กล้วยไม้ในมือมาร
กล้วยไม้คือผู้หญิง...เธอคือผู้หญิงชาวจีนที่ถูกซื้อมาเป็นสาวรับใช้ตั้งแต่วัยเด็ก...นวนิยายเรื่องนี้ฉายภาพสยามประเทศใน พ.ศ. 2473
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 25


25...


“อาป้อ....” ซาเสี่ยเนี้ยเรียกชื่อลูกชายเป็นครั้งที่สาม คุณชายป้อจึงรู้ตัว ขานรับว่า
“ครับแม่”
“คิดอะไรอยู่เหรอ?” คนเป็นมารดาซัก
“เปล่าครับ” เด็กหนุ่มปฏิเสธ แต่สีหน้ามีพิรุธ
ซาเสี่ยเนี้ยยิ้มเล็กน้อย เอ่ยเสียงนุ่มว่า “คิดถึงอาลั้งเหรอ?”
ทำเอาคุณชายป้ออ้ำอึ้งตะลึงตะไล
“อาลั้งเป็นเด็กดี” ซาเสี่ยเนี้ยเอ่ยต่อ “เรียบร้อยน่ารัก”
“หมายความว่า...” คุณชายเอ่ยเสียงเบา “แม่ไม่โกรธ ถ้าผมจะ...ชอบ...อาลั้งหรือครับ?” เป็นคำพูดที่เด็กหนุ่มรวบรวมความกล้าหาญชั่วชีวิตเอ่ยออกไป
“โกรธทำไมล่ะ...ชอบก็คือชอบ” ซาเสี่ยเนี้ยเอ่ยเสียงนุ่มๆ “แต่ลูกอายุเพิ่ง 15 อาลั้งก็เพิ่ง 14 อนาคตอีกยาวไกล ลูกสมควรไปเรียนต่อให้จบเสียก่อน ค่อยกลับมาพูดเรื่องนี้กัน”
คำพูดของมารดาทำให้คุณชายป้อวาดวิมานในอากาศ เขาไปเรียนต่างประเทศสามปี กลับมาอาลั้งก็โตเป็นสาวพอดี เขาจะขอมารดาให้เขาได้แต่งงานกับอาลั้ง เขาเห็นมารดาเอ็นดูอาลั้งเป็นพิเศษ คงไม่ปฏิเสธคำขอของเขา
“เย็นนี้อาลั้งมาเรียนพูดภาษาสยาม ลูกก็บอกลาให้เรียบร้อยนะ เพราะวันต่อๆ ไปเราต้องไปบอกลาญาติๆ และผู้ใหญ่ที่นับถือกัน”
“ครับ” คุณชายรับคำมารดา
“เอ้านี่จดหมายของอาลั้ง เพิ่งมาถึงวันนี้ แม่เองก็ยังไม่ได้เปิดอ่าน เดี๋ยวลูกอ่านให้อีฟังก็แล้วกัน” ซาเสี่ยเนี้ยยื่นซองจดหมายสีน้ำตาลอ่อนที่ยังไม่ได้แกะผนึกให้แก่ลูกชาย คุณชายป้อรับมาถือไว้ นางก็เอ่ยต่อว่า “เย็นนี้ แม่จะให้ลูกพูดคุยกับอาลั้งตามลำพัง ลูกจะได้คุยกันได้สะดวก” กล่าวจบนางก็ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเดินไปขึ้นบันได กลับไปที่ห้อง
เพียงครู่เดียวอาลั้งก็มาถึง...เด็กสาวเมียงมองอยู่ที่ขอบประตู เห็นแต่คุณชายป้อไม่เห็นซาเสี่ยเนี้ยก็ไม่ยอมเข้าไปอย่างทุกครั้ง จนคุณชายต้องออกปาก
“เข้ามาสิ...อาลั้ง”
“ค่ะ” อาลั้งรับคำ เข้ามายืนอยู่ในระยะห่างพอสมควร สายตายังมองหาซาเสี่ยเนี้ย ด้วยความแปลกใจ ปกตินางจะมานั่งฟังการสอนของบุตรชายไม่เคยเว้น
“มองหาแม่เหรออาลั้ง?” คุณชายถาม
“ค่ะ” อาลั้งรับคำ ไม่ค่อยกล้าจะสบสายตาของเขา ยิ่งอยู่กันลำพังสองคน อาลั้งยิ่งรู้สึกเคอะเขิน
“แม่ขึ้นไปนอนแล้ว” คุณชายตอบ
“งั้นการเรียนวันนี้...” อาลั้งคิดว่าคุณชายคงบอกยกเลิก
แต่...
“เรียนไปตามปกติ...เรามาเริ่มต้นพูดภาษาสยามกันเลยนะ”
“ค่ะ” อาลั้งรับคำเป็นภาษาสยาม
คุณชายก็เปลี่ยนมาพูดภาษาสยามว่า “วันนี้จะเป็นการเรียนวันสุดท้ายแล้ว”
“ทำไมล่ะคะ?” อาลั้งถามอย่างงุนงง
“เพราะอีกเจ็ดวัน ฉันจะเดินทางไปเรียนต่อที่มาเลเซีย”
“คุณชายจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ?” เสียงอาลั้งตกใจ
“ใช่” คุณชายตอบ พลางถอนหายใจ ก่อนจะถามว่า “อาลั้งจะคิดถึงฉันไหม?”
เป็นคำถามที่อาลั้งอยากตอบแต่ไม่กล้าตอบ เด็กสาวมองไปรอบๆ ในห้องโถงนั้นมีแต่เธอกับเขาเพียงสองคนเท่านั้น
“แต่ฉันจะคิดถึงอาลั้งทุกวันทุกคืน” คุณชายเอ่ยหนักแน่น ก่อนตัดสินใจรวบรวมความกล้า “ฉันรักอาลั้ง” พลางลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเข้าใกล้ร่างบอบบาง เอื้อมมือจับสองมือของเธอไว้
“คะ...คุณชาย” อาลั้งอุทานเบาๆ ในใจหวาบหวิว “อาลั้งเป็นแค่คนรับใช้ ไม่อาจเอื้อมจะ...”
“เราเป็นคนเหมือนกัน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะรักกัน”
“ถ้าซาเสี่ยเนี้ยรู้เข้าคงไม่เหมาะ” อาลั้งพยายามดึงมือของตนออกจากอุ้งมือของเขา แต่คุณชายกำเอาไว้แน่นจนดึงไม่หลุด
“แม่รู้เรื่องนี้แล้ว” คุณชายเอ่ย
“หา...ซาเสี่ยเนี้ยรู้แล้วเหรอ...แย่แน่ ต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ” อาลั้งมีสีหน้าตกใจจนซีดเผือด
ทำให้คุณชายหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะเอ่ยว่า “แม่ไม่ว่าอะไรสักคำ ยังบอกให้ฉันบอกลาเธอตามลำพัง จะได้พูดคุยกันได้สะดวก”
“จริงหรือคะ?” อาลั้งถามย้ำเพื่อที่จะได้ยืนยันว่าตนเองไม่ได้ตีความหมายผิด
“จริง...” คุณชายยืนยันเสียงหนักแน่น “แม่ยังว่า รอให้ฉันเรียนจบก่อน ค่อยพูดเรื่องฉันกับเธอ...อาลั้ง เธอต้องรอฉันนะ ฉันไปเรียนแค่สามปีก็จะกลับมาหาเธอ แต่ฉันสัญญาว่าจะเขียนจดหมายถึงเธอทุกๆ เดือน”
อาลั้งหัวเราะเบาๆ “เขียนจดหมายมาให้อาลั้งทำไม อาลั้งอ่านไม่ออกหรอกค่ะ”
“ก็ให้แม่อ่านให้ฟังไง” คุณชายบอก
อาลั้งแก้มแดงแล้วแก้มแดงอีก เอ่ยเสียงดังกว่ากระซิบเพียงเล็กน้อย “คุณชาย...ปล่อยมืออาลั้งเถอะค่ะ”
“ไม่ปล่อย” คุณชายส่ายหน้า “จนกว่าอาลั้งจะบอกว่า...รักฉัน”
อาลั้งพยักหน้าแล้วก้มหน้างุดด้วยความอาย
แต่คุณชายยังไม่ยอม “ต้องพูด”
“อาลั้งพูดไม่ออกค่ะ” เด็กสาวรู้สึกตัวเองเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวราวกับจับไข้
“ไม่พูดก็ไม่ปล่อย”
“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ช่างเขาปะไร”
อาลั้งถอนหายใจอย่างกึ่งสุขกึ่งทุกข์
สุข...เพราะชายที่บอกรักตนก็คือชายในดวงใจของตน
ทุกข์...เพราะเขากำลังจะจากไปไกล นานถึงสามปี
ในที่สุด...อาลั้งก็ยอมแพ้ เงยหน้าขึ้นพูดว่า
“อาลั้งรักคุณชายค่ะ” เสียงเบาหวิวเล็ดรอดริมฝีปากสวย
คุณชายป้อถือโอกาสประทับรอยจูบเบาที่ริมฝีปากคู่นั้น โดยอาลั้งไม่ทันตั้งตัว เด็กสาวรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกหยุดนิ่งไปนานนับกัปนับกัลป์!
“นี่เป็นจูบแรกของฉันที่มอบให้อาลั้งอย่างเต็มใจ” คุณชายเอ่ย
อาลั้งสะบัดมืออย่างแรงจากการเกาะกุมของคุณชาย แล้วหันหลังให้ ยกมือปิดหน้า
“อาลั้งเป็นอะไรไป?” คุณชายถาม
“คนเขาอายจะตายอยู่แล้ว” อาลั้งปิดหน้าตอบ
คุณชายยิ้มขัน แล้วเอามือจับไหล่บอบบางให้เด็กสาวหันกลับมา เอ่ยว่า “อาลั้ง...เรามีเวลาคุยกันไม่นาน อย่ามัวแต่อายอยู่เลย” แล้วจับมือที่ปิดหน้าของอาลั้งลง “สัญญานะว่าจะรอฉันกลับมา”
“ค่ะ...คุณชาย” อาลั้งตอบเสียงเบาเท่ากระซิบ
คุณชายป้อถอดแหวนหยกขาวที่สวมอยู่ที่นิ้วหัวแม่มือออกมาใส่ในฝ่ามือของอาลั้งที่เขาจับให้หงายขึ้นมารับของ “ฉันถือว่านี่คือของหมั้นของฉัน อาลั้งเก็บไว้ให้ดีนะ”
“อาลั้งไม่มีอะไรจะให้ตอบแทนคุณชาย” เด็กสาวเอ่ยหงอยๆ
“อาลั้งให้แล้วไง ให้ความรักฉัน มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
“ใช่...ความรักเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของอาลั้ง” เด็กสาวเอ่ยพลางน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม “หวังว่าคุณชายจะเห็นค่าของความรักของคนต่ำต้อยอย่างอาลั้ง”
“ทำไมอาลั้งพูดแบบนี้” เด็กหนุ่มเอามือเช็ดคราบน้ำตาให้เด็กสาว
“เพราะเอาลั้งกลัว” เด็กสาวเอ่ยเสียงสั่นสะท้าน
“กลัวอะไร?”
“กลัวว่า...เมื่อคุณชายไปไกล ได้พบผู้หญิงที่ดีกว่าอาลั้ง คุณชายจะเปลี่ยนไป” เด็กสาวพูดจากใจจริง
“ไม่มีทาง” คุณชายเอ่ยเสียงหนักแน่น “ไม่มีทางที่ฉันจะเปลี่ยนใจไปรักผู้หญิงอื่นอย่างแน่นอน”
อาลั้งถอนหายใจยาว “คุณชายเคยสอนอาลั้งว่า ความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอน”
คุณป้อใช้สองมือจับต้นแขนทั้งสองของอาลั้ง แล้วเอ่ยว่า “อาลั้งเงยหน้ามองหน้าฉัน”
อาลั้งทำตามคำสั่งอย่างไม่ขัดขืน
“ฟังให้ดีนะอาลั้ง ฉันจะสาบาน”
“อย่าค่ะ...คุณชาย” อาลั้งเอ่ยห้ามอย่างตกใจ
“ไม่ได้...ฉันจะสาบาน ไม่เช่นนั้น อาลั้งจะไม่สบายใจ” แล้วคุณชายก็เอ่ยเสียงหนักแน่นต่อว่า “ขอให้เทพเจ้าโปรดเป็นพยาน ข้าพเจ้าคุณชายป้อจะรักแต่อาลั้งคนเดียวไปตลอดชีวิต ถ้าผิดคำสาบานขอให้ฟ้าดินลงโทษ!”
“ลงโทษอะไร!” เสียงหนึ่งแทรกขึ้น ถึงเป็นภาษาสยามแต่ก็ไม่ชัดนัก
ทั้งสองหันไปมองต้นเสียง ก็เห็น...ยี่เสี่ยเนี้ยเดินลงบันไดมาจากชั้นบน...คุณชายรีบปล่อยต้นแขนอาลั้ง ส่วนอาลั้งก็รีบถอยห่าง
“ยี่อึ้มยังไม่นอนหรือครับ?” คุณชายกล่าวเป็นภาษาจีน
“กำลังจะเข้านอนอยู่ แต่เห็นแสงไฟข้างล่างยังสว่าง เลยลงมาดู” ยี่เสี่ยเนี้ยเอ่ยเหมือนเรื่องบังเอิญ แต่ในความเป็นจริงนางได้รับการไหว้วานจากซาเสี่ยเนี้ยให้ช่วยขัดจังหวะคุณชายกับอาลั้งไม่ให้มีอะไรเลยเถิดไป “ลื้อยังสอนอีไม่เสร็จอีกเหรอ?”
“เสร็จแล้วครับ” คุณชายเอ่ย เพราะยังไม่ทันตั้งตัว
“เสร็จ...ก็ต่างคนต่างไปนอนสิ” ยี่เสี่ยเนี้ยเอ่ยเสียงดังฟังชัดตามนิสัย
“เอ่อ...” คุณชายรีบเอ่ยขัดขึ้น “ยังมีจดหมายถึงอาลั้งฉบับหนึ่งยังไม่ได้อ่านให้อีฟังครับ”
“งั้น...ก็เอามาอ่าน” ยี่เสี่ยเนี้ยเอ่ย พลางเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ คุณชายก็นั่งลงที่ตรงข้ามนาง ส่วนอาลั้งนั้นยืนน้อมกายในระยะพอเหมาะ
คุณชายป้อหยิบซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ฝังมุกขึ้นมาแกะซอง ดึงเอากระดาษออกจากซองมาคลี่อ่าน ทันทีที่เห็นตัวอักษร คุณชายก็มีสีหน้าไม่สู้ดี นิ่งอยู่ครู่ใหญ่
จนยี่เสี่ยเนี้ยต้องเร่งว่า “มีอะไรก็อ่านๆ ไปสิ”
คุณชายหันมาเอ่ยกับอาลั้งว่า “อาลั้งทำใจดีๆ ไว้นะ”
เพียงฟังประโยคนี้ อาลั้งก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นข่าวร้าย สีหน้าของเด็กสาวซีดเผือด เอ่ยเสียงสั่นว่า “ในจดหมายว่าอะไรคะ?”
“ฟังนะ...” คุณชายอ่านจดหมายที่มีข้อความสั้นๆ ว่า “ถึงน้องลั้ง แม่ตายแล้ว พี่ใช้เงินที่น้องลั้งส่งมาทำศพแม่อย่างเรียบๆ จากพี่ อาตั่ว”
อาลั้งรู้สึกตัวชาวาบจากศีรษะจรดปลายเท้า...แม่ตายแล้ว...ความหวังของอาลั้งว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับไปหาแม่ กลับไปกอดแม่ ก็มลายสูญสิ้น
แม่...เป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอาลั้งให้ต่อสู้ชีวิต ต่อสู้กับงานหนัก สูญเสียแม่ไป อาลั้งก็เหมือนลอยวนอยู่ในทะเลกว้างท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีอะไรเป็นหลักยึด!
“แม่...” อาลั้งเอ่ยเสียงโหยหวนได้เพียงคำเดียว โลกทั้งโลกก็ดับวูบ
เด็กสาวเป็นลมล้มทั้งยืน ดีที่คุณชายป้อพุ่งเข้าไปประคองตัวเธอไว้ทัน ไม่ยังงั้นศีรษะของเธอต้องฟาดพื้นแน่ๆ...

แล้ววันที่คุณชายป้อออกเดินทางก็มาถึง...อาลั้งแอบมองส่งเขาทางช่องประตู คุณชายก็หันมาสบตากับเธออย่างให้กำลังใจ อาลั้งกำแหวนหยกขาวเอาไว้ใกล้กับหัวใจ แหวนวงนี้อาลั้งใช้เชือกแดงคล้องห้อยคอเอาไว้ และเก็บไว้ในเสื้อ เพื่อที่จะได้ไม่ถูกใครเห็น กับซาเสี่ยเนี้ยเด็กสาวอดรู้สึกเคอะเขินเอียงอายทุกคราที่เจอหน้าไม่ได้ แต่ซาเสี่ยเนี้ยนั้นมีกิริยาเป็นปกติทุกอย่าง ยังคงมีทีท่าเอ็นดูอาลั้งเหมือนเดิม
หลังจากที่คุณชายไปเรียนต่อที่มาเลเซียแล้ว ที่ร้านก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คุณหนูโน้ยที่ไม่เคยแตะต้องงานการสิ่งใด ถูกยี่เสี่ยเนี้ยสั่งให้มาช่วยงานในครัวด้วย ไปขายของหน้าร้านด้วย ซึ่งทำให้คุณหนูโน้ยร้องไห้อย่างหนัก แต่คำสั่งของยี่เสี่ยเนี้ยไม่มีใครขัดได้ ถึงจะเป็นคุณหนูโน้ยก็ตาม
วันแรก...คุณหนูโน้ยทำชามแตกไปสามใบ แถมทำมีดหั่นผักบาดมือ อาเฮี่ยะจึงทำแผลให้คุณหนูโน้ย ที่นั่งน้ำตาร่วง
“เพราะมัน” คุณหนูโน้ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“มันไหน?” อาเฮี่ยะถามเพราะเป็นคนช่างจำนรรจา
“ก็อากกไง” คุณหนูโน้ยสีหน้าถมึงทึง
“คุณชายกกไม่ได้มาทำมีดบาดมือคุณหนูสักหน่อย” อาเฮี่ยะว่าไปตามเนื้อผ้า
“ไม่ต้องเรียกมันคุณชงคุณชาย” คุณหนูโน้ยกระชากเสียง “เรียกอากกเฉยๆ ก็พอ”
“ไม่ได้หรอก...เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า ไปฟ้องยี่เสี่ยเนี้ย อั๊วก็ถูกตีเท่านั้นเอง" อาเฮี่ยะส่ายหน้าดิก
“อั๊วเกลียดมัน มันเกิดมาทำให้อั๊วตกต่ำ ต้องมาทำงานในครัว แถมยังต้องตากหน้าขายของหน้าร้านอีก” คุณหนูโน้ยเอ่ยอย่างอาฆาตแค้น
“ขายของหน้าร้านสนุกดี” อาเฮี่ยะเอ่ย
อาลั้งที่นั่งล้างถ้วยชามรามไหอยู่ไม่ไกล ได้ยินคำสนทนาหมด ก็หันมาสนับสนุน “ใช่ๆ...อั๊วยังอยากไปขายของหน้าร้านเลย”
“ลื้อไม่ต้องเสนอหน้า” อาไล้แทรกขึ้นทันที “คุณหนูโน้ยเป็นคุณหนู ออกไปอยู่หน้าร้านก็เป็นเรื่องปกติ ส่วนอาลั้งลื้อเป็นแค่ขี้ข้า จะออกไปเสนอหน้ายั่วผู้ชายล่ะสิ”
“เปล่านะป้าไล้ อั๊วไม่เคยคิดถึงเรื่องผู้ชายสักหน่อย” อาลั้งรีบปฏิเสธ
“ใครจะไปเชื่อน้ำหน้าลื้อ ยิ่งโตก็ยิ่งมีจริตจะก้านแพรวพราว ตอนคุณชายอยู่ ก็ไปให้คุณชายสอนพูดภาษาสยาม อยากมีผัวเป็นคนสยามหรือไง?” อาไล้จงใจว่าให้อาลั้งอับอาย
และก็ได้ผล...อาลั้งหน้าเสีย ได้แต่ร้องว่า “เปล่า...อั๊วไม่ได้คิดยังงั้น”
“แล้วคิดยังไง?” อาไล้ยังต่อความยาวสาวความยืด
แต่คนที่รำคาญที่สุด กลับเป็นคุณหนูโน้ย
“เงียบเหอะอาไล้”
อาไล้อยู่ๆ ถูกตวาด ก็ลอบไม่พอใจคุณหนูโน้ย แต่ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นคุณหนู จึงไม่กล้าอาละวาด
“อั๊วก็ไม่ชอบผู้ชายสยาม อีชอบเรียกอั๊วว่าอาหมวย แล้วก็ยักคิ้วหลิ่วตาให้ ทะลึ่งเป็นที่สุด” คุณหนูโน้ยพูดอย่างอัดอั้นตันใจ
“คุณหนูก็ยักคิ้วตอบสิ พวกนี้ชีกอ พูดดีๆ ด้วยสองสามคำ ขายของให้แพงๆ อียังไม่ต่อเลย” อาเฮี่ยะสอนกลวิธีการขายให้
แต่คุณหนูโน้ยไม่สนใจ “ลื้อทำของลื้อไปคนเดียวเถอะ อั๊วไม่อยากขายของ อั๊วไม่อยากทำงานบ้านบ้าบอพวกนี้” หล่อนตะโกนลั่น
จนยี่เสี่ยเนี้ยเข้ามา ด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ลื้อตะโกนทำไม เดี๋ยวอากกก็ตกใจหรอก”
“ตกใจตายไปเสียได้ยิ่งดี!” คุณหนูโน้ยตะโกนลั่นตอบโต้ทันที





คำรัก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2556, 14:19:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2556, 14:19:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 1356





<< ตอนที่ 24   ตอนที่ 26 >>
หมีสีชมพู 8 ก.พ. 2556, 22:07:41 น.
คุณชายจะไปเจอรักใหม่ป่าวเนี่ย


ree 9 ก.พ. 2556, 08:34:23 น.
แอบสงสารคุณหนูโน้ยนิดนึง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account