กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”
วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ
พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า
“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”
วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ
พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า
“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 33
ตอนที่ ๓๓
สีหน้าการนนท์เครียดขึ้นอย่างเห็นได้เมื่อหทัยรักตวาดแหวแล้วตัดสาย หนุ่มน้อยหันไปมองวริณสิตา เห็นแต่ว่าสาวน้อยเอาแต่นั่งนิ่ง กอดกระเป๋าที่มีรอยกรีดรูเบ้อเริ่มโดยไม่พูดอะไรเลยสักนิด
แน่แท้ที่สุด กระเป๋าสตางค์เธอหาย ความจริงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็มากพอที่จะทำให้ใครก็ได้ตระหนกใจสุดๆแล้ว ไม่ต้องไปรวมถึงการหลงทางกลางดึกด้วยเลย
การนนท์ยิ่งเครียดขึ้นอีก เขาเองตกใจแทบบ้าตอนที่พยุดาโทร.หาแล้วบอกว่าวริณสิตาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใด เขาแทบไม่อยากนึก ว่าถ้าผู้ชายคนที่วริณสิตาต้องเข้าไปขอเศษเหรียญเขามาเพื่อใช้โทร.หาพยุดาไม่ใช่คนดีขึ้นมาวริณสิตาจะเป็นยังไง!
ตอนนั้นการนนท์ก็บึ่งรถไม่คิดชีวิตพร้อมๆกับที่พยุดาแหวปรี๊ดๆตามสาย
‘พี่นายไปพูดอะไรกับจิ๊บเมื่อตอนกลางวันฮะจิ๊บถึงได้หาทางกลับบ้านเองอย่างงั้น คอยดูนะ ถ้าจิ๊บเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่ให้อภัยเลยไอ้สมองปลาทอง!’
ไม่จำเป็นต้องให้พยุดาคาดโทษการนนท์ก็คาดโทษตัวเองแล้ว!
หนุ่มน้อยเองก็แน่ใจเหมือนพยุดาว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างเมื่อตอนที่หทัยรักมาพบและขอคุยกับวริณสิตาตามลำพัง แต่การนนท์ไม่คิดว่ามันร้ายแรงถึงขั้นนี้!
และก็ใช่ว่าจะไม่พยายามถาม การนนท์ถาม แต่วริณสิตาไม่ยอมตอบ ที่จริงเธอไม่พูดอะไรกับเขาเลยเสียด้วยซ้ำ ได้แต่พูดโทรศัพท์กับพยุดาเท่านั้นว่าตนเองปลอดภัยแล้วซึ่ง...การนนท์ไม่สบายใจเลย
“จิ๊บ เรา...ขอโทษนะ” หนุ่มน้อยกล่าวเบาๆ
วริณสิตาหันมา นัยน์ตาที่มองหน้าการนนท์อยู่เพียงแค่อึดใจหรุบต่ำลงไปเมื่อเอ่ยถาม
“นนท์จะขอโทษเราทำไมล่ะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ก็...ก็พี่รักใช่มั้ย! พี่รักพูดอะไรไม่ดีกับจิ๊บ!” การนนท์โพล่ง ไม่สบายใจเลยที่ญาติตนเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง แต่ทว่า...
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหทัยรักหรอก” วริณสิตาบอก
“แต่ว่า”
“จริงๆ” สาวน้อยยืนยัน ตาหรุบต่ำจ้องมองแค่มือตัวเอง
ใช่ คำพูดของหทัยรักก็เป็นแค่เหตุผลเล็กๆเท่านั้นที่ทำให้เธอทำอย่างนี้ แต่คนที่...ทิ้งให้รอโดยไม่บอกอะไรเลยต่างหาก...
วริณสิตากอดกระเป๋าที่ถูกกรีดแน่นขึ้นไปอีก เจ็บปวดอยู่ลึกๆเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่า คน...ที่จะสั่งให้ลุงก้านไม่ต้องมารับเธอได้ มีแค่คนเดียว...
“จิ๊บ...”
“หืม?”
“จิ๊บจะร้องไห้ก็ได้นะ สัญญา เราจะไม่บอกใคร”
วริณสิตาหันมองหน้าการนนท์อีกครั้ง และหนนี้ก็เกินจะห้าม สาวน้อยไม่ได้เบือนหน้าหนีออกไปมองข้างทางแต่เลือกที่จะก้ม ก้มหน้าลงให้ต่ำที่สุดเพราะไม่อยากให้คนที่อยู่ในรถคันข้างๆ รึแม้แต่คน...ที่กำลังขับรถพาเธอไปส่งบ้านได้เห็นน้ำตาแม้แต่หยด
ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนั้น เธอก็ทั้งกลัวทั้งตกใจ แล้วทำไม...ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ ทำไม?!...
.....................
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันขอตัวก่อนได้ไหมคะ” จู่ๆคุณผู้หญิงคนใหม่แห่งบ้านวรโชติก็เอ่ยขึ้นกลางห้องรับแขกที่กำลังครึกครื้นด้วยบทบาทการเล่าเรื่องที่แสนจะสุขและสะใจของหทัยรัก
“อะไร” คุณอมรทำหน้าไม่ค่อยปลื้มทันทีเพราะเห็นอยู่ว่านี่เป็นโอกาสทองที่สายสุนีย์จะทำคะแนนด้วยการนั่งฟังแล้วเยินยอความฉลาดล้ำของลูกสาวเขา ไม่ใช่ทำท่าเหมือนจะนั่งไม่ค่อยสุขแล้วขอตัวกันดื้อๆอย่างนั้น
“ยายรักกำลังเล่าสนุกๆอยู่เลยนะ อย่าทำอย่างนี้น่าคุณสาย”
“คือ...ฉันง่วงแล้วน่ะค่ะ วันนี้ไม่ค่อยสบาย”
“หึ! จะไปห้ามทำไมล่ะคะคุณพ่อ อยากจะไปไหนก็ให้ไปๆเถอะ รักว่าบรรยากาศมันจะดีขึ้นด้วยซ้ำ!”
“โธ่! ยายรักก็” คุณอมรคราง และเมื่อความพยายามทุกอย่างดูไม่สัมฤทธิ์ผลเขาก็โบกมือเป็นเชิงให้สายสุนีย์จะไปไหนก็ตามใจ แต่แทนที่จะขึ้นห้องไปนอนคุณผู้หญิงคนใหม่แห่งบ้านวรโชติกลับแอบย่อง มองซ้ายขวาอย่างดีก่อนที่จะไปหยิบโทรศัพท์แล้วหลบออกไปยังสนามหญ้าแทน
สายสุนีย์กำโทรศัพท์ที่ถือในมือไว้แน่น หัวใจเต้นถี่แรงเมื่อเสียงหัวเราะของหทัยรักดังเล็ดลอดออกมาจากห้องรับแขกอย่างชัด
บ้าที่สุด! ทั้งที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตนเองต้องมีชีวิตใหม่ให้ได้เพื่อลบถ้อยคำหยาบคายที่บุพการีตราหน้าด่าทอเมื่อเธอก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ในวัยสาว!
ใช่! ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ทำให้บุพการีต้องอับอายเพราะเธอกลายเป็นส้วมหน้าบ้าน!
ความเสียใจก่อการด่าทอตราหน้าอย่างเจ็บช้ำกระทั่งทำให้สายสุนีย์ทิ้งทุกสิ่งทั้งฐานะความเป็นลูกและความเป็นแม่! สายสุนีย์ปฏิญาณแน่วแน่ว่าจะมีชีวิตใหม่และตัดชีวิตที่ผิดพลาดทิ้งไปชนิดที่เรียกว่าตัดเนื้อร้ายให้พ้นตัวเลย!
และมันก็เป็นเช่นนั้นมาถึงเกือบยี่สิบปี สายสุนีย์แทบจะซ่อนตราบาปของชีวิตและทำหน้ารื่นประหนึ่งว่าจะลืมมันไปได้ถ้าชีวิตที่กำลังจะไปได้ดิบได้ดีนี้ ไม่ต้องโคจรมาเจอกับเนื้อร้ายที่เคยตัดทิ้ง!
สายสุนีย์ยังจำความเย็นเยียบวูบแรกที่เข้าจับสรรพางค์กายเมื่อได้เผชิญหน้ากับคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังชองเธอคนแรก แต่นั่น ก็ยังเทียบไม่ได้กับความเย็นเยียบที่เข้ามาเยี่ยมอีกครั้งในวันที่ได้เห็นรูปในล็อกเก็ตของเด็กคนนั้น!
ทุกอย่างดูจะวนเข้ามาใกล้ตัวอย่างน่ากลัวเหลือเกิน!
สายสุนีย์ใช้ชีวิตด้วยความคิดหวาดระแวงกับล็อกเก็ตอยู่หลายวัน ร่ำๆจะเอาไปทิ้งแต่ก็ไม่กล้า กระทั่งสุดท้ายการนนท์เป็นคนเข้ามาถามหาถึงได้กลั้นใจตามไปพบเด็กคนนั้นในที่สุด และครั้นเมื่อเจอ ก็ดูเด็กนั้นจะใสซื่อไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่นิด นั่นทำให้สายสุนีย์พอจะคิดได้ ว่าความลับอาจจะยังเป็นความลับได้หากจะไม่ปฏิสัมพันธ์กันอีก เพราะงั้น ตั้งแต่วันที่เอาสร้อยไปคืน สายสุนีย์จึงตั้งปณิธาน จะไม่พบหรือเฉียดใกล้เด็กคนนั้นอีกต่อไป แต่ทว่า...
“หึ! ตลกมากเลยนะคะคุณพ่อ ตอนแรกรักก็คิดแค่ว่า มันคงจะได้แต่นั่งบื้อรอจนรากงอกเป็นอนุเสาวรีย์อยู่ที่มหาวิทยาลัย ที่ไหนได้ นังเด็กนั่นมันหลงไปยันสมุทรปราการ โอ๊ย! คิดแล้วก็ข๊ำขำนะคะ มันไม่รู้จักโทร.ไปให้ยายบัวศรีหรือใครไปช่วยมันก่อนด้วย ไม่รู้ว่าโง่ธรรมดารึอภิมหาโง่กัน แหม! นี่ถ้านายนนท์ไม่ได้ขับรถไปรับนะ คิดดูสิคะ ป่านนี้มันก็คงยังหาทางกลับไม่ได้ โอย คนอะไรโง้โง่!”
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่นึก ไม่คิด และไม่มีจิตผูกพันให้เด็กคนนั้นเด็ดขาด แต่ทว่า...
“เฮ้อ!” สายสุนีย์กระแทกลมหายใจออกไปเมื่อท้ายสุดก็กดโทร.ออก ได้แต่บอกตัวเองในใจ
แค่เห็นแก่เพื่อนมนุษย์เท่านั้นหรอก แค่นั้นจริงๆ!
............................
หลังจากใช้เวลาก้มหน้าอยู่พัก ในที่สุดวริณสิตาก็เงยหน้า เมื่อนึกถึงว่ามันได้เวลาที่เธอต้องหยุดร้องไห้อย่างคนอ่อนแอสักที แต่ก็ไม่ทันที่จะได้สูดหายใจยาวๆเพื่อเอาน้ำมูกกลับเข้าไปในจมูกพร้อมใช้หลังมือปาดน้ำตา มือหนาๆของคนนั่งข้างก็ยื่นทิชชูส่งมา
“อ่ะ คือ...เราไม่กล้ากวนตอนจิ๊บก้มหน้า ดูจิ๊บ...เอ่อ...ขะมักเขม้นมาก” หนุ่มน้อยบอก วริณสิตากะพริบตาที่เริ่มจะบวมนิดๆมองหน้าเพื่อน
“ขอโทษนะ” เธอบอกเสียงอู้อี้ “ปกติเราไม่ค่อยร้องไห้หรอก พอร้องทีเลยตั้งใจ แบบ...ครั้งเดียวให้มันหมดเลยไง เราทำให้การนนท์ตกใจรึเปล่า”
“โธ่! ตกใจอะไร ก็เราเป็นคนบอกให้จิ๊บร้องเองนี่ ว่าแต่ ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“อืม” วริณสิตาพยักหน้า “ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” สาวน้อยรับกระดาษทิชชูจากมือเพื่อนหนุ่มมา พับทบแล้วใช้เช็ดน้ำตา ซับปลายจมูกและเตรียมที่จะ...
“เอ้อ! ลองสั่งขี้มูกออกไปแรงๆด้วยสิ รับรองจะรู้สึกดีขึ้นอีกสิบเท่าเลย”
“บ้าสิ!” วริณสิตาว่าอุบอิบ หันหน้าหนีไปอีกด้านขณะที่กำลังรีดน้ำมูกที่จมูกตัวเองออกไป ก่อนจะหันกลับมาค้อนคนที่ยุให้ผู้หญิงสั่งขี้มูกหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำยังหัวเราะขำ แต่ทว่าในคำพูดตลกๆนั้นก็สัมผัสได้ว่าการนนท์ดูจะคิดถึงจิตใจเธอมากเหลือเกิน
“ขอบคุณนะ” วริณสิตากล่าวเบาๆ “ถ้าไม่ได้การนนท์ ป่านนี้เราคง...”
“ไม่เป็นไร” หนุ่มน้อยคลี่ยิ้มจริงใจ “ก็บอกแล้วไง สำหรับจิ๊บ ไม่ว่าอะไรเรายินดีเสมอ”
นานเป็นชั่วอึดใจที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเพราะต่างคนต่างใช้ความคิด กระทั่งที่สุดการนนท์ก็เป็นฝ่ายเอ่ย
“ใกล้จะถึงบ้านสุริยะธาดาแล้วนะ” ประโยคนั้นเหมือนกับจะเป็นการหยั่งเชิงเสียมากกว่าบอกเล่าธรรมดา แต่วริณสิตาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมานอกจากพยักหน้าน้อยๆ สิ่งนั้นทำให้การนนท์ต้องโพล่ง
“คืนนี้ เราจะคุยกับผู้ปกครองจิ๊บนะ!” จากเหตุการณ์นี้ การนนท์มีเรื่องมากมายเกี่ยวกับวริณสิตาที่อยากทำอยากพูด และแน่นอน เขาพร้อมจะทำทันทีด้วยถ้าเพียงวริณสิตาแสดงออกมาว่าไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้นอีกต่อไป แต่ทว่า...
“อะไรนะ?” วริณสิตามองหน้าหนุ่มน้อยอย่างไม่เข้าใจ แต่อีกฝ่ายยังเอ่ยหนักแน่น
“จิ๊บ จิ๊บไม่ต้องกลัวอะไรเลยนะ เราโตแล้ว เราจะคุยกับผู้ปกครองของจิ๊บเอง ในเมื่อเขาปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับจิ๊บได้ แล้วคนบ้านนั้นก็ไม่มีใครห่วงอะไรเลย เราก็จะ”
ทว่าพูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์การนนท์ก็ดังขึ้น หนุ่มน้อยนิ่วหน้า ครั้นเหลือบมองชื่อคนโทร.มา เห็นแล้วก็รีบกดรับ
“สวัสดีครับ” การนนท์ไม่ได้เอ่ยชื่อคนปลายสาย แต่จากประโยคถัดมาที่เขาบอกว่า ‘ครับ ใช่ครับ อยู่กับผมแล้ว’ ก็ทำให้วริณสิตารู้ได้ว่าเรื่องที่การนนท์กำลังสนทนากับใครอีกคนก็คือเรื่องเธอนั่นแหละ! และเพราะไม่รู้ ว่าปลายสายคือใคร วริณสิตาจึงได้แต่หรุบตา ก้มหน้าและรู้สึกหม่นๆจ่อมจ่มกับความคิดที่ว่า คนที่โทร.มาคงเห็นเธอเป็นตัวเดือดร้อนของการนนท์ไปแล้ว แต่ทว่าจู่ๆหนุ่มน้อยก็ยื่นมือถือมาตรงหน้า
“คุณสายอยากคุยกับจิ๊บน่ะ”
วริณสิตาเบิกตา หัวใจเต้นถี่เมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาคือคุณผู้หญิงที่แสนใจดีคนนั้น สาวน้อยรับโทรศัพท์มือถือของการนนท์มา กรอกเสียง ‘สวัสดีค่ะ’ ลงไปเบาๆ
“หนู ฉันได้ข่าวมาว่าหนูหลงทาง เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีแล้วใช่ไหม”
เสียงนั้น ประหนึ่งน้ำทิพย์ชโลมใจที่กำลังแตกระแหงแห้งผากไม่มีผิด เพราะเพียงแค่นี้ล่ะ...แค่นี้
แค่มีใครสักคน ถามไถ่เธอบ้างด้วยความห่วงใย เท่านั้นใจดวงน้อยก็เหมือนจะมีพลังกลับคืน
“ค่ะ...” วริณสิตาพยายามบังคับเสียงตัวเองไว้ไม่ให้สั่นด้วยความเต็มตื้นยามตอบคำถาม “หนูปลอดภัยดี ขอบพระคุณคุณสายสุนีย์มากนะคะ ที่กรุณาเป็นห่วงหนู”
“เอ่อ...ไม่ใช่นะ! ฉัน...ฉันก็แค่นึกถึงมนุษยธรรมเท่านั้น! แค่นี้นะ”
ตื๊ดๆๆๆ เสียงสัญญาณที่ดังติดกันถี่ๆเป็นสิ่งบอกได้ดีว่าสายสุนีย์วางสายไปแล้ว วริณสิตาได้แต่อึ้ง
นี่เธอ...พูดอะไรผิดไปรึเปล่า?...
“จิ๊บ” การนนท์เอ่ยเรียกเมื่อเห็นวริณสิตาเงียบไป “มีอะไรรึเปล่า?”
“เปล่า” สาวน้อยตอบเบาๆ ความรู้สึกเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจแห้งเหือดไปอย่างประหลาดเมื่อยื่นมือถือคืนเจ้าของ
“คุณสายสุนีย์ เขาวางสายไปแล้วนะ”
“อ้าว เหรอ ทำไมไวจัง” หนุ่มน้อยทำหน้าแปลกใจ เหลือบตาดูหน้าจอโทรศัพท์เล็กน้อยก่อนจะหย่อนกลับไปในกระเป๋าเสื้อ ไม่ได้คิดอะไร
“คุณสายเนี่ย เขาเป็นคนดีจริงๆเนอะ” เสียงการนนท์พูด “ขนาดไม่ได้เกี่ยวอะไร เขายังเป็นห่วงจิ๊บเลย”
วริณสิตาได้แต่นิ่ง
ฉัน...ฉันก็แค่นึกถึงมนุษยธรรมเท่านั้น!
สาวน้อยสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ
นี่เธอจะบ้าไปแล้วรึไรวริณสิตา ก็คุณสายสุนีย์เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิด แล้วเธอ...จะมีสิทธิ์ไปรู้สึกหวิวๆในใจได้ยังไง เขาอยู่ในฐานะที่สูงกว่าเธอถึงขนาดไหน แค่เขาอุตส่าห์นึกถึงมนุษยธรรมแล้วโทร.มา แค่นั้นก็บุญแล้วนี่นา แล้วเธอ...
...จะไปรู้สึกอย่างนั้นได้ยังไง รู้สึกได้ยังไง?...
สีหน้าการนนท์เครียดขึ้นอย่างเห็นได้เมื่อหทัยรักตวาดแหวแล้วตัดสาย หนุ่มน้อยหันไปมองวริณสิตา เห็นแต่ว่าสาวน้อยเอาแต่นั่งนิ่ง กอดกระเป๋าที่มีรอยกรีดรูเบ้อเริ่มโดยไม่พูดอะไรเลยสักนิด
แน่แท้ที่สุด กระเป๋าสตางค์เธอหาย ความจริงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็มากพอที่จะทำให้ใครก็ได้ตระหนกใจสุดๆแล้ว ไม่ต้องไปรวมถึงการหลงทางกลางดึกด้วยเลย
การนนท์ยิ่งเครียดขึ้นอีก เขาเองตกใจแทบบ้าตอนที่พยุดาโทร.หาแล้วบอกว่าวริณสิตาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นใด เขาแทบไม่อยากนึก ว่าถ้าผู้ชายคนที่วริณสิตาต้องเข้าไปขอเศษเหรียญเขามาเพื่อใช้โทร.หาพยุดาไม่ใช่คนดีขึ้นมาวริณสิตาจะเป็นยังไง!
ตอนนั้นการนนท์ก็บึ่งรถไม่คิดชีวิตพร้อมๆกับที่พยุดาแหวปรี๊ดๆตามสาย
‘พี่นายไปพูดอะไรกับจิ๊บเมื่อตอนกลางวันฮะจิ๊บถึงได้หาทางกลับบ้านเองอย่างงั้น คอยดูนะ ถ้าจิ๊บเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะไม่ให้อภัยเลยไอ้สมองปลาทอง!’
ไม่จำเป็นต้องให้พยุดาคาดโทษการนนท์ก็คาดโทษตัวเองแล้ว!
หนุ่มน้อยเองก็แน่ใจเหมือนพยุดาว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างเมื่อตอนที่หทัยรักมาพบและขอคุยกับวริณสิตาตามลำพัง แต่การนนท์ไม่คิดว่ามันร้ายแรงถึงขั้นนี้!
และก็ใช่ว่าจะไม่พยายามถาม การนนท์ถาม แต่วริณสิตาไม่ยอมตอบ ที่จริงเธอไม่พูดอะไรกับเขาเลยเสียด้วยซ้ำ ได้แต่พูดโทรศัพท์กับพยุดาเท่านั้นว่าตนเองปลอดภัยแล้วซึ่ง...การนนท์ไม่สบายใจเลย
“จิ๊บ เรา...ขอโทษนะ” หนุ่มน้อยกล่าวเบาๆ
วริณสิตาหันมา นัยน์ตาที่มองหน้าการนนท์อยู่เพียงแค่อึดใจหรุบต่ำลงไปเมื่อเอ่ยถาม
“นนท์จะขอโทษเราทำไมล่ะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”
“ก็...ก็พี่รักใช่มั้ย! พี่รักพูดอะไรไม่ดีกับจิ๊บ!” การนนท์โพล่ง ไม่สบายใจเลยที่ญาติตนเป็นต้นเหตุของทุกอย่าง แต่ทว่า...
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณหทัยรักหรอก” วริณสิตาบอก
“แต่ว่า”
“จริงๆ” สาวน้อยยืนยัน ตาหรุบต่ำจ้องมองแค่มือตัวเอง
ใช่ คำพูดของหทัยรักก็เป็นแค่เหตุผลเล็กๆเท่านั้นที่ทำให้เธอทำอย่างนี้ แต่คนที่...ทิ้งให้รอโดยไม่บอกอะไรเลยต่างหาก...
วริณสิตากอดกระเป๋าที่ถูกกรีดแน่นขึ้นไปอีก เจ็บปวดอยู่ลึกๆเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่า คน...ที่จะสั่งให้ลุงก้านไม่ต้องมารับเธอได้ มีแค่คนเดียว...
“จิ๊บ...”
“หืม?”
“จิ๊บจะร้องไห้ก็ได้นะ สัญญา เราจะไม่บอกใคร”
วริณสิตาหันมองหน้าการนนท์อีกครั้ง และหนนี้ก็เกินจะห้าม สาวน้อยไม่ได้เบือนหน้าหนีออกไปมองข้างทางแต่เลือกที่จะก้ม ก้มหน้าลงให้ต่ำที่สุดเพราะไม่อยากให้คนที่อยู่ในรถคันข้างๆ รึแม้แต่คน...ที่กำลังขับรถพาเธอไปส่งบ้านได้เห็นน้ำตาแม้แต่หยด
ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนั้น เธอก็ทั้งกลัวทั้งตกใจ แล้วทำไม...ทำไมเขาถึงได้ใจร้ายขนาดนี้ ทำไม?!...
.....................
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ ถ้าไม่ว่าอะไร ฉันขอตัวก่อนได้ไหมคะ” จู่ๆคุณผู้หญิงคนใหม่แห่งบ้านวรโชติก็เอ่ยขึ้นกลางห้องรับแขกที่กำลังครึกครื้นด้วยบทบาทการเล่าเรื่องที่แสนจะสุขและสะใจของหทัยรัก
“อะไร” คุณอมรทำหน้าไม่ค่อยปลื้มทันทีเพราะเห็นอยู่ว่านี่เป็นโอกาสทองที่สายสุนีย์จะทำคะแนนด้วยการนั่งฟังแล้วเยินยอความฉลาดล้ำของลูกสาวเขา ไม่ใช่ทำท่าเหมือนจะนั่งไม่ค่อยสุขแล้วขอตัวกันดื้อๆอย่างนั้น
“ยายรักกำลังเล่าสนุกๆอยู่เลยนะ อย่าทำอย่างนี้น่าคุณสาย”
“คือ...ฉันง่วงแล้วน่ะค่ะ วันนี้ไม่ค่อยสบาย”
“หึ! จะไปห้ามทำไมล่ะคะคุณพ่อ อยากจะไปไหนก็ให้ไปๆเถอะ รักว่าบรรยากาศมันจะดีขึ้นด้วยซ้ำ!”
“โธ่! ยายรักก็” คุณอมรคราง และเมื่อความพยายามทุกอย่างดูไม่สัมฤทธิ์ผลเขาก็โบกมือเป็นเชิงให้สายสุนีย์จะไปไหนก็ตามใจ แต่แทนที่จะขึ้นห้องไปนอนคุณผู้หญิงคนใหม่แห่งบ้านวรโชติกลับแอบย่อง มองซ้ายขวาอย่างดีก่อนที่จะไปหยิบโทรศัพท์แล้วหลบออกไปยังสนามหญ้าแทน
สายสุนีย์กำโทรศัพท์ที่ถือในมือไว้แน่น หัวใจเต้นถี่แรงเมื่อเสียงหัวเราะของหทัยรักดังเล็ดลอดออกมาจากห้องรับแขกอย่างชัด
บ้าที่สุด! ทั้งที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตนเองต้องมีชีวิตใหม่ให้ได้เพื่อลบถ้อยคำหยาบคายที่บุพการีตราหน้าด่าทอเมื่อเธอก่อความผิดพลาดครั้งใหญ่ในวัยสาว!
ใช่! ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ทำให้บุพการีต้องอับอายเพราะเธอกลายเป็นส้วมหน้าบ้าน!
ความเสียใจก่อการด่าทอตราหน้าอย่างเจ็บช้ำกระทั่งทำให้สายสุนีย์ทิ้งทุกสิ่งทั้งฐานะความเป็นลูกและความเป็นแม่! สายสุนีย์ปฏิญาณแน่วแน่ว่าจะมีชีวิตใหม่และตัดชีวิตที่ผิดพลาดทิ้งไปชนิดที่เรียกว่าตัดเนื้อร้ายให้พ้นตัวเลย!
และมันก็เป็นเช่นนั้นมาถึงเกือบยี่สิบปี สายสุนีย์แทบจะซ่อนตราบาปของชีวิตและทำหน้ารื่นประหนึ่งว่าจะลืมมันไปได้ถ้าชีวิตที่กำลังจะไปได้ดิบได้ดีนี้ ไม่ต้องโคจรมาเจอกับเนื้อร้ายที่เคยตัดทิ้ง!
สายสุนีย์ยังจำความเย็นเยียบวูบแรกที่เข้าจับสรรพางค์กายเมื่อได้เผชิญหน้ากับคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังชองเธอคนแรก แต่นั่น ก็ยังเทียบไม่ได้กับความเย็นเยียบที่เข้ามาเยี่ยมอีกครั้งในวันที่ได้เห็นรูปในล็อกเก็ตของเด็กคนนั้น!
ทุกอย่างดูจะวนเข้ามาใกล้ตัวอย่างน่ากลัวเหลือเกิน!
สายสุนีย์ใช้ชีวิตด้วยความคิดหวาดระแวงกับล็อกเก็ตอยู่หลายวัน ร่ำๆจะเอาไปทิ้งแต่ก็ไม่กล้า กระทั่งสุดท้ายการนนท์เป็นคนเข้ามาถามหาถึงได้กลั้นใจตามไปพบเด็กคนนั้นในที่สุด และครั้นเมื่อเจอ ก็ดูเด็กนั้นจะใสซื่อไม่รู้เรื่องอะไรแม้แต่นิด นั่นทำให้สายสุนีย์พอจะคิดได้ ว่าความลับอาจจะยังเป็นความลับได้หากจะไม่ปฏิสัมพันธ์กันอีก เพราะงั้น ตั้งแต่วันที่เอาสร้อยไปคืน สายสุนีย์จึงตั้งปณิธาน จะไม่พบหรือเฉียดใกล้เด็กคนนั้นอีกต่อไป แต่ทว่า...
“หึ! ตลกมากเลยนะคะคุณพ่อ ตอนแรกรักก็คิดแค่ว่า มันคงจะได้แต่นั่งบื้อรอจนรากงอกเป็นอนุเสาวรีย์อยู่ที่มหาวิทยาลัย ที่ไหนได้ นังเด็กนั่นมันหลงไปยันสมุทรปราการ โอ๊ย! คิดแล้วก็ข๊ำขำนะคะ มันไม่รู้จักโทร.ไปให้ยายบัวศรีหรือใครไปช่วยมันก่อนด้วย ไม่รู้ว่าโง่ธรรมดารึอภิมหาโง่กัน แหม! นี่ถ้านายนนท์ไม่ได้ขับรถไปรับนะ คิดดูสิคะ ป่านนี้มันก็คงยังหาทางกลับไม่ได้ โอย คนอะไรโง้โง่!”
ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่นึก ไม่คิด และไม่มีจิตผูกพันให้เด็กคนนั้นเด็ดขาด แต่ทว่า...
“เฮ้อ!” สายสุนีย์กระแทกลมหายใจออกไปเมื่อท้ายสุดก็กดโทร.ออก ได้แต่บอกตัวเองในใจ
แค่เห็นแก่เพื่อนมนุษย์เท่านั้นหรอก แค่นั้นจริงๆ!
............................
หลังจากใช้เวลาก้มหน้าอยู่พัก ในที่สุดวริณสิตาก็เงยหน้า เมื่อนึกถึงว่ามันได้เวลาที่เธอต้องหยุดร้องไห้อย่างคนอ่อนแอสักที แต่ก็ไม่ทันที่จะได้สูดหายใจยาวๆเพื่อเอาน้ำมูกกลับเข้าไปในจมูกพร้อมใช้หลังมือปาดน้ำตา มือหนาๆของคนนั่งข้างก็ยื่นทิชชูส่งมา
“อ่ะ คือ...เราไม่กล้ากวนตอนจิ๊บก้มหน้า ดูจิ๊บ...เอ่อ...ขะมักเขม้นมาก” หนุ่มน้อยบอก วริณสิตากะพริบตาที่เริ่มจะบวมนิดๆมองหน้าเพื่อน
“ขอโทษนะ” เธอบอกเสียงอู้อี้ “ปกติเราไม่ค่อยร้องไห้หรอก พอร้องทีเลยตั้งใจ แบบ...ครั้งเดียวให้มันหมดเลยไง เราทำให้การนนท์ตกใจรึเปล่า”
“โธ่! ตกใจอะไร ก็เราเป็นคนบอกให้จิ๊บร้องเองนี่ ว่าแต่ ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“อืม” วริณสิตาพยักหน้า “ดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบคุณนะ” สาวน้อยรับกระดาษทิชชูจากมือเพื่อนหนุ่มมา พับทบแล้วใช้เช็ดน้ำตา ซับปลายจมูกและเตรียมที่จะ...
“เอ้อ! ลองสั่งขี้มูกออกไปแรงๆด้วยสิ รับรองจะรู้สึกดีขึ้นอีกสิบเท่าเลย”
“บ้าสิ!” วริณสิตาว่าอุบอิบ หันหน้าหนีไปอีกด้านขณะที่กำลังรีดน้ำมูกที่จมูกตัวเองออกไป ก่อนจะหันกลับมาค้อนคนที่ยุให้ผู้หญิงสั่งขี้มูกหน้าตาเฉย มิหนำซ้ำยังหัวเราะขำ แต่ทว่าในคำพูดตลกๆนั้นก็สัมผัสได้ว่าการนนท์ดูจะคิดถึงจิตใจเธอมากเหลือเกิน
“ขอบคุณนะ” วริณสิตากล่าวเบาๆ “ถ้าไม่ได้การนนท์ ป่านนี้เราคง...”
“ไม่เป็นไร” หนุ่มน้อยคลี่ยิ้มจริงใจ “ก็บอกแล้วไง สำหรับจิ๊บ ไม่ว่าอะไรเรายินดีเสมอ”
นานเป็นชั่วอึดใจที่ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเพราะต่างคนต่างใช้ความคิด กระทั่งที่สุดการนนท์ก็เป็นฝ่ายเอ่ย
“ใกล้จะถึงบ้านสุริยะธาดาแล้วนะ” ประโยคนั้นเหมือนกับจะเป็นการหยั่งเชิงเสียมากกว่าบอกเล่าธรรมดา แต่วริณสิตาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมานอกจากพยักหน้าน้อยๆ สิ่งนั้นทำให้การนนท์ต้องโพล่ง
“คืนนี้ เราจะคุยกับผู้ปกครองจิ๊บนะ!” จากเหตุการณ์นี้ การนนท์มีเรื่องมากมายเกี่ยวกับวริณสิตาที่อยากทำอยากพูด และแน่นอน เขาพร้อมจะทำทันทีด้วยถ้าเพียงวริณสิตาแสดงออกมาว่าไม่อยากอยู่บ้านหลังนั้นอีกต่อไป แต่ทว่า...
“อะไรนะ?” วริณสิตามองหน้าหนุ่มน้อยอย่างไม่เข้าใจ แต่อีกฝ่ายยังเอ่ยหนักแน่น
“จิ๊บ จิ๊บไม่ต้องกลัวอะไรเลยนะ เราโตแล้ว เราจะคุยกับผู้ปกครองของจิ๊บเอง ในเมื่อเขาปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับจิ๊บได้ แล้วคนบ้านนั้นก็ไม่มีใครห่วงอะไรเลย เราก็จะ”
ทว่าพูดยังไม่ทันจบเสียงโทรศัพท์การนนท์ก็ดังขึ้น หนุ่มน้อยนิ่วหน้า ครั้นเหลือบมองชื่อคนโทร.มา เห็นแล้วก็รีบกดรับ
“สวัสดีครับ” การนนท์ไม่ได้เอ่ยชื่อคนปลายสาย แต่จากประโยคถัดมาที่เขาบอกว่า ‘ครับ ใช่ครับ อยู่กับผมแล้ว’ ก็ทำให้วริณสิตารู้ได้ว่าเรื่องที่การนนท์กำลังสนทนากับใครอีกคนก็คือเรื่องเธอนั่นแหละ! และเพราะไม่รู้ ว่าปลายสายคือใคร วริณสิตาจึงได้แต่หรุบตา ก้มหน้าและรู้สึกหม่นๆจ่อมจ่มกับความคิดที่ว่า คนที่โทร.มาคงเห็นเธอเป็นตัวเดือดร้อนของการนนท์ไปแล้ว แต่ทว่าจู่ๆหนุ่มน้อยก็ยื่นมือถือมาตรงหน้า
“คุณสายอยากคุยกับจิ๊บน่ะ”
วริณสิตาเบิกตา หัวใจเต้นถี่เมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาคือคุณผู้หญิงที่แสนใจดีคนนั้น สาวน้อยรับโทรศัพท์มือถือของการนนท์มา กรอกเสียง ‘สวัสดีค่ะ’ ลงไปเบาๆ
“หนู ฉันได้ข่าวมาว่าหนูหลงทาง เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีแล้วใช่ไหม”
เสียงนั้น ประหนึ่งน้ำทิพย์ชโลมใจที่กำลังแตกระแหงแห้งผากไม่มีผิด เพราะเพียงแค่นี้ล่ะ...แค่นี้
แค่มีใครสักคน ถามไถ่เธอบ้างด้วยความห่วงใย เท่านั้นใจดวงน้อยก็เหมือนจะมีพลังกลับคืน
“ค่ะ...” วริณสิตาพยายามบังคับเสียงตัวเองไว้ไม่ให้สั่นด้วยความเต็มตื้นยามตอบคำถาม “หนูปลอดภัยดี ขอบพระคุณคุณสายสุนีย์มากนะคะ ที่กรุณาเป็นห่วงหนู”
“เอ่อ...ไม่ใช่นะ! ฉัน...ฉันก็แค่นึกถึงมนุษยธรรมเท่านั้น! แค่นี้นะ”
ตื๊ดๆๆๆ เสียงสัญญาณที่ดังติดกันถี่ๆเป็นสิ่งบอกได้ดีว่าสายสุนีย์วางสายไปแล้ว วริณสิตาได้แต่อึ้ง
นี่เธอ...พูดอะไรผิดไปรึเปล่า?...
“จิ๊บ” การนนท์เอ่ยเรียกเมื่อเห็นวริณสิตาเงียบไป “มีอะไรรึเปล่า?”
“เปล่า” สาวน้อยตอบเบาๆ ความรู้สึกเหมือนน้ำทิพย์ชโลมใจแห้งเหือดไปอย่างประหลาดเมื่อยื่นมือถือคืนเจ้าของ
“คุณสายสุนีย์ เขาวางสายไปแล้วนะ”
“อ้าว เหรอ ทำไมไวจัง” หนุ่มน้อยทำหน้าแปลกใจ เหลือบตาดูหน้าจอโทรศัพท์เล็กน้อยก่อนจะหย่อนกลับไปในกระเป๋าเสื้อ ไม่ได้คิดอะไร
“คุณสายเนี่ย เขาเป็นคนดีจริงๆเนอะ” เสียงการนนท์พูด “ขนาดไม่ได้เกี่ยวอะไร เขายังเป็นห่วงจิ๊บเลย”
วริณสิตาได้แต่นิ่ง
ฉัน...ฉันก็แค่นึกถึงมนุษยธรรมเท่านั้น!
สาวน้อยสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ
นี่เธอจะบ้าไปแล้วรึไรวริณสิตา ก็คุณสายสุนีย์เขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิด แล้วเธอ...จะมีสิทธิ์ไปรู้สึกหวิวๆในใจได้ยังไง เขาอยู่ในฐานะที่สูงกว่าเธอถึงขนาดไหน แค่เขาอุตส่าห์นึกถึงมนุษยธรรมแล้วโทร.มา แค่นั้นก็บุญแล้วนี่นา แล้วเธอ...
...จะไปรู้สึกอย่างนั้นได้ยังไง รู้สึกได้ยังไง?...
ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ค. 2554, 22:56:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2554, 22:49:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 5722
<< ตอนที่ 32 | ตอนที่ 34 >> |
kin 2 มิ.ย. 2554, 12:51:08 น.
เง้ออออ ทำไมมาแค่นี้ละคร้าบบบบบ
เง้ออออ ทำไมมาแค่นี้ละคร้าบบบบบ
ปาริน 2 มิ.ย. 2554, 14:51:59 น.
แบบเต็มๆจะมาตอนสัปดาห์ที่สองของเดือน มิ.ย.จ้า
แบบเต็มๆจะมาตอนสัปดาห์ที่สองของเดือน มิ.ย.จ้า
SaiParn 6 มิ.ย. 2554, 20:04:57 น.
ยัง..รอต่อไปจ้า
ยัง..รอต่อไปจ้า
ปาริน 7 มิ.ย. 2554, 10:46:28 น.
จ้า รอก่อนนะจ๊ะ คนแต่งงานเข้าค่ะ สะดวกแล้วจะเอามาลงให้นะคะ สัญญาไม่เกินอาทิตย์นี้แน่นอนค่ะ
จ้า รอก่อนนะจ๊ะ คนแต่งงานเข้าค่ะ สะดวกแล้วจะเอามาลงให้นะคะ สัญญาไม่เกินอาทิตย์นี้แน่นอนค่ะ
SaiParn 10 มิ.ย. 2554, 20:53:23 น.
รอ รอ จ้า
รอ รอ จ้า
ปาริน 11 มิ.ย. 2554, 23:07:06 น.
แฮะๆ เอ่อ...แอบสารภาพอ่ะว่ามันไม่ครบตอนนะคะ (T-T) ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะทำหน้ามึนๆ แต่ว่า...คุณสายป่านทำให้ปารินรู้สึกว่าไม่อยากผิดสัญญาอย่างแรง แม้จะทำตามสัญญาได้ไม่ทั้งหมดก็เถอะนะ
ขอโทษจริงๆค่ะที่ตอนนี้ไม่สมบูรณ์ อาทิตย์ที่ผ่านมางานเข้าอย่างแรง เลยเกิดอารมณ์เหนื่อยๆกับชีวิต แฮ่...แย่จริงเลยเนอะ
เอาล่ะค่ะ พล่ามมากเกิน พบกันใหม่เมื่อคนแต่งพร้อมนะคะ (จะพยายามขจัดอารมณ์หน่ายๆให้ไวที่สุดจ้า)
แฮะๆ เอ่อ...แอบสารภาพอ่ะว่ามันไม่ครบตอนนะคะ (T-T) ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะทำหน้ามึนๆ แต่ว่า...คุณสายป่านทำให้ปารินรู้สึกว่าไม่อยากผิดสัญญาอย่างแรง แม้จะทำตามสัญญาได้ไม่ทั้งหมดก็เถอะนะ
ขอโทษจริงๆค่ะที่ตอนนี้ไม่สมบูรณ์ อาทิตย์ที่ผ่านมางานเข้าอย่างแรง เลยเกิดอารมณ์เหนื่อยๆกับชีวิต แฮ่...แย่จริงเลยเนอะ
เอาล่ะค่ะ พล่ามมากเกิน พบกันใหม่เมื่อคนแต่งพร้อมนะคะ (จะพยายามขจัดอารมณ์หน่ายๆให้ไวที่สุดจ้า)
จิงโกะ 12 มิ.ย. 2554, 10:26:27 น.
เอาเข้าไ เอาเข้าไป จิ๊บเอ๊ย เจ็บยังไม่พอ ถึงบ้านแล้วคุณพีจะกรหน่ำให้ช้ำใจอีกแรงไหมนี่
รอได้จ๊ะ หายเหนื่อย หายยุ่ง ก็มาลงต่อ คนอ่านก็จะปลีกเวลาแสนยุ่งมาตามอ่านเช่นกัน อิอิ
เอาเข้าไ เอาเข้าไป จิ๊บเอ๊ย เจ็บยังไม่พอ ถึงบ้านแล้วคุณพีจะกรหน่ำให้ช้ำใจอีกแรงไหมนี่
รอได้จ๊ะ หายเหนื่อย หายยุ่ง ก็มาลงต่อ คนอ่านก็จะปลีกเวลาแสนยุ่งมาตามอ่านเช่นกัน อิอิ
SaiParn 12 มิ.ย. 2554, 20:20:59 น.
เฮ้อ...พอเข้าบ้านแล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหนอ
สรุปจิ๊บน่าสงสารจัง
ปล.ขอบคุณนะคะคุณปาริน สู้ สู้ค่ะ
เฮ้อ...พอเข้าบ้านแล้วอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหนอ
สรุปจิ๊บน่าสงสารจัง
ปล.ขอบคุณนะคะคุณปาริน สู้ สู้ค่ะ
panon 16 มิ.ย. 2554, 08:00:56 น.
สงสารจิ๊บอ่ะเบื่อคุณพีสุภาพบุรุษที่สุดในโลกเดี๋ยวดูนะพอจิ๊บเข้าบ้านไปก้องี่เง่าอีก อย่างนี้น่าให้การนนท์ทำอะไรสักอย่างให้รู้สึกเสียบ้าง
สงสารจิ๊บอ่ะเบื่อคุณพีสุภาพบุรุษที่สุดในโลกเดี๋ยวดูนะพอจิ๊บเข้าบ้านไปก้องี่เง่าอีก อย่างนี้น่าให้การนนท์ทำอะไรสักอย่างให้รู้สึกเสียบ้าง
SaiParn 21 มิ.ย. 2554, 20:30:40 น.
อาโหลลลลลล เป็นไงบ้างจ๊ะคุงปารินจ๋า
งานยังยุ่งมากมายใช่ไหมเอ่ย หายยุ่งไวไวนะจ๊ะ รออยู่จ้า
อาโหลลลลลล เป็นไงบ้างจ๊ะคุงปารินจ๋า
งานยังยุ่งมากมายใช่ไหมเอ่ย หายยุ่งไวไวนะจ๊ะ รออยู่จ้า
ปาริน 22 มิ.ย. 2554, 20:40:10 น.
ใช่จ้าคุณสายป่าน ทั้งยุ่งทั้งเครียดจนเข้าขั้นเอือมเลยทีเดียว ๕๕๕ แต่คงแต่งจะพยายามหาเวลาแต่งนิยายมาให้อ่านนะคะ (ก็คนอ่านน่ารักอ่ะ ^^) แต่ยังไง...ช่วงนี้อ่านของนักเขียนท่านอื่นไปพลางๆก่อนนะจ๊ะ
ใช่จ้าคุณสายป่าน ทั้งยุ่งทั้งเครียดจนเข้าขั้นเอือมเลยทีเดียว ๕๕๕ แต่คงแต่งจะพยายามหาเวลาแต่งนิยายมาให้อ่านนะคะ (ก็คนอ่านน่ารักอ่ะ ^^) แต่ยังไง...ช่วงนี้อ่านของนักเขียนท่านอื่นไปพลางๆก่อนนะจ๊ะ
SaiParn 23 มิ.ย. 2554, 20:54:09 น.
สู้ สู้นะจ๊ะ ^^
สู้ สู้นะจ๊ะ ^^
หมู้หมู 3 ก.ค. 2554, 15:26:33 น.
รอ ... อีก ... คน
รอ ... อีก ... คน
SaiParn 3 ก.ค. 2554, 16:24:51 น.
นั่งรอเป็นเพื่อนกันเนอะ ๆ
นั่งรอเป็นเพื่อนกันเนอะ ๆ
panon 5 ก.ค. 2554, 15:47:34 น.
เข้ามารอหนูจิ๊บด้วยอีกคนนะจ๊ะ
เข้ามารอหนูจิ๊บด้วยอีกคนนะจ๊ะ
SaiParn 5 ก.ค. 2554, 18:49:07 น.
ค่อย ๆ มีเพื่อนนั่งรอเพิ่มขึ้นนะคะ
ค่อย ๆ มีเพื่อนนั่งรอเพิ่มขึ้นนะคะ
ปาริน 6 ก.ค. 2554, 23:27:17 น.
^____^ รับทราบและวนเวียนอยู่แถวนี้เสมอๆจ้ะ ไม่ได้หายไปเลยแน่นอน ขอเวลาเคลียร์งานก่อนเนอะ ขอบคุณทุกคนที่มานั่งรอจ้า แล้วปารินจะกลับมาแน่นอน
^____^ รับทราบและวนเวียนอยู่แถวนี้เสมอๆจ้ะ ไม่ได้หายไปเลยแน่นอน ขอเวลาเคลียร์งานก่อนเนอะ ขอบคุณทุกคนที่มานั่งรอจ้า แล้วปารินจะกลับมาแน่นอน
SaiParn 7 ก.ค. 2554, 19:38:10 น.
โอเค.....คร่า
โอเค.....คร่า
ปาริน 14 ก.ค. 2554, 14:22:27 น.
T-T
T-T
ปาริน 14 ก.ค. 2554, 14:23:04 น.
อย่าทำให้เค้ารู้สึกผิดไปมากกว่าเน้ กระซิกๆๆ
อย่าทำให้เค้ารู้สึกผิดไปมากกว่าเน้ กระซิกๆๆ
แพม 17 ก.ค. 2554, 00:25:27 น.
สำนึกผิดชอบชั่วดีของยัยรักหายไปไหน เพราะพ่อแม่เลี้ยงไม่ดี หรือมันอยู่ในกมลสันดาน แล้วก็นะ ใครจะโดนวีนกันแน่ฮึ พระเอกหรือนางเอก เอ้อ..ข้ามปีละเรื่องนี้ ก็ต้องรอมันต่อไป
สำนึกผิดชอบชั่วดีของยัยรักหายไปไหน เพราะพ่อแม่เลี้ยงไม่ดี หรือมันอยู่ในกมลสันดาน แล้วก็นะ ใครจะโดนวีนกันแน่ฮึ พระเอกหรือนางเอก เอ้อ..ข้ามปีละเรื่องนี้ ก็ต้องรอมันต่อไป
SaiParn 17 ก.ค. 2554, 19:31:13 น.
หุหุ
หุหุ
SaiParn 26 ก.ค. 2554, 12:16:30 น.
รอด้วย ๆ ๆ ๆ ค่ะ
รอด้วย ๆ ๆ ๆ ค่ะ
april 28 ก.ค. 2554, 15:27:54 น.
เข้ามาตาม เจ้าของคุณจิ๊บ ค่ะ รออออ.. เป็นกำลังใจให้ในสิ่งที่ทำเหนื่อยใจ
จงหายไปโอมเพียง...
เข้ามาตาม เจ้าของคุณจิ๊บ ค่ะ รออออ.. เป็นกำลังใจให้ในสิ่งที่ทำเหนื่อยใจ
จงหายไปโอมเพียง...
SaiParn 2 ส.ค. 2554, 12:39:08 น.
คุณปารินจ๋า...รออ่านเรื่องนี้อยู่นะคะ ขอให้ทุกสิ่งที่ทำผ่านไปด้วยดีค่ะ
คุณปารินจ๋า...รออ่านเรื่องนี้อยู่นะคะ ขอให้ทุกสิ่งที่ทำผ่านไปด้วยดีค่ะ
SaiParn 15 ส.ค. 2554, 19:04:01 น.
เราก็ยังรอเรื่องนี้ต่อไป
เราก็ยังรอเรื่องนี้ต่อไป
pookza 17 ส.ค. 2554, 08:40:51 น.
เมื่อไหร่จะมาต่อค๊าาา
เมื่อไหร่จะมาต่อค๊าาา
XaWarZd 25 ส.ค. 2554, 13:42:29 น.
โหย ค้างคาเลยนะเนี่ย
โหย ค้างคาเลยนะเนี่ย
SaiParn 25 ส.ค. 2554, 23:51:17 น.
ลอยคอ...รอคอยจ้า
ลอยคอ...รอคอยจ้า
SaiParn 1 ก.ย. 2554, 09:18:16 น.
รอยัยนู๋จิ๊บ.......อยู่น๊า
รอยัยนู๋จิ๊บ.......อยู่น๊า
ปาริน 1 ก.ย. 2554, 11:30:53 น.
จ้าๆ เดือนตุลามาครับป๋ม
จ้าๆ เดือนตุลามาครับป๋ม
SaiParn 8 ก.ย. 2554, 22:06:52 น.
โอเคจร้า รอจ้ารอ
โอเคจร้า รอจ้ารอ
SaiParn 19 ต.ค. 2554, 21:17:41 น.
รอคอย ลอยคอ.... ^^
รอคอย ลอยคอ.... ^^