^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: เพียงใจในสายลม(ครึ่งหลัง)
...เพียงใจในสายลม...
...พี่เป็นคนแรก นอกจากครอบครัวและเพื่อนรัก...พี่เป็นคนแรก ที่หนูอยากจะดูแล อยากยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วกอดพี่เอาไว้...
ฉันมองข้อความที่เพิ่งพิมพ์ลงในโปรแกรมสนทนาทางโทรศัพท์ แล้วก็ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง ถอนใจเบา ๆ เป็นความเคยชินเสียแล้วเวลาไม่สบอารมณ์กับบางสิ่ง
ฉันกำลังทรมาน เพราะความรักหรือความรู้สึกบ้าบออะไรสักอย่างที่ฉันมอบให้ใครบางคน มันอ่อนหวานเสียจนฉันไม่คิดว่าจะรู้สึกกับใครได้
ฉันเพิ่งได้รู้จัก...ความรู้สึกอยากดูแลโดยไม่มีเงื่อนไข อยากโอบกอดไว้ด้วยทั้งหมดของหัวใจ...
มันใกล้เคียงกับความรัก...แต่เหมือนจะมากกว่านั้น
ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ รู้ว่าเขาไม่เคยเห็นค่าความรู้สึกของฉัน แต่ก็ยังห้ามตัวเองไม่ได้ หยุดความรู้สึกที่มากล้นในใจนี้ไม่ได้
“...พระเจ้า...มันแย่เกินไปแล้ว” ฉันได้แต่กระซิบเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนที่สามัญสำนึกอันเลวร้ายจะทำงาน ฉันกดโทรศัพท์หาผู้ชายอีกคน ไม่ใช่คนที่ฉันคิดถึง แต่เป็นคนที่ฉันอยากจะรัก
ทั้งที่เพิ่งพบกันไม่นาน แต่สายตาเขาและบรรยากาศของมังกรทำให้ฉันมั่นใจพอจะเปิดเผยตัวเองและเชื่อใจในตัวเขาโดยไม่มีเงื่อนไขใด
“กดผิดหรือคิดถึงเฮีย” เสียงที่ดังจากปลายสายทำให้ฉันพอยิ้มได้ แม้มันจะฝืดเฝื่อนเต็มที
“คิดถึงคนที่โทร.หาไม่ได้...เฮียทำให้หนูรักเฮียได้ไหม” ฉันถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องใส่ใจอะไรอีกแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อใครบางคนกำลังทำให้ฉันบ้าจนอยากจะลบมันให้หายไป ถ้าเฮียเล้งจะแทนเขาได้ ฉันยินดี
“ไม่ได้หรอก ถ้าเธอยังไม่คิดจะเลิกรักใครอีกคน” เขาตอบคล้ายไม่แปลกใจ “เขาสำคัญมากนักหรือ”
“ไม่รู้สิ...หนูไม่ได้ตั้งใจจะรักเขา แต่อยู่ดี ๆ ความรู้สึกที่มีมันก็มากขนาดนี้แล้ว”
เขานิ่งฟังเหมือนจะรับรู้อยู่ครู่ ก็เอ่ยถามง่าย ๆ “แต่งงานกันไหม”
ฉันชะงักงัน กระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง “เฮียว่าอะไรนะคะ”
“แต่งงานกันไหม...”
“ถามเหมือนชวนไปกินข้าวเลยเนอะ” ฉันอดจะประชดไม่ได้จริง ๆ
“อยากไปไหมล่ะ...แต่ตอบคำถามแรกก่อน เฮียจะได้เตรียมแหวนไป”
“หนูไม่ตลกด้วยนะ เราเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง”
“เฮียก็ไม่ตลก หมิงเยว่คิดดี ๆ เธออยู่คนเดียวไม่ได้หรอก เฮียอยากดูแลเธอ” เขาจะรู้ไหม ผู้ชายคนนั้นเคยพูดคำนี้กับฉัน และเมื่อได้ฟังอีกครั้งจากปากคนอื่น น้ำตาฉันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เฮียคงลืมว่าหนูเป็นหมอ...ไม่ใช่แค่ดูแลตัวเอง คนอื่นก็ได้” ฉันฝืนตอบ แต่เสียงคงเครือจนเขาจับได้
“ร้องไห้แบบนี้ยังว่าดูแลตัวเองได้หรือ” เขาถอนใจเบา ๆ จนได้ยินผ่านมาทางโทรศัพท์ “เย็นนี้เฮียไปรับที่บ้านนะ สักหกโมง...ไปดินเนอร์กัน”
“หนู...” ฉันไม่อาจท้วงอะไรได้ เขาบอกต่ออย่างไม่ใยดีก่อนจะวางสาย
“เถอะ...เฮียมีไหล่ให้ยืมซบ”
ฉันได้แต่ถอนใจเมื่อดึงโทรศัพท์ออกห่าง “ใครขอกัน...”
“...คนที่เหมาะสมน่ะหาไม่ยากหรอกหมิงเยว่ แต่คนที่เหมาะสมและทำให้เฮียถูกใจได้...เฮียไม่อยากปล่อยไป”
“เขาว่าหงส์คู่มังกร หนูเป็นแค่หมิงเยว่...”
“เฮียหวังสูงกว่านั้น เฮียเป็นมังกรที่คิดเคียงจันทร์” เขาทอดเสียงนุ่มบอก ทำให้หัวใจฉันพองฟูได้ไม่ยาก
“ฟังไม่น่าเชื่อถือเลย เราเพิ่งพบกัน” ฉันเหยียดริมฝีปากกึ่งหยัน เพราะความรักที่ฝังใจเริ่มต้นและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับลึกซึ้งจนยากถอนตัว ฉันไม่กล้าพอจะเสี่ยงกับความสัมพันธ์อีกแล้ว “หนูเหนื่อยเกินไปแล้วกับคำหวานที่ไร้ความจริงใจ ถ้าเฮียต้องการแค่ให้คุณป้าสบายใจ ก็บอกหนูมาตรง ๆ แค่นั้นเถอะค่ะ”
เขาคลี่ยิ้ม เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ขณะที่ฉันร้อนใจจนแทบจะหักคอเขาคามือ ผู้ชายคนนี้ช่างวางท่าอย่างราชาได้น่ามองสมเป็นมังกรเกเร แต่นั่นเกะกะสายตาชวนให้หงุดหงิดชะมัด
“อย่าเพิ่งใจร้อน หมิงเยว่...เฮียบอกแล้วว่าเฮียเลือกจะเป็นตัวเลือกให้เธอ” กระทั่งการวางคำ เขายังทิ้งรอยอหังการ์ น่าหมันไส้ “เธอรู้ใช่ไหม เธอมีค่า...และเฮียว่าเฮียไม่โง่พอจะปล่อยให้เธอผ่านไปง่าย ๆ”
“ฟังน่าภูมิใจ แต่ก็น่ากลัวด้วย”
“แต่งงานกับเฮีย...แล้วเฮียจะดูแลเธอ”
“ตลกมากค่ะ...เพื่ออะไร หนูจะได้อะไร แล้วเฮีย...” ฉันค่อยเหยียดยิ้มจ้องหน้าเขาอย่างท้าทาย “ไม่...เฮียได้ทุกอย่าง เฮียจะใช้หนูเป็นฉากหน้า แต่งแล้วก็ไม่มีใครยุ่งกับชีวิตเฮีย แล้วหนูก็จะกลายเป็นหมิงเยว่ที่ลอยค้างฟ้า กลายเป็นยายแก่เฝ้าบ้านที่ถูกมังกรใจร้ายทิ้งให้เฉาอยู่บนหอคอยงาช้าง”
ฉันยักคิ้ว เบะปาก ไหวไหล่แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ กอดอกจ้องหน้าเขาบ้าง “ใช่ไหมคะ...”
เขากอดอกมองหน้าฉันนิ่ง เราสบตากันกึ่งวัดใจอยู่ครู่ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวมาใกล้ฉัน ระหว่างเราถูกคั่นไว้ด้วยโต๊ะกลมเล็ก ๆ ที่มีแก้วน้ำทรงสูงวางอยู่ตรงหน้า ฉันคลี่ยิ้ม ยักคิ้วให้เขากึ่งท้าทาย
เหอะ...คิดว่าฉันไม่รู้หรือ ชีวิตลูกชายคนโตในตระกูลสายเลือดจีนอาจดูเหมือนครองอำนาจในบ้านหลังใหญ่ แต่ก็ต้องแบกความรับผิดชอบ ความคาดหวังของตระกูลไว้ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่ยังรวมไปถึงเรื่องส่วนตัว ทุกคนจะดูแลเขาใกล้ชิด ห่วงใยให้ความอบอุ่นเสียจนร้อน จนกว่า...ทุกคนจะมั่นใจว่าเขามีคนดูแลที่เหมาะสมนั่นล่ะ
เขาคิดลากฉันเข้าไปเป็นเกราะ
“หนูพูดถูกไหมคะ”
เขายิ้ม ถอนใจเบา ๆ ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ก่อนบอก “เพราะอย่างนี้สิ...เฮียถึงอยากได้เธอ หมิงเยว่ เฮียรู้ว่าเธอศรัทธาในงานที่ทำ แต่ถ้ารักมาพร้อมกับความต้องการเป็นเจ้าของ พร้อมกับการเรียกร้องสิทธิ์ในชีวิตของอีกฝ่าย เธอต้องการความรักแบบนั้นหรือ”
คราวนี้ฉันได้แต่นิ่งงันกับท่าทีไม่แยแสของเขา “แลกกันหมิงเยว่...เราผูกกันไว้ด้วยสัญญาใจ เฮียจะยืนอยู่ข้างเธอเมื่อเธอต้องการ เรามีอิสระต่อกัน เธอทำงานที่เธอรักไม่ต้องพะวงกับคนรัก เฮียอาจจะควงใคร...แต่คนเดียวที่เฮียจะผูกพันกันไปตลอดชีวิตคือเธอ”
ด้วยน้ำเสียงนุ่มหากไม่ทิ้งรอยผยอง ทรงอำนาจ ด้วยสายตาคมที่มองตรงอย่างแน่วแน่ แต่ยังมีแววหวานปน ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ฉันเผลอฝันไปชั่วอึดใจว่าได้เป็นผู้หญิงที่เขาให้ความสำคัญที่สุด
แต่ความจริงก็คือความจริง ฉันได้แต่หลุบตาลงพลางถอนใจเบา ๆ
“ชัดเจนแล้ว...เฮียไม่ได้ต้องการหมิงเยว่ แต่เป็นผืนผ้าใบบนฟ้ามืดที่ซ่อนมังกรเกเรไว้ไม่ให้ใครเห็นต่างหาก” ฉันเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องให้พ้นตัว “ทานเถอะค่ะ หนูหิวมากแล้ว”
เสต็กปลารสดีไม่ควรขาดไวน์ขาว อารมณ์อ่อนไหวไม่ควรเสริมด้วยน้ำเมา แต่ฉันอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะหาอะไรสักอย่างมาลบความรู้สึกและความทรมานในใจ แม้อาจเพียงชั่วครู่
“หนูเมาต่อหน้าเฮียได้ไหม”
เขายกมุมปากกึ่งขัน “ถ้าคืนนี้เธอเมา...เฮียจะจูบเธอ”
ฉันหัวเราะ แล้วสั่งเหล้าหวานมาโดยไม่ใส่ใจ
กี่แก้วไม่รู้ ฉันเหมือนอยู่ในความฝัน ที่แห่งนั้นมีคนที่ฉันหลงรักอย่างลึกล้ำกำลังจับมือฉันไว้ แล้วความฝันก็สลายหายไปเมื่อภาพของผู้หญิงอีกคนที่อยู่เคียงข้างเขาวนเข้ามาคล้ายจะยืนยันว่าเขาไม่ใช่คนของฉัน ไม่ใช่...แม้แต่ในความฝัน รู้ตัวอีกครั้งหางตาฉันก็เปียกด้วยหยดน้ำรินร่วงจนชื้น
ใครบางคนโอบไหล่ฉันเอาไว้ พยุงให้เดินไปตามทางที่ไม่มั่นคงนัก ฉันส่งกระเป๋าสะพายให้เขาไขประตูบ้าน แต่เขากลับผลักฉันให้ยืนพิงบานประตู
ฉันพยายามแล้วที่จะปรือตามองหน้าเขา แต่ภาพนั้นเบลอลงเรื่อย ๆ เมื่อใบหน้านั้นก้มลงมาใกล้
กว่าจะรู้ตัว ฉันก็เผลอหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับที่ริมฝีปากรู้สึกถึงความอุ่นนุ่มที่ทาบลงมา ปลายลิ้นสัมผัสกับความสากที่แสนหวาน ลมหายใจคล้ายถูกกลืนหายไปกับปลายลิ้นหวานนั้น แล้วความฝันก็เริ่มบรรเลง
คืนนั้นฉันฝัน...ถึงมังกรเกเรที่กลืนเอาจันทร์เต็มดวงไปจากฟ้า
มีแมวเจ้าเล่ห์อยู่กลางใจพระจันทร์ แต่มังกรเกเรไม่สนใจ เขาใช้กรงเล็บกวาดตวัดไล่เอาเจ้าแมวออกไปดวงจันทร์
น่าเศร้าที่พระจันทร์ยังโง่เขลา กอดเก็บแมวตัวโตไว้อย่างงมงาย
“...หนูถามพี่อีกครั้ง...” ฉันแทบกลั้นใจเอ่ยคำถาม “พี่...ยังคบกับเธอคนนั้นอยู่ใช่ไหมคะ”
“อืม...” เขาตอบรับอย่างง่ายดาย ขณะที่ฉันเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ
ฉันได้แต่หัวเราะอย่างหยันตัวเองที่งมงายในความรักได้มากเพียงนี้ “พระเจ้า...หนูไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะหาเหตุผลอะไรมายืนอยู่ตรงนี้ต่อไป”
“ไม่ต้องหา...หนูก็แค่ยืนตรงนี้”
“ฐานะอะไรล่ะคะ”
“หนูอยากเป็นอะไรล่ะ”
“คนที่พี่รัก...” ฉันมองตาเขานิ่ง เอ่ยชัดเจน
เขายิ้มบาง ๆ เอียงหัวมองหน้าฉัน “หนูเคยบอกพี่ว่าความรักมีหลายรูปแบบ”
เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว ฉันส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนลุกขึ้นยืน “หนูต้องกลับแล้ว...”
เขาลุกขึ้นตาม เอ่ยเรียบ ๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
แล้วเราก็กลับมาเดินข้างกัน น่าสมเพชชะมัด ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นแมวที่มีปลอกคอ แต่ฉันก็ยังเฝ้ามองคิดอยากดูแลแมวเจ้าเล่ห์อย่างไม่อาจห้ามหัวใจได้
ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆ เมื่อบุกมาหาเฮียเล้งถึงที่ทำงาน เลขาฯเขาคลี่ยิ้มมองสำรวจฉันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนบอกว่าเจ้านายของเธอไม่ต้องการรับแขก แต่ฉันเป็นเด็กนิสัยเสียเกินกว่าจะยอมรับสายตาแบบนั้นได้ง่าย ๆ ฉันหยิบโทรศัพท์มากดหาเฮียเล้งหน้าห้องทำงานเขานั่นล่ะ
“หนูอยู่หน้าห้องเฮีย ถ้าไม่ได้กกสาวอยู่ก็ออกมารับกันหน่อยนะคะ”
เพียงเท่านั้นประตูห้องก็เปิดออก ฉันเดินเข้าไปโดยไม่ใยดีต่อสายตาของคุณเลขาฯ เฮียเล้งยื่นมือมาวางลงบนหัวฉัน ดึงฉันไปซบไหล่เขา
“หงุดหงิดอะไรมา”
ฉันดึงตัวออกห่าง “อย่าทำเหมือนเราสนิทกันขนาดนั้น...หนูไม่อยากตกหลุมรักใครอีกแล้ว”
เขาถอยออกห่างเมื่อเรานั่งลงที่โซฟาใกล้โต๊ะทำงานของเขา “เขาทำให้เธอเป็นได้ขนาดนี้เลยหรือ...”
“เขาทำให้หนูตัดสินใจได้ค่ะ” ฉันได้แต่แค่นหัวเราะ “2 ปี...หนูขอเวลา 2 ปี”
เฮียเล้งเลิกคิ้ว มองหน้าฉัน “เฮียบอกราตรีสวัสดิ์หนูทุกวันได้ไหม”
เขานิ่งไปเพียงครู่ ก่อนตอบ “ไม่...เธอต้องการความสม่ำเสมอ หลอกให้เฮียเคยชินกับการส่งเธอเข้านอน หมิงเยว่...เฮียอดทนเพื่อดึงหัวใจเธอมาได้ แต่เธอต้องการความผูกพันอย่างนั้นจริง ๆ น่ะหรือ ต้องการก้าวเข้าไปจนถึงคำว่ารักจริง ๆ น่ะหรือ”
มีคนเคยบอกฉันว่า เมื่อมนุษย์เคยชินกับบางสิ่ง เขาจะโหยหาเมื่อสิ่งนั้นหายไป เฮียเล้งรู้ทันฉันอีกแล้ว ฉันวางบ่วงให้เขาและตัวฉันเอง วัดใจกันด้วยความสมำ่เสมอของคำว่าราตรีสวัสดิ์ง่าย ๆ นี่ล่ะ
จากเคยชินจะเปลี่ยนเป็นผูกพัน ด้ายบาง ๆ ที่คั่นซ่อนคำว่ารักเอาไว้อย่างโหดร้าย
“เฮียเดินทางบ่อย เวลาแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ให้ตั้งนาฬิกาบอกราตรีสวัสดิ์เธอน่ะไม่ยาก แต่แบบนั้นเธอคงไม่อยากได้”
“ให้นาฬิกาบอกแทนน่ะเหรอคะ...มันไม่มีความคิดถึง” ฉันได้แต่ถอนใจ “ช่างเถอะค่ะ”
“มันสำคัญนักหรือหมิงเยว่...ความรักน่ะ”
ฉันตีราคาคำนั้นไว้สูงมาก แต่เวลานี้เพราะคำคำเดียวกลับทำให้ฉันเจ็บ
ฉันกัดริมฝีปาก เอนตัวพิงไหล่เฮียเล้ง “พอแล้วล่ะค่ะ...พอแล้ว”
“หนูขอเวลา 2 ปี...2 ปี ถ้าเฮียยังหาเกราะที่เหมาะสมไม่ได้ และถ้าหนู...ไม่สามารถจะศรัทธากับคำคำนั้นได้อีกแล้ว เราค่อยแต่งงานกัน”
เฮียเล้งนิ่งไปครู่ ก่อนก้มลงมองหน้าฉัน แววตาเขาสะกดให้ฉันมองเขานิ่ง
เหมือนความฝันคืนนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง ดวงตาฉันพร่ามัว เห็นเพียงนัยน์ตาของเขาก่อนที่เปลือกตาฉันจะปิดลง ซ่อนความเจ็บช้ำทั้งปวง ซ่อนความหวาดกลัวและความรักอันลึกล้ำเอาไว้ เขาแตะริมฝีปากลงใกล้ ไม่ใช่ริมฝีปากแต่ที่หน้าผากฉัน สัมผัสนั้นอบอุ่น เนิ่นนาน อ่อนหวาน นุ่มนวลราวล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ก่อนที่เสียงกระซิบเบา ๆ จะปลุกฉันให้ได้สติ
“แทนคำสัญญา...เฮียจองเธอไว้ก่อน”
มือเขาจับมือฉัน สัมผัสเย็นวาบที่นิ้วนางข้างซ้ายทำให้ฉันก้มลงมอง จากปลายนิ้วสู่โคนนิ้ว แหวนกลมเกลี้ยงประดับมุกเป็นรูปมงกุฏดอกไม้ที่ฉันเคยชี้ให้เขาดูในนิตยสารถูกสวมอยู่ในนิ้วนั้น
“หนูอยากรักเฮีย...”
“มันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก...หมิงเยว่”
ฉันได้แต่นั่งนิ่ง ปล่อยให้เขากอดฉันไว้บนโซฟานุ่มนั้น มือเขาลูบหลังฉันเบา ๆ อย่างปลอบโยน เหมือนมีมนต์สะกด สติของฉันค่อย ๆ เลือนหายไปช้า ๆ
ผิดไหม...หากพระจันทร์จะหลับใหลในอ้อมกอดของมังกรเกเร
บางที...ความรักอาจไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ถ้ามันทำให้เราเจ็บปวดและทรมานจนแทบไม่เป็นตัวเอง
บางครั้ง...เราก็ต้องการแค่ที่พักของหัวใจ และอิสระที่พาให้เราล่องลอยไปบนเส้นทางที่ต้องการ
ไม่ต้องผูกมัด ไม่ต้องคาดหวัง ไม่ต้องเป็นเจ้าของ แค่รู้อยู่ในใจเสมอว่าวันใดที่เราล้ม หรือเหงา ยังมีอ้อมกอดนี่พร้อมเป็นที่พัก
มนุษย์อาจต้องการความรัก...แต่ที่ต้องการมากกว่าคงเป็น ความสุข
“เฮียจะเป็น...ความสุขของหนูได้ไหม?”
-----------
คุณ samiyu : จุดนี้ ไอซ์ก็ไม่แน่ใจว่าหวานหรือขมเหมือนกันค่ะ
คุณ sai : เช่นกันค่าาาา ไอซ์คิดถึงทุกท่านเลย
คุณ หมีสีชมพู : 555 ไม่รู้ว่าถูกใจไหมนะคะ
คุณ คิมหันต์ : ขอบคุณค่าาา ไอซ์ก็คิดถึงค่ะ
คุณ nateetip : ขอบคุณค่ะ เอามาส่งแล้วค่าา
คุณ pattisa : ไอซ์ก็ชอบค่ะ เฮียเล้งน่ารัก
คุณ yayee62 : เฮ๊ยเล้งเป็นมังกรเกเรค่ะ ไอซ์ขอยืนยัน ^^
...พี่เป็นคนแรก นอกจากครอบครัวและเพื่อนรัก...พี่เป็นคนแรก ที่หนูอยากจะดูแล อยากยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วกอดพี่เอาไว้...
ฉันมองข้อความที่เพิ่งพิมพ์ลงในโปรแกรมสนทนาทางโทรศัพท์ แล้วก็ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง ถอนใจเบา ๆ เป็นความเคยชินเสียแล้วเวลาไม่สบอารมณ์กับบางสิ่ง
ฉันกำลังทรมาน เพราะความรักหรือความรู้สึกบ้าบออะไรสักอย่างที่ฉันมอบให้ใครบางคน มันอ่อนหวานเสียจนฉันไม่คิดว่าจะรู้สึกกับใครได้
ฉันเพิ่งได้รู้จัก...ความรู้สึกอยากดูแลโดยไม่มีเงื่อนไข อยากโอบกอดไว้ด้วยทั้งหมดของหัวใจ...
มันใกล้เคียงกับความรัก...แต่เหมือนจะมากกว่านั้น
ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ รู้ว่าเขาไม่เคยเห็นค่าความรู้สึกของฉัน แต่ก็ยังห้ามตัวเองไม่ได้ หยุดความรู้สึกที่มากล้นในใจนี้ไม่ได้
“...พระเจ้า...มันแย่เกินไปแล้ว” ฉันได้แต่กระซิบเบา ๆ กับตัวเอง ก่อนที่สามัญสำนึกอันเลวร้ายจะทำงาน ฉันกดโทรศัพท์หาผู้ชายอีกคน ไม่ใช่คนที่ฉันคิดถึง แต่เป็นคนที่ฉันอยากจะรัก
ทั้งที่เพิ่งพบกันไม่นาน แต่สายตาเขาและบรรยากาศของมังกรทำให้ฉันมั่นใจพอจะเปิดเผยตัวเองและเชื่อใจในตัวเขาโดยไม่มีเงื่อนไขใด
“กดผิดหรือคิดถึงเฮีย” เสียงที่ดังจากปลายสายทำให้ฉันพอยิ้มได้ แม้มันจะฝืดเฝื่อนเต็มที
“คิดถึงคนที่โทร.หาไม่ได้...เฮียทำให้หนูรักเฮียได้ไหม” ฉันถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่ต้องใส่ใจอะไรอีกแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อใครบางคนกำลังทำให้ฉันบ้าจนอยากจะลบมันให้หายไป ถ้าเฮียเล้งจะแทนเขาได้ ฉันยินดี
“ไม่ได้หรอก ถ้าเธอยังไม่คิดจะเลิกรักใครอีกคน” เขาตอบคล้ายไม่แปลกใจ “เขาสำคัญมากนักหรือ”
“ไม่รู้สิ...หนูไม่ได้ตั้งใจจะรักเขา แต่อยู่ดี ๆ ความรู้สึกที่มีมันก็มากขนาดนี้แล้ว”
เขานิ่งฟังเหมือนจะรับรู้อยู่ครู่ ก็เอ่ยถามง่าย ๆ “แต่งงานกันไหม”
ฉันชะงักงัน กระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง “เฮียว่าอะไรนะคะ”
“แต่งงานกันไหม...”
“ถามเหมือนชวนไปกินข้าวเลยเนอะ” ฉันอดจะประชดไม่ได้จริง ๆ
“อยากไปไหมล่ะ...แต่ตอบคำถามแรกก่อน เฮียจะได้เตรียมแหวนไป”
“หนูไม่ตลกด้วยนะ เราเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง”
“เฮียก็ไม่ตลก หมิงเยว่คิดดี ๆ เธออยู่คนเดียวไม่ได้หรอก เฮียอยากดูแลเธอ” เขาจะรู้ไหม ผู้ชายคนนั้นเคยพูดคำนี้กับฉัน และเมื่อได้ฟังอีกครั้งจากปากคนอื่น น้ำตาฉันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เฮียคงลืมว่าหนูเป็นหมอ...ไม่ใช่แค่ดูแลตัวเอง คนอื่นก็ได้” ฉันฝืนตอบ แต่เสียงคงเครือจนเขาจับได้
“ร้องไห้แบบนี้ยังว่าดูแลตัวเองได้หรือ” เขาถอนใจเบา ๆ จนได้ยินผ่านมาทางโทรศัพท์ “เย็นนี้เฮียไปรับที่บ้านนะ สักหกโมง...ไปดินเนอร์กัน”
“หนู...” ฉันไม่อาจท้วงอะไรได้ เขาบอกต่ออย่างไม่ใยดีก่อนจะวางสาย
“เถอะ...เฮียมีไหล่ให้ยืมซบ”
ฉันได้แต่ถอนใจเมื่อดึงโทรศัพท์ออกห่าง “ใครขอกัน...”
“...คนที่เหมาะสมน่ะหาไม่ยากหรอกหมิงเยว่ แต่คนที่เหมาะสมและทำให้เฮียถูกใจได้...เฮียไม่อยากปล่อยไป”
“เขาว่าหงส์คู่มังกร หนูเป็นแค่หมิงเยว่...”
“เฮียหวังสูงกว่านั้น เฮียเป็นมังกรที่คิดเคียงจันทร์” เขาทอดเสียงนุ่มบอก ทำให้หัวใจฉันพองฟูได้ไม่ยาก
“ฟังไม่น่าเชื่อถือเลย เราเพิ่งพบกัน” ฉันเหยียดริมฝีปากกึ่งหยัน เพราะความรักที่ฝังใจเริ่มต้นและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับลึกซึ้งจนยากถอนตัว ฉันไม่กล้าพอจะเสี่ยงกับความสัมพันธ์อีกแล้ว “หนูเหนื่อยเกินไปแล้วกับคำหวานที่ไร้ความจริงใจ ถ้าเฮียต้องการแค่ให้คุณป้าสบายใจ ก็บอกหนูมาตรง ๆ แค่นั้นเถอะค่ะ”
เขาคลี่ยิ้ม เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางสบาย ๆ ขณะที่ฉันร้อนใจจนแทบจะหักคอเขาคามือ ผู้ชายคนนี้ช่างวางท่าอย่างราชาได้น่ามองสมเป็นมังกรเกเร แต่นั่นเกะกะสายตาชวนให้หงุดหงิดชะมัด
“อย่าเพิ่งใจร้อน หมิงเยว่...เฮียบอกแล้วว่าเฮียเลือกจะเป็นตัวเลือกให้เธอ” กระทั่งการวางคำ เขายังทิ้งรอยอหังการ์ น่าหมันไส้ “เธอรู้ใช่ไหม เธอมีค่า...และเฮียว่าเฮียไม่โง่พอจะปล่อยให้เธอผ่านไปง่าย ๆ”
“ฟังน่าภูมิใจ แต่ก็น่ากลัวด้วย”
“แต่งงานกับเฮีย...แล้วเฮียจะดูแลเธอ”
“ตลกมากค่ะ...เพื่ออะไร หนูจะได้อะไร แล้วเฮีย...” ฉันค่อยเหยียดยิ้มจ้องหน้าเขาอย่างท้าทาย “ไม่...เฮียได้ทุกอย่าง เฮียจะใช้หนูเป็นฉากหน้า แต่งแล้วก็ไม่มีใครยุ่งกับชีวิตเฮีย แล้วหนูก็จะกลายเป็นหมิงเยว่ที่ลอยค้างฟ้า กลายเป็นยายแก่เฝ้าบ้านที่ถูกมังกรใจร้ายทิ้งให้เฉาอยู่บนหอคอยงาช้าง”
ฉันยักคิ้ว เบะปาก ไหวไหล่แล้วเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ กอดอกจ้องหน้าเขาบ้าง “ใช่ไหมคะ...”
เขากอดอกมองหน้าฉันนิ่ง เราสบตากันกึ่งวัดใจอยู่ครู่ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวมาใกล้ฉัน ระหว่างเราถูกคั่นไว้ด้วยโต๊ะกลมเล็ก ๆ ที่มีแก้วน้ำทรงสูงวางอยู่ตรงหน้า ฉันคลี่ยิ้ม ยักคิ้วให้เขากึ่งท้าทาย
เหอะ...คิดว่าฉันไม่รู้หรือ ชีวิตลูกชายคนโตในตระกูลสายเลือดจีนอาจดูเหมือนครองอำนาจในบ้านหลังใหญ่ แต่ก็ต้องแบกความรับผิดชอบ ความคาดหวังของตระกูลไว้ด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่ยังรวมไปถึงเรื่องส่วนตัว ทุกคนจะดูแลเขาใกล้ชิด ห่วงใยให้ความอบอุ่นเสียจนร้อน จนกว่า...ทุกคนจะมั่นใจว่าเขามีคนดูแลที่เหมาะสมนั่นล่ะ
เขาคิดลากฉันเข้าไปเป็นเกราะ
“หนูพูดถูกไหมคะ”
เขายิ้ม ถอนใจเบา ๆ ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ ก่อนบอก “เพราะอย่างนี้สิ...เฮียถึงอยากได้เธอ หมิงเยว่ เฮียรู้ว่าเธอศรัทธาในงานที่ทำ แต่ถ้ารักมาพร้อมกับความต้องการเป็นเจ้าของ พร้อมกับการเรียกร้องสิทธิ์ในชีวิตของอีกฝ่าย เธอต้องการความรักแบบนั้นหรือ”
คราวนี้ฉันได้แต่นิ่งงันกับท่าทีไม่แยแสของเขา “แลกกันหมิงเยว่...เราผูกกันไว้ด้วยสัญญาใจ เฮียจะยืนอยู่ข้างเธอเมื่อเธอต้องการ เรามีอิสระต่อกัน เธอทำงานที่เธอรักไม่ต้องพะวงกับคนรัก เฮียอาจจะควงใคร...แต่คนเดียวที่เฮียจะผูกพันกันไปตลอดชีวิตคือเธอ”
ด้วยน้ำเสียงนุ่มหากไม่ทิ้งรอยผยอง ทรงอำนาจ ด้วยสายตาคมที่มองตรงอย่างแน่วแน่ แต่ยังมีแววหวานปน ช่วยไม่ได้จริง ๆ ที่ฉันเผลอฝันไปชั่วอึดใจว่าได้เป็นผู้หญิงที่เขาให้ความสำคัญที่สุด
แต่ความจริงก็คือความจริง ฉันได้แต่หลุบตาลงพลางถอนใจเบา ๆ
“ชัดเจนแล้ว...เฮียไม่ได้ต้องการหมิงเยว่ แต่เป็นผืนผ้าใบบนฟ้ามืดที่ซ่อนมังกรเกเรไว้ไม่ให้ใครเห็นต่างหาก” ฉันเอ่ยกลั้วหัวเราะ ก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องให้พ้นตัว “ทานเถอะค่ะ หนูหิวมากแล้ว”
เสต็กปลารสดีไม่ควรขาดไวน์ขาว อารมณ์อ่อนไหวไม่ควรเสริมด้วยน้ำเมา แต่ฉันอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะหาอะไรสักอย่างมาลบความรู้สึกและความทรมานในใจ แม้อาจเพียงชั่วครู่
“หนูเมาต่อหน้าเฮียได้ไหม”
เขายกมุมปากกึ่งขัน “ถ้าคืนนี้เธอเมา...เฮียจะจูบเธอ”
ฉันหัวเราะ แล้วสั่งเหล้าหวานมาโดยไม่ใส่ใจ
กี่แก้วไม่รู้ ฉันเหมือนอยู่ในความฝัน ที่แห่งนั้นมีคนที่ฉันหลงรักอย่างลึกล้ำกำลังจับมือฉันไว้ แล้วความฝันก็สลายหายไปเมื่อภาพของผู้หญิงอีกคนที่อยู่เคียงข้างเขาวนเข้ามาคล้ายจะยืนยันว่าเขาไม่ใช่คนของฉัน ไม่ใช่...แม้แต่ในความฝัน รู้ตัวอีกครั้งหางตาฉันก็เปียกด้วยหยดน้ำรินร่วงจนชื้น
ใครบางคนโอบไหล่ฉันเอาไว้ พยุงให้เดินไปตามทางที่ไม่มั่นคงนัก ฉันส่งกระเป๋าสะพายให้เขาไขประตูบ้าน แต่เขากลับผลักฉันให้ยืนพิงบานประตู
ฉันพยายามแล้วที่จะปรือตามองหน้าเขา แต่ภาพนั้นเบลอลงเรื่อย ๆ เมื่อใบหน้านั้นก้มลงมาใกล้
กว่าจะรู้ตัว ฉันก็เผลอหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับที่ริมฝีปากรู้สึกถึงความอุ่นนุ่มที่ทาบลงมา ปลายลิ้นสัมผัสกับความสากที่แสนหวาน ลมหายใจคล้ายถูกกลืนหายไปกับปลายลิ้นหวานนั้น แล้วความฝันก็เริ่มบรรเลง
คืนนั้นฉันฝัน...ถึงมังกรเกเรที่กลืนเอาจันทร์เต็มดวงไปจากฟ้า
มีแมวเจ้าเล่ห์อยู่กลางใจพระจันทร์ แต่มังกรเกเรไม่สนใจ เขาใช้กรงเล็บกวาดตวัดไล่เอาเจ้าแมวออกไปดวงจันทร์
น่าเศร้าที่พระจันทร์ยังโง่เขลา กอดเก็บแมวตัวโตไว้อย่างงมงาย
“...หนูถามพี่อีกครั้ง...” ฉันแทบกลั้นใจเอ่ยคำถาม “พี่...ยังคบกับเธอคนนั้นอยู่ใช่ไหมคะ”
“อืม...” เขาตอบรับอย่างง่ายดาย ขณะที่ฉันเจ็บร้าวไปทั้งหัวใจ
ฉันได้แต่หัวเราะอย่างหยันตัวเองที่งมงายในความรักได้มากเพียงนี้ “พระเจ้า...หนูไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะหาเหตุผลอะไรมายืนอยู่ตรงนี้ต่อไป”
“ไม่ต้องหา...หนูก็แค่ยืนตรงนี้”
“ฐานะอะไรล่ะคะ”
“หนูอยากเป็นอะไรล่ะ”
“คนที่พี่รัก...” ฉันมองตาเขานิ่ง เอ่ยชัดเจน
เขายิ้มบาง ๆ เอียงหัวมองหน้าฉัน “หนูเคยบอกพี่ว่าความรักมีหลายรูปแบบ”
เพียงเท่านี้ก็มากพอแล้ว ฉันส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนลุกขึ้นยืน “หนูต้องกลับแล้ว...”
เขาลุกขึ้นตาม เอ่ยเรียบ ๆ “เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
แล้วเราก็กลับมาเดินข้างกัน น่าสมเพชชะมัด ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นแมวที่มีปลอกคอ แต่ฉันก็ยังเฝ้ามองคิดอยากดูแลแมวเจ้าเล่ห์อย่างไม่อาจห้ามหัวใจได้
ฉันบ้าไปแล้วจริง ๆ เมื่อบุกมาหาเฮียเล้งถึงที่ทำงาน เลขาฯเขาคลี่ยิ้มมองสำรวจฉันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนบอกว่าเจ้านายของเธอไม่ต้องการรับแขก แต่ฉันเป็นเด็กนิสัยเสียเกินกว่าจะยอมรับสายตาแบบนั้นได้ง่าย ๆ ฉันหยิบโทรศัพท์มากดหาเฮียเล้งหน้าห้องทำงานเขานั่นล่ะ
“หนูอยู่หน้าห้องเฮีย ถ้าไม่ได้กกสาวอยู่ก็ออกมารับกันหน่อยนะคะ”
เพียงเท่านั้นประตูห้องก็เปิดออก ฉันเดินเข้าไปโดยไม่ใยดีต่อสายตาของคุณเลขาฯ เฮียเล้งยื่นมือมาวางลงบนหัวฉัน ดึงฉันไปซบไหล่เขา
“หงุดหงิดอะไรมา”
ฉันดึงตัวออกห่าง “อย่าทำเหมือนเราสนิทกันขนาดนั้น...หนูไม่อยากตกหลุมรักใครอีกแล้ว”
เขาถอยออกห่างเมื่อเรานั่งลงที่โซฟาใกล้โต๊ะทำงานของเขา “เขาทำให้เธอเป็นได้ขนาดนี้เลยหรือ...”
“เขาทำให้หนูตัดสินใจได้ค่ะ” ฉันได้แต่แค่นหัวเราะ “2 ปี...หนูขอเวลา 2 ปี”
เฮียเล้งเลิกคิ้ว มองหน้าฉัน “เฮียบอกราตรีสวัสดิ์หนูทุกวันได้ไหม”
เขานิ่งไปเพียงครู่ ก่อนตอบ “ไม่...เธอต้องการความสม่ำเสมอ หลอกให้เฮียเคยชินกับการส่งเธอเข้านอน หมิงเยว่...เฮียอดทนเพื่อดึงหัวใจเธอมาได้ แต่เธอต้องการความผูกพันอย่างนั้นจริง ๆ น่ะหรือ ต้องการก้าวเข้าไปจนถึงคำว่ารักจริง ๆ น่ะหรือ”
มีคนเคยบอกฉันว่า เมื่อมนุษย์เคยชินกับบางสิ่ง เขาจะโหยหาเมื่อสิ่งนั้นหายไป เฮียเล้งรู้ทันฉันอีกแล้ว ฉันวางบ่วงให้เขาและตัวฉันเอง วัดใจกันด้วยความสมำ่เสมอของคำว่าราตรีสวัสดิ์ง่าย ๆ นี่ล่ะ
จากเคยชินจะเปลี่ยนเป็นผูกพัน ด้ายบาง ๆ ที่คั่นซ่อนคำว่ารักเอาไว้อย่างโหดร้าย
“เฮียเดินทางบ่อย เวลาแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ให้ตั้งนาฬิกาบอกราตรีสวัสดิ์เธอน่ะไม่ยาก แต่แบบนั้นเธอคงไม่อยากได้”
“ให้นาฬิกาบอกแทนน่ะเหรอคะ...มันไม่มีความคิดถึง” ฉันได้แต่ถอนใจ “ช่างเถอะค่ะ”
“มันสำคัญนักหรือหมิงเยว่...ความรักน่ะ”
ฉันตีราคาคำนั้นไว้สูงมาก แต่เวลานี้เพราะคำคำเดียวกลับทำให้ฉันเจ็บ
ฉันกัดริมฝีปาก เอนตัวพิงไหล่เฮียเล้ง “พอแล้วล่ะค่ะ...พอแล้ว”
“หนูขอเวลา 2 ปี...2 ปี ถ้าเฮียยังหาเกราะที่เหมาะสมไม่ได้ และถ้าหนู...ไม่สามารถจะศรัทธากับคำคำนั้นได้อีกแล้ว เราค่อยแต่งงานกัน”
เฮียเล้งนิ่งไปครู่ ก่อนก้มลงมองหน้าฉัน แววตาเขาสะกดให้ฉันมองเขานิ่ง
เหมือนความฝันคืนนั้นย้อนกลับมาอีกครั้ง ดวงตาฉันพร่ามัว เห็นเพียงนัยน์ตาของเขาก่อนที่เปลือกตาฉันจะปิดลง ซ่อนความเจ็บช้ำทั้งปวง ซ่อนความหวาดกลัวและความรักอันลึกล้ำเอาไว้ เขาแตะริมฝีปากลงใกล้ ไม่ใช่ริมฝีปากแต่ที่หน้าผากฉัน สัมผัสนั้นอบอุ่น เนิ่นนาน อ่อนหวาน นุ่มนวลราวล่องลอยอยู่บนปุยเมฆ ก่อนที่เสียงกระซิบเบา ๆ จะปลุกฉันให้ได้สติ
“แทนคำสัญญา...เฮียจองเธอไว้ก่อน”
มือเขาจับมือฉัน สัมผัสเย็นวาบที่นิ้วนางข้างซ้ายทำให้ฉันก้มลงมอง จากปลายนิ้วสู่โคนนิ้ว แหวนกลมเกลี้ยงประดับมุกเป็นรูปมงกุฏดอกไม้ที่ฉันเคยชี้ให้เขาดูในนิตยสารถูกสวมอยู่ในนิ้วนั้น
“หนูอยากรักเฮีย...”
“มันไม่สำคัญขนาดนั้นหรอก...หมิงเยว่”
ฉันได้แต่นั่งนิ่ง ปล่อยให้เขากอดฉันไว้บนโซฟานุ่มนั้น มือเขาลูบหลังฉันเบา ๆ อย่างปลอบโยน เหมือนมีมนต์สะกด สติของฉันค่อย ๆ เลือนหายไปช้า ๆ
ผิดไหม...หากพระจันทร์จะหลับใหลในอ้อมกอดของมังกรเกเร
บางที...ความรักอาจไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ถ้ามันทำให้เราเจ็บปวดและทรมานจนแทบไม่เป็นตัวเอง
บางครั้ง...เราก็ต้องการแค่ที่พักของหัวใจ และอิสระที่พาให้เราล่องลอยไปบนเส้นทางที่ต้องการ
ไม่ต้องผูกมัด ไม่ต้องคาดหวัง ไม่ต้องเป็นเจ้าของ แค่รู้อยู่ในใจเสมอว่าวันใดที่เราล้ม หรือเหงา ยังมีอ้อมกอดนี่พร้อมเป็นที่พัก
มนุษย์อาจต้องการความรัก...แต่ที่ต้องการมากกว่าคงเป็น ความสุข
“เฮียจะเป็น...ความสุขของหนูได้ไหม?”
-----------
คุณ samiyu : จุดนี้ ไอซ์ก็ไม่แน่ใจว่าหวานหรือขมเหมือนกันค่ะ
คุณ sai : เช่นกันค่าาาา ไอซ์คิดถึงทุกท่านเลย
คุณ หมีสีชมพู : 555 ไม่รู้ว่าถูกใจไหมนะคะ
คุณ คิมหันต์ : ขอบคุณค่าาา ไอซ์ก็คิดถึงค่ะ
คุณ nateetip : ขอบคุณค่ะ เอามาส่งแล้วค่าา
คุณ pattisa : ไอซ์ก็ชอบค่ะ เฮียเล้งน่ารัก
คุณ yayee62 : เฮ๊ยเล้งเป็นมังกรเกเรค่ะ ไอซ์ขอยืนยัน ^^

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2556, 16:35:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2556, 16:38:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 2206
<< เพียงใจในสายลม(50%) | ก่อนเสียงสุดท้าย >> |

หมีสีชมพู 8 ก.พ. 2556, 17:14:48 น.
ถูกใจค่ะ
แต่อาจจะดีกว่านี้ถ้ามีภาคต่อ 
ทวงพี่ปืนได้มั้ยคะ อยากอ่านเรื่องพี่ปืนต่อแล้ว
ถูกใจค่ะ


ทวงพี่ปืนได้มั้ยคะ อยากอ่านเรื่องพี่ปืนต่อแล้ว

หมีสีชมพู 8 ก.พ. 2556, 17:25:25 น.
อ่านไปรู้สึกว่าคู่นี้รักกันนะ แต่กับผู้ชายอีกคนเป็นแค่ความหลง
หลงจนลืมไม่ได้
หรือว่าเราคิดมากไปเอง
อ่านไปรู้สึกว่าคู่นี้รักกันนะ แต่กับผู้ชายอีกคนเป็นแค่ความหลง
หลงจนลืมไม่ได้
หรือว่าเราคิดมากไปเอง


Thananya 8 ก.พ. 2556, 17:36:43 น.
ชอบค่ะ ชอบมากกกกก
ชอบค่ะ ชอบมากกกกก



ลิขิตรา 8 ก.พ. 2556, 19:51:37 น.
เพิ่งเปิดเจอเพลงนี้โดยบังเอิญ แอบรู้สึกว่าเข้ากับความรู้สึกของเฮียเล้ง เลยเอามาแปะไว้ค่ะ คิดเห็นอย่างไรคุยกันนะคะ
http://m.youtube.com/watch?v=_qXra7I280E
เพิ่งเปิดเจอเพลงนี้โดยบังเอิญ แอบรู้สึกว่าเข้ากับความรู้สึกของเฮียเล้ง เลยเอามาแปะไว้ค่ะ คิดเห็นอย่างไรคุยกันนะคะ
http://m.youtube.com/watch?v=_qXra7I280E

pkka 8 ก.พ. 2556, 20:11:56 น.
ชอบจัง^^
ชอบจัง^^


goldensun 8 ก.พ. 2556, 23:02:18 น.
ถึงจะเจอกันไม่นาน แต่รู้สึกเฮียเล้งเข้าใจหมิงเยว่มากกว่าผึ้ชายอีกคนแฮะ
เห็นด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ
ถึงจะเจอกันไม่นาน แต่รู้สึกเฮียเล้งเข้าใจหมิงเยว่มากกว่าผึ้ชายอีกคนแฮะ
เห็นด้วยค่ะ อยากอ่านต่อ

คิมหันตุ์ 9 ก.พ. 2556, 01:55:20 น.
ความรักของเฮียเล้งจะเป็นยังไงหนอ???
ความรักของเฮียเล้งจะเป็นยังไงหนอ???

grazioso 12 ก.พ. 2556, 06:49:01 น.
อ่านแล้วคิดถึงคำนี้ค่ะ bitter sweet :)
อ่านแล้วคิดถึงคำนี้ค่ะ bitter sweet :)