ร้อยรัดดวงใจรัก ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มายดรีมจ้า วางแผงประมาณเดือนมิถุนายน
อิงลดาถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยบอกเลิกเพราะเพิ่งค้นพบตัวเองว่าชอบเพศเดียวกัน ทำให้อิงลดาเสียใจมากเพราะตั้งความหวังไว้ว่าเรียนจบแล้วจะแต่งงานกัน ทำให้ตั้งป้อมรังเกียจผู้ชายผู้ชายหน้าตาหล่อๆ แต่เมื่อมาเจอกับลอราช ช่างภาพชื่อดังที่หน้าตาไม่ได้อยู่ในข่ายของความหล่อเพราะไว้หนวดไว้เคราจนดูหน้าคล้ายโจรห้าร้อย และการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก อิงลดาไม่ชอบขี้หน้าลอราชเลยสักนิดเดียว แต่เพราะพรหมลิขิตทำให้ทั้งคู่ต้องมาพัวกันเป็นวันพันหลักทั้งด้วยเรื่องของงานและคนรอบข้างทั้งคู่จึงถูกร้อยรัดไว้ด้วยความรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: หักอกก็แค่ผิดหวัง แต่หักหลังมันรับไม่ได้

บทที่ 1 ‘หักอกก็แค่ผิดหวัง แต่หักหลังมันรับไม่ได้’

ทาวน์เฮาส์ขนาดกลางสีชมพูอ่อนที่ดูโดดเด่นสะดุดตา แม้จะแทรกตัวอยู่ท่ามกลางเงาไม้ร่มรื่นยังมองเห็นได้อย่างเด่นชัด พร้อมกันนั้นยังเป็นบ้านหลังมุมที่พอจะมีเนื้อที่สำหรับปลูกพวกไม้ดอก ไม้ประดับ จำพวกโมกกับแก้วที่กำลังออกดอกสีขาวสะพรั่ง ทั้งยังส่งกลิ่นหอมชวนชื่นใจโชยมาเป็นระยะ กลิ่นของสายหยุดกับนมแมวแม้จะหอมแรงจนแตะจมูกทว่ากลับพาให้อารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวค่อยๆ ทุเลาลงเป็นลำดับ น่าเสียดายที่ไม้หอมๆ เหล่านี้มักจะส่งกลิ่นแค่ตอนเย็นจวบจนถึงสายๆ ก็จะหมดซึ่งความหอมและร่วงโรยและเหี่ยวเฉาลง ดูแล้วช่างน่าสงสารยิ่งนัก!

ไม่เหมือนดอกมลุลีกับราชาวดีที่กำลังชูช่อล้อลม เชิดหน้าท้าทายอย่างสง่างาม โดยไม่หวั่นเกรงต่อสายลมที่พัดไหวแรงและแสงแดดที่แผดกล้า ส่งกลิ่นหอมได้ทั้งวันทั้งคืน อิงลดาเหลือบมองคัดเค้าสีขาวที่เธอมักจะจำสับสนกับมลุลีอยู่บ่อยครั้ง เพราะความคล้ายคลึงกันของตัวดอกนั่นเอง

หญิงสาวไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนเรามักจะตั้งชื่อผู้หญิงตามชื่อของดอกไม้ เหตุผลคงมาจากชื่ออันแสนจะไพเราะเพราะพริ้งซึ่งฟังแล้ว อาจทำให้หวนนึกถึงความสวยจนถึงความหอมของดอกไม้เหล่านี้ก็เป็นได้

โบราณมักจะเปรียบผู้หญิงกับดอกไม้ เช่นกุหลาบหรือกล้วยไม้ แล้วตัวเธอเล่าจะเหมือนดอกอะไรดี!!!!!

นอกจากไม้ดอกหอมๆ แล้วยังแซมด้วยต้นหมากเขียวหลายต้นไว้สำหรับให้ร่มเงาบังแดดได้เป็นอย่างดี

ใกล้ๆ กันนั้นมีชิงช้าไม้ตัวใหญ่สีขาวด้านบนถักพันไว้ด้วยเถาเฟื่องฟ้าสีขาวสลับม่วงจนกลายเป็นซุ้ม ห้อยระย้าลงมาคลุมตัวชิงช้าไว้อย่างสวยงาม ซึ่งเป็นผลงานของธรรมชาติแต่ดูแล้วคล้ายฝีมือของมนุษย์เป็นผู้กระทำขึ้นมาก็ไม่ปาน แต่ต้องคอยระมัดระวังงูหรือสัตว์เลื้อยคลานอย่างอื่นที่ชอบไปสิงสถิตอยู่ให้ดี

ขณะนี้ชิงช้าดังกล่าวนั่งไว้ด้วยร่างอ้อนแอ้นของอิงลดา ที่กำลังนอนเอนกายซบอยู่กับหมอนใบนุ่ม มีหนังสือนิยายโรมานซ์วางอยู่บนอกโดยมิได้เปิดอ่านแต่อย่างใด อดหวนนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ เพราะปกติในเวลานี้จะต้องมีร่างของจักรพงษ์นั่งอยู่ด้วยแทบจะทุกครั้ง เป็นเพราะกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด จนไม่ได้รับรู้หรือได้ยินเสียงรถที่แล่นเข้ามาจอด แม้กระทั่งเสียงฝีเท้าของอาชวินที่เดินเข้ามาก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกตัวแต่อย่างใด

“น้ำอิง”

เสียงเรียกของอาชวินที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้อิงลดาถึงกับสะดุ้งโหยงจนเกือบจะพลัดตกจากชิงช้า เมื่อหันไปเห็นร่างสูงเพรียวของเพื่อนสนิทเดินเข้ามาด้วยสีหน้าระรื่นอย่างอารมณ์ดี จึงตวาดแว๊ดใส่อย่างโมโหเพราะกำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ

“ไอ้นิกบ้า มาเงียบๆ อย่างงี้ได้ยังไง”

“เงียบที่ไหนกันเล่า นี่แกไม่ได้ยินเสียงรถฉันเลยหรือไงน้ำอิง ถ้าขโมยมันเข้าบ้านแกจะรู้ตัวไหมเนี่ย” อาชวินเอ่ยทักเพื่อนก่อนจะทรุดกายนั่งลงข้างๆ

“ฉันกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็เลยไม่ได้ยิน” อิงลดาตอบเพื่อนตามตรงหลังจากที่เรียกสติกลับคืนมาได้ หลังปล่อยให้ล่องลอยคิดถึงเรื่องเก่าๆ อยู่นานโข

อาชวินหรี่ตามองร่างอรชรของเพื่อนที่ยังใส่เสื้อยืดสกรีนคำว่า ‘หักอกก็แค่ผิดหวัง หักหลังมันรับไม่ได้’ แล้วอดหัวเราะก๊ากออกมาไม่ได้

“ตกลงแกไปสั่งทำเสื้อแบบนี้มาเป็นโหลหรือไงวะน้ำอิง”

“เอาไว้ใส่เพื่อตอกย้ำความทรงจำไง คิดแล้วมันยังแค้นใจไม่หายนะนิก มันปั้นหน้าหลอกฉันมาได้ตั้งสี่ปีเต็ม ไอ้เบื๊อกเอ๊ย” อิงลดาเผลอด่าออกมาอย่างขุ่นเคืองไม่หาย

“ฉันรู้สึกว่าตั้งแต่แกอกหักมานี่ด่าเป็นไฟแลบเชียวนะน้ำอิง” อาชวินมองเพื่อนอย่างขบขัน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าแกเป็นเหมือนพวกเก็บกด ที่ต้องทำตัวเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้เวลาอยู่กับไอ้แจ๊ค”

อาชวินต่อว่าเพื่อนออกมาตรงๆ เพราะอิงลดามีบุคลิกโดดเด่นทั้งรูปร่างและหน้าตา มาดมั่นเป็นสาวสมัยใหม่เมื่ออยู่ในระหว่างการทำงาน แต่จะเปลี่ยนเป็นคนละคนทันทียามอยู่กับจักรพงษ์ จนอาชวินเคยออกปากต่อว่า

‘แกนี่มันเปลี่ยนยังกับสั่งได้เลยนะ ไอ้แจ๊คมันมีอิทธิพลอะไรกับแกนักหนาหือน้ำอิง! ถึงทำให้แกหมดความเป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่กับมัน ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ’

“นิกกี้!! แกอย่ามาว่าฉันอกหักนะเพราะมันเป็นคำที่แสลงใจฉันมาก ฉันรับไม่ได้!”
คำเรียกว่านิกกี้ที่หลุดออกมาจากปากหยักแดง แสดงถึงเจ้าตัวกำลังอยู่ในสภาวะอารมณ์โกรธจนถึงขีดสุดจึงเรียกขานเพื่อนด้วยชื่อแบบนี้ ก่อนจะหยุดนิ่งไปครู่หนึ่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงยังเจ็บแค้นไม่หาย

“ถ้ามันมีแฟนใหม่เป็นผู้หญิงฉันคงแค่อกหักแล้วผิดหวังซึ่งอีกไม่นานก็คงหาย แต่นี่มันเหมือนถูกหักหลังนะนิกมันเสียความรู้สึก เสียหน้ารู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่นถูกผู้ชายแย่งแฟน” อิงลดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธปะปนไปด้วยอาการเคียดแค้น

“ตกลงที่แกเสียความเชื่อมั่นเป็นเพราะเรื่องที่มันมีแฟนใหม่เป็นผู้ชายมากกว่าเรื่องอื่นว่างั้นเถอะ” อาชวินถามเพื่อนน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ยังจำนัยน์ตากลมโตดำขลับของอีกฝ่ายเมื่อวันถูกบอกเลิก ที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ ทว่าวันนี้แทบไม่เหลือร่องรอยของความโศกเศร้าทิ้งไว้ให้เห็นแม้แต่น้อย

“นั่นสินิก! วันนั้นฉันคิดว่าคงจะต้องเจ็บปวดรวดร้าวไปอีกนาน แต่ทำไมเวลานี้ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว แทนที่จะเจ็บช้ำกลับรู้สึกเจ็บแค้นขึ้นมาแทน” อิงลดาพูดด้วยความรู้สึกแบบนั้นจริงๆ

“แกลองคิดใคร่ครวญดีๆ แล้วกันนะ ว่าที่แกเคยบอกฉันว่ารักไอ้แจ๊คน่ะนักหนาน่ะ มันเป็นความรักหรือเป็นความเคยชินที่มีมันอยู่ข้างกายกันแน่ บางทีแกอาจไม่ได้รักมันเลยด้วยซ้ำไป ไม่งั้นความรู้สึกเจ็บช้ำคงไม่จางหายได้เร็วแบบนี้หรอก”

ถ้อยคำของอาชวินจี๊ดโดนใจอิงลดาอย่างแรง ทว่าสมองยังไม่พร้อมจะยอมรับความจริงในตอนนี้ จึงได้แต่พูดปฏิเสธออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ฉันไม่รู้!!! แต่ที่แน่ๆ ต่อไปนี้ฉันจะเกลียดขี้หน้าผู้ชายหล่อๆ ทุกคน” หยุดไปครู่หนึ่งแล้วมองหน้าเพื่อน“ยกเว้นแกคนหนึ่งแล้วกันเพราะแกมันเป็นผู้ชายที่ไม่มีวันชายตาแลผู้หญิง”

“เออ!! ขอบใจนะที่ยังคิดเว้นฉันไว้สักคน” อาชวินเอ่ยประชดออกไปพลางกวาดสายตามองร่างระหงของเพื่อนสนิทนิ่งๆ

“แกรู้ไหมน้ำอิง ฉันอยากให้แกเป็นตัวของตัวเองแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว ตอนที่ยังเป็นแฟนกับไอ้แจ๊คแกต้องคอยทำตัวเป็นผู้ตามมันอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องอะไรต้องให้มันเป็นคนคอยตัดสินใจ ฉันดีใจมากที่แกกับมันเลิกกันเสียได้ ต่อให้มันไม่ได้เป็นเกย์ก็เหอะ และคนที่ดีใจที่สุดเมื่อรู้ว่าแกเลิกกับมันก็คือพ่อกับแม่ของแก” อาชวินร่ายคำพูดยืดยาวใส่เพื่อนเหมือนเก็บกดเอาไว้นานแล้ว

“พ่อกับแม่ฉันรู้เรื่องนี้แล้วเหรอนิก” อิงลดาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจไม่แพ้สีหน้า

“แกไม่ต้องมาทำหน้าและเสียงแบบนี้เลยนะ มันไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยที่พ่อกับแม่ของแกจะรู้เรื่องนี้ด้วย เพราะฉันเป็นคนรายงานให้พวกท่านทราบเอง” อาชวินลอยหน้าลอยตาบอกเพื่อน

คุณอธิกบิดาของอิงลดาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง ขณะนี้ย้ายไปรับตำแหน่งสูงกว่าตำแหน่งเดิมที่จังหวัดระยองเมื่อปีที่แล้ว โดยมีคุณอิงอรมารดาลาออกจากงานตามไปอยู่ด้วย ทิ้งลูกสาวคนเดียวให้อยู่ในความดูแลของอินทิราน้องสาวคนเล็ก ที่เคยช่วยเลี้ยงดูหญิงสาวมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย

“แกนี่มันปากสว่างจริงๆ” อิงลดาต่อว่าเพื่อนออกไปด้วยน้ำเสียงเคืองๆ เพราะเธอไม่อยากให้พ่อกับแม่รับรู้เรื่องแบบนี้ เพราะอาจทำให้เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาเปล่าๆ

“ไม่ต้องกลัวหรอกว่าพ่อกับแม่ของแกจะไม่สบายใจเรื่องนี้ ฉันว่าป่านนี้พวกท่านคงจุดพลุฉลองความเป็นโสดให้แกอยู่แล้วมั๊ง” อาชวินพูดติดตลกแต่คงไม่เกินความเป็นจริงไปนัก เพราะตอนอิงลดาเป็นแฟนกับจักรพงษ์ ทั้งคู่มักบ่นให้เขาฟังอยู่เสมอว่า ไม่เคยรู้สึกชอบในตัวจักรพงษ์เลยสักนิดเดียว เพียงแต่ไม่เคยแสดงออกให้ลูกสาวรับรู้เท่านั้น

ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ อิงลดาไม่เคยสร้างความผิดหวังให้กับตัวบุพการี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความประพฤติของหญิงสาวที่ทำตัวเป็นเด็กดีมาโดยตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งยังตั้งอกตั้งใจเรียนหนังสือจนสามารถจบมหาวิทยาลัยของรัฐด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง รวมทั้งเข้าทำงานในบริษัทเอเจนซี่ซึ่งรับจัดงานประชาสัมพันธ์และโปรโมทสินค้าจนปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการประชาสัมพันธ์

“ฉันเพิ่งรู้นะนิกว่าพ่อกับแม่ฉันไม่เคยชอบแจ๊ค” อิงลดารำพึงออกมาเสียงแผ่วอย่างรู้สึกผิด

“ก็เพราะแกทำตัวเป็นลูกที่ดีไม่เคยทำตัวเหลวไหลให้พ่อกับแม่ต้องเสียใจนี่หว่า แล้วพวกท่านจะกล้าบอกแกไหมล่ะว่าไม่ชอบแฟนของลูกสาว” คำพูดของอาชวินทำให้อิงลดาถึงกับเถียงไม่ออก

“แล้วแกบอกพ่อกับแม่ฉันด้วยหรือเปล่าล่ะ ว่าฉันนั่งซดเบียร์จนเมามายแถมร้องห่มร้องไห้อีกด้วย” อิงลดาเอ่ยถามเพื่อนหน้าตื่นและอยากจะร้องกรี๊ดเมื่อได้ยินคำตอบ

“โอ๊ย!! แกไม่ต้องกลัวหรอกว่าฉันจะไม่บอก พ่อแกยังบอกเลยว่าถ้าอยู่ด้วยจะนั่งชนแก้วกับแกอีกต่างหาก” อาชวินบอกเพื่อนยิ้มๆ ไม่ได้รู้สึกสลดไปกับหน้าตาตื่นๆ ของเพื่อนแม้แต่น้อย

“แหม! แกนี่มันเหลือเกินนะไอ้นิก” อิงลดากลอกตามองเพื่อนแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ตามมาด้วยเสียงหัวเราะในเวลาต่อมา

“เอาน่า! เวลานี้ฉันดีใจมากที่ได้เพื่อนสนิทกลับคืนมาเสียที หลังจากปล่อยให้แกไปจมปลักอยู่กับไอ้แจ๊คเสียนาน”

ช่วงเวลาที่อิงลดาคบหาอยู่กับจักรพงษ์ อาชวินดูออกว่าคนรักของเพื่อนไม่ค่อยจะชอบหน้าเขาสักเท่าไหร่ จึงไม่พยายามพาตัวเข้าไปอยู่ใกล้ๆ ได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงใยและอาทร

“ตอนคบกับแจ๊คฉันเป็นแบบที่แกว่าจริงๆ หรือ”

“แกลองไปส่งกระจกดูตัวเองสิ ฉันคิดเวลานี้ว่าแกสวยขึ้นกว่าเก่าจมเลย หน้าตาก็สดใสดูมีความสุขกว่าแต่ก่อน” อาชวินพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงจริงจังทั้งสีหน้าไร้แววล้อเล่น

“ผ่านมาแค่สองวันเนี่ยนะหน้าฉันเปลี่ยนไปได้ขนาดนั้นเชียว แกเวอร์ไปหรือเปล่า” อิงลดาเอ่ยอย่างไม่เชื่อถือนัก

“เอาล่ะแกจะไม่เชื่อก็ช่าง แล้วอย่าลืมล่ะพรุ่งนี้ฉันจะมารับแกไปไหว้พระเก้าวัดที่อยุธยา”

เนื่องจากวันรุ่งขึ้นอิงลดาขอพักร้อนทั้งที่แทบไม่เคยลามาก่อนนับจากเริ่มทำงาน อาชวินจึงอาสาพาไปทำบุญเพื่อจะได้สงบจิตสงบใจ

“อืม..แกมาเร็วหน่อยแล้วกันจะได้เดินทางออกแต่เช้า”

“โอเค ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนแล้วกันคืนนี้มีนัด” สีหน้าของอาชวินเต็มไปด้วยลับลมคมใน อิงลดาทราบดีว่านัดของอีกฝ่ายคงไม่พ้นหนุ่มหน้าใสที่มาตกบ่วงเสน่ห์เพื่อนของเธอนั่นเอง

“ขอบใจมากนะนิกที่แกคอยอยู่ข้างๆ ฉันเวลามีทุกข์” อิงลดาพูดกับเพื่อนด้วยความซาบซึ้ง แม้ช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอจะไม่ค่อยมีเวลาให้กับเพื่อนมากนักก็ตาม แต่อาชวินก็ไม่เคยทอดทิ้งให้เธออยู่ตามลำพังเดียวดายเลยสักครั้ง

คงเป็นอย่างที่หลายคนมักชอบพูดว่า เวลามีความสุขอยู่กับแฟนแล้วมักจะลืมเพื่อน แต่เวลามีความทุกข์ที่เกิดจากแฟน คนที่อยู่เคียงข้างก็ไม่พ้นเพื่อน

อาชวินกับอิงลดาเรียนหนังสือมาด้วยกัน ตั้งแต่จบชั้นประถมจนจบถึงมัธยมปลาย เพราะสมัยก่อนบ้านของทั้งคู่อยู่ใกล้ๆ กัน แต่ปัจจุบันชายหนุ่มย้ายไปอยู่คอนโดมิเนียมหรูหรา ที่ไม่ได้อยู่ห่างจากบ้านของหญิงสาวมากนัก ส่วนบ้านหลังเดิมเวลานี้ให้ครอบครัวของชาวต่างเช่าพักอาศัยอยู่

บิดามารดาของอาชวินเป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับอาหารแช่แข็ง มักจะอยู่ที่ประเทศฮ่องกงเสียเป็นส่วนใหญ่ นานๆ ถึงจะมาเมืองไทยสักครั้ง และรับรู้ว่าบุตรชายคนเดียวมีจิตใจชอบเพศเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้คิดขัดขวางแต่ประการใด ปัจจุบันอาชวินประกอบอาชีพเป็นนายแบบกำลังมีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในวงการ

หลังรถของเพื่อนแล่นออกจากบ้านไปได้ไม่ถึงสิบนาที อิงลดาก็ผุดลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบจากการนิ่งอยู่ท่าเดียวนานๆ มานับชั่วโมง ซึ่งไม่รู้ว่าทนอยู่เข้าไปได้ยังไง แต่เมื่อได้คุยกับอาชวินแล้ว มีความรู้สึกคล้ายจิตใจอันแสนจะหนักอึ้งกึ่งสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เวลานี้ผ่อนคลายลงจนต้องตั้งปณิธานว่า
อิงลดา!!! เธอจะต้องลืมเรื่องบ้าๆ ที่เกิดขึ้นให้หมดสิ้นโดยเร็วพลัน!

“น้ำอิง! เย็นแล้วนะเข้าบ้านได้แล้ว เดี๋ยวก็ถูกยุงกัดหรอก” อินทิราผู้เป็นอาโผล่หน้ามาเรียกอยู่หน้าประตูบ้าน

“แป๊ปเดียวค่ะอาแหนม” อิงลดาตะโกนตอบกลับไป ก่อนจะก้าวไปยังประตูบ้านตรงเข้าไปยังในครัว เห็นร่างอวบอิ่มของผู้เป็นอายืนล้างผักอยู่ก็เข้าไปชะโงกหน้าถามเสียงใส

“วันนี้จะผัดอะไรให้น้ำอิงกินเอ่ย”

“ว่าจะผัดผักใบบัวบกแก้อกช้ำให้ใครบางคนแถวนี้กินสักหน่อย” คนเป็นอาเอ่ยล้อเมื่อเห็นว่าหน้าตาของหลานสาวดูสดใสขึ้นกว่าเมื่อวันก่อนมากมาย แล้วพลันนึกถึงวันที่อาชวินประคองร่างระหงที่มีสภาพประดุจนกปีกหัก เพราะทั้งร้องไห้พร่ำพรรณนาจนฟังไม่ได้ศัพท์กลับมาส่งยังบ้าน เธอถึงกับน้ำตาซึมด้วยความสงสาร

“อาแหนมอย่ามาล้อน้ำอิงเล่นแบบนี้สิคะ” เสียงหลานสาวคนเก่งเอ่ยเสียงกระเง้ากระงอด

“ไม่ได้ล้อนะ! อาพูดจริงๆ เพราะถ้ายังไม่หายซะที นอกจากผัดแล้วยังจะต้มให้กินอีกด้วย” อินทิราเอ่ยกระเซ้าต่อ ก่อนจะวางผักในมือลงหันมาหาร่างบางตรงหน้า ที่เธอมีส่วนช่วยพี่สะใภ้ช่วยเลี้ยงดูหลานสาวที่อ่อนวัยกว่าเพียงแค่หกปีเท่านั้น เกลี่ยผมยาวสลวยที่ปรกหน้าผากเนียนกระจ่างออกพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“อย่าไปเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเลยจ้ะ ลืมมันไปเสียเถิด คิดซะว่าสี่ปีที่ผ่านมาน้ำอิงคบเพื่อนคนหนึ่ง แล้วเขาตายไปจากชีวิตเราก็ได้ อโหสิกรรมให้เขาไป อย่าไปคิดเจ็บแค้นเพราะจะทำให้ใจเราไม่เป็นสุขนะจ๊ะ”

พอจบคำพูดของอินทิราคนเป็นหลานสาวก็ยกมือขึ้นพนมไหว้ทันที พร้อมกับพูดคำว่า “สาธุ”

“ยายน้ำอิงเดี๋ยวเหอะมาล้อเลียนอา” อินทิราพูดพลางตีแขนหลานสาวดังเผียะ
คนถูกตีหัวเราะคิกคักชอบใจ “น้ำอิงไม่เข้าใจอาแหนมเลยมีคนมาจีบตั้งเยอะแยะ แต่ทำไมถึงไม่ชอบใครสักคนล่ะคะ จะหวงความโสดของตัวเองไปถึงไหน” ถามพลางจ้องอาสาวที่หน้าตาและหุ่นยังสวยไม่แพ้สาววัยรุ่น แม้วัยจะปาเข้าไปยี่สิบแปดปีแล้วก็ตามด้วยความสงสัย

“อ้าว! กำลังพูดถึงเรื่องของตัวเองอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงวกกลับมาหาเรื่องของอาได้ล่ะจ๊ะ” อินทิราย้อนถามหลานสาวกลับไป ทว่าดวงตาคู่โตพลันประกฎร่องรอยเศร้าสร้อยขึ้นมาวูบหนึ่งและเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

“ก็สงสัยไงคะสวยๆ อย่างอาแหนมทำไมถึงอยู่เป็นโสด ทั้งๆ ที่สาวๆ ที่ทำงานของน้ำอิงนะคะ หลายคนหน้าตาแสนจะธรรมดาแต่ยังมีหนุ่มๆ มาตามจีบกันตรึม”

อิงลดากับอินทิราจะสนิทสนมกันมาก เพราะอายุที่ไม่ได้ห่างกันมากมาย แม้จะอยู่ในฐานะอากับหลานแต่เธอมองอีกฝ่ายเป็นพี่สาวเสียมากกว่า

“น้ำอิง! บางครั้งนะเราต้องการใครสักคนมาช่วยแชร์ความรู้สึก แต่ใช่ว่าจะเป็นใครก็ได้!” อินทิราพูดเสียงแผ่ว

“หมายความว่าตอนนี้อาแหนมยังไม่เจอคนที่ใช่ว่างั้นเถอะ” หลานสาวเอ่ยถามยิ้มๆ

“แม้แต่น้ำอิงเองที่เคยคิดว่าแจ๊คคือคนที่ใช่ จนเกือบจะแต่งงานกันแล้ว ก็ยังไม่ใช่เลย” ประโยคที่หลุดจากปากของผู้เป็นอา ทำให้ดวงหน้าสวยของหลานสาวสลดวูบลงทันที จนผู้พูดต้องกล่าวละล่ำละลักเมื่อสังเกตเห็น

“อาขอโทษไม่ได้ตั้งใจพูดให้น้ำอิงคิดมากนะจ๊ะ อาเปรียบเปรยให้ฟังเฉยๆ”

“นั่นสิคะ ชีวิตจริงเป็นยิ่งกว่านิยายอีกนะคะ หลายคนมักจะพูดว่าน้ำอิงกับแจ๊คดูเหมาะสมน่าจะเป็นเนื้อคู่กัน แต่ก็เป็นแค่เพียงน่าจะ! เท่านั้น แล้วถ้าที่ทำงานรู้ว่าน้ำอิงถูกบอกเลิกก่อน และยังถูกผู้ชายแย่งแฟนอีกโอย!!! คราวนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะคะ” อิงลดาส่งเสียงโวยวายออกมาจนผู้เป็นอาอดหัวเราะไม่ได้

“เอาไว้ที่เดิมนั่นแหละจ้ะ อย่าไปสนใจพวกปากหอยปากปู คนเรานะน้ำอิงถึงแม้ว่าเราอยู่เฉยๆ ก็คงมีคนเอาเราไปพูดไปว่าให้เสียหายอยู่นั่นแหละ ไม่มีใครไม่เคยถูกนินทาหรอกจ้ะ เชื่ออาเถอะ! คนพวกนี้มีปากไว้พูดมีตูดเอาไว้ขี้อย่างเดียว ดังนั้นอย่าได้สน ได้แคร์ปากคน” จบคำพูดของอินทิราคนเป็นหลานสาวถึงกับหัวเราะคิกคักออกมา

“โอ้โฮ!! อาแหนมปากจัดใช่ย่อยเลยนะเนี่ย เมื่อกี้นิกก็ว่าน้ำอิง...” อิงลดาพูดค้างไว้แล้วนิ่ง

อินทิราเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “นิกว่าอะไรเหรอจ๊ะ”

“นิกบอกว่าตอนนี้น้ำอิงดูเป็นตัวของตัวเองยิ่งกว่าตอนเป็นแฟนกับแจ๊คเสียอีก มันบอกว่าน้ำอิงเก็บกด”

“อาเห็นด้วยกับนิกนะเรามักจะมองตัวเราเองไม่ออกหรอกจ้ะ ต้องมองจากมุมของคนรอบข้าง ตัวอาดีใจมากที่ได้น้ำอิงคนเดิมกลับมา น้ำอิงคนที่ไม่ต้องคอยเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนบางคน แถมคน..คนนั้นยังไม่เห็นคุณค่าเสียอีก ดังนั้นเย็นนี้หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยเรามาฉลองกันดีกว่า เดี๋ยวอาจะแอบไปเอาไวน์ของพี่หมูมาเปิด ดีไหม!”

พี่หมูที่อินทิราเอ่ยถึงก็คือคุณอธิกบิดาของอิงลดาที่มีชื่อเล่นว่าหมูยอนั่นเอง

“ดีค่ะอาแหนม พ่อเก็บไว้ตั้งเยอะแยะ แอบเอามาเปิดบ้างสักขวดสองขวดก็จำไม่ได้หรอก” อิงลดาเห็นดีเห็นงามไปด้วย

คืนนั้นสองอาหลานพากันฉลองด้วยการดื่มไวน์ ต่างพากันมึนจนต้องแยกย้ายกันไปนอน หลังจากไวน์หมดไปเพียงแค่ครึ่งขวดเท่านั้น!!!

เช้าวันต่อมาอิงลดาตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยสีหน้าสดชื่นรื่นรมย์ ดวงหน้าใสกระจ่างแทบไม่มีร่องรอยของความเศร้าโศกหลงเหลือให้เห็นแม้แต่น้อย

“จะไปไหนแต่เช้าจ๊ะ” อินทิราเดินอ้าปากหาวหวอดออกมาจากห้องนอน เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย เพราะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าวันนี้หลานสาวลาพักร้อนอีกหนึ่งวัน

“จะไปไหว้พระเก้าวัดกับนิกที่อยุธยาค่ะ อาแหนมจะไปด้วยกันไหม” เอ่ยปากชวนทั้งที่รู้คำตอบเป็นอย่างดี เพราะอาสาวของเธอนั้นไม่ค่อยจะย่างกายออกจากบ้านถ้าไม่จำเป็น

“ไม่หรอกจ้ะอากำลังเร่งปิดต้นฉบับอยู่” อินทิราพูดปฏิเสธตามที่อิงลดาคิดไว้
อินทิรามีอาชีพเป็นนักเขียนนวนิยายแนวโรมานซ์และนักแปลอิสระ จึงสามารถทำงานอยู่ที่บ้านขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเพียงแค่เครื่องเดียว ก็อยู่ได้ทั้งวันจนบางครั้งข้าวปลายังลืมกินด้วยซ้ำ!

“ถ้างั้นเดี๋ยวน้ำอิงซื้อโรตีสายไหมมาฝาก แล้วไม่ใช่เขียนนิยายจนลืมกินข้าวอีกนะคะ” หลานสาวเตือน

“จ้า!! ขนาดลืมกินข้าวบ้างตัวอายังกลมเป็นลูกขนุนถึงเพียงนี้ แล้วน้ำอิงยังคิดจะซื้อของกินพวกนี้มาหลอกล่ออีกนะ” อินทิราบ่นกระปอดกระแปด แต่บ่นไปยังงั้นแหละ เพราะพออีกฝ่ายซื้อมาเธอก็ฟาดเรียบไม่เหลือทุกครั้ง

“รูปร่างอาแหนมไม่ได้เรียกว่าอ้วนหรอกค่ะ แค่อวบอิ่มแค่นั้นเอง ผอมๆ ไม่เห็นจะสวยตรงไหน น้ำอิงเองก็ไม่ได้อยากผอมแบบนี้หรอกค่ะ” ก้มลงมองร่างผอมเพรียวของตัวเองอย่างไม่ชอบใจนัก

“เออ!! คนเราหนอมันช่างไม่มีความพอดีเอาเสียเลย ไอ้เรารึ..ก็อยากผอม คนผอมสวยอยู่แล้วกลับไม่ชอบรูปร่างของตัวเองซะงั้น” พูดพลางมองร่างสูงระหงของหลานสาว ที่เธอนึกอยากเปลี่ยนให้มาเป็นร่างของเธอแทนเสียนัก แม้จะมีหุ่นผอมเพรียวแต่อิงลดาก็มีรูปร่างที่ได้สัดส่วนสวยงาม สิ่งไหนควรมีก็มีแถมเกินตัวอีกต่างหาก

เสียงรถที่แล่นเข้ามาพร้อมกับเสียงเบรกดังเอี๊ยดดังเข้ามาถึงในบ้าน บอกให้รู้ว่าอาชวินมาถึงแล้ว อินทิราถึงกับส่ายหัวอย่างไม่ชอบใจนัก

“นั่นนิกคงมาแล้ว ขับรถกันดีๆ นะจ๊ะ” อินทิราเอ่ยเตือนอย่างห่วงใยเพราะรู้ว่าเพื่อนสนิทของหลานสาวนั้นชอบขับรถเร็วจนเป็นกิจวัตร อิงลดาเลยรีบเอ่ยขอตัวกับผู้เป็นอาและเดินออกไปหาเพื่อนทันที

“นี่แกจะจอดรถให้มันปกติเหมือนชาวบ้านเขาไม่ได้หรือไงนิก” เอ่ยปากต่อว่าทันทีที่เห็นผู้เป็นเพื่อนเดินเข้ามา

“แล้วแกยังไม่ชินอีกหรือไง! แต่วันนี้แต่งตัวสวยนะน้ำอิง..หน้าตาก็สดใสเชียว นี่ตกลงแกกับยายผู้หญิงขี้เมาเมื่อวันก่อนเป็นคนเดียวกันหรือเปล่าเนี่ยฉันชักไม่แน่ใจแล้ว” จบคำทักทายของเพื่อนสนิทอิงลดาก็ใช้กระเป๋าใบใหญ่ฟาดผลัวะเข้าที่ไหล่คนพูดเต็มแรง

“เฮ้ย! ฉันเจ็บนะน้ำอิงแกนี่มันซาดิตถ์จริงๆ ” ต่อว่าพลางกวาดสายตามองเพื่อนสนิทในชุดกระโปรงสีขาวเหนือเข่า ที่ส่งให้ร่างดูระเหิดระหงยิ่งขึ้นอย่างชื่นชมแต่ปากกลับพูดเหน็บออกไป

“แต่งแบบนี้เข้าวัดเดี๋ยวคนก็นึกว่าแกเป็นแม่ชีหรอกน้ำอิง”

“แกนี่มันปากเสียจริงๆ นะนิก บาปกรรมอีกต่างหากเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเลียนได้ไง” อิงลดาต่อว่าพลางก่อนจะขมวดคิ้วเรียวมองเพื่อนสนิทอย่างสงสัย

“ฉันถามจริงๆ เถอะนิก แกเป็นถึงนายแบบชื่อดังแถมกำลังจะมีงานละครอีกต่างหาก แต่เวลาไปไหนมาไหนฉันไม่เห็นแกกลัวพวกปาปารัสซี่จะมาแอบถ่ายรูปหรือเอาไปเขียนข่าวบ้างหรือไง ฉันเห็นพวกดารานักร้องแต่ละคนเวลาไปไหนแต่ละครั้ง ต้องสวมหมวกใส่แว่นตาทั้งที่มองดูก็ก็รู้ว่าเป็นใคร”

“ฉันไม่กลัวหรอกเพราะต่อให้ใส่หมวกหรือแว่น แกคิดเหรอว่าจะปิดพวกนี้ได้ เกิดเป็นคนของประชาชนต้องหัดปากแข็งเข้าไว้ ปฏิเสธเอาไว้ก่อน และต้องกลบร่องรอยหรือหลักฐานของตัวเองให้มิดชิดเท่านั้นเป็นพอ” อาชวินบอกเพื่อนด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ

“เออ!! แกระวังตัวไว้บ้างก็แล้วกัน” อิงลดาเตือนเพื่อนสนิทด้วยความหวังดี แม้จะรู้ว่าเพื่อนระวังตัวเองไม่ให้ใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงเพียงใดก็ตาม แต่สักวันก็อาจจะพลาดถูกจับก็เป็นได้ถ้าประมาท

เบนซ์สปอร์ตคันหรูแล่นทะยานออกจากบ้านของอิงลดา มุ่งหน้าตรงไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดที่เต็มไปด้วยวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุดในประเทศไทย โดยใช้เวลาในการเดินทางไม่ถึงชั่วโมงก็ถึง แวะกินก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกที่วัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งอาชวินเคยมาแล้วติดใจในรสชาติ จากนั้นมาครั้งใดก็มักจะแวะอยู่เสมอ

ด้วยความชำนาญเส้นทางของสารถีที่เคยมาจังหวัดนี้อยู่บ่อยครั้ง ทำให้การเดินทางไปไหว้พระแต่ละวัด สามารถกะเวลาได้อย่างพอดิบพอดี เมื่อถึงเวลาบ่ายสามโมงจึงเหลือเพียงวัดสุดท้ายจะครบจำนวนเก้าวัดตามที่ได้ตั้งใจไว้ และจากเสียงล่ำลือเกี่ยวกับวัดนี้ว่าผู้ที่เข้าไปไหว้ส่วนใหญ่มักจะชอบมาขอพรโดยการเสี่ยงเซียมซี ซึ่งหลายคนบอกว่าค่อนข้างแม่นยำ ดังนั้นหลังจากไว้พระจนเสร็จเรียบร้อย อาชวินจึงยุให้อิงลดาลองเสี่ยงดูบ้าง

“น้ำอิง แกลองเสี่ยงเซียมซีดูบ้างสิ ฉันได้ยินข่าวมาว่าที่วัดนี้แม่นนะ”

“ฉันว่าแกคิดไปเองมากกว่า ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้นักหรอก” อิงลดาพูดกับเพื่อนด้วยสีหน้าและท่าทางที่ไม่ค่อยจะเชื่อถือกับเรื่องทำนองนี้นัก

“ลองไปไม่เห็นเสียหายเลยนี่หว่า ไหนๆ ก็มาแล้ว” อาชวินยุเพื่อนต่อไป
อิงลดาทนแรงยุของอาชวินไม่ไหวจึงยอมทำตามใจ ด้วยการยกกระบอกเซียมซีขึ้นอธิษฐานตามที่อีกฝ่ายบอก แล้วจึงเขย่าไปมาอยู่ไม่กี่ครั้ง ไม้เซียมซีก็ตกลงมาจากกระบอก ผู้เป็นเพื่อนรีบหยิบขึ้นมาดู

“ตรงกับเลขเจ็ด เดี๋ยวฉันไปหยิบความหมายมาให้” อาชวินเดินไปที่ตู้เล็กๆ สำหรับใส่กระดาษความหมายของเซียมซี แล้วจึงหยิบมาอ่านให้อิงลดาฟังดังๆ จนถึงข้อสำคัญก็หยุดชะงักไปแล้วมองหน้าคนฟังยิ้มๆ ก่อนจะอ่านต่อไป

ถามหาคู่สู่สมภิรมย์พักตร์
ว่าดีนักแสนดีเป็นที่ชื่น
ถามคนเจ็บว่าหายสบายคืน
ถามเรื่องอื่นก็ดีเท่านี้เอย

“ใบนี้ดีตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะน้ำอิง แสดงว่าต่อไปนี้ตัวแกก็จะพบแต่ความสุข” อาชวินพูดกับเพื่อนขณะพากันเดินตรงไปยังรถ โดยที่อิงลดาไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไป

“ดีนะที่เราดูแผนที่กันมาก่อนว่าควรจะเริ่มต้นที่วัดไหน ถ้ามาโดยไม่ได้วางแผนรับรองว่าป่านนี้คงยังไม่ถึงไหนเป็นแน่” อิงลดาเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีอ่อนล้าหลังจากเข้ามานั่งในรถ ดวงหน้าเนียนใสนั้นแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นอยู่เต็มใบหน้าเนื่องจากอากาศข้างนอกร้อนอบอ้าว

อาชวินต้องเร่งแอร์ในรถให้เย็นขึ้น “เดี๋ยวฉันจะพาแกไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อย เพื่อนฉันเคยพามากินหลายครั้งแล้ว”

“ดีเหมือนกันมาอยุธยาทั้งที ถ้าไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวเรือเหมือนมาไม่ถึง ที่สำคัญตอนนี้ฉันหิวแล้วด้วย” อิงลดาพูดพลางตบพุงเบาๆ เพราะตั้งแต่แวะกินอาหารเมื่อตอนมาถึง ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องอีกเลย

“รับรองร้านนี้แกกินแล้วจะต้องติดใจอย่างแน่นอน” ร้านที่อาชวินพาอิงลดามานั้นแม้จะเป็นแค่เพิงที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนักก็ตาม แต่มีลูกค้านั่งกันอยู่จนเต็มร้าน

“เชิญนั่งจ้า” ป้าเจ้าของร้านถึงกับรีบกุลีกุจอเดินออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อพราวนั้นยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร เมื่อเห็นหนุ่มสาวหน้าตาดีเดินเข้ามาในร้าน

“เส้นเล็กเนื้อเปื่อยสี่ชามครับ” หลังจากทรุดกายลงนั่งอาชวินก็สั่งทันที ก่อนจะหันไปถามเพื่อนที่กำลังใช้พัดในมือโบกไปมา “แกจะกินอะไรก็สั่งเลยนะน้ำอิง สั่งเผื่อไว้ด้วยเลย”

“เส้นเล็กหมูตุ๋นสองชามค่ะป้า” อิงลดาสั่งพลางกวาดสายตามองเข้าไปภายในร้านที่มีลูกค้านั่งกันอยู่หลายคน และต่างกำลังลอบชำเลืองมองมายังเธอกับเพื่อนอยู่อย่างสนใจบางคนถึงกับส่งยิ้มให้

“ผมขอน้ำกระเจี๊ยบสองแก้วด้วยนะครับป้า” เมื่อสั่งเสร็จเรียบร้อยอาชวินก็หันมาบอกเพื่อน

“น้ำกระเจี๊ยบของที่นี่นะสุดยอดของความอร่อย แกกินแล้วจะต้องติดใจ”

“แกพูดเหมือนมาที่นี่บ่อยนะนิก”

“ฉันเคยพาเพื่อนมาไหว้พระเก้าวัดอย่างที่พาแกมานี่แหละ และเคยแวะร้านนี้หลายครั้งแล้ว” อาชวินตอบเพื่อนพลางแย่งพัดในมือเพื่อนมาโบกไล่ความร้อนบ้าง

“แล้วทำไมแกไม่ชวนฉันมาบ้างล่ะ”

“ยายน้ำอิง!! แกก็รู้ว่าฉันกับไอ้แจ๊คไม่ชอบหน้ากัน และเมื่อก่อนแกตัวติดกับมันซะขนาดนั้น ถ้าฉันชวนแกมันก็ต้องมาด้วยอยู่แล้ว” อาชวินเผลอเอ่ยถึงจักรพงษ์ขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ และมารู้สึกตัวว่าสะกิดใจเพื่อนก็เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบงันผิดปกติ จึงรีบเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด

“ฉันขอโทษนะน้ำอิง ไม่ได้ตั้งใจจะเอ่ยชื่อมันให้แกสะเทือนใจหรอกนะ แค่อยากอธิบายให้แกฟังถึงสาเหตุเท่านั้น”

“ไม่เป็นไรหรอกนิก ฉันเข้าใจ” อิงลดาเอ่ยพลางรับน้ำกระเจี๊ยบแก้วโตจากเด็กที่นำมาวางให้ดื่มด้วยความกระหาย และก็ต้องเบิกตากลมโตเอ่ยอุทานออกมา

“อร่อยอย่างที่แกว่าจริงๆ ไม่เห็นเหมือนน้ำกระเจี๊ยบที่ขายเป็นขวดเลย” น้ำเสียงของอิงลดาขณะพูดไร้ซึ่งวี่แววความเศร้าสร้อยอย่างที่อาชวินนึกกังวล จึงค่อยผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“ฉันดีใจที่แกไม่คิดมากเรื่องไอ้แจ๊คอีกแล้ว”

“มันก็คงยังมีหลงเหลืออยู่บ้างนะนิก จะให้ลืมหมดทีเดียวภายในสองสามวันคงจะไม่ได้” อิงลดาสารภาพ

จากนั้นต่างพากันจัดการกับก๋วยเตี๋ยว ที่เด็กนำมาวางให้บนโต๊ะให้อย่างหิวโหย ลืมคุยกันไปจนกระทั่งหมดภายในเวลาไม่กี่นาที

“อร่อยอย่างที่แกบอกจริงๆ นะนิก ทำไมไม่เห็นมีเชลล์มาชวนชิมบ้างเลยนะ” อิงลดาเอ่ยชมหลังจากดื่มน้ำกระเจี๊ยบจนหมดแก้ว เรียวปากอิ่มแดงจัดเพราะความเผ็ด

“นั่นสินะ! หลายร้านที่เชลล์ชวนให้ชิมแต่ฉันลองชิมแล้วไม่เห็นจะได้เรื่องเลย” อิงลดาฟังเพื่อนแล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แล้วพลันต้องหุบยิ้มทันควัน เมื่อหันไปพบเข้ากับสายตาคมกล้าของชายชราจากโต๊ะด้านข้างที่กำลังจ้องเขม็งมองมายังเธอ พร้อมกับยกมือขึ้นคล้ายจะกวักเรียกให้เขาไปหา จนต้องหันไปกระซิบกับเพื่อน

“นิก แกลองดูคุณตาคนนั้นสิ แกกวักมือเรียกฉันด้วยแหละ”

“อืมม์! ฉันว่ามันดูแปลกๆ นะน้ำอิง...” อาชวินยังกล่าวไม่ทันจบคำ ป้าเจ้าของร้านก็เดินมาหาแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเหน่อๆ

“ตาแสงแกเรียกให้หนูไปหาที่โต๊ะแน่ะจ้ะ”

“เรียกหนูเหรอคะ” อิงลดาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“หนูนั่นแหละจ้ะ แกคงถูกชะตากับหนูนะ ตาแสงแกเป็นคนดูโหงวเฮ้งเก่งและแม่นมาก ปกติแกไม่ค่อยจะเรียกใครเข้าไปหาแบบนี้หรอก ขนาดมีคนไปหาแกถึงที่บ้านแกยังไม่ดูให้เลย” ป้าเจ้าของร้านชี้แจงให้ฟังเพิ่มเติม อิงลดาหันไปมองหน้าเพื่อน เห็นอีกฝ่ายพยักหน้าให้จึงเดินไปยังโต๊ะที่ชายชรานั่งอยู่ พลางยกมือขึ้นไหว้แล้วเอ่ยถาม

“คุณตาเรียกหนูหรือคะ”

“ใช่ เอามือมาให้ตาดูหน่อยสิ” เสียงแหบๆ ของแกดังขึ้น เมื่ออิงลดายื่นมือเรียวไปให้ ก็ถูกแกจับหงายมือขึ้นและจับนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูด

“โหงวเฮ้งก็ดี วาสนาก็ดี” พูดพลางจ้องหน้าหญิงสาวนิ่งๆ พูดประโยคถัดมาที่ทำให้อิงลดาถึงกับนั่งเงียบงัน

“ดวงหนูจะพบเนื้อคู่ในไม่ช้านี้และเป็นคู่แท้”
จากนั้นแกก็จบบทสนทนาเอาดื้อๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากร้านไปทันที ปล่อยให้อิงลดานั่งงงพร้อมกับคิดในใจอย่างมึนๆ เรียกเธอมาพูดแค่นี้เองเหรอ!

ป้าเจ้าของร้านซึ่งนั่งอยู่แถวๆ นั้น ถึงกับหัวเราะเอิ๊กอ๊ากเอ่ยเสียงดังออกมา

“ตาแสงแกเป็นแบบนี้แหละจ้ะหนู นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ใครต่อใครมักจะเรียกแกว่า ‘ตาแสงปากพระร่วง’ กันทั้งนั้น เพราะแกเคยเอ่ยปากทักคนแถวนี้ว่าดวงไม่ค่อยดี ให้ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ แต่คนถูกทักไม่ยอมทำตามที่แกบอก ไม่กี่วันต่อมาก็ถูกรถชนตาย จากนั้นมาแกก็เลยไม่ค่อยจะทักใคร แต่จู่ๆ แกมาทักหนูแบบนี้ ป้าว่าเชื่อคำพูดของแกเถอะ”

ผู้คนในร้านที่เห็นเหตุการณ์ ต่างก็พากันมากล่าวย้ำกับอิงลดาถึงเรื่องความแม่นยำของตาแสง ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกสับสนกึ่งลังเลว่าควรจะเชื่อดีหรือไม่ หลังจากจ่ายเงินค่าก๋วยเตี๋ยวและเดินตามเพื่อนไปขึ้นรถแล้ว ก็ยังอดคลางแคลงใจกับคำพูดเมื่อครู่ไม่ได้ ทำให้ต้องหันไปถามเพื่อน

“แกคิดว่าไงหรือนิก แต่ฉันไม่เชื่อหรอกเรื่องคู่แท้อะไรนั่น คนเพิ่งเลิกกับแฟนมาเพียงไม่กี่วันนี่นะจะเจอเนื้อคู่ในไม่ช้านี้มันเหลือเชื่อเกินไป” อิงลดาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเชื่อถือ

“แต่ฉันเชื่อว่ะ ในใบเซียมซีก็บอกไว้นี่นา แล้วตาคนนี้ยังมาทักแกอีก เรื่องแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะน้ำอิง” อาชวินที่ใจเอนเอียงเชื่อไปเกินครึ่งบอกกับเพื่อน

“ฉันไม่ได้ลบหลู่ เพียงแต่ไม่ได้เชื่อเท่านั้น มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า”

“เอาล่ะ ฉันว่าเราอย่ามาเถียงกันตอนนี้เลย รอให้ทุกอย่างมันพิสูจน์ด้วยตัวของมันเองดีกว่า” อาชวินเอ่ยตัดบท ก่อนจะเคลื่อนรถไปข้างหน้าเพื่อกลับกรุงเทพต่อไป และก็ไม่ลืมแวะซื้อโรตีสายไหมจากหน้าโรงพยาบาลตามที่ป้าเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวแนะนำ

ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะจ๊ะ ไม่เคยอัพที่นี่เลย ส่วนใหญ่จะอัพอยู่ที่เด็กดี



ฐิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.พ. 2556, 20:07:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.พ. 2556, 20:09:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1545





<< บทนำ   ตอนที่ 2 คนอะไรหนอ..หล่อกระชากใจ >>
Auuuu 11 ก.พ. 2556, 00:46:15 น.
สนุกค่า ชอบๆๆ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account