บุหงาราคี by น้ำจันทร์ อัญจรี
“บัดซบ!”
เปรมินทร์สบถลั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเขาจะตกหลุมพรางที่เจ้าหล่อนวางไว้ถึงขนาดนี้
“อะ เอ่อ...”
อรัญญิการ์ติดอ่างกะทันหัน ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวด้วยความอับอายรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมด้วยความทุลักทุเล ทว่า เมื่อหามันพบก็เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเพราะมันขาดวิ่นหาดีไม่ได้
“เอ้านี่ ใส่ซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากห้องของฉัน!”
เขาร้องสั่ง ควานหากางเกงมาสวมลวกๆ ขณะที่มืออีกข้างเสือกไสเสื้อเชิ้ตตัวเมื่อคืนให้หล่อน อรัญญิการ์รับมาสวมก็พบว่ามันไม่สามารถปกปิดเนื้อกายได้สักเท่าไรเลย
“คุณเปรมคะเอมี่...”
“อย่ามาแก้ตัว ฉันไม่อยากฟัง!!!”
เขาสบถเสียงกร้าวจ้องใบหน้าซีดเผือดเขม็ง นางฟ้าแสนบริสุทธิ์เมื่อคืนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อลืมตาตื่นหล่อนจะกลายร่างเป็น แม่มด...แม่มดน้อยเอมี่ที่เขาไม่ปรารถนา

Tags: ผ่านพิจารณา Touch Publishing รอวางแผง

ตอน: บทที่ 3 ปมมัดใจ 100%

“มันไร้สาระน่าคุณชาย คนคุ้นเคยกันเจ้าจะแขวะให้มันได้อะไรขึ้นมา เราอยู่ในแวดวงเดียวกัน ถ้าช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป อ้อ...พ่อว่าจะให้หนูเอมี่เป็นตัวแทนโลชันตัวใหม่ของโรส เจ้าจะว่าอย่างไร”
สองสาวตาโต หันมามองหน้ากันด้วยความตื่นเต้นดีใจ ขณะที่เปรมินทร์กัดฟันกรอดๆ ไม่ชอบใจที่เจ้าหล่อนทำเหมือนใช้เต้าไต่จนได้งาน
“แต่ว่า...”
“คุณเปรม อย่าอคติเกินไปนักเลย ใช้ดวงใจตัดสินแทนดวงตาแล้วเจ้าจะรู้ว่า ดวงดาราเพียงต้องการส่องแสงสว่างนำทางในคืนเดือนมืดเท่านั้น มิได้อย่างแข่งรัศมีกับแสงจันทร์กระจ่างฟ้าแน่แท้ เปรมินทร์”
คุณชายใหญ่แห่งวังไม้หอมเอ่ยวจีแยบยล เพื่อเตือนสติบุตรชาย หากเขาเปิดใจสักนิด รับความรักและความจริงใจของอรัญญิการ์สู่ห้วงดวงใจ เขาคงไม่ต้องลำบากคลำหาหนทางแห่งความสุขเช่นนี้
เมื่อไรหนอบุตรชายของท่านจะยินยอมมอบหัวใจรักและภักดีแก่สตรีอื่น ที่ไม่ใช่หล่อนคนนั้น
“ลูกขออภัย ลูกเพียงแต่กังวล เกรงว่าท่านพ่อจะหาแม่เลี้ยงให้ลูกเสียแล้ว”
“คุณเปรม!”
คุณชายเมทัตขึ้นเสียง แขกในงานเริ่มหันมามองหน้ากัน ประหนึ่งจะถามกันทางสายตาว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
“ขออภัย ท่านพ่อโปรดเข้าใจ ลูกเพียงเอ่ยอย่างที่ใจคิดเท่านั้น”
เปรมินทร์ยังไม่ยอมลดละ
“คนที่พูดเป็น ย่อมรู้ในสิ่งที่ไม่ควรพูด มากกว่าสิ่งที่ควรพูด เจ้าเป็นผู้บริหารสูงสุด คนหมู่มากอยู่ใต้บัญชาจากถ้อยวาจาของเจ้า จงยับยั้งชั่งใจไตร่ตรองให้ดีแล้วค่อยเอ่ยออกมาเถิด”
ปาฏลีฟังถ้อยคำผู้ดี ด่า ลูกชายแล้วแอบอมยิ้ม คุณชายเมทัตท่านดุเอาเรื่องอยู่ แต่เอาเรื่องในลักษณะที่ว่าถ้าใครฉลาดน้อยคงไม่รู้ว่ากำลังถูกด่านั่นเป็นไร
“ลูก...”
“หรือว่าเจ้าต่างหาก ที่มีนัยแอบแฝงเสียเอง หากพ่อเป็นคนอื่น พ่อคงเข้าใจว่าเจ้ากำลังหึงหวงแม่หนูเอมี่นะคุณชาย”
คุณชายใหญ่ยกยิ้มมุมปาก โดนเอาคืนเสียบ้างเปรมินทร์จะทำอย่างไร
“ไม่มีทางหรอกท่านพ่อ เหตุใดลูกต้องหึงหวงผู้หญิง พรรค์นี้”
คุณชายส่ายหน้าช้าๆ ขนาดเพิ่งบอกว่าให้คิดก่อนพูด ลูกชายตัวดีของท่านยังไม่ปฏิบัติตาม เฮ้อ...ปากจัดเหมือนท่านหญิงจริงๆ
“คุณเปรม! ผู้หญิงพรรค์นี้ที่คุณกล่าวหา มีเพศเช่นเดียวกับมารดาของคุณ กรุณาให้เกียรติเพศที่ทำให้คุณได้ลืมตาขึ้นมาชมโลกด้วย”
อรัญญิการ์ตอกกลับ วาจาคมกริบไม่แพ้คุณชายวังไม้หอม แม่มดน้อยเริ่มเดือดขึ้นมาทีละนิด
“ก็ใช่ว่าทุกคนจะทำให้ฉันเกิดมาเสียเมื่อไหร่เล่า อรัญญิการ์”
เปรมินทร์หัวเราะเย้ยหยันในลำคอ
เสียงหัวเราะของเขา มันช่างน่ารังเกียจจนแม่มดคนงามอยากอาเจียนรดหน้าให้รู้แล้วรู้รอด
“ใช่ เอมี่เป็นผู้หญิงพรรค์นั้น หนึ่งในพวกที่คุณเปรมกล่าวหา แต่ถ้า ฉัน เป็นอย่างนั้น แล้วได้รับเลือกเป็น พิรเซ็นเตอร์คนใหม่ของโรสแล้วละก็ ฉันว่ามันคุ้มที่เอา บางอย่างเข้าแลก จริงหรือไม่คะ คุณชายขา...”
อรัญญิการ์หันไปทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับคุณชายเมทัตประชดเขา
คุณชายหัวร่อน้อยๆ เมื่อเห็นท่าทีของอรัญญิการ์ อย่างนี้สิ สะใภ้ของวังกุหลาบ อย่าให้ใครมาดูถูกศักดิ์ศรีเอาง่ายๆ
“นี่เธอ!”
เปรมินทร์ตะคอกเสียงดัง แต่สายตาคมกลับจดจ้องอยู่ที่สองมือของหล่อน มันเลื่อนไปเกาะกุมท่อนแขนของบิดาสูงวัยอย่างถือสิทธิ์ ผู้หญิงหน้าไม่อาย ยอมเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อเงินตัวเดียว ทุเรศสิ้นดี! หรือว่าเป็นเมียลูกไม่พอ อยากจะเป็นเมียพ่ออีกคน ฝันไปเถอะ! ฉันจะขัดขวางเธอให้ถึงที่สุดอรัญญิการ์
เปรมินทร์ให้พร ยัยแม่มดอยู่ในใจ สายตาคมมองตามสองร่างที่เดินจากไปด้วยความขุ่นเคือง หล่อนเดินควงบิดาเขารอบงาน ช่างหน้าไม่อาย ยัยแม่มด!
“โอ...ถ้าอย่างนั้น ฉันคงได้เป็นป้าเลี้ยงแล้วซี เพราะเพื่อนฉันกำลังจะเลื่อนตำแหน่งเป็นแม่เลี้ยงคุณนี่นา อือ...เข้าท่าแฮะ เอ้า! มัวแต่ยืนเฉยอยู่นั้น รีบตามไปสิ เดี๋ยวเพื่อนฉันก็ฮุบสมบัติหมดวังหรอก ฮิๆๆ”
ปาฎลียกมือป้องปากดัดเสียงหัวเราะเย้ยหยันส่งให้คนตรงหน้า กิริยาคล้ายอรัญญิการ์ไม่มีผิด แต่ใครเล่าจะรู้ ท่าทางสีหน้า จริตจะก้านแพรวพราวของอรัญญิการ์ เธอนี่ล่ะ เจ้าของลิขสิทธิ์
“อ่ะๆ อย่าอึ้งซีคะคุณชาย อย่าใช้สายตาตัดสิน ใช้หัวใจตัดสิน แล้วคุณจะรู้ว่านางฟ้าอย่างฉัน ร้าย ได้มากว่าที่คุณเคยคิด หึๆ พวกเลือดโสโครก”
ปาฏลีทิ้งท้ายแผ่วเบา แต่เขาได้ยินเต็มสองหู คนนี้ก็เหลือเกิน หล่อนจะกระทบกระเทียบเปรียบเปรยอะไรเขานักหนา ทำไมไม่พูดออกมาตรงๆ ให้เขาเข้าใจ ทำเป็นมีลับลมคมในให้เขาขบคิดจนเมื่อยสมอง
เปรมินทร์สลัดความขุ่นมัวในจิตใจออกไป เมื่อทีมงานเดินมาบอกให้เขาไปเตรียมตัวด้านหลังเวที เพื่อกล่าวเปิดงานในวันนี้ เขาหวังว่าหล่อนจะเปลี่ยนใจเรื่องแม่เลี้ยงบ้าบอนั่น เพราะเขาคงทนร่วมชายคาเดียวกับหล่อน โดยไม่แตะต้องหล่อนเลย มันคงเป็นไม่ได้!

2 ชั่วโมงต่อมา
“อุ้บส์ โอ้กกก อุ้บส์ แหวะ”
อรัญญิการ์โก่งคอสำรอกของเก่าออกมาอย่างเอาเป็นเอาตาย สภาพหล่อนแตกต่างจากตอนขามาอย่างสิ้นเชิง ใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบเครื่องสำอาง ทั้งเปียกชุ่มเลอะเทอะด้วยหยดน้ำ เส้นผมที่ม้วนเก็บมาอย่างดีบัดนี้หลุดลุ่ยไม่เป็นทรง
“ฉันว่าโรคกระเพาะแกกำเริบแน่ๆ บอกแล้วไม่เชื่อ แทนที่จะหาอะไรรองท้องก่อนมา”
ปาฏลีบ่นเพื่อนสาว
“อือ...บ่นปานยายแก่ไปได้ พาฉันกลับบ้านดีกว่า ไม่ไหวแล้ว ฉันหมดแรง ทนฉีกยิ้มใส่กล้องไม่ไหวแล้ว” เรื่องของเรื่องคือ เธอคงไม่มีแรงรบรากับนักข่าวเหมือนอย่างเคย ดีไม่ดีอาการที่เป็นอยู่อาจจะถูกนักข่าวสร้างกระแสจับประเด็นเรื่องตั้งท้องขึ้นมาอีก....ตั้งท้อง!
“แก! ไปโรง’บาลเปล่า หน้าแกซีดเป็นไก่ต้มเลย แกรอฉันอยู่ตรงนี้แล้วกัน เดี๋ยวฉันไปลาคุณชายก่อน แล้วจะกลับมารับ โอเคไหม?”
อรัญญิการ์พยักหน้า เธอเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ดีที่มันอยู่ตรงมุมอับสายตาเล็กน้อย เลยไม่ต้องกังวลเรื่องนักข่าว มือเรียวยกขึ้นนวดขมับทั้งสองข้าง มันปวดตุบๆ จนเธออยากควักเอาสมองออกจากกะโหลกให้รู้แล้วรู้รอด
“นั่งรอเหยื่อรึไง ยัยแม่มด น่าเสียดายนะ ห้องน้ำผู้ชายมันอยู่อีกฟาก เธอคงมานั่งผิดที่กระมัง”
น้ำเสียงดูหมิ่นเอื้อนเอ่ยผ่านริมฝีปากบางเฉียบ แต่คมกริบ ของเทพบุตรรูปงาม
อรัญญิการ์เงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาหล่อนทอแสงแห่งความปวดร้าวระทมขมขื่น ทว่า เปรมินทร์กลับมองข้ามมิยอมใส่ใจ อรัญญิการ์จึงเงียบเสียไม่ยอมเอ่ยสิ่งใดแม้เขาจะถามซ้ำ ในใจของหล่อนภาวนาให้เพื่อนรักมาตามไวๆ จะได้ไม่ต้องทนมองหน้าเขา
“อะไร? ฉันพูดแทงใจดำเข้าหน่อยพูดไม่ออกเลยรึ”
เปรมินทร์นั่งยองๆ ลงตรงหน้าอรัญญิการ์ หล่อนเป็นอะไรทำไมเงียบผิดปกติ
อรัญญิการ์ยันกายจากเก้าอี้ เธอไม่ทนแล้ว แค่อาการปวดตุบๆ ที่สมองเธอก็อยากตายเสียให้ได้ แต่เขากลับมาทำให้มันกำเริบไม่ยอมหยุดนี่สิ ปวดเป็นสองเท่าเลย
“จะไปไหน? ฉันยังพูดไม่จบ เธอจะเดินหนีไม่ได้ ฉันไม่ชอบ”
คุณชายรูปงามผู้หล่อเหลาและเอาแต่ใจ ลุกขึ้นขวางทางอรัญญิการ์ไว้ไม่ให้กระดิกตัวได้
“หลีก...ฉันจะกลับ”
เธอบอกเขาเสียงแหบโหย มือข้างหนึ่งค้ำยันพนักเก้าอี้ กันร่างเอนส่ายเพราะอาการตาพร่า
เปรมินทร์หัวใจหล่นวูบ เมื่อสักครู่เขาคิดว่าเห็นหล่อนเกือบหงายหลัง
“ฉันไปส่ง” เขาสวนทันควัน อรัญญิการ์สงสัย เมื่อสักครู่เธอหูฝาดกระมัง
“อย่าแม้แต่จะคิด ฉันแค่ไม่อยากเห็นเธอตายที่โรงแรมฉัน เท่านั้นเอง”
เปรมินทร์ยิ้มที่มุมปากเมื่อหาข้ออ้างอันสมควรให้แก่ใจตัวเองได้ เขาตวัดแขนรัดรอบเอวบางก่อนจะช้อนร่างอ่อนแรงขึ้นมาอุ้ม
“นี่! ปล่อยฉันนะ! อย่ามาแต่ต้องตัวฉัน คุณไม่มีสิทธิ์”
อรัญญิการ์ประกาศก้องทั้งที่น้ำเสียงแทบไม่มี
“หึๆ ฉันคิดว่า ฉันมีมากกว่าคำว่า มีสิทธิ์ในตัวเธอ อรัญญิการ์”
เปรมินทร์ปล่อยร่างหล่อนลง เขาดันหล่อนไปชิดผนังด้านหลัง กักกันร่างอ่อนแรงไว้ด้วยวงแขนแกร่ง และแผงอกอุดมด้วยมัดกล้ามภายใต้สูทพอดีตัว
อรัญญิการ์ใช้กำปั้นทุบอกเขาแรงๆ ริมฝีปากของเขาเฝ้าจูบจุมพิตไม่ยอมให้เธอหายใจและในที่สุด อากาศที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดก็หมดลงพร้อมๆ สติของอรัญญิการ์
“บ้าฉิบ!” ชายหนุ่มสบถดังลั่น ร่างบอบบางอ่อนยวบในพริบตา ถ้าเขาไม่ประคองเอาไว้ หล่อนคงได้กองลงบนพื้น
เปรมินทร์แลซ้าย แลขวาก่อนจะอุ้มร่างของอรัญญิการ์ไปลงลิฟต์ตัวใหญ่ซึ่งมีไว้สำหรับผู้บริหารเท่านั้น ประตูลิฟต์ปิดสนิทลง พร้อมๆ กับ แสงแฟลช วูบวาบอยู่ที่อีกฝากของทางเดิน
นักข่าวหัวเห็ดยิ้มร่ากับภาพชัดแจ๋วในกล้อง
“ขนาดยังไม่ขยายยังชัดแจ๋วขนาดนี้ ถ้าแต่งเติมเพิ่มสีอีกหน่อย รับรองพรุ่งนี้ ได้รวยไม่รู้เรื่องแน่ๆ หึๆ”
นักข่าวหัวเห็ดหัวเราะเจ้าเล่ห์ เขารีบโทรกลับไปสำนักงานทันที

อรัญญิการ์ลืมตามองเพดานด้วยความมึนงง เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เธอฝืนกายลุกขึ้นนั่ง ทว่าเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นก็ต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้ง อาการปวดศีรษะจวนเจียนระเบิดกำลังเล่นงานเธออย่างจัง
แม่มดคนงามพาร่างอวบอิ่มเดินสะลึมสะลือออกมาจากห้อง ทำไมวันนี้ พื้นห้องเอย เพดานเอย มันถึงเอียงกระเท่เร่เช่นนี้หนอ
“โอ้ ตื่นแล้วหรืออรัญญิการ์ นึกว่าต้องให้เจ้าชายไปปลุกด้วยจุมพิตเสียอีก แต่ว่า...ไม่ใช่สิ เธอไม่ใช่เจ้าหญิงนี่นาเธอมันแม่มดต่างหาก”
อารมณ์คุกรุ่นในบางเรื่องเบาบางลง เพียงเพราะได้จิกกัดสาวเจ้าเล็กๆ น้อยๆ
“ผู้ดีหรือไพร่ ไม่ว่าใครก็ปากจัดเหมือนกันทุกคน” อรัญญิการ์แดกดัน
“ปากดีจริงๆ อรัญญิการ์ หายดีแล้วรึไง ทีเมื่อคืนจะเป็นจะตาย รู้รึเปล่าว่าฉันต้องเปลี่ยนเสื้อให้เธอตั้งสามรอบ กว่าจะได้หลับได้นอน” คุณชายรูปงามทวงบุญคุณสาวเจ้า ใจจริงให้เขาเปลี่ยนให้หล่อนสักสิบครั้งก็ยังไหว เพราะกายเนื้อนวลเนียนของยัยแม่มด คืออาหารตาชั้นเลิศดีๆ นี่เอง
“โอ...คุณเปลี่ยนเสื้อตัวโคร่งนี่ให้ฉันอย่างนั้นหรือ”
อรัญญิการ์กวาดสายตามองสารรูปตัวเองแล้วส่ายหัว เสื้อเชิ้ตของเขายาวเลยถึงปลีน่อง กระดุมเม็ดแรกก็ผ่าลึกจนเห็นร่องอกรำไร
“ฉันไม่ขอบคุณหรอกนะ เรื่องเมื่อคืน มันจะดูเสแสร้งจนเกินไป ถ้าเทียบกับสิ่งที่คุณทำกับฉัน ฉันว่ามันน้อยไป เปรมินทร์”
“เชื่อเลย! เอมี่ เธอนี่แม่มดจริงๆ กลับขาวให้เป็นดำได้อย่างไม่มีที่ติ แล้วไงล่ะ เรื่องนักข่าวคนนั้น เสียเงินไปเท่าไหร่ จ้างมันมาถ่ายตัวเอง” คุณชายรูปงามยังเอ่ยเป็นนัย
“อะไร? นักข่าวอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
อรัญญิการ์นั่งลงตรงข้ามเขา รู้สึกโล่งๆ ชอบกลแต่ยังไม่ทันเอะใจ
แปะ แปะ แปะ
“เอมี่...ตุ๊กตาทองปีนี้ฉันให้เธอโหลหนึ่งเลย ฉันไม่ใช่ท่านพ่อนะจะได้หลอกกันได้ง่ายๆ อย่าเอาท่าทางใสซื่อมาเป็นทัพหน้าแล้วโกหกว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างนี้ ทุเรศ เธอรีบแก้ข่าวนี้ซะ ไม่อย่างนั้น เจ็บตัวแน่”
คุณชายคุกคามแม่มดสาวทั้งทางสายตาและคำพูด พร้อมๆ กับโยนหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวให้หล่อน
อรัญญิการ์หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดู ภาพข่าวหน้าหนึ่งทำเอาหัวใจเธอเต้นถี่เร็วแรง
“เธอวางแผนเอาไว้ใช่ไหมฮะ”
คนเจ้าอารมณ์ตวาดดังลั่น อรัญญิการ์เม้มปากแน่น พยายามใจเย็นอย่างที่สุด
“อย่ามากล่าวหาฉัน! เมื่อคืนฉันจะตายอยู่หน้าห้องน้ำนั่น คุณเข้ามายุ่งกับฉันเองนะ สมองกลวงรึไง ฉันไม่ได้วางแผน ไม่ได้มีเอี่ยวกับนักข่าว แล้วที่สำคัญ ฉันไม่ใช่คุณไงเล่า เลยไม่รู้ว่าคุณจะปล้ำจูบฉันจนถูกแอบถ่ายอย่างนี้”
“เธอจะปัดความรับผิดชอบรึ อรัญญิการ์” เปรมินทร์ยังไม่ยอมความ
“ไม่ใช่อย่างนั้น กรุณาใช้สติปัญญาไตร่ตรองด้วยหรือว่าที่ไม่ได้ไตร่ตรอง เพราะสมองมันไม่มี!”
“อรัญญิการ์ มันจะมากไปแล้วนะ อยากโดนลงโทษใช่ไหม มานี่!”
กรี๊ดดด!!!
ปัง!!!
เสียงกรีดร้องร่ำไห้ เงียบหายหลังบานประตู
ดอกอรัญญิการ์ ไม้เลื้อยกลิ่นหอมแสนบอบบาง คงถูกหนามแหนมคมของ เจ้าดอกมัทนา ทิ่มแทงกลีบดอกจนชอกช้ำ อรัญญิการ์ร่ำไห้น้ำตารินเป็นสาย เมื่อถูกชายที่หมายปองครอบครองร่างกายโดยใช้กำลังเข้าข่มเหง เธอเหนื่อยเธอท้อ เธอไม่อยากสู้ต่ออีกแล้ว
อรัญญิการ์เร้นกายออกจากคอนโดของเขาด้วยการช่วยเหลือของแม่บ้านคนดีอีกครั้ง
นางศรีเวทนาเหลือเกินเมื่อเห็นสภาพราวกับถูกรุมโทรมของดาราสาวอีกหน นางอยากรู้จริงๆ ว่าใครกันที่ทำร้ายแม่มดน้อยเอมี่ของนางได้ มันน่าโมโหจริงๆ

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นทันทีที่คุณชายรูปงามเดินออกมาจากห้องน้ำ เขายกมันขึ้นมาแนบหูแล้วกรอกเสียงลงไป
‘เรื่องข่าวหน้าหนึ่งวันนี้ ลูกจะว่าอย่างไรคุณเปรม”
เสียงทุ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีของคุณชายเมทัต เอ่ยถามบุตรชายโทนของท่าน
“มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ลูกเคยยืนยันกับท่านพ่อแล้ว ว่าไม่มีทางเอาแม่ดาวยั่วคนนั้น มาเป็นสะใภ้ของวังมัทนาฯ อย่างแน่นอน” เขายืนยันหนักแน่น
‘พ่อจะเชื่อเจ้าอีกครา เปรมินทร์ อ้อ...วันนี้ช่วงบ่ายมีประชุมหารือเรื่องผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของ โรส ลูกควรเข้าไปดูหน่อย’
“ครับท่านพ่อ ลูกจะเข้าไปแน่นอน” หลังจากวางสายบิดา เปรมินทร์ก็แต่งตัวเข้าบริษัทเพื่อสะสางงานการที่คั่งค้าง ทว่ามันคงไม่เสร็จง่ายๆ เพราะใบหน้าของอรัญญิการ์ แม่มดน้อยแสนโสภา ลอยมารบกวนสมาธิของเขาอยู่ร่ำไป

“ยัยเอ็ม! แกหายไปไหนมาฮะ รู้รึเปล่าว่าฉันหาแกให้ทั่วงานเลย
ปาฏลีเปิดฉากวีนเพื่อนรักทันที อรัญญิการ์กลับมาในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นที่แตกต่างจากชุดเมื่อคืนลิบลับ
“น่าเชื่อตายเลย ยัยแป๋ม ฉันรู้ว่าแกต้องรู้ว่าฉันหายไปไหนมา ไม่อย่างนั้น ป่านนี้แกนั่งเจ๋ออยู่บนโรงพักโน่นแล้ว”
อรัญญิการ์นั่งลงตรงหน้าเพื่อนรักอย่างอ่อนแรง ร่างสวยแต่โทรมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วถอนหายใจดังเฮือกๆ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับชีวิต
“ชิ! รู้ทันจนได้ แล้วไงฮะ ไอ้บ้านั่นมันลากแกไปขึ้นสวรรค์ลงนรกที่ไหนมาล่ะ นี่ถ้าฉันไม่ได้พี่นักข่าวที่ยู่แถวๆ นั้น ช่วยบอก ฉันคงไม่รู้ว่าแกโดนคุณชายนั่นลากไป น่าโมโหจริงๆ”
ปาฏลีสบถอย่างขุ่นเคือง ถ้าเธอกลับไปหาเพื่อนเร็วกว่านี้ อรัญญิการ์คงไม่โดนผู้ชายสารเลวคนนั้นลากไปแน่ๆ
“ขอโทษทีว่ะแก ฉันคงเป็นลม เขาเลยหิ้วกลับคอนโด เพิ่งหลบออกมาได้นี่ล่ะ”
“เออๆ ช่างมันเถอะ อย่าเปิดทางให้เขาบ่อยนักก็แล้วกัน เขาพยายามยัดเยียดตำแหน่งนั้นให้แก แกต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ อย่าให้เขามาดูถูกเรามากกว่าที่เป็นอยู่เลย”
“ขอบใจ ที่แกช่วยเตือนสติ เอ่อ...แกมีอะไรให้ฉันกินไหม ฉันหิวจนตาลายไปหมดแล้ว”
แม่มดน้อยโอดครวญ กระเพาะของเธอกำลังส่งเสียงครวญครางประท้วง
“อ้อ ฉันมีโจ๊กเจ้าประจำเพิ่งซื้อมาเมื่อเช้า แกกินเลยก็ได้เพราะฉันต้องรีบไปกองถ่ายแล้วล่ะ เดี๋ยวใส่ชามมาให้ รอเดี๋ยวเดียวนะเพื่อน”
ปาฏลีกุลีกุจอไปหามื้อเช้ามาสังเวยแม่มดน้อย
ห้านาทีผ่านไป อรัญญิการ์เริ่มไม่สบอารมณ์เมื่อเพื่อนรักบอกว่าขออุ่นโจ๊กอีกรอบเพราะเติมไข่ไก่ให้เธอเพิ่ม แต่มันต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยหรือ เธอหิวจนไส้กิ่วแล้ว
“ยัยแป๋ม! แกปลูกข้าวอยู่รึไงฮ้า ชักช้าจริงๆ เลย”
เสียงร้องของแม่มดคนงามทำเอาปาฏลีต้องยิ้มขำ ดูเถอะ เธอลงไปซื้อมาให้ยังไม่พอ เสิร์ฟช้านิดช้าหน่อยมีบ่นนะยัยเพื่อนตัวแสบ แต่ก็นั่นล่ะ เธอชอบ มันดูจริงใจดี
“มาแล้วๆ บ่นเป็นยายแก่ไปได้” ปาฏลีจัดแจงวางชามโจ๊กหอมกรุ่นลงตรงหน้าเพื่อนรักแถมน้ำส้มคั้นหวานเจี๊ยบให้เจ้าหล่อนอีกหนึ่งแก้วใหญ่
อรัญญิการ์ตักโจ๊กเข้าปาก เคี้ยวเหยาะแหยะได้สองสามที ก็ต้องรีบวางช้อน เพราะรู้สึกว่าโจ๊กเจ้าเดิมที่เคยกินอยู่ทุกวัน มันเหม็นกลิ่นเนื้อหมู เธอรีบยกแล้วน้ำส้มขึ้นจิบแล้วแทบอยากจะพ่นใส่หน้าเพื่อนสาวเพราะรสชาติมัน ห่วย สุดๆ
“อะไร? ไหนบอกหิว ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะแก” นางฟ้าคนงามไถ่ถามยัยแม่มดเพื่อนรัก
“ก็แกเอาอะไรมาให้ฉันกินเนี่ย! น้ำส้มเจ้าไหนวะ รสชาติประหลาดอย่างกับน้ำตาลเกลือแร่ แล้วโจ๊กนั่นก็ด้วย หมูมันเสียแล้วมั้ง แกโดนหลอกให้ซื้อแล้ว” แม่มดเอมี่บ่นเพื่อนรัก
“กระแดะ! ใช่สิ น้ำส้มกับโจ๊กของฉัน มันอร่อยไม่เท่าที่คอนโดคุณชายนั่นนี่นา เรารึอุตส่าห์หาข้าวหาน้ำมาให้ มาติว่าของเรา ว่าไม่ดีเสียอย่างนั้น เดี๋ยวแม่สาปเป็น คางคก ซะเลย ชอบขึ้น วอทอง ดีนัก เชอะ!”
นางฟ้าคนงามประชดประชันเพื่อนรักไปเต็มกระบุง
“โธ่ ยัยแป๋ม ฉันพูดจริงๆ นะ ไม่ได้กระแดะหัวสูงอย่างที่แกประชดเสียหน่อย ลองชิมสิเอ้า”
อรัญญิการ์เสือกไสชามโจ๊กเนื้อเนียนกับแก้วน้ำส้มคืนให้เพื่อนอย่างงอนๆ หล่อนยังยกมือปิดจมูกค้างไว้เมื่อกลิ่นของมันกำลังทำปฏิกิริยาในช่องท้อง
อรัญญิการ์รู้สึกว่าท้องไส้กำลังตีรวนขึ้นมา มันปั่นป่วนจนเธออยากจะ...
“อุ๊บส์!!!” อรัญญิการ์ตาโตเธอรีบเอามือปิดปากแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำในทันที
ปาฏลีถอนหายใจเฮือกใหญ่ สงสัยงานนี้ แม่มดคนงาม งานเข้าชัวร์

ยี่สิบนาทีผ่านไป
อรัญญิการ์รับแก้วน้ำจากมือเพื่อนรัก เธออาเจียนจนหมดแรง แทบจะลากสังขารออกมาจากห้องน้ำไม่ไหว
“เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย” แม่มดน้อยบอกเพื่อนสาว แต่ปาฏลีกลับมองหน้าเธอกลับมาอย่างค้นคว้า
“อะไรของแก ทำหน้าอย่างกับฉันเป็นจำเลยเสียอย่างงั้น ซ้อมบทละครรึไงฮะ”
ปาฎลีไม่ตอบ หล่อนนั่งจ้องเพื่อนรักดื่มน้ำ (ผสมมะนาว) ในแก้วดังอึกๆ อย่างทึ่งๆ
“แกเอ่อ แกไม่รู้สึกอะไร? บ้างรึไง? นั่นไม่ใช่น้ำแร่ที่แกดื่มทุกวันนะ”
อรัญญิการ์ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแฉ่งตอบเพื่อนสาวกลับไปว่า
“นั่นสิ ต่อไปเอายี่ห้อนี้นะ มันดื่มแล้วสดชื่นดี ฉันชอบ”
ปาฎลีส่ายหน้าดิก ‘ชัดเลย!’
“เอ็ม แกฟังฉันนะ โจ๊กนั่นมันไม่ได้เสียหรอกเพราะถ้ามันเสีย เขาคงไม่ขายจนเกลี้ยงหม้อตอนที่ฉันไปถึง แล้วน้ำส้มนั่นด้วย มันก็เหยือกเดียวกันกับเมื่อวานนั่นล่ะ แกยังชมเลยว่าฉันคั้นน้ำส้มอร่อยที่สุดในโลก ถ้าจะมีบางอย่างที่ผิดไปจากปกติ ฉันว่าเป็นแกนั่นล่ะ เอ็ม”
ปาฏลีบอกเพื่อนรักเสียงเศร้า อรัญญิการ์เริ่มเข้าใจ แต่เป็นไปได้อย่างนั้นหรือ
“ไม่ใช่หรอกน่า แกคิดมากไปแล้ว รอบเดือนฉันเพิ่งมาเมื่อวันที่ 1 2 3...อ้อ วันที่สามต้นเดือนนั่นไง เรามาตรงกันพอดีจำไม่ได้หรือ”
“เอ็ม! ฉันว่าแกคงเบลอหนักแล้วล่ะ นั่นมันเดือนที่แล้วนะ เดือนนี้ ของฉันเพิ่งหมดไป ว่าแต่แกเถอะ เดือนนี้ มายัง?”
อรัญญิการ์ส่ายหน้าดิก แต่แล้วเหมือนจะนึกอะไรได้
“มันมานิดเดียวเมื่อสองวันก่อน นิดเดียวจริงๆ ฉันยังงงอยู่เลย แล้วเมื่อวานนี้ มันก็หยุดไปเฉยๆ”
อรัญญิการ์หน้าซีด เธอจำได้แม่นยำ เพราะถ้าเธอยังมีรอบเดือนอยู่ เมื่อเช้าเปรมินทร์คงไม่กล้าข่มเหงเธอแน่ๆ ใบหน้าซีดเซียวอยู่แต่เดิมพลันสลดไร้สีเลือด อรัญญิการ์ทาบมือสั่นระริกของตนบนหน้าท้องแบนราบ ไม่จริง! อย่าเลย ขอร้องล่ะ
“เอ็ม...” นางฟ้าคนงามครางชื่อเพื่อนรัก
“ฉัน...ไม่จริงหรอกน่า! มันอาจคลาดเคลื่อนก็ได้”
อรัญญิการ์ยิ้มสู้ แต่หยดน้ำตารินหลั่งไม่ขาดสาย
“แป๋ม ฉันขออยู่คนเดียว สักพัก ขอร้องล่ะ” แม่มดคนสวยวอนขอ เมื่อเห็นปาฏลีกำลังจะระเบิดอารมณ์ใส่หน้าเธอ นางฟ้าคนงามบางทีก็ขี้โมโห จนแม่มดอย่างเธอต้องรีบห้ามทัพ หากไม่อยากปวดสมองไปมากกว่านี้
“ก็ตามใจแก เดี๋ยวฉันมา”
ปาฏลีหันกลับเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอต้องจัดการเรื่องเพื่อนรักให้เสร็จเรียบร้อยก่อนบินไปถ่ายแบบที่ เอเมญ่า
‘สารเลวเอ๊ย! ฉันจะคอยดูว่านายจะจัดการเรื่องนี้ยังไง เปรมินทร์’



Lilly
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2556, 18:05:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2556, 18:05:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2738





<< 2 สายเลือดโสโครก 100%   ข้อตกลง 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account