กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”
วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ
พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า
“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”
วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ
พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า
“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 32
ตอนที่ ๓๒
“พีคะ”
เจ้าของชื่อได้แต่เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารเมื่อได้ยินเสียงหวานๆเอ่ยเรียก
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้ว เราไปฟังเพลงกันต่อดีมั้ยคะ”
พีรพัฒน์ขยับตัวนิดๆ มองคนชวนที่คลี่ยิ้มหวาน เอียงคอมองเขาด้วยท่าทางอย่างสาวน่ารักอารมณ์ดี น่าแปลกเหมือนกันที่วันนี้เขารู้สึกว่าหทัยรักดูจะเป็นสาวขี้อ้อนหนักกว่าทุกทีที่เคยเจอ ชายหนุ่มเสก้มหน้าจัดการกับอาหารตรงหน้าและยังไม่ได้ให้คำตอบกับการชวนของสาวสวย
“นะคะ เดี๋ยวเราไปฟังเพลงกันต่อนะ รักอยากไป”
“ผมว่าเอาไว้คราวหลังดีกว่า วันนี้มันดึกมากแล้ว”
ในที่สุดเขาก็บอก แต่แน่นอนว่าคำตอบไม่เป็นที่ปรารถนา สาวสวยจึงแสร้งค้อนพลางต่อว่า
“แหม! ดึกอะไรกันคะ ยังไม่ห้าทุ่มเลยนะพีก็”
คนถูกตัดพ้อผ่อนลมหายใจ รวบช้อนกับส้อมเข้าด้วยกันไว้ก่อนยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ปกติสี่ทุ่มกว่าเกือบห้าทุ่มนี่พีรพัฒน์ก็ว่าไม่ดึก แต่นั่นคือกรณีที่เขาอยากออกไปเอง ไม่ใช่ไปเพราะใครคอยบ่งการชี้นำอย่างนั้นอย่างนี้
“ขอโทษนะ ผมเหนื่อยน่ะ” พีรพัฒน์บอกเรียบๆก่อนเอนหลังพิงพนักและเหมือนกับกำลังรอให้หทัยรักรวบช้อนส้อมและยุติมื้ออาหารสักที แต่สาวสวยก็ยังนวยนาดละเลียดอาหารในจานอย่างไม่ทุกข์ร้อนจนเขาต้องเลือกที่จะเบนสายตาไปมองวิวข้างนอกแทน!
แน่นอนว่ากิริยาอาการนั้นทำให้หทัยรักได้แต่แอบเข่นเขี้ยว สีหน้าพีรพัฒน์เคร่งเครียดตลอดเวลาตั้งแต่ตอนที่ถูกชวนมาทานข้าวแล้ว! แล้วแววตาอย่างนั้น อย่างคนที่กำลังกังวลครุ่นคิดกับอะไรอยู่ตลอดทั้งที่กำลังดินเนอร์กับสาวสวยอย่างเธอ!
และแน่สิ! ทำไมคนอย่างหทัยรัก วรโชติจะไม่รู้ ว่าพีรพัฒน์กำลังคิดอะไร!
ก็คงกำลังนึกถึงนังเด็กนั่นอยู่ไงเล่า!
หทัยรักเบิกตาวาวโรจน์ เหลือบมองนาฬิกาบนผนังของร้าน เวลานั้นจวนเจียนจะห้าทุ่มเต็มทน สาวสวยยิ้มเยาะมุมปากอยู่ผุดพราย
“ก็ได้ค่ะ” ในที่สุดเสียงหวานก็เอ่ย พีรพัฒน์หันหน้ากลับมาก็พบว่าหทัยรักกำลังยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ว “แต่ว่า...” สาวสวยกล่าวอย่างไว้ท่า “รักจะถือว่า หนนี้พีติดหนี้รักนะคะ คราวหน้า พีต้องไปฟังเพลงกับรักด้วย ห้ามปฏิเสธ”
“ก็ได้ครับ”
หทัยรักคลี่ยิ้มหวาน
“งั้น...เราก็กลับกันเถอะค่ะ!”
เมื่อนั้นพีรพัฒน์จึงค่อยมีอารมณ์พอจะยิ้มคืนให้อีกฝ่ายบ้าง หทัยรักยังคงโบกมือให้เขาบางๆเมื่อตอนที่ต่างคนต่างแยกกันรถใครรถมันที่ลานจอดรถ แต่พีรพัฒน์ไม่ค่อยได้สนแล้ว เขาผลุบเข้าไปนั่งประจำที่คนขับอย่างว่องไว ใจแล่นไปถึงไหนต่อไหนตั้งแต่ยังไม่บิดกุญแจสตาร์ท เพราะงั้นพีรพัฒน์เลยขับรถค่อนข้างเร็ว แอบรู้สึกหงุดหงิดด้วยเมื่อนึกถึงว่า กลับไปถึงเขาก็คงไม่ได้เห็นหน้าเพราะป่านนี้แม่สาวน้อยนั่นก็คงจะเข้าห้องแล้วก็นอนไปแล้ว
พีรพัฒน์พ่นลมหายใจออกไปพรืดใหญ่
เฮ้อ! นี่ถ้าเขาอยากจะงัดเด็กที่หลับไปแล้วขึ้นมา จะใช้ข้ออ้างอะไรดีนะ รึว่า...เขาจะต้องทนรอให้ถึงเช้ากัน!
ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวาย แต่ยังไงชายหนุ่มก็บึ่งรถเต็มที่ ถึงการจราจรช่วงดึกแบบนี้จะไม่ติดขัดแล้ว ทว่าก็ต้องใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าพีรพัฒน์จะกลับถึงบ้านสุริยะธาดา และถึงแม้ว่าจะยังนึกไม่ออก ว่าจะหาข้ออ้างอะไรไปงัดเด็กในปกครองออกมาจากเตียง แต่ประโยคแรกที่อ้าปากถามนางบัวศรีที่มายืนรอรับหน้าบ้านตามหน้าที่ก็คือ
“วริณสิตาล่ะ หลับไปแล้วรึ” ถามแล้วก็จ้ำพรวดๆเข้าบ้านอย่างกับคนตามของหาย เลยไม่ทันได้เห็นเลยว่าคนถูกถามก็ทำหน้างงๆ
“อ่า...ป้า ป้าก็ว่าจะถามคุณพีอยู่นี่ล่ะนะคะ” นางบัวศรีว่า รี่ตามพีรพัฒน์เข้ามาในบ้านอย่างติดๆ “เอ่อ ไม่เห็นเจ้าจิ๊บกลับมาด้วยเนี่ย คุณพีให้เจ้าจิ๊บมันค้างที่บ้านสวนกับคุณดวงทิพย์หรือคะ”
“อะไรนะ” พีรพัฒน์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดทันที สะบัดหน้ากลับมาเสียจนคนที่ตามหลังมาเกือบผงะ “เมื่อกี้ ว่าอะไรนะ?!”
“อ้าว! ก็...ก็ที่คุณพีบอกว่าจะพาเจ้าจิ๊บไปบ้านสวนไงคะ แล้วนี่ป้าไม่เห็นเจ้า”
“ไม่ใช่” ชายหนุ่มสวนทันใด “ผมไม่ได้พาวริณสิตาไปบ้านสวน พอดีมีเรื่องด่วน เลยบอกให้เลขาโทร.บอกอีกครั้งว่าให้ลุงก้านไปรับวริณสิตาด้วย ไม่ได้รับโทรศัพท์รึ”
ได้ฟังแล้วนางบัวศรีก็ตกใจจนหน้าซีด
“ไม่นี่คะ หลังจากคุณพีวางสาย ป้าก็ไม่เห็นได้รับโทรศัพท์อะไรเลย โอย ตายจริง แล้ว...แล้วป่านนี้เจ้าจิ๊บมันจะ...”
แค่นั้น พีรพัฒน์ก็หุนหันกลับไปที่รถทันใด ไม่รออะไรอีกแม้แต่วินาทีเดียว
...................................
“กลับมาแล้วหรือคะคุณรัก”
คนถูกทักหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวผ่านโถงของคฤหาสน์วรโชติ อารมณ์ที่อยู่ในโหมดธรรมดากลายสภาพเป็นพร้อมจะปรี๊ดทันทีที่สะบัดหน้าไปหาต้นเสียง
ก็นังคนระดับล่างนั่นสะเออะมาทักเธอได้ยังไง!
หทัยรักสะบัดหน้าไป กำลังจะส่งเสียงแว้ดใส่สายสุนีย์ที่บังอาจแหย๋มมาเรียกเธอ แต่แล้วสาวสวยก็ชะงักเมื่อพบว่าเป้าหมายที่คิดจะเล่นงานไม่ได้อยู่เพียงลำพัง คุณอมรก้าวออกจากห้องรับแขกสู่โถงของบ้านมายืนอยู่ข้างๆสายสุนีย์
“ทำไมวันนี้กลับดึกจังล่ะลูก ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆมารึ”
หทัยรักเชิดหน้า
“เปล่าค่ะ รักแค่ไปทานข้าวกับพีเหมือนทุกวันนั่นแหละ”
“แล้วไม่มีวันไหนจะกลับมาทานข้าวกับพ่อบ้างหรือลูก”
สาวสวยชายตา หรี่มองทั้งภรรยาใหม่ของบิดาและตัวบิดาด้วยหางตาอย่างไม่มีความยี่หระ
“คงยากอยู่นะคะ เพราะถ้าคุณพ่อยังนิยมจะร่วมโต๊ะกับพวกคนระดับต่ำน่ะ รักบอกแล้วไงคะว่ารักคงทานไม่ลง!”
“โธ่! ลูก” คุณอมรทำหน้ายุ่งยากใจ ความรังเกียจเดียดฉันท์ของลูกสาวต่อภรรยาใหม่ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ และคุณอมรเองก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่หทัยรักจะพลอยทำตัวเฉยเมยไม่สนใจพ่ออย่างเขาไปด้วย
ก็ลูกสาวคนเดียว เป็นทั้งแก้วตาทั้งดวงใจ ก็อยากจะให้ปรองดองกันเพื่อชีวิตที่มีความสุขตอนแก่ของเขาบ้างไม่ได้รึไง!
อมร วรโชติกำลังจะเอ่ยปากตัดพ้อลูกสาวในไส้ แต่นาทีนั้นโทรศัพท์ของหทัยรักก็ดังขึ้นเสียก่อน หทัยรักคลี่ยิ้มเยาะเมื่อเห็นชื่อคนโทร.มา สาวสวยมองหน้าบิดาอยู่นิดก่อนยกมือถือแนบหู กรอกเสียงหวาน
“ค่ะ ว่ายังไงคะพี”
คุณอมรมองหทัยรักสนทนา คาดอยู่ว่าความสัมพันธ์ของลูกสาวกับพีรพัฒน์น่าจะเข้าขั้นยอมรับคบหาดูใจกันแล้ว แต่ทว่า...
“อะไรนะคะ ตายจริง” คุณอมรได้ยินลูกสาวอุทาน แต่ทีท่าหทัยรักนั้นดูแปลกๆ ไอ้ถ้อยคำที่ใช้พูดก็บ่งชัดว่าเรื่องที่สนทนากับพีรพัฒน์ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่สีหน้านี่ไปคนละเรื่อง หทัยรักทำเหมือนจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่!
“โธ่! นี่เป็นอย่างงั้นไปได้ยังไงคะ” สาวสวยแสร้งว่า “พีก็เห็นนะ รักอุตส่าห์เขียนโน้ตให้คุณรุ่งด้วย เอ๊...นี่เป็นไปได้มั้ยคะว่าคุ”
แต่จู่ๆหทัยรักก็หยุดปั๊บ ก่อนที่จะ
“อ๊าย!” สาวสวยกรีดร้อง มองมือถืออย่างขัดใจ ดูเหมือนคนปลายสายคงตัดสายไปเพราะเหตุผลใดสักอย่าง คุณอมรเลยเกิดอาการงงเต้ก!
“มีอะไรหรือลูก” คุณอมรแย็บถาม หทัยรักสูดหายใจ พยายามข่มอารมณ์ขุ่นไว้ แม้จะขัดใจที่พีรพัฒน์วางสายก่อนเธอจะพูดจบ! แต่เรื่องที่เป็นเหตุให้เขาต้องโทร.มาก็สร้างความสะใจให้เธอมากกว่า!
หทัยรักยิ้มเหยียดอีกครา
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ พีเขาแค่ตื่นตูมที่นังเด็กวริณสิตายังไม่กลับบ้านเท่านั้นเอง”
“ฮะ!”
ทั้งหทัยรักและคุณอมรต่างก็หันมาจ้องเมื่อคนร้องอุทานเป็นสายสุนีย์ คุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติฝืนยิ้มนิดๆอย่างอึดอัด คุณอมรไม่ได้ใส่ใจกับทีท่านั้นจึงหันกลับมาถามลูกสาว
“วริณสิตา ใช่เด็กที่มันมาทำแก้วบาดในงานพ่อ เอ่อ...คือพ่อหมายถึง ที่บ้านเราวันนั้นใช่มั้ยลูก” คุณอมรรีบแก้เมื่อหทัยรักตวัดสายตาขุ่นๆ
“ค่ะ!” สาวสวยเชิดหน้า “นังเด็กนั่นแหละ!”
“เฮ้อ!” คุณอมรถอนใจขณะส่ายหน้า “พ่อว่า อย่างนี้คงต้องคิดให้หนักล่ะว่าจะยอมให้เจ้านนท์มันชอบพอดีมั้ย เด็กนั่นมันส่อแววเหมือนจะสร้างแต่ปัญหาสิน่า เออ! แล้วที่พีเขาโทร.มาเนี่ย จะให้รักไปช่วยหาเด็กนั่นเรอะ อย่าไปเชียวนายายรัก เลี่ยงได้ก็เลี่ยง อย่าไปใจดี บางทีที่มันยังไม่ได้กลับบ้าน มันอาจจะหนีเที่ยวอะไรของมันเองก็ได้”
“ฮึ!” หทัยรักยิ้มอย่างปริศนา “ไม่รู้สิคะ ป่านนี้ มันคงนั่งรอรากงอกติดพื้นไปแล้วมั้ง!”
“หืม? หมายความว่ายังไงน่ะลูก”
คนถูกถามไม่สนใจจะให้คำตอบ มีเพียงแววตามุ่งมาดร้ายกาจเท่านั้นที่วาววาบ
“ถ้าคุณพ่อจะห้าม ไม่ให้รักยื่นมือเข้าไปช่วยเลย คงไม่ได้หรอกนะคะ เดี๋ยวเขาจะหา ว่ารักเป็นคนใจดำ เพราะงั้น...” หทัยรักวาดยิ้มเยือก
“รักจะหาพระเอกขี่ม้าขาวให้นังเด็กนั่นสักคนค่ะ!”
.......................
พีรพัฒน์ไม่เคยรู้สึกร้อนใจขนาดนี้มาก่อนเลย ทันทีที่ตัดสายหทัยรักชายหนุ่มก็เหยียบคันเร่งเต็มที่ เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืน!
แต่วริณสิตายังไม่ได้กลับบ้าน!
“โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มสถบออกมา มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไงเขาไม่เข้าใจสักนิด! พีรพัฒน์ไม่รู้ว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นตรงไหน แต่มันส่งผลที่ทำให้เขารู้สึกว่า ร้ายแรงมหันต์!
เพราะเพียงแค่คิด ว่าป่านนี้วริณสิตาจะเป็นยังไง ยังคงจะรอใครไปรับอยู่ที่มหาวิทยาลัยมั้ย รึจะหลงทางไปไหนต่อไหน หรือ...ร้ายที่สุดคือเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับเธอรึเปล่า!
เพียงแค่คิด เขาก็แทบจะกดเท้าลงไปบนคันเร่งให้มิด!
แต่ก็ต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีกว่าที่เขาจะบึ่งไปถึงที่หมาย และแน่นอนว่ายามวิกาล คณะต่างๆในมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้สะดวกโยธิน รถของพีรพัฒน์ถูกกั้นไว้ด้วยเครื่องกีดขวางอัตโนมัติเมื่อเขากำลังจะเลี้ยวเข้าไปในบริเวณของคณะ
“เข้าไม่ได้นะครับ” เสียงรปภ.เอ่ยดังจากป้อม “หลังสี่ทุ่มไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปนะครับ”
พีรพัฒน์หน้าเครียดทันที เขาลงจากรถ ตรงไปหา รปภ. ที่ป้อม
“แต่ผมมารับน้องสาว เขาเรียนอยู่คณะนี้ให้ผมเข้าไปดูหน่อยได้ไหม เผื่อเขาจะรออยู่ข้างใน” พีรพัฒน์อธิบายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แต่อีกฝ่ายส่ายหัวขวับๆ
“โฮ้ย! ไม่มีใครอยู่แล้วล่ะคู้ณ! ผมอยู่เวรตรงนี้ตั้งกะหกโมง สองทุ่มนักศึกษาเขาก็กลับกันหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่หรอก”
“แต่น้องผมยังไม่มีคนมารับ ให้ผมเข้าไปดูเถอะ แป๊บเดียว”
“ไม่ได้ครับ ไม่ดะ เฮ้ย! คุณ! คู้ณ!” รปภ.ร้องเสียงหลง ตะลีตะลานวิ่งออกจากป้อมเมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็ลอดตัวผ่านเครื่องกั้นแล้ววิ่งเข้าไปในบริเวณของคณะ
“เฮ้ย! หยุดนะ! หยุด! ปี๊ด~ๆๆๆๆๆ!!!”
แม้รปภ.จะเป่านกหวีดปี๊ดๆไล่หลังก็ไม่ได้ทำให้พีรพัฒน์ยุติการบุกรุกเลย
“วริณสิตา!” เขาตะโกนเรียกหา ตรงรี่ไปยังที่ที่สาวน้อยมักจะมานั่งคอยเวลานายก้านมารับเสมอด้วยความหวังว่าจะเห็นร่างน้อยๆของวริณสิตายังคงจะนั่งคอยอยู่ แต่ทว่า...
“เฮ้ย! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” แล้ววินาทีนั้น รปภ.สองคนก็โดดตะครุบตัวเขาได้ทัน พร้อมๆกันกับที่...พีรพัฒน์ก็ต้องพบกับความว่างเปล่าจริงๆ!
...........................................
“หาพระเอกให้เด็กนั่น หมายความว่ายังไงน่ะลูก” คุณอมรเอ่ยถาม ดูจะยังไม่เข้าใจความต้องการของลูกสาวสักนิด หทัยรักก็ยังไม่ตอบอะไร สาวสวยนวยนาดเข้าไปหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่มในห้องรับแขกด้วยทีท่าสุดสบาย ยกมือถือขึ้นมาพิศไป นิ้วชี้ก็ค่อยๆไล่รายชื่อจากลิสต์ในมือถือระบบสัมผัสนั่นอย่างเอื่อยเฉื่อย ทีละชื่อๆกระทั่ง
“อ๊ะ! เจอแล้ว” สาวสวยยิ้มหวานปริศนาให้บิดาก่อนยกโทรศัพท์แนบหู คุณอมรทนไม่ได้กับความไม่รู้
“โทร.หาใครน่ะลูก?”
แต่หทัยรักก็ทำท่าจุ๊ปากห้ามกวนก่อนจะนิ่ง และรออยู่ไม่เกินนาทีคนที่โทร.หาก็รับสาย
“สวัสดีจ้ะ นายนนท์!” หทัยรักเอ่ย จีบปากคอ “อืม…โทษทีนะจ๊ะที่พี่ต้องรบกวนเธอดึกดื่นแบบนี้ แต่...พี่มีเรื่องจะบอกนิดหน่อยน่ะ คือเพื่อนเธอ วริณสิตาน่ะ ฮะ! อะไรนะ?”
นาทีนั้นหทัยรักเบิกตา ก่อนที่จะ...
“อ๊าว! นี่...เขาอยู่กับเธอแล้วเหรอเนี่ย ต๊าย!”
หทัยรักทำหน้าเหมือนอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาให้ก้อง! แต่สาวสวยก็ยังต้องกดเมื่อถามต่อ
“แล้ว...หลงไปถึงไหนจ๊ะเนี่ย... ฮะ! อะไรนะ สมุทรปราการ!” แล้วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หทัยรักหัวเราะก๊าก “ฮะๆ นี่! ดีนะที่เธอยังไปเจอทัน ไม่งั้น สงสัยได้ออกไปอ่าวไทย! หึๆ”
แต่ทว่า...จู่ๆอาการหัวเราะร่วนก็ชะงัก สีหน้าหทัยรักชักขึ้ง
“นี่! อย่าได้มาใช้เสียงอย่างนี้นะนายนนท์!” หทัยรักว่าก่อนจะเชิดหน้า เอ่ยต่อด้วยวาจากระด้างเย้ยหยัน
“ถ้าอยากจะรู้นักว่าฉันไปพูดอะไรกับเพื่อนเธอ ตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ในรถกับเธอไม่ใช่รึไง งั้นก็หันไปถามเขาเอาเองเลยซีว่าฉันพูดอะไร! ดีกว่าจะมาถามเอากับฉันมั้ยฮึ!” ว่าจบหทัยรักก็ตัดสาย นึกฉุนอยู่มากมายว่า
อ๊าย! ไอ้น้องบ้า! บังอาจยังไงถึงได้มาคาดคั้นจับผิดว่าเธอไปพูดอะไรกับนังเด็กนั่น!
หนนี้สาวสวยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และอาการประหนึ่งผีเข้าผีออกนั้นก็ทำให้คุณอมรไม่ไหวอีกต่อไป
“เฮ้ย! มันเกิดเรื่องอะไร นี่จะบอกพ่อได้รึยังฮึยายรัก!?” คนซักชักเสียงแข็ง แต่หทัยรักกลับสวนกลับไม่มีเกรง
“ยังค่ะ!”
“เฮ้ย! นี่พ่อเป็นพ่อแกนะ!”
“แล้วไงคะ?!”
“ก็...” คนเป็นพ่อสะอึกก่อนครางหงิง “โธ่! ก็พ่อเป็นห่วงนี่ลูก”
ท้ายสุดๆคุณอมรก็ไม่มีปัญญาเอาชนะลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนตามเคย! สายสุนีย์ก็ดูจะพลอยหน้าเครียดไปด้วย สาวสวยใช้เวลาสงบอารมณ์ขุ่นๆอยู่เกือบสองนาทีก่อนที่จะยกมือถือขึ้นอีกครั้ง
“จะโทร.หาใครอีกรึ”
หทัยรักตวัดสายตา ส่งผลให้คนถามต้องกลับไปคราง ‘ก็พ่อเป็นห่วงจริงๆ’ อีกครั้ง! และอาการทั้งหงอยทั้งจ๋อยของบิดาอย่างนั้นก็ดูจะทำให้หทัยรักอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง สาวสวยวาดยิ้มหวานให้คุณอมรอีกครั้ง
“รักจะโทร.หาใครน่ะหรือคะ ก๊อ...คนที่ควรจะรู้ที่สุดน่ะสิคะ ว่าตอนนี้นังเด็กวริณสิตา มันอยู่กับตานนท์!”
..........................
“พีคะ”
เจ้าของชื่อได้แต่เงยหน้าขึ้นจากจานอาหารเมื่อได้ยินเสียงหวานๆเอ่ยเรียก
“เดี๋ยวทานข้าวเสร็จแล้ว เราไปฟังเพลงกันต่อดีมั้ยคะ”
พีรพัฒน์ขยับตัวนิดๆ มองคนชวนที่คลี่ยิ้มหวาน เอียงคอมองเขาด้วยท่าทางอย่างสาวน่ารักอารมณ์ดี น่าแปลกเหมือนกันที่วันนี้เขารู้สึกว่าหทัยรักดูจะเป็นสาวขี้อ้อนหนักกว่าทุกทีที่เคยเจอ ชายหนุ่มเสก้มหน้าจัดการกับอาหารตรงหน้าและยังไม่ได้ให้คำตอบกับการชวนของสาวสวย
“นะคะ เดี๋ยวเราไปฟังเพลงกันต่อนะ รักอยากไป”
“ผมว่าเอาไว้คราวหลังดีกว่า วันนี้มันดึกมากแล้ว”
ในที่สุดเขาก็บอก แต่แน่นอนว่าคำตอบไม่เป็นที่ปรารถนา สาวสวยจึงแสร้งค้อนพลางต่อว่า
“แหม! ดึกอะไรกันคะ ยังไม่ห้าทุ่มเลยนะพีก็”
คนถูกตัดพ้อผ่อนลมหายใจ รวบช้อนกับส้อมเข้าด้วยกันไว้ก่อนยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ปกติสี่ทุ่มกว่าเกือบห้าทุ่มนี่พีรพัฒน์ก็ว่าไม่ดึก แต่นั่นคือกรณีที่เขาอยากออกไปเอง ไม่ใช่ไปเพราะใครคอยบ่งการชี้นำอย่างนั้นอย่างนี้
“ขอโทษนะ ผมเหนื่อยน่ะ” พีรพัฒน์บอกเรียบๆก่อนเอนหลังพิงพนักและเหมือนกับกำลังรอให้หทัยรักรวบช้อนส้อมและยุติมื้ออาหารสักที แต่สาวสวยก็ยังนวยนาดละเลียดอาหารในจานอย่างไม่ทุกข์ร้อนจนเขาต้องเลือกที่จะเบนสายตาไปมองวิวข้างนอกแทน!
แน่นอนว่ากิริยาอาการนั้นทำให้หทัยรักได้แต่แอบเข่นเขี้ยว สีหน้าพีรพัฒน์เคร่งเครียดตลอดเวลาตั้งแต่ตอนที่ถูกชวนมาทานข้าวแล้ว! แล้วแววตาอย่างนั้น อย่างคนที่กำลังกังวลครุ่นคิดกับอะไรอยู่ตลอดทั้งที่กำลังดินเนอร์กับสาวสวยอย่างเธอ!
และแน่สิ! ทำไมคนอย่างหทัยรัก วรโชติจะไม่รู้ ว่าพีรพัฒน์กำลังคิดอะไร!
ก็คงกำลังนึกถึงนังเด็กนั่นอยู่ไงเล่า!
หทัยรักเบิกตาวาวโรจน์ เหลือบมองนาฬิกาบนผนังของร้าน เวลานั้นจวนเจียนจะห้าทุ่มเต็มทน สาวสวยยิ้มเยาะมุมปากอยู่ผุดพราย
“ก็ได้ค่ะ” ในที่สุดเสียงหวานก็เอ่ย พีรพัฒน์หันหน้ากลับมาก็พบว่าหทัยรักกำลังยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแล้ว “แต่ว่า...” สาวสวยกล่าวอย่างไว้ท่า “รักจะถือว่า หนนี้พีติดหนี้รักนะคะ คราวหน้า พีต้องไปฟังเพลงกับรักด้วย ห้ามปฏิเสธ”
“ก็ได้ครับ”
หทัยรักคลี่ยิ้มหวาน
“งั้น...เราก็กลับกันเถอะค่ะ!”
เมื่อนั้นพีรพัฒน์จึงค่อยมีอารมณ์พอจะยิ้มคืนให้อีกฝ่ายบ้าง หทัยรักยังคงโบกมือให้เขาบางๆเมื่อตอนที่ต่างคนต่างแยกกันรถใครรถมันที่ลานจอดรถ แต่พีรพัฒน์ไม่ค่อยได้สนแล้ว เขาผลุบเข้าไปนั่งประจำที่คนขับอย่างว่องไว ใจแล่นไปถึงไหนต่อไหนตั้งแต่ยังไม่บิดกุญแจสตาร์ท เพราะงั้นพีรพัฒน์เลยขับรถค่อนข้างเร็ว แอบรู้สึกหงุดหงิดด้วยเมื่อนึกถึงว่า กลับไปถึงเขาก็คงไม่ได้เห็นหน้าเพราะป่านนี้แม่สาวน้อยนั่นก็คงจะเข้าห้องแล้วก็นอนไปแล้ว
พีรพัฒน์พ่นลมหายใจออกไปพรืดใหญ่
เฮ้อ! นี่ถ้าเขาอยากจะงัดเด็กที่หลับไปแล้วขึ้นมา จะใช้ข้ออ้างอะไรดีนะ รึว่า...เขาจะต้องทนรอให้ถึงเช้ากัน!
ยิ่งคิดยิ่งวุ่นวาย แต่ยังไงชายหนุ่มก็บึ่งรถเต็มที่ ถึงการจราจรช่วงดึกแบบนี้จะไม่ติดขัดแล้ว ทว่าก็ต้องใช้เวลากว่าชั่วโมงกว่าพีรพัฒน์จะกลับถึงบ้านสุริยะธาดา และถึงแม้ว่าจะยังนึกไม่ออก ว่าจะหาข้ออ้างอะไรไปงัดเด็กในปกครองออกมาจากเตียง แต่ประโยคแรกที่อ้าปากถามนางบัวศรีที่มายืนรอรับหน้าบ้านตามหน้าที่ก็คือ
“วริณสิตาล่ะ หลับไปแล้วรึ” ถามแล้วก็จ้ำพรวดๆเข้าบ้านอย่างกับคนตามของหาย เลยไม่ทันได้เห็นเลยว่าคนถูกถามก็ทำหน้างงๆ
“อ่า...ป้า ป้าก็ว่าจะถามคุณพีอยู่นี่ล่ะนะคะ” นางบัวศรีว่า รี่ตามพีรพัฒน์เข้ามาในบ้านอย่างติดๆ “เอ่อ ไม่เห็นเจ้าจิ๊บกลับมาด้วยเนี่ย คุณพีให้เจ้าจิ๊บมันค้างที่บ้านสวนกับคุณดวงทิพย์หรือคะ”
“อะไรนะ” พีรพัฒน์ชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดทันที สะบัดหน้ากลับมาเสียจนคนที่ตามหลังมาเกือบผงะ “เมื่อกี้ ว่าอะไรนะ?!”
“อ้าว! ก็...ก็ที่คุณพีบอกว่าจะพาเจ้าจิ๊บไปบ้านสวนไงคะ แล้วนี่ป้าไม่เห็นเจ้า”
“ไม่ใช่” ชายหนุ่มสวนทันใด “ผมไม่ได้พาวริณสิตาไปบ้านสวน พอดีมีเรื่องด่วน เลยบอกให้เลขาโทร.บอกอีกครั้งว่าให้ลุงก้านไปรับวริณสิตาด้วย ไม่ได้รับโทรศัพท์รึ”
ได้ฟังแล้วนางบัวศรีก็ตกใจจนหน้าซีด
“ไม่นี่คะ หลังจากคุณพีวางสาย ป้าก็ไม่เห็นได้รับโทรศัพท์อะไรเลย โอย ตายจริง แล้ว...แล้วป่านนี้เจ้าจิ๊บมันจะ...”
แค่นั้น พีรพัฒน์ก็หุนหันกลับไปที่รถทันใด ไม่รออะไรอีกแม้แต่วินาทีเดียว
...................................
“กลับมาแล้วหรือคะคุณรัก”
คนถูกทักหยุดฝีเท้าที่กำลังจะก้าวผ่านโถงของคฤหาสน์วรโชติ อารมณ์ที่อยู่ในโหมดธรรมดากลายสภาพเป็นพร้อมจะปรี๊ดทันทีที่สะบัดหน้าไปหาต้นเสียง
ก็นังคนระดับล่างนั่นสะเออะมาทักเธอได้ยังไง!
หทัยรักสะบัดหน้าไป กำลังจะส่งเสียงแว้ดใส่สายสุนีย์ที่บังอาจแหย๋มมาเรียกเธอ แต่แล้วสาวสวยก็ชะงักเมื่อพบว่าเป้าหมายที่คิดจะเล่นงานไม่ได้อยู่เพียงลำพัง คุณอมรก้าวออกจากห้องรับแขกสู่โถงของบ้านมายืนอยู่ข้างๆสายสุนีย์
“ทำไมวันนี้กลับดึกจังล่ะลูก ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆมารึ”
หทัยรักเชิดหน้า
“เปล่าค่ะ รักแค่ไปทานข้าวกับพีเหมือนทุกวันนั่นแหละ”
“แล้วไม่มีวันไหนจะกลับมาทานข้าวกับพ่อบ้างหรือลูก”
สาวสวยชายตา หรี่มองทั้งภรรยาใหม่ของบิดาและตัวบิดาด้วยหางตาอย่างไม่มีความยี่หระ
“คงยากอยู่นะคะ เพราะถ้าคุณพ่อยังนิยมจะร่วมโต๊ะกับพวกคนระดับต่ำน่ะ รักบอกแล้วไงคะว่ารักคงทานไม่ลง!”
“โธ่! ลูก” คุณอมรทำหน้ายุ่งยากใจ ความรังเกียจเดียดฉันท์ของลูกสาวต่อภรรยาใหม่ยังเป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้ และคุณอมรเองก็รู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยที่หทัยรักจะพลอยทำตัวเฉยเมยไม่สนใจพ่ออย่างเขาไปด้วย
ก็ลูกสาวคนเดียว เป็นทั้งแก้วตาทั้งดวงใจ ก็อยากจะให้ปรองดองกันเพื่อชีวิตที่มีความสุขตอนแก่ของเขาบ้างไม่ได้รึไง!
อมร วรโชติกำลังจะเอ่ยปากตัดพ้อลูกสาวในไส้ แต่นาทีนั้นโทรศัพท์ของหทัยรักก็ดังขึ้นเสียก่อน หทัยรักคลี่ยิ้มเยาะเมื่อเห็นชื่อคนโทร.มา สาวสวยมองหน้าบิดาอยู่นิดก่อนยกมือถือแนบหู กรอกเสียงหวาน
“ค่ะ ว่ายังไงคะพี”
คุณอมรมองหทัยรักสนทนา คาดอยู่ว่าความสัมพันธ์ของลูกสาวกับพีรพัฒน์น่าจะเข้าขั้นยอมรับคบหาดูใจกันแล้ว แต่ทว่า...
“อะไรนะคะ ตายจริง” คุณอมรได้ยินลูกสาวอุทาน แต่ทีท่าหทัยรักนั้นดูแปลกๆ ไอ้ถ้อยคำที่ใช้พูดก็บ่งชัดว่าเรื่องที่สนทนากับพีรพัฒน์ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่สีหน้านี่ไปคนละเรื่อง หทัยรักทำเหมือนจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่!
“โธ่! นี่เป็นอย่างงั้นไปได้ยังไงคะ” สาวสวยแสร้งว่า “พีก็เห็นนะ รักอุตส่าห์เขียนโน้ตให้คุณรุ่งด้วย เอ๊...นี่เป็นไปได้มั้ยคะว่าคุ”
แต่จู่ๆหทัยรักก็หยุดปั๊บ ก่อนที่จะ
“อ๊าย!” สาวสวยกรีดร้อง มองมือถืออย่างขัดใจ ดูเหมือนคนปลายสายคงตัดสายไปเพราะเหตุผลใดสักอย่าง คุณอมรเลยเกิดอาการงงเต้ก!
“มีอะไรหรือลูก” คุณอมรแย็บถาม หทัยรักสูดหายใจ พยายามข่มอารมณ์ขุ่นไว้ แม้จะขัดใจที่พีรพัฒน์วางสายก่อนเธอจะพูดจบ! แต่เรื่องที่เป็นเหตุให้เขาต้องโทร.มาก็สร้างความสะใจให้เธอมากกว่า!
หทัยรักยิ้มเหยียดอีกครา
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ พีเขาแค่ตื่นตูมที่นังเด็กวริณสิตายังไม่กลับบ้านเท่านั้นเอง”
“ฮะ!”
ทั้งหทัยรักและคุณอมรต่างก็หันมาจ้องเมื่อคนร้องอุทานเป็นสายสุนีย์ คุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติฝืนยิ้มนิดๆอย่างอึดอัด คุณอมรไม่ได้ใส่ใจกับทีท่านั้นจึงหันกลับมาถามลูกสาว
“วริณสิตา ใช่เด็กที่มันมาทำแก้วบาดในงานพ่อ เอ่อ...คือพ่อหมายถึง ที่บ้านเราวันนั้นใช่มั้ยลูก” คุณอมรรีบแก้เมื่อหทัยรักตวัดสายตาขุ่นๆ
“ค่ะ!” สาวสวยเชิดหน้า “นังเด็กนั่นแหละ!”
“เฮ้อ!” คุณอมรถอนใจขณะส่ายหน้า “พ่อว่า อย่างนี้คงต้องคิดให้หนักล่ะว่าจะยอมให้เจ้านนท์มันชอบพอดีมั้ย เด็กนั่นมันส่อแววเหมือนจะสร้างแต่ปัญหาสิน่า เออ! แล้วที่พีเขาโทร.มาเนี่ย จะให้รักไปช่วยหาเด็กนั่นเรอะ อย่าไปเชียวนายายรัก เลี่ยงได้ก็เลี่ยง อย่าไปใจดี บางทีที่มันยังไม่ได้กลับบ้าน มันอาจจะหนีเที่ยวอะไรของมันเองก็ได้”
“ฮึ!” หทัยรักยิ้มอย่างปริศนา “ไม่รู้สิคะ ป่านนี้ มันคงนั่งรอรากงอกติดพื้นไปแล้วมั้ง!”
“หืม? หมายความว่ายังไงน่ะลูก”
คนถูกถามไม่สนใจจะให้คำตอบ มีเพียงแววตามุ่งมาดร้ายกาจเท่านั้นที่วาววาบ
“ถ้าคุณพ่อจะห้าม ไม่ให้รักยื่นมือเข้าไปช่วยเลย คงไม่ได้หรอกนะคะ เดี๋ยวเขาจะหา ว่ารักเป็นคนใจดำ เพราะงั้น...” หทัยรักวาดยิ้มเยือก
“รักจะหาพระเอกขี่ม้าขาวให้นังเด็กนั่นสักคนค่ะ!”
.......................
พีรพัฒน์ไม่เคยรู้สึกร้อนใจขนาดนี้มาก่อนเลย ทันทีที่ตัดสายหทัยรักชายหนุ่มก็เหยียบคันเร่งเต็มที่ เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืน!
แต่วริณสิตายังไม่ได้กลับบ้าน!
“โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มสถบออกมา มันเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้ยังไงเขาไม่เข้าใจสักนิด! พีรพัฒน์ไม่รู้ว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นตรงไหน แต่มันส่งผลที่ทำให้เขารู้สึกว่า ร้ายแรงมหันต์!
เพราะเพียงแค่คิด ว่าป่านนี้วริณสิตาจะเป็นยังไง ยังคงจะรอใครไปรับอยู่ที่มหาวิทยาลัยมั้ย รึจะหลงทางไปไหนต่อไหน หรือ...ร้ายที่สุดคือเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับเธอรึเปล่า!
เพียงแค่คิด เขาก็แทบจะกดเท้าลงไปบนคันเร่งให้มิด!
แต่ก็ต้องใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีกว่าที่เขาจะบึ่งไปถึงที่หมาย และแน่นอนว่ายามวิกาล คณะต่างๆในมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะเข้าออกได้สะดวกโยธิน รถของพีรพัฒน์ถูกกั้นไว้ด้วยเครื่องกีดขวางอัตโนมัติเมื่อเขากำลังจะเลี้ยวเข้าไปในบริเวณของคณะ
“เข้าไม่ได้นะครับ” เสียงรปภ.เอ่ยดังจากป้อม “หลังสี่ทุ่มไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปนะครับ”
พีรพัฒน์หน้าเครียดทันที เขาลงจากรถ ตรงไปหา รปภ. ที่ป้อม
“แต่ผมมารับน้องสาว เขาเรียนอยู่คณะนี้ให้ผมเข้าไปดูหน่อยได้ไหม เผื่อเขาจะรออยู่ข้างใน” พีรพัฒน์อธิบายด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แต่อีกฝ่ายส่ายหัวขวับๆ
“โฮ้ย! ไม่มีใครอยู่แล้วล่ะคู้ณ! ผมอยู่เวรตรงนี้ตั้งกะหกโมง สองทุ่มนักศึกษาเขาก็กลับกันหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่หรอก”
“แต่น้องผมยังไม่มีคนมารับ ให้ผมเข้าไปดูเถอะ แป๊บเดียว”
“ไม่ได้ครับ ไม่ดะ เฮ้ย! คุณ! คู้ณ!” รปภ.ร้องเสียงหลง ตะลีตะลานวิ่งออกจากป้อมเมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็ลอดตัวผ่านเครื่องกั้นแล้ววิ่งเข้าไปในบริเวณของคณะ
“เฮ้ย! หยุดนะ! หยุด! ปี๊ด~ๆๆๆๆๆ!!!”
แม้รปภ.จะเป่านกหวีดปี๊ดๆไล่หลังก็ไม่ได้ทำให้พีรพัฒน์ยุติการบุกรุกเลย
“วริณสิตา!” เขาตะโกนเรียกหา ตรงรี่ไปยังที่ที่สาวน้อยมักจะมานั่งคอยเวลานายก้านมารับเสมอด้วยความหวังว่าจะเห็นร่างน้อยๆของวริณสิตายังคงจะนั่งคอยอยู่ แต่ทว่า...
“เฮ้ย! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” แล้ววินาทีนั้น รปภ.สองคนก็โดดตะครุบตัวเขาได้ทัน พร้อมๆกันกับที่...พีรพัฒน์ก็ต้องพบกับความว่างเปล่าจริงๆ!
...........................................
“หาพระเอกให้เด็กนั่น หมายความว่ายังไงน่ะลูก” คุณอมรเอ่ยถาม ดูจะยังไม่เข้าใจความต้องการของลูกสาวสักนิด หทัยรักก็ยังไม่ตอบอะไร สาวสวยนวยนาดเข้าไปหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่มในห้องรับแขกด้วยทีท่าสุดสบาย ยกมือถือขึ้นมาพิศไป นิ้วชี้ก็ค่อยๆไล่รายชื่อจากลิสต์ในมือถือระบบสัมผัสนั่นอย่างเอื่อยเฉื่อย ทีละชื่อๆกระทั่ง
“อ๊ะ! เจอแล้ว” สาวสวยยิ้มหวานปริศนาให้บิดาก่อนยกโทรศัพท์แนบหู คุณอมรทนไม่ได้กับความไม่รู้
“โทร.หาใครน่ะลูก?”
แต่หทัยรักก็ทำท่าจุ๊ปากห้ามกวนก่อนจะนิ่ง และรออยู่ไม่เกินนาทีคนที่โทร.หาก็รับสาย
“สวัสดีจ้ะ นายนนท์!” หทัยรักเอ่ย จีบปากคอ “อืม…โทษทีนะจ๊ะที่พี่ต้องรบกวนเธอดึกดื่นแบบนี้ แต่...พี่มีเรื่องจะบอกนิดหน่อยน่ะ คือเพื่อนเธอ วริณสิตาน่ะ ฮะ! อะไรนะ?”
นาทีนั้นหทัยรักเบิกตา ก่อนที่จะ...
“อ๊าว! นี่...เขาอยู่กับเธอแล้วเหรอเนี่ย ต๊าย!”
หทัยรักทำหน้าเหมือนอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาให้ก้อง! แต่สาวสวยก็ยังต้องกดเมื่อถามต่อ
“แล้ว...หลงไปถึงไหนจ๊ะเนี่ย... ฮะ! อะไรนะ สมุทรปราการ!” แล้วก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หทัยรักหัวเราะก๊าก “ฮะๆ นี่! ดีนะที่เธอยังไปเจอทัน ไม่งั้น สงสัยได้ออกไปอ่าวไทย! หึๆ”
แต่ทว่า...จู่ๆอาการหัวเราะร่วนก็ชะงัก สีหน้าหทัยรักชักขึ้ง
“นี่! อย่าได้มาใช้เสียงอย่างนี้นะนายนนท์!” หทัยรักว่าก่อนจะเชิดหน้า เอ่ยต่อด้วยวาจากระด้างเย้ยหยัน
“ถ้าอยากจะรู้นักว่าฉันไปพูดอะไรกับเพื่อนเธอ ตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ในรถกับเธอไม่ใช่รึไง งั้นก็หันไปถามเขาเอาเองเลยซีว่าฉันพูดอะไร! ดีกว่าจะมาถามเอากับฉันมั้ยฮึ!” ว่าจบหทัยรักก็ตัดสาย นึกฉุนอยู่มากมายว่า
อ๊าย! ไอ้น้องบ้า! บังอาจยังไงถึงได้มาคาดคั้นจับผิดว่าเธอไปพูดอะไรกับนังเด็กนั่น!
หนนี้สาวสวยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน และอาการประหนึ่งผีเข้าผีออกนั้นก็ทำให้คุณอมรไม่ไหวอีกต่อไป
“เฮ้ย! มันเกิดเรื่องอะไร นี่จะบอกพ่อได้รึยังฮึยายรัก!?” คนซักชักเสียงแข็ง แต่หทัยรักกลับสวนกลับไม่มีเกรง
“ยังค่ะ!”
“เฮ้ย! นี่พ่อเป็นพ่อแกนะ!”
“แล้วไงคะ?!”
“ก็...” คนเป็นพ่อสะอึกก่อนครางหงิง “โธ่! ก็พ่อเป็นห่วงนี่ลูก”
ท้ายสุดๆคุณอมรก็ไม่มีปัญญาเอาชนะลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนตามเคย! สายสุนีย์ก็ดูจะพลอยหน้าเครียดไปด้วย สาวสวยใช้เวลาสงบอารมณ์ขุ่นๆอยู่เกือบสองนาทีก่อนที่จะยกมือถือขึ้นอีกครั้ง
“จะโทร.หาใครอีกรึ”
หทัยรักตวัดสายตา ส่งผลให้คนถามต้องกลับไปคราง ‘ก็พ่อเป็นห่วงจริงๆ’ อีกครั้ง! และอาการทั้งหงอยทั้งจ๋อยของบิดาอย่างนั้นก็ดูจะทำให้หทัยรักอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง สาวสวยวาดยิ้มหวานให้คุณอมรอีกครั้ง
“รักจะโทร.หาใครน่ะหรือคะ ก๊อ...คนที่ควรจะรู้ที่สุดน่ะสิคะ ว่าตอนนี้นังเด็กวริณสิตา มันอยู่กับตานนท์!”
..........................

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2554, 22:12:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2554, 23:48:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 4983
<< ตอนที่ 31 | ตอนที่ 33 >> |

Auuuu 17 พ.ค. 2554, 22:24:44 น.
สู้ๆๆค่า :)
สู้ๆๆค่า :)

แพม 17 พ.ค. 2554, 22:45:57 น.
สมควรโดนแล้ว ยัยรัก
สมควรโดนแล้ว ยัยรัก

เจ้าชายน้อย 17 พ.ค. 2554, 22:59:36 น.
สู้ๆ จ้า
เฮ้อ เจ้าจิ๊บไปอยู่ไหนล่ะเนี่ย
คุณพี่น้าคุณพี คราวนี้ก็ตาสว่างบ้างอะไรบ้างนะ !!!
ปล.คิดถึงคนเขียนจ้า (ประโยคกดดันให้รีบมา 555)
สู้ๆ จ้า
เฮ้อ เจ้าจิ๊บไปอยู่ไหนล่ะเนี่ย
คุณพี่น้าคุณพี คราวนี้ก็ตาสว่างบ้างอะไรบ้างนะ !!!
ปล.คิดถึงคนเขียนจ้า (ประโยคกดดันให้รีบมา 555)

anOO 17 พ.ค. 2554, 23:04:08 น.
กำลังลุ้นเลยค่ะ
กำลังลุ้นเลยค่ะ

incanto 17 พ.ค. 2554, 23:24:12 น.
เกลียดเจ้รักนี่จริงๆ
เกลียดเจ้รักนี่จริงๆ

dino 18 พ.ค. 2554, 07:56:43 น.
ร้ายจริงๆ
ร้ายจริงๆ

mottanoy 18 พ.ค. 2554, 07:57:01 น.
ขนาดไม่ครบคนอ่านยังอยากตบคุณรักซักฉาดแล้วค่ะ
ขนาดไม่ครบคนอ่านยังอยากตบคุณรักซักฉาดแล้วค่ะ

ใบบัวน่ารัก 18 พ.ค. 2554, 08:11:49 น.
เป็นคนที่มีปัญญาจริง ๆ นะยัยรักนี้
คุณพีก็ซื่อซะจริง ๆ
ถามจริงโง่เป่าเนี่ย
เป็นคนที่มีปัญญาจริง ๆ นะยัยรักนี้
คุณพีก็ซื่อซะจริง ๆ
ถามจริงโง่เป่าเนี่ย

Pat 18 พ.ค. 2554, 09:09:11 น.
หนูจิ๊บนั่งรถหลงไปถึงไหนแล้วเนี่ย คุณพีหาให้เจอล่ะ หทัยรักทำไมใจร้ายอย่างนี้
หนูจิ๊บนั่งรถหลงไปถึงไหนแล้วเนี่ย คุณพีหาให้เจอล่ะ หทัยรักทำไมใจร้ายอย่างนี้

lovemuay 18 พ.ค. 2554, 10:43:29 น.
ไม่ไหวอ่ะ รู้สึกว่าพระเอกไม่เท่ห์เลยอ่ะ ถูกหลอกเอาซะง่ายๆ
ไม่ไหวอ่ะ รู้สึกว่าพระเอกไม่เท่ห์เลยอ่ะ ถูกหลอกเอาซะง่ายๆ

panon 18 พ.ค. 2554, 15:58:39 น.
พระเอกไมเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในดลกแบบนี้เนี่ยยไม่ได้ดั่งจายยยยยยยยยยยยยยยยเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
พระเอกไมเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในดลกแบบนี้เนี่ยยไม่ได้ดั่งจายยยยยยยยยยยยยยยยเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

SaiParn 18 พ.ค. 2554, 20:19:03 น.
อี๊ยยยยยยย คุณพีเนี่ยเป็นพระเอกยุคโบราณจัง ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนางมารร้ายเล้ยย
อี๊ยยยยยยย คุณพีเนี่ยเป็นพระเอกยุคโบราณจัง ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมนางมารร้ายเล้ยย

dee_jung 18 พ.ค. 2554, 23:45:12 น.
หลับเพลินหรือค่ะ
หลับเพลินหรือค่ะ

ปูสีน้ำเงิน 19 พ.ค. 2554, 00:23:23 น.
ร้ายเหมือนแม่มดเลย
ร้ายเหมือนแม่มดเลย

ree 22 พ.ค. 2554, 20:03:16 น.
เจ้าจิ๊บจะเป็นยังไงมั่งแล้วเนี่ย
เจ้าจิ๊บจะเป็นยังไงมั่งแล้วเนี่ย

ปาริน 23 พ.ค. 2554, 11:52:14 น.
เจ้าจิ๊บเป็นไงไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้คนแต่งเดี้ยงจ้า ยื่นใบลาจ้ะ เปื่อยเป็นไข้นิดๆหลังจากฉีดวัคซีนแลวทะลึ่งออกงานวิจัยภาคสนาม
หายป่วยแล้วจะกลับมาค้าบ
เจ้าจิ๊บเป็นไงไม่รู้ รู้แต่ตอนนี้คนแต่งเดี้ยงจ้า ยื่นใบลาจ้ะ เปื่อยเป็นไข้นิดๆหลังจากฉีดวัคซีนแลวทะลึ่งออกงานวิจัยภาคสนาม
หายป่วยแล้วจะกลับมาค้าบ

katay 25 พ.ค. 2554, 23:28:34 น.
ร้ายจริงๆ
ร้ายจริงๆ

เจ้าชายน้อย 26 พ.ค. 2554, 06:48:43 น.
ร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หวังว่าคุณพีคงไม่เข้าใจผิดนะ (แอบดักคอปาริน อิอิ)
เป็นกำลังใจ และรอต่อไปจ้า
ร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หวังว่าคุณพีคงไม่เข้าใจผิดนะ (แอบดักคอปาริน อิอิ)
เป็นกำลังใจ และรอต่อไปจ้า

lovemuay 26 พ.ค. 2554, 10:17:22 น.
ร้ายๆจริงๆ คุณพีดูไม่ค่อยจะฉลาดเลยอ่ะค่ะ ไม่เคยทัน เหอะๆ
ร้ายๆจริงๆ คุณพีดูไม่ค่อยจะฉลาดเลยอ่ะค่ะ ไม่เคยทัน เหอะๆ

ลูกกวาดสีส้ม 26 พ.ค. 2554, 14:24:20 น.
ยัยผู้หญิงนิสัยเสียเอ้ย คุณพีก็เหมือนกัน น่าจะหาเลื่อยมาตัดเขาออก...หึ
ยัยผู้หญิงนิสัยเสียเอ้ย คุณพีก็เหมือนกัน น่าจะหาเลื่อยมาตัดเขาออก...หึ

ยี้ก้อยแม้วน้อยกลอยใจ 25 มี.ค. 2555, 04:04:01 น.
เกลียดมันโว้ยยยยยยยยยยย
เกลียดมันโว้ยยยยยยยยยยย