Ocen of pacific ราชินีแห่งมหาสมุทร
เมื่อชายปริศนาจากดินแดนมนุษย์เดินดินต้องบังเอิญไปพัวพันกับเจ้าสาวใต้ทะเล แล้วปมรักนี้จะเป็นเช่นไร ขอท้าทุกสายตาเปิดจิตนาการณ์ของคุณด้วยอักขระของ I'm a Blackroseกับผลงานชิ้นที่สอง ที่เหล่าหนอนหนังสือไม่ควรผลาดเด็จขาด
ถูกใจ · · แชร์
Tags: เมื่อชายปริศนาจากดินแดนมนุษย์เดินดินต้องบังเอิญไปพัวพันกับเจ้าสาวใต้ทะเล แล้วปมรักนี้จะเป็นเช่นไร ขอท้าทุกสายตาเปิดจิตนาการณ์ของคุณด้วยอักขระของ I'm a Blackroseกับผลงานชิ้นที่สอง ที่เหล่าหนอนหนังสือไม

ตอน: ตอนที่4



ตอนที่4

เหล่าหยดน้ำจากผนังถ้ำกำลังปอยสายลงมาทำเสียงกระทบน้ำพร้อมๆน้ำตกหลากหลายแบบที่ไหลทะลักสวนกลับเข้ามาในถ้ำผานั้น และท่ามกลางเสียงของธรรมชาติชายหนุ่มก็แวกเสียงน้ำขึ้นมาบนฝั่งใกล้ๆแสงแดดเส้นเดียวนั้น เขาดูมีอาการพะอืดพะอมอะไรบางอย่างและพยายามจะพูดออกเสียงแต่ก็ติดฟองอากาศจนพูดสำลักติดๆขัดๆจนเงือกสาวกระโจนน้ำขึ้นมานั้งแบบสาวพับเพียบที่เอาส่วนปลายกระโปงจุมลงไปแช่ละน้ำเล่น

“, พาฉันขึ้นมาข้างบนมีอะไร killer ? ”

เงือกสาวถามไปที่ชายหนุ่มซึ่งกำลังเอามือล่วงเข้าไปในคอพลางทำท่า
ขอความช่วยเหลือจนเหงือกสาวต้องร้องแนะขึ้น

“ไข่มุกไง! กลืนไข่มุกเข้าไปสิ!”

แต่พอชายหนุ่มรีบล้นยกสร้อยไข่มุกเส้นโตขึ้นดูด้วยความเสียดาย
เขากลับหันละไปจะหยิบหินที่พื้นกินแทน แต่ยังดีที่เงือกสาวร้องห้ามไว้ได้ทัน

“ ทำอย่างนั้นไม่ได้นะ ! ”


เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็รีบทิ้งหินลงแล้วหันกลับมาหาเงือกสาว
ที่ร้องขึ้นอย่างตื่นตะนก แล้วเขาก็พยายามพูดถามออกเสียงแวกฟองอากาศในลำคอ
ขึ้นมาจนเป็นเสียงน่าตลกขบขัน

Killer : ทำมัยล่ะ Ocen !
Ocen : ก็เพราะถ้าเจ้ากินหินแทนไข่มุกเข้าไปอีก ความ-
ทรงจำส่วนนึงที่เป็นฟองอากาศก้อนสุดท้ายก็จะแตกเสียหายไปจนคราวนี้ข้าก็
ไม่สามารถเรียกความทรงจำของเจ้ากลับมาได้อีก

เงือกสาวตอบเมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ตัดใจกระดุกไข่มุกออก
มาจากสร้อยลูกนึง แต่สร้อยไข่มุกเส้นยาวก็ไม่ได้ขาดหลุดกระเด็นหายไป ราวกับพวกมันมีชีวิตปลายสายที่ขาดจากกันจึงรีบวิ้งมาชนติดสนินกันเป็นสร้อยไข่มุกอย่างเดิม เมื่อเขากินไข่มุกในมื่ออย่างเสียดายเข้าไป ฟองอากาศในร่างกายก็ต่อยๆปลิ้น แตก แล้วชายหนุ่มก็รีบหันกลับไปสนทนาด้วยหัวข้อเดิม

Killer : แล้วทำมัยถึงกินหินแทนไข่มุกไม่ได้ล่ะ?
Ocen : ก็เพราะว่ามีเพียงไข่มุขจากสร้อยของเจ้าเท่านั้น
ที่จะไม่ทำลายความทรงจำที่อยู่ในฟองอากาศเสียหายไป
Killer : สงสัยตอนนั้นผมจะแอบกลืนหินเข้าไปแทน
ความทรงจำถึงหายหมด โชคดีนะที่ตอนเราแต่งงานกันผมได้ประฏิบัติตามธรรมเนียม
ของเผ่าเหงือก โดยการแบ่งความทรงจำเก็บไว้ใน’ห้องแยกและคืนความทรงจำ’นั้น
Ocen : จากเรื่องของเจ้าในครั้งนั้น ทำให้ข้าเห็นประโยชน์จากการ
แบ่งฟองอากาศความทรงจำบ่างส่วนเก็บเอาไว้ซึ่งเป็นประเพณีของเผ่าเงือกเรา

แล้วจู่ๆชายหนุ่มก็เกิดสำนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึง
ค่อยๆถามเงือกสาวอย่างเกรงใจ

Killer : เออ....เธอไม่โกรธผมใช่มัยที่หนีออกไปเที่ยวข้างนอก
ตอนนั้นผมจะขึ้นมานั้งเล่นข้างบนและบังเอิญได้ยินเสียงของงานปาตี๋ซึ่งนักฆ่าอย่างผม
ไม่ได้ลิ้มลองมันมานาน ผมก็เลย......

ชายหนุ่มก้มหน้าสำนึกผิดทำให้เงือกสาวต้องรีบพูดปลอบใจ

Ocen : ไม่เป็นไรหรอก ! ข้าเข้าใจ เจ้าก็แค่คิดถึงข้างบน เออ..ข้า
หมายถึงบนบกหนะ ข้าก็เคยออกไปพักแรมนอกวังบ่อยๆ ทำให้ข้าเข้าใจเจ้าเรื่องคิดถึงบ้าน

แล้วนางก็ยกมือขึ้นขอให้ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาที่ริมตลิ่งแบบ
แทบขาดใจ

“แต่สัญญากับข้าได้มัยยอดดวงใจ ว่าถึงแม้นานแค่ไหน
เจ้าก็จะกลับมาที่ทะเลอีก ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ใดขอให้ฝูงมัจฉามากระซิบบอกข้าเถิด
ข้าจะแวกธาราที่ผสมน้ำตาไปหายาใจที่เป็นดั่งสมบัติชิ้นสุดท้ายในชีวิตนี้ ”

ชายหนุ่มได้แต่ยื้นส่งมือให้เงือกสาวรับไปอย่างถนุนถนอม
แล้วเธอก็จับนิ้วชายหนุ่มขึ้นมาเกี้ยวก้อยทำสัญาญใจ ชายหนุ่มมีท่าทางเขิญๆไม่
ค่อยชิน ซึ่งวัฒนธรรมเกี่ยวก้อยสัญญานั้นชายหนุ่มเป็นผู้สอนนางเงือกเองตอนขอเธอ
อยู่แบบส่วนตัว ในราตีที่หนีออกไปเที่ยวนอกรังรักจนเป็นคดีเด็จที่ผ่านมา ในความรู้สึกลึกๆของชายหนุ่มก็หวั่นไหวในความรักที่เงือกสาวมีให้เหมือนกัน เขาค่อยๆโอบเรือนร่างที่เป็นมนุษย์แล้วพยายามสบสายตากับเงือกสาวแสนสวย แต่เธอก็ไม่เคยสบตาเขาเลยนอกจากคืนที่ไปตามตัวเขากลับมาจากเรือสำราญลำนั้น

Killer : เธอรักฉันมัย Ocen..?

เขาเอ่ยชื่อเธอด้วยความเสน่หาสุ่มไปด้วยความอยากของ
ชายหนุ่ม ทำให้เงือกสาวริมฝีปากเล็กสีแดงดุจดอกกุหราบในวันแห่งวความรัก
ค่อยๆเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างเขิญอายแผ่วเบา

Ocen : รักสิ..เจ้าคือดวงใจของข้า
Killer : งั้นเงยหน้ามองตาผมได้มัย!

แต่เงือกสาวกับทำเขิญอายบ่ายเบี่ยง

Ocen : ไม่.. ข้ายังไม่พร้อมตอนนี้
ข้าอยากจะอยู่กับเจ้าไปนานๆ

แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่เข้าใจ

Killer : ทำมัยล่ะ?

เมื่อเงือกสาวได้ยินดังนั้นกลับเกิดเขิญอายมากขึ้น
จนเผลอผลักชายหนุ่มแล้วกระโจนลงน้ำไป ทิ้งให้ชายหนุ่มอยู่กับวลีชวนฉงนที่เธอกล่าวไว้ก่อนจะกลับลงไปในพระราชวังใต้น้ำ

“ ใครจะมาพูดเรื่องอย่างว่านอกห้องนอนกัน! ”

จากนั้นท่ามกลางเสียงของน้ำตกเส้นเล็กๆหลายสาย
ชายหนุ่มก็ต้องเงยหน้าขึ้นอย่างจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เมื่อได้ยินเสียงของวงดนตรีเร็กเก้
ดังลั่นเกาะขึ้นอีกครั้ง ละแล้วแสงเส้นเดียวนั้นก็ค่อยๆหายไป จากเมฆบนฟ้าที่ลอย
เคลื่อนเข้ามาบดบังดวงอาทิตย์ยามบ่ายเย็น

..............................................................
























I3lackrose
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2556, 15:02:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2556, 15:02:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1109





<< ตอนที่3   ตอนที่5 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account