ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 12.

บทที่ 12

ลงจากเวทีงานอีเวนท์ที่จัดในห้างกลางกรุงมาแล้ว ปวุฒิก็เจอกองทัพนักข่าวที่มาทำข่าวสินค้าที่จ้างเขามาทำงานดักรอถามถึงข่าวคาวที่เกิดขึ้น นั่นก็คือข่าวว่าขวัญชีวีกำลังเป็นอื่น และขวัญชีวีก็กำลังแย่งชิงผู้ชายของณิชกานต์ ซึ่งข่าวนี้มีผลกระทบกับเขาโดยตรง เขาต้องตอบคำถามและต้องตอบให้ดีที่สุดด้วย...

“รู้เรื่องที่ขวัญโพสต์รูปเพื่อนชายของคุณนิดกับครอบครัวที่หน้าบ้านแล้วใช่ไหมคะ”

“เขาชื่อคุณมาร์คครับ เป็นคนมาเลเซีย ครอบครัวคุณมาร์คกับครอบครัวของขวัญสนิทสนมกันมานานแล้วครับ คุณยายของขวัญเป็นนักเรียนเก่าปีนัง เลยรู้จักกับครอบครัวคุณมาร์ค แล้วตอนนี้ญาติผู้ใหญ่ของคุณมาร์คเขามาเที่ยวเมืองไทย พักที่บ้านของขวัญด้วย คุณมาร์คก็เลยไปทำบุญใส่บาตรที่หน้าบ้านของขวัญครับ”

“แล้วคุณมาร์คพักที่บ้านของคุณขวัญหรือเปล่าคะ”

“พักโรงแรมครับ เพียงแต่ว่าตอนเช้า คุณมาร์คไปใส่บาตรด้วยเท่านั้นครับ”

“คุณมาร์คนี่ คุณนิดนี่คบหากันแบบไหนพอรู้ไหมคะ”

“เรื่องนี้ต้องถามเจ้าตัวเขาเองครับ ผมไม่รู้เรื่องอะไรหรอกครับ แต่กับมาร์คก็เคยเจอกันครับ กับญาติของคุณมาร์ค ผมก็รู้จักเป็นอย่างดีครับ”

“ยังหวานชื่นกับคุณขวัญอยู่นะครับ”

“ครับยังหวานชื่นกันดีอยู่ ยังมีงานด้วยกันครับ เดี๋ยวจะมีงานถ่ายแบบขึ้นปกด้วยกันเร็ว ๆ นี้ด้วย..ระหว่างผมกับขวัญยังเหมือนเดิมครับ เรายังเข้าใจกันดีครับ...ขอบคุณนะครับ”

ขอตัวจากนักข่าวแล้วปวุฒิก็เดินกลับมาที่รถ ตั้งใจว่าจะกลับร้าน แต่ว่าเขาก็รู้สึกระแวงความสัมพันธ์ระหว่างขวัญชีวีกับหลินฮันหมิง เมื่อเช้านี้เขาโทรไปหายายแน่งน้อยเพื่อจะชวนให้คุณยายแน่งน้อยพาคุณย่าหลินซิ่วอินมาทานอาหารที่ร้านของเขาก่อนจะกลับปีนัง เขาถามถึงขวัญชีวีว่าออกไปทำงานหรือยังและเขาก็ได้คำตอบที่แสนปวดหัวใจว่า ตอนนี้ขวัญชีวีออกไปพร้อมกับหลินฮันหมิงซึ่งตื่นแต่เช้าเพื่อมาใส่บาตรกับย่าเล็กที่หน้าบ้าน...

ช่างเป็นวิธีการจีบสาวที่แยบยลเสียจริง ๆ และการที่เขาโทรเข้าเครื่องของขวัญชีวี ในขณะที่มั่นใจว่าหญิงสาวกำลังขับรถให้หลานชายของคุณย่าหลินซิ่วอินนั่งอยู่นั้น ก็เพื่อจะฟังน้ำเสียงของขวัญชีวี อยากจะดูว่าในน้ำเสียงนั้นมีพิรุธอะไรไหม แต่ขวัญชีวีก็พร้อมจะเอ่ยชื่อของเขาออกไปให้อีกฝ่ายได้ยิน...

เขารู้สึกสับสนกับขวัญชีวี หญิงสาวทำเหมือนว่าไม่มีใจให้กับหลินฮันหมิง แต่ทำไมหญิงสาวอยากจะเลิกกับเขา และปวุฒิก็อยากจะรู้ว่าภาคบ่ายนี้ขวัญชีวีจะไปไหนๆ กับหลินฮันหมิงอีกหรือเปล่า เขาตัดสินใจโทรหากนกอรซึ่งวันนี้นัดพบกับขวัญชีวีที่อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท แอลวีอาร์ มาร์เก็ตติ้ง

“ผมเสร็จงานแล้วครับ กำลังจะไปกองถ่าย พี่อรกับขวัญอยู่ไหนแล้วครับ...ยังอยู่ที่ตึกเหรอครับ เรื่องงานเรียบร้อยแล้วนะ แล้วจะเดินทางไปมาเลเซียเมื่อไหร่ ผมจะได้เคลียร์คิว”

“ยังไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ รอบริษัทโปรดักชั่นเฮ้าส์คอนเฟิร์มอีกที แต่คงจะเร็ว ๆ วันนี้แหละ ต้องประสาน งานกับทางการของมาเลเซียด้วย คือมันมีฉากเอ้าท์ดอร์หลายฉาก งานนี้ไม่ได้กินหมูหรอกปุ้ม ยิบย่อยอยู่เหมือนกัน ใช้งานขวัญคุ้มเลยทีเดียว” นอกจากถ่ายโฆษณาแล้วภายในหนึ่งปีที่รับเป็นพรีเซนเตอร์ ขวัญชีวีจะต้องเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเวอซ่าดีโก้ มาเลเซีย อีกหลายงาน และยังมีแคมเปญร่วมกับฝ่ายการตลาดของบริษัท แอลวีอาร์ มาร์เก็ตติ้ง ดึงกลุ่มลูกค้าให้หันไปสนใจประเทศที่ผลิตสินค้าด้วย โดยแคมเปญหนึ่งคือส่งฝา กล่องผลิตภัณฑ์ไปยังรายการเกมโชว์ที่เวอซ่าดีโก้เป็นสปอนเซอร์ชิงรางวัลเที่ยวมาเลเซียกับขวัญชีวี

“เสร็จงานแล้วไปฉลองที่ไหนกัน อย่างไรก็อย่าลืมครัวปวุฒินะครับ”

“จ้า...ไม่ลืมหรอก แค่นี้นะปุ้ม ค่อยคุยกัน”

กนกอรวางสายลงแล้วปวุฒิก็ถอนหายใจออกมา


กระทั่งขับรถถึงกองถ่ายละคร ปวุฒิก็เจอณิชกานต์ที่นั่งท่องบทรอเข้าฉากอยู่ที่ม้านั่งใต้ร่มไม้ ณิชกานต์ยิ้มให้เขา และเมื่อเขาเดินไปหาณิชกานต์ก็กระเซ้าว่า

“หน้าตาดูไม่ได้เลย มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ”

“มีนิดหน่อยเรื่องเดิม ๆ”

“รั้งไว้ไม่ไหวก็เลิกดีกว่าค่ะ รักคนที่เขารักเราดีกว่านะคะ” น้ำเสียงทีเล่นทีจริงนั้นดวงตาแพรวพราวนั้นจะพบเห็นได้ในตัวณิชกานต์อยู่เสมอ

“เอาอย่างนั้นนะ”

“นิดยังว่างอยู่นะคะ อย่างไรก็อย่าลืมเก็บเอานิดไปพิจารณานะคะ..” ตาคู่สวยของณิชกานต์กะพริบถี่ ๆ ตอกย้ำว่าหญิงสาวนั้นไม่ได้คิดจริงจังอย่างที่พูด...

“ขอบคุณนิดมาก”

ว่าแล้วปวุฒิก็ถอนหายใจเบา ๆ

“รักมากก็ทุกข์มากนะคะ ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย” ณิชกานต์พูดอย่างคนที่เคยมีความรักแล้วประสบปัญหาความรักมาก่อน ผู้ชายสามคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตช่วงที่เธอเข้าวงการมาแล้ว นำความเจ็บปวดมาให้เธอ พระเอกคนแรกที่คบกับเธอตอนนี้เขาก็แต่งงานไปแล้ว แต่งกับนางเอกต่างค่ายมีลูกด้วยกันหนึ่งคน

ส่วนนายแบบคนนั้นก็มีแต่เปลือกคิดเกาะเธอดัง และสุดท้ายเธอก็จับได้ว่าเขาใช้ร่างกายไต่เต้าจนมีวันนี้ และเมื่อเธอรู้ เธอกับเขาก็เลิกรากันไป ต่างกันคนต่างเดินบนเส้นทางสายนี้ ณิชกานต์ปล่อยใจให้ว่างเปล่าอยู่นาน

กระทั่งมีลูกหลานไฮโซชื่อสั้น ๆ ว่า ‘กฤตย์’เข้ามาในชีวิตติดพันอยู่พักใหญ่เป็นข่าวเกรียวกราวสร้างความอิจฉาให้เพื่อน ๆ ในวงการเพราะคิดว่าเธอกำลังจะตกบ่อทอง แต่สุดท้ายเพราะว่าพื้นฐานของเธอเพียงลูกชาวบ้านธรรมดา ไม่มีเงินเป็นพัน ๆ ล้าน พ่อกับแม่ของเขาจึงบังคับให้เขาไปแต่งงานกับหญิงสาวที่มีฐานะเสมอกันจนได้

...และเธอก็ทำตัวว่างเปล่ารับผิดชอบงานแสดงไปอย่างเรื่อยเปื่อย หวังว่าสักวันจะมีผู้ชายสักคนที่รักเธอจริง ๆ และเธอก็รักเขาจริง ๆ เข้ามาในชีวิต แต่บางครั้งยิ่งเดินหากลับรู้สึกว่ายิ่งเหนื่อย จนวันนั้นเธอได้เจอกับมาร์ค เธอรู้สึกสะดุดในรูปพรรณสัณฐานของเขา อาจจะเรียกว่ารักแรกพบก็ได้ แต่เขาก็ทำเป็นประเภทเชิดหยิ่งหล่อเลือกได้ขึ้นมาเสียอีก ถ้าไม่เพราะนึกสนุกอยากบริหารเสน่ห์ ถ้าไม่อยากช่วยปวุฒิ เธอก็จะไม่เข้าไปวุ่นวายกับเขาและขวัญชีวีอีก

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านิดจะมีความคิดดี ๆ แบบนี้”

“แหม พูดอย่างกับว่าคาแรคเตอร์ของนิดเป็นคนเปล่ากลวงอย่างนั้นแหละ”

“ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย” ปวุฒิทวนคำพูดของณิชกานต์เมื่อครู่นี้อีกรอบ...สีหน้าของเขาครุ่นคิดตาม ณิชกานต์มองเสี้ยวหน้าไทยแท้ของเขาแล้วยิ้มบาง ๆ ถ้าชอบปวุฒิเธอก็ชอบตรงจมูกและรอยยิ้มของเขา ถ้าเป็นมาร์คก็เป็นที่ดวงตา ไรผม ผิวพรรณ และส่วนสูงของเขา แต่ถ้าเลือกได้เธอก็ขอเลือกหนุ่มไทยที่ชื่อปวุฒินี่แหละเพราะเขาเป็นคนที่ทำให้ณิชกานต์รู้สึกอบอุ่นหัวใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“เขาเป็นเนื้อคู่กับเรา เดี๋ยวเขาก็ต้องวิ่งเข้ามาหาเราเองค่ะ...”

“พอเหนื่อยแล้วถึงคิดได้ใช่ไหม”

“การได้วิ่งไปทั่ว ๆ มันก็เป็นเรื่องสนุกอยู่เหมือนกันนะคะพี่ปุ้ม ในเรื่องที่มันไม่ดี มันอาจจะมีเรื่องดี ๆ เข้ามาก็ได้ อย่างน้อยตอนที่เหงา ๆ ตอนที่เศร้า ๆ นิดก็ยังเหลือบไปเห็นว่าในห้องนอนมีหนังสือธรรมะที่ได้มาจากงานศพวางอยู่ แต่ใจดวงนี้มันทำอย่างที่ศาสนาอยากให้เป็นไม่ได้ง่าย ๆ หรอกค่ะ...”

“เตรียมตัวตอบคำถามนักข่าวไว้บ้างหรือยัง วันนี้พี่เจอแล้วนะ...เดี๋ยวก็คงแพร่ภาพในโทรทัศน์ในเน็ตในหนังสือพิมพ์”

แล้วปวุฒิก็เล่าว่าเขาตอบคำถามไปอย่างไร

“ถ้าไมค์มาจ่อปากนิด นิดก็จะบอกว่ามาร์คเป็นญาติของขวัญ แล้วกับนิดก็เป็นเพื่อนกัน เพราะเราแค่กินด้วยกัน และก็เที่ยวด้วยกัน ก็มันแค่นั้นจริง ๆ แค่นี้ก็จบแล้ว แล้วมันก็หายไปกับสายลม แสงแดด และเมฆฝน พี่ยังไม่ชินกับเรื่องบ้าบอคอแตกระหว่างวันของคนบันเทิงอีกเหรอคะ”

“เหมือนจะชิน...” ถอนหายใจอีกทีปวุฒิก็ขอตัวไปแต่งหน้าโดยณิชกานต์มองตามไปอย่างหมายมั่นว่า เมื่อพลาดจากมาร์คแล้ว เธอจะลองตามตื้อปวุฒิดู เพราะกว่าละครเรื่องนี้จะถ่ายทำเสร็จหรือกว่าเรื่องระหว่างเขากับขวัญชีวีจะจบ เธอคงมีโอกาสใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาอีกไม่น้อย...



อันที่จริงในมื้อเที่ยงวิศรุตและหลินฮันหมิงก็ชวนทั้งกนกอรและขวัญชีวีไปเลี้ยงฉลองที่ได้ร่วมงานกันแต่ว่าขวัญชีวีปฏิเสธเพราะว่ากนกอรนั้นมีธุระต้องรีบไปจัดการ หญิงสาวก็เลยหาข้ออ้างว่ามีงานเช่นกัน

ขณะที่นั่งรถที่เข้าตรวจเช็คสภาพการใช้งานอยู่ในศูนย์บริการ ขวัญชีวีก็ได้รับโทรศัพท์จากช่างแต่งหน้าจากกองละครวุ่นรักวิวาห์ลวงที่ปวุฒิทำงานอยู่...

“หมู่นี้ดูเหมือนปุ้มกับนิดจะสนิทสนมกันมาก คุยกันตลอดเลย พี่ว่าได้กลิ่นไม่ดีซะแล้วนะขวัญ แล้วพี่ว่าอีกไม่เท่าไหร่ จะต้องมีข่าวปูดไปจากกองถ่ายแน่ ๆ ว่า ทั้งคู่นะสนิทสนมกันเกินบทพี่น้อง...”

ขอบคุณพิราบส่งข่าวแล้วขวัญชีวีก็ครุ่นคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเป็นการตบหน้าของเธอนี้...และขวัญชีวีก็นึกขึ้นมาได้ว่า วรรณรดานั้นรู้สึกอย่างไรกับปวุฒิ ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะต่อสายไปหาวรรณรดา

“มีอะไรหรือขวัญ” ตอนที่ขวัญชีวีเข้าไปเซ็นสัญญาในบริษัทนั้นวรรณรดาออกไปทำงาน ทั้งคู่จึงยังไม่ได้เจอกัน

“ดารู้เรื่องขวัญได้งานพรีเซนเตอร์เวอซ่าดีโก้แล้วใช่ไหม”

“รู้แล้วจ้า... ยินดีด้วยนะ” ขวัญชีวีรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของวรรณรดานั้นเต็มไปด้วยความจริงใจเช่นเคย และเพื่อนที่แสนดีเช่นวรรณรดาเธอจะต้องหาทางตอบแทนน้ำใจให้ได้

“ขอบคุณดามาก ๆ เช่นเคยนะ”

“บ้า จะขอบคุณอะไรหนักหนา ขวัญได้มาเพราะความสามารถของขวัญเอง ดาไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ตอนไปถ่ายงานที่มาเลเซียน่ะ ดาต้องไปด้วยกันนะ...”

“อะไรนะ จะให้ดาไปทำไม”

“ก็งานนี้พี่ปุ้มเขาอยากไปด้วย แล้วช่วงที่รอขวัญทำงาน ขวัญกลัวว่าพี่ปุ้มจะเหงา ขวัญก็เลยคิดว่า ชวนดาไปด้วยดีกว่า เผื่อจะได้ไปเที่ยวกับพี่ปุ้ม...ดายังไม่เคยไปมาเลเซียนี่”

มาเลเซียติดภาคใต้ของประเทศไทยแต่วรรณรดารู้สึกว่ามาเลเซียเป็นประเทศที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ หญิงสาวจึงไม่ได้คิดจะไปเยือน แต่ว่างานนี้ มีปวุฒิ มีขวัญชีวี และมีข้ออ้าง แต่วรรณรดาก็ยังต้องอิดออดเพราะไม่อยากให้เพื่อนจับได้ว่าเธอนั้นดีใจกับข้อเสนอ

“ดายังไม่เคยไป มันใกล้เสียจน จนเหมือนรู้จักประเทศนี้เป็นอย่างดี ทั้งที่ว่าไปแล้ว ดาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมาเลเซียเลย นอกเสียจากรู้ว่าคุณมาร์คหนุ่มปีนังผู้ดูแลผลิตภัณฑ์เวอซ่าดีโก้เป็นคนมาเลเซีย...ไปไม่หรือไม่ไปดีนะ”

“ตกลงดาไปนะ” ขวัญชีวีรวบรัด

“ทำไมอยากให้ดาไป ดาไปก็เท่ากับว่าไปเป็นก้างขวางคอขวัญกับพี่ปุ้มเปล่า ๆ”

“ขวางอะไรกัน...”

“ก็ทำงานแล้วจะได้สวีทหวานกันไง”

“หวานอะไรกัน...ขวัญกับพี่ปุ้ม...เอาเป็นว่า บางทีที่ดารับรู้มา บางทีที่ดาเห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่ดาเข้าใจก็ได้นะ”

“หมายความว่าไง”

“มันไม่ได้มีอะไรนอกจากเรื่องงานหรอกดา พี่น้องกัน ผู้จัดการคนเดียวกัน แค่นั้นเอง ดาคงเข้าใจอะไรได้ไม่ยาก” ขวัญชีวีตัดสินใจไม่อ้อมค้อม

“จริง ๆ หรือขวัญ แค่นั้นจริง ๆ เหรอ”

“จริงซิ เมื่อถึงเวลาอันสมควรทั้งขวัญและพี่ปุ้มมีอิสระที่จะรักใครก็ได้ และขวัญก็รู้สึกว่า มันอิ่มตัวแล้วกับบทบาทที่ต้องหลอกคนอื่น ๆ”

“รักโปรโมตอย่างนั้นเหรอ”

“รู้แล้วก็อย่าปูดไปนะ”

“เสียดายเวลาจังเลยขวัญ...ทำไมถึงไม่รักกันจริง ๆ ละ” แม้จะดีใจแต่ว่าวรรณรดาก็พยายามระงับน้ำเสียงไว้ และหากว่าอยู่ต่อหน้าขวัญชีวีเธอจะต้องเก็บอาการไว้ไม่มิดแน่ ๆ

“ความรัก ทำไงได้ล่ะ ไม่รักก็คือ ไม่รัก เป็นพี่เป็นน้องกัน แค่นั้นเอง”

“แต่พี่ปุ้มดูเหมือนจะรักขวัญจริง ๆ นะ”

“แต่พี่ปุ้มเขาก็รู้เรื่องนี้มาโดยตลอดว่าจุดจบมันจะเป็นอย่างไร”

“น่าสงสารพี่ปุ้มจังเลย”

“สงสาร ดาก็เข้ามาดามหัวใจพี่ปุ้มเขาซิ”

“ขวัญ!!”

“ขวัญดูออกนะว่าดาคิดอย่างไรกับพี่ปุ้ม ใช่ไหมดา”

“ดา...ไม่ได้”

“อย่าปฏิเสธเลย แล้วขวัญจะบอกอะไรให้นะ ตอนนี้น่ะขวัญรู้สึกว่า ยายนิดดูจะเข้าไปป้วนเปี้ยนกับพี่ปุ้มเกินเหตุแล้ว ขวัญไม่อยากให้พี่ปุ้มไปตกหลุมพลางยายนิด”

“ถ้าเขาชอบกันละ”

“พี่ปุ้มไม่ได้ชอบนิดหรอก”

“ก็พี่ปุ้มขอบขวัญ”

“ขวัญก็อยากให้ดารีบทำคะแนนไง นะ ไปมาเลเซียด้วยกัน ช่วงที่ขวัญทำงานได้เที่ยวกันสองคนบางทีความสัมพันธ์มันอาจจะคืบหน้า”

“ถ้าไม่คืบล่ะ”

“ก็ดีกว่ารักเขาข้างเดียวแล้วก็เก็บความรู้สึกไว้ไม่ใช่เหรอดา...น่านะ มีขวัญเป็นแม่สื่อทั้งคน ดาไม่ต้องกลัวหรอก พี่ปุ้มเสร็จดาแน่ ๆ”

“พูดน่าเกลียด พูดแบบนี้ดาเสียหายหมดเลยนะ” แม้เพื่อนที่คบหากันมานานจะได้พูดได้ถูกใจแต่วรรณรดาก็ไม่จำเป็นที่จะยอมรับให้เสียความคนของเป็น ‘ลิ้มวรรักษ์’

“ก็เรารู้กันแค่สองคน”

วรรณรดาถอนหายใจเบา ๆ

“ขวัญขอโทษดาด้วยนะ ที่ รู้ทั้งรู้ว่าดาชอบพี่ปุ้ม แต่ขวัญก็ยังขวางดาอยู่อย่างนั้น” ขวัญชีวีเลือกที่จะสำนึกผิดและเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองให้มากยิ่งขึ้น โดยหญิงสาวมั่นใจว่า หากเป็นแบบนี้ วรรณรดาก็จะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองออกมาบ้างและขวัญชีวีก็เดาไม่ผิดจริง ๆ

“ไม่ใช่ความผิดของขวัญเลยนะ ดาเองซิผิด รู้ทั้งรู้ว่า ขวัญกับพี่ปุ้มเป็นแฟนกัน แต่ดาก็ยังไม่ตัดใจ”

“ต่อไปดาต้องสู้นะ”

“ดาไม่สู้หรอกขวัญ ได้แอบชอบก็มีความสุขแล้วแหละ ที่เหลือ ก็สุดแต่ฟ้าดินเถอะ”

“พูดอย่างกับหนังจีน”

“แล้วตอนนี้ขวัญมีที่หมายใหม่แล้วเหรอ ทำไมถึงยอมเปิดเผยเรื่องนี้กับดาล่ะ”

“ยังไม่มีหรอก แต่ขวัญแค่รู้สึกว่า มันถึงจุดอิ่มตัวที่ต้องหลอกลวงคนอื่นแล้วเท่านั้นเอง บอกดาไปสองรอบแล้วนะ”

“ปากแข็ง”

“แน๊ะ มาว่าขวัญ”

“ขวัญมีที่หมายใหม่แล้วแน่ ๆ เลย และถ้าให้ดาทาย คน ๆ นั้นก็คงจะต้องเป็นคุณมาร์ค”

“ทำไมดาคิดว่าเป็นเขาละ อย่าลืมนะว่า รอบ ๆ ตัวขวัญมีผู้ชายรายล้อมอยู่เป็นโหล ๆ”

“แต่หนึ่งในหนึ่งโหลที่ดารู้สึกก็คือคุณมาร์ค ดาก็พูดไปตามความรู้สึก และดาก็มั่นใจว่ามันถูกต้องด้วย ใช่หรือไม่”

“คนละประเทศเลย...” ขวัญชีวียังปากแข็งเพราะไม่อยากให้ความรู้สึกของตัวเองหลุดไปถึงหูของเขา ซึ่งวันนี้เธอรู้สึกว่า เขาพยายามทำคะแนนน่าดูอยู่เหมือนกัน

“แหมทำอย่างกับไม่เคยรู้จักเรื่องความรักข้ามพรมแดน...”


“พี่ปุ้มค่ะ เรื่องที่พี่ปุ้มชวนไว้ ตกลง เย็นนี้เจอกันนะคะ”

“เรื่องอะไรหรือ ขวัญไม่เกริ่นเลย”

“ก็เรื่องที่จะเชิญคุณย่าเล็กมาเลี้ยงอาหารที่ร้านไงค่ะ เย็นนี้ ขวัญจะพาคุณยายคุณย่าเล็กไปที่ร้านค่ะ แล้วขวัญก็โทรบอกออกับพี่นารทแล้วด้วย นอกจากนั้นก็ยังมีพี่รุตกับดาและคุณมาร์คด้วย”

“ทำไมเยอะแยะเลยล่ะ”

“มื้อนี้ขวัญเป็นเจ้ามือค่ะ ไม่ต้องกลัวร้านเจ๊งหรอก...ก็อยากเลี้ยงตอบแทนคุณย่าเล็กที่ช่วยให้ขวัญได้งานพรีเซนเตอร์คราวนี้แหละค่ะ”

“แค่ย่าเล็กนะ” น้ำเสียงนั้นดูหยอกเย้าตามประสาคนอารมณ์ดีแต่ว่าขวัญชีวีกับทำ
เสียงจริงจัง

“งั้นหกโมงเย็นเจอกันนะคะ เลิกกองกลับร้านมาทันไหม”

“คิดว่าน่าจะทันนะ....แต่พี่ต้องบอกขวัญก่อนว่าพอดีก่อนหน้านั้นนิดเขาว่าจะไปกินข้าวที่ร้านน่ะ งานนี้คงต้องมีนิดมาด้วย” อันที่จริงณิชกานต์ไม่ได้จะไปที่ร้านของเขาหรอก แต่เมื่องานนี้มีนายมาร์คมาพร้อมกับวิศรุตและวรรณรดา เขาก็ควรจะมีณิชกานต์ไปช่วยทำให้งานนี้มีสีสันยิ่งขึ้น คนอย่างปวุฒิไม่มีทางยอมแพ้ ยอมถอยให้กับเรื่องหัวใจง่าย ๆ หรอก

“ดูท่าจะสนิทสนมกันดีนะคะ” พอได้ยินชื่อของณิชกานต์ขวัญชีวีก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาและหญิงสาวก็ไม่ได้ฝืนน้ำเสียงให้เป็นปกติ แต่ว่าปวุฒิกลับมีน้ำเสียงสบาย ๆ เช่นเดิม

“ก็คนทำงานด้วยกัน ก็มีคุยกัน ปรึกษาหารือกัน เผื่อมีเรื่องต้องพึ่งพากัน”

“อย่าลืมนะคะว่าเรายังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ”

“พี่ไม่ได้คิดอะไรกับนิดหรอกน่า”

“แต่ณิชกานต์เขาต้องคิดอะไรกับพี่ปุ้มแน่ ๆ ขวัญไม่ไว้ใจเขา”

“นึกอย่างไรมาหึงเขาล่ะ”

“พี่ปุ้มจะลงเอยกับใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ณิชกานต์ แค่นี้แหละคะ”

“มีเหตุผลหน่อยซี่”

“มีแต่อารมณ์ค่ะ อารมณ์ล้วน ๆ”

“โกรธที่เขามาตีสนิทกับคุณมาร์คใช่ไหมละ” ปวุฒิจี้ใจดำคืนไปบ้าง

“ขวัญไม่ชอบคนที่ปากอย่างใจอย่างก็เท่านั้น”

“โลกใบนี้หากใครปากตรงกับใจมันก็ไม่ใช่คนที่น่ารักสักเท่าไหร่หรอกนะขวัญ”

“สรุปว่ายายนิดจะมาที่ร้านด้วย” เสียงของขวัญชีวีแข็งกร้าวขึ้น

“ถ้าขวัญกลัวว่านิดจะทำให้ลำบากใจ พี่ก็จะไม่ให้เขาไปก็ได้ พี่แคร์ความรู้สึกขวัญเสมอ” เมื่อสบช่อง ปวุฒิจึงต้องหยอดคำหวานไปสักหน่อย หยอดไปทั้งที่รู้ว่ามัน
ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว...

“อยากมาก็มาเถอะค่ะ ขวัญไม่เกี่ยวกับอะไรด้วยหรอก แค่นี้นะคะ เดี๋ยวเจอกัน”


พอขวัญชีวีโทรไปบอกว่าเมื้อค่ำวันนี้จะเลี้ยงส่งย่าเล็กกับคุณมาร์คที่ร้านอาหารของพี่ชาย เพียงออจึงรีบแต่งตัวออกจากบ้านมายังร้านอาหาร แต่พอผลักประตูห้องธุรการเข้าไปเพียงออก็พบวุฒินารทนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย

“อ้าว...” เพียงออชะงักเท้า แต่ว่าวุฒินารทนั้นผุดลุกขึ้นมานั่ง แล้วก็บอกว่า “เข้ามาซิ”

เพียงออเดินไปทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะบัญชี เสเปิดกระเป๋าสะพายค้นหาสมุดโน้ตต้นฉบับเรื่องท่องเที่ยวที่ยังเขียนค้างอยู่พลางเงี่ยหูฟังถ้อยคำสนทนาของวุฒินารทไปด้วย และเพียงออก็จับใจความได้ว่าวุฒินารทกำลังคุยอยู่กับผู้หญิง ซึ่งดูจากสีหน้าท่าทางแล้วคงจะกำลังจีบกันอยู่แน่ ๆ เพียงออยอมรับว่ารู้สึกแน่นหน้าอกขึ้นมา แต่ว่าหญิงสาวจะทำให้เขารู้ไม่ได้ว่าเธอรู้สึกขุ่นใจกับเรื่องบาดหูในครั้งนี้ เพียงออใช้รีโมทกดปุ่มเปิดโทรทัศน์ที่อยู่มุมห้อง ก่อนจะเปลี่ยนช่องรับสัญญาณไปมา แล้ววุฒินารทก็วางสายลง

“กินอะไรมาหรือยัง”

“ยัง” อันที่จริงเพียงออรู้สึกหิวอยู่เหมือนกันเพราะอยู่ที่บ้านหญิงสาวมัวแต่อ่านหนังสือเพลินจึงไม่ได้สนใจหาอาหารหนัก ๆ ใส่ท้อง

“ยังนี่คือ ยังไม่ได้กินข้าวเช้ากับข้าวเที่ยวใช่ไหม”

“อืม..”

“แล้วทำไมไม่กิน”

“ขี้เกียจ”

“ดี เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหา”

“แล้วพี่ล่ะ วันนี้ไม่ได้ไปไหนเหรอ” รู้ว่าน้ำเสียงประชดประชันนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยแต่เพียงออก็ต้องหาเรื่องมากลบเกลื่อน

“ถ้าไปก็ไม่เห็นพี่ที่นี่นะซิ”

“กวนนะ”

“ใครกวนใครก่อน”

“ไม่ต้องมาหาเรื่องออจะดูข่าว” ว่าแล้วเพียงออก็กดปุ่มเร่งเสียง วุฒินารทมองหน้าที่ไม่ยอมเหยียดของเพียงออแล้วยิ้มบาง ๆ

“โกรธอะไรใครมาเหรอ”

“ไม่ได้โกรธ”

“ทำหน้าเหมือนแฟนนอกใจ”

“มีที่ไหนละ”

“ก็ ไอ้คนที่เห็นคุยกันเมื่อวันนั้น ไปไหนแล้ว” มีอยู่วันหนึ่งเพียงออมาที่ร้านแล้วเข้าไปคุยกับแขกโต๊ะหนึ่งที่มากับครอบครัวด้วยท่าทางสนิทชิดเชื้อ

“รุ่นพี่ที่คณะ ไม่มีอะไรกันสักหน่อย เจอกันจะไม่ให้เข้าไปทักได้ไง”

“เหรอ...จริง ๆ เหรอ”

“ว่าแต่พี่เถอะ คุยกับใครเหรอ ยิ้มหวานเลย”

“เพื่อน”

“จ้างก็ไม่เชื่อ”

“แล้วทำไมถึงไม่เชื่อ”

“ก็เสียงเอย สายตาเอย บอกมาว่าคบกับใครอยู่ ออจะได้รู้ไว้ว่าใครจะมาเป็นพี่สะใภ้ออ”

“เพื่อน...ไม่มีอะไรเกินเลยกว่านั้น”

พอวุฒินารทยืนยันหนักแน่น เพียงออจึงยุติการโต้เถียงแต่ว่าหางตาของหญิงสาวนั้นรู้สึกว่าตอนนี้ วุฒินารทมองที่ใบหน้าของตนเองอยู่ และเพียงออก็ไม่กล้ามองใบหน้าของเขาให้เต็ม ๆ ตา ด้วยกลัวว่าเขาจะเห็นความรู้สึกบางอย่างในแววตาของเธอ...แล้ววุฒินารทก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบนั้น

“ต้นฉบับไปถึงไหนแล้วล่ะ ใกล้เสร็จหรือยัง”

“ยังไม่เสร็จง่าย ๆ หรอก กำลังจะสอบปลายภาค ต้องรีบอ่านหนังสือ”

“ไอ้ปุ้มได้ยินคงดีใจตายเลย”

“ถึงออเรียนไม่จบออก็หาเงินใช้ได้เองหรอกน่า”

“เหรอ...”

“แล้วนี่จะชวนออทะเลาะทำไม ว่างมากก็ออกไปดูลูกค้านอกร้านเลยไป”

“ดูจนปวดตาปวดขาปวดเมื่อยทั้งตัวก็เลยหลบเข้ามานอนนี่แหละ”

“เข้ามาคุยกับสาวซิไม่ว่า”

“ก็ด้วย”

“ตกลงว่าใคร”

“เอ๋ ประกายวรรณ”

พอได้ยินชื่อดาราประกอบผู้ซึ่งมีข่าวฉาวโฉ่อยู่เป็นประจำเพียงออก็เบ้หน้า...






จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.พ. 2556, 07:49:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.พ. 2556, 07:49:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 1783





<< 11.   13. >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 5 ก.พ. 2556, 07:49:26 น.
ขอบคุณจากทุำก ๆ แรงใจครับ...


mottanoy 5 ก.พ. 2556, 09:49:48 น.
ดีค่ะ นางเอกแสบหน่อยๆ


nateetip 5 ก.พ. 2556, 10:08:29 น.
คุณเฟื่อง...ชอบเรื่องนี้ค่า สนุกค่ะ


คิมหันตุ์ 5 ก.พ. 2556, 13:04:04 น.
หลายคู่เลย ^^


Zephyr 5 ก.พ. 2556, 22:04:35 น.
อ้าว แหม คนใกล้ตัวนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account