ลิขิตรักในสายลม # จุฬามณี
รัก หวานๆ ขม ของสาวไทยกับหนุ่มมาเลย์
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 13.

บทที่ 13

ขวัญชีวีอยู่ในชุดกางเกงผ้ายืดขายาวสีน้ำเงินพอดีตัวเสื้อยืดสีขาวคอกว้างตัวใหญ่หลวม ๆ ผูกชายปิดสะโพกสวมรองเท้าสาน หญิงสาวพายายแน่งน้อย ย่าเล็ก มาถึงก่อนวรรณรดากับวิศรุตและหลินฮันหมิงที่มารถคันเดียวกัน และเมื่อมาถึงครัวปวุฒิแล้วณิชกานต์ที่มาถึงก่อนก็รีบเดินออกมาต้อนรับเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้าน ณิชกานต์ยกมือไหว้ยายแน่งน้อยและย่าเล็กสีหน้ายิ้มแย้มเอาใจ

“สวัสดีค่ะคุณยายคุณย่าเล็ก วันนี้นิดต้องรบกวนขอกินข้าวด้วยนะคะ”

“รบกวนอะไรกัน กินหลาย ๆ คนอร่อยดี” แน่งน้อยตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอารี

“พี่ปุ้มบอกว่าวันนี้ขวัญจะเป็นเจ้ามือ นิดคงต้องฝากเนื้อฝากตัวกับขวัญ...” ณิชกานต์หันไปหาขวัญชีวีที่เสมองร้านอาหารยามพลบค่ำ พอรู้สึกว่าณิชกานต์พาดพิงถึงตนขวัญชีวีจึงแสร้งเหมือนกับว่าได้ยินไม่ถนัด

“นิดว่าไงนะ”

“พี่ปุ้มบอกว่าวันนี้ขวัญจะเลี้ยงขอบคุณคุณมาร์ค เพราะได้งานพรีเซนเตอร์เวอซ่าดีโก้ นิดดีใจด้วยนะ แล้วก็ขอฝากท้องไว้ด้วย”

ณิชกานต์แสดงความสนิทสนมกับปวุฒิให้ขวัญชีวีได้รู้สึกหึงหวง แต่ว่าขวัญชีวีกลับยิ้มเพียงแย้มก่อนจะถามว่า “แล้วตอนนี้พี่ปุ้มอยู่ไหน”

“พี่ปุ้มอยู่ในครัวกับพี่นารทน่ะ...เข้าไปข้างในเถอะค่ะ ข้างนอกยุงเยอะ”

ครัวปวุฒินั้นมีทั้งพื้นที่ส่วนที่เปิดโล่งกับห้องกระจกติดเครื่องปรับอากาศ และวันนี้ปวุฒิก็รับรองแขกชุดพิเศษในห้องจัดเลี้ยงปรับอาหารขนาดเล็กที่มีอยู่สองห้อง ซึ่งห้องเล็กสองห้องนี้ก็เต็มเกือบทุกเย็นและต้องจองล่วงหน้าอีกด้วย

ขณะที่พาเดินเข้ามาในร้านณิชกานต์ก็เอ่ยปากชวนคุย “ย่าเล็กคะ นี่นิดโทรไปหาคุณมาร์คมาแล้วนะเขามากับคุณวิศรุตและคุณวรรณรดากำลังเดินทางใกล้ถึงแล้วค่ะ”
ขวัญชีวีรู้สึกว่าณิชกานต์นั้นดูจะอยากเป็นคนสำคัญ หญิงสาวจึงทิ้งคนแก่ทั้งสองให้เป็นภาระ และขวัญชีวีที่เดินนำมาก่อนก็ต้องยิ้มกว้างเมื่อคนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองแล้วยิ้มมาให้

...ซึ่งหนึ่งในแขกที่นั่งอยู่แล้วขวัญชีวีก็สะดุดกับกมลมาลย์เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยที่ไม่ค่อยสนิทกันนัก เพราะว่าเธอเรียนด้วยทำงานด้วยจึงไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมเหมือนวรรณรดา แต่ขวัญชีวีก็รู้ว่าตอนนี้กมลมาลย์นั้นทำงานอะไร เพราะบ่อยครั้งที่ทั้งสองเจอกันในงานแต่ว่าอยู่กันละฝั่ง

ขวัญชีวีคือดารา แต่กมลมาลย์คือ ‘สื่อ’ ที่บางครั้งใช้คำถามไล่ต้อนให้ดาราเกือบจนมุม และบางครั้งสื่อก็เขียนข่าวเกินจริงเพื่อให้เรื่องเป็นที่สนใจ แต่ขวัญชีวีก็รู้ธรรมเนียมของสื่อกับดาราเป็นอย่างดีว่าน้ำต้องพึ่งเรือและเสือก็ต้องพึ่งป่า เมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้ขวัญชีวีจำต้องยิ้มบาง ๆ ทักทาย

“อุ้ย...ไม่คิดว่าจะเจอขวัญที่นี่” กมลมาลย์ที่นั่งอยู่กับเพื่อนร่วมงานอีกสามคนลุกขึ้นแล้วเดินมาหา

“ไปอย่างไรมาอย่างไรละ” ขวัญชีวีนั้นจำชื่อเล่นของเพื่อนคนนี้ไม่ได้ จึงถามขึ้นมาลอย ๆ โดยใจก็ครุ่นคิดว่างานครั้งนี้จะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่น่าสนใจก็ได้ แต่ว่าการที่ณิชกานต์มาถึงก่อน กับการที่หลินฮันหมิงกำลังตามมาสมทบ มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่มีประเด็นให้เอาไปเล่นได้เหมือนกัน

“เลิกงานแล้วแวะมาอุดหนุนพี่ปุ้มเขาหน่อยนะ ได้ยินมาว่าที่นี่ทำลาบปลาอร่อยมากก็เลยอยากมาลิ้มรสตามประสาลูกอีสาน”

“แล้วอร่อยไหม”

“ใช้ได้ทีเดียว”

ตอนนั้นณิชกานต์เดินประคองยายแน่งน้อยและย่าหลินซิ่วอินมาถึงจุดที่สองสาวยืนคุยกันอยู่ แต่ว่า ณิชกานต์ก็เพียงยิ้มให้กับกมลมาลย์ก่อนจะเดินผ่านไป เพราะว่าก่อนหน้านั้น ทั้งคู่ได้ทักทายและคุยกันไปบ้างแล้ว

“อย่างไรก็อย่าลืมเขียนเชียร์ร้านพี่เขาหน่อยแล้วกัน”

“มันแน่อยู่แล้วจ้า...พี่ปุ้มแถมอาหารมาให้ตั้งสองจานแน่ะ”

“ช่วย ๆ กันนะ...ขอตัวก่อนแล้วกัน...”

“ถามอะไรหน่อยได้เปล่า”

“แล้วเรื่องมันจะอยู่แค่ไหนล่ะ แค่เราสองคนหรือว่ากระจายไปในหนังสือด้วย”

“แหม ถ้าเราอยากรู้คนอื่นก็อยากจะรู้เหมือนกัน”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“แพลม ๆ มาจากกองละครวุ่นรักวิวาห์ลวงว่าพี่ปุ้มกับณิชกานต์สนิทสนมกันมากเกินกว่าบทพี่น้อง แล้วเมื่อกี้ก็มาด้วยกันด้วย ดูสนิทสนมกันจริง ๆ นะ”

“ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนี่”

“ขวัญไม่หึงเหรอ”

“ก็ขวัญรู้ว่ามันเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้นนี่ พี่ปุ้มกับขวัญก็ยังเหมือนเดิม”

“แล้วนี่ณิชกานต์มาที่นี่ทำไมเหรอ”

“มางานเลี้ยงน่ะ ขอตัวก่อนแล้วกันนะ ขวัญอยากเข้าห้องน้ำ”

ขวัญชีวีเดินไปแล้วกมลมาลย์ก็ทำหน้าเหยียด ๆ ไล่หลังก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ เพื่อนรวมอาชีพก็รีบถามทันทีว่า

“ได้เรื่องว่าไงมั่ง”

“ปรองดองกันซะขนาดนี้ เลยเดาไม่ได้ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไรต่อไป”

“ฉันเล่นเอาว่า ขวัญกับพี่ปุ้มต้องจบเกมกันในอีกไม่กี่วันนี่หรอก ส่วนพี่ปุ้มก็เตรียมตัวหาแฟนใหม่”

“ทำไมละ”

“โน่นไง” ว่าแล้วคนที่หันหน้าไปนอกร้านก็ใช้สายตาส่งสัญญาณให้กมลมาลย์หันหลังไปดู

...และเมื่อเห็นวิศรุต วรรณรดา ลิ้มวรรักษ์ และคุณมาร์คผู้ชายที่ยังเป็นปริศนาสำหรับสื่อไทย กมลมาลย์ก็ถึงหันกลับมาพร้อมขมวดคิ้ว

“ฉันเดาไม่ออกเลยจริง ๆ ว่ะ พวกแก งงกับคนพวกนี้จังเลย”




วิศรุตกับหลินฮันหมิงเดินเข้าห้องจัดเลี้ยงไปแล้ว แต่ว่าวรรณรดายังยืนคุยอยู่กับกมลมาลย์เพราะว่าหญิงสาวลุกออกจากโต๊ะมาทักทายตามประสาคนที่คุ้นเคยกันและวรรณรดาเองก็พาวเวอร์พอจะเรียกให้กมลมาลย์ไม่สามารถนั่งทักทายเพื่อนได้เช่นกัน

...และด้วยสนิทกับวรรณรดามากกว่าขวัญชีวี กับครั้งที่แล้วกมลมาลย์เองเป็นคนทำให้วรรณรดาเป็นข่าวกับปวุฒิ กมลมาลย์จึงต้องเอ่ยปากถามวรรณรดาตรง ๆ

“ดา เล่าให้ละเอียดได้ไหมว่าอะไรเป็นอะไร”

“เรื่องอะไรบ้างล่ะ”

“ขวัญ พี่ปุ้ม นิด และ ผู้ชายคนนั้น ทำไมวันนี้มารวมตัวกันได้เนี่ย”

“ก็พี่ปุ้มเขาก็เคยบอกไปแล้วนี่ว่า คุณยายของขวัญกับย่าของคุณมาร์คเป็นเพื่อนกัน นิดกับขวัญและพี่ปุ้มก็คนในวงการเดียวกันเคยร่วมงานกัน เขาก็คงเป็นเพื่อนกันมากินข้าวด้วยกัน แค่นั้นเอง”

“ไม่มีอะไรในก่อไผ่นะ”

“ยังโกรธตัวเองอยู่นะ เรื่องวันนั้นนะ ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”

“ก็แหม? ข่าวมันขายได้นี่ แล้วสุดท้ายมันก็ไม่ได้มีอะไรไม่ใช่เหรอ ต้องเข้าใจสื่อด้วยนะ เรียนมาเหมือนกันนี่”

“ก็ไม่มีอะไร...” แล้ววรรณรดาก็นึกออกว่า เมื่อเรื่องของเธอกับปวุฒิเคยเป็นข่าวซุบซิบได้ เรื่องของวิศรุตกับณิชกานต์ก็ควรจะเป็นข่าวได้เหมือนกัน และคนที่อยู่ตรงหน้านี้ก็ดูกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้ข่าว และเมื่อกมลมาลย์เสนอตัวมาอย่างนี้ วรรณรดาก็ควรจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์

“ถ้าตัวเองอยากได้ข่าวใหม่ เตรียมเชียร์คู่นี้ได้เลย เรื่องจริงแน่นอน”

“ใครเหรอ”

“พี่รุตกับคุณนิด”

“จริง ๆ หรือดา”

“ไฮโซหนุ่มกับดาราสาวเจ้าบทบาท มันก็น่าสนใจไม่น้อยนะ มีช่องทางไหน ลุยได้ลุยให้หน่อยแล้วกัน ขอบคุณล่วงหน้าเลย...หรือจะให้ขอบคุณเป็นการเลี้ยงทั้งโต๊ะวันนี้เลยก็ได้นะ” วรรณรดาแสดงความใจกว้างเพราะรู้จุดอ่อนของคนบางกลุ่ม แต่ว่ากมลมาลย์ก็ต้องปฏิเสธตามมารยาทไว้ก่อน

“อุ้ย..ไม่ต้องหรอก...อย่านะ”

“ไม่ต้องจ่ายนะเดี๋ยวดาบอกให้เด็กมาเก็บเงินที่ดา ถือว่าช่วย ๆ กัน”

“ก็ได้...แล้วดาละจะมีข่าวจริง ๆ เมื่อไหร่ รู้ไหมว่าดาเป็นเซเลบริตี้ที่คนอยากรู้เรื่องส่วนตัวมากที่สุดอีกคนหนึ่งเลยนะ” เมื่อวรรณรดารู้จุดอ่อนของคนทีมีฐานะด้อยกว่ากมลมาลย์ก็รู้จุดอ่อนของคนที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่าเช่นกัน

“ของดาก็อีกสักพัก แต่เอาเป็นว่าของดาน่ะ ขอเป็นดูทิศทางลมหน่อยแล้วกัน ดาไม่ชอบข่าวแบบตีท้ายครัวเหมือนครั้งที่แล้วน่ะ” แย้มออกไปแล้ววรรณรดาก็ขอตัวเดินตามเข้าไปข้างในส่วนกมลมาลย์ที่ได้ ‘ข่าว’ ใหม่มาก็เดินกลับมาหาเพื่อนร่วมอาชีพด้วยสีหน้ากระหยิ่มใจ


อาหารมื้อนี้ปวุฒิดึงดันที่จะเป็นเจ้าภาพแทนขวัญชีวี แต่เขาก็ออกตัวกันท่าหลินฮันหมิงไว้ว่า เมื่อเขาไปมาเลเซียพร้อมกับขวัญชีวีที่จะไปทำงาน ย่าเล็กจะต้องเลี้ยงอาหารเขาคืนสักมื้อบ้าง และเมื่องานเลี้ยงจบลงต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน และระหว่างเดินทางมายังลานจอดรถวิศรุตที่พยายามให้ความสนใจ ณิชกานต์เป็นอย่างมากก็เอ่ยปากชวนหญิงสาวไปนั่งฟังเพลงสานความสัมพันธ์กันต่อ แต่ว่าณิชกานต์ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงขอความเห็นใจ

“เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าค่ะวันนี้นิดเหนื่อย และอีกอย่างพรุ่งนี้ก็มีถ่ายละครแต่เช้าด้วย”

“ก็ได้ครับ...แต่ขับรถด้วยความระมัดระวังนะครับ”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ...” ณิชกานต์ขึ้นรถของตัวเองขับออกจากลานจอดไปแล้ว วรรณรดากับวิศรุตก็ลอบสบตากันก่อนที่จะเปิดประตูรถเข้านั่ง ส่วนหลินฮันหมิงที่เปิดประตูหน้าฝั่งผู้โดยสารเข้าไปนั่งโดยไม่ได้รู้สักนิดว่า รอบ ๆ ตัวเขาในขณะนี้ทุกคนมีแผนการกันหมด



เช้าวันรุ่งขึ้น ขวัญชีวีตื่นแต่เช้าตรู่ลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปใส่บาตรกับคุณยายคุณย่าเล็กและเขา ‘คุณมาร์ค’ หรือ ‘นายฮันหมิง’ จากสกุลหลิน ซึ่งเมื่อวานนี้เขาได้บอกว่าจะมาใส่บาตรด้วยและวันพรุ่งนี้เขาก็จะเดินทางกลับมาเลเซีย...

“มาแต่เช้าเลยนะคะ” ขวัญชีวีร้องทักเขาที่อยู่ในชุดเสื้อคอโปโลสีขาวกางเกงขายาวสีขาวนั่งอยู่บนชิงช้าตัวเดิม

“อยากมาทำบุญอีกวันหนึ่งครับ” เขายืนขึ้นทันทีเมื่อขวัญชีวีเดินเข้ามาหาพร้อมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มชวนมอง

“ไหนของทำบุญค่ะ” ขวัญชีวีถามถึงของสำคัญ เพราะเมื่อวานนี้เขาบอกว่าเขาซื้อของมาใส่บาตรด้วย

“ผมซื้อเครื่องกระป๋องมาครับ ซื้อมาจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ป้าสนามเอาไปจัดใส่ถาดครับ แล้วย่าเล็กก็ให้เงินป้าสนามสำหรับซื้อกับข้าวแล้วด้วยครับ”

ขวัญชีวีรู้สึกพอใจในคำตอบของเขา และเพื่อจะยืดเวลาพูดคุยกับเขาหญิงสาวจึงต้องถามต่อ

“แล้ววันนี้ทำไมใส่ชุดขาวด้วยละคะ”

“รุตเขาบอกว่า สีขาวเป็นสีของคนทำบุญ”

“ดูจะเชื่อคุณรุตจังเลยนะคะ”

“เพื่อนของผมคนนี้เป็นคนดีมากครับ ตั้งแต่รู้จักกับเขามา ผมกับเขารู้สึกว่าเราคุยกันรู้เรื่อง มีไลฟ์สไตล์ที่คล้าย ๆ กัน”

“อาทิเช่น”

“ครอบครับ เราไปเรียนเพื่อธุรกิจของครอบครัวเหมือนกัน ชอบเล่นกีฬาเหมือนกัน แล้วก็ชอบช่วยเหลือคนอื่นเหมือนกัน”

“ชอบดื่มและชอบฟังเพลงเหมือนกันหรือเปล่าคะ”

“ก็ไปด้วยกันได้ครับ นี่ผมเอาเรื่องจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่คุณขวัญบอกว่าพ่อของคุณขวัญทำงานอยู่ที่โน่นไปบอกกับวิศรุต วิศรุตเขาอธิบายให้ผมฟังเกี่ยวกับอำเภอปาย ผมอยากไปจังเลยครับ”

“ก็ไปซิคะ”

“อยากชวนคุณขวัญไปด้วย อยากพาย่าเล็กไปด้วย”

ถ้าเขาอ้างย่าเล็ก ก็ต้องมียายของเธอพ่วงอยู่ด้วย ขวัญชีวียอมรับว่าเขาฉลาดนัก และเมื่อเขาเปิดใจมาถึงขนาดนี้แล้วขวัญชีวีจะต้องเปิดหัวใจให้เขารับรู้ไว้บ้าง

“ถ้าจะไปก็ต้องช่วงฤดูหนาวค่ะ ใกล้ ๆ ค่อยคุยกันอีกที” เมื่อเขาทอดสะพานมาขวัญชีวีก็ต้องให้ความหวังเขาบ้าง

“ตกลงคุณขวัญจะไปด้วยใช่ไหมครับ”

“ยังเอาแน่อะไรไม่ได้หรอกค่ะ อาชีพอย่างขวัญ ถ้ามีงานก็ต้องรีบทำงาน”

“แต่ถ้าไม่ต้องทำงานนี่ก็อยู่ได้สบาย ๆ ไปจนแก่เฒ่าเลยใช่ไหมครับ”

“ก็...ประมาณนั้นค่ะ”

“แล้วเราควรจะไปกันสักกี่วันดีครับ” หลินฮันหมิงวกกลับไปหาเรื่องก่อนหน้านั้น ด้วยคิดว่า เมื่อเขาทางยายของหญิงสาวได้แล้วเขาก็ควรจะเข้าทางพ่อทางแม่ด้วย

“เอาเร็ว ๆ ก็นั่งเครื่องลงเชียงใหม่ แล้วก็เช่ารถตู้ที่โน่นค่ะ...นอนสักคืน หรือสองคืนแล้วก็กลับ ดูอีกทีดีกว่าค่ะ ขวัญไม่อยากให้เอาตัวขวัญเป็นหลัก ถ้าขวัญไม่ว่างขวัญก็จะดูบริษัททัวร์ที่ไว้วางใจให้ แต่คุณรุตคงช่วยได้ค่ะ”

“แต่ผมอยากให้คุณขวัญไปเที่ยวด้วยกัน”

“ขวัญไม่ใช่ไกด์นะคะ เป็นดาราค่ะ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรหรอกค่ะ”

“ผมอยากไปเที่ยวกับคุณขวัญครับ”

ขวัญชีวียิ้มเขิน ๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย

“เอ พระน่าจะใกล้มาแล้วคุณยายกับคุณย่ายังไม่ลงมาอีก ขอขวัญขึ้นไปตามก่อนนะ” ตัดบทแล้วขวัญชีวีก็หันหลังเดินเข้าบ้าน ทิ้งให้หลินฮันหมิงมองตามไปด้วยสายตาหวานฉ่ำ


เมื่อวานช่วงที่อยู่ในห้องอาหารด้วยกันเป็นช่วงที่หนุ่ม ๆ สาว ๆ ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น และหนึ่งเรื่องที่เป็นหัวข้อคุยกัน ก็คือชื่อล็อกอินในโปรแกรม เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ และไลน์ซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งที่เพื่อนกับเพื่อนจะทำความรู้จักและรู้ข่าวสารของเพื่อนได้ดียิ่งขึ้น

และวันนี้หลินฮันหมิงก็ใช้ช่องทางเฟสบุ๊คประกาศให้เพื่อน ๆ ได้รู้ว่า เขามาทำงานอยู่เมืองไทยและมาใส่บาตรพระสงฆ์ที่บ้านของขวัญชีวี...ซึ่งเขาเอาความเป็นคนต่างประเทศพาซื่อขอขวัญชีวีถ่ายรูปด้วยโดยให้มะโฉ่เป็นคนจัดการให้ และเมื่อหลินฮันหมิงได้โพสต์รูปออกไปแล้ว คนที่ ‘รู้สึก’ กับภาพใบนั้นเป็นอย่างมากก็คือ ปวุฒิ แต่ว่าเขาก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะถ้าแสดงอาการร้อนรนกับเรื่องนี้ออกไปมากเท่าใดเรื่องระหว่างเขากับขวัญชีวีมันก็จะจบเร็วเท่านั้น

แต่ว่าณิชกานต์ที่เห็นรูปใบนั้นเหมือนกันไม่ยอมที่จะให้ปวุฒินิ่งเงียบเก็บงำความรู้สึกอย่างที่เขาต้องการ เมื่อมาถึงกองถ่ายละครหญิงสาวเดินมาหาเขาพร้อมกับถามว่า

“พี่ปุ้มเห็นภาพบาดตาตำใจหรือยังคะ”

“เห็นแล้ว”

“แล้วรู้สึกอะไรบ้างคะ”

พอมีคนมีจี้ใจดำปวุฒิจึงถอนหายใจแรง ๆ นิชกานต์เห็นดังนั้นจึงเหยียดริมฝีปากออกเพียงนิดดวงตาสมหวังกับสิ่งที่อยากเห็น แล้วหญิงสาวก็บอกว่า “พี่ปุ้มควรจะถอยได้แล้วนะคะ จบดีกว่า เอาประเด็นนี้มาเป็นเรื่องซะ พี่ก็จะไม่ใช่คนผิด นักข่าวถามพี่ก็บอกว่า ขวัญมีคนอื่นก่อน”

“ก็แค่เพื่อนกันเท่านั้น” ใบหน้าปวุฒิบึ้งตึงขึ้นมากกว่าเดิม

“พี่ปุ้มก็เห็นว่าตอนนี้คุณมาร์คเขาพยายามเหลือเกิน...เขาตื้อขวัญอย่างออกนอกหน้าแล้วนะ เมื่อวานก็เห็นลอบมองหน้าขวัญบ่อย ๆ จะทำอะไรก็รีบทำเถอะ” ณิชกานต์ไม่ยอมลดละ

“พี่พอมีวิธีของพี่” หัวคิ้วของปวุฒิเริ่มขมวดเข้าหากัน

“พี่จะทำอะไร”

“ขอเบอร์ของมาร์คหน่อยได้ไหม พี่อยากนัดเจอเขา ก่อนที่เขาจะกลับมาเลเซีย”





“ผมไม่อยากอ้อมค้อม ผมขอพูดตรง ๆ เลยแล้วกัน” ในคอฟฟี่ชอปของโรงแรมที่หลินฮันหมิงพักอยู่ ปวุฒิเปิดฉากทันทีเมื่อทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับคนที่เขามั่นใจว่ากำลังทำตัวเป็นมารหัวใจ

“ตามสบายเลยครับ” หลินฮันหมิงยิ้มนิด ๆ

“ผมกับขวัญรักกันมานาน เรามีกำหนดการที่จะแต่งงานกันในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ผม
บอกตรง ๆ ว่าการที่คุณเอาตัวเข้ามาใกล้ชิดกับขวัญ...ผมหึง และหวง ห่วงด้วย ผมไม่อยากให้ขวัญมีเรื่องมัวหมองนะครับ หวังว่าคุณคงเข้าใจนะครับ”

“เข้าใจครับ”

“และผมก็หวังว่าคุณจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกกับขวัญ”

“ไม่บอกหรอกครับ”

“แต่เราสองคนยังเป็นเพื่อนกันได้นะครับ”

“ขอบคุณครับ”

“ธุระของผมหมดแล้ว อย่างไรผมขอตัวก่อนแล้วกัน เราคงได้เจอกันอีกทีที่มาเลเซียนะครับ”




ในขณะที่นั่งรอการแสดงจินตลีลาประกอบเพลงก่อนเริ่มพิธีการเปิดตัวสินค้ายี่ห้อหนึ่งวิศรุตก็หันไปหาหลินฮันหมิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

“เป็นอะไรวะ หน้าตา เหมือนอมทุกข์” วิศรุตที่มีช่อกุหลาบสีชมพูอยู่บนตักเอ่ยปากถาม

“ไม่มีอะไร”

“ไม่อยากกลับมาเลเซียเหรอ”

“ไม่มีอะไร” ว่าแล้วเขาก็ก้มหน้าอ่านสูจิบัตรในมือ ส่วนวิศรุตนั้นหันไปมองที่นั่งด้านข้างแล้วก็ยิ้มให้คู่ชายหญิงที่เพิ่งเดินมาถึง

“สวัสดีครับคุณวิศรุต” กฤตย์ สุขมโนรมย์เพียงร้องทัก ส่วนผู้เป็นภรรยาหนีบกระเป๋าทรงสมุดบันทึกไว้ข้างตัวแล้วยกมือไหว้ และเมื่อทั้งสองนั่งลงแล้ววิศรุตก็หันไปชวนกฤตย์คุยเบา ๆ กระทั่งถึงคิว ณิชกานต์ ดาราวาที่ทำหน้าที่พิธีกรสัมภาษณ์แขกรับเชิญ วิศรุตก็นึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านั้น ณิชกานต์เคยคบหาอยู่กับ กฤตย์ สุขมโนรมย์ กระทั่งมีข่าวว่าฝ่ายชายไปแต่งงานกับคนที่พ่อแม่เห็นสมควรมากกว่า และเมื่อชำเลืองมองดวงตาของคนข้าง ๆ ที่มองไปยังบนเวที เขาก็ยังเห็นถึงแรงเสน่หาที่ยังไม่จางหาย ส่วนผู้เป็นภรรยานั้นมีใบหน้าบึ้งตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด และณิชกานต์ที่อยู่บนเวทีก็ไม่ยอมมองมาตรงที่เขาและคนทั้งคู่นั่งอยู่

วิศรุตนึกถึงอนาคตของตนเอง หากต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แต่ว่าเหมาะสมกันในเรื่องฐานะทางสังคมแล้วชีวิตที่เหลืออยู่ของเขาจะเป็นอย่างไร แต่ว่าไปแล้วเขายังไม่เจอคนถูกใจจริง ๆ จัง ๆ สักคนเช่นกัน

กระทั่งณิชกานต์ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้นและลงมาจากเวที วิศรุตที่มีเจตนาแสดงความสนิทสนมกับณิชกานต์เป็นพิเศษเพื่อให้หญิงสาวหันมาสนใจแทนปวุฒิหรือมาร์คที่ไปตกหลุมรักขวัญชีวี ก็ลุกขึ้นแล้วรีบเดินไปดักรอณิชกานต์ที่บริเวณทางออกหลังเวที ณิชกานต์ต้องแปลกใจเมื่อได้รับช่อดอกไม้พร้อม ๆ กับที่นักข่าวที่จะเข้ามาสัมภาษณ์เก็บภาพตอนที่เธอรับดอกไม้จากวิศรุตไว้ได้

“ให้นิดเนื่องในโอกาสอะไรคะ” แม้ไม่อยากอี๋อ๋อกับเขา คนที่เธอไม่รู้สึกอะไรด้วยสักนิด ให้นักข่าวเห็นแต่เพื่อให้กฤตย์ สุขมโนรมย์ที่เคยทำให้เธอช้ำใจ ได้รู้ว่าคนอย่างเธอเมื่อพลาดจากเขาแล้วก็ใช่จะสิ้นไร้ไม้ตอกและเขาเองก็ควรจะเลิกส่งสายตาที่แสดงความมีเยื่อใยให้เธอเช่นกัน ณิชกานต์จึงต้องเล่นบทประหลาดใจและรู้สึกดี ๆ กับดอกไม้ของวิศรุตช่อนั้น

“อยากให้คุณนิดสดชื่นครับ”

“ขอบคุณค่ะ นิดขอตัวก่อนนะคะ นักข่าวรออยู่”

และเมื่ออยู่ตรงจุดสัมภาษณ์ณิชกานต์ก็ได้รับคำถามทันที

“กับเจ้าของช่อดอกไม้นี่คบหากันมานานหรือยังคะ”

“โอ้ยยยยย ...อย่าเพิ่งเข้าใจแบบนั้นค่ะ นิดกับพี่รุตเป็นแค่พี่น้องกันค่ะไม่มีอะไรคะ”

“เมื่อวานมีข่าวว่าไปทานข้าวเย็นด้วยกันด้วย”

“ไปกันหลายคนค่ะ พี่ปุ้มก็ไป ขวัญก็ไป นารทก็ไปค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ”

“แล้วเรื่องในกองละครวุ่นรักวิวาห์ลวงละครับที่ว่าสนิทกับพี่ปุ้มเกินบทพี่น้องเรื่องจริงหรือเปล่าคะ”

“ก็...เอ่อ” ณิชกานต์แสร้งอึก ๆ อัก ๆ ก่อนจะพูดว่า “กับพี่ปุ้มก็เป็นพี่ชายที่ดีค่ะ มีอะไรก็คุยกัน เป็นที่ปรึกษาได้ค่ะ”

“แล้วปรึกษาเรื่องอะไรกัน”

“เรื่องทั่ว ๆ ไป เรื่องรถ เรื่องอาหาร ดินฟ้าอากาศ คุยกันอย่างพี่น้องค่ะ ไม่มีอะไร” ยิ่งบอกว่า ไม่มีอะไรแต่ว่าดวงตาระยิบระยับนักข่าวก็ยิ่งมั่นใจว่ามันต้อง ‘มีอะไร’


“คุณนิดครับ” พอณิชกานต์ผงะจากนักข่าวมาแล้ววิศรุตก็รีบเข้าประชิดตัวทันที

“มีอะไรกับนิดเหรอคะ”

“พรุ่งนี้มาร์คจะกลับมาเลเซียแล้ว คืนนี้ผมอยากชวนคุณนิดไปเลี้ยงส่งเขาหน่อย”

“ทำอย่างกับว่าคุณมาร์คไปแล้วจะไปลับอย่างนั้นแหละ เดี๋ยวเขาก็กลับมาอีก” ณิชกานต์แสร้งเล่นตัว

“แต่ไหน ๆ เราก็เจอกันแล้ว สะดวกไปด้วยกันไหม ผมอยากให้คุณนิดไปด้วยกัน ไปสองคนมันน่าเบื่อ”

ณิชกานต์ทำท่าครุ่นคิด แต่พอเหลืบตาไปเห็นกฤตย์ สุขมโนรมย์ที่ยืนคุยกับเจ้าของงานอยู่เหลือบตามองมาณิชกานต์ก็ตอบตกลง

และเมื่อมานั่งอยู่ในผับหรูหราใต้ถุนโรงแรมใหญ่กลางกรุงแล้ว ช่วงที่วิศรุตขอตัวไปเข้าห้องน้ำทิ้งให้หลินฮันหมิงอยู่ตามลำพังกับหญิงสาว ณิชกานต์ก็ถือเป็นโอกาสที่จะตลบหลังปวุฒิ

...เพราะถ้าขวัญชีวีกับปวุฒิเลิกกันได้ เธอนี่แหละจะเข้าแทนที่ แม้ว่าความสัมพันธ์แบบคู่รักจะไม่ยั่งยืน แต่การได้ขึ้นชื่อว่าคบหาอยู่กับพระเอกคนหนึ่งในวงการบันเทิงมันจะเรียกกระแสเรียกความสนใจจากมวลชนได้ไม่น้อย

“วันนี้นิดรู้มาว่าพี่ปุ้มมาหาคุณมาร์คที่โรงแรม”

หลินฮันหมิงหันมามองหน้าหญิงสาวเพราะปวุฒิบอกกับเขาว่า เรื่องนี้เป็นความลับแล้วทำไมณิชกานต์รู้

“สงสัยละซิว่านิดรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”

“ครับ”

“ถามหน่อยนะคะว่าพี่ปุ้มเขาพูดอะไรกับคุณมาร์ค”

หลินฮันหมิงครุ่นคิด เขาควรจะพูดเรื่องเสียหน้านี้ไหม เพราะกับวิศรุตเองเขายังไม่กล้าที่จะปรึกษา เขารู้สึกว่าหน้าตาตัวเองชาดิกสมองหมึนงงเหมือนถูกหมัดฮุกที่ปลายคางตอนที่ปวุฒิมาพูดแบบนั้น

“บอกนิดมาเถอะค่ะ ไว้ใจนิดเถอะ บางทีนิดอาจจะช่วยคุณมาร์คให้สดชื่นขึ้นมาก็ได้นะ”

“คุณปุ้มเขาบอกกับผมว่าอย่ายุ่งกับแฟนเขา เพราะเขากำลังจะแต่งงานกัน อย่าทำให้ชื่อเสียงของขวัญเสียหาย”

“อันที่จริงนิดควรจะดีใจนะคะที่คุณมาร์คผิดหวังจากขวัญ แต่นิดก็ไม่ได้ดีใจ”

“ทำไมเหรอครับ”

“ตอนนี้นิดอยากให้คุณมาร์คกับขวัญลงเอยกันค่ะ”

“คุณนิด”

“นิดพูดจริง ๆ นะคะ นิดจะบอกอะไรให้หน่อยแล้วกัน พี่ปุ้มกับขวัญคงจะเลิกกันในเร็ววันนี้แหละ”

“นั่นก็เพราะผมเป็นต้นเหตุ”

“ไม่น่าจะใช่หรอกค่ะ ไม่ใช่คุณมาร์คเป็นต้นเหตุ แต่เป็นเพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้รักกัน จริง ๆ ต่างหาก” แม้ไม่ได้รับการยืนยันจากปากปวุฒิ แต่การที่ปวุฒิวิ่งเต้นพยายามสกัดกั้นไม่ให้หลินฮันหมิงทำคะแนน ก็เท่ากับว่าปวุฒิเผยไต๋ออกมาให้ณิชกานต์รู้ว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับขวัญชีวีนั้นคลอนแคลนแค่ไหน และถ้าณิชกานต์เดาไม่ผิด มันก็คงจะเป็นเรื่องรักหลอก ๆ อย่างที่คนในวงการมักนิยมทำกัน

...หรืออาจจะเคยรักกันจริง ๆ แต่ว่าจนวันนี้มันถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เพียงแต่ทั้งคู่รอเวลาที่จะประกาศให้สังคมรับรู้เท่านั้น ขณะเดียวกันหลินฮันหมิงก็เข้ามาพอดี..

“ถามอะไรคุณมาร์คหน่อยนะคะ คุณมาร์คชอบขวัญใช่ไหม”

“ครับ ชอบ” หลินฮันหมิงยอมรับตรง ๆ และคำพูดของณิชกานต์ก็ทำให้เขาต้องยิ้มออกมา

“ชอบก็เดินหน้าเลยค่ะ ทำอย่างที่ใจตัวเองเรียกร้อง ไม่ต้องไปสนใจพี่ปุ้มหรอกค่ะ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ผู้หญิงค่ะ และนิดก็เชื่อว่า ขวัญต้องเลือกคุณมาร์คแน่นอน...”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2556, 10:40:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.พ. 2556, 10:40:21 น.

จำนวนการเข้าชม : 1819





<< 12.   14. >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 7 ก.พ. 2556, 10:53:15 น.
ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ


nateetip 7 ก.พ. 2556, 11:12:06 น.
ชอบเรื่องนี้ค่ะ ชอบทุกตัวละครเลยค่ะ เป็นธรรมชาติดีค่ะ


คิมหันตุ์ 7 ก.พ. 2556, 12:20:57 น.
อื้มมมมมมมมตัวละครแต่ละนางงงง สุดยอด


Sukhumvit66 7 ก.พ. 2556, 14:38:36 น.
ชอบอ่ะ นางเอกฉลาดมาก


mhengjhy 7 ก.พ. 2556, 16:56:46 น.
อุ้ย ร้ายยย 5555


Zephyr 13 ก.พ. 2556, 21:41:14 น.
โหย แต่ละคน เอิ่ม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account