ภิรมย์รัก
กุลสตรี!

รุจิรดาแอบเบ้ปากด้วยความเบื่อหน่ายปนขุ่นเคือง
หากนับว่าการที่เธอยื่นมือออกไปช่วยเหลือน้องสาวของ หม่อมเจ้าอดุลย์วิทย์ นั้นไม่เป็นกุลสตรี
หญิงสาวก็ยอมรับตามความจริง
แต่เมื่อคนที่ชี้ความจริงข้อนี้ให้เธอรู้เป็นพี่ชายของคนที่เธอช่วยเอาไว้
หญิงสาวจึงรู้สึกเหมือนตนกำลังทำคุณบูชาโทษ
ต่อแต่นี้ไปก็อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุด!

หากภาวนาไปไม่พ้นสามวัน
คนที่เธอไม่อยากพบเจออีกในชาตินี้ กลับมาเป็นอาจารย์ของเธอเอง
คราวนี้คงต้องฟังแลกเชอร์ว่าด้วย “ความเป็นกุลสตรี” เสียจนหูชาแน่ๆ
เธอต้องหาทางหนีสถานเดียว!

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...
ยิ่งพยายามหนีให้ไกลจากดวงตาสีดำคูคมนั้นเท่าไหร่
กลับยิ่งเหมือนอีกฝ่ายจะไล่ตามมาไม่ปล่อยเสียอย่างนั้น!

Tags: ย้อนยุค,ศิษย์,อาจารย์,ท่านชาย,ท่านหญิง,ความรัก,พีเรียด

ตอน: ตอนที่ 9 [100%]

นิลเนตรคมกริบที่ทอดตรงมายังร่างบาง ทำให้รุจิรดาอดประหม่าไม่ได้

มือที่กุมกันแน่นอยู่ข้างหน้าบีบแน่นเข้าหากันมากขึ้น ข่มอารมณ์อยากก้มหน้าลงซ่อนความเขินอายที่อยู่ในรูปสีระเรื่อทั้งสองข้างแก้ม ลูกแก้วสีน้ำตาลใสที่ยามปกติเปิดเผยร่าเริงอยู่เสมอเสมองตุ๊กตานางฟ้าตัวน้อยที่ทำจากกระเบื้องเคลือบแน่วแน่ ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะไม่เหลือบมองวรกายสูงสง่าที่นั่งเอนองค์พิงพนักเก้าอี้สบายๆ พลางทอดพระเนตรมาทางเธอเขม็ง

ก็รู้น่าว่าเสื้อผ้าแบบนี้มันไม่เหมาะกับเธอหรอก แต่ก็ไม่เห็นต้องมองเนตรพราวขนาดนั้นก็ได้ รู้ว่าตลก แต่เธอก็อายเป็นเหมือนกันนะ!

คนถูกมองชักร้อนวูบไปทั้งตัว หญิงสาวเลิกมองตุ๊กตาด้านหลัง หันมาสบเนตรอาจารย์ตรงๆ ก่อนถามเสียงเจือขุ่น “ทอด’เนตรพอแล้วหรือยังเพคะ หม่อมฉันจะได้นั่งลงเสียที”

กิริยาขุ่นเคืองกลบเกลื่อนอาการเขินอายนั้นถูกอีกฝ่ายมองออกอย่างง่ายดาย ดังนั้นหม่อมเจ้าอดุลยวิทย์จึงเพียงแต่สรวลน้อยๆ ไม่ได้ถือสากับอากัปกิริยาแข็งๆ ของรุจิรดา เพียงรับสั่งว่า “นั่งสิ ประเดี๋ยวหญิงอรก็คงออกมาใช่ไหม?”

“เพคะ” เพราะกลับมาพูดคุยโดยไม่มีแววเนตรประหลาดตามติดมาแล้ว หญิงสาวจึงผ่อนคลายพอที่จะทูลต่อ “ตอนแรกท่านหญิง’เด็จมาพร้อมหม่อมฉัน แต่จู่ๆ ก็รับสั่งว่าลืมของ เลยกลับเข้าไปในห้องอีกรอบเพคะ”

“อะไรกัน บ่นที่หญิงช้าอยู่หรือรดา พี่ชาย?”

ท่านหญิงอรกัญญาดำเนินเข้ามาในห้องทรงงานด้วยแววเนตรสดใส วรองค์เล็กบางงดงามภายใต้อาภรณ์ตัดเย็บประณีตสีอ่อนงาม ส่งบุคลิกให้ผู้สวมดูหวานไปทั่วทั้งตัว หากไม่ทิ้งความสง่างาม

ดวงเนตรของท่านชายหันไปจับจ้องที่ขนิษฐาก่อนจะรับสั่งเย้า “อย่าร้อนตัวสิ พี่กับรุจิรดาไม่ได้บ่นหญิงเสียหน่อย” รับสั่งแล้วมองพักตร์มุ่ยๆ ของขนิษฐาก่อนสรวลเบาๆ “ไม่ได้พูดจริงๆ ว่าแต่น้องพี่สวยมากเลยนะวันนี้ สวยมากจริงๆ”

“ชมแต่น้องคนเดียว ไม่ชมลูกศิษย์บ้างหรือคะพี่ชาย” ท่านหญิงแย้มสรวลกว้าง ผายหัตถ์มาทางพระสหายอย่างภูมิใจในฝีมือของตนเองและรูปโฉมของเพื่อน “ใครจะคิดว่าพอรดาแต่งตัวแบบนี้แล้วจะสวยขึ้นผิดหูผิดตา น้องแทบไม่เชื่อตาตนเองด้วยซ้ำตอนแต่งตัวให้เธอเสร็จ แล้วพี่ชายล่ะเพคะ ไม่ชมรดาบ้าง ประเดี๋ยวรดาเสียใจแย่”

“หญิงอร!” รุจิรดาเบิกตาโต ร้องเสียงค่อย ใบหน้าที่เพียงขึ้นสีระเรื่อแดงก่ำทันตา

“เธอก็...” แวบหนึ่งที่หญิงสาวเห็นดวงเนตรระยับพราว ก่อนจะกลับมานิ่งสงบในชั่วพริบตา “...ดูดี”

“แค่ดูดี!” วรองค์แบบบางเบิกเนตรงามกว้างละม้ายตกใจสุดแสน ยกหัตถ์ทาบอกน้อยๆ กิริยานั้นเป็นไปโดยล้อเลียนเพราะดวงเนตรเจือแววสรวลอย่างไม่ปิดบัง “พี่ชายช่างกระไร พูดมาได้ว่าแค่ดูดี... อย่างนี้ดูถูกฝีมือน้องนะคะ”

โอษฐ์หยักงามแย้มสรวลน้อยๆ หม่อมเจ้าอดุลยวิทย์ปรายเนตรไปทางขนิษฐาปรามๆ หากกระแสรับสั่งไม่จริงจังนัก “หญิงอร วันนี้ดูร่าเริงดีนะ”

“ก็วันนี้หญิงมีเพื่อนนี่คะ” รับสั่งแกมสรวลก่อนจะหันกลับมาหาเพื่อนหญิง “เสียดายที่รดาไม่ยอมใส่เครื่องประดับอะไรเลย ดูโล่งๆ ไปหน่อย”

“ก็รดากลัวหาย” รุจิรดาชี้แจงยิ้มๆ ไม่ยอมสบกับแววเนตรคมที่มองตามเธอแน่วนิ่ง ดวงหน้าขึ้นสีระเรื่อ

มองอยู่นั่นแหละ!

หญิงสาวขยับจะพูดว่าใกล้จะได้เวลาแล้ว ควรไปเสียที แต่จู่ๆ วรองค์สูงสง่าของอาจารย์ก็ลุกขึ้นยืนฉับพลัน พร้อมกับรับสั่งสั้นๆ ว่าให้พวกเธอทั้งคู่รออยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง

“อย่างนั้นประเดี๋ยวหญิงไปดูรถก่อนดีกว่า ว่านายเติมเอารถออกมาหรือยัง ต้องไปดูด้วยว่าพรุ่งนี้แม่แผ้วจะทำอะไรให้ทาน”

รุจิรดาขมวดคิ้ว ดูท่าท่านหญิงสหายของเธอจะเป็นแม่บ้านแม่เรือนมากกว่าที่คิด “ต้องทรงจัดการเองด้วยหรือเพคะ?”

“ก็หญิงเป็นนายหญิงในวังนี้นี่นา” รับสั่งของท่านหญิงอรกัญญามีแววภาคภูมิเจือน้อยๆ ก่อนจะลดสุรเสียงลงให้เหลือเพียงแผ่วเบา หากแฝงแววเจ้าเล่ห์ไว้แทน “แต่แปลกนะรดา ช่วงนี้หญิงรู้สึกว่าอีกไม่นาน หน้าที่นายหญิงของบ้านคงต้องเปลี่ยนมือเสียแล้วสิ”

ไม่ทันที่รุจิรดาจะทันได้แปลความหมายของประโยคหรือตอบกลับรอยแย้มสรวลเจ้าเล่ห์นั้นอย่างใด วรองค์บางก็สรวลเบาๆ ก่อนดำเนินออกไปจากห้องทรงงานอย่างรวดเร็ว

ทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งหน้าแดงอย่างไร้สาเหตุอยู่คนเดียวเสียอย่างนั้น!



รอเพียงไม่นาน รุจิรดาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบาๆ บนพื้นหินอ่อนมาถึงหน้าห้องทรงงานก่อนจะหยุดอยู่ตรงนั้นเงียบๆ

หญิงสาวหันไปมอง ก่อนชะงักนิ่งเพราะผู้ที่เข้ามาก่อนไม่ใช่สหายสนิท แต่เป็นอาจารย์ที่ยืนอวดวรกายสูงสง่าเด่นอยู่กลางห้องทรงงาน

เธออดที่จะปรายสายตามองให้ทั่ววรกายงดงามนั้นมิได้ หม่อมเจ้าอดุลยวิทย์มีเรือนกายสูงสง่า ดวงพักตร์คมคายงดงาม ดวงเนตรระยับคมวาวที่บางคราวถูกบดบังด้วยแว่นสายตากรอบบาง แผงอุระกว้างหนาคล้ายจะประกาศถึงความมั่นคงหนักแน่น และอบอุ่นที่มีให้แก่ผู้พักพิงอิงซบ ทรงอยู่ในฉลองพระองค์สีดำสนิทแบบทักซิโด้ ตัดกับเชิ้ตขาวสะอาดที่สวมอยู่ด้านใน

และในหัตถ์เรียวนั้น มีกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มเกือบดำใบหนึ่ง

ไม่ทันที่หญิงสาวจะได้แสดงความสงสัยอันใด วรองค์สูงก็ดำเนินเข้ามาใกล้ ก่อนหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเธอ พร้อมกดสปริงที่กล่องให้เปิดออกกว้าง เผยให้เห็นของด้านใน

หม่อมเจ้าอดุลยวิทย์รับสั่งเรียบๆ “ให้เธอ รุจิรดา”

ลูกแก้วสีน้ำตาลใสเบิกกว้างอย่างตกใจปนตระหนก สายตาหญิงสาวทอดมอง ‘ของ’ ที่เป็นสร้อยทองคำขาวเส้นบาง ร้อยด้วยไข่มุกเม็ดเล็กๆ ข้างละสองเม็ดโดยมีจี้ไข่มุกรูปหยดน้ำอยู่ตรงกลาง เกาะเกี่ยวมุกทุกเม็ดด้วยเพชรเม็ดน้อยๆ ที่ทำเป็นเครือเกี่ยวกระหวัดมุกเข้าด้วยกัน ประกายเพชรเม็ดน้อยหากน้ำงามพราวระยับตา

รุจิรดาสั่นศีรษะปฏิเสธแทบจะในทันที “หม่อมฉันรับไว้ไม่ได้ ขอประทานอภัยเพคะ”

“ใครว่าเราจะให้เลย” รับสั่งยังคงเรียบเฉย แต่แววสุรเสียงเข้มขึ้นเล็กน้อยจนแทบจะสังเกตเห็นไม่ได้ “เราให้ยืมต่างหาก”

“ถึงอย่างนั้นหม่อมฉันก็รับพระกรุณาไว้ไม่ได้หรอกเพคะ” หญิงสาวยังคงปฏิเสธหนักแน่น

“เช่นนั้นหรือ” ท่านชายผ่อนสุรเสียงลงเล็กน้อย เนตรคมหรี่เล็กลงก่อนจะรับสั่งต่อคล้ายเปรยขึ้นมาโดยปกติ “น่าเสียดายนะ งานนี้เป็นงานค่อนข้างใหญ่ มีแขกเหรื่อที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่มามากมายเพราะท่านรัฐมนตรีฯ จัดงานวันเกิดลูกรวมไปกับงานเลี้ยงตอนรับการกลับมาจากเมืองนอกของบุตรคนโต มนต์ณัฐกับหญิงอรคงไม่ขัดข้องหรอกที่เธอจะไม่แต่งตัว ไม่ประดับเนื้อตัวหรืออะไร แต่คนอื่นที่พร้อมจะมองเพียงแค่รูปกายภายนอกนั้นมีมาก และพวกเขาไม่รู้จักมิตรภาพแบบของเธอกับสองคนนั้นหรอกนะ การที่เธอมี ‘อะไร’ ติดตัวบ้างในงานแบบนี้ นอกจากป้องกันคนอื่นที่มองแต่ภายนอกซุบซิบนินทาเธอเท่านั้น แต่ยังถือว่าป้องกันการนินทาที่จะล่วงเลยมาถึงเพื่อนชายของเธอ และน้องสาวของเราด้วย”

“หม่อมฉันคบกับสองคนนั้นด้วยความจริงใจ ไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินภายนอกนี่เพคะ หม่อมฉันไม่สนคำพูดคนด้วย และคิดว่าเพื่อนของหม่อมฉันทั้งคู่ก็จะไม่สนเช่นเดียวกัน” น้ำเสียงยามทูลตอบอาจารย์ยังคงดื้อดึงไม่ยอมรับ

“เธอคิดแทนเขาได้หรือรุจิรดา เป็นสองคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่จึงรู้แน่ชัดว่าเขาไม่สน ไม่ใส่ใจ และถึงจะเป็นแบบนั้นจริงๆ เธอก็จะยอมให้เพื่อนเธอถูกนินทาหรือ ยอมให้เขาผจญกับคำพูดหรือสายตาร้ายกาจพวกนั้นหรือ เธอไม่ได้สนใจความรู้สึกของพวกเขา หรือไม่สนสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญมากกว่ายึดเอาความรู้สึกของตนเองเป็นที่ตั้งอย่างนั้นหรอกหรือ...”

ไม่ต้องรอให้อาจารย์พูดให้จบหญิงสาวก็แทบจะคว้ากล่องในหัตถ์อีกฝ่ายมาทันควัน พึมพำ ‘ขอบพระทัยเพคะ’ เสียงค่อย ดวงตาตวัดค้อนวูบ ก่อนจะวางกล่องไว้บนโต๊ะทรงงาน หยิบเอาสร้อยเส้นบางขึ้นมาถือไว้เก้ๆ กังๆ

หม่อมเจ้าอดุลยวิทย์แย้มโอษฐ์น้อยๆ อย่างสมพระทัย ก่อนเปลี่ยนเป็นทำพักตร์เฉยทันควันเมื่อลูกแก้วใสสีน้ำตาลตวัดผ่านวูบ เมื่อมองเห็นกิริยาแตะต้องสร้อยอย่างทนุถนอมพร้อมกับแววตาชื่นชม วรองค์สูงก็ดำเนินเข้าไปใกล้อีกหน่อย ก่อนทำในสิ่งที่แม้แต่องค์เองก็ไม่เคยดำริถึงมาก่อน

หัตถ์หนาหยิบเอาสร้อยเส้นน้อยมาจากมือเรียวบาง ก่อนสุรเสียงทุ้มจะดังขึ้นแผ่วเบาเป็นถ้อยคำคล้ายขออนุญาต ปอยผมนุ่มถูกเกลี่ยให้ไปอยู่ด้านหน้าด้วยปลายนิ้วหัตถ์อุ่นร้อนที่พลาดพลั้งแตะโดนเนื้อนวลชั่วขณะ ก่อนจะทรงติดตะขอสร้อยเส้นนั้นอย่างเรียบร้อย แล้วถอยออกมาทำพักตร์เรียบๆ เฉยเมยอีกครั้งหนึ่ง

ทำท่าประหนึ่งว่าสัมผัสไม่ตั้งใจเมื่อครู่นั้นไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้สึกอันใดขึ้น ทั้งที่หัวใจสองดวงเต้นผิดจังหวะขึ้นพร้อมกัน

แก้มทั้งสองข้างของหญิงสาวร้อนจัด ร่างโปร่งบางแข็งทื่อนับตั้งแต่รับรู้ว่าอีกฝ่ายมายืนซ้อนอยู่ด้านหลัง และสัมผัสแตะไล้อย่างไม่ตั้งใจเมื่อครู่ก็เร่งเร้าเลือดให้ฉีดขึ้นสู่ใบหน้า จนเธอไม่กล้าที่จะเหลียวกลับไปขอบพระทัยเลยด้วยซ้ำ

แล้วก็เลยต้องเจ็บใจตัวเอง ที่ได้แต่ถอยออกมายืนหน้าตาตื่น ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้เปลี่ยนสีพระพักตร์เลยแม้แต่นิดเดียวด้วยซ้ำ

...ฟุ้งซ่านใหญ่แล้วนะรุจิรดา!



งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของมนต์ณัฐจัดอย่างหรูหรากว่าที่เจ้าตัวจะคาดถึงเสียอีก

เจ้าของงานวันเกิดหน้ามุ่ยเมื่อเดินมาหาคนทั้งสาม ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแกมตกตะลึงเมื่อเห็น ‘โฉม’ ของรุจิรดาและท่านหญิงอรกัญญา หากไม่กล้าเอ่ยสัพยอกเพื่อนหญิงทั้งคู่มากนัก เพราะยังคงเกรงสายเนตรคมกริบของ ‘เชษฐาของท่านหญิง’ มากเอาการ และอีกอย่างอาจเป็นเพราะท่านรัฐมนตรีที่เดินนำบุตรชายทั้งคู่มาต้อนรับหม่อมเจ้าอดุลยวิทย์ด้วย จึงทำให้มนต์ณัฐไม่สะดวกที่จะพูดอะไรเท่าไหร่นัก

คงเหลือแต่แววตาวิบวับที่มองมายังสองสาวคล้ายจะแกล้งเย้า ทำเอาท่านหญิงหลบพักตร์เอียงอาย หากอีกคนหนึ่งปรายตาดุมาให้เพื่อน มนต์ณัฐหลบตาวูบ ตีสีหน้าเกรงเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก

จวบจน ‘พวกผู้ใหญ่’ พากันไปสนทนาเสียทางหนึ่ง เพื่อนสนิททั้งสามคนจึงได้พูดคุยกันอย่างสะดวก

“วันนี้ท่านหญิงงามจริง” ชายหนุ่มเปิดฉากชื่นชม ก่อนหันมามองรุจิรดายิ้มๆ “ทั้งงามทั้งเก่งที่สามารถแต่งตัวให้ม้าดีดกะโหลกให้ดูกลายเป็นสาวสวยกับเขาบ้าง”

“ปากหรือนั่นนายณัฐ” ม้าดีดกะโหลกค้อนขวับ ทำหน้าดุ “ว่าแต่เขา วันนี้ตัวเองก็แต่งเสียโก้ มีใครทักหรือยังว่าเหมือนกำลังจะแสดงละครโรงใหญ่น่ะ”

“โอ๊ะ ถ้าอย่างเราแสดงละครก็ต้องได้บทพระเอกล่ะ สนใจมาเป็นนางเอกเราไหมล่ะรดา” คนพูดพูดกึ่งเล่นกึ่งจริง แต่เมื่อคำพูดหลุดปากไปแล้วก็ชะงักงันไปทั้งสามคน

ชายหนุ่มเสหลบสายตาเพื่อนทั้งสองที่จ้องมองมาด้วยแววตาคนละอย่าง ก่อนจะเอ่ยอย่างพยายามร่าเริง “ไปนั่งกันตรงโน้นก่อนเลยนะ ประเดี๋ยวเราไปหาอะไรมาให้ทานกัน ท่านหญิงโปรดรับอะไรกระหม่อม?”

“อะไรก็ได้จ้ะ” ท่านหญิงอรกัญญารับสั่งตอบเสียงเบา หันพักตร์ไปเสียอีกทางหนึ่ง ก่อนจะดำเนินไปที่โต๊ะที่อีกฝ่ายชี้ให้ดูเมื่อครู่ รุจิรดาปรายตาดุใส่เพื่อนชาย ก่อนจะก้าวตามวรองค์แบบบางที่รุดหน้าไปก่อนอย่างเร่งรีบ

ตามไปทันท่านหญิงที่นั่งลง ทอดพระเนตรเหม่อไปทางหนึ่งด้วยสีพระพักตร์เศร้าหมองแล้ว หญิงสาวก็ทำได้เพียงเอ่ยเสียงที่ฝืนให้แจ่มใส “นี่ดีนะเพคะที่หญิงอรช่วยหม่อมฉันแต่งตัว ไม่อย่างนั้นคงได้อับอายแขกเหรื่อกันบ้างล่ะ สมกับที่รับสั่งจริงๆ ว่าจะต้องมีคนใหญ่คนโตมามากมาย ตอนแรกหม่อมฉันก็นึกว่าจะเป็นงานเล็กๆ เสียอีก”

“ตอนแรกก็เป็นงานเล็กๆ อยู่หรอกจ้ะ” ท่านหญิงอรกัญญาหันมารับสั่งตอบ สีพระพักตร์ดีขึ้นเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเมื่อครู่ “แต่ก็นั่นแหละ อย่างท่านรัฐมนตรีสุชาติ คุณพ่อของณัฐ... คงไม่ทำอะไรเล็กๆ ให้คนอื่นครหาหรอก ยิ่งเป็นงานที่ใช้เปิดตัวทายาทคนโตที่จะมาสืบทอดกิจการหลายๆ อย่างของท่านด้วยแล้ว ว่าแต่... รดา...”

ท้ายประโยครับสั่งนั้นค่อยลง นิลเนตรงดงามปรายทอดมาจับที่สร้อยคอแสนงามบนลำคอระหง คล้ายทรงรอจังหวะที่จะรับสั่งอยู่แล้ว “ไหนบอกว่าไม่ใส่สร้อยไง แล้วนี่...”

นิ้วเรียวยกขึ้นแตะสร้อย ก่อนจะยิ้มน้อยๆ เมื่อตอบคำถามด้วยน้ำเสียงขันๆ “ความจริงหม่อมฉันก็ไม่อยากใส่หรอกเพคะ แต่ว่าท่านชายสิรับสั่งให้หม่อมฉันใส่อยู่ไม่รู้แล้ว เห็นว่าไม่อยากให้หม่อมฉันและฝ่าบาทรวมทั้งณัฐต้องทนกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อะไรทำนองนั้นล่ะเพคะ ลำพังหม่อมฉันไม่อยากใส่หรอก กลัวหล่นหายจะตายไป”

“แปลก” แทนที่จะทรงเห็นขันไปด้วย หากท่านหญิงอรกัญญากลับขมวดขนง ท่าทางประหลาดใจแกมวิตก “สร้อยเส้นนี้หญิงนึกว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้วเสียอีก ไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะนำมาให้รดาใส่”

“เอ่อ... ถะ... ถ้าหม่อมฉันไม่ควรใส่ หม่อมฉันก็จะถอดให้เดี๋ยวนี้แหละเพคะ”

รุจิรดาขมีขมัดเอื้อมมือไปจะแกะตะขอสร้อย ทว่าหัตถ์เรียวของอีกฝ่ายยึดแขนเธอไว้อย่างรวดเร็ว

“หญิงไม่ได้บอกว่ารดาใส่ไม่ได้ แต่บอกว่าแปลกใจเท่านั้น สร้อยเส้นนี้... ประวัติมันทำให้หญิงประหลาดใจที่ได้เห็นมันอีกเท่านั้นเอง”

“ทำไมเพคะ...” ถามไปแล้วจึงนึกได้ว่าละลาบละล้วงเกินไป หญิงสาวจึงรีบแก้ประโยคของตนเองทันควัน “เอ้อ... คือหม่อมฉันก็ยอมรับว่าอยากรู้ แต่ถ้าไม่สะดวกพระทัยหรือเป็นเรื่องมิสมควรที่จะเล่าแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเล่าประทานก็ได้เพคะ”

พักตร์งดงามของท่านหญิงส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ แววเนตรที่จ้องมายังสร้อยยังแฝงรอยประหลาด “ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เล่าไม่ได้หรอกรดา หญิงเพียงแต่แปลกใจเท่านั้น คือสร้อยเส้นนี้เคยถูกใช้เป็นของ...”

“น้องหญิงอร น้องหญิงอรจริงๆ หรือนี่ ตายแล้ว โตเป็นสาวสวยถึงเพียงนี้เชียว”

น้ำเสียงรื่นเริงใสกังวานดึงความสนใจของหญิงสาวทั้งสองให้หันไปทางนั้นเป็นตาเดียว รุจิรดาเห็นหญิงสาวแสนงามคนหนึ่งอยู่ในชุดราตรียาวสีน้ำเงินเข้ม พราวพร่างด้วยเพชรพรายที่ประดับทั่วกาย ทั้งต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือและแหวนบนนิ้วเรียวขาว หากทุกอย่างบนร่างงามนั้นถูกตกแต่งด้วยรสนิยมอันเลิศ เฉกเช่นใบหน้าผุดผ่องที่ประกอบด้วยความสวย ทรงผมประณีตและความเย้ายวนในดวงตาคู่งามสีดำสนิท แปลกที่วูบหนึ่งสายตาเธอผู้นั้นกลับจับจ้องมายังรุจิรดาอยู่ครู่ ก่อนจะหันกลับไปหาท่านหญิงอรกัญญาพร้อมกับเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

รุจิรดาหันไปมองพักตร์อ่อนหวานของสหายสนิท ดวงพักตร์นั้นยังวางเฉยได้เป็นปกติ หากนิลเนตรวูบไหวด้วยความตระหนก

หญิงสาวได้ยินเสียงท่านหญิงรับสั่งเบาหวิว...


“พี่หญิงรวิสุดา...”

........................................

หายไปนานเลย ขอโทษด้วยค่ะ แต่มีภาระหน้าที่ที่ต้องกระทำด่วนจริงๆ

จะพยายามไม่หายไปอย่างนี้อีกแล้วนะคะ ^^



ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2556, 02:09:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.พ. 2556, 02:09:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 3186





<< บทที่ 9 [45%]   บทที่ 10 [70%] >>
ตถตา 9 ก.พ. 2556, 07:39:41 น.
สนุกๆ


pattisa 9 ก.พ. 2556, 08:32:28 น.
กรี๊ด กร๊าดดด คุณชายกลับมาเเล้ววว


Jiab 9 ก.พ. 2556, 11:18:21 น.
มาแล้วๆๆๆๆๆ ดีใจๆ


lovemuay 9 ก.พ. 2556, 20:06:53 น.
แฟนเก่าพระเอกรึป่าวเนี่ย


ปิศาจสัญจร 22 ก.พ. 2556, 17:18:06 น.
คิดถึงแล้วนะคะ มาต่อเถอะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account