ร้อยรัดดวงใจรัก ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์มายดรีมจ้า วางแผงประมาณเดือนมิถุนายน
อิงลดาถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยบอกเลิกเพราะเพิ่งค้นพบตัวเองว่าชอบเพศเดียวกัน ทำให้อิงลดาเสียใจมากเพราะตั้งความหวังไว้ว่าเรียนจบแล้วจะแต่งงานกัน ทำให้ตั้งป้อมรังเกียจผู้ชายผู้ชายหน้าตาหล่อๆ แต่เมื่อมาเจอกับลอราช ช่างภาพชื่อดังที่หน้าตาไม่ได้อยู่ในข่ายของความหล่อเพราะไว้หนวดไว้เคราจนดูหน้าคล้ายโจรห้าร้อย และการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่เป็นสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก อิงลดาไม่ชอบขี้หน้าลอราชเลยสักนิดเดียว แต่เพราะพรหมลิขิตทำให้ทั้งคู่ต้องมาพัวกันเป็นวันพันหลักทั้งด้วยเรื่องของงานและคนรอบข้างทั้งคู่จึงถูกร้อยรัดไว้ด้วยความรัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2 คนอะไรหนอ..หล่อกระชากใจ

บทที่ 2 คนอะไรหนอ..หล่อกระชากใจ

สนามบินสุวรรณภูมิ

ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวแข็งแกร่ง ผิวขาวจัด ทว่าช่างขัดกับใบหน้าหล่อเหลาที่เต็มไปด้วยเคราข้างแก้มจนถึงปลายคางบุ๋ม ดวงตาปกปิดไว้ด้วยแว่นกันแดดสีชาเสริมสร้างบุคลิกให้ดูดี เพิ่มความโดดเด่นยิ่งขึ้นกับผมยาวหยักศกสีดำสนิทที่รวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย สวมยีนส์ทรงกระชับสะโพกสอบสีเข้ม เสื้อยืดแขนยาวสีดำตัวบาง แบะให้เห็นขนหน้าอกสีอ่อนอยู่รำไร สะพายกระเป๋ากล้องยี่ห้อดังสีดำที่ไหล่ กำลังเข็นรถโดยมีกระเป๋าใบโตวางอยู่ด้านบนออกมาจากช่องผู้โดยสารขาเข้า

ด้วยรูปร่างหน้าตาอันแสนจะเตะตาทำให้สาวๆ หลายคนต่างพากันมองจนเหลียวหลัง ไม่เว้นแม้แต่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าหล่อเหลาสองคนซึ่งอยู่ในชุดสจ๊วตของสายการบินแห่งหนึ่ง ที่เดินลากกระเป๋านำหน้าไป ยังอดหันมามองยังร่างเท่ห์ๆ ด้านหลังไม่ได้

“แกนี่เห็นผู้ชายหล่อๆ ไม่ได้เลยนะนังไทนี่” คนพูดที่เอ่ยปากต่อว่าก็ไม่ได้มีอาการแตกต่างกันเท่าใดนัก เพราะเหลียวไปมองจนคอแทบเคล็ดเหมือนกัน และจากคำพูดทำให้รับรู้ได้ถึงเพศที่แท้จริงในบัดดล

“อาหารตาย่ะ แต่หล่อกระชากใจฉันจริงๆ แล้วแกไม่ต้องมาทำเป็นว่าฉันหรอก แกก็มองเขาจนตาค้างเหมือนกันแหละ มีพี่แจ็คอยู่ทั้งคนแกยังจะเที่ยวส่งสายตามองหาเหยื่ออีกนะนังเจนนี่” ชายหนุ่มคนแรกหันมาพูดพลางตวัดค้อนเพื่อนจนตาแทบกลับ

“ฉันชอบผู้ชายหล่อๆ เหมือนแกนั่นแหละย่ะ แต่พูดแล้วก็คิดถึงพี่แจ็คจังเลย ฉันอุตส่าห์ไปแย่งชิงมาจากนังชะนีหน้าสวยนั่น” ชายหนุ่มหน้าหล่อจีบปากจีบคอพูดอย่างสะใจ

“จริงๆ แล้วก็น่าสงสารผู้หญิงคนนั้นนะนังเจนนี่ ถ้าเป็นฉันคงเจ็บพิลึก”

“อ้าว! นังนี่ตกลงแกเป็นเพื่อนฉันหรือนังชะนีคนนั้นกันแน่….”

ขณะเดียวกับลอราชหนุ่มรูปหล่อ มาดเท่ ในหัวข้อสนทนาของทั้งคู่ ชำเลืองไปที่ชายหนุ่มทั้งคู่แวบหนึ่ง ปากหยักสวยกระตุกยิ้มอย่างหยิ่งๆ จากที่ได้ยินมาว่าไม่ว่าจะเป็นกัปตันเครื่องบินหรือสจ๊วตในปัจจุบัน ล้วนเต็มไปด้วยพวกแอบจิตแทบทั้งนั้น เขาเพิ่งจะเจอด้วยตัวเองก็วันนี้แหละ และอดเก็บคำพูดของสองคนที่คุยกันเมื่อครู่มาครุ่นคิดไม่ได้

‘น่าสงสารผู้หญิงที่ถูกเอ่ยถึงจัง ถูกกระทั่งผู้ชายแย่งแฟน!!’

ก่อนจะรีบปัดความคิดนี้ออกไปจากสมองโดยเร็วพลัน เพราะไม่เห็นจะเกี่ยวกับตัวเองตรงไหน คิดฟุ้งซ่านไปได้! พลางกวาดสายตาเหลียวหาเพื่อนสนิทที่รับปากอย่างดิบดีว่าจะมารอรับ ขณะกำลังหันรีหันขวางอยู่ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกมีน้ำอะไรร้อนๆ ราดลงมาบนท่อนแขน

“เฮ้ย! อะไรกันวะเนี่ย ทำไมเดินไม่รู้จักระวังบ้าง” ปากไวกว่าความคิด ชายหนุ่มอุทานออกมาเสียงดังแล้วหันไปต่อว่าด้วยความโมโห โดยไม่ทันได้มองหน้าคนชนด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ก้มลงเลิกแขนเสื้อขึ้นดู รู้สึกปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาในทันใด ยิ่งเห็นท่อนแขนขาวๆ ที่เวลานี้กลายเป็นสีแดงเรื่อขึ้นมาก็ยิ่งโมโห

และต้องเงยหน้าขึ้นทันควันเมื่อได้ยินเสียงตวาดแว๊ดดังออกมามาจากร่างของหญิงสาวสวยสะดุดตาที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ปากเสียที่สุด! คุณเองนั่นแหละที่เดินไม่รู้จักระมัดระวัง หันหน้าหันหลังอยู่นั่นแหละ ชนฉันเองแท้ๆ แล้วยังจะมาเที่ยวโวยวายอีก มารยาทแย่มากๆ”

สาวสวยที่กำลังต่อว่าฉอดๆ คืออิงลดานั่นเอง เวลานี้เรียวหน้าใสแดงก่ำด้วยความโกรธ จากตอนแรกตั้งใจจะเอ่ยปากขอโทษ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้เป็นคนผิดเลยสักนิด แต่เห็นอีกฝ่ายถูกกาแฟร้อนๆ ลวก คงจะเจ็บไม่น้อย ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปาก ทำให้ต้องรีบยับยั้งคำขอโทษไว้แทบไม่ทัน จ้องผู้ชายปากเสียตรงหน้าด้วยดวงตาวาวโรจน์ระคนไปด้วยอาการรังเกียจ ก่อนจะสะบัดหน้าผละจากไปทันที

ผู้เสียหายอย่างลอราชเมื่อถูกว่ากลับถึงกับอ้าปากค้าง จ้องสาวสวยในชุดกระโปรงยาวลายดอกสีหวานที่ก้าวเดินลิ่วๆ หายไปจนลับสายตา พร้อมกับรำพึงในใจ

‘หน้าตาก็สวย ทำไมถึงได้ปากจัดแบบนี้’ แล้วพลันนึกถึงสายตาเป็นประกายวาววับของเธอที่มองตรงมายังเขาเมื่อครู่ ตกลงเขาไปเป็นศัตรูกับเธอมาตั้งแต่ชาติปางไหนกัน

ถึงแม้ในใจจะยอมรับกับตัวเองว่าเธอสวยถูกใจเขาเป็นบ้า!! แต่ช่างภาพดังอย่างเขาที่พบเจอผู้หญิงมากหน้าหลายตามานักต่อนัก ล้วนแล้วแต่สวยๆ ทั้งนั้น แล้วเจ้าหล่อนเป็นใครกันไฉนมาทำหยิ่งๆ เชิดใส่เขาแบบนี้!

แม้จะรู้สึกเสียศูนย์ไปบ้าง! เพราะส่วนใหญ่ผู้หญิงรายไหน รายนั้น เวลาเห็นเขามักจะวิ่งเข้าใส่มากกว่า ทว่ารายนี้นอกจากไม่แยแสหรือแม้แต่จะชายตาแลด้วยความชื่นชมเหมือนคนอื่นแล้ว มิหนำซ้ำยังกล้าส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์มาให้อีก

‘ช่างเป็นผู้หญิงตาถั่วเสียเหลือเกิน’ ลอราชคิดในใจอย่างขุ่นเคือง

“ไอ้เรน มาถึงนานหรือยังวะ”

คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ ต้องสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อถูกตบไหล่ดังป้าป พร้อมเสียงทักทายที่ไม่ค่อยนักจากชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ร่างสูงไล่เลี่ยกันแต่ทว่าบางกว่าเล็กน้อย อยู่ในชุดสูทสีดำสนิท ซึ่งดูจากสภาพจากการวิ่งกระหืดกระหอบแล้วเหมือนเพิ่งเดินทางมาถึง

“ทำไมถึงเพิ่งมาวะไอ้เคน ฉันมารอแกตั้งนานแล้ว” พูดพลางลอราชก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับบริเวณท่อนแขน ที่เวลานี้ทั้งเหนียวและแสบจากผลของความร้อนจากการถูกกาแฟหกรดเมื่อครู่

“เออ! เพิ่งประชุมเสร็จก็เผ่นมารับแกนี่แหละ แล้วนั่นแขนไปโดนอะไรมาวะ” ภูวดลหรือเคนมองแขนของเพื่อนที่เวลานี้เป็นสีแดงระเรื่อแล้วก็ถามด้วยความสงสัย

“มีผู้หญิงบ้าที่ไหนไม่รู้ว่ะทำกาแฟหกรดใส่ฉัน แถมยังมาด่าหาว่าเดินไม่ระวังเองเสียอีก” แม้จะรู้ตัวว่าผิดที่มัวแต่เดินหันรีหันขวางอยู่ก็ตาม แต่เขาก็ถูกของร้อนๆ เทใส่แขนใครจะไม่โมโหบ้างล่ะ!

“นี่หูฉันฝาดไปหรือเปล่าวะ! อาร์ทตัวพ่อแบบแกนี่นะถูกผู้หญิงด่า สงสัยคงต้องเอาเรื่องของแกไปลงคอลัมน์ซุบซิบนินทาในหนังสือพิมพ์ของฉันแล้วว่ะ” ภูวดลกล่าวพลางหัวเราะพลางอย่างขบขันเป็นที่สุด

“เออ! ฉันแค่โวยวายตอนถูกกาแฟราดใส่เท่านั้น แม่ด่ากลับมาเป็นชุดเลย แถมมองยังกับเคยเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางก่อนยังงั้นแหละ ซวยจริง! ผู้หญิงอะไรวะ” ลอราชยังบ่นไม่เลิกเมื่อนึกถึงดวงตาวาวโรจน์ของหญิงสาวที่ด่าเขา

“แสดงว่าแกเองคงไปว่าเขาก่อนล่ะสิ เพราะปากแกมันก็ไวใช่ย่อย” ภูวดลว่าเพื่อนกลับเพราะรู้นิสัยกันดีอยู่แล้ว

เขากับลอราชเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถม แม้จะไปเรียนอยู่ต่างประเทศก็ยังตามติดกันไปเรียน ด้วยอาชีพช่างภาพของเพื่อนทำให้เป็นคนค่อนข้างปากไว เขาจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงถูกด่ากลับมาแบบนี้

“ฉันไม่เคยเห็นแกเคยมีเรื่องกับผู้หญิงที่ไหนเลยนี่หว่า ปกติแกกับผู้หญิงจะเป็นของคู่กันเสมอ แสดงว่าผู้หญิงคนนี้คงหน้าตาเต็มกลืนจริงๆ ” ภูวดลคาดเดา

ลอราชถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินเพื่อนพูดแบบนี้ แล้วหน้าสวยๆ ของเธอก็ลอยมาให้เห็นในมโนภาพทันทีราวกับสั่งได้ ถ้าเป็นหน้าตาเต็มกลืนอย่างที่เพื่อนพูดคงจะดีกว่านี้ แต่นี่ถ้าเป็นไปได้แทบอยากจะกลืนกินตัวเจ้าหล่อนซะมากกว่า

“เอ้อ...ถ้าแกลองถูกกาแฟร้อนๆ หกรดจะทนอยู่เฉยได้ไหมเล่าไอ้เคน ฉันไม่ได้มีตาหลังนี่หว่าจะได้มองเห็น ตอนนี้แขนฉันทั้งเหนอะหนะทั้งแสบร้อนโว๊ย” ลอราชพูดออกมาอีกอย่างฉุนเฉียวเพื่อกลบเกลื่อนอาการ

“แล้วคนของแกไม่ได้มาด้วยหรือวะ” ภูวดลพูดพร้อมกับเหลียวหาคนสนิทของเพื่อน ซึ่งมักจะตามติดลอราชเป็นเงาตามตัวมาหลายปีแล้ว

“ให้ไปรอรับกระเป๋าอยู่ นั่นไงมาโน่นแล้ว” ลอราชพูดพลางมองตรงไปยังชายหนุ่มวัยไล่เลี่ยกับเขาสองคน ที่รูปร่างหน้าตาไม่ผิดแผกแตกต่างกันนัก เพราะทั้งคู่เป็นฝาแฝดที่หน้าเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก กำลังเข็นกระเป๋าใบใหญ่มาคนละใบเดินตรงมา ภูวดลถึงกับหัวเราะก๊ากเมื่อมองหน้าเพื่อนกับคนสนิททั้งคู่ซึ่งพากันยกมือขึ้นไหว้เขาพลางเอ่ยทักทายเสียงสุภาพ

“สวัสดีครับคุณเคน”

“อืมม์ สวัสดี” ภูวดลทักทายตอบคนของเพื่อนแล้วเอ่ยต่อไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ฉันว่าท่าทางแดนกับดอมน่าจะเป็นเจ้านายแกมากกว่าจะเป็นลูกน้องนะไอ้เรน”

คำพูดของภูวดลไม่ได้เกินจากความเป็นจริงไปนัก เพราะขณะที่หน้าตาของลอราชเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรัง หล่อแบบดิบๆ เถื่อนๆ แต่หน้าตาของคนสนิททั้งคู่กลับเกลี้ยงเกลา หล่ออินเทรนด์ราวบอยแบนด์จากประเทศเกาหลีก็ไม่ปาน ทว่านั่นคือเปลือกนอกของทั้งคู่เท่านั้น!!!!

“เออ!! แกอย่าพูดมากเลยไอ้เคน ตอนนี้อยากเข้าห้องน้ำเพื่อล้างแขนแล้วว่ะ เหนียวเหนอะหนะไปหมด” ลอราชพ่นพึมพำอย่างเริ่มหงุดหงิด

“แขนคุณเรนโดนอะไรมาหรือครับ” แดนถามขึ้นทันทีเมื่อเหลือบเห็นตามนิสัยช่างสังเกต

“ถูกสาวราดกาแฟใส่น่ะแดน” ภูวดลตอบแทนเพื่อน

“แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” ดอนถามต่อด้วยสีหน้าเป็นกังวลเสมือนเป็นเรื่องใหญ่โต จนลอราชต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปตอบ

“ไม่เป็นอะไรหรอกน่า ไปห้องน้ำกันเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยตัดบทก่อนจะเข็นรถนำหน้าตรงไปยังห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากที่ยืนนัก

“ท่านผู้โดยสารที่เดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่น เที่ยวบิน JAL109 ขณะนี้ได้เกิดเหตุขัดข้องทางสภาพอากาศ จึงทำให้เครื่องลงจอดที่สนามบินสุวรรณภูมิล่าช้ากว่าปกติ ทางสายการบินต้องขออภัยในความสะดวกครั้งนี้ด้วยค่ะ.........”

ได้ยินเสียงประกาศจากสายการบินที่แจ้งเหตุขัดข้อง ยังไม่ทำให้อิงลดารู้สึกหงุดหงิดได้เท่ากับพบเจอผู้ชายปากเสียเมื่อครู่นี้ หน้าตาหนวดเครารกรุงรังยังกับโจรห้าร้อยและเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงที่เดินผ่านไปมา ถึงหันไปมองผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาชื่นชมด้วย ไม่เข้าใจเลยจริงๆ หล่อตรงไหน!

ตอนนี้นอกจากผู้ชายหน้าตาหล่อๆ ที่ตั้งป้อมรังเกียจแล้ว ขอเพิ่มมีคนมีหนวดเข้าไปอีกแล้วกัน

วันนี้เธออุตส่าห์ขับรถป้ายแดงคันใหม่เอี่ยมอ่อง ซึ่งเพิ่งซื้อสดๆ ร้อนๆ หลังจากกลับมาจากไหว้พระเก้าวัดกับเพื่อนสนิทเพื่อเป็นของขวัญให้กับตัวเอง และขับมาจากบริษัทอย่างอารมณ์ดีเพื่อมารอรับอภิรดีหัวหน้างานของเธอที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น ทว่าต้องมาเจอกับเรื่องที่ทำให้เสียอารมณ์ ไม่น่านึกอยากจะดื่มกาแฟเลยจริงๆ แต่แอบสมน้ำหน้าผู้ชายคนนั้น เพราะเธอเหลือบเห็นท่อนแขนขาวๆ นั่นแดงทันตาเห็น ทั้งรีบปัดเรื่องผู้ชายบ้าๆ นั่นออกไปสมองโดยเร็ว!

“น้ำอิง” เสียงเรียกที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ ถึงกับสะดุ้งทีเดียว

“พี่แจงมาแล้วหรือคะ” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าพี่แจงหรืออภิรดี เป็นหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ ที่แต่งตัวเปรี้ยวจนเข็ดฟัน ตั้งแต่ทรงผมซอยสั้นทว่าไฮท์ไลท์เฉดสีไว้อย่างสวยงาม รวมทั้งหน้าตาที่แต่งได้อย่างสวยกลมกลืน อยู่ในชุดสูทแบบทันสมัย

“ขอโทษนะน้ำอิงที่รอนานอากาศไม่ดีเลยจ้ะ พี่กลัวแทบแย่ คิดถึงลูกขึ้นมาอย่างฉับพลัน” อภิรดีพูดด้วยสีหน้ายังไม่คลายจากอาการตื่นเต้นที่ได้รับตอนอยู่บนเครื่อง

“พี่แจงก็กลับมาอย่างปลอดภัยแล้วนี่คะ” อิงลดาเอ่ยเสียงใสลืมเรื่องความขุ่นมัวเมื่อครู่ไปหมดสิ้น

“แล้วน้ำอิงล่ะหายแล้วหรือจ๊ะ” อภิรดีถามลูกน้องคนสนิทอย่างห่วงใยในความรู้สึก เพราะรับรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายมาโดยตลอดแม้เธอจะอยู่ที่ต่างประเทศก็ตาม

“หายแล้วค่ะพี่แจง เรารีบไปที่รถกันเถอะค่ะ หรือพี่แจงจะแวะทานอะไรก่อนหรือเปล่าคะ”

“แวะก็ดีจ้ะ เพราะตอนนี้พี่รู้สึกหิวขึ้นมาเหมือนกัน” อภิรดีเอ่ยพร้อมกับตบพุงตัวเองเบาๆ

อิงลดาเดินนำหน้าคนหิวเข้าไปในร้านแบล็คแคนย่อนที่อยู่ใกล้ๆ หลังจากสั่งอาหารเรียบร้อย อภิรดีก็หันมาชวนหญิงสาวที่เธอเอ็นดูคุยเรื่องที่ยังค้างคาใจต่อทันที

“ที่บอกพี่เมื่อกี้ว่าหายแล้วน่ะพูดจริงใช่ไหมน้ำอิง” น้ำเสียงร้อนรนปนห่วงใยของสาวรุ่นพี่ สร้างความตื้นตันให้ก่อเกิดกับอิงลดาจนต้องส่งยิ้มหวานและเอ่ยออกไป

“หายแล้วจริงๆ ค่ะพี่แจง” คำพูดของอิงลดาก็ไม่ได้เกินความเป็นจริงไปนัก เพราะเวลานี้อาการจะเป็นจะตายดังกล่าวที่เคยเกิดขึ้นในวันนั้น แทบจะไม่หลงเหลือให้เห็นในวันนี้เลยด้วยซ้ำ

“พี่ดีใจด้วยนะน้ำอิง…” อภิรดีพูดยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องชะงักค้างไว้พร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นใครบางคนเดินเข้ามาในร้าน

“อ้าวเคน! ไม่นึกว่าจะมาเจอกันที่นี่ มารับใครหรือจ๊ะ”

เสียงทักทายของอภิรดีทำให้อิงลดาซึ่งนั่งหันหลังให้ประตูต้องเหลียวไปมอง และ
พลันพบกับสายตาคมดุของคนบางคนที่ถูกเธอด่าไปเมื่อก่อนหน้านี้จ้องมองมานิ่งๆ ทำให้ต้องรีบหันกลับแทบไม่ทัน อุตส่าห์ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทแล้วเชียว ยังจะตามมาหลอกหลอนกันอีก หญิงสาวคิดในใจอย่างขุ่นเคือง

“ผมมารับเพื่อนครับพี่แจง แล้วไหนพี่แจงบอกว่าจะไปหลายวันไงครับ ทำไมรีบกลับนักล่ะ” น้ำเสียงทักทายแสดงความสนิทสนมนั้นบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“คิดถึงหลานของเคนนั่นแหละจ้ะ” อภิรดีบอกอีกฝ่ายยิ้มๆ ก่อนจะหันไปรับไหว้ชายหนุ่มอีกสามคนที่ยืนอยู่ พร้อมกับเอ่ยเชิญให้นั่งร่วมโต๊ะ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากหนุ่มคู่แฝดที่ขอตัวออกไปยืนเตร็ดเตร่อยู่ด้านนอก

“ผมมารับไอ้เรนไง พี่แจงจำไอ้เรนได้ไหมครับ”

“แหม! ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะจ๊ะ” ก่อนจะหันไปยิ้มประกอบคำพูด ซึ่งก็ได้รับการส่งยิ้มตอบกลับมาพร้อมกับคำพูด

“สวัสดีครับ พี่แจงยังสวยเหมือนเดิมเลย” ลอราชหยอดคำหวานใส่สาวสวยตรงหน้า เพราะอีกฝ่ายเป็นพี่สาวซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ค่อนข้างสนิทกับภูวดล และเขาเคยพบอยู่บ่อยครั้งสมัยเรียนหนังสืออยู่เมืองไทย

“ปากหวานเชียว ได้ข่าวจากเคนว่าเรนเป็นช่างภาพชื่อดังแต่ส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศมากกว่าเมืองไทยหรือจ๊ะ”

“ช่วงสองสามปีก่อนส่วนใหญ่อยู่ต่างประเทศ แต่จะกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรแล้วครับ” ลอราชตอบพี่สาวของเพื่อนแต่สายตาเหลือบเห็นคนปากจัดนั่งเบ้ปากให้พอดี

“ตายแล้ว! พี่ก็มัวแต่คุยเสียเพลินเลยลืมแนะนำน้องที่ทำงานให้รู้จัก” ก่อนจะหันไปแนะนำอิงลดาให้สองหนุ่มรู้จัก
ภูวดลรีบพูดออกมาทันที “ผมก็กำลังจะถามพี่แจงอยู่เชียวว่าสาวสวยคนนี้เป็นใคร”

“น้ำอิงจ๊ะ คนนี้น้องชายพี่เองชื่อภูวดลหรือเคน ส่วนคนข้างๆ ชื่อเรนชื่อจริงๆ ว่าอะไรนะจ๊ะ” อภิรดีหันไปถามลอราช

“ลอราชครับผม”

คำตอบของชายหน้าหนวดเรียกรอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของอิงลดานิดหนึ่ง คนอะไรชื่อยังกับพระเอกลิเก โบร่ำโบราณไม่สมกับหน้าตาเอาซะเลย ก่อนจะเลือนหายไปพร้อมกับคำพูดเรียบๆ ที่เอ่ยทักทายออกมา

“สวัสดีค่ะคุณภูวดล คุณลอราช”

“พี่ชอบชื่อของเรนมาก ดูเป็นไทยๆ ดี ส่วนน้ำอิงหรืออิงลดาเป็นลูกน้องคนเก่งของพี่เองจ้ะ”

“สวัสดีครับคุณอิงลดา” ลอราชเอ่ยทักทายออกไปยิ้มๆ แต่ได้รับเพียงสีหน้าบึ้งตึงกลับมาให้ ผิดกับภูวดลที่ได้รับรอยยิ้มทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกขุ่นเคืองใจไม่ได้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาแค่โวยวายออกไปเมื่อตอนถูกกาแฟหกรด ทำไมผู้หญิงคนนี้ต้องมาแสดงกิริยาไม่ชอบหน้าเขาออกมาอย่างออกนอกหน้าแบบนี้ด้วย

“ชื่อเพราะจังเลยครับน้ำอิงเรียกผมว่าเคนก็ได้ครับ” คำชมของภูวดลเรียกรอยยิ้มหวานจากอิงลดาอีกครั้ง และยิ่งได้ยินเสียงขอบคุณจากเจ้าของชื่อยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นกับลอราชโดยไม่มีเหตุผล

“คุณน้ำอิงที่พี่แจงเล่าให้ฟังว่าเคยมาฝึกงานกับบริษัทและถูกเรียกมาทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบใช่หรือเปล่าครับ” ภูวดลเอ่ยถามพี่สาวยิ้มๆ หลังจากสั่งอาหารสำหรับเขาและผู้เป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว

“ใช่แล้วจ้ะ น้ำอิงนี่แหละ นอกจากจะผลการเรียนโดดเด่น การทำงานก็เก่งไม่แพ้การเรียนเลยจ้ะ” อภิรดีกล่าวชื่นชมแล้วจึงเอ่ยถามต่อไปเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า

“แล้วหนุ่มหล่อสองคนนั่นเป็นใครเหรอจ๊ะ ทำไมไม่มานั่งด้วยกัน”

“อ๋อ! คนสนิทของไอ้เรนหรือจะเรียกว่าบอดี้การ์ดก็ได้ครับพี่แจง” คำว่าคนสนิทที่เอ่ยออกมาจากปากของภูวดล ก่อให้เกิดรอยยิ้มคล้ายเยาะบนริมฝีปากอิ่มของอิงลดาทันควัน พลางคิดในใจ

‘แค่ช่างภาพต้องมีคนคุ้มครองราวกับพวกเจ้าพ่อ คงจะเพาะศัตรูไว้เยอะล่ะสิท่า!’
ทว่าอากัปกิริยาของอิงลดาก็หาได้รอดพ้นสายตาคมกล้าของลอราชไปได้

“แหม เท่จังนะเรนมีบอดี้การ์ดด้วย” อภิรดีเอ่ยกระเซ้ายิ้มๆ

“แต่คนที่มีบอดี้การ์ดส่วนใหญ่จะเป็นพวกทำงานไม่ค่อยจะโปร่งใสหรือเป็นพวกนักเลงไม่ใช่เหรอคะคุณลอราช”

คำพูดที่เอ่ยถามออกมาตรงๆ ของอิงลดา ทำให้ภูวดลหันไปมองคนถามแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทพลางหัวเราะหึหึ และนึกอยากรู้ว่าผู้เป็นเพื่อนจะตอบว่ายังไง

ส่วนอภิรดีมองหน้าลูกน้องสาวอย่างสงสัย เพราะปกติตัวของอิงลดาไม่ใช่คนที่จะมาถามอะไรโพล่งๆ ออกมาเช่นนี้ เพราะมันถือเป็นการเสียมารยาท และคนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างลอราชด้วยแล้วยิ่งไม่น่ากระทำ!

“ใช่ครับ!” ลอราชตอบเสียงเรียบสนิท หยุดชะงักไปชั่วครู่ “ผมมีบอดี้การ์ดเพราะพ่อผมเป็นผู้ทรงอิทธิพล เอ่ยชื่อไปใครๆ ก็รู้จัก ดังนั้นศัตรูจึงเยอะแยะไปหมด ไปไหนมาไหนจึงต้องคอยระวังตัว ผมไม่ได้มีแค่สองคนนะครับยังมีอีกเป็นสิบ”

สิ่งที่ลอราชเอ่ยออกมาไม่ได้เกินเลยจากความเป็นจริงไปนัก เพราะพ่อเลี้ยงพูลลาภบิดาของเขานั้นเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแถบภาคเหนือและอิสานตอนบนจริงๆ และชายหนุ่มยังพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆ ระคนขู่อีก

“ใครที่คิดจะเป็นศัตรูกับผมให้พึงระวังตัวไว้ให้ดีด้วยแล้วกัน เพราะคนอย่างผมเป็นประเภทตามจิกกัดไม่ปล่อย”

อิงลดาได้ยินถึงกับคอแข็งไปทันทีและเผลอพูดออกมาเบาๆ “ป่าเถื่อน ไม่เห็นจะกลัวเลย”

จากนั้นจึงหันไปสนใจกับแก้วน้ำตรงหน้าโดยไม่มองไปทางลอราชอีกเลย ทำให้ทั้งอภิรดีกับภูวดลต้องลอบมองตากันด้วยความสงสัยในปฏิกิริยาของคนทั้งคู่

“เอาล่ะ พี่ว่าเรามากินอาหารกันดีกว่า” อภิรดีเอ่ยขึ้นเมื่อบริกรนำอาหารที่สั่งมาวางให้บนโต๊ะ ทว่าหลังจากจัดการกับอาหารตรงหน้าไปได้สักพักก็ต้องหันไปทางอิงลดา

“น้ำอิงจ๋า ทำไมต้องหั่นสเต๊คอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้นด้วยล่ะจ๊ะ โกรธอะไรกับสเต็คนั่นนักหนาจ๊ะ” เพราะท่าของอิงลดาที่กำลังหั่นสเต็คนั้นเป็นไปตามที่อภิรดีพูดทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการจับมีดหรือการเฉือน

“ปละ เปล่าค่ะพี่แจง” อิงลดาหันมาเอ่ยปฏิเสธเสียงระรัวอย่างมีพิรุธและพูดเสียงอ้อมแอ้ม

“ก็มันเหนียวนี่คะ…”

อิงลดาพูดยังไม่ทันจบก็ได้ยินเสียงของลอราชเอ่ยแทรกขึ้นมา

“คุณอิงลดาอาจจะคิดว่าหน้าผมเป็นสเต็คก็ได้มังครับเลยหั่นไม่ยั้งแบบนี้” หางเสียงมีแววคล้ายเยาะเย้ยน้อยๆ ขณะพูดจนอิงลดารู้สึกได้

“แล้วทำไมคุณน้ำอิงต้องคิดว่าหน้าแกเป็นสเต็คด้วยเล่า” ภูวดลถามเพื่อนด้วยความกังขา

“คุณอิงลดาอาจเกลียดขี้หน้าฉันก็ได้ใครจะรู้ ใช่ไหมครับ” ลอราชหันไปถามเหมือนเป็นการตอกย้ำคำพูดของเขา เป็นผลให้คนถูกถามถึงกับอึ้ง เพราะจะตอบออกมาตรงๆ ดูจะเป็นการเสียมารยาท เพราะเมื่อครู่ตอนเอ่ยถามโพล่งออกไปก็รู้ว่าเป็นการไม่เหมาะที่ถามออกไปแบบนั้น

“น้ำอิงจะไปเกลียดขี้หน้าเรนได้ยังไงล่ะจ๊ะ เพิ่งพบกันครั้งแรก” อภิรดีเอ่ยขึ้นมาอีกคน

“นั่นสิคะ ฉันจะไปเกลียดขี้หน้าคุณทำไมล่ะ” อิงลดาได้ทีจึงพูดออกไปพร้อมกับเน้นย้ำคำว่าเกลียดออกมาชัดๆ

“ดีแล้วครับที่ไม่เกลียดขี้หน้าผม เพราะไม่แน่ผมอาจจะมาใช้บริการของบริษัทคุณก็ได้ อยากรู้ว่าคุณจะทำงานเก่งเหมือนที่พี่แจงพูดอวดไว้หรือเปล่า” ลอราชเอ่ยออกในทำนองท้าทาย

“ยินดีค่ะ” อิงลดาพูดเสียงแข็งออกมา เพราะน้ำเสียงของลอราชที่เอ่ยออกมานั้นเธอฟังแล้วเหมือนเป็นการดูถูกชัดๆ

“รับรองว่าถ้าเรนมาใช้บริการจะไม่ผิดหวังในตัวของน้ำอิงเลยจ้ะ ว่าแต่เรนจะมาใช้บริการยังไงหรือจ๊ะ” อภิรดีเอ่ยการันตีและถามออกไปด้วยความสงสัย เพราะอาชีพช่างภาพไม่น่าต้องใช้บริการงานด้านประชาสัมพันธ์ของเธอเลยสักนิด

“ครอบครัวของไอ้เรนทำไร่องุ่นครับพี่แจง ผลิตไวน์ชั้นดีออกจำหน่ายและที่สำคัญกำลังตีตลาดไวน์ของต่างประเทศอยู่ตอนนี้ นอกจากนั้นยังมีพวกโรงแรม รีสอร์ต ครบวงจรอีกด้วยครับ” ภูวดลตอบแทนเพื่อน

“อ๋อ! อย่างนี้นี่เอง” อภิรดีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“หวังว่าเราคงได้ร่วมงานกันนะครับคุณอิงลดา” ลอราชเอ่ยออกมายิ้มๆ แต่นัยน์ตาคมปราบไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย

“ด้วยความยินดีคุณลอราช” อิงลดาเชิดหน้าตอบอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน

ภูวดลลอบมองอากัปกิริยาของลอราชอย่างสงสัย ตามปกติผู้หญิงสวยๆ กับเพื่อนของเขามักจะถูกกันเสมอ แต่ทำไมคราวนี้กับสาวสวยตรงหน้าท่าทางเหมือนเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อนอย่างงั้น เขาต้องถามข้อเท็จจริงกับอีกฝ่ายให้ได้



ฐิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ก.พ. 2556, 13:10:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ก.พ. 2556, 13:13:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1520





<< หักอกก็แค่ผิดหวัง แต่หักหลังมันรับไม่ได้   ตอนที่ 3 เกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง >>
Oleang 14 ก.พ. 2556, 15:40:41 น.
พี่หริ มาลง นี่ด้วยอ่ะ


ฐิญาดา 14 ก.พ. 2556, 16:37:54 น.
เพิ่งมาลงเองจ้ะน้องแอน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account