวิตนะครับ แถมบริการเสริมมีเพียบ พนักงานคนนี้ให้บริการด้วยใจครับ”

ว่าแล้วก็หอมแก้มนวลเข้าไปอีกหนึ่งที คนตัวเล็กเลยแจกค้อนให้คนตัวโตหนึ่งวงใหญ่ ดันตัวเองออกจากอ้อมแขนของเขาเพราะกลัวว่าจะโดนรังแกมากไปกว่านี้ ศิวกรมองดลินาตาละห้อยดลินาเห็นแล้วพานให้นึกถึงเหมือนลูกหมาตัวน้อยกำลังมองออดอ้อนขอหาอาหารไม่มีผิด

“หิวข้าวไม่ใช้หรือคะ ไปเร็วไปทานข้าวกัน”

ดลินาเดินไปจูงมือเด็กชายศิวกรให้ลงบันไดไปด้วยกัน ออกจากร้านทางประตูหลังรอจนศิวกรจัดการปิดประตูลงกรเรียบร้อยแล้วจึงเดินไปที่รถสีเลือดหมูของศิวกรพร้อมกัน หลังจากขับรถออกไปได้สักพักศิวกรก็เป็นคนทำลายความเงียบก่อน

“วันนี้คุณต้องทานให้เยอะๆ หน่อยนะครับ ผมว่าคุณผอมกว่าเมื่อก่อนมาก”

“ไม่ชอบผู้หญิงผอมๆ หุ่นสวยเหมือนนางแบบหรือคะ”

“ถ้าชอบอย่างนั้นหาแฟนเป็นนางแบบนานแล้วครับ ผมชอบแบบที่มีน้ำมีนวลมากกว่าเวลากอดแล้วนุ่มดี”

“แล้วถ้าฉันกินจนอ้วนเป็นหมูล่ะคะ”

“นั้นก็ยิ่งดีสิครับ ผมยอมกอดแล้วเจอไขมันดีกว่ากอดแล้วเจอแต่หนังหุ้มกระดูก”

“เคยลองกอดมาหมดแล้วหรอคะ ถึงรู้ว่าแบบไหนที่ชอบ”

“อย่าดูถูกนะครับเห็นอย่างนี้ผมเสน่ห์แรงนะครับ ตอนอยู่ชายแดนมีแต่คนอยากจะยกลูกสาวให้ พอมาอยู่ในเมืองสาวๆ ก็มาเสนอตัวให้พิจารณาถึงที่เลย”

“อย่างนั้นหรอคะ ดีจังเลยนะคะเสน่ห์แรง”

ดลินาชักเริ่มฉุน น้ำเสียงออกแววประชดประชัน เธอรู้ว่าศิวกรเป็นคนหน้าตาคมคาย นิสัยดีเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้วที่สาวๆ จะมารุมชอบ... แต่เธอหึงนี้

“อย่าเพิ่งหึงสิครับ... ถึงสาวๆ จะเข้าหาเยอะแต่ผมไม่เคยเกินเลยกับใครเลยนะครับ”

“ให้มันจริงเถอะค่ะ ถ้าจับได้ว่าแอบมีกิ๊กรับรองแหลกกันไปข้าง”

“โอ้โห... นอกจากจะขี้หึงแล้วยังโหดอีกด้วย”

“เคยบอกแล้วนี่คะว่าข้าวน่ะขี้หึง”

“ผมไม่ลืมหรอกครับจำแม่นเชียว ว่าแต่ขับรถมาตั้งไกลทานอะไรกันดีครับ”

“อยากทานชาบูชาบูค่ะ ไปร้าน... แถวพระราม 3 กันดีกว่าค่ะ ข้าวอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตเขาบอกว่าชาบูชาบูร้านนี้อร่อย ราคาก็ไม่แพงเป็นบุฟเฟ่ด้วย”

“โอเคครับ... ตามใจเจ้าหญิงอยู่แล้วครับ”

รับคำสั่งจากเจ้าหญิงเรียบร้อยศิวกรก็จัดการเลี้ยวรถตามที่หญิงสาวบอกทันที

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นปลุกให้ร่างสูงเพรียวของคุณหมอสาวตื่นจากนิทรารมย์อันแสนหวาน วันนี้รจนาเข้านอนแต่หัววันเนื่องจากเหน็ดเหนื่อยจากงานมาทั้งวัน ถึงแม้พยายามฝืนแค่ไหนสุดท้ายก็สู้เสียงเรียกร้องจากร่างกายที่ต้องการการพักผ่อน

รจนาเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ทั้งที่ยังซุกหน้าอยู่กับหมอน ควานหาอยู่นานก็ยังไม่เจอ สุดท้ายต้องยอดผงกหัวขึ้นมองหาโทรศัพท์ก่อนกดรับสายเสียงงัวเงียอย่างคนเพิ่งตื่น

“ฮัลโหลค่า... รจนาพูดสายค่ะ”

“พี่แยม... ต้อมเองนอนแล้วหรอคะ ขอโทษด้วย”

“มีอะไรยายต้อมโทรมา พี่กำลังนอนได้ที่เลย”

“ขอโทษค่ะพี่แยม พอดีต้อมมีเรื่องปรึกษาเลยโทรมา แต่ถ้าพี่แยมเข้านอนแล้วต้อมไม่รบกวนดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรมาใหม่ก็ได้”

“ปรึกษาเรื่องอะไร”

แล้วเรื่องที่ผกาวดีจะขอปรึกษาเธอนั้นเมื่อรจนาได้ยินความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง ตาโตลุกวาวเหมือนกำลังจะได้ของเล่นที่ถูกใจ

“เรื่องพี่ข้าวกับผู้กองศิลาค่ะ”



TooMMeng
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2556, 23:18:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2556, 23:18:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1164





<< บทที่ 9 (ตามล่า... 4)   บทที่ 10 (ลุ้นรัก... 2) >>
Auuuu 7 ก.พ. 2556, 00:13:37 น.


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account