บ่วงพราย
ขนมงจีนถูกส่งไปที่คฤหาสน์สีขาว ที่นั่นเป็นบ้านของคุณหลวง ทว่า...เธอได้พบกับวิญญานชายหนุ่ม ที่แม้แต่ที่อยู่และสถานที่ที่ตัวเองตาย ก็ยังไม่รูั้เลย แล้วเธอจะทำอะไรดีเนี่ย
Tags: รักหวานแหวว หวานซึ้ง พล็อดสนุก สนุกสนาน

ตอน: วิญญานแปลกหน้า

บทที่ 2
วิญญาณแปลกหน้า

“เอ๋...นี่มันกำไลงาช้างนี่ ทำไมมาวางอยู่ตรงนี้ได้” เธอนึกแปลกใจที่เห็นกำลังมันวางอยู่บนชั้น เมื่อกี้ตอนเธอทำความสะอาดไม่มีเห็นมีเลย “แปลกจัง”

เธอถือไปเก็บในลิ้นชักดูลวดลายมันสลักไว้ด้วยอย่างสวยงามดูมีค่ามากกว่าที่จะเอามาวางไว้ กว่าจะเสร็จเธอก็นอนกลางวันที่เก้าอี้โซฟา เธอหลับสนิทจริง ๆ ความเย็นยะเยือกทำให้เธอรู้สึกตัวตื่น เธอกะพริบตามองเห็นชายหนุ่มรูปร่างโปร่งแสง ใบหน้าหล่อเหลา จมูกโด่งเป็นสัน เส้นผมตัดสั้นเรียบไปถึงด้านหลัง เธอตัวแข็งขึ้นมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยนี่มันตอนกลางวันนะ

“ใครน่ะ คุณเป็นใคร” เธอร้อง

‘คุณเห็นผมหรือ‘

“ก็ใช่น่ะสิ บอกมานะว่าคุณเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

‘ผมเหรอ‘ วิญญาณดวงนั้นยิ้มบาง ๆ ‘ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้อีกทีผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว‘

“อะไรนะ”

‘จริง ๆ ผมไม่มีร่างกาย มีแต่แขนขา’

“แล้วทำไมถึง...” เธอเลื่อนสายตาลงต่ำ “ทำไมไม่หาอะไรสวมล่ะ”

‘ไม่มีคนทำบุญให้ ผมก็เลยไม่ได้สวมใส่’

“นี่...ช่วยไปห่าง ๆ ฉันหน่อยได้ไหม”

‘ทำไมล่ะ’

“ก็คุณเป็นผู้ชาย แถมยังไม่ได้สวมเสื้อผ้า จะให้มาอยู่ใกล้ ๆ ผู้หญิงได้ยังไงกันล่ะ”

‘ถึงเป็นผู้ชาย แต่ก็ไม่ได้โชว์เนื้อหนังมังสานะครับ’ เขายิ้มบาง ๆ ดู ๆ ไปแล้วรอยยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์

“ออกไปนะ”

‘แล้วคุณล่ะ เป็นใครกัน’ คำถามของเขาทำเอาเธอขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ

“คุณมาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว”

‘ไม่รู้สิ ผมจำอะไรไม่ได้เลย อยู่มานานแล้วผมก็มองเห็นทุกสิ่งภายในบ้าน ออกไปจากที่นี่ไม่ได้เลย’

“ออกไปไม่ได้ ทำไมล่ะ”

‘ไม่รู้เหมือนกัน มันเหมือนมีกำแสงทำให้ผมออกไปไม่ได้’

“แปลกจัง...” เธอครุ่นคิดอย่างหนัก

‘แล้วคุณเป็นพวกมีสัมผัสที่หกหรือ ถึงได้มองเห็นผมชัดอย่างนี้’

เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา เขามีหน้าตาหล่อเหลา จมูกโด่งเรียวปากเป็นสัน เพียงแค่ลำตัวโปร่งแสงเท่านั้น เสียดายที่เธอมองไม่เห็นด้านล่าง สงสัยกรี้ดแตกแน่ ๆ

“เอ่อ...ก็ประมาณนั้น”

‘ดีใจจัง ในที่สุดผมก็มีเพื่อนคุยแล้ว’

“เงาดำ ๆ เมื่อคืนที่มาคล้องแขนขาฉัน เป็นคุณเองน่ะเหรอ”

‘เงาดำ ๆ’

“ใช่ ทำเอาฉันเกือบหายใจไม่ออก” เธอเม้มปากแน่น แต่วิญญาณส่ายหน้าปฏิเสธ

‘ไม่ ผมไม่ได้เป็นคนทำ’ เขาเอ่ยเสียงต่ำ

“ไม่ใช่นายหรือ แล้วใครเป็นคนทำล่ะ”

‘ผมไม่ทราบ’

“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะอุทิศเสื้อผ้าไปให้คุณ คุณชื่ออะไรล่ะ”

‘เรียกผมว่าธีร์ก็ได้’ เขายิ้ม

“มันก็ยังดีกว่าที่ฉันต้องมาคอยคุยกับผู้ชายโป๊นั่นแหละ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เราคงจะได้คุยกันแบบสมบูรณ์มากกว่านี้นะ”

ธีร์เลื่อนเข้ามาใกล้ แล้วจูบแก้มเธอ เธอลืมตาโตแม้มันจะเป็นเพียงความเย็นเฉียบแต่นั่นก็ถือว่าเป็นจูบแรกขอเธอ ขนมจีนจะอ้าปากว่า แล้วธีร์ก็หายวับไป

‘ขอบคุณมาก’

“ตาบ้า เล่นหนีไปอย่างนี้เลยเหรอ”

ขนมจีนเอานิ้วมือขึ้นถูแก้มของเธอ หน้าแดงปลั่ง

“นี่เราต้องมาอยู่ร่วมกับพวกผีในบ้านนี้เลยเหรอ...”


...ตอนกลางคืนเธอเหมือนนอนไม่หลับ เธอพลิกซ้ายขวาเหมือนกันนอนหลับพักผ่อนไม่เป็นที่ เธอหรี่ตามองไปยังรอบห้องช้า ๆ ก่อนลืมตาด้วยความสงสัย เธอมองเห็นเงาสีเขียวสะท้อนอยู่บนโต๊ะเป็นแสงสีเขียวเรืองแสง เธอลุกขึ้นจากเตียงมองไปยังประกายแสง

“นั่นอะไรน่ะ” เธอกระซิบแผ่ว

เธอเอียงคอมองอย่างสงสัย สงสัยว่าคุณหลวงคงจะมาแกล้งเธออีกแล้วแน่ ๆ เธอเดินไปเห็นกำไลงาช้างแกะสลักเป็นลวดลายงดงามแล้วก็ต้องอุทานแผ่ว

“นี่มันกำไลงาช้างนี่นา” เธอกระพริบตาถี่ ๆ “เราเก็บมันเอาไว้ใต้ลิ้นชักแล้วนี่”

เธอเดินไปใกล้ ๆ มันแสงประหลาดวูบลงทันที เธอเปิดโคมไฟและหยิบเอามาส่องดู มันมีลวดลายคล้ายกับอักษรโบราณ ดูสวยงามอย่างน่าประหลาด เธอลองสวมมันดูแล้วมันก็เข้ากับข้อมือของเธอราวกับว่าเธอเป็นเจ้าของ และมันก็งดงามมากเลยทีเดียว

“สวยจังเลย” เธอยิ้มพลางทำท่าจะแกะออก มันไม่ควรเลยที่จะมาอยู่ในห้องนี้ แต่ไม่ว่าจะดึงออกหรือพยายามเท่าไหร่มันก็ถอดออกไม่ได้ “ถอดออกไม่ได้เลย...”

“ไม่ใช่ของ ๆ เราด้วย เราเอามาใส่แบบนี้เดี๋ยวคนอื่นอาจเข้าใจผิด”

เธอพยายามถอดมันออกอยู่นาน แต่ก็ไม่เป็นผล

“ถอดไม่ออก” เธอถอนหายใจยาว

ช่างมันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอลองฟอกสบู่แล้วถอดดูอีกสักครั้ง

“อะไรน่ะ” เสียงทุ้มลึกของใครบางคนกระซิบแผ่วที่ริมหู จนเธอสะดุ้งโหยง

“นายธีร์”

‘กำไลงาช้างหรอกหรือ มันสวยงามมากเลยนะ’

“นี่นาย ใครใช้ให้มาโผล่ในห้องนอนฉันอย่างนี้ นายมัน...” เธออ้าปากค้างเพราะธีร์มาปรากฏกายเป็นเต็มสัดส่วนแม้แต่ขาก็ยังเห็น อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง

“กรี้ด นายไอ้คนผีทะเล”

‘อะไร อ๋อ ลืมไปหน่อย’ เขาเร้นกายส่วนล่างให้หายวับไปกับอากาศ ‘เรียบร้อยแล้ว’

“นายลืมได้ยังไง ฉันเป็นผู้หญิงนะ” เธอโวยวายลั่น

‘ก็กำลังนึกอยู่ แต่มันลืมน่ะ’

“บ้า”

‘เอามาดูซิ กำไลงาช้างของคุณน่ะ’ เขาเอื้อมมือมาดูมือเธอ มันเป็นกำไลงาช้างแกะสลักเป็นลวดลายงดงาม เธอชำเลืองมองเขาดูท่าทางเขาท่าจะเคร่งเครียด

“กำไลงาช้างของคุณเหรอ”

‘ไม่ใช่’

“งั้นแปลว่าคุณเป็นคนเอามันออกมาจากลิ้นชักข้างล่าง เอามาไว้ในห้องของฉันด้วยสินะ”

‘ผมนะหรือ’

“ใช่ งั้นคุณก็ช่วยเอามันออกไปจากข้อมือฉันด้วย ฉันพยายามแล้วแต่มันไม่สำเร็จ” เธอถอนหายใจยาว บางครั้งความสนอกสนใจมันก็เกินเหตุทุกที

‘เอาออกให้ไม่ได้หรอก’

ขนมจีนลืมตาโต

“ทำไมล่ะ”

‘กำไลนี้มันเป็นเครื่องหมายสำหรับผู้ใส่เป็นยุคโบราณ เห็นทีคนไหนใส่แล้วจะไม่มีวันถอดออกได้’ เจ้าของดวงตาสีดำชำเลืองมองเธอ

“คุณรู้ได้อย่างไร”

‘ผมไม่ทราบ’

“ไม่จริง”

ขนมจีนลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเธอเอาสบู่ถูมือของเธอ แล้วถอดมันออกแต่ก็ไม่ได้ผล เธอขบกรามแน่นเพื่อที่จะถอดมันออก แปลกจริง ๆ ตอนที่เธอสวมใส่มันง่ายกว่านี้ตั้งเยอะ แต่เวลาถอดเธอกลับถอดออกไม่ได้เลย ไม่ว่าจะลองสักกี่ครั้งมันก็ยังติดแน่นไม่ยอมถอดออก

“อะไรกัน ตอนใส่มันยังง่ายดายอยู่เลย”

‘ผมคิดว่า น่าจะมีใครบางคนเอามาไว้ในห้องคุณ’

ขนมจีนหันไปมอง ใครน่ะหรือหรือว่าจะเป็นคุณหลวง

“คุณหลวง...” เธอกระซิบแผ่ว

‘คุณหลวงหรือ’

“ทำไมเขาต้องเอากำไลงาช้างมาสวมให้ฉันนะ”

‘ไม่รู้สิ’

เธอหันไปมองหน้าเขาพร้อมขมวดคิ้ว

“ตลอดเวลาที่คุณอยู่ในบ้านหลังนี้ เคยเจอคนอื่นบ้างหรือเปล่า”

‘ไม่เคย’

“แปลกจัง มันแปลกมากก็เมื่อคืนฉันเพิ่งเจอกับคุณหลวงมา แล้วคุณ...”

‘วิญญาณก็ส่วนวิญญาณ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นวิญญาณแต่ก็ไม่ได้รู้เรื่องไปซะหมดหรอกนะ’ ธีร์พูดแผ่วเบา ‘ถ้าเขาไม่ให้ผมมองเห็น ผมก็มองไม่เห็น จะมีบ้างแค่เงาลาง ๆ แค่นั้น’

“เหรอ....ฉันคิดว่าคุณจะเห็นซะอีก”

‘ไม่เป็นไร’

ขนมจีนรู้สึกว่าวิญญาณตนนี้มีบางอย่าง เขาดูเป็นชายหนุ่มอยู่เลย หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลา เรียวปากเป็นสัน เส้นผมก็ตัดสั้นระต้นคอ นี่เขาตายลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วศพของเขาฝังไปนานหรือยัง เธอไม่เคยรู้อะไรเลย เธอจ้องมองดวงตาสีน้ำตาลของเขา พลางกระซิบแผ่ว

“คุณตายลงมานานแค่ไหนแล้ว”

‘ไม่รู้สิ สงสัยจะคงไม่นาน ผมลืมไปหมดแล้วล่ะ’

“แล้วคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

‘ไม่รู้เหมือนกัน รู้ตัวอีกทีก็ราว ๆ ผมก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ผมพยายามจะออกไปข้างนอกแต่ก็ออกไปไม่ได้’

เธอกัดริมฝีปากแน่น มันน่าจะสักวิธีทีทำให้เขาออกไปนอกบ้านได้

“ฉันเคยได้ยินมาว่า ถ้ามีมนุษย์รู้ว่ามีคุณอยู่แล้วเขาอนุญาตให้คุณติดตามไปด้วยก็น่าจะใช้ได้นะ”

เขายิ้มบาง ๆ

‘แปลว่า คุณอยากให้ผมติดตามไปด้วยเหรอ’

“ไม่ใช่...คือ แบบว่าฉันแค่สงสารคุณที่ต้องมาหมกตัวอยู่ในนี้ทั้งวัน”

‘พรุ่งนี้คุณก็ลองดูก็ได้’

“แต่ก่อนหน้านั้น ฉันต้องหาเสื้อผ้าให้คุณสวมใส่ก่อน ไม่อย่างนั้นเกิดมีพวกสัมผัสที่หกคนอื่นอีก มีหวังฉันโดนนินทาตายเลย”

‘วิญญาณก็ส่วนวิญญาณ คนเกี่ยวอะไรด้วย’

“นั่นแหละ มันก็เหมือนกัน”

‘เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ นอนหลับฝันดี’

“อื้อ”


....เช้าวันต่อมา เธอได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ธีร์ เธอก้มนั่งพนมมือขอให้แรงอธิษฐานไปถึงวิญญาณที่อยู่ในบ้านด้วยเถิด เมื่ออุทิศเสร็จแล้วเธอก็กรวดน้ำไปให้เขา เพื่อให้ธีร์ได้มีเสื้อผ้าใส่สักที เมื่อเธอใส่บาตรเสร็จพระคุณเจ้าก็เอ่ยถามเธอว่า

“โยม มาอยู่บ้านหลังนี้นานแล้วหรือ”

“เพิ่งมาได้เมื่อวานเองค่ะ”

“คฤหาสน์หลังนี้ไม่ค่อยมีคนมาอยู่นานแล้วนะ มีโยมมาอยู่ค่อยเบาใจหน่อย”

ขนมจีนเอียงคอถามอย่างสงสัย

“คฤหาสน์นี้เป็นของคุณหลวงนะค่ะ” เธออธิบาย

“อืม ดีแล้ว”

ขนมจีนพนมมือไหว้พระ เธอถอนหายใจยาว จะว่าไม่มีเลยมันก็ไม่ได้จะว่ามีจนเธออาศัยอยู่ไม่ได้ก็เกินไป เธอเป็นพวกสัมผัสที่หก อะไรที่พอปล่อยได้เธอก็ปล่อยไป ไม่ถือว่าผีกับมนุษย์อยู่ร่วมกันไม่ได้เสียหน่อย

“ขนมจีน วันนี้เธอมาใส่บาตรพระแต่เช้าเชียวนะ”

“ใครเหรอครับแม่” ชายหนุ่มผมสีส้มถามมารดา ดวงตาที่มองเธอหวานระยับ

“ก็ใครซะอีกล่ะ ลูกสาวของญาติเราที่เพิ่งเสียชีวิตไป

“อ๋อ ที่แท้ก็ญาตินี่เอง”

“สวัสดีค่ะ คุณป้า” เธอพนมมืออย่างเรียบร้อย

“สวัสดีจ้ะ เป็นอย่างไรบ้างบ้านใหม่อยู่สบายดีหรือเปล่า” เธอชำเลืองมองไปยังกำไลงาช้างลวดลายแกะสลักของเธอแล้วก็ขมวดคิ้ว “นั่นอะไรน่ะ”

“นี่น่ะเหรอคะ กำไลงาช้างไม่รู้ใครเอาออกมาวางไว้”

“ไหนขอดูหน่อยซิ” ป้าของเธอจับเอาไว้แน่น มองดูลายแกะสลักโบราณของมัน “นี่เธอ มาอยู่ไม่ทันข้ามคืนก็ขโมยของซะแล้ว ไหนขอคืนหน่อยซิ”

คำว่าขโมยของป้า ทำเอาเธอขมวดคิ้วด้วยความโมโห

“ถ้าป้าว่าหนูขโมยเอามาใส่ จะลองใส่ดูก็ได้นะคะ”

“แน่ล่ะ สมบัติทุกชิ้นที่อยู่ในบ้านหลังนั้น เป็นของฉันคนอื่นไม่มีสิทธิ์”

“เหรอคะ แล้วทำไมป้าถึงต้องออกมาอยู่ด้านนอกด้วยคะ ถ้ามีสิทธิ์จริง ๆ”

“เอ่อ...คือมัน”

“เธอนอนที่นี่ ไม่มีผีมาหลอกบ้างเหรอ” ชิตเอ่ยปากเบา ๆ “ผีที่มาตอนกลางคืน แล้วแกล้งจับขาเธอลากลงจากเตียงน่ะสิ”

“ไม่มีนี่คะ” เธอแสร้งโกหก “หรือว่าคุณเคยเจอ”

“เอาล่ะ พอแล้ว ถอดกำไลนั่นออกมาให้ฉันสิ”

ขนมจีนถอนหายใจยาว พยายามแกะกำไลข้อมือออกแต่ก็ไม่ได้ผล ผลสุดท้ายเธอก็เลยให้ป้าดึงออกมาจากข้อมือบางแต่ก็ยังไม่เป็นผลอยู่ดี

“อะไรกัน ทำไมมันแน่นอย่างนี้”

“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ฉันทำทุกวิถีทางแล้วแต่มันก็ถอดออกไม่ได้”

“ช่างมันเถอะ อย่าให้รู้นะว่าเธอขโมยของในบ้านเอาออกไปขาย ไม่อย่างนั้นละก็เธอจะไม่มีสิทธิอยู่ภายในบ้านหลังนี้อีก”

“ค่ะ คุณป้า”

“ระวังน้า ระวังผีมันจะมาหักคอเอา” ชิตเอาปลายนิ้วทำท่าเชือดคอตัวเองแล้วส่งเสียงหัวเราะ ขนมจีบเม้มปากแน่น คนที่จะกลัวน่ะไม่ใช่เธอหรอก แต่เป็นเขานี่แหละ

“ไป ตาชิต”

“ครับ”

เมื่อป้ากับนายชิตไปแล้ว เธอก็ถอนหายใจยาว ขนาดรู้ว่ามีผีอยู่ก็ยังใจร้ายให้หลานสาวคนเดียวมาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ แถมยังบอกว่าเธอห้ามขโมยของออกมาอีกต่างหาก สงสัยจะเคยทำแล้วนะสิ เธอปิดประตูหน้าคฤหาสน์แล้วทำท่าจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน ระเบียงสีอ่อนกับไม้มะฮอกกานี ทำให้บ้านหลังนี้กว้างขวาง แล้วเธอก็สะดุ้งโหยงเพราะได้ยินเสียงกระซิบเบา ๆ ที่ด้านหลัง

‘ขอบใจนะ’

*************************





เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2556, 07:15:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.พ. 2556, 07:15:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1684





<< คฤหาสน์สีขาว   บทที่ 3 เสียงกระซิบอย่างอ่อนโยน >>
เบลินญา 7 ก.พ. 2556, 15:01:06 น.
รอคอมเม้นท์ จากทุกคนค่ะ


Auuuu 7 ก.พ. 2556, 15:36:17 น.
ยัยป้านี่ไม่ไหวนะ ดีนะนางเอกรู้ทัน
แอบเขินแทนนางเอก คุณผีไม่ใช่เสื้อผ้า
กำไลงาช้างมันต้องเชื่อมโยงอะไรบางอย่างแน่เลย
ใครจะเป็นพระเอกน้าาาา


เบลินญา 7 ก.พ. 2556, 16:05:39 น.
ร้ายเกินทนนะค่ะ


จิรารัตน์ 8 ก.พ. 2556, 13:05:54 น.
หลังตรุษจีนจะมาอ่านจ้า


Zephyr 16 ก.พ. 2556, 16:08:01 น.
งง อ่ะ คุณธีร์นี่เป็นใคร แล้ววิญญาณอีกคนล่ะคะ มึน


lookAme 17 มี.ค. 2556, 22:26:38 น.
ใครเป็นใครกันละเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account